คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : EP [13] ใครกันแน่ที่หึง✓
EP [13] ใครกันแน่ที่หึง
คาบเรียนรอบบ่ายอันแสนหฤโหดผ่านพ้นไปอย่างยากลำบาก
เพราะวิชาเขียนแบบด้วยมือเป็นอะไรที่ยากมากสำหรับนักศึกษาปีหนึ่งที่ต้องมานั่งทำความเข้าใจกับวงจรไฟฟ้าแล้วต้องวาดด้วยมือลงในกระดาษให้เรียบร้อยและสวยงามโดยไม่ใช้เครื่องทุ่นแรงอย่างคอมพิวเตอร์
แต่ถึงนักศึกษาหลายๆ คนจะต้องอดทนนั่งเรียนนั่งวาดแบบกันอย่างยากลำบากจนหมดคาบ ทว่าก็มีอยู่หนึ่งคนที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับวิชานี้
เหตุผลมีอยู่สองอย่างคือ
หนึ่ง..นางเก่งด้านออกแบบการวาดภาพ
สอง..นางกำลังเพ้อถึงผู้ชายจนไม่ได้สนใจว่าอาจารย์สอนและสั่งงานตั้งแต่ต้นคาบจนเลิกเรียนแล้วนางก็ยังนั่งยิ้มเหม่อโดยไม่สนใจอะไรเลยสักนิด
แต่ถึงนางจะเป็นแบบนั้นแต่งานของนางก็เสร็จทุกครั้ง..
“โอ้ยปวดหัวเลิกเขียนแบบแล้วไปส่องผัวดีกว่า!” มิ้นท์เลิกวาดแบบก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตามข่าวศิลปินชายที่เธอชอบ
“เกินเยียวยาแล้วล่ะ”
เยลโล่ถอนหายใจก่อนจะโยนดินสอไว้แถวนั้น ไถลตัวไปนอนหนุนตักของดาวอย่างหมดแรง
“มึงหรืออีคุณหนูข้างๆ
กูล่ะ” สาลี่เองก็นอนแผ่ไปกับพื้นเช่นกัน
“สาลี่อย่าขัดคนกำลังมีความสุขสิ”
“แหมแม่สีกาดาวขาก็แค่แขวะเล่นๆ
ไหมล่ะ หมั่นไส้มันขนาดอยู่ในโหมดละเมอเพ้อพกยังวาดแบบออกมาให้พวกเราลอกได้”
“ไม่ใช่พวกเราแต่เป็นสาลี่
เยลโล่ และมิ้นท์ต่างหาก” ดาวพูดขำๆ
“ช่างเถอะค่ะสีกา
ว่าแต่สตินางคุณหนูมันไปถึงดาวนาแม็กแล้วไม่คิดกลับมาแล้วใช่ไหม..ไอ ไอวี่””
สาลี่หันไปหาเพื่อนคุณหนูก่อนจะโบกไปมาตรงด้านหน้าของไอวี่
เรียกแล้วไม่ได้สติสาลี่จึงตีมือตนเองจนเกิดเสียงดังป๊าบ
“หือ”
ไอวี่รู้สึกตัวมองเพื่อนๆ ด้วยความงงงวย
“ถึงเวลาส่งงานแล้วเหรอ?”
“ยังค่ะอาจารย์ให้ส่งคาบหน้าและตอนนี้ก็เลิกเรียนแล้วค่ะ
ฉะนั้นเลิกเหม่อแล้วเล่าให้เพื่อนๆ ฟังสิคะว่าอาการมันเป็นยังไง” สาลี่
“เรื่องอะไร?”
“ก็เรื่องที่แกกับพี่คิวหายไปด้วยกันเมื่อตอนเที่ยงไง”
เยลโล่
“ก่อนพักเที่ยงหน้าหงอยเป็นตูดลิงแต่พอหายไปด้วยกันช่วงพักกลางวันแล้วกลับมานี่หน้าบานเป็นจานข้าวหมา
หืม..มันเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้นบอกมาสิยัยตัวดี”
งานเสือกเป็นงานหลักของสาลี่
หากไม่ได้คำตอบก็คงกินข้าวไม่อิ่มนอนไม่หลับแน่!
