คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ยาถอนพิษ
ตอนที่ 8 ยาถอนพิษ
อี้จิงกระพริบตาถี่ ๆ นางลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นใบหน้าคนลอยอยู่ตรงหน้า... แม้ว่าจะตะลึงพรึงเพริดอยู่บ้าง แต่พอเห็นว่าเป็นใบหน้าของเขา... นางก็อดคิดไปว่านางกำลังฝันไปมิได้...
“ทำไมท่านถึงได้... มาหาข้าอยู่เรื่อยนะ..” นางยิ้มให้คนในฝัน...
“ก็ข้ากับเจ้ายังมีเรื่องติดค้างกันอยู่...” เขาบอก นางทำหน้าเบ้ “เมื่อคราวที่แล้วไม่เห็นจะพูดเช่นนี้เลย... ฝันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยหรือ..” นางครุ่นคิด...
“งั้นคราวที่แล้วข้าพูดอย่างไรกับเจ้าหรือ...” เขายิ้มถาม... นางจึงยิ้มตอบพลางว่า “ท่านบอกว่าคิดถึงข้า...”
สีหน้าของเขาดูตกใจเล็กน้อย แต่แล้วก็พลันยิ้มอ่อนโยนให้นาง... “โกหก...”
นางขมวดคิ้ว... “ข้ามิได้โกหก....”
“เจ้าลงชื่อในราชโองการแล้ว ข้าก็ไม่มีเหตุผลอันใดต้องมาหาเจ้าใช่หรือไม่...”
นางเงียบไปพักหนึ่ง... จากนั้นเหลียวมองรอบๆ ตัวอย่างมีสติ นางไม่ได้ฝันไป ตอนนี้นางอยู่ในอ้อมกอดของเขา...ทั้งยังเป็นเขาตัวจริงเสียด้วย! เจิ้งอี้จิงพยายามใช้แรงอันน้อยนิดผลักเขาออกไป แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเขาไม่ยอม...ทั้งยังใช้รอยยิ้มพิฆาตกับนางอีกด้วย “ข้านำราชโองการมาให้เจ้าลงชื่ออีกครั้ง อันที่เจ้าให้มามันใช้ไม่ได้”
“ท่าน!” นางหน้าแดงเพราะความโกรธ... ไม่ใช่เพราะเรื่องราชโองการแต่เพราะเขาไม่ยอมปล่อยนางต่างหาก
เขายิ้ม สีหน้าเช่นนี้นี่แหล่ะที่เขาอยากเห็น ที่ทำไปก็แค่แกล้งนางให้โมโหเท่านั้น ก็ใบหน้าของนางยามโกรธมันน่ากลัวที่ไหนกันเล่า
เจิ้งอี้จิงพลิกตัวพลันพบว่าตัวเองสวมถุงเท้าแล้ว จึงนึกแปลกใจ นางถอดถุงเท้าเพราะว่าแช่เท้าจนเปียกนี่นา... ทำไมตอนนี้ถึงได้...
เหมือนเฉินซื่อจวินจะรู้ความคิดของนาง เขาใช้พัดชี้ไปที่ปลายเท้าของอีกฝ่ายพลางว่า
“เจ้าชอบเปลือยท่อนขาแล้วก็ปลายเท้ายั่วผู้อื่นนักหรือ... เป็นสาวเป็นแส้ อย่าทำตัวรุ่มร่ามนักได้ไหม” เขาเตือนสตินาง พอเห็นพวกองครักษ์ของเขาพากันเบือนหน้าหนีด้วยความอายแล้วก็อดโกรธขึงขึ้นมาอย่างมีสาเหตุมิได้
“ปลายเท้าของเจ้ามันกระตุ้นให้ผู้อื่นอยากจะทำนั่นทำนี่ด้วย... เข้าใจหรือไม่” สีหน้าท่าทางของฮ่องเต้ยามนี้ดูราวกับสามีกำลังสั่งสอนภรรยาไม่มีผิด ทำเอาองค์รักษ์ทั้งหลายที่ยืนเฝ้ามองอยู่งุนงงไปตาม ๆ กัน
ส่วนคนถูกดุด่าว่ากล่าวกลับขมวดคิ้ว “ข้าไม่เข้าใจ...”
