ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] The 13 Prince ศึกชิงรักนิรันดร์ [BumYe HanKyu.Etc]

    ลำดับตอนที่ #4 : The 13 Prince…4 ข้าจะสู้ล่ะนะ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 54






    The Prince 13…4 ข้าจะสู้ล่ะนะ

     

     

     

    เปรี๊ยง!!! โครม!!! คราม!!! อ้ากกก!!!

     

    ตู้มมมมมมมมมมมมมมม

     

    “ชาร์ฟ”เปรี๊ยง สายฟ้าลอยกระทบกับบางอย่างที่อยู่ใต้ท้องเรืออย่างแรง น้ำกระจายออกเป็นวงกว้าง ทำให้หลายคนที่อยู่ในชุดคลุมสีดำแถวนั้นหลบกันจ้าละหวั่น

     

    “นี่ท่านจะใช้อะไรหัดดูเสียบ้าง”เสียงแหลมๆตะโกนลั่นเมื่อตัวเองนั้นโดนแรงของน้ำไปเต็ม

     

    “บ้าชะมัด เจ้าลิเวียธานมันมาจากไหนกัน”อีกเสียงดังตามกันมาจากหนึ่งในแปด ในมือบางข้างซ้ายมีลูกแก้วสีใสขาดเท่ากำมือ ในนั้นมีภาพบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ฟันที่งอกยาวสีดำจนน่ากลัวน่าขยะแขยง ศีรษะของเจ้าสิ่งนั้นขยับดั่งกับสงสัยในบางอย่างแล้วต้องค้นหา ดวงตาสีอัสดงดั่งพระอาทิตย์โผล่พ้นเหลี่ยมในตอนเช้า ภาพนั้นชัดเจนมากก่อนมันจะหายไปเพราะความตกใจ

     

    แฮ่ๆๆ

     

    สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาโผล่ขึ้นมาจากผืนน้ำกระโดดลอยคว้างผ่านลำเรือไปอย่างหวุดหวิด สัตว์ที่มีลำตัวยาวมากๆคล้ายงูไปทุกสัดส่วนจริงๆ

     

    “ทำไม อึก ไม่ใช้โอกาสตอนมันผ่านไปเล่า”เสียงแหบเสน่ห์ฟังดูแล้วคล้ายกำลังเจ็บปวดกล่าวขึ้น เหล่าองค์ชายทั้งหลายหรือแปดคนที่เหลือหันมามองอย่างฉงน กับผู้มาใหม่ทั้งสี่

     

    “ท่านไม่รู้วิธีจัดการกับมันรึท่านดงเฮ”เสียงแหบเสน่ห์ยังคงกล่าวต่อเพราะอาจเป็นได้ที่คนที่กล่าวถึงจะมาด้วย แล้วก็เป็นไปดังคาดชายหนุ่มตัวกะทัดรัดก้าวเดินออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก องค์ชายดงเฮปลดผ้าคลุมออกจากตัวก่อน เผยให้เห็นรูปร่างๆแน่งน้อยกับดวงตาพราวระยับที่มองมายังคนพูดด้วยความรังเกียจและเวทนา

     

    ไม่ต้องพูดอะไรมากองค์ชายตัวน้อยกระโดด ดิ่งลงสู่ผืนน้ำที่เริ่มกลายเป็นเกลียวคลื่นสีดำ หากปล่อยให้นานไปเรือลำนี้คงจะถูกกลืนกิน ฟองน้ำใสรวมตัวกันเป็นน้ำเดียวแล้วผลุบตามลงไป ผ่านไปสักพักก็ยังไม่ปฏิกรริยาใดใดเกิดขึ้นเลยไร้วี่แววขององค์ชายดงเฮ

     

    “ทำไมลงไปนานนัก”ชายร่างกำยำไปเกาะตรงแถวๆกาบเรือเพื่อดูความเคลื่อนไหวของสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ

     

    “สิ้นแล้วล่ะท่านดูสิ”องค์ชายที่ถือลูกแก้วพูดอย่างตื่นเต้นเมื่อมองเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่เด่นชัด แต่ที่สำคัญคือมันเป็นข่าวดีสำหรับพวกเราแน่นอน มือบางชูลูกแก้วใสให้ทุกคนดูอีกครั้งทุกคนในชุดคลุมต่างเงียบสนิทที่น่าสงสัยที่สุดคือร่างที่ลงไปดำน้ำเล่นอยู่ต่างหาก

     

    “ปล่อยข้าลง”องค์ชายเยซองหรือเจ้าของเสียงแหบเสน่ห์ออกคำสั่งอย่างเคยชิน แม้ว่าจะเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คนที่ตนคุ้นเคยก็ตามที

     

