ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    3 | THE GUARD ღ หัวใจเสี่ยงรัก ϟ

    ลำดับตอนที่ #13 : EP [12] คนใจร้ายที่เกลียดไม่ลง ✓

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.75K
      133
      18 พ.ค. 64

     
     
       

    คิวไอวี่
    .
    .
    .


    EP [12] คนใจร้ายที่เกลียดไม่ลง 




    หลังจากงานเลี้ยงสายรหัสก็ผ่านไปแล้วสองวัน เหล่านักศึกษาปีหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็เริ่มเข้าสู่กิจกรรมรับน้องอย่างเต็มรูปแบบ โดยกิจกรรมดังกล่าวจะจัดหลังจากที่น้องปีหนึ่งเลิกเรียนหรือจะมีบ้างตอนช่วงพักกลางวัน ทว่าการรับน้องของมหาลัยวินเซ็นต์ไม่ได้เคร่งเครียดหรือโหดเหมือนกับที่อื่นๆ โดยทำกิจกรรมร้องเพลงประจำคณะและสานสัมพันธ์ระหว่างพี่และน้องเพียงเท่านั้น

    พักกลางวันโต๊ะหินหน้าคณะวิศวะถูกจับจองโดยรุ่นน้องปีหนึ่ง เหตุผลเพราะรุ่นพี่ปีสองนัดเพื่อจะชี้แจงกิจกรรมแรกของการรับน้องนั่นก็คือการล่าลายเซ็นรุ่นพี่ และเมื่อพี่ปีสองมาถึงก็ให้ตัวแทนมารับสมุดไปพร้อมกับอธิบายกฎระเบียบและข้อบังคับสำคัญที่จะต้องทำ

    รุ่นพี่ปีสองแจ้งน้องปี 1 ตามล่าลายเซ็นรุ่นพี่ทั้งหมด 100 ลายเซ็น ซึ่งแบ่งตามชั้นปี ปีละ 30 คน และอีก 10 ลายเซ็นที่เป็นข้อบังคับที่จะต้องมีกันทุกคน ซึ่งได้จากกลุ่มขั้นเทพ 5 ลายเซ็นและกลุ่มพี่ว้าก 5 ลายเซ็น ดังนั้นเมื่อรุ่นน้องได้ยินกฎข้อสุดท้ายถึงกับร้องเสียงหลงกันไปตามๆ กัน

    กลุ่มขั้นเทพเป็นกลุ่มรุ่นพี่ปีสี่ ประกอบไปด้วย พี่คินทร์ พี่ออสติน พี่คิว พี่เคน พี่คอปเตอร์

    ส่วนกลุ่มพี่ว้ากเป็นกลุ่มรวมหัวหน้าพี่ว้ากทุกชั้นปีนั่นคือ พี่เซียนปีสอง พี่มาร์กปีสาม พี่ขุนพลรองพี่ว้ากปีสาม พี่ตะวันรองพี่ว้ากปีสี่ และคนสุดท้ายพี่คีนส์หัวหน้าพี่ว้ากปีสี่

    ดังนั้นทุกคนจะขาดลายเซ็นของทั้งสิบคนนี้ไม่ได้เป็นอันขาด

    ก่อนที่จะได้ลายเซ็นแน่นอนว่ารุ่นพี่จะขอให้รุ่นน้องทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างที่ให้ทำไม่ขัดต่อกฎระเบียบหรือจริยธรรมแน่นอน ซึ่งหากมีรุ่นพี่ฝ่าฝืนกฎระเบียบนี้ก็จะถูกลงโทษจากทีมพี่ระเบียบ ส่วนรุ่นน้องหากทำตามคำสั่งหรือคำขอของรุ่นพี่ไม่ได้ก็ต้องบอกเหตุผล หากไม่มีเหตุผลรองรับก็จะถูกลงโทษ และที่สำคัญหากน้องปีหนึ่งล่าลายเซ็นไม่ครบก็จะถูกลงโทษเช่นเดียวกัน          

    บทลงโทษที่ว่าไม่ใช่หนักหนาอะไรอย่างที่คิด เพราะแต่ละบทลงโทษล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์หรือไม่บทลงโทษก็อาจจะเป็นการออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ เพียงเท่านั้น

