ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    องค์หญิงน่ารักกับจักรพรรดิเจ้าเล่ห์

    ลำดับตอนที่ #8 : ยาถอนพิษ

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 58


    ตอนที่ 8  ยาถอนพิษ

    อี้จิงกระพริบตาถี่ ๆ นางลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นใบหน้าคนลอยอยู่ตรงหน้า...  แม้ว่าจะตะลึงพรึงเพริดอยู่บ้าง  แต่พอเห็นว่าเป็นใบหน้าของเขา...  นางก็อดคิดไปว่านางกำลังฝันไปมิได้...

    “ทำไมท่านถึงได้...  มาหาข้าอยู่เรื่อยนะ..”  นางยิ้มให้คนในฝัน...

    “ก็ข้ากับเจ้ายังมีเรื่องติดค้างกันอยู่...”  เขาบอก  นางทำหน้าเบ้  “เมื่อคราวที่แล้วไม่เห็นจะพูดเช่นนี้เลย...  ฝันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยหรือ..”  นางครุ่นคิด...

    “งั้นคราวที่แล้วข้าพูดอย่างไรกับเจ้าหรือ...”  เขายิ้มถาม...  นางจึงยิ้มตอบพลางว่า  “ท่านบอกว่าคิดถึงข้า...” 

    สีหน้าของเขาดูตกใจเล็กน้อย  แต่แล้วก็พลันยิ้มอ่อนโยนให้นาง...  “โกหก...” 

    นางขมวดคิ้ว...  “ข้ามิได้โกหก....” 

    “เจ้าลงชื่อในราชโองการแล้ว  ข้าก็ไม่มีเหตุผลอันใดต้องมาหาเจ้าใช่หรือไม่...” 

    นางเงียบไปพักหนึ่ง...  จากนั้นเหลียวมองรอบๆ ตัวอย่างมีสติ  นางไม่ได้ฝันไป  ตอนนี้นางอยู่ในอ้อมกอดของเขา...ทั้งยังเป็นเขาตัวจริงเสียด้วยเจิ้งอี้จิงพยายามใช้แรงอันน้อยนิดผลักเขาออกไป  แต่ก็ทำไม่ได้  เพราะเขาไม่ยอม...ทั้งยังใช้รอยยิ้มพิฆาตกับนางอีกด้วย  “ข้านำราชโองการมาให้เจ้าลงชื่ออีกครั้ง  อันที่เจ้าให้มามันใช้ไม่ได้”

    “ท่าน!”  นางหน้าแดงเพราะความโกรธ...  ไม่ใช่เพราะเรื่องราชโองการแต่เพราะเขาไม่ยอมปล่อยนางต่างหาก

    เขายิ้ม  สีหน้าเช่นนี้นี่แหล่ะที่เขาอยากเห็น  ที่ทำไปก็แค่แกล้งนางให้โมโหเท่านั้น  ก็ใบหน้าของนางยามโกรธมันน่ากลัวที่ไหนกันเล่า

    เจิ้งอี้จิงพลิกตัวพลันพบว่าตัวเองสวมถุงเท้าแล้ว  จึงนึกแปลกใจ  นางถอดถุงเท้าเพราะว่าแช่เท้าจนเปียกนี่นา...  ทำไมตอนนี้ถึงได้...

    เหมือนเฉินซื่อจวินจะรู้ความคิดของนาง  เขาใช้พัดชี้ไปที่ปลายเท้าของอีกฝ่ายพลางว่า 

    “เจ้าชอบเปลือยท่อนขาแล้วก็ปลายเท้ายั่วผู้อื่นนักหรือ...  เป็นสาวเป็นแส้  อย่าทำตัวรุ่มร่ามนักได้ไหม”  เขาเตือนสตินาง  พอเห็นพวกองครักษ์ของเขาพากันเบือนหน้าหนีด้วยความอายแล้วก็อดโกรธขึงขึ้นมาอย่างมีสาเหตุมิได้ 

    “ปลายเท้าของเจ้ามันกระตุ้นให้ผู้อื่นอยากจะทำนั่นทำนี่ด้วย...  เข้าใจหรือไม่”  สีหน้าท่าทางของฮ่องเต้ยามนี้ดูราวกับสามีกำลังสั่งสอนภรรยาไม่มีผิด  ทำเอาองค์รักษ์ทั้งหลายที่ยืนเฝ้ามองอยู่งุนงงไปตาม ๆ กัน 

    ส่วนคนถูกดุด่าว่ากล่าวกลับขมวดคิ้ว  “ข้าไม่เข้าใจ...” 