    “ท่านก็ปล่อยข้าลงด้วยข้าจะไปดูท่านพี่ของข้า”

     

    ตุ้บ โยนอีกคนลงจากบ่าทันที เพราะคยูฮยอนนั้นดิ้นจนจับไว้ไม่ไหว(หรือขี้เกียจจับ) แล้วบิดขี้เกียจเพื่อคลายความเมื่อยล้าจากการที่ต้องแบกคนไว้ มันเหนื่อยและหนักขนาดไหนใครจะไปรู้

     

    เยซองเดินไปดูแถวกาบเรือที่เดียวกับองค์ชายร่างกำยำที่เดินออกมาดูเมื่อสักครู่ อย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อชะโงกหน้าออกไปกริทสีทองก็พุ่งขึ้นมาจากท้องน้ำจุดมุ่งหมายที่แน่นอนก็คือเขาเอง โชคดีที่หลบทันไม่อย่างนั้นหน้าตาจะต้องเสียโฉมเป็นแน่

     

    “นับว่าดีที่เจ้ารู้ทัน”องค์ชายดงเฮที่ใบหน้าชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำกล่าวขึ้นท่ามกลางความงงงวยขององค์ชายที่เหลือแม้กระทั่งคยูฮยอนที่ดูจะงงกว่าใครเพื่อน

     

    “อ่า ช่างเถอะพวกเจ้ามากันครบแล้วก็ดี ที่นั่นคือปราสาทกลางจุดมุ่งหมายของพวกเราทุกคน ดังนั้นเตรียมตัวกันไว้เราใก้จะเทียบท่าแล้ว”

     

    จากนั้นคนทั้งหมดก็แยกย้ายกันไป ที่แน่ทางฝ่ายแดนนรกหายไปหลังจากที่องค์ชายดงแฮนั้นขึ้นมาจากน้ำแล้ว ทุกคนเองก็ทำเหมือนม่มีอะไรเกิดขึ้นแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางเพื่อเตรียมของเตรียมตัว เผชิญหน้ากับอนาคตที่ไม่สามารถกำหนดได้มาตั้งแต่ต้น



     





                นับว่าเป็นเวลาหลายวันแล้วที่เหล่าองค์ชายจากแดนสวรรค์และนรกต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในปราสาทที่มีแต่ความลับ ความน่าสงสัย ซึ่งมันก็กระตุกความอยากรู้อยากเห็นของใครบางคนได้มาก เพราะหลังจากที่แยกย้ายกับองค์ชายคนอื่นคยูฮยอนก็ไม่ได้เจอกับใครอีกเลย แม้แต่ท่านพี่ของตนเองก็หาตัวได้ยากนานๆทีจะได้เจอกันสักครั้ง เฉพาะเวลาที่จะเกิดอันตรายขึ้นกับตนเท่านั้นที่จะได้เจอและในเวลานี้ก็อาจจะ...

     

                ฟิ้ววววววววววววว

     

                ฉึก!!!

     

                “โอ๊ย ในที่สุดข้าก็ได้เจอท่านพี่แล้ว TvT”ร้องออกมาอย่างดีใจแต่อีกคนกลับเดินไปอีกทางแล้วหยิบบางอย่างขึ้นมาซึ่งนั่นก็คือลูกธนูที่พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว มองดูแล้วเป้าหมายอาจเป็นคยูฮยอนก็จริงอยู่ เพราะมีอะไรบางอย่างติดมากับลูกธนูด้วยอ่ะสิ

     

                เยซองเปิดกระดาษออกดูอย่างถือวิสาสะ อ่านข้อความในกระดาษทุกตัวอย่างไม่ขาดตกพกพร่องแม้แต่ตัวเดียว

     

                “อะไรหรอท่านพี่??”ชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆจนคนเป็นพี่ต้องยื่นกระดาษแผ่นนั้นไปให้ด้วยความรำคาญและเบื่อหน่าย

     

                “อะไรกันเนี่ย...นี่มันสารท้าสู้นี่ที่นี่มีข้าศึกด้วยหรอไม่ยักรู้ แล้วที่นี่ก็ไม่มีทหารเลย”เดินไปเดินมาด้วยความลุกลี้ลุกลน หนักอกหนักใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีใครมาทำร้ายหรือเปล่า

     

                “เจ้านี่นะ...สารนี้เป็นสารท้าสู้เจ้าโดยเฉพาะ แน่ใจแล้วหรอว่าอ่านดีแล้วคยูฮยอน”

     