    สาลี่สาวสองที่รับอาสาไปเอาสมุดล่าลายเซ็นให้เพื่อนๆ พอกลับเข้ามาที่กลุ่มก็เผยสีหน้าหวาดๆ จนเยลโล่ที่เห็นท่าทางนั้นจึงถามขึ้น

    “เป็นอะไรอีลี่ ตอนไปล่ะเหมือนกระดี่ได้น้ำ แต่ขากลับนี่อย่างกลับปลาขาดน้ำตาย มีอะไรหึ ไหนมึงบอกจะไปแตะอั๋งพี่หลงไง”

    เยลโล่ และมิ้นท์ขำเพื่อนที่ก่อนหน้านี้คุยอย่างระรื่นว่าจะไปแตะอั๋งพี่หลงรุ่นพี่ปีสองที่ยืนแจกสมุดล่าลายเซ็นอยู่ ทว่าตอนกลับมาที่โต๊ะสาลี่ทำท่าทางเหมือนคนถูกเหยียบเท้าเอาเสียได้

    “ก็ตอนแรกก็จะไปแตะอั๋งพี่หลง แต่พอได้แตะมือพี่หลงพี่เซียนแม่งก็เข้ามายืนจ้องกูกับพี่หลงกูเลยต้องลามือเพราะก่อนหน้านี้สายรหัสกูบอกว่าให้ทำตัวดีๆ เพราะกูคือสายรหัสพี่ว้ากห้ามลุ่มล่ามเด็ดขาด”

    “แหมกูว่าละช่วงนี้มึงดูเรียบร้อย”

    “โถ่กูเรียบร้อยตรงไหนสายตาจับเรดาร์ผู้ชายดีเหมือนเดิมแต่ไม่ทำต่อหน้าสายรหัสก็เท่านั้น มาแขวะกูว่ากูเรียบร้อยมึงไม่ดูเพื่อนคุณหนูมึงบ้าง พวกมึงไม่คิดว่ามันแปลกรึไงที่ช่วงนี้มันเงียบผิดปรกติ”

    “ไอคงมีเรื่องที่ต้องคิดน่ะสาลี่” ดาวมองไอวี่อย่างเป็นห่วง

    “มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่วันเลี้ยงสายรหัส หรือว่าไอมันยังน้อยใจพี่คิวเรื่องที่ไม่รับมันไปงานด้วยวะ” เยลโล่พูดขึ้นด้วยความสงสัย

    “แต่เราว่าน่าจะเกี่ยวกับสายรหัสพี่คิวนะ” มิ้นท์เสริม

    “ไอ ไอวี่ นี่สมุดล่าลายเซ็นรุ่นพี่” สาลี่เรียกไอวี่ซึ่งพอสะกิดเพื่อนสาวก็หันมาก็ยื่นสมุดให้แล้วยื่นให้เพื่อนๆ คนอื่นด้วย

    “ขอบใจ” ไอวี่รับสมุดมาเก็บเอาไว้

    “เป็นอะไรไหนบอกสาสิคะ” สาลี่ทำทีไปนั่งเบียดเพื่อนสาวที่ซึมกระทือมาสองวันแล้ว “ซึมแบบนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่คิวแน่เลยเนี่ย”

    “...”

    “ไอ มีอะไรเล่าให้พวกเราฟังได้นะ พวกเราพร้อมให้คำปรึกษากับไอเสมอถึงแม้กลุ่มนี้จะไม่มีสาระพอที่จะช่วยได้แต่ก็ช่วยฟังได้นะ”

    “ดาว มึงนี่” สาลี่จิ๊ปากใส่ ก่อนจะจับไอวี่ให้มองเพื่อนๆ ไอวี่ถอนหายใจก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่อยู่ในใจตัวเอง

    “ฉันแค่สงสัยน่ะว่าวันเลี้ยงสายรหัสคิวได้ไปต่อกับผู้หญิงรึเปล่า”

    “ผู้หญิงที่ว่านี่ใครยัยแป้งเน่าอ่ะเหรอ?” สาลี่ถามไอวี่อย่างตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม ซึ่งพอพูดจบไอวี่ก็นิ่งไปไม่ได้พูดอะไร แต่เป็นสาลี่อีกเหมือนเดิมที่ตอบเธอ

    “ถ้าเป็นยัยแป้งเน่าฉันเห็นนางกลับไปก่อนเพื่อนนะ”

