ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The key ฤคมนตรา มายารัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2: มาริผู้ใช้เงา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 29
      0
      21 ต.ค. 56

     

    บทที่2

    มาริผู้ใช้เงา
     

     

                   ในโลกนี้ประกอบด้วยห้าภพภูมิด้วยกัน...

    หนึ่งคือสวรรค์ของเหล่าเทพผู้รังสรรค์โลกใบนี้ขึ้น สองคือพิภพแห่งภูติ ผู้ได้รับพลังจากเหล่าเทพให้คอยควบคุมสิ่งต่างๆของโลก ทั้งฤดูกาล อากาศ แสงสว่าง หรือความมืด สามคือโลกปิศาจ สถานที่มืดมิดของเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังและชั่วร้าย เดิมแล้วปิศาจเคยเป็นเทพ หากแต่ตกลงสู่ความเสื่อมเพราะมีจิตใจดำมืด จึงถูกเนรเทศลงจากสวรรค์ สี่คือนรก สถานที่ชำระวิญญาณของผู้วายชนม์ คอยจัดการดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตให้ลงไปเกิดใหม่ตามที่บัญชีแห่งสรรพชีวิตกำหนดไว้ และภพภูมิสุดท้าย คือแดนมนุษย์ สถานที่ที่อยู่กึ่งกลางของสวรรค์และนรก ถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ สรรพสัตว์ และเผ่าพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นเอลฟ์

    ตำนานเดิมกล่าวไว้ว่า นับแต่เทพผู้สร้างตวัดดาบบุกเบิกภพภูมิมนุษย์ ก็ได้สร้างสิ่งมีชีวิตไว้หลายชนิด ทั้งสรรพสัตว์ ต้นไม้ใบหญ้า มนุษย์ มังกร และเอลฟ์ เผ่าลูกผสมของภูติและมนุษย์ ผู้ซึ่งคอยพิทักษ์ผืนป่า เทพเจ้ายังได้มอบอำนาจพิเศษอย่างเวทย์มนต์ไว้ให้มนุษย์ซึ่งอ่อนแอไร้กำลัง สวรรค์และโลกยังคงมีการติดต่อกันเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่ง มีมนุษย์ผู้โอหังลักลอบเข้าวังสวรรค์ คิดขโมยอาวุธเทพที่มีพลังมหาศาล ทำให้ปวงเทพบันดาลโทสะ สังหารคนผู้นั้นและยึดคืนอำนาจมนตราที่เคยประทานให้ นับแต่นั้นมามนุษย์จึงมิเคยได้พบเห็นเทพอีก ภพภูมิต่างๆกลายเป็นแค่เรื่องเล่าในนิทานปรัมปรา และมนุษย์ที่ยังคงหลงเหลืออำนาจเวทวิเศษก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมดแม่มดชั่วร้าย และถูกไล่ล่าสังหารโดยมนุษย์ด้วยกันเอง กระนั้นก็ใช่ว่านักอาคมจะหายสิ้นไปจากโลกนี้....    

     

                      ….ดวงตาสีเงินยวงมองดูเงาร่างที่สะท้อนในกระจกเบื้องหน้าด้วยแววตาเฉยชา

     ที่อยู่ในนั้นคือหญิงสาวผู้มีเส้นผมสีทองยาวสลวยจรดพื้น เปียกชุ่มด้วยหยาดน้ำน้อยๆ เช่นเดียวกับแพขนตางอนยาวใต้คิ้วโก่งเฉกศรแสง จมูกโด่ง รับกับเรียวปากอิ่มสีกลีบกุหลาบ

    ยังเหมือนเมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว....

    ผิดแผกแค่.... กาลเวลายาวนาน ได้หล่อหลอมร่างระหงนี้ให้แข็งแกร่ง เช่นเดียวกับความเย็นชาที่เข้ามาแทนที่รอยยิ้มสดใสร่าเริง

    กริ๊ง....

