Legend of the Fantasy Heroes
~First Legend of the Heroes of Fantasia~
ผู้เข้าชมรวม
121
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Chapter : 0
Prologue of the Legend
ณ เมืองเนออส เมืองท่าแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับชายทะเลทางตะวันออก ของราชอาณาจักรเรกิส ขนาดของตัวเมืองไม่ใหญ่มากนัก มีเพียงท่าเรือไม่กี่แห่ง กำแพงและป้อมปราสาทขนาดกลาง หากแต่ว่าเมืองนี้ไม่ใช่เมืองท่าค้าขายธรรมดา แต่ยังเป็นเมืองหน้าด่านซึ่งมีใว้ใช้ในการป้องกันการรุกรานจากศัตรู และสนับสนุนกองทัพยามมีศึกสงครามอีกด้วย ดังนั้น ภายในเมืองจึงมีทั้งร้านตีอาวุธ ชุดเกราะ โรงม้า และยังมีร้านขายเครื่องรางเครื่องประดับตกแต่ง และยังมี โรงฝึกอัศวิน ซึ่งไม่ใช่แค่การฝึกการสู้รบบนภาคพื้นดินธรรมดาเท่านั้น แต่ยังฝึกการสู้รบทั้งบนหลังม้า หรือบนเรือ ด้วยเช่นกัน และที่สำคัญเมืองแห่งนี้ ยังมีการปกครองเมืองได้อย่างอิสระ ภายใต้การดูแลของแม่ทัพจากกองทัพแห่งราชอาณาจักรเรกิส ซึ่งมีหน้าคอยดูแล และรับผิดชอบเมืองแห่งนี้
อยู่ภายในห้องขนาดใหญ่ซึ่งมีทั้งตู้หนังสือ ที่นั่ง รวถถึงแผนที่อาณาจักรต่างๆที่ ถูกติดไว้ที่ผนังอยู่ภายในห้อง บัดนี้บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพราชอาณาจักรเรกิส และเจ้าเมืองท่าแห่งเมืองเนออส กำลังนั่งผสานมือไว้บนโต๊ะ ผมยาวสีขาวและนัยย์ตาสีเทา กำลังจ้องมองไปข้างหน้า ราวกับกำลังใช้ความคิด โดยมีอัศวินอีกคนยืนอยู่ข้างๆ ผมสีน้ำเงินเข้มยาวประบ่า ซึ่งมีใบหน้าเรียบเฉย โดยเธอนั้นแต่งตัวด้วยชุดเกราะเหล็กและยังมีผ้าคลุมสีฟ้าด้านหลังรวมทั้งดาบที่อยู่ข้างลำตัว แสดงถึงความไว้ใจของแม่ทัพและอัศวินคู่ใจ
“เป็นแบบนี้ดีแล้วแน่นะคะ”
เสียงจากอัศวินสาวคนนั้น พูดขึ้นเรียบๆ
“อืม… แบบนี้ ดีแล้วล่ะ”
ชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ถึงแม้ว่าเธอจะคุ้นเคยกับน้ำเสียงเย็นชาแบบนี้แล้วก็เถอะ แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกได้เหมือนกัน ถึงความเด็ดขาดของชายผู้นี้ ชายผู้ซึ่งเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของกองทัพซึ่งมีบทบาทมากครั้ง ในยุคแห่งสงครามครั้งหลัง มันทำให้รู้สึกได้เลย ความน่ากลัวของชายคนนี้..