“อะไรของพวกแกเนี่ย”
ไอวี่คุมสีหน้ามีความสุขเอาไว้เมื่อเห็นสายตาคาดคั้นจากเพื่อนไม่เว้นแม้แต่ดาวคนดีของกลุ่มก็ด้วย
“ทำไมต้องเขินด้วยล่ะพวกเราก็แค่อยากรู้ว่าไอวี่หายไปไหนมาตอนพักเที่ยงเท่านั้นเอง
หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ดาวพูดเมื่อเห็นใบหน้าเพื่อนขึ้นสีแดงระเรื่อ
“ต้องมีแน่ๆ เลย”
“เขินอะไรไม่มี๊!”
“พิรุธเต็มไปหมดหน้าตามีความสุขขนาดนี้ก็เล่ามาเถอะเพื่อนเอ้ยก่อนที่ต่อมเผือกของสาลี่จะแตกตายเสียก่อน”
เยลโล่ส่ายหัวระอา
ไอวี่ขบคิดอยู่พักหนึ่งหันมองเพื่อนแต่ละคนที่ดูว่าอยากจะรู้มากจึงยอมเอ่ยปากเล่าออกมา
“คือ..ก็
ก็เมื่อตอนเที่ยงคิวลากออกไปคุย ฉันก็เลยถามเขาเรื่องเมื่อคืนนั้นว่าเขาหายไปไหนไปกับใครหรือเปล่า
ยังไม่ทันไรก็ทะเลาะเถียงกันนิดหน่อยแล้วฉันก็ร้องไห้คิวก็เลยดึงไปกอดแล้วปลอบ
หลังจากนั้นก็ชวนไปกินข้าวแล้วก็..”
ไอวี่พูดตะกุกตะกักเรียบเรียงเหตุการณ์ไม่ต่อเนื่อง
อีกทั้งพอเล่าไปหน้าก็เริ่มแดงเพราะนึกถึงด้านที่อ่อนโยนของคิวขึ้นมา
“เอ้า! หยุดพูดทำไมอ่ะ” สาลี่ถามก่อนจะหันไปถามเพื่อนคนอื่นๆ
“เหตุการณ์อะไรที่ทำให้นางหน้าร้อนขนาดนั้นวะ”
“หรือว่าพี่คิวเขาทำอะไรไอ”
เยลโล่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าลุ้นๆ
“ไม่มีอะไรหรอกน่าก็แค่คิวลูบหัวฉันก็เท่านั้นแหละ”
ก่อนที่เพื่อนจะแซวหรือเดาไอวี่ก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“เป็นพัฒนาการที่ดีเลยนี่”
เยลโล่ที่อึ้งไปนานโพล่งขึ้น สำหรับคนอื่นๆ แค่ลูบหัวมันอาจจะไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นแต่สำหรับไอวี่แล้วมันค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง
และเมื่อทุกคนรู้เหตุผลที่ทำให้ไอวี่เหม่อลอยได้ก็ไม่คิดจะถามต่อ
“เออแล้วเราจะเริ่มล่าลายเซ็นรุ่นพี่กันตอนไหนอ่ะ
ตอนเย็นนี้เลยไหมแบบเจอรุ่นพี่คนไหนก็ขอไปก่อนอ่ะ” เป็นมิ้นท์ที่ถามขึ้น
“ไหนๆ
ตอนนี้ก็เลิกเรียนแล้วก็ขอเลยก็ดีนะ เวลารุ่นพี่ขอให้ทำอะไรจะได้ไม่อายมากเพราะคนอื่นๆ
เริ่มกลับบ้านกันแล้ว” เยลโล่เสริม
เมื่อตกลงกันแล้วกลุ่มของไอวี่คิดว่าจะล่าลายเซ็นรุ่นพี่ตั้งแต่ตอนเย็นนี้เลยก็เริ่มเก็บของใส่กระเป๋าลงไปด้านล่างตึกที่มักจะมีนักศึกษาคณะวิศวะหลายสาขานั่งพักผ่อนกันอยู่
ระหว่างทางก็พูดคุยกันเรื่องต่างๆ จนเยลโล่พูดถึงประเด็นของแป้งหอมขึ้นทุกคนจึงเริ่มเม้าท์มอยกัน
“จะว่าไปก็แปลกนะที่ไม่เห็นยัยแป้งเหม็นเลยอ่ะ”
“นางเป็นตัวแทนประกวดดาวเดือนช่วงนี้ก็เลยไม่ค่อยได้เห็นนาง
แต่ก็ดีแหละเพราะนางน่ารำคาญมาก” สาลี่ทำหน้าเบื่อหน่าย
“อ้าวทำไมนางได้เป็นล่ะ?