    แว่วเสียงกระดิ่งใสกังวานที่แสนคุ้นหู เรียกให้ดวงตาสีสวยหันมามอง กลีบปากงามขยับยิ้มเย็นชาเมื่อเห็นร่างของผู้มาเยือน

    รูอิน มิสเทอร์รี่ย์ อุตส่าห์มาส่งข้าเชียวหรอคำหยอกเล่นที่หาได้ยากจากสตรีดำผู้เย็นชา ทำให้ดวงตาสีฟ้าเจือประกายรุ้งทอแววเย็นชาขึ้นจับใจ ก่อนที่มือขาวจะโยนวัตถุสีเงินอันเล็กในมือให้หญิงสาวที่ยื่นแขนซ้ายมาข้างหน้า

    พรึบ...

    ริบบิ้นสีดำที่ร้อยกระดิ่งเงินพันเข้าที่ข้อมือบางอย่างรู้หน้าที่ จังหวะเดียวกับที่เสียงเรียบดังขึ้น

    จักรพรรดินีแห่งลีโอกำลังมา พร้อมผู้ติดตามที่น่าจะเป็นนักอาคมกล่าวพลางมองร่างบางที่ครานี้อยู่ใต้อาภรณ์สีรัตติกาลรัดกุม ไม่รุ่มร่ามกรุยกรายเช่นปรกติด้วยสายตาเย็นเยียบ

    กริ๊ง...

    แว่วเสียงใสยามที่สองมือบางนั้นจับเส้นผมสีทองสว่างตัดกับสีของเสื้อขึ้นสูง ก่อนรวบด้วยริบบิ้นสีดำสนิทเส้นเล็กเพื่อให้คล่องตัว

    ผู้แบกกางเขนแห่งลีโอ... มีของดีในครอบครองเสียด้วย นักอาคม... ไม่ใช่สิ่งที่จะหาได้ง่ายๆในแต่ละยุคเสียงหวานว่าพลางหัวเราะเบาๆด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนจะโบกมือวูบ คันฉ่องบานใหญ่ก็จางหายไป

    แล้วเจ้าจะไปไหน รู้รึเปล่าว่าเพียงพลังมนตราของเจ้าในตอนนี้ไม่สามารถโค่นจักรพรรดิมืด ได้คำพูดจากบุรุษร่าสูงทำให้ดวงตาที่บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นสองสีทอแววไหววูบปนกราดเกรี้ยว

    ข้ารู้! ว่าตอนนี้ข้ายังไร้ความสามารถ เจ้าไม่ต้องมาย้ำหรอก รูอิน!!”น้ำเสียงกราดเกรี้ยวที่สร้างความไม่พอใจแก่เจ้าของชื่อ ดวงตาสีฟ้าเหลือบรุ้งสวยจึงฉายแววขึ้นวูบหนึ่ง

    จำได้ว่าข้าสอนให้เจ้าสงบใจนะ คีย์ อย่าลืมว่ากระดิ่งมายาจะใช้ได้ต่อเมื่อผู้ใช้มีเพียงจิตอันว่างเปล่าคำดุเฉกบิดาติบุตรีทำให้มือบางนั้นกำแน่น ก่อนที่นางจะปรือตาหลับลงอย่างแช่มช้า

    ใช่.... บัดนี้นางคือ คีย์

    หาใช่เจ้าหญิงครัสตาเซีย...

    ดังนั้น... ความหวั่นไหวในใจ ความอ่อนแอในใจดวงนี้ นางจะทำลายมันให้หมด!

