Kitanai No Sekai - Kitanai No Sekai นิยาย Kitanai No Sekai : Dek-D.com - Writer

    Kitanai No Sekai

    แล้วคุณล่ะครับ คิดจะปกป้องโลกของคุณหรือยัง

    ผู้เข้าชมรวม

    366

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    366

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ผจญภัย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 ก.พ. 49 / 12:06 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      อาโอกิ นาโอกินักเรียนชั้นมัธยมปลายกำลังง่วนกับการจดงานอยู่กับเพื่อนๆ
      (
      หรือเล่นอะไรกันอยู่แน่)

      ระหว่างนั้นก็มีสิ่งมีชีวิตที่ดูใหญ่โตจะเรียกว่าช้างก็ได้กระมังเคลื่อนเข้ามาและพูดว่า "นาโอกิ ทำอะไรอยู่น่ะ"

      นาโอกิและเพื่อนๆสะดุ้งสุดตัว "เออ ไม่มีอะไรครับผมก็จดตามครูอยู่นี่ไง"

      คุณครูร่างยักษ์ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ "ไหนเอาของที่อยู่ใต้โต๊ะมาดูซิ"

      "เอ่อ ไม่มีครับไม่มี"

      "นี่จะเอามาให้ครูดีๆหรือว่าจะให้หักคะแนนฮึ" ครูร่างยักษ์คำราม

      "ไม่มีจริงๆ ครูก็" เพื่อนๆบอกกับครู

      "มันต้องมีอะไรแน่ๆ"ครูร่างยักษ์สงสัยหนัก เพราะเธอเห็นนาโอกิกำลังเล่นอะไรกับเพื่อนๆอยู่ก่อนที่เธอจะเดินมาถึง

      "เอ้า แล้วจดตามครูหรือยัง" เมื่อไม่มีหลักฐานครูจึงถามถึงสิ่งที่ตนได้สอนไปเมื่อกี้

      "ก็ผมจดตามครูครบแล้วนี่ครับครูจะเอายังไงอีกเนี่ย"

      เมื่อเห็นพวกของนาโอกิกวน ครูจึงยกเอาเรื่องเมื่อกี้ขึ้นมาอีก

      "งั้นเรื่องที่เธอเล่นอะไรกันน่ะ ชั้นเห็นนะ ต่อจุดใช่ไหม เห็นแว้บๆ"

      "เล่นอะไรเล่าครับ บอกแล้วไงจดงานอยู่เมื่อกี้ ครูหาเรื่องผมจังเลย" พวกของนาโอกิแย้ง

      "นี่อย่ามาเถียงฉันนะ" ครูร่างช้างกระทืบเท้า

      "โธ่ครูก็ อย่าก้าวร้าวสิครับ"

      "ไหนชั้นก้าวร้าวตรงไหนคำนี้ฉันน่าจะพูดกับเธอนะ นาโอกิ"

      "ก็ครูเล่นกระทืบเท้าทีพื้นร้าว ไม่ให้ผมบอกก้าวร้าวได้ไงละครับ"

      ผัวะ!! "อูย เจ็บตัวอีกแล้วตู" นาโอกิเอามือคลำหัวป้อยๆ

      "นี่ยังน้อยไปนะ เดี๋ยวฉันจะฟ้องครูประจำชั้นเธอคอยดู" ท่าทางครูเอาจริงทำนาโอกิเหวอ

      "อย่าเลยนะครับครู" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนนามนาโอกิร้องขอ

      "น้า น้า อย่าฟ้องน้า"

      "ใครน้าเธอยะ" (แน่ะยังอุตส่าห์มาเล่นมุขฝืดนะครู)

      "..." นาโอกิซึมไปถนัด ในใจคิดว่า จะมีใครฝืดกว่าครูช้างไหมนี่

      "งั้น นาโอกิ ครูจะให้เธอทำการบ้านเป็นการทำโทษ" พูดอย่างสะใจ

      หน้าตานาโอกิดูมีความหวังขึ้น "ให้ผมเลี้ยงข้าวครูหรอครับ แต่ผมคงมีเงินไม่พอก็เพราะครูอ้วน…"

      โครม!! พูดไม่ทันจบนาโอกิก็ฟุบคาโต๊ะทันที โดยไม่ต้องบอกเหตุผลว่าเพราะอะไร

      ครูร่างยักษ์เงยหน้าขึ้นมาและกล่าวกับทุกคนในห้องว่า "เอ้า นักเรียนคะ เนื่องจากนาโอกิทำตัวไม่ดีครูขอทำโทษโดย

      การให้ทุกคนเขียนเรียงความเกี่ยวกับเรื่องที่ครูสอนวันนี้อีกสองสัปดาห์ส่งนะคะ"

      "โห่!" "อะไรกัน" "ไม่เอาๆ" ทุกคนในห้องร้องขึ้น ไม่พอใจ

      "ใครทำคนนั้นก็รับผิดชอบเซ่" นักเรียนคนหนึ่งโวยวาย

      "อะไรเนี่ย นาโอกิอีกแล้วหรอเนี่ย ฮะ ฮะ ฮะ" เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นกลบ

      นาโอกิจ๋อยมองหน้าเพื่อนๆไม่ติด

      "แกนี่จริงๆเลยนะ นาโอกิ เดี๋ยวหลังชั่วโมงมาคุยกันหน่อยดีไหม" บิรุเพื่อนของนาโอกิพูดขึ้นพร้อมกับเสียงกำหมัดของเขาดัง กร๊อบๆ

      "ต้องเป็นกระสอบทรายอีกแล้วเหรอเนี่ยเรา" นาโอกิคิดในใจ

      หลังเลิกเรียนพอโดนบิรุซ้อมเสร็จแล้วนาโอกิก็วิ่งไปที่ห้องสมุดโรงเรียน

      "อืม ไหนดูซิ ที่ครูสอนวันนี้.ระบบนิเวศ เฮ้อ ปัญหามลภาวะหรอ จะทำได้ไหมเนี่ย"

      สองชั่วโมงผ่านไป "โอ๊ย! เซ็งจริงๆเลย ปวดหัวๆ" นาโอกิขยี้ผมอย่างแรงเมื่อไม่พบกับหนังสือที่เขาต้องการที่ห้องสมุด

      เย็นวันนั้นนาโอกิเดินทอดหุ่ยกลับบ้าน ระหว่างทางก็ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงถึงจะมีงานส่งครูช้างคนนั้น เธอคงไม่ใจร้ายเกินไปถ้าเขาไปขอโทษดีๆ เพราะครูเป็นคนโกรธง่าย หายเร็ว

      "ดีละพรุ่งนี้ลองไปขอโทษดีกว่า" นาโอกิเลิกคิดหน้าตาแจ่มใสขึ้นวิ่งตรงกลับบ้าน

      "กลับมาแล้วครับแม่" แล้วนาโอกิก็วิ่งขึ้นห้องนอนของตนพร้อมกับเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เตรียมแต่งนิยายตามที่เขาชอบแต่ง

      "เอ..หรือว่าจะลองแต่งเรียงความที่ครูสั่งดีนะเรา แต่เราก็ไม่มีข้อมูลอะไรเลยนี่นา"

      "เอาล่ะ ทำๆไปก่อนก็แล้วกัน" นาโอกิคิด พร้อมกับพิมพ์หัวข้อเรื่องระบบนิเวศและมลภาวะ แต่เมื่อพิมพ์ไปได้สักหน่อยหนึ่ง

      "เฮ้อ ง่วงจริงๆเลยเว้ย ฮ้าว " นาโอกิหาวหวอดๆ มองดูที่หน้าปัดนาฬิกาข้อมือบอกเวลาสิบแปดนาฬิกาพอดี

      วาบ! ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เกิดแสงประหลาดขึ้น "หืม อะไรกัน เฮ้ย! นี่มันอะไรกันน่ะ"

      ทันใดนั้นร่างกายของนาโอกิค่อยๆถูกดูดเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์

