SF CHANBAEK
ฟิคเรื่องนี้เกิดจาก การแก้บนของผู้เขียน 5555
ผู้เข้าชมรวม
583
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ONLY ONE DAY…
นานๆทีพวกเรา EXO ถึงจะได้พักผ่อนยาวๆก่อนจะเริ่มงานในอัลบั้มชุดใหม่อย่างไม่หยุดพัก งานนี้ปาร์ค ชานยอลเลยชวนผมไปเทศกาลงานดอกไม้ไฟและอาหารพื้นบ้าน (เทศกาลนี้ไม่มีอยู่จริง : ผู้แต่ง) เรียกง่ายๆว่างานวัดนั่นแหละ
“แบคฮยอง ทำไมแค่จะไปงานวัดแบคฮยองต้องกรีดอาลไลเนอร์ไปด้วยล่ะฮะ”เจ้าหนูโอ เซฮุนวัย 18 หมาดๆถามขึ้นด้วยแววตาใสซื่อ
“เวลาไปเที่ยวฉันทำก็ทำออกจะบ่อย ไหงวันนี้มาถามล่ะ”ผมตอบโดยที่ไม่หันไปมองหน้าคนถาม
เหอะ ก็แค่งานวัด คิดว่าบยอน แบคฮยอนคนนี้จะตื่นเต้นงั้นหรอ
...
..
.
ขอตอบว่า
..
.
มาก!!!
อายไลเนอร์หลากยี่ห้อถูกรื้อขึ้นมาวางบนโต๊ะเครื่องแป้งที่ผมใช้เป็นประจำตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว... สาบานได้ว่าปกติผมเป็นคนเขียนอาไลเนอร์ได้เร็วและสวยกว่าผู้หญิงอีก แต่วันนี้ให้ตายเถอะโรบิ้น โอริโอ้พันวอน! ผมเขียนๆลบๆเป็น10รอบได้แล้ว เริ่มแสบตาแล้วน้า T_T
“แบคฮยองอ่า ผมล่ะเป็นห่วงเปลือกตาฮยองจริงๆเล้ย โทนเนอร์ของฮยองหมดไปครึ่งขวดแล้วรู้มั้ยฮะ -_______-“เซฮุนพูดพลางเล่นโทรศัพท์ยี่ห้อผลไม้ราคาหลายแสนวอนอย่างไม่ละสายตา
ผมขี้เกียจจะต่อปากต่อคำกับเจ้าเด็กวัย 18 เลยเงียบๆไป ภารกิจการเขียนอาไลเนอร์รอบที่ 11 ของผมยังต้องดำเนินการต่อ
“แอ๊ด”เสียงประตูห้องถูกเปิดและปิดลงเบาๆโดยที่ผมไม่ได้สนใจ สงสัยเจ้าเซฮุนออกไปหาไรกินข้างนอก ไอเด็กนี่ไปไหนมาไหนไม่เคยบอกกล่าวกันหรอก
ผมบรรจงกรีดอายไลเนอร์หนที่ 11 ด้วยความตั้งใจ เอาล่ะแบคฮยอน รอบนี้จะเบี้ยวไม่ได้ ฮึบ!
“เบค่อน”เสียงทุ้มต่ำอันคุ้นเคยแล่นเข้ามาในโสตประสาทของผม ผลก็คืออายไลเนอร์ที่ควรจะกรีดได้อย่างสวยงามกลับเบี้ยวจนจะถึงหูอีกข้างของผม ไม่จริงน่ะ ไอบ้านั่น!!
“ไอ้ด๊อบบี้!!!”ผมกรีดร้องชื่อคนที่ทำให้ผลการกรีดอายไลน์เนอร์รอบที่ 11 ของผมล้มเหลวอย่างไม่เชื่อสายตา ไหนมันบอกว่า มันนัด 6 โมงไงวะ!!!
“นี่ ... 6 โมง 15 แล้ว ขอโทษที่มาสาย แต่เอ่อ นาย ยังแต่งหน้าไม่เสร็จ?”ชานยอลเดินเข้ามานั่งข้างๆผมช้าๆก่อนจะชูนาฬิกาข้อมือขึ้นมาให้ดู
ขอเวลาผมสตั๊นแปปนะ ... ผมอาบน้ำอาบท่าใหม่รอบ 2 ตอนห้าโมง เริ่มแต่งตัวแต่งหน้าตอนห้าโมงครึ่ง บร๊ะเจ้า! เกือบชั่วโมงแล้วหรอเนี่ย!!