    ขอโทษ... แต่ข้าคิดไว้แล้วว่าจะไปหา ผู้ใช้เงา’”คำพูดที่ทำให้ดวงหน้าหล่อเหลาของรูอินฉายแววเคร่งเครียดขึ้นบางเบา

    มาริ คาบันเกอร์ เจ้านักฆ่าโรคจิตนั่น

    ใช่... ข้าได้ข่าวมาว่าเขาครอบครอง แหวนดราไวเกียร์ อยู่ เจ้าก็ช่วยพูดกับ อาภรณ์เงาเสี้ยวให้ทีละกัน

    ประโยคที่ทำให้ดวงตาคู่สวยบนดวงหน้าเฉกรูปปั้นของเทวดามิคาเอลเหนือหลังคาโบสถ์ ทว่ากลับเย็นชาเสียกว่าเหมันต์เบือนไปอีกทาง

    คงยาก เพราะเจ้านั่นไม่ชอบหน้าข้าเท่าไหร่ทว่า ยังไม่ทันได้ต่อบทสนทนา ร่างสูงก็ต้องรีบสลายกายไปเมื่อประตูไม้แกะสลักถูกเปิดออกพร้อมร่างบางที่ก้าวเข้ามา

    อรุณสวัสดิ์คีย์ นี่คือ กราเซียร์ เดอร์ ลูซิเฟอร์ นักดาบอาคมแห่งเซนต์ราฟาเอล รับรองว่าคนๆนี้จะไม่มีวันเป็นตัวถ่วงของเจ้าแน่...

    *****************************

     

                     เสียงใบไม้แห้งที่ถูกฝีเท้าหนักๆเหยียบย่ำ ทำให้เกิดเสียงดังกรอบแกรบ ประสานกับเสียงของสายลมที่พัดเบาๆ หอบเอามวลใบไม้ให้ปลิวว่อนเฉกการร่ายรำแห่งธรรมชาติ

                       ร่างบางในชุดรัดกุมสีดำสนิทแลดูทะมัดทะแมง ก้าวเดินเนิบนาบราวกับไม่รีบร้อน ตามหลังมาด้วยร่างสูงของเด็กหนุ่มในชุดสีขาวสะอาดแบบพวกนักบวชในวิหาร ที่ดูจากเค้าโครงหน้าที่ยังอ่อนเยาว์  ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าอายุคงไม่พ้นสิบเจ็ด ดวงตาสีม่วงคมกริบบนดวงหน้าคมหวานละม้ายคล้ายอิสตรีเหลือบมองเสี้ยวหน้าของร่างระหงเบื้องหน้าด้วยความสงสัย

       สตรีดำ.... คีย์

    นามที่เขาได้ยินมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก ชื่อของหญิงสาวผู้น่าสะพรึงกลัว

    แต่ดูยังไง... ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เห็นจะดูน่าหวาดกลัวแม้สักนิด

    หากไม่นับดวงหน้านั้นที่งดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา และนัยน์ตาสองเฉดสีแล้วละก็ คนๆนี้ก็ไม่เห็นจะแตกต่างจากคนทั่วไปเลย

    สงสัยอะไรงั้นหรือกระแสเสียงหวานทว่าเย็นชาเสมือนน้ำแข็งดังขึ้น ทำให้กราเซียร์หลุดออกจากห้วงความคิด ก่อนจะเอ่ยปฏิเสธ

    เปล่า... ไม่มีอะไร

    คำพูดที่ทำให้มุมปากบางยกขึ้นน้อยๆ น้อยจนดูไม่เหมือนรอยยิ้ม

    จะถามอะไรก็ถามมา ไม่งั้นก็จงหุบปากเจ้าให้ได้ตลอดทางกล่าวเรียบ มือเรียวบางขยับน้อยๆ ทำให้กระดิ่งสีเงินลั่นเสียงขึ้นแผ่วเบา... แต่กังวาน

    กริ๊ง....

    เรากำลังจะไปที่ไหนกันเสียงนุ่มติดจะทุ้มต่ำดังขึ้น ดวงหน้าหวานติดจะซีดน้อยๆเมื่อได้ยินเสียงของวัตถุอันจ้อย

        ...น่ากลัว...

