ตอนที่ 21 : Equinox of K. | 08 : เกมพระราชา [1]
8
7:00 PM
เรายังคงอยู่ที่รีสอร์ทกันจนกระทั่งหนึ่งทุ่ม ทุกคนที่หายไปในวันนี้จึงมารวมตัวกันเพราะเป็นเวลาอาหารเย็นยังไงล่ะ ฉันรู้สึกว่าตัวเองใช้เวลาในวันแรกของทริปไม่คุ้มเท่าไหร่ ในขณะที่คนอื่นไปเที่ยวไปซื้อของในละแวกรอบๆ นี่กันฉันกลับไม่ออกไปไหนเลยเพราะขี้เกียจ
เหมือนมาทริปแค่มาเปลี่ยนที่นอนเฉยๆ
“มึง วันนี้กูเดินตลาดที่อยู่ใกล้หาดมา เจออีสองตัวนี้ด้วยแหละ” ปกปิ่นหยิบตัวอะไรบางอย่างขึ้นมาจากถุงของที่มันซื้อมาซึ่งมันก็แค่ตุ๊กตาธรรมดาสองตัวเท่านั้น
“มันมีอะไรพิเศษวะ” ฉันไม่เข้าใจเลย
“เห้ย นี่เป็นงานฝีมือของคนในหมู่บ้านเลยนะเว้ย ทำจากใยธรรมชาติแล้วปักเย็บด้วยมือ ชุดที่ใส่ก็คือชุดพื้นเมืองของที่นี่” มันอธิบายคุณสรรพของตุ๊กตาผ้าธรรมดาสองตัวนั้นอย่างภาคภูมิใจ “ตอนไปมันเหลือแค่สองตัวเอง คนขายบอกว่าขายดีมาก ทัวร์มาลงทีไรก็ขายได้ตลอดเหลือสองตัวแล้วเลยลดราคาให้”
“กูว่า..มึงโดนหลอกขายละปิ่น” ไอ้ประโยคนั้นทำไมฉันจะไม่เคยเจอ มันเชื่อใจไม่ได้หรอก
“โวะมึงนี่ ไม่อินก็ไม่เห็นต้องมาว่ากูโดนหลอกเลย” ผู้เป็นเพื่อนสะบัดหน้าหนีทันที แต่ไม่นานก็หันหน้ากลับมาดังเดิม “เออนี่ กูฝากไว้กับมึงหน่อยขี้เกียจถือ”
“คือ?” ฉันมองกระเป๋าสีดำขนาดเล็กในมือแล้วสงสัย
“เลนส์กล้องน่ะ กูเอามาสองอัน..เดี๋ยวว่าจะไปถ่ายบรรยากาศอาหารเย็นเก็บไว้หน่อย”
นี่มันจะถ่ายรูปแทบทุกอย่างในนี้เชียวเหรอวะ แถมยังเอาเลนส์กล้องมาตั้งสองอันอีก...
“นี่มึงเอาขาตั้งกล้องมาด้วยป้ะถามจริง” ฉันเริ่มสงสัยแล้ว
“อุ๊ย! ถ้ากูน่ะไม่หรอก แต่ถ้าเป็นหินมันเอามาหมดตั้งแต่บอดี้ เลนส์ ขาตั้ง ไม้กันสั่น”
ฉันละเกลียดนัก ไอ้พวกช่างภาพมืออาชีพเอ๊ย หินก็คือชื่อของประธานรุ่นซึ่งมันน่ะอยู่สาขาเดียวกันเรานี่แหละ เรียนเก่ง กิจกรรมได้ หน้าตาดีด้วย ไม่แปลกที่พุชชี่จะชอบไปวอแวด้วยบ่อยครั้ง
“นี่ถ้ามีไมค์กับสเลทด้วยกูจะนึกว่าพวกมันมาถ่ายหนังแล้วนะ” เล่นใหญ่อะไรขนาดนั้นอีพวกเด็กฟิล์มนี่
ถึงฉันจะชอบถ่ายรูปเหมือนกันแต่ก็ขี้เกียจแบกอุปกรณ์ถ่ายรูปอยู่นะ
“เอาน่า พวกมันอาจจะเอามาทำโปรเจ็คส่งอาจารย์ก็ได้”
ทั้งที่เรามาเที่ยวกันเฉยๆ อะนะ ยังจะแบกของมาทำงานอีกเหรอ ฉันล่ะเป็นเศร้าเลยเพราะรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนขี้เกียจทันที ชีวิตก็หนักเอาเรื่องอยู่นะมาเที่ยวแต่ดันทำงานด้วย พูดไปแล้วก็นึกถึงรุ่นพี่ในสายรหัสคนหนึ่งเลย ตอนไปฝึกงานคือนางอยู่ที่กองถ่ายตั้งแต่บ่ายโมงยันตีสามกว่าจะได้กลับไปนอนบ้านก็เล่นโชกเลือด ฉันจะได้เจออะไรแบบนั้นด้วยหรือเปล่า?
