ตอนที่ 22 : Equinox of K. | 08 : เกมพระราชา [2]
8
เวลาผ่านไปได้เกือบชั่วโมงทุกคนก็รับประทานอาหารกันจนอิ่มหนำสำราญแล้วทยอยกันแยกย้ายกลับที่พักของตัวเองรวมถึงฉันด้วย นั่นทำให้เราควรต่างคนต่างอยู่ในห้องตัวเองแล้วพักผ่อนตามอัธยาศัยได้แล้วแต่ว่าพุชชี่มันชวนพวกเพื่อนไปรวมตัวที่ห้องของมัน
“นี่พวก ยังไม่ดึกจะรีบนอนไปใย ดูซิว่ากูเอาอะไรมา~”
สิ่งแรกที่ฉันเห็นหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องพักของพุชชี่และไคลี่ทำฉันตกใจมาก มันคือขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นที่เอาไว้ชงด้วยกัน
“ทริปนี้ปลอดแอลไม่ใช่เหรอวะ” ฉันเอ่ยถาม
“ใครว่าล่ะ อีคนคิดคอนเซ็ปต์ปลอดแอลนั่นแหละก็กินซะเอง” พุชชี่ตอบแล้วก็หัวเราะ จากนั้นมันจึงกวักมือเราลงไปนั่งบนเสื่อแล้วรายล้อมเป็นวง
ตอนนี้ในห้องมีกันอยู่ห้าคนนั่นก็คือฉัน พุชชี่ ปกปิ่น เกศแล้วก็คนสุดท้ายที่โดนลากมาอย่างงงๆ ไคลี่
“อะ เอาน่า ไหนๆ ก็มาละ ชงมาเลยเพื่อน” ปกปิ่นหยิบแก้วใบหนึ่งขึ้นมาจากที่กล่องแล้วส่งไปให้มือชงประจำแก๊งนั่นก็คือพุชชี่นั่นเอง
“จะมากินอย่างเดียวได้ไง ไม่สนุกดิ” แต่คนชงกลับยังเล่นตัวอยู่
“แล้วจะทำอะไร” เกศถาม
“เล่นเกมในวงเหล้ากัน”
เห็นคำว่าเล่นเกมของอีเพื่อนคนนี้ทีไรฉันก็ไม่ไว้วางใจทุกทีเลย เกมของพุชชี่ถ้าเราเป็นคนได้แกล้งเราจะสนุก แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายโดนแกล้งเราจะเศร้ามาก
“และเกมนี้มีชื่อว่าเกมพระราชา” หลังจากที่พูดชื่อเกมแล้วพุชชี่ก็เริ่มอธิบายกติกาเกมคร่าวๆ
ซึ่งมันไม่ได้มีอะไรมากเลยนอกจากให้เราทุกคนในวงมาสุ่มจับไม้แท่งหนึ่งขึ้นมา เนื่องจากเรามีกัน 5 คน ไม้ก็จะมี 5 แท่งเขียนสัญลักษณ์แตกต่างกันไปประกอบไปด้วย K, 1, 2, 3, 4 ซึ่งคนไหนที่ได้ไม้ K จะได้เป็นพระราชาและมีอำนาจในการออกคำสั่งให้พวกที่ได้ไม้ 1-4 ทำอะไรก็ได้หนึ่งคำสั่ง หากไม่ทำตามคนที่โดนก็ต้อง one shot เพียวๆ
เอาวะ ไม่เมาให้รู้ไปสิ
และแล้วเกมตาแรกได้เริ่มขึ้นเมื่อกระบอกใส่แท่งไม้ถูกนำมาวางกลางวง ทุกคนที่เอื้อมมือไปหยิบไม้ขึ้นมาต่างก็คาดหวังให้ตัวเองเป็นพระราชา แต่ทว่าคนคนนั้นดันไม่ใช่ฉัน...
“กรี๊ดดดด กูได้ๆๆ” นังตุ๊ดเสียงแปดหลอดหวีดร้องอย่างดีใจ
“รำคาญ รีบๆ สั่งเถอะ” ขอบคุณยัยเกศที่พูดแทน
“เอาหละ ในฐานะที่กูได้เป็นราชา..เอ๊ย! ไม่สิ เป็นราชินี” พุชชี่เอ่ยพร้อมกับชูแท่งไม้ยาวที่เขียนคำว่า K เอาไว้ให้ทุกคนในวงดู
ส่วนฉันน่ะเหรอได้ไม้หมายเลข 2 หวังว่าอีพุชมันจะไม่สุ่มโดนฉันนะ
“กูสั่งให้หมายเลข 4”
โอเค ไม่ใช่ฉัน..โล่งอกไปที
“จูบปากหมายเลข 2 ค่า”
ก็เหี้ยแล้วไง
“คำสั่งเหี้ยอะไรของมึงอะ” แน่นอนว่าฉันคือคนแรกในวงที่โวยวายขึ้นมาก่อนใคร ทำเอาดูได้ไม่ยากเลยว่าหนึ่งในหมายเลขผู้น่าสงสารคือนังทชาคนนี้แน่นอน “แล้วใครหมายเลข 4 อะ”
ฉันหันไปมองพวกเพื่อนอีกสามคนที่เหลือด้วยความรู้สึกระแวง
“เค้าเอง” เป็นไคลี่ที่ชูแท่งไม้ในมือตัวเองขึ้นมา และมันเขียนเลข 4 เอาไว้จริงๆ
เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี๊คำสั่งของพุชชี่คืออะไรนะ..ให้หมายเลขสี่จูบปากหมายเลขสองเลย ถ้าอย่างนั้นก็หมายความไคลี่มันต้อง...