    “กลับ? กับใคร?” ไอวี่ถามอย่างกระตือรือร้น ภาวนาขอให้ไม่เป็นอย่างที่เธอคิด “กับคิวรึเปล่า”

    “ไม่รู้อ่ะเห็นนางกับพวกรุ่นพี่ในสายเดินออกไปนอกร้านหลังที่พี่คิวออกไปแป๊บหนึ่งอ่ะ” สาลี่พูด  

    “อีลี่เหมือนจะช่วยแต่ไม่ได้ช่วยเลยค่ะ” เยลโล่แขวะ “ใจเย็นๆ นะไอ ฉันว่าคงไม่ได้กลับกับพี่คิวหรอก”

    “ใช่ๆ พี่คิวไม่ใช่คนที่จะยุ่งกับคนในมหาลัยนี่” มิ้นท์เสริม

    “อย่ากังวลไปเลยไอ เราเห็นว่าสายรหัสพี่คิวเดินตามพี่คิวออกไปกันทั้งหมดแต่อีกสักพักก็เข้ามาใหม่เมื่อไม่เห็นพี่คิวก็ต่างแยกย้ายกันกลับ ส่วนหลังจากนั้นสักพักพี่คิวก็เข้ามาข้างในพร้อมกับพี่คินทร์แล้วก็ขอตัวกลับไป” ดาวพูดทำให้เพื่อนๆ หันไปมองกันอย่างพร้อมเพรียง

    “จริงเหรอดาว” ไอวี่ถามเพื่อความแน่ใจ

    “จริงสิ โต๊ะของสายรหัสเราอยู่ตรงมุมสุดเราก็เลยมองเห็นได้ทั่วร้าน อีกอย่างเราไม่แตะแอลกอฮอล์ก็เลยมีสติจำได้แม่น ฉะนั้นเลิกนั่งซึมได้แล้ว แบบนี้ไม่เหมือนไอวี่ที่พวกเรารู้จักเลย”

    “ดาว..” ไอวี่เผยรอยยิ้ม คำที่ดาวพูดออกมานั้นช่วยให้ไอวี่หายกังวลอีกทั้งยังรู้สึกถึงความเป็นห่วงของเพื่อนๆ ทุกคนด้วย

    “ขอบใจพวกแกมากนะ”

    “เออ น่าจะให้ดาวพูดตั้งแต่แรก” เยลโล่พูดขึ้นยิ้มๆ ก่อนจะถามไอวี่ต่อ “แล้ววันนั้นทำไมแกกลับไปก่อนโดยไม่บอกพวกเราเลยล่ะ”

    “เกิดเรื่องนิดหน่อยก็เลยกลับก่อน”

    “ทำไมใครทำอะไรแก ยัยแป้งเหม็นใช่ไหมบอกมา! ตบเลยไหมเอาให้หน้าแหก หน็อยแอบเล่นงานเพื่อนพวกเราตอนอยู่คน..”

    “เดี๋ยวๆ อีลี่ ไม่ใช่พวกนั้น พอดีมีคนมาเตาะและจะฉุด แต่ดีที่พี่คินทร์มาช่วยทันหลังจากนั้นก็กลับบ้าน”

    ไอวี่เล่ารวบรัดตัดตอนข้ามสิ่งที่ทำให้เธอน้อยใจออกไป เพราะขืนหยิบยกขึ้นมาคงจะต้องเสียใจอีกแน่

    “ไอไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ดาวถามอย่างเป็นห่วง

    “ไม่เป็นอะไรแล้วขอบใจพวกแกมากนะ”

    พอไอวี่ไม่เล่าลงรายละเอียดลึกเพื่อนๆ ก็ไม่อยากเซ้าซี้แต่ถ้าหากไอพร้อมที่จะเล่าหรือขอคำปรึกษาเมื่อไรพวกเธอก็พร้อมที่จะฟัง

    หลังจากรุ่นพี่ปล่อยไอวี่และเพื่อนก็พากันไปทานอาหารกลางวัน ซึ่งระหว่างทางก็มีกลุ่มของแป้งหอมคอยพูดแขวะ ประมาณว่าถามแป้งหอมถึงความรู้สึกที่ได้เป็นน้องรหัสคิว หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคิวจนไอวี่และเพื่อนรำคาญ ทว่าไอวี่กับเพื่อนๆ ก็ตกลงกันแล้วว่าจะปล่อยให้พวกนางเห่าหอนกันไปก่อน

