คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : EP [10] ความเปลี่ยนแปลง ✓
EP [10] ความเปลี่ยนแปลง
EP [10] ความเปลี่ยนแปลง ✓
ภายในร้านอาหารกึ่งบาร์บริเวณหน้ามหา’ลัยวินเซ็นต์ถูกเช่าเหมาร้านโดยโซนทางซ้ายเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปได้เข้ามาใช้บริการตามปรกติ
แต่ทางโซนด้านขวาถูกเหมาโดยกลุ่มนักศึกษาคณะวิศวกรรมกลุ่มหนึ่ง
จุดประสงค์เพื่อเลี้ยงสายรหัสเทพทั้ง 5 สายโดยเฉพาะ
ดีเจเปิดเพลงครื้นเครงสนุกสนาน
มีบริกรคอยดูแลเรื่องอาหารหวานคาวพร้อมทั้งมีบาร์เทนเดอร์ตรงเค้าท์เตอร์เล็กบริการชงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย
และที่ทุกอย่างเตรียมพร้อมและสะดวกสบายก็เป็นเพราะรุ่นพี่สายรหัส 5 เทพได้จัดเตรียมเอาไว้ให้เหล่าสายรหัสได้กินดื่มกันให้สนุกสนาน
ทว่าถึงทุกคนจะหัวเราะครื้นเครงกันเพียงใดแต่ก็ไม่ใช่กับหญิงสาวสายรหัสเดือนทมิฬอย่างไอวี่
ไอวี่กำลังรู้สึกไม่พอใจ ไม่ใช่รำคาญสาลี่เพื่อนสาวสองที่เอาแต่เวิ่นเว้อเรื่องผู้ชายในร้านไม่หยุด
แต่สาเหตุก็เพราะผู้ชายที่มักจะเข้าถึงได้ยากตอนอยู่กับเธอแต่พออยู่กับเพื่อนๆ และกลุ่มสายรหัสก็ดูเข้าถึงง่ายเหมือนไม่ใช่คนๆ
เดียวกัน อีกทั้งชอบทำหน้าน่ารำคาญใส่เธอตอนอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลาแต่ตอนนี้กลับพูดคุยกับรุ่นน้องไม่หยุด
มองจากดาวพลูโตใครๆ ก็รู้ว่าไอวี่กำลังไม่พอใจพี่ระเบียบของชาววิศวะอยู่! และไม่ใช่แค่นั้นที่ไอวี่นึกโกรธ
เพราะก่อนหน้านี้ที่ไอวี่กลับบ้านไปเปลี่ยนชุดและคิดว่าจะรอที่จะมาพร้อมกับคิว แต่ทว่าเธอก็ต้องผิดหวังเพราะคิวนั้นออกไปก่อนแล้วและให้ทิมรอไปส่งเธอแทนอีกทั้งยังฝากทิมมาบอกเธอว่าเขาติดธุระ
เหอะ! ติดธุระบ้าอะไรถึงดินเข้างานมากับสายรหัสทั้งกลุ่มแบบนั้น!
ไอวี่นั่งมองกลุ่มสายรหัสพี่ระเบียบที่นั่งห่างออกไปสองโต๊ะด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด
เธอรู้ว่าตนเองเป็นพวกอารมณ์ร้อนและควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้จึงเอาแต่ทำหน้าบึ้งตึงอยู่ที่โต๊ะ
ยิ่งเห็นคนที่ตัวเองชอบให้ ความสำคัญกับคนอื่นเทียบเท่าเกือบตัวเองก็อยากจะอาละวาดเต็มที
แต่ต้องมานั่งข่มอารมณ์เพราะไม่อยากจะดูไม่ดีต่อหน้าคิว
“ใจเย็นๆ นะไอมันก็แค่สายรหัส” เยลโล่พูดปลอบ
“โถ่อีคุณหนูของกูผู้ชายทิ้งให้มางานเองก็เลยหงอยเลยมึง”
สาลี่
“อย่าพูดซ้ำเติมเพื่อนดิวะสาลี่..คิดแง่ดีไว้นะไอ
พี่คิวคงปฏิเสธน้องๆ ไม่ได้ก็เลยต้องไปรับมางาน ไม่ก็มีเหตุสสุดวิสัยเกิดขึ้นก็ได้”