“เอาจริงดิ” ฉันตะลึงค้างกลางอากาศท่ามกลางแววลุ้นระทึกจากเหล่าเพื่อนอีกสามคนที่เหลือ
“กรี๊ด จะเอายังไงๆ ถ้าไม่ได้ทำโดนลงโทษด้วยการวันช็อตนะจ๊ะ” นังพุชชี่นี่ช่างน่าตายนัก
“คือกูว่า..” ฉันกำลังอ้าปากด่า
“Stop! อันนี้กูสั่งหมายเลข 4 นะไม่ได้สั่งมึง มึงไม่ต้องร้อนรนอะไรเลยเว้ย” นังเพื่อนตัวดียกมือขึ้นมายับยั้งการออกปากเอาไว้ก่อน
โอ๊ย ไม่ให้ร้อนรนได้ไงวะก็ในเมื่อคำสั่งนั้นมันมีฉันอยู่ด้วย ถ้าไคลี่มันจะจูบฉันจริงๆ ล่ะก็... กรี๊ด!
“เดี๋ยวเค้าดื่มแล้วกันค่ะ” และแล้วเจ้าของไม้หมายเลข 4 ก็ได้ปฏิเสธการทำตามคำสั่งของพระราชา (หรือราชินีก็ไม่รู้นะ) ไคลี่ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วเป๊กใส่เหล้าเพียวๆ ขึ้นมาดื่มรวดเดียว
“โห ไรอ่า..นึกว่าจะได้เห็นฉากเด็ดซะแล้ว” เป็นยัยปิ่นที่พูดออกมาอย่างเสียดาย
“มาฉากเด็ดอะไรล่ะ เค้าไม่จูบทชาหรอก” เจ้าของหมายเลข 4 หัวเราะออกมาหลังจากพูดประโยคนั้น
ทำไมวะ.. ฉันมันไม่น่าจูบเหรอ ฮื้อ แล้วทำไมต้องผิดหวังด้วยวะเนี่ย นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่!
“มา เกมต่อไปเริ่มได้” เจ้ามืออย่างพุชชี่เก็บไม้จากทุกคนมารวมกันใส่ไว้ในกระบอกยาวก่อนจะเขย่ามันเบาๆ สองสามทีเพื่อให้จับไม้ใหม่อีกครั้งเป็นเกมที่สอง
ซึ่งฉันก็ได้หมายเลขเหมือนเดิม แต่ว่าคราวนี้มันคือหมายเลข 1
“คราวนี้กูได้ๆ ฮ่า!” เกศชูไม้ในมือที่มีตัว K ขึ้น “เอาหละกูสั่งให้หมายเลข 1 เล่าเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายที่ตัวเองชอบมาหนึ่งเรื่อง”
ฉันอีกแล้วเรอะ!
“กูไม่มีผู้ชายที่ชอบ” ฉันตอบออกไปอย่างไม่ต้องคิดให้มาก
“ทชาเหรอ มึงไม่มีผู้ชายที่ชอบจริงป่าว” ปกปิ่นทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ ทั้งที่มันเองก็น่าจะรู้ดีที่สุดว่าฉันไม่ได้ติดใจผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษอยู่แล้ว
“ก็เออสิ เผลอๆ ตอนนี้อาจจะไม่ได้ชอบผู้ชายแล้วก็ได้” ฉันพูดพลางปรายตามองไปยังร่างของไคลี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเล็กน้อย
“โฮะ ยังไม่ทันดื่มก็เริ่มเมาแล้วเหรอมึงน่ะ” พุชชี่หัวเราะออกมาจากนั้นมันก็รวบรวมไม้ทุกแท่งอีกครั้งเพื่อเริ่มเกมต่อไป
พวกเราเล่นกันไปกี่เกมก็จำไม่ค่อยได้แต่ว่าทุกคนที่อยู่ในวงโดนกันแทบทั้งหมด และทุกคนก็มีบางคำสั่งที่ไม่สามารถทำได้จนต้องดื่ม รวมถึงฉันด้วย
Kyle’s Talk
เวลาผ่านไปหลายชั่วยาว ซึ่งพอเหลือบไปมองนาฬิกาก็ตี 1 ของวันใหม่แล้ว ผมมองร่างของเพื่อนทุกคนที่อยู่ในห้องพักตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ทุกคนเมามายแทบไม่ได้สติกันทั้งนั้นเพราะไอ้เกมพระราชาที่พุชชี่เอามาเล่นนั่นแหละ ยังดีที่ผมคอแข็งเลยไม่เมามากมาย
“นี่..จะไปหนายอ่า~” พุชชี่ผู้ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ผมมากที่สุดเอื้อมมือมาคว้าแขนเอาไว้หลังจากที่เห็นว่าผมกำลังจะลุกขึ้นยืน
“ไปเดินข้างนอกหน่อย” ผมตอบไปตามความจริง
“อ๋อออ งั้นเหรอ” เสียงยานคางนั้นเปล่งออกมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
อืม เมากันทุกคนเลย..