“นายเนี่ยน้า บอกแล้วไงว่าถ้าไม่ได้ขึ้นคอนเสริ์ตก็อย่ากรีดไอ้แท่งบ้าๆนี่”ชานยอลพูดพลางหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดรอยอายไลน์เนอร์ที่(โคตร)เบี้ยวออก
“อ้ะ! เดี๋ยวฉันเช็ดเองได้หน่า อย่ายุ่งเด้!”ผมปัดมือหนาที่กำลังยุ่งแถวๆหน้าผมออก
“อยู่นิ่งๆเลยเบค่อน”เจ้าของมือนั้นจ้องมองผมด้วยสายตาดุๆ ผมเลยจำต้องเงียบไป เถียงไปก็ไร้ค่า มันสูงกว่าตั้งเกือบครึ่งไม้บรรทัด!
“บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าหน้าตอนไม่แต่งของนาย น่ารักกว่าตั้งเยอะ”ชานยอลบรรจงเช็ดคราบสีดำออกจากเปลือกตาของผมออกช้าๆ พร้อมกับบ่นประโยคเดิมๆที่ฟังจนท่องได้
“ก็อายไลน์เนอร์มันเป็นเครื่องหมายการค้าของฉันนี่นา”ผมบ่นอุบอิบเบาๆ
ผมหลับตารอให้หมอนี่เช็ดอายไลน์เนอร์ให้อย่างไม่สบายใจนัก คนอุตส่าห์แต่งตั้งเกือบชั่วโมง ลบออกง่ายๆแบบนี้ เสียใจนะเว้ย!
“รู้หน่าว่าแต่งนาน แต่ถ้าไม่รีบไปตอนนี้ จะไม่ทันที่ดูพลุนะ”เหมือนไอ้ด๊อบบี้นี่จะอ่านใจผมออก ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะลืมตาซ้ายขึ้น
“ว่าไงนะ? ดูพลุ?”
“อื้อ ดูพลุ”ชานยอลพยักหน้าลงตรงคำว่าอื้อ
“ฉันไม่ชอบเสียงดัง…”ผมหลุบตาลงต่ำ อย่าบอกนะว่าหมอนี่จำไม่ได้ว่าผมไม่ชอบอะไรที่เสียงมันดังๆ
“ฉันมีวิธีให้นายดูพลุโดยไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยก็แล้วกัน”ชานยอลว่าพลางทิ้งทิชชู่เมื่อเช็ดคราบสีดำบนเปลือกตาของผมออกหมด ผมลืมตาขึ้นช้าๆ กะพริบตาถี่ๆเพื่อปรับแสงเล็กน้อย ก่อนจะช้อนมองคนที่ยืนค้ำหัวผมด้วยสายตาไม่ค่อยเข้าใจนัก อะไร? ดูพลุแบบไม่ได้ยินเสียง? นายจะทำยังไงหรอ ปาร์ค ชานยอล…?
- - - - - - - - CHANBAEK - - - - - - - -
หลังจากที่ไอ้บ้าด๊อบบี้บุกเข้ามาเช็ดอายไลน์เนอร์ของผมถึงห้อง นี่เวลาก็ล่วงมาจนถึง 1 ทุ่มแล้ว แปลว่าเราเลทจากเวลานัดถึง 1 ชั่วโมงเต็มๆ
“ว้า ฉันถึงบอกให้นายมาตอนหกโมงไง ดูสิตอนนี้คนเดินเบียดกันอย่างกับไส้เดือนดิน”ชานยอลบ่นๆๆๆๆๆๆตั้งแต่ออกจากหอพักมาจนถึงงานวัดต๊องๆนี่
“แล้วทำไมนายไม่ชวนคยองซูมาล่ะ หมอนั่นตรงเวลาอย่างกับกินนาฬิกาเป็นอาหารว่าง!”ผมประชดใส่มันด้วยอารมณ์กับสีหน้าโคตรเหวี่ยง
“ฮ่ะๆ นายนี่เหวี่ยงได้ไม่ดูเวลาเล้ย ดูสิคนเขามองเราแล้วนะ”มือหนาจับหัวผมให้หันไปรอบทิศก็ปรากฏว่า ผู้คนนับ 10 หันไปซุบซิบๆๆกับคนรอบข้าง เจริญเถอะ จะไม่ให้คนมองได้ยังไงล่ะในเมื่อ …
30 นาที ที่แล้ว
“ไอ้ปาร์ค ชานยอล ถอดแว่นดำและเสื้อโค้ทออกเดี๋ยวนี้!”ผมแผดเสียงลั่นห้องเมื่อพบว่า ไอ้คนที่ชวนผมไปเที่ยวงานมันทำตัวได้น่าจับตามองเป็นที่สุด!!