    แล้วทำไมเขาไม่เลิกกอดนางเสียที  เจิ้งอี้จิงขืนตัวอยู่สองสามทีก็หมดแรง  จึงได้แต่นิ่งเสีย พลันได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับว่า

    “ปลายเท้าเป็นของสงวน...  กุลสตรีห้ามให้ชายอื่นนอกจากสามีชมดูรู้หรือไม่”  เขาเชื่อว่านางไม่รู้  ถึงได้ชอบเปลือยเท้าล่อนจ้อนผู้อื่นเห็นง่ายดาย  ไม่คาดถูกอีกฝ่ายสวนกลับมาลมหายใจแทบชะงัก

    “เป็นท่านเห็น  ก็ไม่เป็นไรนี่นา...อ้ะขอโทษ  ท่านกับข้ามิได้เป็น...คู่หมั้นกันแล้ว”  นางมอบราชโองการยกเลิกการหมั้นหมายให้เขาไปแล้วนี่นา  เจิ้งอี้จิงเอียงหน้าหลบเขานิด ๆ   ท่าทางของนางทำให้อีกฝ่ายใจเต้นไม่รู้ตัว  เพราะเหตุใด  เขาถึงได้รู้สึกว่านางน่ารักขึ้นกัน  คิดพลากลืนน้ำลายเอือก  เพราะลำคอแห้งผากขึ้นมาเฉย ๆ ทำให้เสียงขอเขาแหบแห้งทั้งยังสะดุดอีกด้วย

    “ทำไมต้องขอโทษ  ข้าขอบอกให้เจ้ารู้ไว้  ข้อความที่เจ้าเขียนนั้นมันใช้ไม่ได้  ดังนั้นตอนนี้เจ้ากับข้าก็ยังเป็นคู่หมั้นกันอยู่”  เขาบอก  ส่วนนางใบหน้าแดงจัดและกำลังพยายามเบือนหน้าหนีเขา  “ท่านโกหก...” 

    นางไม่โง่เลย.... แต่ช่างเถอะเขาไม่ยอมให้นางตีจากเขาไปง่าย ๆ เช่นนี้หรอก 

    “ข้าเปล่า...  เพียงแต่จดหมายที่เจ้าเขียนจะต้องมอบให้แก่ข้ากับมือเท่านั้น  มิใช่ให้ผู้ใดนำมา”  จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเรื่องที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเหมือนตอนที่เขาคาดคั้นนางให้ยกเลิกการหมั้นในวันแรกพบไม่มีผิด 

    เจิ้งอี้จิงไม่เข้าใจเลยสักนิด  ไม่รู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไร  เหมือนสมองไม่รับรู้อะไรนอกจากใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้ชิดเหลือเกินจนแทบจะสัมผัสลมหายใจกันได้อยู่แล้ว  นางพยายามเบี่ยงหลบเขาทำให้ริมฝีปากของตนเองเฉียดผ่านริมฝีปากของเขาไปโดยไม่ตั้งใจ  อีกฝ่ายถึงกับยับยั้งชั่งใจตนเองมิได้  ต้องแนบใบหน้าเข้าไปชิดแกมหยุ่นนุ่มของนาง   ส่วนนางพอถูกสัมผัสกลับตกใจจนต้องขยับตัวหนีออกมาแต่ก็หนีไม่พ้นริมฝีปากของเขาที่จงใจแนบสนิทลงมาประทับ  นางสัมผัสได้ถึงลมหายใจหอมหวานของเขา  ทั้งยังรุกไล่นางด้วยปลายลิ้นนุ่มหยุ่นอยู่ภายใน  ทำให้หัวใจของนางเต้นรัวเร็วเหมือนจะระเบิดออกมากระนั้น 