                “จริงหรอ ใช่จริงๆด้วยข้าจะทำอย่างไรดี”ยิ่งหนักใจมากไปกว่าเดิม จะท้าสู้ยังเร็วเกินไป ตั้งแต่เกิดมาคยูฮยอนยังไม่เคยแม้แต่จะจับดาบหรืออาวุธของมีคมใดใดทั้งสิ้น สิ่งที่เคยได้ร่ำเรียนมาก็ไม่เคยเลยที่จะเข้าสู้หัวสมอง เพราะตนนั้นโดดเรียนเสมอโดยมีข้ออ้างหลากหลายประการที่ยกขึ้นมาเป็นบทสนทนา

     

                “ก็แค่ปฏิเสธ ถ้าเจ้าคิดจะสู้ก็ตามใจเจ้าแต่บอกไว้ก่อนหากเจ้าเป็นอะไรเข้าจะไม่ช่วยหรือห้ามใครทั้งนั้น”บอกทิ้งท้ายก่อนเดินไปทางอื่น

     

                ในเมื่อตัวช่วยกำลังจะไปก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรั้งเอาไว้แม้จะต้องวายชีวาก็ตามทีเถอะ

     

                “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ==”มือเล็กๆพยายามแงะมือของอีกคนออกแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลนัก

     

                “ในเวลาแบบนี้มีแต่ท่านเท่านั้นที่ช่วยข้าได้นะท่านพี่”อ้อนวอนด้วยดวงตาพราวระยับ แต่ไม่มีทางที่เยซองจะยอมใจอ่อน มันเป็นธุระของคยูฮยอนไม่ใช่ธุระของตนเสียเมื่อไร ไม่มีเหตุผลใดจะรั้งตนได้หรอก

     

                “ท่านแม่ให้ท่านดูแลข้าไม่ใช่หรอ”

     

                “ใช่...แม่เจ้าบอกให้ข้าดูแล แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะต้องไปสู้แทนเจ้านี่”

     

                “หึ ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ปล่อยท่าน TT”คยูฮยอนกอดที่ขาของเยซองแน่น ทั้งที่ตนกำลังจะโดนฆ่าแต่คนคนนี่ช่างไม่สนใจตนจริงๆ ทั้งที่เราปรองดองกันแล้วก็ยังไม่เป็นผลไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดใดเกิดขึ้นเลยสักนิด

     

                “ก็ได้แต่ครั้งเดียวเท่านั้น ข้าจะบอกความลับดีดีให้เจ้าตอนนี้เลย”ร่างโปร่งดีดตัวขึ้นทันที ในเลาเดียวกันเอง ร่างของเยซองได้หายไปทันทีเลย

     

                “ท่านพี่หายไปหนายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!

     

     

     

                ณ ห้องอาหารที่ไม่ค่อยจะมีคน

     

                “ข้าก็อยากจะรู้องค์ชายน้อยคยูฮยอนนั้นจะสู้ข้าอย่างไร”ร่างบางมองจากเบื้องสูงลงมายังจุดที่คยูฮยอนยืนอยู่เป็นเวลาเดียวกันที่เยซองหายตัวไปนั่นแหละ

     

                “ข้าจะคาดหวังสูงไปมั้ยถ้าข้าจะบอกว่าข้าจะต้องชนะแน่นอนน่ะซองมิน”คนหน้าสวยหันกลับมายังด้านในที่มีโต๊ะอาหารยาวไปไกลขนาดนั่งได้นับสิบๆคน ซองมินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาดู ร่างโปร่งที่ทำตัวเหมือนคนบ้าด้านล่าง

     

                “เห็นท่าแล้วคงจะไม่ยากที่ท่านจะชนะนะท่านลีทึก ข้าของอวยชัยให้ท่าน”ยกแก้วใสบรรจุน้ำเหลวสีแดงสดไว้ด้วยจรดลงสู่ริมฝีปากอวบอิ่ม

     

                “ฮ่าๆๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ”

     

     

     

                ช่วงเย็น---

     

                “อย่าให้ข้าได้เจอท่านนะรับรองคราวนี้ข้าจะทำเป็นเงาตามตัวท่านเลย”เสียงบ่นกระปอดกระแปดดังมาตลอดการเดิน นี่ก็ใกล้แล้วที่จะถึงเวลาสู้ แล้วก็ไม่รู้จะสู้ไปเพื่ออะไร สู้ทำไม เพราะอะไร ใครก็ได้ช่วยตอบที

     

                “แล้วที่นี่มันที่ไหน ข้าอยากอาบน้ำจัง”

     

                “ท่านคยูฮยอนใช่หรือไม่?”ชายหนุ่มหรือหนึ่งในเจ้าชายเดินออกมาจากมุมมืดแห่งหนึ่ง คยูฮยอนพิจารณาไปใบหน้าสวยหวานอยู่นานจึงตอบคำถาม

     

                “เอ่อ ใช่ไม่ทราบว่าท่านคือ...?”