มิ้นท์ตีแขนสาลี่ไปหนึ่งทีก่อนจะหันมาลูบไหล่ไอวี่อย่างเป็นห่วง
“หึ ผู้หญิงสามคนเกิดเหตุสุดวิสัยพร้อมกันน่ะเหรอ
ตลกเป็นบ้า”
ไอวี่พูดแขวะก่อนจะโบกมือโบกไม้บอกเพื่อนๆ
ว่าไม่เป็นไร แต่ความจริงก็น้อยใจขึ้นมาอีกแล้ว
ทว่าก่อนที่มิ้นท์กับดาวจะพูดปลอบบ้างพวกรุ่นพี่ก็เข้าร้านมาเพิ่มดังนั้นเพื่อนๆ
ของไอวี่จึงต้องเริ่มแยกย้ายกันไปนั่งตามโต๊ะสายรหัสกันแทนที่จะมารวมตัวอยู่ที่โต๊ะของไอวี่
ไอวี่มองสายรหัสเดือนทมิฬที่เดินเข้ามาพร้อมๆ กัน
โดยมีพี่คินทร์ที่เดินมาพร้อมกับแคลร์และมีพี่น้ำนิ่งกับพี่เพียงฟ้าเดินตามมาด้วย
พอเห็นแบบนั้นไอวี่ก็เพิ่งนึกได้ว่าเมื่อเย็นพี่น้ำนิ่งก็โทรมาเธอถามว่าจะมาที่ร้านยังไงหากไม่มีรถจะได้ไปรับทว่าไอวี่คิดว่าจะมาพร้อมคิวก็เลยปฏิเสธไป
ไอวี่มองพี่คินทร์กับแคลร์ที่เดินเกาะแขนกันมา ด้วยความที่โต๊ะของร้านนี้เป็นแบบโต๊ะยาวมีเก้าอี้ฝั่งละสามตัวพี่คินทร์ก็เลยดันไหล่แคลร์ให้เข้ามานั่งข้างๆ
เธอส่วนตัวเองก็นั่งปิดด้านนอก ทางด้านตรงข้ามก็มีพี่น้ำนิ่งกับพี่เพียงฟ้านั่งแทน
“น้องแคลร์มานานรึยังคะ”
พี่น้ำนิ่งเป็นคนเอ่ยทักก่อนเป็นอันดับแรก
ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะอ้าปากตอบก็รู้สึกถึงสายตาคมของใครบางคน
เธอมองพี่คินทร์ที่มองเธอด้วยสายตาดุๆ
เธอขมวดคิ้วฉงนเพราะไม่รู้ว่าทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจ
“พี่คินทร์เขารอน้องไอวี่ทักทายน่ะ”
เป็นแคลร์ที่กระซิบบอกเธอ และพอมองไปรอบๆ
โต๊ะทุกคนก็ยิ้มมาให้ แค่ไม่ทักทายรุ่นพี่ถึงกับต้องมองเธอตาดุขนาดนั้นเลยเหรอ?
“สวัสดีค่ะพี่คินทร์ พี่น้ำนิ่ง พี่เพียงฟ้า”
อย่างไรเสียเธอก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สถานการณ์ยอมทักทายรุ่นพี่ในสาย
แต่ทว่าสายตาดุดันนั้นยังไม่ลดละเธอจึงมองตอบอย่างฉงน พอเห็นอีกฝ่ายถอนหายใจมาหนึ่งเฮือกทุกคนที่นั่งอยู่ก็พลันทำหน้าลำบากใจ
“อะไรคะ” ไอวี่ถาม
“พี่คินทร์คงจะหิวแล้วละมั้ง”
แคลร์เผยรอยยิ้มก่อนจะลูบมือแกร่งข้างกายให้ใจเย็นลง
“น้องไอวี่ยังไม่สั่งอะไรมากินอีกเหรอจ้ะ”
“หืม?
ได้ยินมาว่าที่นี่อาหารอร่อยจริงหรือเปล่าคะ น้ำไม่เคยมาร้านกึ่งบาร์แบบนี้ก็เลยตื่นเต้นนิดๆ
นะเนี่ย” พี่น้ำนิ่งพูดเสริม
“ก็คราวที่แล้วเราเลี้ยงสายกันที่ร้านเบเกอรี่นี่
แล้วอีกอย่างสายรหัสเราก็ไม่ถูกกับที่แบบนี้ด้วย แต่ยกเว้นพี่คินทร์เอาไว้คนนึงนะคะ”
“ฟ้าพูดถูก”
แคลร์พูดปิดก่อนที่สามสาวจะหัวเราะกันออกมา
เดี๋ยวนะ ประทานโทษนะคะ
ได้ข่าวว่าเธอไม่ได้อยู่ในสายรหัสจะมากับเขาเพื่อ? หรือว่ามาคุมพี่คินทร์?