แล้วทำไมเขาไม่เลิกกอดนางเสียที เจิ้งอี้จิงขืนตัวอยู่สองสามทีก็หมดแรง จึงได้แต่นิ่งเสีย พลันได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับว่า
“ปลายเท้าเป็นของสงวน... กุลสตรีห้ามให้ชายอื่นนอกจากสามีชมดูรู้หรือไม่” เขาเชื่อว่านางไม่รู้ ถึงได้ชอบเปลือยเท้าล่อนจ้อนผู้อื่นเห็นง่ายดาย ไม่คาดถูกอีกฝ่ายสวนกลับมาลมหายใจแทบชะงัก
“เป็นท่านเห็น ก็ไม่เป็นไรนี่นา...อ้ะ! ขอโทษ ท่านกับข้ามิได้เป็น...คู่หมั้นกันแล้ว” นางมอบราชโองการยกเลิกการหมั้นหมายให้เขาไปแล้วนี่นา เจิ้งอี้จิงเอียงหน้าหลบเขานิด ๆ ท่าทางของนางทำให้อีกฝ่ายใจเต้นไม่รู้ตัว เพราะเหตุใด เขาถึงได้รู้สึกว่านางน่ารักขึ้นกัน คิดพลากลืนน้ำลายเอือก เพราะลำคอแห้งผากขึ้นมาเฉย ๆ ทำให้เสียงขอเขาแหบแห้งทั้งยังสะดุดอีกด้วย
“ทำไมต้องขอโทษ ข้าขอบอกให้เจ้ารู้ไว้ ข้อความที่เจ้าเขียนนั้นมันใช้ไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้เจ้ากับข้าก็ยังเป็นคู่หมั้นกันอยู่” เขาบอก ส่วนนางใบหน้าแดงจัดและกำลังพยายามเบือนหน้าหนีเขา “ท่านโกหก...”
นางไม่โง่เลย.... แต่ช่างเถอะเขาไม่ยอมให้นางตีจากเขาไปง่าย ๆ เช่นนี้หรอก
“ข้าเปล่า... เพียงแต่จดหมายที่เจ้าเขียนจะต้องมอบให้แก่ข้ากับมือเท่านั้น มิใช่ให้ผู้ใดนำมา” จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเรื่องที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเหมือนตอนที่เขาคาดคั้นนางให้ยกเลิกการหมั้นในวันแรกพบไม่มีผิด
เจิ้งอี้จิงไม่เข้าใจเลยสักนิด ไม่รู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไร เหมือนสมองไม่รับรู้อะไรนอกจากใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้ชิดเหลือเกินจนแทบจะสัมผัสลมหายใจกันได้อยู่แล้ว นางพยายามเบี่ยงหลบเขาทำให้ริมฝีปากของตนเองเฉียดผ่านริมฝีปากของเขาไปโดยไม่ตั้งใจ อีกฝ่ายถึงกับยับยั้งชั่งใจตนเองมิได้ ต้องแนบใบหน้าเข้าไปชิดแกมหยุ่นนุ่มของนาง ส่วนนางพอถูกสัมผัสกลับตกใจจนต้องขยับตัวหนีออกมาแต่ก็หนีไม่พ้นริมฝีปากของเขาที่จงใจแนบสนิทลงมาประทับ นางสัมผัสได้ถึงลมหายใจหอมหวานของเขา ทั้งยังรุกไล่นางด้วยปลายลิ้นนุ่มหยุ่นอยู่ภายใน ทำให้หัวใจของนางเต้นรัวเร็วเหมือนจะระเบิดออกมากระนั้น
เฉินซื่อจวินตกอยู่ในห้วงอารมณ์ปรารถนา เขารู้สึกได้ว่าร่างในอ้อมแขนของเขากำลังสั่นระริก สัมผัสแรกไม่คุ้นเคยได้แต่ปล่อยให้เขานำพา กระทั่งลมหายใจของนางติดขัดเหมือนคนใกล้จะหมดสติ เขาจึงต้องผละออกเพื่อให้นางได้สูดลมหายใจบ้าง ริมฝีปากของเขาที่ปิดสนิทกับนางค่อย ๆ ห่างออกมาอย่างนุ่มนวล ทั้งยังขบเม้มเบา ๆก่อนจะผละออกไปให้อาลัยโหยหา