      "ช่วยด้วย! ช่วยผมที! ใครก็ได้!" นาโอกิแหกปากลั่น แต่ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว

      หลังจากนาโอกิถูกดูดเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของเขาเอง คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นก็ดับลงโดยไม่ทราบสาเหตุ

      "โอ๊ย! เมื่อกี้มันอะไรน่ะ" นาโอกิได้สติและพยายามลุกขึ้นมา สลัดหัว รู้สึกปวดหนึบที่ต้นคอ

      เขากวาดสายตาไปโดยรอบ ทำให้รู้ว่าเขายืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังอะไรซักอย่าง แสงแดดที่แผดแรงทำให้ต้องหรี่ตา

      "ที่นี่มันที่ไหนกัน"

      "มาแล้วเหรอผู้รักษา ที่นี้คือ มิเรอร์เวิร์ลยังไงล่ะ…" เสียงหนึ่งพูดขึ้น น้ำเสียงดูทุ้ม อบอุ่น และรู้สึกถึงความแข็งแกร่งมั่นคงในเวลาเดียวกัน

      "เหวอ! ใครน่ะ" เขาหันไปรอบๆเพื่อหาต้นเสียง

      สายลมพัดผ่าน ใบไม้ไหว ไร้ซึ่งสรรพสิ่งรอบกาย

      "ช่างเป็นลมที่อบอุ่นและดุดันจริงๆ"

      "แต่เสียงเมื่อกี้นี้มัน เฮ้ย! ผะ..ผะ..ผะ..ผีนี่หว่า!" นาโอกิร้องลั่น

      หลังหายตกใจนาโอกิจึงสำรวจโดยรอบ ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้ค่ำ พระอาทิตย์ส่องแสงอ่อนๆ เห็นท้องฟ้าเป็นสีเหลืองอ่อน มีเมฆลอยอยู่เล็กน้อย อากาศที่ค่อนข้างเย็นทำให้นาโอกิรู้สึกหนาว ตัวสั่นเพราะยังผวากับเสียงนั้นไม่หาย

      "เฮ้! หรือว่าฉันกำลังฝันอยู่ ลองเตะหินก้อนนั่นดูดีกว่า" นาโอกิเลือกที่จะเดินเข้าไปเตะหินก้อนใหญ่ในบริเวณนั้น

      ปึ้ก! ตามมาด้วยเสียงร้องอย่างที่บอกได้ว่าเจ็บสุดชีวิต

      "อูยๆ " นาโอกิโอดครวญด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์น้ำตาเล็ด

      จ๊อกๆ โครก! เสียงอะไรกันนะ(ยังทำหน้าเซ่ออีกนะนาโอกิ)

      "แหะๆ หิวแล้วสินะเรา" นาโอกิยิ้มเจื่อนๆกับตนเอง พลางเดินไปรอบๆ

      "อะไรกันเนี่ย ต้นไม้สักต้นที่สมบูรณ์ก็ไม่มี ดันมีแต่ต้นที่ล้มๆ ผลไม้คาต้นก็ไม่มี สงสัยต้องไปหาน้ำกินตามลำธารรองท้องแล้วเรา"

      "เฮ้ย!! อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างนี้ น้ำเน่า แล้วจะกินอะไรได้ล่ะ"

      แล้วความคิดที่แล่นเพราะความหิวก็บอกกับนาโอกิว่าให้ขุดหัวมันมาเผากิน

      หลังจากเผาหัวมันเสร็จนาโอกิก็ยกขึ้นมาดม

      "ฮ้า! หอมฉุย กินละนะคร้าบ" แม้ไม่มีใครอยู่แถวนั้นนาโอกิก็ยังทำตามมารยาท

      "เอิ๊ก! อิ่มไปอีกมื้อ" นาโอกิกินจนพุงกางแล้วเอนกายลงกับขอนไม้

      สวบ! ฟิ้ว เสียงลมพัดและเสียงใบไม้ถูกเหยียบ ทำให้นาโอกิหันซ้ายหันขวาเลิ่กลั่ก

      "มันจะอะไรกันอีก เลิกมาหลอกมาหลอนกันสักทีได้ไหมเนี่ย!" นาโอกิร้องอย่างโมโห

      "ฉันอยู่ที่ไหนยังไม่รู้ตัวเอง แถมยังจะมาโดนตัวบ้าอะไรตามล่าตามหลอนอีกฟะ!"

      สวบ! ฟิ้ว เปรี้ยง!

       "โอ๊ย!" เสียงคนร้องหลังจากนาโอกิขว้างก้อนหินไปยังต้นเสียง

      "ใครน่ะ" นาโอกิตะโกนขึ้น

      "อูย นายแม่นจังเลยนะ" เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลัง

      "เหวอ! นาย..นายเป็นใครน่ะ" นาโอกิผู้ชอบโวยวายร้องลั่นอีกแล้ว

      ชายตรงหน้าดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา ดวงตาสีฟ้าและผมสีขาว ทำให้คนๆนี้ดูเหมือนสายลมเสียจริงๆ

      "นายปาหินเก่งนะ ผู้รักษา" ชายตรงหน้าพูดขึ้นอีกครั้ง ขยับกายลงนั่งตรงข้ามกับนาโอกิพลางคลำหัวที่ปูดออกมา

      "นายเป็นใครเหรอ ที่นี่ที่ไหน แล้วฉันมาได้ยังไง ใครพาฉันมา" คาถามที่ถูกยิงเป็นชุดทำให้คนฟังไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี

      "โอย ขอตอบทีละคำถามนะผู้รักษา" ชายผมสีขาวทำหน้าเหมือนปวดหัว

      "ฉันชื่อนาโอกิ ไม่ได้ชื่อผู้รักษาอะไรนั่นของนายนะ ว่าแต่นายชื่ออะไรล่ะ"

      "ฉัน คาเซะ" เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี

      "แล้วที่นี่ก็คือมิเรอร์เวิร์ลนะท่านผู้รักษา เอ้ย นาโอกิ" พอได้ยินชื่อสถานที่นาโอกิก็แปลกใจ

      "แล้วที่ถามว่านายมาได้ยังไงก็จะบอกว่า มีคนเรียกนายมา" นาโอกิยิ่งงงหนัก เรียกมา แล้วเรียกมาทำไม

      "หา! เรียกฉัน ใครเรียกกันล่ะ เรียกได้ไง ฉันยังต้องกลับไปเรียนนะ" นาโอกิทำหน้าปุเลี่ยน

      "ใจเย็นๆผู้รักษา เอ้ย นาโอกิ ขอโทษที"

      "ผู้ที่เรียกนายมาน่าจะเป็นธรรมชาติมากกว่านะ ที่เรียกมาน่ะ เหตุผลนายคงเห็นตอนที่นายเดินสำรวจแถวๆนี้มาแล้ว"

      "ก็แสดงว่านายสะกดรอยตามฉัน นายเป็นใครกันแน่คาเซะ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ที่ตามฉัน" นาโอกิทำหน้าไม่ไว้ใจคาเซะ ที่มาสะกดรอยตามตนเอง

      "เฮ้ย! ใจเย็นๆ ฉันมาดีนะ" คาเซะยกมือขึ้นเหมือนยอมแพ้

      "แล้วมันเพราะอะไรล่ะที่ฉันโดนเรียกมา" นาโอกิยิงคำถามต่อไป

      "ให้ตาย นายสังเกตบ้างรึเปล่า รอบๆตัวนายมีแต่ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ ที่ใกล้ตายแล้วหรือจะเรียกว่าตายไปแล้วก็ได้"

      "อ้าว แล้วทำไมถึงจะต้องตายล่ะ"

       "ก็เพราะไอ้สิ่งที่เรียกกันว่ามลพิษยังไงล่ะ มันเป็นตัวก่อมลภาวะเลยนะนาโอกิ! ธรรมชาติของมิเรอร์เวิร์ลกำลังจะ