นอกกำแพงเมืองออกไป ไม่ไกลนัก ในแถบชายป่า มีกลุ่มอัศวินกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีจำนวนราวๆสิบคน โดยอัศวินเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ มีผ้าคลุมสีฟ้า และตราสัญลักณ์กลางผ้าคลุมด้านหลัง โดยบ่งบอกได้ว่าอัศวินเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอัศวันขั้นสูง แห่งราชอาณาจักรเรกิส และสีฟ้าของผ้าคลุมยังบ่งบอกได้อีกว่า เป็นสีประจำเมืองของเมืองท่าเนออสนั่นเอง
“ไปอยู่ไหนกันแน่เนี่ย”
เสียงของอัศวินหญิงซึ่งมีผมสีนิล คนหนึ่งเปรยขึ้น ขณะเหมือนกับกำลังพยายามหาอะไรซักอย่างอยู่
“คงอยู่ไม่ไกลหรอก”
อีกเสียงกร้าวดังขึ้นจากอีกฝั่ง ที่ไม่ไกลจากอัศวินสาวมากนัก
อัศวินที่ดูเหมือนจะมีอายุมากที่สุด กำลังนั่งพิจารณาลอยเท้ารอยหนึ่ง ซึ่งเกิดจาการวิ่งลงส้นเท้าอย่างสุดแรง เหมือนกับวิ่งหนีอะไรบางอย่างอยู่ จนเป็นผลทำให้เกิดรอยเท้าข้างขวา ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก ลงบนพื้น ไม่นานนักเขาก็ลุกขึ้นพลางมองไปด้านหน้า
“อยู่ใกล้ๆนี่ล่ะ”
เขาพูดราวกระซิบ เหมือนกับพูดให้เพียงตนเองนั้นได้รับรู้
“ฟุ่บ” เสียงของพุ่มไม้ที่เคลื่อนไหวนั้น ทำให้ทุกคนต้องหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว ซักพัก หลังจากยืนจ้องพุ่มไม้นั้นได้ซักพัก อัศวินหนุ่มใส่แว่นผมบลอนดคนหนึ่งได้ตัดสินใจก้าวออกไป เขาชักดาบข้างเอวขึ้น แล้วจึงค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้พุ่มไม้นั้น
เขาหันกลับมามองทุกคนด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอยู่ อัศวินทุกคนราวกับนัดกันไว้ พวกเขาพยักหน้าพร้อมกัน ดั่งเป็นสัญญาณบอกว่า “ลุยเลย”
“เอาล่ะสิ” เขาคิดในใจ
เขาจึงหันมาทางอัศวินอีกคนที่มีอายุมากที่สุด ดูเหมือนจะหมือนเดิม เพราะเขาก็ยังพยักหน้าเป็นสัญญาณที่เหมือนกันว่า “จัดการซะ”
อัศวินหนุ่มจึงได้แต่ปลงและเริ่มขยับเข้าไปใกล้ พุ่มไม้ ใกล้จนสัมผัสได้ หัวใจเขาเต้นแรงและถี่ขึ้น เหงื่อที่ไหลออกมาอาบแก้มเขานั้นก็ดูเหมือนจะเย็น ซะเหลือเกิน
“เอาล่ะนะ”
เขาคิดในใจก่อนใช้ดาบฟันไปยังพุ่มไม้นั้น
สวบ!?
เสียงของโลหะปะทะกิ่งไม้จนมีใบไม้ขาดกระจายออกมา เสียบหอบของเขากลับเป็นเสียงเดียวที่ได้ยินหลังจากการปะทะ
“แหะๆ”
อัศวินแว่นหัวเราะแห้งๆ หลังจากผ่านนาทีสุดระทึก ไปได้อย่างปลอดภัย
ซู่ม !!!
ไม่นานนักเสียงลมกรรโชกรุนแรงก็โหมกระหน่ำ รุนแรงซะจนต้องนำมือทั้งสองข้างขึ้นมาบังหน้าเอาไว้?