เขามองดูใบหน้าของนางที่กำลังแดงจัด ทั้งยังหอบหายใจรุนแรงอีกด้วย หากไม่เพราะเขาหยุดตัวเองเอาไว้ก่อน นางคงจะต้องขาดอากาศหายใจตายไปจริง ๆ แน่ ก็นางเล่นกลั้นหายใจตลอดเวลาที่ ‘เขาจูบนาง’
ทันทีที่ได้สติ ร่างเล็กแบบบางก็กระหน่ำกำปั้นลงบนแผงอกกำยำของอีกฝ่ายไม่ยั้งด้วยความโกรธและอับอาย
“ท่านทำเกินไปแล้ว...” นางทุบอกเขาอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่นางจะสามารถกระทำได้ แต่เขารู้สึกเหมือนนางแค่สะกิดเขาเบา ๆ เท่านั้น
“ข้าขอโทษ... ยกโทษให้ข้าด้วย...” เฉินซื่อจวินบอก ส่วนตัวเองก็ยังสับสนรุนแรงเช่นกันว่าได้ทำอะไรลงไป เมื่อครู่นางน่ารักเกินไปจนเขาอดใจไว้ไม่อยู่ เขาไม่ได้อยากกลั่นแกล้งนางเลยแม้แต่น้อย แต่จะอธิบายเช่นไรดี...
“ทำไมทำเช่นนี้เล่า... ท่านตั้งใจจะแยกจากข้ามิใช่หรือ...” นางหันหน้าหนีด้วยความอับอายสุดจะทน
“ข้า...” คำถามของนางเหมือนตีแสกหน้าเขาเข้าอย่างจัง ที่นางพูดนั้นถูกต้องทุกประการ เขาต้องการยกเลิกการหมั้นหมายกับนาง หากจะบอกนางว่าเขาเปลี่ยนใจแล้วก็เหมือนกับได้กลืนน้ำลายตัวเอง ทั้งยังมีสตรีอีกสองนางที่เขายังไม่ได้ปฏิเสธไปอย่างชัดเจนอีกด้วย ด้วยเพาะเจิ้งอี้จิงผู้นี้ไม่เหมือนสตรีอื่น เขาจึงไม่อาจให้คำมั่นสัญญาที่เหมือนกับความฝันแก่นางได้ ก่อนที่จะตอบคำถามของนางออกไป ความรู้สึกของเขาควรชัดเจนกว่านี้ จะได้ไม่ทำให้นางต้องเสียใจอีกภายหลัง
ทว่าเป็นเพราะเขาไม่พูดอะไร กลับทำให้สถานการ์ณแย่กว่าเดิม นางหันกลับมาสบนัยน์ตาสีดำสนิทของเขาด้วยความสับสน สีหน้าของเขาที่นางเห็นราวกับกำลังรู้สึกละอายใจเหลือแสน ทำให้นางหัวใจแตกสลายย่อยยับ น้ำตาของนางพรั่งพรูออกมาจากดวงตาทั้งสองเหมือนไร้ทำนบกั้น
ใบหน้าขาวผ่องตรงหน้าอาบไปด้วยน้ำตา ทำให้เฉินซื่อจวินรู้สึกผิดยิ่งนัก เขาโทษความเจ้าชู้ไม่เลือกของตนเองเป็นอย่างยิ่ง แม้นว่าเขาทำเช่นนี้ต่อสตรีอื่นได้ แต่กับนางเขาเป็นเหมือนโจรผู้ร้ายฆ่าคนตายไม่มีผิด
“อย่าร้องนะ...อย่าร้อง...” เห็นน้ำตาของนางไหลพราก เขาก็อดสงสารนางมิได้... นางบอบบางเหมือนแก้วที่เจียระไน ทั้งเปราะบางและแตกง่าย... หัวใจของเขาจวนจะแตกร้าวตามไปด้วยแล้ว ทันทีที่จะกอดปลอบนางให้หายเศร้สักหน่อย กลับได้ยินเสียงดังมาจากด้านล่าง เป็นเสียงน่าชังนั่นอีกแล้ว!