“เบค่อนน้อย เราเป็นไอดอลนะ ถ้าใส่ชุดธรรมดาไปเดิน เขาก็จำเราได้สิ”ชานยอลพูดพลางพันผ้าพันคออีกชั้น
โถ! แบบนี้ไม่มีใครรู้เลยนะว่ามึงเป็นไอดอล!
ผมหัวเสียกับสภาพของไอ้บ้านี่อยู่พักหนึ่งจนเริ่มทำใจ(ไม่)ได้ ผมตัดสินใจเกินไปกระชากผ้าพันคอมันออก
“อนุญาตให้ใส่แค่แว่นดำกับเสื้อโค้ทเท่านั้น ถ้านายคิดจะใส่ผ้าพันคอไปเดินด้วยล่ะก็ ฉันจะบอกว่าฉันจะไม่ไป!”
เท่านั้นแหละ ไอ้หมอนี่เลยเลิกคิดจะหยิบผ้าพันคอมาใส่
แต่…
สภาพของมนุษย์เพศชาย 2 คนเดินมาด้วยกัน อีกคนตัวสูงเฉียด 190 มาพร้อมกับสภาพที่เหมือนมัมมี่ กับอีกคนที่สูง 170 กว่าๆ มาพร้อมกับสภาพหน้าที่ไร้เครื่องสำอางใดๆทั้งสิ้น โอเค คนรอบข้างอาจจะจำเราไม่ค่อยได้ว่าเราเป็นใครเพราะคนที่นี่ค่อนข้างเยอะ แต่ทว่า ไอ้พฤติกรรมง้องแง้งๆของไอ้คนสูง 190 นี่สิ มันเป็นเป้าสายตาที่ดีที่สุดเลยนะ!
“ก็ใครเขาสั่งให้นายใส่แอสแซสเซอรี่เยอะขนาดนี้ละโว้ยยย ดูสิคนรอบข้างต้องจำฉันได้แน่เลยอะ งื้อออ T_T”ผมดึงตัวไอ้คนก่อปัญหามาที่มุมที่ไม่ค่อยมีคน
“…”
ไม่มีสัญญาณตอบรับของหมายเลขที่ท่านเรียก…
ผมเงยหน้าไปมองคนตัวสูงนี่ที่อยู่ดีๆก็เงียบไป
มือปริศนาช้อนคางผมขึ้นช้าๆให้สบกับดวงตาหวานที่ใครๆก็กล่าวขานว่ามีเสน่ห์ที่สุด..
