ผมขอโทษครับ...พ่อ - ผมขอโทษครับ...พ่อ นิยาย ผมขอโทษครับ...พ่อ : Dek-D.com - Writer

    ผมขอโทษครับ...พ่อ

    การตัดสินใจเพียงชั่ววูบ นำมาสู่ความเสียใจ ตลอดกาล ...

    ผู้เข้าชมรวม

    469

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    469

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 ก.พ. 49 / 11:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผมขอโทษครับ ... พ่อ By:GaTARing

       

      มองขึ้นไปบนเวิ้งฟ้าเบื้องบน ราตรีมืดกำลังคืบคลานแผ่ขยายเหมือนใครค่อยๆ คลี่ผ้าสีดำผืนใหญ่ออกมาคลุม

       

      ฉันจะไม่ยอมให้แกได้ทำอย่างนั้นหรอก เสียงตวาดยังก้องอยู่ในโสตประสาท ก็ในเมื่อเขาอยากเป็นช่างซ่อมรถ แต่พ่อบังเกิดเกล้าไม่ยอม แม้ว่าฐานะทางบ้านไม่สมควรที่จะทะเยอทะยาน ควรเป็นช่างซ่อมรถอย่างที่ลูกชายคนนี้ได้ตั้งใจ แต่ความทะเยอะทะยานของพ่อก็ยังไม่ยอมแพ้ พ่ออยากให้ผมได้เป็นพนักงานกินเงินเดือนตำแหน่งดีๆ แทนที่จะไปเป็นช่างซ่อมรถอย่างที่ฝัน

       

      ผมแบมือแล้วชูขึ้นสูงสุดเอื้อม บัดนี้ท้องฟ้ามืดหมดแล้ว แสงดาวที่ส่องผ่านช่องนิ้วเป็นแสงอ่อนๆ ชวนง่วง ใช่ ตอนนี้ผมอยากหลับ อยากหลับไม่ตื่นตลอดไป ผมไม่อยากเจอพ่อที่บังคับใจกันขนาดนี้ ตอนนี้บนดาดฟ้าหอพักย่านชานเมือง ผมกำลังอยู่ในสภาวะที่คนทั่วไปเรียกว่า คนใฝ่ต่ำ หอพักนี้เป็นที่อยู่ของเพื่อนผมเอง ผมมักจะมาที่นี่บ่อยๆ ยามทุกข์ใจ มองดูดาวแบบนี้ หลับสักตื่น แล้วก็กลับบ้านไปหาพ่อ

       

      ฮือๆ ข้าไม่น่าบังคับมันเลย ตั้งแต่มันเกิดมาข้าบังคับมันทุกเรื่องเลย แล้วมันหนีข้าไปอย่างนี้ข้าจะอยู่กับใคร

      นายอ่ำกรรมกรวัยกลางคนร่ำไห้ต่อหน้าเพื่อนฝูงกลางวงเหล้า

      มือกร้านตบลงเบาๆ บนหลังนายอ่ำเป็นเชิงปลอบใจ

      เอาวะอย่าเสียใจไปเลย เอ็งเพียงต้องการมอบสิ่งที่เอ็งคิดว่าดีที่สุดให้ลูกก็เท่านั้น พี่จุ้ย หัวหน้ากรรมกรกล่าว

      เอิ๊ก ช่าย เอ็งรู้ไหม เด็กน่ะ เอ็งเลี้ยงมันได้แต่ตัว เอ็งเลี้ยงหัวใจมันไม่ได้ร๊อก จมูกของนายเทอดที่ติดจะแดงๆ ด้วยฤทธิ์น้ำเมาจามออกมาหลังปลอบใจ

      เอาเหอะ พรุ่งนี้จะเป็นวันที่สดใส ถึงแม้เอ็งจะต้องอยู่คนเดียว พี่จุ้ยกล่าวต่อ

       

      ผมหลับได้ตื่นหนึ่งแล้ว และผมก็ได้คิด ผมเกิดมาทำไม ทำไมพระไม่สร้างมาให้ผมเป็นลูกคนรวยกันนะ ทำไมต้องเกิดมาจน ทำไมต้องมีพ่อจอมบังคับ ทำไม ทำไม ทำไม…’

       

      คำถามนี้ผมเพียรถามตนเองมาหลายปีแล้ว ผมก็ยังตอบตัวเองไม่ได้หรอก ผมเองแม้จะเป็นคนชอบเข้าห้องสมุดเพื่อหาหนังสือเกี่ยวกับศาสนาอ่าน พระท่านสอนอย่างนู้น พระท่านสอนอย่างนี้ ตอบคำถามร้อยแปด ให้เหล่าผู้จมในทางมืดได้พบแสงสว่างแห่งชีวิต แต่คนโง่อย่างผมก็ยังตีความหมายพวกนั้นไม่ออกเลย

       

      ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น คติพจน์ตลาดที่แม้แต่เด็กยังท่องได้ แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะจริง

      ในเมื่อผมเพียรพยายามบอกพ่อ ขอร้องพ่อ ผมจะเป็นช่างยนต์ แล้วไหนล่ะ ความสำเร็จของผมอยู่ที่ไหน

       

      ความรู้สึกคันหัวทำให้ผมสำเหนียกตนได้ว่าคงไม่ได้สระผมมาหลายวันแล้วแน่ๆ เลย คนจนอย่างเรามันไม่ค่อยได้รักษาสุขอนามัยนี่นา แต่ยังไงซะ คันแล้วมันก็ต้องเกา ห้ามเกาเปล่า เกาประชดพ่อ เกาไอ้ร่างกายบ้าๆ ของผมที่พ่อมอบให้มาตั้งแต่เกิด รังแคสีแดงๆ ปลิวติดมือผมออกมา