      สูญสลาย"น้ำเสียงของคาเซะดูเป็นผู้ใหญ่กว่าและจริงจังมาก

      "แล้วเด็กนักเรียนมัธยมปลายอย่างฉันตัวคนเดียวจะมาช่วยอะไรได้ล่ะ" นาโอกิถาม

      "ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ แต่เพียงแต่ว่า ก่อนที่นายจะมาที่ซากปรักหักพังแถวนี้ ที่นี่เคยอุดมสมบูรณ์มาก่อน"

      "หือ อุดมสมบูรณ์ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพวกนายล่ะ"

      "หลายปีมาแล้ว เจ้ามาครอส ปีศาจที่น่าขยะแขยง ได้ถือกำเนิดจากปฏิกิริยาของมลภาวะทั้งหลายที่คนในโลกของนาย สร้างขึ้น จะอธิบายให้ฟังนะ คือมิเรอร์เวิร์ลน่ะ เป็นเสมือนเงาของโลกของนาย มลพิษที่เกิดขึ้นในโลกของนายจะถูกส่งผ่านมายังมิเรอร์เวิร์ลด้วย แต่จะรุนแรงกว่ามาก ที่นี่จึงเสื่อมโทรมเร็วกว่า เรียกได้ว่าที่นี่เป็นเหมือนอนาคตของโลกนาย ที่นี่มันก็คล้ายโลกคู่ขนานน่ะ"

      "นายแต่งเรื่องโกหกรึเปล่า" นาโอกิเอียงคอถาม หัวเราะแค่นๆ

      "โกหกไม่โกหกนายดูจากบริเวณที่นายไปเดินมาก็น่าจะรู้นะ"

      "แล้วมาครอสเนี่ยทำเรื่องทั้งหมดรึ"

      "ใช่ มันทำลายทุกอย่างพินาศหมด ปล่อยควันพิษ ทำน้ำเสีย นายก็เห็นน้ำเดือดเป็นฟองฟ่อด ออกขนาดนั้น กลิ่นเหม็นรุนแรงเลยนะ มันครองที่นี่ไปทั้งหมดแล้ว ผู้คนตกเป็นทาสของมัน ต้องอดอยาก หิวโหยและตายไปในที่สุด ที่นี่ใกล้ตายแล้วล่ะนาโอกิ"

      "แล้วฉันก็ถูกดูดมาจากเครื่องคอมที่บ้านเนี่ยนะคาเซะ เพื่อจะมาช่วยกอบกู้หรือที่นายเรียกว่ามารักษาน่ะเหรอ" นาโอกิถามหลังเงียบมานาน

      "ไอ้ฉันก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเป็นนายนะ แต่ก่อนที่ท่านผู้เฒ่าจะสิ้นใจ ท่านได้กล่าวว่าธรรมชาติจะเป็นผู้คัดเลือกผู้รักษามาจากโลกฝั่งนั้น" นาโอกิฟังคาเซะพูดอย่างแปลกใจ เขาน่ะหรือ ถูกคัดเลือก

      "มันคงจะไม่ใช่แค่การกอบกู้นะ แต่คงเป็นการซ่อมแซม บูรณะ หรือสร้างใหม่เลยก็ได้แล้วแต่นายจะคิด แต่ถ้ามันเกินเยียวยาธรรมชาติก็คงจะต้องมาระเบิดตัวเองทิ้ง"คาเซะทำหน้าเครียด

      "แล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะ ฉันไม่มีพลังที่จะกอบกู้โลกทั้งใบหรอกนะ ฉันมีแค่สองมือ"

      "มีสิ พลังของนายนั่นละ จะเกิดจากสองมือของนายเอง"คาเซะกล่าวอย่างมั่นใจ

      "แล้วเราจะต้องทำอะไรกันก่อนล่ะ" นาโอกิถามอย่างเริ่มเข้าใจเหตุการณ์ พลางกำลังคิดว่าถ้าไม่แก้ไขให้หมดเรื่อง

      คงจะกลับบ้านไม่ได้แน่ๆ

      "หยุดแผนการของเจ้ามาครอส!" คาเซะคำราม

      "หยุดแผนการณ์?" นาโอกิ งงกับคำของคาเซะ

      "นายไม่แปลกใจรึ นายถูกเรียกมา ไม่ได้แค่กอบกู้มิเรอร์เวิร์ลแค่นั้นนะ ถึงจะเยียวยาอะไรไม่ได้แล้วก็เถอะ แผนการณ์ของมาครอส คือหาทางเชื่อมต่อระหว่างโลกของนายและมิเรอร์เวิร์ลยังไงล่ะ"

      "ทางเชื่อมต่อ?" นาโอกิยิ่งแปลกใจมากขึ้น ยิ่งเขารู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลกนี้เท่าไหร่ก็ยิ่งไม่รู้มากเท่านั้น

      "ก็ที่ฉันบอกไปว่า ผลกระทบที่ได้รับจากโลกไง มันมาทางนั้น แต่ไม่มีใครรู้ว่า ทางที่มันส่งมาอยู่ทางไหน"

      "พวกเราก็ต้องออกสำรวจหาทางเชื่อมให้ได้ก่อนมาครอส และกอบกู้ดินแดนแถบนี้ไปพลางๆใช่ไหมล่ะ คาเซะ?" นาโอกิถามเสียงอ่อย

      " ไม่งั้นก็เท่ากับเราไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะถ้าเราหาทางเชื่อมนั่นเจอหลังมาครอสจะอันตรายมาก เพราะมันจะต้องเปิดทางนั่นจนกว้างและลอดผ่านไปยังโลกของนายด้วยแน่ๆ แต่ถึงมาครอสจะเจอทางนั่น ฉันกับนายจะร่วมมือกันต่อสู้จนถึงที่สุด" คาเซะกล่าวอย่างมั่นใจ

      "เอาละนาโอกินายก็ได้ฟังอะไรมากมายแล้วนะ ฉันว่าถึงเวลาจะต้องนอนกันแล้วละ" คาเซะล้มตัวลงนอน

      "คาเซะ…" นาโอกิเอ่ยเบาๆหลังล้มตัวลงนอนแล้วยังไม่ปิดตา

      "หืมม์ ว่าไงนาโอกิ" คาเซะหันมา

      "ฉันอยากรู้ว่าที่โลกนี้ วิวัฒนาการเทียบเท่ากับโลกของฉันรึเปล่า" นาโอกิถามเสียงค่อยๆ เกรงใจ

      "ก็อาจจะรุดหน้าในบางเรื่องและตามพวกนายไม่ทันในบางเรื่อง เอาเถอะยังไงพรุ่งนี้ฉันก็ต้องเล่าให้นายฟังต่ออยู่ดี นอนเถอะนะ พรุ่งนี้จะเล่าให้หมดเปลือกเลยนะ" คาเซะยิ้มให้ทีหนึ่งและหลับตาลง

      "อือ"

      ค่ำคืนมืดมิดเหลือเพียงแสงไฟจากกองฟืนที่กำลังจะมอด ชะตากรรมของโลกคู่ขนานกำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป

      รุ่งเช้า แสงสว่างค่อยๆลอดผ่านหมอกพิษอันน่ารังเกียจที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของสิ่งปฎิกูล ขยะต่างๆที่ถูกเผาโดยทาสรับใช้ของมาครอสที่หวังให้มีเพียงความสกปรก ความน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง และกลิ่นเหม็นเน่า

      "แค่กๆ โอย คาเซะนายทนได้ไงเนี่ย" นาโอกิสำลักควันตื่นขึ้น

      "แค่กๆ โอย ควันอะไรเนี่ยเหม็นซะ…" คาเซะลุกขึ้นมาบ้าง

      "นายลองมองดูสินาโอกิ รอบๆตัวพวกเรามีแต่มลพิษ นั่นก็บึงที่มีแต่สารพิษ กากเคมีทั้งหลาย นั่นหลุมขยะ" คาเซะชี้ให้นาโอกิดู

      "อี๋ แมลงวันยักษ์ก็มีหรอเนี่ย" นาโอกิชี้ไปยังแมลงวันยักษ์ตัวยาวขนาดหนึ่งไม้บรรทัดที่กำลังจ้องมองเขาเป็นเหยื่ออันโอชะเช่นกัน