อะไรกัน ความคิดของทุกคนที่แล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เหวอ อัศวินแว่นอุทานออกมาก่อนจะล้มทั้งยืนไปด้านหลัง ทำให้แว่นตา และดาบของเขาหลุดตกออกทันที
“นะ นะ นี่มันอะไรกัน”
อัศวินหญิงคนเดิมพูดออกมาด้วยอาการตกตะลึง นี่มัน อัศวินอายุมากกล่าวด้วยอาการไม่แพ้กัน สิ่งที่ปรากฎเด่นชัดอยู่ตรงหน้าของเหล่าอัศวินผู้อาจหาญ เหล่านี้ก็คือ มังกร สุดยอดอสูรร้ายที่มีมาตั้งแต่โบราณ ณ กาล สิ่งมีชิวิตที่ได้ชื่อว่าสุดยอดของเหล่าสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นขนาดของร่างกาย กรงเล็บและฟันอันแข็งแกร่ง ปีกที่ว่องไว พลังโจมตีที่ร้ายแรง และสติปัญญาที่เฉียบแหลม
“ถอยก่อน”
อัศวินเฒ่า ตะโกนสุดเสียง
บ้าน่า มังกรเรอะ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน แถมยังเป็น มังกรไฟ สลาวิค ที่ได้ชื่อว่าดุร้าย แถมร้ายกาจสุดๆ ความคิดที่ผุดขึ้นมาหลังจากสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดีเอาซะแล้ว
“อลัน เร็วเข้า” อัศวินคนเดิมตะโกนอีกครั้ง
ดูเหมือนจะเป็นอัศวินแว่นเจ้าของชื่อ ที่กำลังงมหาแว่นของตัวเองอยู่
“อะห๊า เจอแล้ว” อลันยิ้มร่า ก่อนจะหยิบแว่นของตนสวม
“อะ อะ อะไรเนี่ยยย” เขาตะโกนด้วยอาการช็อคสุดขีด หลังจากทอดสายตาไปยังด้านหน้า ซึ่งมีมังกรในพุ่มไม้ตัวเดิม ที่เขาเพิ่งจะฟันไปเมื่อกี้นี้
“จ๊ากกก”
เขากระโดดหลบ เปลวไฟที่พุ่งมาหายังเขา อุณหภูมิสุดร้อนแรงนั้นยังไม่ดับเขาหันกลับไปด้านหลังพบว่ามีไฟติดที่ผ้าคลุมสีสดของเขาอยู่นั่นเอง
“ร้อนโว้ย”
เขารีบกลิ้งตัวคลุกลงกับพื้น
“เผ่นเร็วเซ่ เจ้าบ้าเอ๊ย”
อัศวินหญิงคนเดิมตะโกนเร่ง
“รู้แล้วน่า ยัยบ้าเคธี่”
อลันรีบลุกขึ้นวิ่ง หลังจากไฟผ้าคลุมที่พึ่งมอดและยังมีควันลอยฉุยๆ อยู่
“ไปเลย ทางนี้ข้าจะถ่วงเวลาไว้เอง”
อัศวินเฒ่าตะโกนบอกให้อัศวินที่เหลือทั้งหมดรีบหนีไปจากป่า ก่อนที่จะถูกอสูรตัวนี้เผา
“บ้าน่า ตาแก่”
อลันพูดขึ้น หันไปมองด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ย้าก!!”
เขาพุ่งตัวเข้าไปแล้ว
“อุ๊ก”
แรงกระแทก ซึ่งกิดจากการตวัดหางของมัน ทำให้เขาปลิวไปกระแทกกับต้นไม้อีกด้านหนึ่งดังโครม
“เกล็น!!”
เธอ ร้องตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง เมื่อเห็นภาพที่เห็นตรงหน้า ราวกับว่าวินาทีนั้นหยุดลง
เหล่าอัศวินต่างวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชิวิต ออกไปจากป่าแห่งนี้ ก่อนที่จะถูกไฟโลกันต เผาพวกเขาไปพร้อมทั้งป่า
“เร็วเข้าทางออกอยู่ข้างหน้า”
เสียงอัศวินคนหนึ่งพูดขึ้น
ตึง!!
เสียงกระแทกของกรงเล็บหนักๆ ที่อยู่ด้านหน้า เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า หายนะมาถึงแล้ว..
“บ้าเอ๊ย”
อัศวินหลายคนเริ่มเหงื่อตก บางคนพยายามวิ่งหนีไปทางด้านเดิม แต่ว่าสายเกินไป
“อ๊ากก”
เสียงร้องโหยหวนก่อนที่จะหายไป เหลือไว้แต่เพียงซากไหม้ ของศพของเหล่าอัศวินแห่งเนออส
“เสียง?”
อัศวินหญิงนามเคธี่ พูดขึ้นอย่างสงสัย ขณะพยุงร่างของอัศวินอายุมากนามว่า เกล็น
“ใช่”
เกล็น พูดขึ้น
“เสียงของวาระสุดท้าย ของอัศวินแห่งเนออสยังไงล่ะ”
เขาพูดต่อ ด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
“หมายความว่า?”
อลันถามต่อ ด้วยอาการที่ไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเกล็น
“เหลือแต่พวกเราแล้ว ยังไงล่ะ ไม่สิ คราวนี้คง… ไม่เหลือ”
เกล็นพูดพลางแสยะยิ้ม ให้กับสิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้
ตึง!
มาแล้วสินะ..