       

      เอ๊ะ! เลือดก็ไม่ได้ไหล แล้วทำไมมีสะเก็ดเลือดติดหัววะเรา ผมก็สงสัยตัวเองน่ะสิ นอนอยู่ดีๆแล้วสะเก็ดเลือดมันติดหนังหัวมาได้ยังไงเนี่ย ยังเกาไปไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลยนะ ช่างเถอะ ถือซะว่ามันออกมาแทนเลือดที่อยากให้ไหลละกัน

       

      นาฬิกาข้อมือเรือนละเก้าสิบเก้าบาท ของผมบอกเวลา เที่ยงคืนสี่นาที แล้วมันก็เป็นเวลาที่ผมต้องตัดสินใจ

      มองไปรอบๆ ด้าน บนดาดฟ้าตอนนี้มีผมคนเดียว พยานรู้เห็นไม่มี ทางเลือกที่ผมจะให้กับตัวเอง คือ การโดด

      หอพักนี้ ถ้ารอดจะกลับไปหาพ่อ ถ้าไม่รอดก็จะได้ไปพ้นๆ จากสภาพบ้าๆ ในตอนนี้เสียที

       

      ตู้ม! เสียงของแข็งกระทบพื้นอย่างแรง ในที่สุดผมก็ทำมันได้ ตีกสิบสองชั้น ผมผ่านมันมาได้ และต่อไปนี้ผมจะเริ่มต้นใหม่ จะกลับไปหาพ่อ พ่อรอผมนะ

      อูย ผมรู้สึกว่าเจ็บระบบไปทั่วตัวแต่ผมก็บอกตัวเองว่าต้องไปหาพ่อ ผมเดินพาร่างกายที่บอบช้ำไปต่อ ทั้งๆ ที่เลือดยังไหล

       

      ทำไมไม่รู้ผมถึงมาหยุดอยู่ที่วัดแถวบ้าน ตรงหน้าวัด ชายหน้าตาน่ากลัวสองคนใส่สูทดำผมเรียบแปล้ แต่ยืนถือกระบอง ปั้นหน้าดุใส่ผม

       

      เอ็งเข้าไปไม่ได้ ไอ้หนู ออกไป! เสียงตวาดลั่นกัมปนาททำเอาผมตกใจ แต่อย่างน้อยขอแค่เข้าไปดูว่าพ่ออยู่แถวนี้ กำลังตามหาผมอยู่รึเปล่าก็พอ

       

      ไม่! ผมจะเข้าไปหาพ่อ พ่อผมคงอยู่ในนี้ ขอเข้าไปดูหน่อยนะน้า ประโยคสุดท้ายอ้อนวอน และความเอาใจดีสู้เสือก็ได้ผล น้าหน้าดุลองคนพยักหน้าแก่กันและเดินหลีกทางให้

       

      ผมได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงสะอื้นดังมาจากในศาลาที่ยังเปิดไฟสลัวๆ เสียงพ่อนั่นเอง พ่อ!

       

      ผมรีบวิ่งไปยังต้นเสียง ที่วงเหล้านั่น พ่อนั่งร้องไห้และมีเพื่อนๆ ปลอบใจ เอ๊ะ! โลงศพใคร? ที่แท้พ่อมานั่งกินเหล้าเป็นเพื่อนศพนี่เอง แต่ศพใครน้า ทำให้พ่อร้องไห้ขนาดนี้ แม่ก็ตายไปตั้งนานแล้วนี่นา หรือเพื่อนของพ่อ เอ ก็ยังอยู่กันครบนี่หว่า สายตาผมกลับไปจ้องชื่อที่รูปข้างโลงศพ ผมต้องเบิ่งตากว้าง!

       

      นายทิวเรืองลาย…” ผมอ่านตะกุกตะกัก นั่นมันชื่อผมไม่ใช่หรือไง นี่พ่อแกล้งผมเหรอ แล้วทำว่าผมตายแล้วเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ!

       

      อย่าคิดมาก เด็กมันเลือกเอง ถ้าย้อนเวลาไปได้ข้าก็อยากให้ไอ้วาไม่ โดดตึกตาย เหมือนๆ กับเอ็งแหละ เสียงใครสักคนที่ผมไม่คุ้นหน้าในวงเหล้านั้นเอ่ย

       

      นะนี่ เราตายแล้ว เหรอเนี่ย?

       

      ใช่ เจ้าตายแล้ว ถึงเวลาแล้วละ พวกคนนี่ละน้า ตายสามวันเจ็ดวัน กว่าจะรู้ตัวว่าตาย

       

      ผมเหลียวหลังไปมอง น้าหน้าดุสองคนนั้นเอง

       

      พวกข้าเป็นยมทูต บาปของแกหนักนักไอ้หนู พวกข้าจะพาแกไปนรก หนึ่งในสองพูด นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างน่ากลัว

       

      น้า ฉันขอลาพ่อก่อนได้ไหม ด้วยสำนึกสุดท้ายแห่งความเป็นลูก ผมร้องขอโอกาส

       

      ไม่! ไอ้เด็กชาติชั่ว วิญญาณบาปอย่างเอ็งไม่สมควรได้รับโอกาส ไป! สิ้นเสียงกัมปนาทนั้น โซ่ตรวนในความมืดก็เข้ารัดรึงให้ผมขยับกายไม่ได้ ถึงเวลาที่ผมต้องใช้กรรมที่ฆ่าตัวตายแล้วสินะ

       

      ผมขอโทษครับพ่อ แล้ววิญญาณของนายทิวา และยมทูตทั้งสองก็สลายไปเป็นอากาศธาตุ คงเหลือแต่ความมืดสลัวและเสียงร่ำไห้ของผู้เป็นพ่อ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×