      "นาโอกิ ดูเหมือนมันจะชอบนายนะ" คาเซะพูดมีเลศนัย

      "วี้ หวี่ วู้ม ๆๆ  " เสียงปีกของแมลงวันยักษ์ตรงเข้ามาทางทั้งสอง

      "เหวอ!" นาโอกิร้องเอามือขึ้นบัง หลับตาปี๋

      ฉัวะ! คาเซะเอามีดพกแทงสัตว์น่าเกลียดตัวนั้น และวาดวงมีดเพื่อให้ท้องของมันขาดออก สัตว์ร้ายร่วงหล่นกับพื้น

      "ยี้ คาเซะนายดูสิในท้องมันน่ะ" นาโอกิขนลุกซู่เพราะความขยะแขยง

      "หนอน ตัวกำเนิดเผ่าพันธุ์ของมัน งั้นเผามันทิ้งซะ และดูซากชิ้นส่วนสัตว์และคนเกลื่อนเลย นายดูสิ" คาเซะชี้ให้ดูซากร่างที่มีแต่ความน่าขยะแขยง

      "นาโอกิ นายมองดูพวกมันสิเมื่อไม่มีอาหารก็ต้องแปรสภาพให้เข้ากับธรรมชาติ มันจึงวิวัฒนาการตัวเองเป็นแบบนี้ไง และเพราะความสกปรกทำให้มันตัวเหม็นมากๆ มีเชื่อโรค และอันตรายที่สุด อย่าไปโดนมันเชียวนะนาย" คาเซะปิดจมูกเพราะความเหม็นซากแมลงวันยักษ์ที่กำลังเผาไหม้

      "มันยังมีอะไรน่าขยะแขยงกว่านี้อีกไหม" นาโอกิทำหน้าเหมือนจะอาเจียน

      "มีอีกเยอะเลยละ บางชนิดมันก็ผสมข้ามสายพันธุ์เดิมกลายเป็นสัตว์ชีวะ" คาเซะพานาโอกิเดินเข้าเขตผู้คน

      หลายคนมองนาโอกิแปลก อาจจะด้วยการแต่งตัวชุดนักเรียนซึ่งที่นี่ไม่มี หรือหน้าตาของนาโอกิไม่เหมือนญาติพ่อแม่พี่น้องของเขา

      "โอ๊ย! นี่หยุดนะ" เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล

      "นี่แน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า คิดจะทำให้มันดีขึ้นได้รึสาวน้อย" พวกอันธพาลหูดำกำลังแย่งถังใส่สิ่งปฏิกูลจากมือเธอไป

      "หยุดนะ!" นาโอกิและคาเซะร้องห้าม

      "พวกเจ้าเป็นใคร กล้าขัดคำสั่งท่านมาครอสรึ" ชายท่าทางกักขฬะและหูดำผู้หนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น

      "คำสั่งของมาครอส คำสั่งอะไรของพวกนายน่ะ" นาโอกิร้องถาม

      "สร้างขยะ ทำลายแหล่งน้ำ เพิ่มปริมาณสารซีเอฟซีในชั้นบรรยากาศ และหาทางไปยังโลกมนุษย์ เพื่อครองโลก!"

      "อะไรนะ!" นาโอกิแทบไม่เชื่อหูตนเอง ใครมันจะเลวได้ขนาดนี้ คงมีแต่มาครอสผู้เดียวกระมัง

      "หลีกออกไปถ้ายังไม่อยากตาย" คาเซะชักมีดออกมา

      "เฮ้ย! มันมีอาวุธ ถอยก่อน" เหล่าคนพวกนั้นวิ่งหนีไป

      "คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ" นาโอกิเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังนั่งเก็บกวาดสิ่งปฏิกูลที่หล่นเมื่อกี้เข้าไปในถัง

      "ไม่หรอก เอ๊ะ!นายนี่มันมนุษย์โลกนี่นา" เมื่อเห็นนาโอกิเป็นมนุษย์โลกก็ทำเสียงเขียวใส่ทันที

      "ทำไมต้องมองอย่างกับผมเป็นตัวประหลาดด้วยล่ะ" นาโอกิเอ่ยถาม เพราะตั้งแต่เมื่อกี้ก็มีแต่คนจ้องมองเขาแปลกๆ

      "นายลองมองดูสิ่งที่โลกของนายทำกับที่นี่สิ" เธอตะโกนใส่หน้านาโอกิ

      นาโอกิเงียบลงไปอึดใจ ก่อนจะพูดขึ้นว่า

      "ผมก็พอจะรู้มานะว่าโลกของผมทำอะไรไว้กับพวกคุณ แต่ถ้าไม่ใช่ฝีมือของมาครอสซะส่วนใหญ่มันก็คงไม่มีทางทำให้เป็นแบบนี้ ผมน่ะมาจากโลกก็จริง แต่ผมก็จะมาช่วยคุณ เพราะทั้งสองโลกเชื่อมต่อกัน มันก็เหมือนพี่น้องไม่ใช่หรือ" หญิงสาวผงะเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำของเขา

      "ฉันคงต้องมองนายใหม่แล้วสินะ" เธอเสยผมเล็กน้อย ยิ้มออกมา ใบหน้าขาวเปื้อนฝุ่นผงเล็กน้อย

      "ฉันมินากิ โทโนะ หนึ่งในชาวมิเรอร์เวิร์ลขอต้อนรับนาย ในฐานะที่จะมาช่วยกอบกู้โลก" หญิงสาวพูดออกมาจากใจจริงพร้อมยื่นมือออกมา

      นาโอกิยื่นมือออกมาจับด้วยและกล่าวว่า

      "ผมอาโอกิ นาโอกิ เรียกผมนาโอกินะ"

      "เดี๋ยว ๆ คุณมินากิ เมื่อกี้ว่าหนึ่งในชาวมิเรอร์เวิร์ลเหรอ ผมว่าสองนะ" คาเซะรีบเอามือลงมาแปะลงบนมือของทั้งคู่ที่จับกันไว้

      "เอาละ คราวนี้เราก็คงเป็นสหายร่วมอุดมการณ์กันแล้วนะ" คาเซะยิ้มร่าเริง

      "ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ" เสียงหัวเราะของทั้งสามกังวานดั่งระฆังแก้วใบใหญ่ที่ฟังแล้วรู้สึกชื่นใจ

      "งั้น..ตอนนี้พวกนายต้องการทำอะไรต่อไปเกี่ยวกับเรื่องนี้" มินากิหญิงสาวคนเดียวของกลุ่มเอ่ยถามเมื่อทั้งสามเดินเคียงกันไป ดูทั้งสามจะสนิทกันอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะอุดมการณ์ที่มีเหมือนๆกัน

      "หาที่พักก่อนแล้วก็ค่อยคิดแหละ" นาโอกิพูดอย่างท้อๆ ที่นี่จะมีที่พักให้เขารึเปล่าหนอ

      "งั้นก็วางใจได้เลย บ้านฉันไง" หญิงสาวกล่าวพลางชี้ไปข้างหน้า เห็นบ้านเล็กๆซึ่งดูเหมือนกระท่อมคนแคระที่นาโอกิเคยอ่านจากนิทานตอนเด็กซะมากกว่า

      เมื่อทั้งสามเข้ามาในบ้านของมินากิแล้วนาโอกิฉุกคิดขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามว่า

      "เธออยู่คนเดียวเหรอ"

      "อืม"

      "แล้วพ่อกับแม่เธอ…"

      "พวกท่านเสียไปแล้วละ เพราะมาครอส พวกท่านถูกเกณฑ์ไปเป็นลูกน้องของมาครอสพอขัดขืนก็โดนทรมาน ไปโดนฝนกรดเอย ดินกรดเอย บึงพิษเอย ทนพิษบาดแผลไม่ไหวน่ะ" มินากิหันหลังให้พยายามกลั้นน้ำตา