“อยากกินอะไรก็สั่ง” ในที่สุดพี่คินทร์ก็ยอมเปิดปากพูด
“ถ้าอย่างนั้นเราไปดูอาหารกันดีกว่านะแคลร์” พี่เพียงฟ้าชวนแคลร์ออกไปดูอาหารมากิน
พี่น้ำนิ่งก็วิ่งตามไปด้วยเหลือก็แต่ฉันที่นั่งดื่มแล้วมองไปทางโต๊ะของคิวเป็นระยะๆ
โดยไม่สนใจพี่คินทร์มากนัก
“เธอไร้มารยาทมาก”
“?!” ไอวี่แทบสำลักน้ำดื่มที่ได้ยินเสียงเข้มพูดว่าเธอและเหมือน ว่าเขาจะคิดว่าเธอไม่ได้ยินจึงพูดอีกครั้ง
“ได้ยินไม่ชัด? ฉันบอกว่าเธอไร้มารยาทมาก”
“อยู่ดีๆ พี่จะมาด่าฉันทำไมคะ?”
ไอวี่ไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ
ทว่าเธอก็แปลกใจเหมือนกันที่ตัวเองพูดกับพี่คินทร์ลงท้ายด้วยคำว่า ‘คะ’ เสมอ
“เรื่องที่ฉันไม่ทักแฟนพี่เหรอคะ?”
“ไม่ว่าใครก็ตามอายุมากกว่าก็ควรเคารพ”
“..ที่ฉันยอมเคารพพวกพี่เพราะพวกพี่เป็นสายรหัสและต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน
แต่ผู้หญิงคนนั้น ฉันหมายถึงแคลร์ไม่ได้เกี่ยวกันนี่คะ”
“อายุเธอน้อยกว่าแคลร์ควรเรียกพี่”
“ฉันก็บอกแล้วไงว่า..”
“อย่าดื้อ” เพียงคำสั้นๆ
ที่ตำหนิมาทำเอาไอวี่หุบปากฉับ ไม่รู้สิ เธอรู้สึกว่าพี่คินทร์มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอต้องยอมให้
“ถ้าฉันเรียกแคลร์ว่าพี่ฉันจะได้อะไรล่ะคะ”
“ความเอ็นดูมั้ง..”
เสียงเข้มบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นบางอย่างให้กับไอวี่
“นี่คือของขวัญพิเศษสำหรับสายรหัสที่ฉันกับแคลร์ช่วยกันทำ..ถ้าเธอทิ้งมันรับรองฉันจะฆ่าเธอแน่”
พูดจบพี่คินทร์ก็เดินไปหาแคลร์
ไอวี่กระพริบตาปริบๆ พึงคิดย้อนไปเมื่อครู่
เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะตอนแรกยังคุยกันเรื่องของแคลร์ ไปๆ มาๆ
รุ่นพี่คนนี้ก็พูดอะไรแปลกๆ แล้วยังให้ของขวัญอะไรสักอย่างมาอีก และที่บอกว่าพี่คินทร์กับแคลร์ช่วยกันทำนี่มันอะไรกัน?
ไอวี่ลองเปิดถุงกระดาษออกดูก็พบว่าเป็นกล่องใหญ่ขนาดสี่สิบเซ็นติเมตร
พอลองสำรวจดูก็พบว่าเป็นหุ่นไม้ผู้หญิงผมยาวลักษณะคล้ายกับเธอไม่มีผิดเพี้ยน
ชุดเสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นแนวสไตล์ที่เธอชอบ อีกทั้งอุปกรณ์และเครื่องประดับที่ใส่ไว้ในกล่องเองก็น่ารักอีก
แบรนด์นี้เธอเคยเห็นมันเป็นแบรนด์หุ่นไม้ที่ดังมากอีกทั้งเธอยังเคยเห็นว่าในบ้านของคิวก็มีหุ่นพวกนี้ประดับเต็มไปหมด
น่ารักจัง..ไอวี่ยอมรับว่าเธอชอบของขวัญชิ้นนี้
เธอจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เล่นตุ๊กตานั้นอายุเท่าไรแต่จำได้ว่าของพวกนั้นมันไม่มีอยู่ในบ้านของเธอแล้ว
อาจจะเป็นตั้งแต่ที่พ่อกับแม่เสียไปเธอก็เอาของทุกอย่างที่มีความทรงจำร่วมกับพ่อกับแม่เก็บแล้วปิดเอาไว้
“โหวว..ตุ๊กตาของน้องไอวี่น่ารักจัง
ดูสิสวยกว่าของพวกเราอีกค่ะพี่ฟ้า”
พี่น้ำนิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับพี่เพียงฟ้าในมือของทั้งสองคนถืออาหารมามากมายแล้ววางบนโต๊ะ
“แอบน้อยใจนะเนี่ยที่พี่คินทร์เอามาให้น้องไอวี่ตั้งแต่เริ่มรับน้อง
น้องไอวี่รู้รึเปล่ากว่าที่พวกพี่จะได้หุ่นนี้นะก็ตอนเลิกรับน้องโน่น
ถ้าพี่แคลร์ไม่เตือนพี่คินทร์ก็คงจะลืมเอาไว้ที่ไหนสักที่”
“อืมน่าน้อยใจนะเนี่ย เห็นไหมน้ำพี่บอกแล้วว่าพี่คินทร์น่ะเอ็นดูไอวี่เป็นพิเศษ”
ไอวี่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว เอ็นดูเธอ?