    “น่าหมันไส้พวกแป้งเหม็นว่ะ ทำมาพูดโอ้อวดอยู่นั่น จะอะไรกันนักกันหนากับอีแค่ได้เป็นน้องรหัสพี่คิว มาพูดปั่นประสาทไอวี่คิดว่าจะให้ดิ้นตาม เหอะ..” สาลี่พูดขึ้นมาอย่างรำคาญ

    “นั่นสิ ทำเอาการมากินข้าวหมดอร่อยไปเลย ไม่ใช่ว่าอะไรนะแค่เห็นหน้ากับท่าทางดี๊ด๊าก็หมดอารมณ์กินข้าวแล้ว” เยลโล่เสริมสาลี่

    “อย่าไปใส่ใจ”

    ไอวี่พูดตัดบทเพื่อนก่อนจะแยกกันซื้ออาหารแล้วค่อยไปนั่งรวมกันที่โต๊ะ

    ระหว่างยืนรออาหารอยู่ก็พลันคิดไปถึงคืนเลี้ยงสายรหัส วันนั้นหากเธอพร้อมกว่านี้หน่อยคงจะสลัดชายสามคนนั้นได้แน่ แต่เธอก็พลาดท่าเกือบเสียตัว ถ้าพี่คินทร์ไม่มาช่วยเธอต้องแย่แน่ๆ

    “เหม่ออะไร”

    เสียงเข้มที่ไอวี่ไม่ได้ยินมาสองวันดังขึ้น ถ้าหากรวมวันนี้ก็สามวันแล้วที่อีกฝ่ายไม่โผล่มาให้เห็นหน้า ไอวี่มองด้วยสายตาเรียบนิ่งกว่าทุกครั้ง เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแต่เดินถือถาดอาหารออกมาก็เท่านั้น

    ตั้งแต่วันนั้นที่ไอวี่กลับมาก็เอาแต่นอนซึมแต่เธอไม่ร้องไห้ออกมาในหัวพลันคิดอะไรวุ่นวายไปหมดและแน่นอนมันเกี่ยวกับคิวทั้งนั้น ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวเธอก็เลยหลับไปทั้งแบบนั้นคิดว่าวันพรุ่งนี้ค่อยถามคิวว่าคืนนั้นเขาหายไปไหน เขาที่ควรมาหาเธอทันทีที่ไม่เห็นในงานหรืออาจจะรู้จากใครก็ได้ว่าเธอเจอกับเรื่องอะไรมา ทว่าไม่เลยไม่มี..คิวไม่ได้มาหาเธอ

    ไอวี่ไม่รู้ว่าคิวรู้เรื่องที่เธอเกือบจะโดนรุมโทรมหรือยังหรือรู้แล้วแต่ก็ยังทำท่าทีเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ แต่เธอคิดว่าคนอย่างคิวจะต้องรู้แน่ ถ้าพี่คินทร์ไม่บอกก็คงจะเป็นเหล่าลูกน้องที่รายงานความผิดปรกติของเธอในวันนั้น แต่ทำไมล่ะ..

    ทำไมคิวถึงไม่เข้ามาถามหรือมาพูดถึงเรื่องคืนนั้นกับเธอ?

    วันต่อๆ มาก็ไม่พบ พอถามทิมทิมบอกว่าคิวไปจัดการงานที่บริษัทและไปคุมคาสิโนด้วย เธอยิ้มหยันอยากจะถามเขาเสียเหลือเกิน..ว่าเรื่องงานมันสำคัญกว่าเธอนักหรือไง..

    ก็คนมันใจน้อยและน้อยใจ อีกฝ่ายไม่เคยง้อกันอยู่แล้ว เธอคงจะต้องทำตัวเองให้เย็นลงแล้วเลิกโกรธไปเองนั่นล่ะ

    หมั่บ!

    ไอวี่หันไปมองมือแกร่งที่จับแขนของเธอไว้ เธอมองสายตาดุๆ นั้นก่อนจะสะบัดแขนเบาๆ ให้เขาปล่อย ทว่ามือตุ๊กแกก็ยังไม่ปล่อยเธอจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

    “ปล่อย”

    “เป็นอะไรไปอีก”

    “เหอะเป็นอะไร? นายถามฉันเหรอ? นายรู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่!