“ขอแค่วันเดียวนะ สนใจฉันมากกว่าคนรอบข้างนั้น ฉันที่เป็นด๊อบบี้ของนาย ที่ไม่ใช่ปาร์ค ชานยอลบนเวทีคอนเสิร์ต”
ผมนิ่งเหมือนถูกดวงตาคู่นั้นสตั๊นไว้
“ได้มั้ยเบค่อน?”ชานยอลเอื้อมไปจับมือของผมเบาๆ เรียกสติน้อยๆของผมคืนมา คำว่าเบค่อนกับด๊อบบี้เป็นชื่อเรียกที่มีแค่เรา 2 คนที่เรียกกันเท่านั้น
“วันเดียวเท่านั้นที่เราจะไม่มีคำว่าไอดอลกั้นระหว่างเรา ที่ตรงนี้มีแต่ฉันกับนาย”มือหนากำมือของผมแน่นขึ้น
“ก็ได้ แต่…ต้องไม่กลับไปที่ที่คนเยอะๆนะ”
สิ้นเสียงผม ไอคนตัวสูงก็ยิ้มกว้างออกมาทันที
- - - - - - - - CHANBAEK - - - - - - - -
สุดท้ายไอ้ด๊อบบี้เปรตตัวนี้ก็ไมยอมปล่อยมืออกจากผม พอผมหัวไปมองก็ขยับปากพูดเป็นเชิงว่า ‘เอาหน่า วันเดียวเอง ต่อไปนี้ก็จะมีแต่งานๆๆ เราจะไม่ได้อยู่แบบนี้แล้วนะรู้มั้ย’
ผมเดินเตร็ดเตร่กับมันมาแถวๆปลายงาน แถวๆนี้จะเป็นพวกเด็กน้อยซะมากกว่าและแน่นอน เจ้าเด็กน้อยไม่รู้จักเราแน่ๆ แถมเกมแต่ละเกมก็มีแต่ลุงๆป้าๆมีอายุคอยนั่งคุม พนันได้เลยว่างานนี้ปลอดภัย!
“ถอดแว่นดำออกได้รึยัง”คราวนี้ผมไม่รอให้มันพูด ผมจัดการเขย่งขึ้นไปดึงแว่นดำออกมาก่อนจะเหน็บมันเข้ากับคอเสื้อตัวเอง
“เราไม่ใช่ไอดอล1วันนะ”ผมยิ้มหวานๆเชิงล้อเลียนให้ตัวไอคนที่คำพูดกลับมาทำร้ายตัวเอง
ชานยอลยิ้มแหยๆคืนมา นั่นทำให้ผมหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังได้พักหนึ่ง
- - - - - - - - CHANBAEK - - - - - - - -
“มองตาเป็นมันขนาดนั้น อยากได้หรือไง?”นิ้วเรียวชี้ไปยังตุ๊กตาหมาหน้าตาโง่ๆตัวนึงที่แขวนอยู่
“ใครบอก ตุ๊กตาหน้าโง่แบบนั้นใครมันจะไปอยากได้”ผมพูดพร้อมกับเสหน้าและเดินไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่า มือที่คอยจับอยู่หลุดหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ด๊อบบี้”ผมเดินมาเรื่อยๆจนหยุดอยู่ที่ร้านขนมโมจิร้านหนึ่ง โอ้ววว มันน่ากินมากเลยอะ!!
“เฮ้ย ยอล!!!”ผมหันมองรอบกายก็ต้องสะดุ้ง เฮ้ย ไอบ้านี่หายหัวไปหนายยยยย!!!!
ผมยืนคว้างอยู่สักพักหนึ่งก็นึกได้ จึงเดินกลับไปยังจุดที่มีไอหมาโง่นั่น อย่าบอกนะว่า ….
“พ่อหนุ่มเอ้ย เล่นมาตั้งหลายรอบแล้วยังปาไม่โดนเลย อยากได้ตัวไหนล่ะ เดี๋ยวลุงขายให้”ลุงท่าทางใจดีคนหนึ่งพูดขึ้นมาขณะที่ผมกำลังเดินหาร้านที่มีไอหมาหน้าโง่
ผมหันไปตามเสียงลุงคนนั้น
“ผมว่าเขาอยากได้เพราะฝีมือผมมากกว่านะฮะ”เสียงทุ้มต่ำตอบลุงคนนั้นไป
“ชานยอล เอ่อ คือ นาย?”ผมพูดจาติดๆขัดๆเมื่อพบว่า คนที่ลุงคุยด้วยเมื่อกี้มันคือไอ้ด๊อบบี้นี่เอง!!