ไม่ใช่ว่าพี่คินทร์ไม่ชอบเธอเหรอเห็นชอบทำตาดุใส่อีกทั้งยังว่าเธออีกต่างหาก
การพบปะกับสายรหัสไม่ได้มีอะไรที่พิธีรีตองนัก
หลักๆ ก็จะมีแค่พูดคุยทำความคุ้นเคยกันให้มากขึ้นกว่าเดิม และไอวี่เริ่มที่จะคุ้นเคยกับสายรหัสของเธอขึ้นมาบ้างแล้วทำให้ตอนนี้เริ่มจะผ่อนคลายยิ้มแย้มเวลาที่พี่น้ำนิ่งกับพี่เพียงฟ้าเล่าเรื่องตลกๆ
ให้ฟัง เธอผ่อนคลายจนลืมเรื่องที่ศัตรูหัวใจนั่งอยู่ข้างๆ
และไม่รู้เลยว่าถูกเฝ้ามองอยู่ด้วย
“พี่แคลร์คะ พี่คินทร์อยู่ที่บ้านโหดแบบนี้หรือเปล่าคะ”
จากที่ไอวี่ได้ยินมา (จากสาลี่) พี่คินทร์นั้นเป็นคนโหดที่ชาววิศวะเกรงกลัว
เป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ไม่ค่อยพูดคล้ายกับคิวแต่ถ้าพบเจอว่าใครทำผิดจะทำโทษก่อนแล้วค่อยตักเตือน
ต่างกับคิวที่หากเห็นใครทำผิดกฎระเบียบมักจะแผ่ความกดดันให้รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกและชอบใช้สายตาฆ่าคน
ว่าแต่พูดถึงคิวเธอลืมเขาไปเสียสนิท สายตาของไอวี่หันไปมองทางโต๊ะของสายรหัสพี่ระเบียบทันที
ทว่าดวงตาเธอก็กระตุกวูบไหวเพราะสายระเบียบทั้งสายหายไปกันหมดแล้ว!
ไอวี่ลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัว เผยดวงตาสั่นไหวและหวั่นใจจนทำให้สายรหัสทมิฬทุกคนที่พูดคุยกันอยู่หยุดพูดแล้วหันมาสนใจเธอแทน
“น้องไอวี่เป็นอะไรคะ” พี่น้ำนิ่งถามก่อนคนแรก
“นั่นสิไอวี่ทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้นล่ะ”
พี่เพียงฟ้า
“ไอ ไอขอตัวไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ” ไอวี่พูดเสียงสั่น
เธอไม่รู้หรอกว่าเป็นอะไรแต่หัวใจเธอสั่นมากและต้นเหตุมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้ไอวี่กระวนกระวายไม่เป็นตัวของตนเองถึงเพียงนี้
คิวไม่เคยยุ่งกับคนในมหา’ลัย เลยสักครั้ง
ยิ่งคนใกล้ตัวอย่างน้องรหัสไอวี่คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ยุ่งด้วยในเชิงชู้สาวแน่
เพราะคิวเป็นพวกเคร่งกฎระเบียบ ถึงจะไม่มั่นใจว่าคิวคิดยังไงแต่เธอมั่นใจว่าน้องรหัสทั้งสามของคิวน่ะคิดแน่! ร้อยทั้งร้อยของเรื่องแบบนี้ถ้าไม่เกิดขึ้นในห้องน้ำก็คงจะเป็นหลังร้านไม่ก็ลานจอดรถ
ไอวี่ฟันธงว่าคิวจะต้องอยู่ที่ไหนสักที่แน่นอน!