    เฉินซื่อจวินตกอยู่ในห้วงอารมณ์ปรารถนา  เขารู้สึกได้ว่าร่างในอ้อมแขนของเขากำลังสั่นระริก  สัมผัสแรกไม่คุ้นเคยได้แต่ปล่อยให้เขานำพา  กระทั่งลมหายใจของนางติดขัดเหมือนคนใกล้จะหมดสติ  เขาจึงต้องผละออกเพื่อให้นางได้สูดลมหายใจบ้าง  ริมฝีปากของเขาที่ปิดสนิทกับนางค่อย ๆ ห่างออกมาอย่างนุ่มนวล  ทั้งยังขบเม้มเบา ๆก่อนจะผละออกไปให้อาลัยโหยหา  

    เขามองดูใบหน้าของนางที่กำลังแดงจัด  ทั้งยังหอบหายใจรุนแรงอีกด้วย  หากไม่เพราะเขาหยุดตัวเองเอาไว้ก่อน  นางคงจะต้องขาดอากาศหายใจตายไปจริง ๆ แน่   ก็นางเล่นกลั้นหายใจตลอดเวลาที่  เขาจูบนาง’ 

    ทันทีที่ได้สติ  ร่างเล็กแบบบางก็กระหน่ำกำปั้นลงบนแผงอกกำยำของอีกฝ่ายไม่ยั้งด้วยความโกรธและอับอาย 

    “ท่านทำเกินไปแล้ว...”  นางทุบอกเขาอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่นางจะสามารถกระทำได้  แต่เขารู้สึกเหมือนนางแค่สะกิดเขาเบา ๆ เท่านั้น 

    “ข้าขอโทษ...  ยกโทษให้ข้าด้วย...”  เฉินซื่อจวินบอก  ส่วนตัวเองก็ยังสับสนรุนแรงเช่นกันว่าได้ทำอะไรลงไป  เมื่อครู่นางน่ารักเกินไปจนเขาอดใจไว้ไม่อยู่  เขาไม่ได้อยากกลั่นแกล้งนางเลยแม้แต่น้อย  แต่จะอธิบายเช่นไรดี... 

    “ทำไมทำเช่นนี้เล่า...  ท่านตั้งใจจะแยกจากข้ามิใช่หรือ...”  นางหันหน้าหนีด้วยความอับอายสุดจะทน 

     “ข้า...”   คำถามของนางเหมือนตีแสกหน้าเขาเข้าอย่างจัง  ที่นางพูดนั้นถูกต้องทุกประการ  เขาต้องการยกเลิกการหมั้นหมายกับนาง  หากจะบอกนางว่าเขาเปลี่ยนใจแล้วก็เหมือนกับได้กลืนน้ำลายตัวเอง  ทั้งยังมีสตรีอีกสองนางที่เขายังไม่ได้ปฏิเสธไปอย่างชัดเจนอีกด้วย  ด้วยเพาะเจิ้งอี้จิงผู้นี้ไม่เหมือนสตรีอื่น  เขาจึงไม่อาจให้คำมั่นสัญญาที่เหมือนกับความฝันแก่นางได้  ก่อนที่จะตอบคำถามของนางออกไป  ความรู้สึกของเขาควรชัดเจนกว่านี้  จะได้ไม่ทำให้นางต้องเสียใจอีกภายหลัง 

    ทว่าเป็นเพราะเขาไม่พูดอะไร  กลับทำให้สถานการ์ณแย่กว่าเดิม  นางหันกลับมาสบนัยน์ตาสีดำสนิทของเขาด้วยความสับสน  สีหน้าของเขาที่นางเห็นราวกับกำลังรู้สึกละอายใจเหลือแสน  ทำให้นางหัวใจแตกสลายย่อยยับ  น้ำตาของนางพรั่งพรูออกมาจากดวงตาทั้งสองเหมือนไร้ทำนบกั้น   

    ใบหน้าขาวผ่องตรงหน้าอาบไปด้วยน้ำตา ทำให้เฉินซื่อจวินรู้สึกผิดยิ่งนัก  เขาโทษความเจ้าชู้ไม่เลือกของตนเองเป็นอย่างยิ่ง  แม้นว่าเขาทำเช่นนี้ต่อสตรีอื่นได้  แต่กับนางเขาเป็นเหมือนโจรผู้ร้ายฆ่าคนตายไม่มีผิด   