    ใช่... เสียงเมื่อครู่ มันทำให้ร่างกายของเขาเย็นวาบ พร้อมความน่าหวาดหวั่นที่เข้าเกาะกุมหัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    สุสาน

    เสียงที่ดังตอบ ทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ทันจะถามให้กระจ่างชัด หญิงสาวร่างระหงก็อธิบายราวกับรู้ทัน

    ไม่ต้องสงสัย ข้ากำลังจะไปสุสานจริง เพราะมีของบางอย่างที่ต้องไปเอา หมดคำถามแล้วใช่มั้ยถาม ก่อนจะหัวเราะเสียงเย็นเมื่อนักดาบอาคมอายุน้อยเงียบไป แต่ทว่า! ในทันใดนั้น ดวงตาสองสีคู่งามก็ฉายแววเคร่งเครียด มือบางข้างซ้ายสะบัดขึ้นเร็วๆ

    กริ๊ง... กริ๊ง.. กริ๊ง

    สิ้นเสียงที่ดังแว่ว กระดิ่งสีเงินใบน้อยก็กลายเป็นคนศรงดงาม มือเรียวบางนั้นง้างสายหนังขึ้น ก่อนจะปล่อยลูกธนูเรืองแสงไป ยังพุ่มไม้ด้านหลัง เฉียดดวงหน้าของนักดาบหนุ่มไปเล็กน้อยอย่างน่าหวาดเสียว

    เพล้ง!

    ศรแสงที่พุ่งตรงนั้นปะทะกับม่านบาเรียสีดำสนิท เกิดเสียงราวแก้วแตกก่อนที่ร่างสีดำจะพุ่งทะยานออกมา

    คีย์มองดูร่างที่โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ด้วยแววตาสงบ ศรงามถูกเหนี่ยวตรึงอีกครั้ง แต่ก่อนที่ลูกธนูจะได้แผลงฤทธิ์ ผู้ที่ตรงดิ่งมากลับเปลี่ยนวิถีไปโจมตีร่างสูงในชุดขาวแทน!

    โอริฮาร์ทเสียงนุ่มดังก้องตามมาด้วยเสียงสบถลั่น ดาบคาตะนะสีเงินยวงก็ปรากฏบนมือแกร่งเยี่ยงผู้จับดาบเป็นเวลานานตามเสียงเพรียก กราเซียร์ยกวัตถุในมือขึ้นกันลูกพลังสีทมิฬที่พุ่งตรงมาได้ทันในเสี้ยววินาที แต่ก็ทำให้ร่างสูงของเขานั้นเซถอยหลังไปเหมือนกัน

    หยุดนะ!”เสียงหวานของสตรีในอาภรณ์สีรีตติกาลตวาดก้อง พร้อมคันธนูในมือที่กลับกลายมาเป็นกระดิ่งดังเดิม ทำให้ร่างทั้งสองชะงักวูบ

    ร่างระหงสาวเท้ายาวๆเข้ามาประชิดเงาร่างสีดำที่เคยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนเสมือนเส้นแสงเรียวยาว แต่เมื่อมันหยุดลงก็ทำให้เห็นว่าแท้จริงแล้วมันคือร่างสูงในชุดคลุมขาดรุ่งริ่ง มือบางๆไม่รอช้ากระชากฮู้ดผ้าออกทันที พร้อมนัยน์ตาคู่สวยที่โชนแสงกล้า

    เพิ่งรู้ว่าเจ้าย่างก้าวออกมาจากสุสานได้แล้ว ผู้ใช้เงา มาริ คาบันเกอร์

     

    ****************************

    แซ่ก... แซ่ก...

     เสียงฝีเท้าที่เหยียบย่ำบนพื้นใบไม้แห้งดังขึ้นอย่างเงียบงัน ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนอึมครึม

    ดวงตาสีอเมทิสต์ของนักดาบหนุ่มมองดูร่างสองร่างที่เดินนำหน้าเขาอยู่ด้วยประกายบางอย่างที่อ่านไม่ออก

    หนึ่ง...