      "อย่าเสียใจไปเลยนะ อย่างน้อยพ่อแม่ของเธอก็ยังรู้ถูกรู้ผิดกว่าไอ้มาครอส" คาเซะปลอบ

      "อื้อ" ร่างบางยิ้มรับ

      "นาโอกิเล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟังทีสิ ที่โลกของนายเป็นยังไงบ้าง"

      "เอาสิ" นาโอกิตอบตกลง คาเซะและมินากิทำท่าตั้งใจฟัง

      "ชั้นน่ะ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะได้มาที่นี่หรอกนะ วัน ๆ ก็ใช้ชีวิตนักเรียนมัธยมปลายไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมายของชีวิต สภาพบ้านเมืองที่มีแต่การแก่งแย่งกัน มันก็สมควรละนะ การจ้างงานในอัตราที่น้อยทำให้คนดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ถ้าเปรียบก็คงจะเหมือนเจ้ามาครอสในตอนนี้น่ะนะ ชาวบ้านได้รับการศึกษาน้อย คงจะคิดว่าไม่มีอะไร เวลาซักผ้าก็ปล่อยน้ำเสีย ปล่อยน้ำทิ้ง ขับถ่าย ทิ้งขยะลงในแหล่งน้ำ โรงงานที่ไม่ยอมทำท่อบำบัดน้ำเสียก็ปล่อย

      กากเคมี สารเคมีเหลือทิ้ง และน้ำเสียลงไปในแหล่งน้ำ ในทะเลบางทีเรืออับปางก็มักจะมีคราบน้ำมันลอยเหนือน้ำ เหล่านี้มันก็ทำให้เกิดมลภาวะทางน้ำ"

      "ใช่ ในขณะที่มีน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมของโสโครกจากระบบนิเวศบนบกจะถูกระบายลงสู่แหล่งน้ำมากขึ้น ก็เกิดมลภาวะทางน้ำ พวกนายก็คงรู้ว่าน้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ ทั้งในน้ำและบนบก จากที่นาโอกิบอกมา สัตว์น้ำคงตายเกลื่อนเลยสิแถวนั้น สัตว์บกก็คงจะกินน้ำในแหล่งน้ำไม่ได้ " คาเซะกล่าวอย่างเศร้าสลด

      "แล้วผลกระทบมันก็เกิดกับที่นี่หนักเลยนะนาโอกิ แก้ไขกันไม่หยุดหย่อน เรียกได้ว่าไม่มีใครกล้าทำมากกว่า นอกจากฉัน เฮ้อ! เหนื่อย" มินากิกล่าวอย่างอ่อนแรง

      "วิธีแก้น่ะ เราก็ต้องเริ่มจากต้นเหตุคือการทิ้งสิ่งปฏิกูลสิ่งแปลกปลอมลงในน้ำต้องหยุดให้หมด และบำบัดน้ำโดยการเก็บขยะกับสิ่งปฏิกูลทั้งหลายและนำไปทำลาย สร้างออกซิเจนในน้ำ เพาะพันธุ์สัตว์น้ำและปล่อยกลับสู่แหล่งน้ำเพื่อใช้ชีวิตตามธรรมชาติ ฉันชอบปลานะ นาโอกิ คาเซะ พวกเธอว่าไงล่ะ" มินากิกล่าวถาม นาโอกิและคาเซะพยักหน้า

      หงึก ๆ รับ

      "เออ พวกนายเคยได้ยินเกี่ยวกับที่คนชอบเอาโฟมเอาพลาสติกไปฝังดินไหม พวกปุ๋ยเคมีด้วยน่ะ" นาโอกิทำท่าตื่นเต้น

      "ฉันเคยขุดเจอนะของพวกนั้น คงมาจากโลกนายอีกละสิ ไหนเล่าให้ฟังทีนาโอกิ" มินากิพูดอย่างฉุนนิด ๆ ท่าทางของ

      มินากิดูเหมือนคนเก็บขยะมากกว่าหญิงสาวน่ารักไปแล้ว

      "พวกนายก็น่าจะรู้นะ โฟม พลาสติก เป็นวัสดุสังเคราะห์ ซึ่งตอนเราเผาโฟมหรือพลาสติก จะเกิดสารซีเอฟซีซึ่งลอยไปสู่ชั้นบรรยากาศและทำลายโอโซน โลกจะร้อนขึ้น เกิดปรากฏการณ์ กรีนเฮ้าส์เอฟเฟกซ์ หรือ เรือนกระจก แล้วพอบางคนรู้ก็เลยคิดว่าให้มันย่อยสลายไปกับดินจะดีกว่า แต่คิดถนัดเลยหละ กว่าจะย่อยได้ใช้เวลาหลายร้อยปีเลยนะ เพราะมันไม่ใช่สารอินทรีย์น่ะ เผลอๆทำให้ดินแถบนั้นเสียแร่ธาตุไปหมดเลยก็ได้" คาเซะอธิบาย

      "ฉันก็กลัวจะเกิดอันตราย ฉันก็ขุดเอามาเพื่อไปทิ้งไกลๆเหมือนกันนะ" มินากิพูดขึ้นอย่างภูมิใจนิดๆ

      "งั้นไอ้ถึงพวกนั้นก็…" คาเซะเอ่ยถาม

      "ถูกต้องค่ะ! ใช่แล้วถังใส่เศษขยะแล้วก็พวกสิ่งปฏิกูลนั่นแหละ" มินากิยืดตัวอย่างภูมิใจอีกเล็กน้อย

      "เราจะแก้มันยังไงล่ะเนี่ย" มินากิเอ่ยขึ้น

      "ง่ายๆเลยนะ เลิกฝังอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ประโยชน์ลงในดิน ขุดเอาสิ่งสกปรก ขยะขึ้นมาจากดินให้หมดนะ ปลูกต้นไม้ทดแทนด้วย เพราะจะช่วยฟอกอากาศให้พวกเราด้วยไง เศษอาหารที่เรากินเหลือน่ะ เอามาทำปุ๋ยหมัก มูลสัตว์ต่างๆก็เอามาทำได้นะ มันมีวิธีทำปุ๋ยหมักอยู่แหละ ฉันลืมไปแล้ว แต่จำได้ว่ากลิ่นของมันจะเหม็นๆมากเลยนะ เออลืมสิ่งสำคัญไปเลย ห้ามทำไร่เลื่อนลอย เผาป่า ใช้ยาฆ่าแมลง ไอ้ที่สำคัญที่สุดน่ะ ปุ๋ยเคมีน่ะตัวการทำมลพิษในดินเลยพวกนายรู้ไหม" นาโอกิถาม คาเซะและมินากิ ไม่รู้จักปุ๋ยเคมีก็ส่ายหน้า

      "ปุ๋ยเคมี มันใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์สร้างขึ้นสามารถทำให้พืชเจริญเติบโตได้เร็วแต่สร้างปัญหาที่ดินน่ะ

      แร่ธาตุในดินจะถูกใช้ไปเร็วมาก ทำให้ดินเป็นกรดและเบสมากเกินไป ปลูกอะไรไม่ได้อีก"

      "มนุษย์โลกนี่ร้ายจริง! สรรหาวิธีการบ้าๆมาใช้ โอย! " มินากิกรีดร้องสุดเสียง

      "นั่นสิ" นาโอกิพลางส่ายหน้าไปกับเค้าด้วย

      "และยังมลภาวะทางอากาศอีกนะ ฉันละเบื่อมากๆเลยละ เหม็น หายใจติดขัดไปหมด" นาโอกิทำหน้าเบื่อหน่าย

      "ก็ทุกวันเช้าเย็น ฉันเดินไปตามถนน มันก็มีรถใช่ไหม แล้วน้ำมันที่ผลาญๆกันไปน่ะพวกนายรู้ไหมมันใกล้หมดโลกของฉันแล้วนะ แล้วน้ำมันน่ะเครื่องยนต์มันเผาไหม้ไม่หมด ทำให้เกิดควันที่มันเป็นสารพิษขึ้นมา คาร์บอนมอนนอกไซด์นะถ้าจำไม่ผิด ทำให้ปอดคนสกปรก แถมทำลายโอโซนอีกนะเนี่ย ฉันละเบื่อ" นาโอกิทำหน้าซังกะตาย