    คิวไม่ตอบแต่ยังคงดึงแขนไอวี่ให้เดินตามไปด้านนอก พอไม่มีสายตาของคนอื่นมองมาไอวี่จึงยื่นถาดอาหารของตนเองให้คิวถือก่อนที่อีกฝ่ายจะหาที่วางเอาไว้แถวๆ นั้น

    “ถ้าเป็นเรื่องของผู้ชายสามคนนั้นฉันจัดการให้เธอแล้ว พวกมันจะไม่มีโอกาสไปสร้างเรื่องแบบนี้กับใครได้อีก”

    “หึพูดง่ายดี นายจัดการคนพวกนั้นให้ฉันแล้วฉันควรจะรู้สึกยังไง? ขอบคุณนายใช่ไหม? อ้อ ขอบคุณนะที่ช่วยจัดการไอ้สารเลวพวกนั้นให้หลังจากที่ฉันปลอดภัยดีแล้ว พวกมันสมควรโดนแล้ว แบบนี้ใช่ไหมที่นายอยากได้ยินจากฉัน”

    “...”

    “นายมันใจร้ายมากเลยคิวใจร้ายมากๆ”

    ความเสียใจของไอวี่ที่เก็บมาสองวันได้พังทลายลงแล้ว..

    “สิ่งที่ฉันอยากจะได้ยินจากปากนายไม่ใช่เรื่องที่นายจัดการคนพวกนั้นให้ฉัน ไอ้พวกชั่วนั่นจะเป็นยังไงฉันไม่ได้สนใจเลยสักนิด นายรู้ไหมว่าฉันอยากจะได้ยินอะไรจากนายที่สุดในตอนนี้..”

    “...”

    “ฉันอยากรู้ว่าคืนนั้นนายหายหัวไปไหนทำไมไม่มาช่วยฉัน..ฉันอยากเห็นสีหน้าเป็นห่วงจากนายอยากได้ยินนายปลอบใจฉัน ไม่ใช่มาทำหน้าตานิ่งอย่างกับขอนไม้แล้วบอกว่าจัดการคนพวกนั้นให้ฉันแล้ว ได้ยินไหมคิว..”

    “...”

    “ถึงจะทำเพราะหน้าที่ก็ช่วยแกล้งทำหน้าตาเป็นห่วงฉันบ้าง แกล้งปลอบใจฉันก็ยังดี” ไอวี่เป็นคนขี้แพ้ ไม่ใช่กับคนอื่นแต่เป็นคิวคนเดียว

    มืออันสั่นเทายกขึ้นปิดหน้าร้องไห้ออกมาเงียบๆ เพราะความเสียใจที่มันจุกอก ไม่รู้แล้วเธอไม่รู้แล้วว่าควรจะพูดอะไรหรือคิดอะไรเพราะตอนนี้เธออ่อนแอมาก..

    “ปล่อย!” ไอวี่พูดเสียงสั่นเมื่อคิวดึงเธอเข้าไปกอดพลางลูบหัว

    “ไอ้คนใจร้ายไอ้คนใจดำคืนนั้นฉันกลัวแต่ฉันมั่นใจว่านายจะต้องมาช่วยฉันแน่ๆ แต่ว่านายก็ไม่มา..”

    “ขอโทษ”

    ไอวี่เลิกทุบตีคิวก่อนจะฝังหน้าตาที่เต็มไปด้วยน้ำตากับเสื้อของคิว เพราะเป็นคิวเธอถึงแสดงความอ่อนแอออกมาได้ ดังนั้นความอึดอัดที่มีมาสองวันก็ถูกปล่อยออกมาให้คิวได้เห็นทั้งหมด..

    ..แน่นอนเธอไม่รักษาหน้าตาของคุณหนูผู้สูงส่งสั่งขี้มูกลงบนเสื้อของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจโทษฐานที่ทำให้เธอเสียใจก็แล้วกัน..