“คุณหนู....ลงมาเถิด” มู่หลงอ้าแขนรอรับร่างแบบบางที่โคนต้นไม้ เจิ้งอี้จิงจึงผลักร่างใหญ่หนาออกจากตัวแล้วเอนกายร่วงลงจากกิ่งไม้หล่นฟุบไปยังอ้อมแขนของคนด้านล่างต่อหน้าต่อตาเขา จากนั้นทั้งมู่หลงและนางก็หายวับไปกับตา
เฉินซื่อจวินกำหมดแน่น หากที่นี่คือวังหลวง เขาจะสั่งประหารคนผู้นั้นสักร้อยสักพันครั้ง!
เฉินซื่อจวินเดินทางเข้าพักในจวนอ๋องเช่นเคย และไม่ต้องเอ่ยอะไรให้มากความ พ่อบ้านหยงก็จดให้เขาอยู่เรือนรับรองที่เคยมาพำนักเช่นคราวก่อน ด้วยไม่แปลกที่อีกแล้วเขาจึงออกมายืนมองดวงจันทร์ที่สุกสกาวสดใสอยู่เพียงลำพัง พอเห็นดวงจันทร์เขาก็รู้สึกเหมือนได้เห็นใบหน้าของนาง คิดสงสัยในใจว่าตนเองกำลังถูกพิษร้ายอะไรเล่นงานกันแน่ ถึงได้รู้สึกคิดถึงสตรีผู้หนึ่งได้ถึงเพียงนี้ ทว่าตอนนี้มีสิ่งที่เขาไม่ต้องสงสัยชัดเจนอยู่ ร่างหนึ่งในเงามืดด้านหลังดูจะมีความแค้นกับเขาอย่างใหญ่หลวง และนางกำลังแสดงตัวตนออกมาให้เขาได้เห็น ในมือของนางนั้นมีเข็มพิษเป็นอาวุธ แสงจันทร์ที่สุกสกาวช่วยทำให้เขามองเห็นประกายสะท้อนของมันชัดเจนขึ้น นางซัดมันออกมาก่อนที่ร่างอันเย้ายวนของนางจะปรากฏออกมากลางแสงจันทร์เสียอีก
เฉินซื่อจวินนหลบเข็มบินอย่างคล่องแคล่ว แต่กายของอีกฝ่ายเข้ารุกประชิดเขาจึงต้องหลบซ้ายหลีกขวาเป็นพัลวัน ครุ่นคิดอยู่ว่านี่มันเป็นเรื่องใดกันแน่ เสี่ยวถงถงผู้งดงามเย้ายวนผู้นั้นเปลี่ยนร่างจากนางงามมาเป็นนางมารร้ายได้อย่างไรกัน...
“หยุดมือก่อนได้หรือไม่... ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเข้าจึงทำเช่นนี้!” เขาสะกดจุดนางไว้ได้ตอนนั้นเอง
ร่างของเสี่ยวถงถงนิ่งสนิท นางไม่อาจขยับส่วนใดได้อีกนอกจากริมฝีปาก
“ท่านมันคนชั่วช้า!” นางตวาดเขาออกไปจนสุดแรง “บังอาจล่วงเกินคุณหนูของข้า ไปตายซะ!”