ปรกติจะต้องเป็นสายรหัสของพี่คินทร์ที่จะลงแข่งอะไรพวกนี้ไม่ใช่เหรอ”
“อ้อ
ฉันได้ยินมาว่าตอนแรกอ่ะพวกรุ่นพี่เขาเล็งไอวี่นั่นล่ะแต่เป็นเพราะว่าพี่คินทร์ไม่ให้น้องในสายรหัสลงประกวดแล้วรุ่นพี่คนอื่นๆ
ก็เลยหันไปหายัยแป้งเน่าแทนอ่ะ”
สาลี่พูดขึ้นมาเพราะรู้มาจากรุ่นพี่ที่เป็นสาวสองเหมือนกัน
“คิดสภาพเพื่อนสาวของฉันไปไฝว้กับผู้หญิงในคณะแล้วต้องไปไฝว้ผู้หญิงต่างคณะอีกก็ขนลุก
ถ้าไอมันไม่โดนเกลียดขี้หน้าให้เอาเท้าสีกาดาวทาบหน้าฉันได้เลย หน้าหยิ่งดวงตาวอนมือปากร้ายอีกทั้งสวยเกินไป..เหอะๆ
ถือว่าพวกรุ่นพี่คิดถูกแล้วล่ะ”
“นี่แกชมฉันหรือด่ากันแน่หะ”
สาลี่กรอกดวงตาพูดต่อ
“ก็มันจริงนี่หว่า แกสวยก็จริงแต่การเข้าสังคมกับคนอื่นอ่ะติดลบ
ลองนึกภาพแกไปยืนยิ้มยืนขอคะแนนเสียงจากคนอื่นดิจะทนได้เหรอวะ และไม่ใช่แค่นั้นนะ ก่อนจะประกวดแกจะต้องฝึกเดินฝึกความสามารถพิเศษและทำตามคำสั่งของรุ่นพี่อีกแกจะทำเรอะ”
สาลี่สังเกตสีหน้าเพื่อนที่ตอนนี้ยับยู่ยี่ไปแล้ว
“อีกอย่างแกจะยอมเสียเวลาตามพี่คิวไปยุ่งกับงานประกวดหรือไงล่ะ”
“ทำไมคิดว่าไอวี่จะทำไม่ได้ล่ะเราว่าถ้าไอตั้งใจก็ทำได้นะและคิดว่าจะชนะด้วย”
ดาวพูดขึ้นยิ้มๆ
“โอ้ยพอเลยฉันก็ไม่คิดจะไปแข่งอะไรแบบนั้นหรอก
เพราะก็จริงอย่างที่สาลี่พูดนั่นล่ะ ถ้าจะให้ใครมาจ้องมามองมาตัดสินฉันแบบนั้นมันน่ารำคาญจะตายไป”
ไอวี่พูดขึ้น
“อืม
งั้นแสดงว่าช่วงนี้เราก็สบายหูสบายตาได้พักสมองเรื่องยัยแป้งเน่าไปอีกสักพักเลยสินะ”
สาลี่พูดปนขำ
“ช่างเรื่องของนางเถอะมาพูดถึงเรื่องล่าลายเซ็นกันดีกว่า
ได้ยินว่าพี่ปีสามจะเริ่มไปฝึกงานแล้วนี่แล้วแบบนี้เราจะไปหาลายเซ็นรุ่นพี่ปีสามได้จากที่ไหนอ่ะ”
เป็นเยลที่เพิ่งจะนึกออกแล้วถามขึ้น
“พี่เซียนบอกว่าพี่ปีสามจะอยู่ในมหา’ลัยอีกหนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้นก็เตรียมเอกสารและเตรียมตัวไปฝึกงานต่อ”
สาลี่เป็นคนตอบ
ช่วงเวลาฝึกงานของนักศึกษาแต่ละคณะในมหา’ลัยวินเซ็นจะไม่เหมือนกัน ซึ่งจะฝึกงานช่วงปีสามหรือช่วงปีสี่นั้นก็ขึ้นอยู่กับหลักสูตรการเรียนการสอนของแต่ละคณะและสาขาวิชา
จะฝึกงานปีสามแล้วกลับมาทำโปรเจกต์จบตอนปีสี่ หรือจะทำโปรเจกต์ตอนปีสามแล้วฝึกงานตอนปีสี่ก็ได้
แต่ส่วนมากจะให้นักศึกษาออกไปฝึกงานเพื่อเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์จากที่ทำงานก่อนแล้วค่อยกลับมาทำโปรเจกต์จบมากกว่า