โฮกกกก
นี่พวกเธอทั้งสามคนต่างรอรับชะตากรรม เฉดดังเช่นเดียวกับเหล่าอัศวินแห่งเนออส ที่ได้กลายเป็นเพียงซากเท่านั้นจริงๆ เหรอ
เคธี่ คิดในใจอย่างหมดหวัง
ตึก
“เจอจนได้
ให้ฉันตามหาอยู่ได้ตั้งนานนะ ไอ้กิ้งก่าพ่นไฟยักษ์”
เสียงของใครบางคนดังขึ้นมาจากด้านหลังของพวกเขาทั้งสามคน
ใครน่ะ?
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาก็คือ บุคคนที่มีผ้าคลุมสีเข้มปิดบังใบหน้าครึ่งหน้า และร่างกาย แถมยังใช้อาวุธเป็นดาบถึงขนาดจะไม่ใหญ่มาก แต่ว่า แต่ก็ยาวถึงสองเมตรเลยทีเดียว
“เอาล่ะ”
เขาพูดพลางตั้งท่าดาบ
“นี่พวกนายน่ะ ถ้าไม่อยากเป็นอาหารไอ้กิ้งก่านี่ล่ะก็ ช่วยหลบไปหน่อยได้มั้ย?”
ได้ยินอย่างนั้นพวกเธอจึงรีบถอยออกไปจากสมรภูมิ อย่างรวดเร็ว
โฮกก
มันร้องเสียงดังอีกครั้ง ราวกับว่าจะไม่ให้ใครซักคน ในที่แห่งนี้รอดไปได้ จะต้องการเป็นเพียงอาหารมันเท่านั้น
แต่ว่า มันคงจะคิดผิด
“แกน่ะไม่ต้องโลภมากหรอกน่า แค่ฉันคนเดียว แกยังจะกลืนลงรึเปล่ากัน”
พูดเสร็จ เขาก็พุ่งเข้ามาหามันอย่างรวดเร็ว ดาบที่ถูกตั้งท่าไว้นั้น ฟาดลงมาที่ต้นขามันอย่างรวดเร็ว
จนเกิดเป็นรอยแหลยาวลากลงมายังเท้า
เลือกสาดกระเซ็น ของมันทำให้มันถึงกับร้องออกมา มันเริ่มใช้หางตวัดเข้าใส่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าของมัน แต่ว่าเขารู้ทัน กระโดดกลับไปยังด้านหลังได้อย่างทันท่วงที
และเริ่มรุกเข้าประชิดอีกครั้ง
เขาโจมตีพลาง หลบทั้งหาง และมือของเจ้ามังกรนั้นอย่างง่ายดาย การโจมตีของเขาดูเหมือนจะทำให้มันได้รับบาดเจ็บขึ้นเรื่อยๆ และยังทำให้ดาบนั้นเริ่มร้าวขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน
“กระจอกน่า”
เขาพุ่งเข้าใส่อีกรอบ คราวนี้เขาพุ่งไปด้านหน้าของมัน พร้อมที่จะปิดบัญชี
เขาเสียบดาบลงไปที่กลางหน้าอกของมัน แต่ว่า ตื้นเกินไป
มันจึงใช้มือขวาปัดไปที่ตัวของเขา จึงใช้ดาบที่เสียบอยู่กลางหน้าอกใช้กันแรงกระแทกจากกรงเล็บของมัน
เมื่อตัวดาบพร้อมรอยร้าวนั้นทนทานไม่ได้อีกต่อไป ดาบแตกเป็นเสี่ยงๆ จากแรงกระแทกอันมหาศาล ทำให้เขาต้องกระโจนออกมา
“พังง่ายชะมัด ของถูกนี่”
เขาพูดเปรยราวกับว่าดาบที่เขาใช้นั้นไร้ประโยชน์ซะแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าของราชันแห่งสิ่งมีชิวิต เกราะที่หนาเหมือนกับหินนั้น แทบขะฟันหรือโจมตีเข้าได้เลยแม้แต่น้อย แถมการโต้ตอบกลับนั้นว่องไวขึ้นมากทุกที ราวกับว่ามันอ่านความคิดของเขาออก
จะทำยังไงดี เขาคิดในใจ แล้วเริ่มวางแผนใหม่อย่างรวดเร็ว