“เอาไปให้แฟนหรือไงพ่อหนุ่ม?”เหมือนชานยอลและลุงยังไม่เห็นผม ทั้งสองเลยคุยกันต่อไปโดยมีผมยืนอยู่ห่างๆ
“ครับ”คนตัวสูงยิ้มรับ
“ใครนะ จะโชคดีได้แฟนดีๆแบบนี้”ลุงยิ้มกว้างก่อนจะยื่นลูกดอกให้ชานยอลอีก 3 อัน “ถ้าปาโดนหมด 3 อันนี้ลุงให้เลยแล้วกัน”
ผมเดินยิ้มออกมาช้าๆ ไม่อยากจะดูสักเท่าไหร่ว่าจะโดนหรือไม่โดนแต่ผมมีความรู้สึกว่า ผมจะได้ตุ๊กตาตัวนั้นนะ
- - - - - - - - CHANBAEK - - - - - - - -
ผมนั่งรออยู่สักพักก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็ โป๊ะเช๊ะ … เจอหน้าตุ๊กตาหมาโง่ๆตัวนึง
“อะ เอามาให้”ชานยอลโยนตุ๊กตาใส่หัวผมชึดีที่ผมรับทันไม่งั้นมันคงได้ไปจุ๊ปป้าจุ๊ปกับพื้นดินเรียบร้อย
“เล่นไปกี่รอบล่ะ”ผมพูดขัดซีนที่มันควรจะหวานด้วยการที่นางเอกพูดว่า อุ้ย นายเอามาทำไม ฉันไม่ได้อยากได้หรอกนะ แล้วก็กอดตุ๊กตาเดินไปอย่างมีความสุข …. เสียใจผมคือแบคฮยอน ไม่ใช่นางเอกละครหลังข่าว!
“ฮ่าๆ รู้ดีสมเป็นนาย นายคงไม่คิดว่าคนอย่างฉันจะเล่นหรอกใช่มั้ยล่ะ คงจะคิดว่าฉันเอาเงินไปให้ลุงนั่นแล้วก็เอาตุ๊กตาตัวนี้มาเลยใช่มั้ยล่ะ”ชานยอลพูดพร้อมกับแค่นหัวเราะ ไอ้บ้านี่ตีความหมายโคตรผิดเลยว่ะ!
ผมวางตุ๊กตาหมานั่งแทนตัวเองก่อนจะลุกยืนบิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วคว้ามือของไอคนที่ยืนตัดพ้อให้เดินไปด้วยกัน
“2 ที่ครับ”ผมยื่นบัตรให้ป้าคนหนึ่งตรงประตูทางเข้า ‘ชิงช้าสวรรค์’ ที่คนน้อยนิด(มากๆ)
ประตูชิงช้าสวรรค์เปิด ผมดันให้ไอคนตัวสูงเข้าไปก่อน ก่อนที่ตัวเองจะเข้าไปนั่งอีกฝั่งนึง
“แกร๊ก”เสียงล็อกจากข้างนอกเพราะบรรยากาศเงียบๆของทำให้เราทั้งคู่สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย
“งี่เง่าว่ะ”ผมพูดเบาๆ แต่เพราะความเงียบเราจึงได้ยินไม่ยาก
ชิงช้าสวรรค์เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เรายังไม่มองหน้ากัน
“อย่าคิดไปเองดิวะ”เหมือนชานยอลจงใจให้ผมพูดคนเดียว
“รู้นะว่าพยายามจะเอาไอหมาหน้าโง่ตัวนี้มาให้อะ”
“แล้วรู้รึเปล่าว่าคนรับน่ะดีใจขนาดไหน?”
“ขอบใจนะ”
ทันทีที่ประโยคสุดท้ายจบ ผมก็ถูกรวบตัวเข้าไปกอดอย่างมึนๆ เฮ้ยยยยยย
ผลก็คือผมดิ้นขลุกขลักๆอยู่ในอ้อมแขนนั้น
“อย่าดิ้นสิ บอกแล้วไงว่าวันนี้วันเดียว”เสียงต่ำๆที่ไม่ได้ยินมาเกือบ 5 นาทีดังขึ้นข้างๆหูผม ให้ตายเถอะ มามุกนี้ควรจะบอกกันบ้าง!
โชคดีที่ชิงช้าสวรรค์นี้ค่อนข้างมืดและสูงหน่อยๆ ทำให้คนมองไม่เห็นว่าเราทำอะไรกัน -/-
“นายยืนหน่อยได้มั้ย”ชานยอลคลายวงแขนออกพลางดันตัวผมให้ยืนขึ้น คิดอะไรอยู่น่ะ?