ไอวี่รู้ดีเพราะก่อนที่เธอจะเข้าเรียนที่นี่ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่คิวจะต้องไปฝึกงานที่อื่นนอกเหนือจากบริษัทในเครือตระกูลหงส์ฤดีเกียร์ติกุลและนั่นก็ทำให้เธอไม่ได้เจอกับเขาประมาณสี่เดือนได้
“งั้นเราจะเริ่มขอลายเซ็นจากใครก่อนดี”
หลังจากเยลพูดจบทุกคนก็ช่วยกันมองหารุ่นพี่และก็พบว่ามีรุ่นพี่ปีสองนั่งอยู่แถวนี้ประมาณสามกลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชายล้วนหนึ่งกลุ่มที่เหลือเป็นกลุ่มผู้หญิงล้วนทั้งหมด
เมื่อตกลงกันได้แล้วสาลี่จึงเป็นคนนำทีมไปขอลายเซ็นรุ่นพี่กลุ่มแรกซึ่งเป็นกลุ่มของพี่บีมกับพี่เกรซที่อยู่ปีสองก่อน
การขอลายเซ็นจากรุ่นพี่ไม่ได้ยากหรือน่ากลัวว่าจะโดนกลั่นแกล้งเหมือนกับที่ได้ยินมาโดยเฉพาะกลุ่มของพี่บีมและพี่เกรซ
พวกเธอก็แค่ให้เต้นท่าแปลกๆ ตลกๆ จากนั้นก็ให้ลายเซ็นมาอย่างง่ายดาย ส่วนกลุ่มรุ่นพี่ผู้ชายก็เหมือนกันแต่จะแตกต่างกันตรงที่มันให้ความรู้สึกเขินอายที่จะทำต่อหน้าก็เท่านั้น
หลังจากได้ลายเซ็นรุ่นพี่ทั้งสองกลุ่มแล้วไอวี่กับเพื่อนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ส่วนไอวี่นั้นยังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน สาเหตุก็เพราะว่าเมื่อครู่คิวส่งข้อความมาบอกให้เธอรอเขาประชุมเกี่ยวกับเรื่องรับน้องให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับพร้อมกันกับเขา
“น้องไอวี่ครับ”
ไอวี่ที่กำลังนั่งไถโทรศัพท์เล่นโซเชียลอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมอง
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายอีกทั้งใส่เสื้อช็อปวิศวะก็เดาได้ทันทีว่าเป็นรุ่นพี่
ไอวี่ไม่ได้ตอบอะไรแต่ลดโทรศัพท์ลงคล้ายกับว่ากำลังฟังที่อีกฝ่ายพูดอยู่
“พี่ชื่อแมนอยู่ปี
2 นะครับ พอดีว่าพี่ยังไม่กลับก็เลยรีบมาเผื่อจะได้เจอน้องอยู่ที่หน้าคณะ..”
“ถ้าพี่จะมาสารภาพรักก็ขอโทษด้วย
ฉันมีคนที่ชอบแล้วค่ะ”
ไอวี่มองรุ่นพี่ที่แนะนำตัวด้วยท่าทางยิ้มแย้มขัดเขินคล้ายกับจะมาสารภาพรักเธอจึงยกมือขึ้นเบรกอีกฝ่ายเสียก่อน
และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปเธอจึงเรียกสติอีกฝ่าย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ขอตัวนะคะ
พอดีรอคนอยู่ค่ะ”
“เอ่อ
พี่ไม่ได้จะมาสารภาพรักครับ”
“แล้ว?..”
“อย่ามองพี่แปลกๆ
นะครับ พอดีว่าเมื่อกี้พี่เห็นเพื่อนลงภาพน้องตอนกำลังทำตามคำสั่งโดยการเต้นขอลายเซ็น
แล้วพวกมันลงแคปชั่นว่า ‘น้องน่ารักมากนิสัยไม่เหมือนกับที่เคยได้ยินมา’ ใครอยากมาให้ลายเซ็นกับน้องไอวี่ก็ให้รีบมาน้องอาจจะยังอยู่หน้าคณะน่ะครับ”
What?