      "ที่นี่เมื่อซักสองสามปีที่แล้วน้ำมันเพิ่งจะหมดไปเองละ" คาเซะกล่าวอย่างอ่อนล้า

      "แล้วเราจะแก้ไขปัญหาต่างๆพวกนี้กันยังไงล่ะ" นาโอกิถามเพราะเขาเองก็อยากให้โลกสะอาดเหมือนกัน

      "ประหยัดสิ บางอย่างก็ใช้แต่ที่จำเป็น นาโอกิสงสัยนายจะใช้ทรัพยากรฟุ่มเฟือยมากไปรึเปล่า" มินากิพูดอย่างฉุน ๆ

      "พวกเราต้องไม่สร้างมลภาวะไปมากกว่านี้ ไม่ทำสิ่งที่มันจะไปทำลายโอโซนได้ ไอ้ควันจากโรงงานน่ะ คงต้องกรองกันหน่อยแล้ว รถก็เปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อประหยัดและลดมลภาวะ แถมน้ำมันจะได้ไม่หมดโลกด้วยไง"คาเซะกล่าวต่อจากมินากิ

      "ช่างเถอะมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้เรามาช่วยกันหาแก้ไขดีกว่า" คาเซะกล่าวในที่สุด

      "มินากิคงรู้เรื่องทางเชื่อมแล้วใช่ไหม" นาโอกิเอ่ยถาม เพราะหวังว่าตนเองจะไม่ใช่คนที่เพิ่งรู้อย่างเดียว

      "ฉันน่ะรู้ก่อนนายอีก" คำนั้นของมินากิทำเอานาโอกิซึมไปถนัด

      "มินากิเล่าเกี่ยวกับที่นี่ในสมัยก่อนให้ฉันฟังมั่งสิ" นาโอกิส่งสายตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์

      "ใช่สินะ ลืมไป แต่จริง ๆ นายไม่ถามฉันก็ต้องเล่าให้ฟังอยู่แล้วละ" มินากิยิ้มอ่อนโยน

      "ในสมัยก่อน ไม่ได้เสื่อมโทรมขนาดนี้หรอกนะนาโอกิ สมัยก่อนที่นี่อุดมสมบูรณ์ ป่าเป็นป่า น้ำเป็นน้ำ ลมเป็นลม แต่ก็อาจมาจากสาเหตุที่ว่าโลกของเธอ แบกรับมลภาวะต่าง ๆ ไม่ไหวจึงเกิดทางเชื่อมมาสู่โลกคู่ขนานอย่างมิเรอร์เวิร์ล แต่ถึงกระนั้น พวกเราก็เตรียมตัวรับมือทัน พวกเรามีวิธีกรองน้ำ กรองมลพิษ ทำลายสิ่งปฏิกูลอย่างถูกวิธี

      แต่พอมาครอสมาทุกสิ่งทุกอย่างก็พลันเปลี่ยนจากที่แย่นิดหน่อยกลายเป็นเหมือนปัจจุบัน มันเหมือนกลายเป็นยุคมืดไปแล้ว ทางที่จะแก้ไขได้มันก็อาจจะมี ถ้าเรากำจัดมาครอสได้ โรงงานผลิตมลพิษของมาครอส และค่อย ๆ กอบกู้

      อย่างถูกวิธีต่อไป การปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนที่นี่และโลกของนาย แบบนั้นละ แต่ฉันคงได้แต่ฝันละนะ มันคงเป็นจริงไม่ได้หรอก" มินากิทำหน้าเศร้า พลางคิดถึงพ่อกับแม่ของเธอเองที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับมาครอส

      "มันต้องทำได้สิมินากิ! ฉันมั่นใจ ฉันจะเอาความฝันของพวกเรามาทำเป็นความจริงให้ได้ เพื่อโลกและที่นี่"

      "เอ้อ.. ปกติฉันทำอะไรไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอัน แต่คราวนี้ คงต้องทำสุดฝีมือ" นาโอกิกล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

      "เฮ้ อย่ามัวแต่พูด ไม่เริ่มงานก็ไม่มีคำว่างานเสร็จหรอกนะ" คาเซะแย้ง

      "นั่นสินะ แล้วเราจะทำอะไรกันก่อนล่ะ มินากิเก็บขยะ หรือกู้โลก" นาโอกิลองถามหยั่งเสียง

      "เราจะมัวช้าไม่ได้ ต้องทำสองอย่างพร้อม ๆ กันนั่นละนาโอกิ เริ่มจาก บำบัดบึงเหม็นเน่าแถบตะวันตก ที่เป็นแหล่งน้ำเสียของที่นี่ และกอบกู้ธรรมชาติแถว ๆ นี้คืนมาและเริ่มต้นงานค้นหาทางเชื่อมต่อไปพลาง ๆ ด้วย…"

      "งั้นฉันก็จะเรียกงานของพวกเราครั้งนี้ว่า แผนการณ์กอบกู้นะ" คาเซะผู้ซึ่งดูเป็นผู้ใหญ่สุดในกลุ่มกล่าวขึ้น

      "อื้อ" นาโอกิและมินากิร้องขึ้นพร้อมกัน

      "เอาละงั้นเรามาแบ่งงานกันตามความถนัดเลยนะ ฉันขอไปจัดการเกี่ยวกับอากาศ" คาเซะนำ

      "งั้นขอไปบำบัดน้ำนะ" มินากิเลือกต่อ

      "ไม่มีทางเลือกสินะเรา แหะ ๆ งั้นฉันเอาพรวนดินละกัน ก็มันถนัดนี่นา"นาโอกิไม่มีทางเลือก แต่สิ่งที่ได้รับมอบหมายเขาก็ถนัดมิใช่น้อย

      จากนั้นทั้งสามก็พักทานอาหารฝีมือมินากิซึ่งบอกได้เลยว่าอร่อยมาก ๆ พอได้รับคำชมมินากิก็ถึงกับยิ้มแป้นคะยั้นคะยอให้กินอีกจนเกือบไม่ได้ทำงานเพราะอิ่มจนจุก

      ทางคาเซะ ได้ออกไปทางภูเขาไฟสูง ๆ นำวัสดุต่าง ๆ จากธรรมชาติมาสร้างเป็นเครื่องสร้างโอโซนจากธรรมชาติ ที่ต้องสร้างห่างจากผู้คนก็เพราะโอโซนเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต แต่มันสามารถช่วยป้องกันแสงแดด ป้องกัน

      ปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่าง ปรากฏการณ์เรือนกระจกได้ และเขายังคงสร้างเครื่องสร้างโอโซนไปเรื่อย ๆ

      "ฮ้า เสร็จซะที เครื่องสร้างโอโซนร้อยเครื่อง เอาละต้องกั้นเขตแถว ๆ นี้ซะแล้วเดี๋ยวมีคนมาจะอันตราย โอโซนยิ่งทำให้เกิดอันตรายอยู่ด้วย"

      คาเซะสร้างป้อมปราการจากหินเพื่อกั้นเครื่องสร้างโอโซนจากสายตาผู้คน

      "ทีนี้ก็เหลืออีกเพียงอย่างเดียว ต้องสร้างสิ่งนั้น" คาเซะแอบสร้างอะไรอีกอย่างอยู่เงียบ ๆ

      ทางด้านมินากิจังสาวน้อยคนเดียวในทีม คอยตักกากเคมี สารพิษ ขยะ สิ่งปฏิกูลออกจากแหล่งน้ำจนหมด และบำบัดน้ำเสียโดยการสร้างเครื่องตีน้ำเพื่อให้เกิด ออกซิเจน เมื่อเกิดออกซิเจนแล้วน้ำก็จะไม่เสีย และยังสร้างทางปิดกั้นสารเคมีจากโรงงานของมาครอสและน้ำเสียจากที่ต่าง ๆ