    “อย่าร้องนะ...อย่าร้อง...”  เห็นน้ำตาของนางไหลพราก  เขาก็อดสงสารนางมิได้...  นางบอบบางเหมือนแก้วที่เจียระไน  ทั้งเปราะบางและแตกง่าย...  หัวใจของเขาจวนจะแตกร้าวตามไปด้วยแล้ว  ทันทีที่จะกอดปลอบนางให้หายเศร้สักหน่อย  กลับได้ยินเสียงดังมาจากด้านล่าง  เป็นเสียงน่าชังนั่นอีกแล้ว!

    “คุณหนู....ลงมาเถิด”  มู่หลงอ้าแขนรอรับร่างแบบบางที่โคนต้นไม้  เจิ้งอี้จิงจึงผลักร่างใหญ่หนาออกจากตัวแล้วเอนกายร่วงลงจากกิ่งไม้หล่นฟุบไปยังอ้อมแขนของคนด้านล่างต่อหน้าต่อตาเขา จากนั้นทั้งมู่หลงและนางก็หายวับไปกับตา

    เฉินซื่อจวินกำหมดแน่น  หากที่นี่คือวังหลวง  เขาจะสั่งประหารคนผู้นั้นสักร้อยสักพันครั้ง!

    เฉินซื่อจวินเดินทางเข้าพักในจวนอ๋องเช่นเคย  และไม่ต้องเอ่ยอะไรให้มากความ  พ่อบ้านหยงก็จดให้เขาอยู่เรือนรับรองที่เคยมาพำนักเช่นคราวก่อน  ด้วยไม่แปลกที่อีกแล้วเขาจึงออกมายืนมองดวงจันทร์ที่สุกสกาวสดใสอยู่เพียงลำพัง  พอเห็นดวงจันทร์เขาก็รู้สึกเหมือนได้เห็นใบหน้าของนาง  คิดสงสัยในใจว่าตนเองกำลังถูกพิษร้ายอะไรเล่นงานกันแน่  ถึงได้รู้สึกคิดถึงสตรีผู้หนึ่งได้ถึงเพียงนี้  ทว่าตอนนี้มีสิ่งที่เขาไม่ต้องสงสัยชัดเจนอยู่  ร่างหนึ่งในเงามืดด้านหลังดูจะมีความแค้นกับเขาอย่างใหญ่หลวง  และนางกำลังแสดงตัวตนออกมาให้เขาได้เห็น  ในมือของนางนั้นมีเข็มพิษเป็นอาวุธ  แสงจันทร์ที่สุกสกาวช่วยทำให้เขามองเห็นประกายสะท้อนของมันชัดเจนขึ้น  นางซัดมันออกมาก่อนที่ร่างอันเย้ายวนของนางจะปรากฏออกมากลางแสงจันทร์เสียอีก 

    เฉินซื่อจวินนหลบเข็มบินอย่างคล่องแคล่ว  แต่กายของอีกฝ่ายเข้ารุกประชิดเขาจึงต้องหลบซ้ายหลีกขวาเป็นพัลวัน  ครุ่นคิดอยู่ว่านี่มันเป็นเรื่องใดกันแน่  เสี่ยวถงถงผู้งดงามเย้ายวนผู้นั้นเปลี่ยนร่างจากนางงามมาเป็นนางมารร้ายได้อย่างไรกัน... 

    “หยุดมือก่อนได้หรือไม่...  ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเข้าจึงทำเช่นนี้!”  เขาสะกดจุดนางไว้ได้ตอนนั้นเอง 

    ร่างของเสี่ยวถงถงนิ่งสนิท  นางไม่อาจขยับส่วนใดได้อีกนอกจากริมฝีปาก  

    “ท่านมันคนชั่วช้า!”  นางตวาดเขาออกไปจนสุดแรง  “บังอาจล่วงเกินคุณหนูของข้า  ไปตายซะ!