ไอวี่เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งทันทีที่ได้ยิน
ตอนแรกเธอก็ไม่เข้าใจแต่พอลองเรียบเรียงในหัวดีๆ ก็คือเมื่อกี้เธอกับเพื่อนขอลายเซ็นรุ่นพี่ไปสองกลุ่ม
และคงจะมีคนถ่ายรูปเธอลงโซเชียลแล้วคนๆ นี้ก็เห็นเข้าพอดีก็เลยตามมาดูว่าเธอยังอยู่หน้าคณะไหมน่ะเหรอ?
“ก่อนอื่นฉันขอดูภาพที่เพื่อนพี่ลงหน่อยค่ะ”
รุ่นพี่ที่ชื่อแมนเปิดโทรศัพท์ให้ไอวี่ดู
เมื่อเธอเห็นว่าเป็นเพียงรูปแอบถ่ายตอนเธอเต้นและไม่น่าเกลียดเธอก็เลยปล่อยไป
“แล้วพี่จะให้ลายเซ็นฉันเหรอ?”
“ครับ
แต่พี่ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมครับ”
“ไม่ได้”
ไอวี่ปฏิเสธทันทีเพราะคิดว่าอาจจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลัง ทว่าสายตาของเธอดันเหลือบไปเห็นร่างสูงของพี่ระเบียบเดินมาเสียก่อนเธอจึงเปลี่ยนท่าทีทันที
“เปลี่ยนใจแล้วฉันให้ถ่ายได้แต่แค่รูปเดียวนะ”
พี่แมนพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะรีบเข้าแอพพลิเคชั่นถ่ายภาพแล้วมายืนด้านข้าง
ไอวี่มองเลยไปด้านหน้าแต่ก็หลบตามามองกล้อง
เมื่อได้ยินเสียงนับถอยหลังจวบจนเสียงชัตเตอร์ภาพดังขึ้นไอวี่จึงขยับออกห่างจากรุ่นพี่ทันทีเพราะรู้สึกถึงดวงตาเรียบนิ่งที่มองมา
“ขอบคุณนะครับน้องไอวี่
พี่ว่าแล้วสวยๆ แบบน้องคงไม่ถือตัวหรือหยิ่งอย่างที่ใครๆ เขาว่ากัน พี่สัญญาว่าจะไม่เอาภาพไปทำอะไรแปลกๆ
แน่นอนครับ..ว่าแต่ขอสมุดลายเซ็นด้วยครับเดี๋ยวพี่จะเซ็นชื่อให้”
ไอวี่หยิบสมุดลายเซ็นให้พี่แมนแต่สายตาของเธอนั้นยังมองพี่ระเบียบที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
จวบจนพี่แมนมันเซ็นชื่อแล้วส่งสมุดให้แล้วเดินจากไปเธอก็ยังไม่ละสายตาจากร่างสูงตรงหน้า
“ประชุมเสร็จแล้วเหรอ”
“อืม”
ไอวี่มองสายตาคมดุนั่นก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองแถวๆ
ลำคอของอีกฝ่ายแทน เธอเคยชินกับดวงตาดุๆ แบบนี้ทว่าตอนนี้มันกลับไม่เหมือนเดิม มันดูดุขึ้นรึเปล่านะ?
และถ้ามันดุขึ้นจริงเธอขอเข้าข้างตัวเองก่อนเลยว่าเขาน่ะต้องไม่พอใจที่เธอใกล้ชิดกับรุ่นพี่ผู้ชายเมื่อกี้แน่นอน
ระหว่างเดินไปที่ลานจอดรถไอวี่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับคิว
สาเหตุก็เพราะเธอไม่รู้จะเริ่มชวนคุยเรื่องไหนดี
ทว่าระหว่างทางแยกไปลานจอดรถคิวกับพาเธอไปอีกทางแทน
“นี่นายจะไปไหนน่ะ”
“มีธุระต้องไปจัดการก่อน”
“ธุระที่ว่าคือตึกกิจการนักศึกษาเหรอ?”