      "ทีนี้ก็เรียบร้อย ส่งน้ำไปทางนาโอกิได้รึยังน้า"

      "นายได้รับน้ำจากทางฉันรึยังนาโอกิ" มินากิเดินมาถามนาโอกิที่กำลังขุดเอาขยะ พลาสติก โฟม สิ่งที่จะทำให้ดินเสียออกมา

      "คงยังนะมินากิ แต่ขอแรงเอากากอาหารหรืออะไรที่ทำปุ๋ยหมักได้ไปตากให้ฉันหน่อยนะ"

      "อื้อ ๆ" มินากิจังเดินกลับไปทำตามที่นาโอกิขอ

      "เท่านี้พงพอมั้ง นาโอกิจะทำปุ๋ยหมักไปทำนะ?" มินากิรำพึงกับตนเอง

      "ได้เวลาสำหรับสิ่งนั้นแล้วสินะ" มินากิยิ้มแล้วกลับเข้าไปทำงานลึกลับบางอย่างเช่นเดียวกับคาเซะ

      ทางด้านนาโอกิที่เอาสิ่งร้าย ๆ ออกมาจากดินหมดแล้ว เขาก็ไปนำวัสดุทำปุ๋ยหมักที่ฝากมินากิทำมาพรวนดินไป

      พร้อม ๆ กับพรมน้ำ และโปรยอะไรบางอย่างลงไปเป็นหย่อม ๆ บ้าง บางทีก็โปรยไปอันเดียว

      "ทีนี้ก็ต้องแบบนี้" นาโอกิเดินทางไปสู่ลานกว้างสร้างเครื่องบีบอัดขึ้น และบีบอัดโฟม พลาสติก ขยะทั้งหมดจนเล็กมาก ๆ แล้วบรรจุลงกล่องอะไรสักอย่าง นาโอกิเลือกดินเสีย ๆ มาอุดปากบ่อที่เป็นบ่อพิษจนมิด เพื่อไม่ให้มีใครเป็นอันตรายจากไอพิษ

      นาโอกิขยายพื้นที่ให้มีแต่ดิน ดิน และดิน เขาปลูกถั่ว และพรวนดินกลบลงไปเพื่อให้แร่ธาตุจากถั่ว นาโอกิโปรยอะไรบางอย่างลงบนพื้นที่ ๆ มีแต่ดินของเขาอีกแล้ว

      "อ้า ไอ้นั่นคงใช้ได้แล้ว เรียกคาเซะกับมินากิมาดูดีกว่า" นาโอกิยิ้มแป้นวิ่งไปทางบ้านที่ทั้งสามอาศัย

      "เฮ้ คาเซะ มินากิมาดูนี่สิ แฮ่ก ๆๆ " นาโอกิหอบเหมือนหมาหอบแดดจากการวิ่งมา

      "นายมีอะไรน่ะ นาโอกิ!" คาเซะและมินากิวิ่งมาพร้อมกันอย่างตื่นตระหนก

      "มานี่ ๆ " นาโอกิจูงมือของทั้งสองตามหลังของเขาไป

      "พวกนายดูนี่นะแล้วบอกสิว่ามันเป็นไปแล้ว" นาโอกิ มีสีหน้าดีใจสุดขีด

      "เฮ้ย! มันเป็นไปได้ยังไงกับที่ ๆ เสื่อมโทรมแบบนี้" คาเซะอุทาน

      "เย้!" มินากิจังดีใจจนโดดตัวลอย

      สายตากลับไปจ้องมองสิ่งที่นาโอกิคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นมาได้

      ต้นกล้าต้นเล็ก ๆ ที่เพิ่งจะแตกยอดอ่อนโผล่พ้นดินมาเล็กน้อยนั่นเอง เพียงเท่านี้มันก็ทำให้ความเหนื่อยทั้งหลายหายไปจากจิตใจของทั้งสามไม่น้อยเลย

      "นี่คาเซะ มินากิ ฉันมีของจะอวดอีกอย่าง" นาโอกิชูกล่องเล็ก ๆ ซึ่งใส่โฟมกับพลาสติกที่บีบอัดจนเล็กแล้วให้ทั้งสองคนดู

      "และดูนี่" นาโอกินำกล่องใบนั้นบรรจุลงในเครื่องยิงจรวดอันจิ๋ว

      "นี่เป็นเม็ดพลาสติกและโฟมกับสิ่งปฏิกูลที่นาโอกิบีบอัดจนเล็กเหลือไม่ถึงปลายนิ้วก้อยน่ะเหรอ" นิมากิ เอ่ยด้วยความทึ่งในฝีมือของนาโอกิ

      "ถูกต้อง" นาโอกิยืดอกอย่างภูมิใจ

      "และนี่เป็นเครื่องยิงจรวดที่จะส่งไอ้ของพวกนี้ไปสลายตัวในอวกาศ" นาโอกิเอ่ยต่อไป

      "ฉันว่านายคือผู้รักษาตัวจริงอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะนาโอกิ" คาเซะชมเปาะ

      "แหม ๆ ไม่ถึงขนาดนั้น พวกนายชมเกินไป เครื่องสร้างโอโซนกับเครื่องบำบัดน้ำของพวกนายน่ะสุดยอดเลย" นาโอกิชมบ้าง

      "เอาละ เรามายิงจรวดนี่กันดีกว่า" มินากิอยากยิงจรวดเต็มแก่แล้ว จึงรีบคะยั้นคะยอ

      "นับนะ สาม สอง หนึ่ง…"

      "ยิง!" นาโอกิตะโกนและกดปุ่มยิง

       ด้วยความเร็วเสียง ในพริบตากล่องนั่นก็ถูกยิงขึ้นฟ้าด้วยเชื่อเพลิงที่นาโอกิคิดขึ้นมาเช่นกัน

      "ความฝันที่จะกอบกู้โลกของพวกเราก็เริ่มเห็นแสงสว่างริบหรี่แล้วนะ" คาเซะกล่าวขึ้นเบา ๆ พลางล้วงไปในกระเป๋าเสื้อ

      "นาโอกิ มินากิ ฉันมีอะไรจะอวดแหละ แต่น แต๊น…" คาเซะชูสิ่งที่ดูคล้ายนาฬิกาโบราณขึ้นมา

      "เครื่องค้นหาทางเชื่อมต่อ" คาเซะกล่าวอย่างภูมิใจ

      "เราจะพบทางเชื่อมได้เพราะเจ้าเครื่องนี่แหละ" คาเซะกล่าวพลางค่อย ๆ สอนวิธีใช้เครื่องให้อีกสองคนฟัง

      "ฉันก็มีนี่" พูดพลางมินากิโชว์ มีดโค้งยาว หน้าไม้ และดาบใหญ่ที่สร้างอย่างปราณีตขึ้นมา

      "ฉันแค่ลองสร้างจากตำราน่ะ ก็คิดว่าน่าจะเอาไปสู้รบปรบมือกับมาครอสได้บ้าง อาจจะช่วยอะไรได้นิดหน่อยนะ"

      มินากิยิ้มอาย ๆ

      "เยี่ยม! ดีกว่ามีดอันเก่าของฉันอีก ถนัดมือกว่าด้วย ขอบใจนะมินากิ"คาเซะแกว่งมีดเพื่อซ้อมพลางกล่าวขอบคุณเป็นการใหญ่

      "แล้วนายละนาโอกิอยากได้ชิ้นไหน"  มินากิเอ่ยถามเบา ๆ

      "ฉันเป็นผู้ชายขอดาบละกันนะมินากิ น้ำหนักพอดีมือเลย" นาโอกิร้องอย่างดีใจ

      "งั้นของชั้นก็อันนี้" พลางติดหน้าไม้ไว้ที่กับที่ล็อคตรงสนับแขน

      "ที่นี้ก็ออกเดินทางไปหาทางเชื่อมต่อและหยุดยั้งแผนการร้าย ๆ ของมาครอสได้แล้วสินะ" นาโอกิวาดดาบไปมาบนอากาศเพื่อฝึกความเคยชิน