    หลังจากร้องไห้จนน้ำตาน้ำมูกไหลชะล้างความเสียใจไอวี่ก็กลับ มาเป็นคนเดิม เธอยืนรอคิวเปลี่ยนเสื้ออยู่หน้าห้องน้ำชายในคณะวิศวะ สาเหตุที่คิวต้องเปลี่ยนเสื้อก็เพราะมันเลอะไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกของเธอ

    “เสร็จแล้ว” เสียงเรียบนิ่งดึงสติของไอวี่ เธอมองเสื้อนักเรียนตัวสำรองที่มีอยู่ในรถของคิว

    “ไปกินข้าวกัน” ไอวี่เอ่ยปากชวนอย่างปรกติคล้ายกับก่อนหน้านี้ไม่ได้ตัดพ้อน้อยใจหรือสั่งน้ำมูกลงบนเสื้อพี่ระเบียบเลยแม้แต่น้อย ทว่าคิวพยักหน้าให้คล้ายกับยอมรับคำชวนทำให้ไอวี่เผยรอยยิ้มขึ้นมา

    ช่างมันเถอะ..ยังไงซะคิวก็กอดและปลอบเธออยู่นานฉะนั้นเธอจะปล่อยเรื่องพวกนี้ไปก่อนก็แล้วกัน

    คิวพาไอวี่มาที่หน้าคณะอาหาร ตอนแรกเธอแปลกใจและกำลังจะถามหากว่าไม่เห็นกลุ่มคนที่นั่งรวมตัวกันที่ลานโต๊ะหินเสียก่อน

    พี่คินทร์แคลร์ พี่ออสตินพี่หมิว พี่เคนพี่ปาด้า..

    “ไหนบอกจะพาไปกินข้าวไง” ไอวี่ถามเสียงขุ่น เธอคิดว่าจะได้นั่งกินข้าวกับคิวแค่สองคน แต่ที่เธอเห็นนี่..

    “กินที่นี่..”

    “ไม่” ไอวี่ปฏิเสธเสียงแข็ง

    “ทำไม?” ก็ไม่อยากนั่งกินกับคนที่ทำให้นายยิ้มได้น่ะสิ!

    ทว่าจังหวะที่ไอวี่คิดอะไรวุ่นวายในหัวคิวก็ยกมือขึ้นลูบหัวเบาๆ

    และนั่นทำให้ไอวี่..ใจอ่อนยวบ

    “อย่าดื้อฉันหิวแล้ว”

    ไอวี่กระพริบตาปริบๆ มองคิวที่เดินนำหน้าเธอไปส่วนเธอเองยังยืนอยู่กับที่พลางยกมือขึ้นจับหัวตัวเองเบาๆ ตรงที่มีสัมผัสอ่อนโยนของมือคิวลูบเมื่อครู่ก่อนที่รอยยิ้มค่อยๆ เผยออกมา

    “ที่ฉันยอมนั่งกินด้วยก็เพราะหิวเหมือนกันหรอกนะ..”

    ความดื้อดึงของเธอมักจะอ่อนยวบตอนอยู่กับคิว และยิ่งคิวทำท่าทีอ่อนโยนใส่ก็ยิ่งอ่อนเหมือนขี้ผึ้งที่โดนไฟลนจนเหลว

    ไม่ว่าคิวจะทำผิดหรือทำให้เธอเสียใจยังไงเธอก็ยังคงให้อภัยเขา..

    บอกแล้วไงว่าเธอน่ะ..มันคนขี้แพ้.. 

    ____________________

    เรื่องแยกของ

    คินทร์แคลร์ <จบแล้ว>

    ออสตินหมิว <จบแล้ว>

    เคนปาด้า <กำลังอัพ>

    (เวย์อลิซ - คู่น้องสาวพี่คินทร์) <จบแล้ว>

    ไปตามกันได้นะค้าาาาา

    ___________________

    Talk

    ไอวี่เอ้ย..เดินเป็นวงกลมจริงๆ เลยรู้กกก

    ความรักหนอความรัก มันจะมืดบอดขนาดนั้นเลยหรือ

    เข้าใจว่าถ้ารักคนๆ หนึ่งมากๆ ก็ยอมให้อภัยเขาหมด

    หากไม่เป็นเรื่องร้ายแรงอ่ะ

    เข้าใจว่าหากมีคนที่ชอบ..เราก็จะแพ้เขาทุกๆ อย่าง

    ....

    ปล. ไม่ได้ตรวจคำผิด คำแปลก คำซ้ำ พิมพ์เสร็จลงเลย

    หากเจอคำผิดโปรดเม้นต์บอกด้วยนะคะ ^u^

    ....

    กดโหวต กดหัวใจ คอมเม้นต์ให้กำลังใจกันบ้างนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×