ไอวี่ค่อนข้างแปลกใจที่คิวแวะมาที่นี่ แต่ในเมื่อเขาไม่ตอบเธอจึงไม่เค้นเอาคำตอบอะไรอีก
“รออยู่นี่”
“ไม่เอาฉันจะไปด้วย”
ไอวี่ยังดื้อดึง เธอไม่อยากนั่งรอคิวคนเดียว
อีกอย่างตอนนี้มันก็เย็นมากแล้วด้วยเธอรู้สึกโหวงๆ ชอบกล
“ตามใจ”
ไอวี่ยิ้มกว้าง
เธอรู้สึกว่าคิวเริ่มจะใจอ่อนกับเธอบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการบอกให้เธอรอกลับพร้อมกับเขาหรือว่าการตามใจเล็กๆ
น้อยๆ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยจะยอม หรือนี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กันนะ?
ก่อนเข้าไปด้านในคิวแวะซื้อของในมินิมาร์ทเล็กๆ
ใต้ตึกมาสองถุงใหญ่ๆ ของที่ซื้อมาส่วนใหญ่เป็นขนมและน้ำแตกต่างกันไป
“นายซื้อของพวกนี้มาทำไมเหรอ?”
ไอวี่ถามด้วยความแปลกใจ เธอรอคำตอบจากคิวแต่คิวก็ไม่ได้ตอบ เพียงแค่หันมามองเธอด้วยสายตาที่ปรกติ
ทว่าเธอกำลังจะถามย้ำอีกครั้งก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นก่อน
“พี่คิว!”
ไอวี่หันไปมองต้นเสียงเมื่อพบว่าเป็นแป้งหอมเธอจึงชะงักไป
ที่ว่ามาทำธุระคือมาหายัยแป้งเน่านี่น่ะเหรอ?
สายตาไอวี่วูบไหวเมื่อเห็นแป้งหอมเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
อีกทั้งเข้ามาเกาะแขนคิวแล้วทักทายกันอย่างสนิทสนม
“พี่คิวมาจริงๆ
ด้วย”
“...”
คิวไม่ได้ตอบรับแต่กลับยื่นถุงขนมให้กับแป้งหอม
“ขอบคุณค่ะ
แป้งไม่เห็นพี่ตอบข้อความก็นึกว่าพี่จะไม่มาซะแล้ว”
“เอาไปแบ่งกับเพื่อน”
“ขอบคุณค่ะ
พี่จะเข้าไปดูแป้งฝึกซ้อมไหมคะ แป้ง..”
“มีธุระ”
คิวตอบเรียบๆ สายตาที่นิ่งก็ยังคงนิ่งอยู่แบบนั้น
“อ่า..ไม่เป็นไรค่ะ
ว่าแต่..อ้าวไอวี่ขอโทษทีนะเพิ่งเห็น”
ไอวี่ที่เป็นธาตุอากาศอยู่นานก็ถูกลากเข้าบทสนทนา
ซึ่งเธอรู้ว่าแป้งหอมตั้งใจจะมองไม่เห็นเธอ
ดูสิ..สายตาที่เยาะเย้ยนั่นน่ะทำไมเธอจะมองไม่เห็นมัน!
ให้ตายสิเธอรู้สึกหงุดหงิดและโมโหจนอยากจะระบายกับอะไรสักอย่าง
ไม่รู้ว่าเพราะสายตาของแป้งหอมหรือว่าพี่ระเบียบที่ไม่เคยสนใจใครแต่วันนี้กลับใจดี?
มาส่งน้ำส่งขนมให้กับยัยศัตรูตัวฉกาจของตนเองได้
“เสร็จธุระแล้วยัง?”
ไอวี่เมินทำทักทายของแป้งหอมและหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แทน แต่แทนที่เขาจะตอบในสิ่งที่เธอคิดกลับตอบในสิ่งที่เธอไม่อยากได้ยินแทน
“ไปรอที่รถก่อน”
“ไม่”
คำเดียวสั้นๆ กับท่าทางดื้อรั้นทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจ
ไอวี่ขบเม้มริมฝีปากด้วยความกรุ่นโกรธ
เธอไม่ชอบให้คิวสนใจคนอื่นมากกว่าเธอหรือเมินเธอแล้วไปพูดคุยกับผู้หญิงคนอื่น
ไอวี่จะดื้อต่อก็ได้
เธอจะอาละวาดแล้วเอาแต่ใจสั่งคิวก็ได้แต่เธอก็ไม่ทำเพราะเธอกลัวว่าคิวจะเบื่อและรำคาญเธอ..