    เขามองนางคิ้วขมวด  ที่แท้นางก็โกรธแทนเจ้านายนี่เอง  พอดีเลยตอนนี้เขากำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่เสียด้วย  เสี่ยวถงถงผู้นี้เข้ามาช่วยให้เขาหายคิดถึงสตรีผู้นั้นไปเสียได้ยิ่งดี  คิดพลางรวบตัวนางมารเข้ามากอดเอาไว้แนบอก  จากนั้นเป่ากระซิบข้างหูนางเบา ๆ

    “ที่เจ้าโกรธเพราะข้าไปล่วงเกินนาง  หรือเพราะหึงข้ากันแน่  หืม”  เขาแสยะยิ้ม  มั่นใจในความเป็นชายของเขาเหลือเกิน

    แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีทีท่าว่าจะรามือ  สีหน้าของนางโหดเหี้ยมกว่าเดิม  “เพราะพวกบุรุษเพศตัวผู้เป็นเช่นนี้  ข้าจึงไม่คิดอยากจะหลงใหลใฝ่ฝันถึง  คิดว่าข้าหลงใหลในตัวท่านงั้นรึ...  ผิดถนัดซะล่ะมั้ง...”  นางว่า  แม้ว่านางจะขยับตัวมิได้ แต่ปากยังขยับได้ ยิ่งกล่าวต่อไปยิ่งทำให้ผู้คนตะลึงพรึงเพริด 

    “คุณหนูมิใช่สตรีที่ท่านจะมาล้อเล่นได้...  ต่อให้วันนี้ท่านสูญสลายไปข้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาให้  แต่เพราะท่านแตะต้องนาง  ท่านถึงกับแตะต้องนางอันเป็นที่รักของข้า!!!” 

    นางตวาดออกไปสุดเสียง  ทำให้เฉินซื่อจิ้นหมดปัญญาขบคิดอะไรได้อีก  เขากุมขมับตัวเองพลางขบคิดจนเข้าใจถ่องแท้  ผู้หญิงที่เกิดมาพร้อมด้วยรูปโฉมคนนี้  ถึงกับเป็นพวกวิปริตผิดเพศงั้นรึ...  ทั้งยังหลงรักคู่หมั้นผู้อื่นอีก  น่าตายนัก! 

    “นางเป็นที่รักของเจ้างั้นรึ....  พูดออกมาเช่นนี้ไม่กลัวข้าจะฟาดเจ้าให้ตายคามือหรืออย่างไร”  เขาไม่ชอบและรู้สึกหงุดหงิดไม่ใช่เพราะเสี่ยวถงถงไปรักผู้หญิง  แต่เพราะเสี่ยวถงถงมารักคู่หมั้นของเขา! 

    “จะฆ่าข้า?  มีปัญญาหรือ!”  นางหัวเราะออกมาอย่างเริงร่า....  เพราะเมื่อครู่เขาแตะต้องตัวนาง  ดังนั้นไม่มีทางรอดไปได้ง่าย ๆ เหมือนคราวก่อนแน่! 

    “เจ้าหัวเราะอะไร...อุก!”  พักเดียวอาการพิษก็กำเริบ  เฉินซื่อจวินกุมท้องตัวเองอย่างเจ็บปวด  ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำ  ทั้งยังมีอาการแน่นจุกหน้าอกจนหายใจไม่ออก  สมองวิงเวียนไปหมด กึ่งหมดสติกึ่งหลับใหล  ส่วนเฉาเฟยในตอนแรกคิดว่านางมารไม่อาจกล้ำกลายอีกฝ่าได้แม้เพียงปลยนิ้วจึงมิได้เฉลียวใจ  ทว่าจะมาช่วยเอาตอนนี้สายไปเสียแล้ว 

    ไม่คาด  อยู่ ๆ ร่างแบบบางในชุดขาวที่ไม่รู้มาจากทิศทางใด  วิ่งเตลิดเข้ามาหาเขา  พร้อมกับดึงสาบเสื้อของเขาขึ้นเพื่อที่จะโน้มใบหน้าของเขาขึ้นมาแล้วกัดริมฝีปากตนเองให้เลือดไหล  จากนั้นประทับจูบสีโลหิตลงไปในทันที