“ฮุ้ย คุยอะไรกันจ๊ะ” อยู่ดีๆ พุชชี่ก็เดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยพร้อมกับจานกับข้าวในมือสองสามอย่างที่มันตักมาเผื่อใครไม่รู้ “ทำไมไม่ไปหาอะไรกินวะ นี่บุฟเฟต์เชียวนะ”
จริงด้วย ฉันลืมบอกไปว่าอาหารเย็นวันนี้เป็นของที่รีสอร์ทเตรียมเอาไว้ให้ซึ่งคือบุฟเฟต์อาหารทะเลมีให้เลือกเลือกสรรหลายอย่าง ส่วนคนที่แพ้อาหารทะเลอย่างยัยเกศน่ะ ก็ต้องกินของอย่างอื่นแทน..ช่างน่าสงสารจริงๆ
“งั้นเดี๋ยวมาแล้วกัน” ฉันว่าพร้อมกับเดินออกจากโต๊ะ
“โอ๊ะ ไปด้วยๆ” ปกปิ่นลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากโต๊ะบ้าง
“อ้าว ทำไมพวกมึงทิ้งกูไว้คนเดียว” ทำให้คนที่เหลืออยู่ในโต๊ะกินข้าวมีแค่พุชชี่
“เออ เดี๋ยวอีเกศมันก็กลับมาแล้วน่า”
หลังจากที่เดินออกมาจากโต๊ะทั้งฉันแล้วก็ปกปิ่นต่างก็เดินแยกย้ายกันไปตามทางที่ตัวเองสนใจ ฉันเดินมองตามถาดอาหารที่จัดวางไว้อย่างดีด้วยสายตาลุกวาว เนื่องจากมันน่ากินไปหมดจนเลือกตักไม่ถูก
แต่ในขณะที่กำลังกวาดตามองไปรอบๆ ก็บังเอิญได้เจอกับร่างคุ้นตาเข้า นั่นไคลี่หรือเปล่านะ..เหมือนกำลังทำอะไรกับตะแกรงย่างไฟอยู่เลย
“ปิ้งบาร์บีคิวเหรอ” ฉันเดินเข้าไปถึงได้เห็นแท่งเหล็กสำหรับเสียบเนื้อต่างๆ วางเรียงบนตะแกรง
“อืม สักไม้ไหม” ไคลี่หยิบไม้ที่ดูเหมือนจะสุกขึ้นมาให้
“เดี๋ยวฉันลองทำเองดีกว่า”
ว่าแล้วก็เดินไปยังโต๊ะสำหรับวัตถุดิบที่วางอยู่ใกล้กัน มีทั้งหมู เนื้อ ไก่ กุ้งให้เลือกไปทำได้ รวมถึงผักผลไม้กับซอลบาร์บีคิวด้วย ปกติไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนี้เลยรู้สึกอยากทำไว้หลายๆ ไม้เผื่อพวกเพื่อนคนอื่นด้วย หลังจากที่นำวัตถุดิบมาเสียบไม้ตามใจชอบแล้วจึงจะนำมันไปวางบนตะแกรงย่างไฟ
“วางทั้งไม้แบบนั้นเวลาจับพลิกจะร้อนนะ” ไคลี่เข้ามาคว้ามือของฉันเอาไว้จากนั้นจึงควบคุมมือของฉันให้ดึงไม้บาร์บีคิวออกมาให้ส่วนปลายที่มีฉนวนกันความร้อนออกจากเตา
ฉันปรายตาไปมองมือของเจ้าตัวที่กำลังกอบกุมเอาไว้อยู่ก็ได้แต่ยืนเกร็งทำตัวไม่ถูก
“รู้แล้วๆ” ถึงจะบอกไปแบบนั้นแต่ว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากฉันเสียที
“งั้นก็ดี” ไคลี่หันมาส่งยิ้มให้เล็กน้อยจากนั้นก็ผละตัวออกไปทำในส่วนของตัวเองต่อ
ส่วนฉันยังคงจับจ้องไปที่ร่างของผู้เป็นเพื่อนอยู่ เวลานี้ทุกอิริยาบถของไคลี่กำลังตกอยู่ในสายตาของฉันอย่างไม่ให้เล็ดลอดไปแม้แต่เสี้ยววินาที จากนั้นก็ได้แต่ตั้งข้อสงสัยกับตัวเองในใจว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนควรรู้สึกต่อกันสักหน่อย
หรือว่าฉันจะชอบตุ๊ดเข้าแล้วจริงๆ


นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อาการคือใช่มากอ่ะ หรืออ่อยเล่น
แต่ทชาหวั่นไหวไปละ 555