ไอวี่มีคำถามมากมายจะถามคิวแต่คิดว่ามันไม่ใช่สถานการณ์ที่จะสามารถดื้อดึงต่อไปได้อีกจึงยอมเชื่อฟังโดยเมินสายตาของแป้งหอมแล้วหยิบกุญแจรถที่คิวหยิบยื่นให้ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางลานจอดรถด้วยความรู้สึกปวดหน่วงในหัวใจ
เพราะช่วงจังหวะที่เธอหันกลับไปมองก็เห็นว่าคิวเดินเข้าอาคารไปกับแป้งหอมแล้ว
ลับหลังไอวี่คิวดึงสายตากลับมาที่แป้งหอมด้วยสายตาที่นิ่งเฉย
“ปล่อย”
เสียงเข้มทำเอาแป้งหอมที่เกาะแขนคิวอยู่ถึงกับต้องผละถอย
เธอยอมทำตามอย่างว่าง่ายเพราะต้องการที่จะทำให้คนที่ชอบเห็นแต่ด้านดีๆ ของเธอ
ถึงแม้ว่าในใจยังอยากจะเกาะแขนต่อก็ตาม
“พี่คิวจะไปไหนเหรอคะ”
แป้งหอมถามรั้งร่างสูงไว้ให้อยู่กับเธอก่อน
เพราะก่อนหน้านี้พี่นิ่มปี 4 ที่เป็นคนดูแลเรื่องประกวดดาวเดือนของเธอไม่ว่างจึงวานให้คนอื่นเอาเสบียงอาหารมาให้
ตอนแรกแป้งหอมคิดว่าจะบอกพี่นิ่มว่าไม่เป็นไรแต่พออีกฝ่ายบอกว่าจะฝากพี่คิวมาเธอจึงรีบตกลงแล้วเก็บความดีใจเอาไว้
และเมื่อเธอเห็นว่าพี่คิวเดินมากับใครก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
แต่เพียงไม่นานก็อารมณ์ดีขึ้นเพราะเธอได้เอาคืนไอวี่เล็กๆ น้อยๆ
โดยการทำให้ยัยนั่นเป็นส่วนเกิน แป้งหอมไม่รู้หรอกว่าพี่คิวกับไอวี่เป็นอะไรกัน
แต่จากที่เห็นนั้นไม่ใช่คนรักหรือไม่ได้คบกันแน่ แต่ถึงจะคบกันเธอก็ไม่คิดจะยอมยกพี่คิวให้กับยัยคุณหนูหน้าเหวี่ยงนั่นอยู่ดี
ดูเหมือนว่าเธอจะลืมไปว่าพี่คิวเป็นคนประเภทที่หวงเนื้อหวงตัวหวงความเป็นส่วนตัว
เธอก็เลยเผลอถามซอกแซกไปจนเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหงุดหงิดขึ้นมา เพราะนอกจากเขาจะไม่ตอบคำถามแล้วยังมองเมินเธอเหมือนเป็นอากาศแล้วเดินแยกขึ้นบันไดไปด้านบน
แป้งหอมเผยรอยยิ้ม
ถึงแม้ว่าจะได้อยู่กับพี่คิวเพียงชั่วครู่แต่ก็เหมือนว่าเธอได้เอาชนะยัยคุณหนูนั่นนิดหน่อยก็ยังดี
หลังจากที่คิวขึ้นบันไดมาชั้น
4 ก็จัดการทำ ‘ธุระสำคัญ’ ที่บอกกับไอวี่ตั้งแต่ต้น
นั่นก็คือการยื่นเรื่องพารุ่นน้องไปออกค่ายที่ต่างจังหวัด
คิวไม่รู้ว่าฟ้าเป็นใจหรือว่ามันเป็นแค่ความบังเอิญ
เพราะก่อนหน้านี้คิวมีประชุมกับกลุ่มเพื่อนเรื่องแนวทางการรับน้องและพูดคุยเรื่องสถานที่ที่จะพารุ่นน้องไปออกค่ายเมื่อประชุมเสร็จก็กำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้านทว่าก่อนหน้านั้นเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งก็เข้ามาไหว้วานเกี่ยวกับเรื่องจัดหาของกินไปให้รุ่นน้องที่ประกวดดาวเดือนที่ตึกกิจการนักศึกษาเพราะเห็นว่าคิวจะต้องไปยื่นเรื่องที่นั่นพอดี