เขามองนางคิ้วขมวด ที่แท้นางก็โกรธแทนเจ้านายนี่เอง พอดีเลยตอนนี้เขากำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่เสียด้วย เสี่ยวถงถงผู้นี้เข้ามาช่วยให้เขาหายคิดถึงสตรีผู้นั้นไปเสียได้ยิ่งดี คิดพลางรวบตัวนางมารเข้ามากอดเอาไว้แนบอก จากนั้นเป่ากระซิบข้างหูนางเบา ๆ
“ที่เจ้าโกรธเพราะข้าไปล่วงเกินนาง หรือเพราะหึงข้ากันแน่ หืม” เขาแสยะยิ้ม มั่นใจในความเป็นชายของเขาเหลือเกิน
แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีทีท่าว่าจะรามือ สีหน้าของนางโหดเหี้ยมกว่าเดิม “เพราะพวกบุรุษเพศตัวผู้เป็นเช่นนี้ ข้าจึงไม่คิดอยากจะหลงใหลใฝ่ฝันถึง คิดว่าข้าหลงใหลในตัวท่านงั้นรึ... ผิดถนัดซะล่ะมั้ง...” นางว่า แม้ว่านางจะขยับตัวมิได้ แต่ปากยังขยับได้ ยิ่งกล่าวต่อไปยิ่งทำให้ผู้คนตะลึงพรึงเพริด
“คุณหนูมิใช่สตรีที่ท่านจะมาล้อเล่นได้... ต่อให้วันนี้ท่านสูญสลายไปข้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาให้ แต่เพราะท่านแตะต้องนาง ท่านถึงกับแตะต้องนางอันเป็นที่รักของข้า!!!”
นางตวาดออกไปสุดเสียง ทำให้เฉินซื่อจิ้นหมดปัญญาขบคิดอะไรได้อีก เขากุมขมับตัวเองพลางขบคิดจนเข้าใจถ่องแท้ ผู้หญิงที่เกิดมาพร้อมด้วยรูปโฉมคนนี้ ถึงกับเป็นพวกวิปริตผิดเพศงั้นรึ... ทั้งยังหลงรักคู่หมั้นผู้อื่นอีก น่าตายนัก!
“นางเป็นที่รักของเจ้างั้นรึ.... พูดออกมาเช่นนี้ไม่กลัวข้าจะฟาดเจ้าให้ตายคามือหรืออย่างไร” เขาไม่ชอบและรู้สึกหงุดหงิดไม่ใช่เพราะเสี่ยวถงถงไปรักผู้หญิง แต่เพราะเสี่ยวถงถงมารักคู่หมั้นของเขา!
“จะฆ่าข้า? มีปัญญาหรือ!” นางหัวเราะออกมาอย่างเริงร่า.... เพราะเมื่อครู่เขาแตะต้องตัวนาง ดังนั้นไม่มีทางรอดไปได้ง่าย ๆ เหมือนคราวก่อนแน่!
“เจ้าหัวเราะอะไร...อุก!” พักเดียวอาการพิษก็กำเริบ เฉินซื่อจวินกุมท้องตัวเองอย่างเจ็บปวด ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำ ทั้งยังมีอาการแน่นจุกหน้าอกจนหายใจไม่ออก สมองวิงเวียนไปหมด กึ่งหมดสติกึ่งหลับใหล ส่วนเฉาเฟยในตอนแรกคิดว่านางมารไม่อาจกล้ำกลายอีกฝ่าได้แม้เพียงปลยนิ้วจึงมิได้เฉลียวใจ ทว่าจะมาช่วยเอาตอนนี้สายไปเสียแล้ว
ไม่คาด อยู่ ๆ ร่างแบบบางในชุดขาวที่ไม่รู้มาจากทิศทางใด วิ่งเตลิดเข้ามาหาเขา พร้อมกับดึงสาบเสื้อของเขาขึ้นเพื่อที่จะโน้มใบหน้าของเขาขึ้นมาแล้วกัดริมฝีปากตนเองให้เลือดไหล จากนั้นประทับจูบสีโลหิตลงไปในทันที