    “คุณหนู!!!  ไม่ได้นะเจ้าคะ!!!”  พิษคราวนี้รุนแรงนัก  “คลายจุดให้ข้า  คลายจุดเดี๋ยวนี้!”  นางร้องตะโกน  มู่หลงที่ออกมาแทบจะพร้อมกันกับนาย  คลายจุดให้เสี่ยวถงถงเพื่อให้นางล้วงเอายาถอนพิษออกมา 

    เฉินซื่อจวินรู้สึกได้ว่าที่ริมฝีปากของตนชุ่มชื้นและมีของเหลวหลั่งออกมาทอดผ่านไปยังลำคอ  สัมผัสเช่นนี้เขายังจดจำได้ ช่างอ่อนโยนและหอมหวาน  ขณะที่สติสัมปชัญญะของเขาค่อย ๆ ดีขึ้นมากพอที่จะเห็นว่าคนตรงหน้าของตัวเองเป็นผู้ใดนั้น  เขากลับถือโอกาสไล้เลียริมฝีปากของอีกฝ่ายตอบอย่างได้ใจ  ทว่า..นางกลับผลักเขาออกไปอย่างแรง  ก่อนที่ร่างแบบบางจะซวนเซตัวโยน  จากนั้นร่างของนางพลันร่วงผล็อยไปตรงหน้าเขา

    “คุณหนู!”  เสี่ยวถงถงรีบยัดยาถอนพิษเข้าปากเจิ้งอี้จิงอย่างเร่งด่วน  ร่างของนางยังคงสลบไสลไม่ได้สติไปพร้อม ๆ กับร่างของเฉินซื่อจวินที่รู้สึกเหมือนตนเองจะวูบลงอีกครั้ง 

    เฉินซื่อจวินลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องรับรองของตัวเอง  แล้วพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พอเรียบเรียงตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว  ก็รีบผลุนผลันลงจากเตียงไปดูอาการของคนที่ช่วยชีวิตตนทันที  นางเอาอะไรให้เขากิน...  มันเป็นยาอะไร...  ทำไมนางถึงได้มีสภาพอ่อนระโหยโรยแรงเช่นนั้น 

    “อี้จิง”  เขาร้องเรียกนางตั้งแต่ตนเองผลักประตูเข้าไปทว่าพอรุกเข้าไปในห้อง  เจ้าของกลับไม่อยู่เสียนี่  ทำให้เขาอดหน้าเครียดไม่ได้  ไม่ใช่ว่านางจะล้มป่วยไปแล้วหรอกนะ

    “ทำอะไร...”  เสียงสดใสของนางดังขึ้นด้านหลังทำให้เขาสะดุ้งโหยง  หันไปก็เห็นสีหน้าของนางเป็นปกติดี 

    “เจ้า....  ไม่สบายตรงไหนหรือไม่...  เมื่อคืนนี้ข้า...กับเจ้า...” 

    เห็นท่าทางละล่ำละลักของเขาทำให้นางอดขำมิได้  “ท่านเป็นอะไรน่ะ...  ใช่ฝันร้ายไปหรือไม่...” 

    เห็นนางเฉไฉไม่เป็นตัวของตัวเองเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่น้อย  นางไม่เห็นหรือว่าเขาเป็นห่วงนางแค่ไหน

    เขาดึงแขนนางฉุดให้นางหันหน้ามาหาเขา  “ข้าจำได้  ทุกอย่าง...” 

    ได้ยินเช่นนั้น  นางจึงค่อย ๆ ก้มศีรษะลงอย่างสำนึกผิด  “ขอโทษแทนเสี่ยวถงถงด้วย...”  เอ่ยคำแรกนางก็ขอโทษแทนผู้อื่นเสียแล้ว  มันยังไงกันนะสตรีนางนี้! 