แต่พอออกมาจากคณะก็เห็นว่าคุณหนูของเรือนแก้วกำลังพูดคุยกับใครบางคนที่คิวเห็นว่าเป็นรุ่นน้องในคณะ
มีการจับเนื้อต้องตัวถ่ายภาพกันอย่างสนิทสนม เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้จึงรู้ว่าทั้งสองไม่ได้รู้จักกันแต่ที่ทำนั้นเพียงเพราะกิจกรรมล่าลายเซ็น
มันไม่ผิดกฎระเบียบ..แต่คิวแค่ไม่ชอบใจ
ความรู้สึกขุ่นมัวก่อเกิดโดยไม่รู้สึกตัว
อาจเป็นเพราะใบหน้าใสที่มีพิรุธนั่นก็ว่าได้ คิวคิดว่าเรื่องนี้มันแปลก เพราะปรกติแล้วไอวี่จะถือตัวไม่ค่อยจะปล่อยตัวกับคนที่ไม่รู้จักยกเว้นดิสโก้ลูกนายกรัฐมนตรีคนนั้น
ระหว่างนั้นคิวจึงคิดถึงความเป็นไปได้..หรือว่าไอวี่อยากให้เขาหึงหวง?
ในเมื่อคิดได้เพียงอย่างเดียวคิวจึงทำตามที่ไอวี่ต้องการ
แสดง? ความหึงหวงออกมาในฉบับของตนทันที
จวบจนพากันมาถึงตึกคิวจึงเข้าไปซื้อของกินโดยมีไอวี่เดินตาม
พออีกฝ่ายถามอะไรก็ไม่ตอบ อาจเพราะเขาขี้เกียจเกินจะหาคำมาพูดก็ได้
คิวพาไอวี่เดินเข้าไปใต้ตึกและพบกับแป้งหอมพอดี
เหตุการณ์นี้คิวพอจะมองออกถึงการเขม่นกันระหว่างไอวี่และแป้งหอม คิวทำตามความต้องการของแป้งหอมโดยการมองเมินไอวี่ชั่วขณะ
เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของคิว
ไอวี่มีคำถามมากมายแต่ไม่ยอมถาม
กลับกันเขาแปลกใจที่ไอวี่ยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายโดยการหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกไปโดยไม่อาละวาด
แต่ถึงอย่างนั้นคิวก็ไม่ได้สนใจเท่าไรนัก
เพราะคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นบรรลุผลแล้ว
ที่ว่าอยากให้ไอวี่ร้อนรนเสียหน้าและน้อยใจที่เขามองเมิน..
คิวจัดการยื่นเรื่องรับน้องเสร็จก็เดินไปที่ลานจอดรถ
ในหัวคิดถึงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นจากคุณหนูแสนเอาแต่ใจเอาไว้ก่อนเป็นอันดับแรก ไม่แน่ว่าไปถึงเขาอาจจะต้องเจอกับหน้าตาเหวี่ยงๆ
สายตาตัดเพ้อกับพายุอารมณ์รุนแรงหรือไม่ก็คำด่าทอจากอีกฝ่ายแน่นอน ทว่าพอเดินมาถึงที่รถคิวรู้สึกได้ว่าหัวใจกระตุกวูบไปเพราะภาพที่เห็นคือหญิงสาวนั่งชันเข่าก้มหน้าคล้ายกับกำลังร้องไห้อยู่ข้างรถโดยไม่สนใจว่าเนื้อตัวจะเปื้อนเขม่าดิน
คิวยืนมองหญิงสาวที่ห่างออกไปเพียงหนึ่งก้าว
“ทำไมไม่ไปรอในรถ”
“...”
เมื่อเห็นว่าไอวี่ไม่ตอบแต่ยังคงก้มหน้าฟุบลงไปจึงถามต่อ
“เป็นอะไรไปอีก”
“...”
“ไอวี่”
“นาย..ทำไมนายต้องดีกับทุกคนยกเว้นฉันคนเดียว”
กดโหวต กดหัวใจ คอมเม้นต์ให้กำลังใจกันบ้างนะคะ
ความคิดเห็น