กี๊ซ หลังจากนิ่งอยู่ซักพักมันจึงเริ่มเปลี่ยนมาเป็นฝ่านบุก เริ่มด้วยการพ่นไฟ ใส่เจ้าของร่างเล็กผู้เป็นศัตรู เปลวไฟผ่านร่างของเขาไปแค่เพียงไม่กี่นิ้ว สัมผัสได้ถึงไอร้อนๆ จากเปลวเพลิงของมัน
หลังจากไฟที่ใช้ไม่ได้ผล เพราะความเร็วของคนๆนี้นั้นเร็วมาก ต่อให้โจมตีรุนแรงแค่ไหน แต่ถ้าไม่โดนมันก็ไร้ความหมาย มันจึงคิดที่จะบิน บินเพื่อตั้งหลัก
“ฉลาดดีนี่นะ แต่ว่า”
เขาพูดราวกับว่ารุ้ทันแผนการของเจ้ากิ้งก่าไฟ ตัวนี้ทัน
“ไม่ให้ทำได้หรอกน่า”
พูดเสร็จ เขาก็วิ่งไปยังศัตรูอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มังกรตัวนี้จะบินขึ้นไปสูงกว่านี้ เขากระโดดจับไปที่ขา ของมันแล้วเริ่มคิดที่จะปีนขึ้นไปบนตัวของกิ้งก่าไฟยักษ์ความสูงกว่า สิบเมตร
เจ้ามังกรยักษ์ เมื่อรู้ว่ามันยังมีแขกอีกหนึ่งคนตามเที่ยวบินนี้มาด้วย มันจึงพยายามที่จะสะบัดแขกผู้ที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ลงไป พลางที่จะทะยานขึ้นบิน แต่ดูถ้าว่าแขกคนนี้จะไม่ยอมลงง่ายๆ ซะด้วยสิ นอกซะจากว่าจะตกไปพร้อมๆ กัน
รอยแผลที่ได้จากการต่อสู้ และความอ่อนแรงจากการปะทะ ทำให้เจ้ามังกรนั้นเริ่มอ่อนแรง ปีกที่เคยคิดจะพามันบินไปนั้นก็ดูเหมือนจะหยุดลง มันจึงร่วงลงมา
ตูม
แรงกระแทกของสิ่งมีชิวิตขนาดยักษ์ ร่วงหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงอย่างง่ายดาย
ควันคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ
เจ้ากิ้งก่าไฟแน่นิ่งไปแล้ว เหลือไว้แต่บุคคลที่ยืนอยู่บนตัวของมัน
ชัยชนะของมนุษย์?
อัศวินทั้งสาม ต่างพากันจ้องมองไปยังสงครามระหว่างสิ่งมีชิวิตทั้งสอง ไม่ว่าจะเป็นมังกรไฟ สัตว์ที่เก่าแก่และแข็งแกร่งที่สุดที่ทำให้พวกเขาต้องตกตะลึง แต่ว่าเจ้าหมอนี่สิ กลับสามารถต่อสู้กับสิ่งมีชิวิตในตำนานนี้ได้อย่างง่ายดาย แถมดูถ้าว่าจะเป็นต่อซะด้วย ที่ทำให้ต้องตกตะลึงยิ่งกว่า
“คนแน่เรอะ”
อลันพูดพลางขยับแว่น
“จริงด้วย”
เคธี่ พูดเสริม
…
เกล็นได้แต่ยืนมองอย่างตกตะลึงกับเหตการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ที่เกิดขึ้นเร็วมากจนคาดไม่ถึง และจบลงเร็วจนน่ากลัว เขาคือใครกัน
เขาหันกลับมายังบุคคลทั้งสาม ซึ่งตอนนี่แน่นิ่งไปราวกับรูปปั้นเรียบร้อยแล้ว
“ฮึบ
ภารกิจสำเร็จเสร็จสิ้น ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่”
เขาพูดพลางกระโดดลงมาจากเจ้ากิ้งก่ายักษ์
“แล้วก็ บาดเจ็บอยู่สินะ”
เขาเดินเข้ามายังบุคคลทั้งสามก่อนที่จะเปิดฮูดออก
“ฉัน…… ยินดีที่ไดรู้จักนะ”
ผลงานอื่นๆ ของ G.G. ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ G.G.
ความคิดเห็น