    คือสตรีดำแห่งยุคที่นิ่งเงียบจนผิดปรกติมาตั้งแต่เมื่อครู่ ร่างระหงคล้ายกลับแผ่รังสีอันเย็นเยียบออกมาบางๆ

    และอีกหนึ่ง...

    คือผู้ที่เกือบได้ดับชีวิตของเขา หากคีย์ไม่เข้ามาขวางเอาไว้...

    ผมสีดำสนิทตั้งชี้รับกับอาภรณ์สีเดียวกัน ตัดกับผิวขาวซีดราวกับซากศพ ใบหน้าที่เคยซ่อนเร้นบัดนี้เผยให้เห็นนัยน์ตาประหลาด ด้วยข้างหนึ่งมีสีแดง อีกข้างเป็นสีของนภา

    ดวงตา....

    ที่คล้ายกันกับของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความลับมหาศาล พอๆกับความน่ากลัว

    ถึงแล้วน้ำเสียงเรียบเย็นเอ่ยดังขึ้นอย่างเบื่อๆ เมื่อสองขาหยุดลงตรงหน้าป้ายหลุมศพที่เขียนไว้ว่า

     ‘Mari Kabunger’

     ทางเข้าบ้านเจ้าก็ยังคงไม่น่าพิสมัยเหมือนเดิมกระแสเสียงราวไข่มุกกระทบจานแก้วพูด ก่อนที่ดวงตาสองสีคู่งามจะเบือนมาทางร่างสูงของกราเซียร์

    เจ้ารออยู่ตรงนี้ก่อน

    คำสั่งที่ชวนให้สงสัยว่าสตรีเบื้องหน้าจะไปไหน เพราะที่นี่ นอกจากไม้กางเขนบิดเบี้ยวมากมายที่ปักเรียงรายและป้ายหลุมศพที่ตั้งอย่างโดดเดี่ยวแล้วนั้น ก็มีเพียงลานดินกว้างขว้างที่เงียบงัน

    แต่แล้วความสงสัยก็พลันกระจ่าง เมื่อคนที่ถูกเรียกว่ามาริ... ผู้ใช้เงา กำลังเรียกมีดสั้นขุ่นหมองเหมือนไม่เคยขัดมานานปีออกมา ก่อนปักฉึกลงบนแท่นศิลาเย็นเฉียบ

    ครืน...ครืน...

    เสียงราวกับเครื่องจักรคำรน ป้ายหลุมศพสีดำสนิทเคลื่อนที่ไปทางด้านซ้าย เผยให้เห็นหลุมแคบๆที่มีบันไดยาวทอดลงไปสู่ใต้ดินอันมิอาจหยั่งความลึกได้ กลิ่นเหม็นอับโชยขึ้นมาจนนางต้องเบือนหน้าไปอีกทางอย่างอนาทใจ

    ทำไมถึงไม่ยอมทำประตูบ้านให้ดีๆเหมือนคนปรกติบ้างนะ

    เดี๋ยวข้าจะลงไปเอาของ ถ้าไม่อยากโดนกับดักของผู้ใช้เงา ก็จงอยู่เฉยๆเอ่ยเตือนเสียงเรียบอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก ก่อนที่ร่างระหงจะก้าวลงบันไดไป ตามร่างสูงในชุดดำของเจ้าบ้านที่เดินนำไปก่อนแล้ว...

     

    พูดเหมือนข้าเป็นตัวอันตรายขนาดนั้นเมื่อหูพลันแว่วเสียงแผ่นหินปิดสนิท คนที่แทบจะเงียบมาตลอดทางจึงได้เปิดปากพูด

    แล้วไม่ใช่หรือไงกันคีย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งๆประชดประชัน ก่อนจะสบนิ่งกับดวงตาที่จ้องมาตรงๆ

    ....ดวงตาสีเงินและฟ้าเหลือบรุ้ง

    และดวงตาสีฟ้าและแดงฉานราวโลหิต

    ยากจะตัดสินว่าคู่ไหนงามกว่า น่ากลัวกว่าและ....