ไอวี่เริ่มเข้าไปดูที่ห้องน้ำก่อนเลยเป็นอันดับแรกพอเห็นว่าไม่มีคนที่เธอตามหาก็ลองออกไปดูด้านหลังร้านแต่ก็ยังไม่มีอยู่ดีเธอจึงรีบเดินไปดูแถวลานจอดรถที่อยู่ข้างๆ
กัน แต่ก็ไม่มีเช่นกัน ทันใดนั้นไอวี่ก็หันไปเห็นบางอย่างเข้า ถึงเธอจะมีโอกาสไม่มากที่จะได้นั่งรถคันนั้นแต่เธอก็จำได้ว่ามันเป็นรถของคิวไม่ผิดแน่
ไอวี่หัวใจเต้นระทึกรีบเดินไปดูที่รถแต่ก็ไม่เห็นว่ามีใครอยู่เธอรู้สึกโล่งใจ
ทว่าหากรถอยู่แล้วคนหายไปไหนกัน?
“หาอะไรอยู่ครับ” เสียงปริศนาทำให้ไอวี่หันขวับทันที
ไอวี่ถอยหลังสองก้าวเมื่อเห็นว่ามีชายสามคนยืนส่งยิ้มมาให้
เธอไม่ใช่คนไร้เดียงสาที่จะไม่รู้ว่านี่คืออะไร
ไม่ใช่ว่าจะกลัวพวกมันจะทำอะไรแต่ไอวี่ไม่อยากจะก่อเรื่อง เธอไม่ตอบก่อนจะเดินเลี่ยงผู้ชายทั้งสามทว่าพอเธอเดินไปทางไหนพวกเขาก็มาขวางจนเธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“หลีกทาง”
“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิครับพวกพี่แค่เห็นว่าน้องสีหน้าไม่ค่อยดีก็เลยตามมาดู
ว่าแต่เป็นอะไรรึเปล่าทำไมดูร้อนรนแบบนั้นล่ะครับ”
“ไม่เกี่ยวกับพวกนาย”
ไอวี่เดินเลี่ยงทว่าหนึ่งในนั้นยกมือขวางเอาไว้เสียก่อน
“นี่บอกเอาไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าหากจะมาเตาะหรือดีลให้ไปต่อที่ไหนฉันก็ไม่สนใจ
และถ้ายังไม่ฟังแล้วอยากเป็นหน้าตัวเมียรุมผู้หญิงคนเดียวล่ะก็ฉันไม่เกี่ยงหรอกนะ”
“โห ก็นึกว่าสวยอย่างเดียวปากยังดีอีกด้วยว่ะ
นี่ไม่รู้ว่าปากจะมีดีแค่เอาไว้ขู่อย่างเดียวหรือทำอย่างอื่นได้อีก” ชายหัวทองพูดยิ้มๆ
“แบบนี้ก็ต้องลองพิสูจน์สิวะ” ชายผมดำพูดขึ้นก่อนจะหันไปสั่งคนผมสีน้ำตาล
“เห้ยมึงดูต้นทางเอาไว้กูขอก่อนคนแรก”
ไอวี่ก้าวถอยหลังเมื่อหนึ่งในนั้นตรงเข้ามาหาเธอ
และพอมันตรงเข้ามาจับแขนไอวี่ก็ชักหลบก่อนจะจับมือมันหักไปด้านหลังแล้วใช้เท้าเตะไปที่ข้อพับขาให้มันล้มลง
“โอ้ย!”
“จะมาเล่นกับคนอย่างไอวี่ก็ต้องเจอแบบนี้”
ไอวี่ยิ้มเยาะก่อนจะรีบผลักผู้ชายผมดำให้ออกห่างเมื่อเห็นว่าคนผมทองเข้ามาประชิดตัวด้านหลัง
ไอวี่เบี่ยงตัวหลบแล้วจับมืออีกฝ่ายม้วนแล้วล็อคคอของมันเอาไว้
“เตือนแล้วนะว่าอย่ามายุ่ง” ไอวี่พูดทว่าในตอนที่เธอลดการป้องกันชายอีกสองคนก็เข้ามาล็อคเธอเอาไว้จนได้
“ฤทธิ์เยอะนักใช่ไหม! ตอนแรกกูก็จะพาไปนอนโรงแรมดีๆ
หรอกนะแต่ทำแสบขนาดนี้หลังร้านก็พอมั้ง”
ไอวี่ขมวดคิ้วเครียด
ถึงเธอจะพอเป็นวิชาต่อสู้ทว่าวันนี้เธอใส่ชุดเดรสและรองเท้าส้นสูงมาจึงไม่เหาะที่จะจัดการคนพวกนี้
และถึงเธอจะใส่เสื้อผ้าและรองเท้าที่เหมาะสมก็คงจะสู้แรงผู้ชายก็คงจะยาก
ไอวี่คิดจะเรียกให้คนช่วยแต่ก็ทำไม่ได้เพราะว่าแถวลานจอดรถนี้ก็ค่อนข้างจะเงียบและไม่ค่อยมีคนเดินมาเท่าไรนัก
จะมีก็แต่ตอนกลับบ้านเท่านั้นล่ะที่จะมีคนเดินเพ่นพ่านได้ และที่สำคัญพวกมันปิดปากเธอซะแน่นทำเอาร้องไม่ออกและเจ็บปากไปหมดแล้ว!