“คุณหนู!!! ไม่ได้นะเจ้าคะ!!!” พิษคราวนี้รุนแรงนัก “คลายจุดให้ข้า คลายจุดเดี๋ยวนี้!” นางร้องตะโกน มู่หลงที่ออกมาแทบจะพร้อมกันกับนาย คลายจุดให้เสี่ยวถงถงเพื่อให้นางล้วงเอายาถอนพิษออกมา
เฉินซื่อจวินรู้สึกได้ว่าที่ริมฝีปากของตนชุ่มชื้นและมีของเหลวหลั่งออกมาทอดผ่านไปยังลำคอ สัมผัสเช่นนี้เขายังจดจำได้ ช่างอ่อนโยนและหอมหวาน ขณะที่สติสัมปชัญญะของเขาค่อย ๆ ดีขึ้นมากพอที่จะเห็นว่าคนตรงหน้าของตัวเองเป็นผู้ใดนั้น เขากลับถือโอกาสไล้เลียริมฝีปากของอีกฝ่ายตอบอย่างได้ใจ ทว่า..นางกลับผลักเขาออกไปอย่างแรง ก่อนที่ร่างแบบบางจะซวนเซตัวโยน จากนั้นร่างของนางพลันร่วงผล็อยไปตรงหน้าเขา
“คุณหนู!” เสี่ยวถงถงรีบยัดยาถอนพิษเข้าปากเจิ้งอี้จิงอย่างเร่งด่วน ร่างของนางยังคงสลบไสลไม่ได้สติไปพร้อม ๆ กับร่างของเฉินซื่อจวินที่รู้สึกเหมือนตนเองจะวูบลงอีกครั้ง
เฉินซื่อจวินลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องรับรองของตัวเอง แล้วพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พอเรียบเรียงตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ก็รีบผลุนผลันลงจากเตียงไปดูอาการของคนที่ช่วยชีวิตตนทันที นางเอาอะไรให้เขากิน... มันเป็นยาอะไร... ทำไมนางถึงได้มีสภาพอ่อนระโหยโรยแรงเช่นนั้น
“อี้จิง” เขาร้องเรียกนางตั้งแต่ตนเองผลักประตูเข้าไปทว่าพอรุกเข้าไปในห้อง เจ้าของกลับไม่อยู่เสียนี่ ทำให้เขาอดหน้าเครียดไม่ได้ ไม่ใช่ว่านางจะล้มป่วยไปแล้วหรอกนะ
“ทำอะไร...” เสียงสดใสของนางดังขึ้นด้านหลังทำให้เขาสะดุ้งโหยง หันไปก็เห็นสีหน้าของนางเป็นปกติดี
“เจ้า.... ไม่สบายตรงไหนหรือไม่... เมื่อคืนนี้ข้า...กับเจ้า...”
เห็นท่าทางละล่ำละลักของเขาทำให้นางอดขำมิได้ “ท่านเป็นอะไรน่ะ... ใช่ฝันร้ายไปหรือไม่...”
เห็นนางเฉไฉไม่เป็นตัวของตัวเองเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่น้อย นางไม่เห็นหรือว่าเขาเป็นห่วงนางแค่ไหน
เขาดึงแขนนางฉุดให้นางหันหน้ามาหาเขา “ข้าจำได้ ทุกอย่าง...”
ได้ยินเช่นนั้น นางจึงค่อย ๆ ก้มศีรษะลงอย่างสำนึกผิด “ขอโทษแทนเสี่ยวถงถงด้วย...” เอ่ยคำแรกนางก็ขอโทษแทนผู้อื่นเสียแล้ว มันยังไงกันนะสตรีนางนี้!