    อ้างว้างกว่ากัน

    เจ้ามาเอาธมรงค์แห่งดราไวเกียร์?”คำถามที่ดังขึ้น พร้อมร่างที่ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้ ทำให้คิ้วเรียวงามกระตุกน้อยๆด้วยความรำคาญใจปนหงุดหงิด

    หากรู้อยู่แล้ว เจ้าจะยังมาถามอีกทำไม ส่งแหวนมาดีกว่า ตอนนี้ข้ารีบประโยคของคนที่นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างถือสิทธิ์ เรียกเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอของคนเป็นนักฆ่า ก่อนจะพูดไปอีกเรื่อง

    จิตใจของเจ้าว่างเปล่า... ต่างกับเมื่อห้าสิบปีก่อน รูอินคงสอนเจ้ามาดี

    ประดุจรอยแห่งความอัปยศถูกขุดขึ้นมาหยาม ทำให้ดวงหน้างามเริ่มขึ้นสีจางด้วยเพลิงโทสะอันสุดแน่น

    โทสะของหญิงสาวที่เคยควบคุมอารมณ์ได้ดีเสมอ....

    เพราะพลังอ่านใจของเจ้านี่! งี่เง่าที่สุด! มันทำให้นางต้องมานั่งฝึกวิชาสงบจิตกับรูอินที่แทบตายกว่าจะฝึกสำเร็จ

    แต่ก่อนที่เรียวปากสวยจะได้เอ่ยอะไร กระดิ่งใบน้อยก็ทอแสงจาง พร้อมร่างสูงสง่าของผู้ถูกกล่าวถึงจะปรากฏขึ้น

    มาริ ตอนนี้พวกข้ามีภารกิจที่ต้องทำให้เสร็จก่อนหิมะตก และมันจำเป็นต้องใช้แหวนดราไวเกียร์ที่เจ้ามี ช่วยมอบมันให้ข้าที ลำพังเพียงพลังของเจ้าก็ปลดผนึกมันไม่ได้อยู่แล้วเสียงเรียบติดจะเย็นชาดุจน้ำแข็งดังขึ้น ด้วยเห็นว่าคีย์กำลังโกรธจนเริ่มจะนอกเรื่อง ทำให้ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมจี้รูปกางเขนสีเงินบนสายโซ่คล้องคอจะทอประกายสว่างวูบ

    วาบ!

    กลุ่มแสงสีดำที่เปล่งประกายดุจนิลกาฬแผ่ขยายออกมาจากตัวไม้กางเขน หลอมรวมจนกลายเป็นร่างสูงของบุรุษผู้หนึ่ง...

    ใจเย็น เรารู้ว่าท่านต้องการมัน ซึ่งพวกข้าก็ไม่ได้หวงแหวนที่ไร้ประโยชน์สำหรับพวกข้ามากมายนักหรอกผู้มาใหม่คือชายหนุ่มในอาภรณ์เฉกเทพยุโรปเหนือเช่นเดียวกับรูอิน เส้นผมสีรัตติกาลซอยประไหล่ รับกับนัยน์ตาสีแดงที่ทอประกายอ่อนโยน ความอ่อนโยนที่มีหรือคนซึ่งรู้จักกันมากว่าพันปีจะไม่รู้ว่ามันคือสิ่งลวง...