ไอวี่ถูกพาอ้อมมาทางด้านหลังร้านที่เป็นลานจอดรถเก่า
พอมาถึงตรงนี้เธอก็เริ่มที่จะกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ด้วยความที่เธอมางานเลี้ยงสายรหัสจึงไม่ได้ให้บอดี้การ์ดอยู่เฝ้าเพราะมีคิวอยู่ด้วยและไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เธอเริ่มเข้าใจในทันทีว่าถึงเธอจะมีความสามารถในการป้องกันตัวเองได้แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่พลั้งพลาด!
“หึ นึกกลัวขึ้นมาแล้วเหรอครับน้องคนสวย”
ไอ้ผมทองมันพูด
“ดูท่าว่าจะดิ้นจนเหนื่อยคงหมดฤทธิ์แล้วว่ะ”
ไอ้ผมดำที่จับมือทั้งสองข้างของไอวี่ขึงไว้บนพื้นพูดเสริม
“ขาสวยสุดยอดเลยว่ะ เนียนและนุ่มด้วย”
ไอวี่รู้สึกขยะแขยงสัมผัสที่ลวนลามทั้งที่แขนและที่ขา
เธออยากจะร้องให้คนช่วยก็ติดที่ปากของเธอถูกปิดด้วยเนคไทที่เต็มไปด้วยน้ำหอมฉุนจมูก
ร่างกายเริ่มจะแสบและคันเพราะผิวของเธอครูดไปกับพื้นที่แข็งกระด้าง
อีกทั้งมือและเท้าที่โดนพวกมันกดเอาไว้นั้นก็เริ่มปวดหนึบ น้ำตาเริ่มซึมขึ้นมาเพราะเจ็บและหวาดกลัว
มันน่าแปลกที่เมื่อไรที่เธอตกอยู่ในอันตรายมักจะนึกถึงใครบางคนขึ้นมา
คนที่ช่วยเธอได้ทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหน
คนที่ชอบทำเย็นชาและชอบทำสีหน้ารำคาญใส่ คนที่ทำให้เธอตกหลุมรัก
คนๆ นั้นที่ชื่อคิวกรณ์..
เธอหวังเอาไว้ว่าเขาจะมาช่วยเธอเหมือนกับทุกๆ
ครั้ง ทว่าตอนนี้เขาอยู่ไหนเธอยังไม่รู้เลยจะหวังให้เขามาช่วยก็ดูจะมากเกินไป
นาทีที่เธอกำลังจะโดนผู้ชายทั้งสามคนรุมโทรมคนที่ปรากฎตัวในสายตาเธอกลับเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คิว
แต่คนที่เธอไม่คิดว่าจะมาอยู่ตรงนี้ได้
พี่คินทร์...
ผั่วะ!
ผลั่ก! ผั่วะ!
ไอวี่นอนนิ่งมองดูท้องฟ้าอันแสนมืดมิด แม้แต่ดวงดาวก็ยังไม่โผล่ออกมาให้เห็น
สติของเธอยังคงกลับมาไม่ครบแต่ถึงกระนั้นก็พอจะเห็นภาพพี่คินทร์จัดการชายทั้งสามคนจนพวกมันเจ็บหนักวิ่งหนีเตลิดกันไป
พี่คินทร์ไม่ได้ตามพวกมันไปแต่กลับเดินมาใกล้ๆ เธอสบตาคมดุนั้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย
พี่คินทร์จริงๆ ด้วย เป็นพี่คินทร์ไม่ใช่คิว..
“ชอบนอนที่พื้นนักรึไง?”