     

                “ข้าฮีชอล คิมฮีชอลยินดีที่ได้รู้จักท่านอีกครั้ง...แล้วนี่ท่านกำลังจะไปที่ใดกัน”ถามด้วยความสุขภาพ อีกคนสังเกตเห็นบางอย่างที่มีความกลมใส จึงนึกขึ้นได้ถึงใครคนหนึ่งที่ใช้ลูกแก้วเป็นอาวุธ

     

                “นั่นน่ะไม่ใช่อาวุธไว้ใช้ทำร้ายใครหรอก มันเป็นแค่ลูกแก้วธรรมดาไม่เชื่อท่านลองดูสิ”เป็นจริงดั่งที่ฮีชอลว่าลูกแก้วไม่มีปฏิกิริยากับพลังใดใดเลย แล้วชายหน้าหวานคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเขาคิดอะไร

     

                “ท่านอ่านใจคนได้งั้นหรือ?”

     

                “หึหึ ข้าไม่จำเป็นต้องเรียนเวทย์พื้นฐานที่แสนง่ายดายแบบนั้นหรอกท่าน ท่านยังมิได้ตอบข้าว่าจะไปไหน”พูดตัดบทก่อนที่คยูฮยอนจะถามออกมาอีก การคุยกันในที่ที่โจ่งแจ้งและมีคนเยอะช่างไม่ปลอดภัยเลย

     

                “ง่ายงั้นหรอ == ช่างมันเสียเถิดข้ากำลังหาที่ที่ทำให้ข้าสบายกายอยู่ท่านรู้ไหมว่ามันอยู่ที่ใด”

     

                “อืม ข้าจะพาไปแล้วท่านมีเรื่องอะไรที่ต้องทำอีกหรือไม่”กลับมาถามอย่างฉงน มองอีกคนที่ทำหน้าคิดอย่างปวดหัวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เพราะตนนั้นรู้ทุกอย่างดีว่าต่อไปจะเป็นยังไง

     

                “ข้าจะต้องไปสู้รบกับใครก็ไม่รู้ แต่คงจะเป็นองค์ชายหนึ่งในนี้ เขาคงจะไม่รุนแรงกับข้าใช่มั้ย”ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วเดินตามฮีชอลที่เดินออกไปก่อนหน้านี้แล้ว

     

                ฮีชอลพาคยูฮยอนเข้ามายังส่วนหนึ่งที่มีความกว้างมากของปราสาทกลางแห่งนี้ แล้วที่แห่งนี้ก็ทำให้ตนรู้ว่า องค์ชายหลายคนมาหมกตัวกันอยู่ที่นี่นี่เองไม่เว้นแม้กระทั่งเยซอง ที่กำลังแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำร้อน ด้วยใบหน้าที่คิดว่าคงจะหลับสนิทแล้วอีกด้วย

     

                ภายในนั้นเท่าที่ตนจำได้มีแค่องค์ชายเพียงบางคนเท่านั้น แต่ศูนย์รวมตรงนี้มีเกือบๆสิบคน ทุกคนนั้นล้วนอยู่ด้วยความสงบมากๆ

     

                “ตอนแรกข้าก็คิดว่าท่านเป็นพวกชอบเก็บตัวเสียอีก เล่นไม่ปรากฏตัวให้พวกเราเห็นเล่นนี่”พูดจบแล้วจึงเดินแยกไปอีกทาง ด้วยความที่ไม่ค่อยที่จะสนใจใครคยูฮยอนเลือกที่จะเดินไปหาเยซองแทนที่จะทักทายใครๆตามที่ตนชอบทำเมื่ออยู่ในวังของตน

     

                “ท่านพี่สบายจังเลยนะ”นั่งยองๆลงข้างๆคนที่แช่น้ำอย่างสบายใจ อีกไม่กี่ชั่วยามข้าก็จะต้องไปสู้รบปรบมือกับใครก็ไม่รู้ท่านยังมีเวลามานั่งเล่นนอนเล่นแบบนี้อีกหรือ

     

                เยซองลืมตาขึ้นช้าๆรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเก่าเยอะเพราะได้แช่น้ำอุ่นๆ ละอองสีเหลืองนวลลอยปรกคลุมทั่วร่างเมื่อร่างบางยืนขึ้นและจางหายไปทีละนิดประกอบตัวกันเป็นชุดสีขาวประดับด้วยดิ้นสีทองอีกนิดหน่อยจนดูสวยงาม

     

                “ไปกันได้แล้วใกล้จะถึงเวลาสู้แล้วไม่ใช่หรอ”ก้าวขึ้นมาจากบ่อน้ำที่แห้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไปจับที่ข้อมือของคยูฮยอนที่ยืนงงกับคำถามแต่ก็ยอมเดินตามออกไปแต่โดยดี









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×