    คำสบถแผ่วเบาจึงได้พรั่งพรูออกจากเรียวปากบาง พร้อมนัยน์ตาสีฟ้าเหลือบรุ้งที่ทอแววเย็นจัดกว่าทุกครั้ง

    อาภรณ์เงาเสี้ยว ชาโดว์เรีย

    เจ้าของชื่อยิ้มรับอย่างอ่อนโยนเหมือนนักบุญผู้เมตา พร้อมกล่าวด้วยกระแสเสียงอบอุ่น

    มายารัตติกาล รูอิน นานแล้วที่ไม่ได้พบท่าน

    ว่าไง ชาโดว์เรีย จะให้แหวนพวกเขามั้ยชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าเบื่อๆ พลางนำมีดสั้นสีหมองๆขึ้นมาเช็ดคราบแห้งกรังซึ่งเดาได้ทันทีว่ามันคือโลหิตของมนุษย์

    ถ้าพวกเขาอยากได้ก็ให้พวกเขาไปสิคนถูกถามพูดพร้อมคลี่ยิ้มแฝงความนัยที่ไม่มีใครนอกจากมาริที่อ่านออก เขาจึงโบกมือวูบ แหวนวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้น

    ดวงตาสีฟ้าและชาดมองดูมันอย่างเฉยชา ก่อนจะกลิ้งมันลงบนโต๊ะไม้สีซีด

    วัตถุสีดำสนิทกลิ้งหลุนๆไปตามแรงหมุน ก่อนจะหยุดลงเมื่อกระทบกับนิ้วเรียวยาวที่แตะมันแผ่วเบา

    ขอบคุณ งั้นพวกข้าก็หมดธุระแล้วคีย์ว่า แม้ในใจจะนึกสงสัยว่าเหตุใดคนทั้งสองถึงยอมให้แหวนวงนี้แก่นางมาโดยง่ายก็ตาม แต่นางรู้ว่าอยู่ที่นี่นานๆจะไม่เป็นการดี นางรู้แก่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นตัวอันตรายขนาดไหน

    อย่าให้ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดทำแผนชั่วๆอะไรอยู่เสียงนุ่มนวลทว่าเย็นเยียบของชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีเงินยวงยาวสลวยเอ่ยขู่ ก่อนที่จะสลายร่างไป

    ข้าขอตัวก่อนละกันหญิงสาวว่า เส้นผมสีสว่างพลิ้วไหวน้อยๆยามร่างระหงลุกขึ้น เช่นเดียวกับกระดิ่งที่แว่วกังวาน

    กริ๊ง....

    ไม่ส่งนะเสียงเย็นติดจะแหบแห้งของคนที่เป็นจ้าวของบ้านดังขึ้น เรียกเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอของคีย์

    ไม่เคยคิดว่าเจ้าจะส่งอยู่แล้ว

    กึก!

    เสียงแผ่นศิลาถูกปิดอีกครั้งอย่างแผ่วเบา เป็นสัญญาณว่าร่างระหงได้จากไปแล้ว...

    มันทำให้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนเรียวปากของนักฆ่าหนุ่ม

    หึๆ รูอิน... รูอิน ยังคงขี้ระแวงเช่นเคย งานเลี้ยงโลหิตที่พวกเราวางแผนไว้มันเลวร้ายตรงไหนกัน

    นั่นสินะ.... มันออกจะน่าสนุกขนาดนี้ตามมาด้วยเสียงอ่อนโยนดุจพ่อพระ ทั้งๆที่ดวงหน้านั้นเริ่มเย็นชาลง ดวงตาสีแดงสดทอประกายระริกราวพบเรื่องสนุก

    มาริหัวเราะเบาๆ พลางพูดขึ้น

    เจ้าก็ว่าอย่างนั้นใช่มั้ย.... เนตรแสงจันทร์ คาร์เคียร์

    นิ้วเรียวของชาโดว์เรียชี้ขึ้นบนเพดานหิน พร้อมประกายแสงสีดำสนิทราวกับเงาจะพุ่งทะยาน... และจางหาย

    ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะของคนทั้งสองเท่านั้น....

     

    -chapter2 fin

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×