“...” เธอไม่ได้ตอบแต่กลับกระพริบตาสองถึงสามครั้ง
ปรับสติและความรู้สึกที่อัดอั้นในใจให้มันสงบลง
ทว่ามันทำยากมากจนร่างกายต้องกลั่นความเสียใจออกมาทางดวงตา
ในหัวพลันเกิดคำถามต่างๆ นาๆ
คิวไม่มา คิวไม่มาช่วยเธอ คิวหายไปไหน ไปกับใคร
แล้วทำไมต้องทิ้งเธอให้เผชิญอันตรายอยู่คนเดียว ไหนใครบอกว่าถ้าหากมีเขาอยู่เธอจะไม่เป็นอะไรไง
จะคอยปกป้องไง...
“ไออยากกลับบ้านค่ะ”
“เดี๋ยวไปส่ง” พี่คินทร์พูดออกมาในทันทีแต่เธอทำเพียงส่ายหน้าให้กับความหวังดีนั้น..เธอไม่อยากให้คนอื่นเห็นความอ่อนแอของเธออีก
“เดี๋ยวไอโทรให้คนที่บ้านมารับค่ะ”
ไอวี่ลุกขึ้นก่อนจะปัดเนื้อตัวที่มีแต่ฝุ่นดิน
“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยถ้าไม่ได้พี่คงแย่แน่เลย”
ดูเหมือนพี่คินทร์จะเป็นคนเข้าใจสถานการณ์ได้ดี
เขาไม่ตื้อจะไปส่งหรือพูดอะไรอีก เขายืนรอคนมารับเธอด้วยกันเงียบๆ
จวบจนทิมขับรถมารับเธอด้วยสีหน้าตื่นๆ ที่เห็นว่าเนื้อตัวเธอสกปรกผมเผ้ายุ่งเหยิงแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
ไอวี่กล่าวลาพี่คินทร์อีกครั้งแล้วจึงขึ้นไปบนรถ พอทิมขึ้นรถมาก็สตาร์ทรถออกตัวทันที
ไอวี่ก็เมินสายตาของทิมที่มองมาอย่างเป็นห่วงแล้วหลับหนีไปเสียเลย
เธอแค่เหนื่อยและอยากจะอยู่เงียบๆ ยังไม่อยากจะตอบคำถามใคร
เพราะขนาดเธอเองก็ยังตอบคำถามตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม..
ทำไม..ในเวลานั้นยังเชื่อใจและคิดว่าคิวจะต้องมาช่วยเธอ
ทำไม..ถึงเลิกคิดถึง เลิกรัก
เลิกพึ่งพาคนใจร้ายคนนั้นไม่ได้เสียที
ลับหลังรถเก๋งคันหรูร่างสูงที่แอบอยู่ก็ออกมาจากที่ซ่อนก่อนจะเดินมายืนข้างๆ
กับคินทร์ที่กำลังยืนสูบบุหรี่พิงกำแพงอยู่
คินทร์หันไปมองผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ระเบียบที่ทุกคนต่างเกรงกลัว
คนที่ใครหลายๆ คนคิดว่าไม่คิดกระทำผิดกฎหรือข้อปฏิบัติของตนเอง
คินทร์หยิบบุหรี่ส่งให้อีกฝ่ายก็หยิบไปจุดสูบเช่นกัน
ความจริงแล้วคินทร์ตามมาดูไอวี่แทนที่จะให้ผู้หญิงออกมาตามด้วยกันเองเพราะมันดูอันตราย
แต่พอเห็นว่าไอวี่กำลังหาอะไรคินทร์ก็เข้าใจในที่สุด ทว่าระหว่างนั้นไอวี่ก็เกิดมีเรื่องขึ้นมา
คินทร์เห็นไอวี่ป้องกันตัวได้และกำลังจะเข้าไปช่วยแต่มือของใครบางคนก็ขวางเอาไว้เสียก่อน
เป็นมือของเพื่อนสนิทในกลุ่ม..ตอนนั้นคินทร์ไม่เข้าใจที่คิวยังคงยืนเฉยๆ
อยู่แบบนั้น
“นกน้อยของมึงกำลังแย่แน่ะ”
“ปล่อยไปก่อน”
คิวพูดขึ้นมาเรียบๆ
สายตาจ้องมองไอวี่ใช้วิชาป้องกันตัวเอาตัวรอดจากสถานการณ์จริง ตามดูไอวี่จนอีกฝ่ายถูกลากไปยังลานจอดรถเก่าแล้วอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่
คิวขมวดคิ้วขัดใจที่ไอวี่ไม่พยายามต่อสู้ดิ้นรนหนีอย่างที่คิด
กลับกันอีกฝ่ายคล้ายกับกำลังรออะไรสักอย่าง ซึ่งอะไรสักอย่างนั้นคิวพอจะเดาได้
คิวไม่ได้ออกไปช่วยไอวี่อย่างที่ไอวี่คิด แต่กลับส่งคินทร์เข้าไปช่วยแทนและเขาเองก็หาที่หลบเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่าย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคิวไม่ได้เป็นคนกระทำ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปช่วยเหมือนกับทุกๆ
ครั้ง..