    “ช่างนางเถอะ...  ข้าหมายถึงเจ้าต่างหาก...  เมื่อคืนนี้เจ้าถอนพิษให้ข้า  จากนั้นเจ้าก็ล้มลงไป  ข้าห่วงว่าเจ้าจะเป็นอันตราย” เฉินซื่อจวินบอกนางด้วยสีหน้าร้อนใจ  พออีกฝ่ายเห็นใบหน้าเช่นนี้ก็รู้สึกปลาบปลื้มในใจเล็กน้อยมิได้

    “ข้าไม่เป็นไร...  เสี่ยวถงถงถอนพิษร้ายจากตัวข้าไปหมดแล้ว  ส่วนท่าน...  ก็เช่นกัน”  นางมองหน้าเขาพลางตอบจริงจัง

    “อี้จิง  เจ้าแน่ใจว่าไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ” 

    นางกำลังพยักหน้างึกงักอย่างเอาเป็นเอาตาย  ทว่าเฉาเฟยปรากฏตัวข้าง ๆ เขาแล้วบอกความจริงออกมาเสียก่อน

    “นางสลบไปจริง ๆ พะย่ะค่ะฝ่าบาท  ตอนนี้นางกำลังปิดบังเรื่องสำคัญกับพระองค์อีกด้วย”

    ได้ยินเฉาเฟยเอ่ยออกมาเช่นนี้  สีหน้าของนางยิ่งซีดขาวเข้าไปอีก  เมื่อเขาเค้นถาม  “เรื่องอะไรกันแน่...” 

    “ปล่อยนาง...”  มู่หลงปรากฏตัวด้านหลังอี้จิงทันที  เขาโอบไหล่ทั้งสองข้างของนางเอาไว้แล้วดึงร่างที่ถูกเกาะกุมจากมือของเฉินซื่อจวินออกมาทันที  คราวนี้ฮ่องเต้อย่างเขาคงต้องแสดงฝีมือออกมาบ้าง ไม่เช่นนั้นเจ้าคนคนนี้จะได้ใจเกินไปแล้ว!

    “ข้าจะต้องรู้ความจริงให้ได้!”  เขาไล่ตามมู่หลงด้วยความเร็วที่เหนือชั้น  มู่หลงที่ต้องแบกร่างของอี้จิงไปด้วยทำให้ความเร็วลดลงไปบ้าง  ทำให้เขาตามมาได้ทันท่วงที  แววตาของมู่หลงวาววาบ  ตนไม่เคยพบเจอคู่ปรับที่คู่ควรเช่นนี้มานานมากแล้ว...  ดังนั้นหยุดหนี  แล้วลากนางเข้าไปหลบไว้ด้านหลังเพื่อปกป้อง  เขาอยากรู้ฝีมือของชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดินักรบคนนี้เหลือเกิน 

    ทว่ามือน้อยที่แตะอยู่ด้านหลังของเขาดึงชายผ้าของเขาไว้แน่น  นางถึงกับกลัวว่าจักรพรรดิโฉดชั่วคนนี้จะเป็นอันตรายเพราะถูกเขาทำร้าย....อา....  ช่างน่าตายเสียจริง...  เฉินซื่อจวิน  เจ้าได้ดวงใจของนางไปครอบครองหมดแล้วทั้งดวง

    “คุณหนูวางใจ...  ข้าไม่ทำร้ายเขา”  มู่หลงบอกเสียงเรียบ

    “อี้จิง  เจ้าปิดบังอะไรข้า  บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”  อีกฝ่ายเห็นสองคนกระซิบกระซาบกันก็รู้สึกขัดใจอย่างรุนแรง

    “ท่านจะรู้ไปทำไม  ราชโองการฉบับนั้น ทำให้ท่านกับนางไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”  มู่หลงกล่าว

    “นางไม่ได้ส่งให้ข้าด้วยตนเอง  ข้าไม่มีทางยอมรับ!”  เจ้าบ้านี่  จู่ ๆ พูดเรื่องสิ่งของน่าตายนั่นขึ้นมาทำไมอีก

    “หึ...”  มู่หลงหัวเราะเสียงขึ้นจมูก  ยั่วโทสะคนชัด ๆ

    “คำถามของท่านนั้น  นางไม่ต้องการตอบท่าน....  ท่านก็ไม่มีทางได้รู้หรอก” 

    “เจ้า!” 

    “มู่หลง....  ข้าจะบอกเขา”  นางเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ...  ท่าทางแปลก ๆ นั่นเขาไม่เคยเห็นมาก่อน  แต่คำพูดของนางทำให้เขาดีใจอย่างบอกไม่ถูก  เหมือนนางจะให้ความสำคัญกับเขามากกว่าเจ้ามู่หลงนั่นแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×