      "คาเซะ เราจะเดินทางกันวันไหนน่ะ" นาโอกิเอ่ยถามในคืนวันหนึ่ง

      "ตอนนี้เราต้องเตรียมเสบียง นาโอกิเก็บพืชผักที่นายปลูกมาเป็นเสบียงนะ มินากิ เตรียมน้ำไว้สำหรับการเดินทางด้วยนะ ฉันจะไปเตรียมสัมภาระของพวกเราเอง อีกซักอาทิตย์หนึ่งเราออกเดินทางกัน" คาเซะกล่าว

      สัปดาห์ต่อมาทั้งสามออกเดินทางเพื่อตามหาทางเชื่อมต่อระหว่างโลกและมิเรอร์เวิร์ล ด้วยเครื่องค้นหาของคาเซะ

      ปี๊บ ๆ เครื่องส่งเสียงเมื่อทั้งสามเดินเข้าใกล้ถ้ำมืด ๆ แห่งหนึ่ง หลังน้ำตกที่มีแต่น้ำเน่า ๆ ของอีกเมืองหนึ่ง

      "คงต้องลองเข้าไปสำรวจกันดูแล้วละ" คาเซะกล่าว

      ทั้งสามจุดคบเพลิงค่อย ๆ เข้าไปสำรวจภายใน เสียงของเครื่องยิ่งดังขึ้น ๆ พร้อมกับกลิ่นเน่าเหม็น ที่มากขึ้นด้วย

      "นี่มันคราบอะไรที่พื้นน่ะ อี๋!" มินากิร้องขึ้น รู้สึกขยะแขยงกับสิ่งที่เหยียบลงไป

      "ร่องรอยแบบนี้แสดงว่าต้องมีคนมาถึงก่อนพวกเรา มาครอสแน่ ๆ " นาโอกิพูดขึ้นอย่างขัดใจที่ไม่ได้มาถึงก่อน

      "ใครน่ะ" เสียงหนึ่งถามออกมา เป็นเสียงที่แหบห้าวดูเหมือนคนแก่อายุสักร้อยปี

      เจ้าของเสียงนั่นมีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเป็นที่สุด เนื้อหนังไม่มี มีเพียง สารเคมีเยิ้ม ๆ ก่อตัวเป็นรูปพอให้รู้ได้ว่านี่คือ ปีศาจ ร่างอันใหญ่โตและน่าขยะแขยงจ้องเขม็งมาทางทั้งสาม

      มาครอสละมือจากการกำลังพยายามขยายทางเชื่อมต่อไปสู่โลก ทางเชื่อมต่อมีแสงสีเงิน ๆ จาง ๆ ดูน่าค้นหา

      "โธ่ไม่ทันแล้วรึเนี่ย" มินากิกล่าวอย่างหมดกำลังใจ

      "มาครอส วันนี้เป็นวันตายของแก!" นาโอกิ.ตะโกนใส่ปีศาจมาครอสซึ่งกำลังพยายามขยายทางเชื่อมต่อเพื่อแทรกตัวเข้าไป เพื่อที่จะไปยึดครองโลก

      "จะตายแล้วยังสู่รู้อีกนะไอ้ตัวเปี๊ยก" มาครอสพูดด้วยเสียงอันดัง ราวกับจะท้าสู้กับคนเหล่านี้

      "มาครอสแกทำร้ายธรรมชาติไว้ก็มากพอแล้ว หายไปซะ!" นาโอกิวิ่งไปพลางชักดาบจะเข้าไปฟันมาครอส

      "เอาละนะเริ่มตามแผนเลยมินากิ คาเซะ" นาโอกิตะโกนไปด้านหลังของเขาเพียงแต่ไม่ได้หันไปมอง

      เคร้ง! ดาบของนาโอกิติดอยู่ ๆ กับนิ้วมือที่มีเล็บยาวของมาครอสปัดป้องเอาดาบของนาโอกิออกไปพ้นได้

      ในขณะนั้นมินากิและคาเซะก็ วุ่นวายกับการกำจัดลูกน้องของมาครอส ซึ่งมีเป็นฝูง เมื่อจัดการหมดแล้ว จึงตามไปสมทบกับนาโอกิ

      "เตรียมใจตายได้เลยพวกแก" มาครอสยิงแสงสีเขียวออกจากนิ้วมืออีกข้าง แต่ทั้งสามหลบได้ พื้นในจุดดังกล่าวเกิดน้ำกรดเน่าเห็นกัดกร่อนทุกสิ่งทุกอย่าง

      ทั้งสามวิ่งเข้ามาต่อกรกับมาครอสเป็นพัลวัน

      ฉึก! มินากิเสียท่าถูกมือข้างที่มีใบเล็บยาวของมาครอสแทงทะลุอก

      "ไม่นะ มินากิ!" นาโอกิตะโกนก้องพร้อมๆกับที่คาเซะหันหลังกลับมาเห็นมินากิสิ้นใจ

      "แก ตาย!" คาเซะบ้าคลั่ง พอๆกับนาโอกิที่บัดนี้ขาดสติแล้ว

      "เปล่าประโยชน์น่า ข้าไม่ได้มีเลือดเนื้อแบบพวกเจ้านะ ถึงจะมาโดนพวกเจ้าฟันเล่นง่ายดายแบบนี้" มาครอสยิ้มยั่ว

      "ตายซะ!เจ้าพวกผู้รักษา" มาครอสประกาศก้อง

      น้ำเหลว ๆ เหนียว ๆ ถูกขับออกมาจากแขนของเจ้าปีศาจ และกลายเป็นดาบเล่มโตสีดำทะมึน

      "คืนโลกที่มีแต่ความผาสุข คืนโลกที่มีความสุขมานะ!"นาโอกิตะโกน พลางกระโดดเข้าใส่มาครอส

      แต่ด้วยแรงปะทะอันหนักหน่วงนาโอกิจึงกระเด็นไปกระทบกับผนังถ้ำ กระอักเลือด

      "ฟันแหลกย่ะห์" คาเซะกระหน่ำรัวมีดใส่มาครอสหวังให้ร่างของมาครอสแยกออก และรวมกันใหม่ไม่ได้ แต่ร่างกายของเจ้าปีศาจที่แยกออกสามารถกลับสภาพเดิมได้….

       "อ๊าคคค" คาเซะและนาโอกิถูกนิ้วที่มีเล็บยาวและดำทะมึนแข็งแรงของมาครอสแทงละลุหัวใจเข้าทั้งคู่ ฤๅนี่คือจุดจบ

      'ทั้ง ๆ ที่คิดจะกอบกู้โลก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ขอให้ธรรมชาติพาคนที่เก่งกว่าเรามาทีเถิด' ความคิดสุดท้ายดังขึ้นในหัว ก่อนที่ลมหายใจจะขาดห้วง นาโอกิกล่าวบางอย่างออกมา

      "ช่วยโลกด้วย…"

      ร่างไร้วิญญาณของคาเซะและนาโอกิถูกสลัดลงพื้นพร้อมกับเจ้าปีศาจที่ยิ้มให้กับชัยชนะของตน

      การต่อสู้ครั้งนี้แม้นาโอกิจะสู้จนสุดความสามารถมันก็ไม่ได้ช่วยให้เกิดอะไรดีขึ้นมา เหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ

      ชัด ๆ

      ในตอนนี้ปีศาจมาครอสก็ผ่านทางเชื่อมต่อมายังโลกแล้ว อีกไม่นานแล้วโลกดาวดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่กำลังจะเสื่อมโทรมถึงขีดสุดและตายไปเหมือนมิเรอร์เวิร์ล

      ในตอนนั้นเองเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องของนาโอกิที่ปิดตัวเองไปแล้วก็เปิดขึ้นมาอีกครั้งมีข้อความเขียนไว้ว่า….

      "Save The World…" แล้วคุณล่ะครับ คิดจะปกป้องโลกของคุณหรือยัง…                                       

                                                                                                                                                                      …The end…

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×