“ช่างนางเถอะ... ข้าหมายถึงเจ้าต่างหาก... เมื่อคืนนี้เจ้าถอนพิษให้ข้า จากนั้นเจ้าก็ล้มลงไป ข้าห่วงว่าเจ้าจะเป็นอันตราย” เฉินซื่อจวินบอกนางด้วยสีหน้าร้อนใจ พออีกฝ่ายเห็นใบหน้าเช่นนี้ก็รู้สึกปลาบปลื้มในใจเล็กน้อยมิได้
“ข้าไม่เป็นไร... เสี่ยวถงถงถอนพิษร้ายจากตัวข้าไปหมดแล้ว ส่วนท่าน... ก็เช่นกัน” นางมองหน้าเขาพลางตอบจริงจัง
“อี้จิง เจ้าแน่ใจว่าไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ”
นางกำลังพยักหน้างึกงักอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าเฉาเฟยปรากฏตัวข้าง ๆ เขาแล้วบอกความจริงออกมาเสียก่อน
“นางสลบไปจริง ๆ พะย่ะค่ะฝ่าบาท ตอนนี้นางกำลังปิดบังเรื่องสำคัญกับพระองค์อีกด้วย”
ได้ยินเฉาเฟยเอ่ยออกมาเช่นนี้ สีหน้าของนางยิ่งซีดขาวเข้าไปอีก เมื่อเขาเค้นถาม “เรื่องอะไรกันแน่...”
“ปล่อยนาง...” มู่หลงปรากฏตัวด้านหลังอี้จิงทันที เขาโอบไหล่ทั้งสองข้างของนางเอาไว้แล้วดึงร่างที่ถูกเกาะกุมจากมือของเฉินซื่อจวินออกมาทันที คราวนี้ฮ่องเต้อย่างเขาคงต้องแสดงฝีมือออกมาบ้าง ไม่เช่นนั้นเจ้าคนคนนี้จะได้ใจเกินไปแล้ว!
“ข้าจะต้องรู้ความจริงให้ได้!” เขาไล่ตามมู่หลงด้วยความเร็วที่เหนือชั้น มู่หลงที่ต้องแบกร่างของอี้จิงไปด้วยทำให้ความเร็วลดลงไปบ้าง ทำให้เขาตามมาได้ทันท่วงที แววตาของมู่หลงวาววาบ ตนไม่เคยพบเจอคู่ปรับที่คู่ควรเช่นนี้มานานมากแล้ว... ดังนั้นหยุดหนี แล้วลากนางเข้าไปหลบไว้ด้านหลังเพื่อปกป้อง เขาอยากรู้ฝีมือของชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดินักรบคนนี้เหลือเกิน
ทว่ามือน้อยที่แตะอยู่ด้านหลังของเขาดึงชายผ้าของเขาไว้แน่น นางถึงกับกลัวว่าจักรพรรดิโฉดชั่วคนนี้จะเป็นอันตรายเพราะถูกเขาทำร้าย....อา.... ช่างน่าตายเสียจริง... เฉินซื่อจวิน เจ้าได้ดวงใจของนางไปครอบครองหมดแล้วทั้งดวง!
“คุณหนูวางใจ... ข้าไม่ทำร้ายเขา” มู่หลงบอกเสียงเรียบ
“อี้จิง เจ้าปิดบังอะไรข้า บอกมาเดี๋ยวนี้นะ” อีกฝ่ายเห็นสองคนกระซิบกระซาบกันก็รู้สึกขัดใจอย่างรุนแรง
“ท่านจะรู้ไปทำไม ราชโองการฉบับนั้น ทำให้ท่านกับนางไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว” มู่หลงกล่าว
“นางไม่ได้ส่งให้ข้าด้วยตนเอง ข้าไม่มีทางยอมรับ!” เจ้าบ้านี่ จู่ ๆ พูดเรื่องสิ่งของน่าตายนั่นขึ้นมาทำไมอีก
“หึ...” มู่หลงหัวเราะเสียงขึ้นจมูก ยั่วโทสะคนชัด ๆ
“คำถามของท่านนั้น นางไม่ต้องการตอบท่าน.... ท่านก็ไม่มีทางได้รู้หรอก”
“เจ้า!”
“มู่หลง.... ข้าจะบอกเขา” นางเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ... ท่าทางแปลก ๆ นั่นเขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่คำพูดของนางทำให้เขาดีใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนนางจะให้ความสำคัญกับเขามากกว่าเจ้ามู่หลงนั่นแล้ว
ความคิดเห็น