“คิดว่าที่ทำอยู่นี่ถูกต้องเหรอ?” คินทร์ถามขึ้น
“...”
คิวไม่ตอบแต่กลับเงยหน้ามองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยกลุ่มดาวที่เพิ่งจะโผล่ออกมาจากหมู่เมฆ
ก่อนที่จะพ่นควันสีขาวกระจายไปทั่ว
“ทำอะไรก็รับผิดชอบเอาเองอย่าลากกูไปเกี่ยวด้วย เพราะถ้าแคลร์รู้กูกับมึงได้ตายแน่”
“หึ..กลัวขนาดนั้น?”
“ผู้ชายกลัวเมียแล้วจะเจริญ ไม่เคยได้ยิน?”
“ไม่รู้ไม่เคยมีเมีย..กลัวเมียแล้วกลัวพี่เมียด้วยรึเปล่า”
“...” คินทร์ไม่ได้ตอบแต่หันไปมองคิวอย่างจริงจัง
“อะไรก็แล้วแต่กูบอกเอาไว้เลยว่ากูไม่ได้ร่วมมือกับมึงแต่ก็จะไม่ขัดขวางอะไร”
“แค่นั้นก็ดีแล้ว”
“แต่กูขอบอกเอาไว้สองอย่าง”
คินทร์ทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นก่อนจะใช้เท้าขยี้ให้ไฟมอด
“ข้อหนึ่งทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่มึงเป็นคนคิดคนทำกูไม่เกี่ยวไม่รู้ไม่เห็นหากเรื่องแดงมึงต้องยืนยันความบริสุทธิ์ของกูให้แคลร์ฟังด้วย..ส่วนข้อที่สอง
หากเห็นว่ามึงกระทำเกินไปกูก็จะยื่นตีนออกไปยุ่งแบบครั้งนี้..เพราะนั่นก็คือสายรหัสกูเหมือนกัน”
“ไม่คิดว่ามึงจะสนใจผู้หญิงคนอื่นนอกจากแคลร์”
“คนใกล้ตัวกูล้วนสำคัญหมดนั่นล่ะ” คินทร์ขยับกายยืนขึ้น
“กูอยากจะขอเตือนมึงหน่อยนะคิว
กูรู้สึกว่าแคลร์ชอบเด็กนั่นมาก มึงอย่าทำอะไรให้มากเกินไปล่ะ..”
“..ปรกติมึงไม่ค่อยพูดนี่แล้วยิ่งมาเตือนกูแบบนี้อีก..ไม่ชินเลยว่ะ”
“กูก็ไม่เคยชิน แต่ถ้ากูทำแล้วผลที่ได้แคลร์มีความสุขกูก็ยินดีทำ”
ღ
Talk
แจ้งเล็กน้อยนะคะ
1. เนื้อเรื่องช่วงมหา'ลัยจะเร็วหน่อยนะคะ เราจะไม่เก็บมาก
อย่างพวกเพื่อนๆ ก็จะมีโผล่บ้าง แต่ส่วนตัวจะดำเนินเหตุการณ์
กับตัวเอก เพราะจากนี้มันยังต้องเขียนอีกเยอะ ตีเป็นเปอร์เซ็นต์
ตอนนี้เขียนได้ 20 เต็ม 100 ค่ะ
2. พระเอกเรื่องนี้เป็นคนเลวค่ะ แต่เลวเพราะมีสาเหตุ
นางเอกดูน่าสงสาร ใช่ค่ะจะน่าสงสารเกือบทั้งเรื่อง
จวบจนใกล้จบโน่นล่ะที่เอาคืนพระเอกได้บ้าง
3. เรื่องมันจะวนลูปความหึงหวง นางเอกงี่เง่า เอาแต่ใจ
แต่ต่อไปนางจะไม่เป็นแบบนี้ค่ะ อย่าเพิ่งรำคาญนางนะ
ความคิดเห็น