ผมไม่ได้ถามออกไปแต่ก็ยืนขึ้นโดยดี
มือหนาจับเอวผมให้ไปนั่งบนตักกว้างๆของอีกคน ผมไม่ดิ้นแล้วรอบนี้เพราะถูกอ้อมแขนแกร่งของอีกคนรัดไว้ซะแน่น
“ดูสิ พลุจะเริ่มแล้วนะ”ว่าแล้วผมก็มองออกไปข้างนอก พลุหลากสีเริ่มจุดขึ้นมาเป็นระยะ ส่วนผมกำลังรอ ดูบางคนว่าจะทำอะไรต่อ
ชานยอลยกมือขึ้นมาปิดหูของผมไม่เบาแต่ก็ไม่แน่นมาก อย่างน้อยผมก็ได้ยินเสียงเขา แต่ไมได้ยินเสียงพลุ
“แค่นี้ นายก็ไม่ได้ยินเสียงพลุแล้วสินะ”เสียงกระซิบที่ข้างหูดังขึ้น
ผมจ้องมองพลุที่ไม่ได้ดูมานานมากๆตั้งแต่ผมรู้ว่าตัวเองไม่ชอบเสียงดัง แต่ตอนนี้ผมกลับนั่งมองมันด้วยสายตาลุกวาว มันสวย สวยมาก มากกว่าตอนเด็กๆที่ผมร้องไห้จ้าที่ได้ยินเสียงมัน
ไม่นานนัก พลุก็ถูกจุดขึ้นฟ้าจนหมด มือหนาค่อยๆปล่อยอกช้าๆ พร้อมกับดันให้ผมไปนั่งฝั่งตรงข้ามเช่นเดิม
“วิธีของฉันได้ผลใช่มั้ยล่ะ”เจ้าด๊อบบี้ตัวโตยิ้มกว้างกับผลงานของตัวเองเมื่อครู่
ผมยิ้มให้โดยไม่พูดอะไร ภาพของชานยอลวันนี้ทำให้ผมยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
“ขอบคุณนะวันนี้ฉันสนุกมาก”
ชานยอลยิ้มให้ผม พร้อมกับยื่นหน้ามาใกล้ๆ ริมฝีปากร้อนๆห่างจากปากของผมเพียงแค่ 1 เซน!
“ชอบนายนะบยอน แบคฮยอน”
ฮะ! อะไรนะ
ชอบนายนะบยอน แบคฮยอน
ชอบนายนะบยอน แบคฮยอน
ชอบนายนะบยอน แบคฮยอน
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมนิ่งสตั๊นพร้อมกับใบหน้าที่พนันได้ว่าแดงซ่านล้านเปอร์เซ็นต์กับคำสารภาพรักของคนตรงหน้า
“เฮ้ เบค่อนน้อย”ชานยอลโบกมือหย็อยๆตรงหน้าผม ดูหน้าเสียไปนิดหน่อย เพราะผมไม่ได้พูดไรต่อ ก็คนมันอึ้ง!!!
“นะนาย ว่าไงนะ??!!”ผมถามอีกครั้ง โดยที่สายตายังคงจับจ้องดวงตาหวานๆนั้นไม่กะพริบ
“ชอบนายนะ”ริมฝีปากร้อนคลอเคลียกับริมฝีปากผมเบาๆ
“ชอบมานานแล้วล่ะ”คนตัวโตกดจูบหนักๆครั้งนึงก่อนจะพูดต่อ
“นายมันซุ่มซ่าม งี่เง่า เอาแต่ใจ แต่ทำไมฉันยิ่งชอบนายมากขึ้น”ชานยอลรั้งท้ายทอยผมให้รับสัมปัสที่รุกล้ำมากกว่าเมื่อกี้ให้ยาวนานยิ่งขึ้น ก่อนจะถอนจูบออกช้าๆเมื่อผมทุบอกประท้วงว่าไม่มีอากาศหายใจ
“นายล่ะ ชอบฉันบ้างรึเปล่า?”
“แกร๊ก”เสียงประตูเปิด สัญญาณหมดรอบชิงช้าสวรรค์ ผมเดินนำออกมาโดยไม่หันไปมองคนตามหลัง ก่อนจะตะโกนใส่หน้าคนตามหลังดังๆว่า
….
…
..
“คิดเองบ้างก็ได้นะ ไอด๊อบบี้งี่เง่า!”
Thanks for reading
ผลงานอื่นๆ ของ gapa_gap ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ gapa_gap
ความคิดเห็น