ผมเดินออกมาจากห้องพักท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบของรีสอร์ท เวลาแบบนี้หลายคนก็คงเข้านอนกันแล้วหละ ไม่มีใครออกมาเดินเรื่อยเปื่อยแบบผมหรอก แสงไฟที่ประดับอยู่ด้านหน้าห้องพักไม่ได้ช่วยทำให้สว่างมากขึ้นเท่าไหร่ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว อากาศเย็นบวกกับลมจากทะเลที่พัดผ่านใบหน้าทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ได้แต่คิดกับตัวเองว่า นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้รู้สึกสงบแบบนี้ แต่ความสงบก็อยู่ไม่นาน
“ไคลี่” มือเล็กของใครบางคนเข้ามาคว้าชายเสื้อผมเอาไว้ในขณะที่กำลังเดินไปข้างหน้า
“ออกมาทำไมคะ” ผมหันหน้าไปถามทชาหลังจากที่พบว่าเป็นเธอนั่นเอง
“นี่ ถามหน่อยสิ”
“ถามอะไร?”
“ฉัน..ไม่น่าจูบเหรอ”
“ฮะ?” ผมแปลกใจกับคำถามที่ออกมาไม่น้อย อะไรคือการมาดึงเสื้อของผมแล้วถามอะไรแบบนั้นกัน
“ก็เกมพระราชาเกมแรกไงงง” ใบหน้ามึนๆ นั่นเอ่ยออกมาพร้อมด้วยน้ำเสียงเนือยยาน ดูทรงแล้วก็คงเมาไม่น้อยเหมือนกันเพราะก่อนหน้านั้นเธอตกเป็นผู้ถูกแกล้งไม่น้อยเลยดื่มไปเยอะ
บางครั้งไม่ได้เล่นเกมก็โดนเพื่อนชงเหล้าให้ดื่ม
“อ๋อ ก็เธอดูไม่อยากเล่นนี่นา..แล้วเค้าจะไปทำได้ไง” ผมตอบโดยที่ไม่แน่ใจเลยว่าคนตรงหน้าจะรู้เรื่องด้วยมากแค่ไหน
“บอกตอนไหน..ว่าไม่อยาก”
“ถ้าแบบนั้นจูบตอนนี้ทันไหมคะ” ผมกล่าวจากนั้นก็ค่อยดันร่างเล็กตรงหน้าให้ไปติดกับผนังของห้องพัก ตอนนี้ก็มีแค่เราสองคนที่อยู่ตรงนี้ ไม่มีใครเห็นเรานี่นา
เมื่อไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบรับอะไร สิ่งสุดท้ายที่รู้ตัวก็คือตนเองได้ก้มหน้าลงไปประทับจูบลงบนริมฝีปากของทชาเข้าซะแล้ว ซึ่งอีกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในวินาทีแรกผมรู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรอยู่.. แต่วินาทีหลังจากที่ได้ทำลงไปผมกลับยับยั้งตัวเองไม่อยู่
พอได้สัมผัสแล้วมันก็อยากสัมผัสให้มากขึ้น อยากขยับเข้าไปให้ใกล้อีกแล้วบดขยี้ลงไป จนกระทั่งเจ้าของร่างเล็กนิ่งไปผมก็เริ่มได้สติ
“ทชา..” เอ่ยเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบรับ
เพราะสลบไปแล้วน่ะสิ
End Kyle’s Talk


นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กี๊ดดดดดดด จูบเเล้วววไคลี่เอาเเล้ว
แก เค้าจุบกันนนนนนนนนนน!!!!
สลบเหมือดแล้วทชาจะจำได้ไหมน่ะ 55555
อ้าว นก นกค่ะนก (มีครั้งแรก และมันก็ต้องมีครั้งต่อไปแน่นอน)