ไขมันทะยานฟ้า
เรื่องของชายร่างใหญ่ แต่มีอะไรบางอย่างเล็ก
ผู้เข้าชมรวม
131
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ไขมันทะยานฟ้า
โบ้ เป็นชื่อเรียกของชายร่างอ้วนคนหนึ่ง โบ้ไม่เคยแคร์กับการที่คนอื่นว่าโบ้อ้วน ไม่ใช่โบ้หูหนวกเพราะกินหมูดิบตามข่าว แต่โบ้ชินชากับคำพูดเหล่านี้จนไม่ต่างกับเสียงช้อนส้อมที่กระทบกันเวลาโบ้กระซวกข้าวเข้าไปคลุกเคล้ากับน้ำลายของโบ้เอง
หลังจาก โบ้ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยตามระบบแอดมิดชั่นแล้ว โบ้ต้องผจญกับอันตรายต่างๆนาๆที่อาจทำร้ายไขมันของโบ้ให้บุบสลายได้ ทั้งการรับน้องสุดโหดหิน ที่โบ้ต้องก้มหน้าก้มตาทำตามรุ่นพี่ที่ว๊ากเพ้ย ไม่ต่างจากกวนอูตอนวิ่งไล่ฆ่าทหารของโจโฉในนิยายสามก๊ก อีกทั้งการต้องเดินเรียนตามตึกต่างๆที่โบ้คิดว่าระยะทางห่างกันเหมือนดอนเมืองกับหนองงูเห่า มอเตอร์ไซค์ไม่ใช่พาหนะที่เหมาะสำหรับโบ้เลย แค่ขาข้างเดียวของโบ้ที่ขึ้นขี่ไปบนมอเตอร์ไซค์ก็ทำให้ยาง และล้อแทบจะลาขาดจากกันตลอดการ
หากคิดจะพาโบ้ไปด้วยพาหนะมีล้อแล้ว นอกจากควายใบสันเทียมเกวียนสัก 10ตัว ก็คงต้องพึ่งรถบรรทุกหนัก30ตันเท่านั้น ถึงจะพาโบ้ไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยทั้งคนและรถ
และแล้ววันแห่งการเปลี่ยนแปลงของโบ้ก็มาถึง เมื่อโบ้ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองอ้วนเลยไปตกหลุมอุกาบาตแห่งความรักของ หนิง สาวสวยดาวคณะที่นอกจากจะสวยด้วยการนุ่งสั้นรัดติ้วแล้วยังสวยด้วยศัลยกรรมต่างๆที่พ่อของหล่อนประเคนเงินทองมาให้เหมือนกับที่บ้านมีกิจการเป็นเจ้าหนี้ธนาคารโลก โบ้พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้หนิงสนใจ ตั้งแต่การทำตัวผอม ซึ่งมันก็ไม่น่าจะทำได้อยู่แล้ว หรือการแต่งตัวในเสื้อไซด์ S ที่สั่งทำพิเศษจากถุงกระสอบข้าว โบ้ระดมส่งดอกไม้ให้หนิงแทบทุกวัน ตั้งแต่ปากคลองตลาดยันร้านข้างดอยตุง โบ้ล้วนเฟ้นหาดอกไม้ที่จะทำให้ “ดอกรัก” เบ่งบานในใจหนิงให้ได้
เหมือนบุญมีแต่กรรมบัง ถึงชีวิตรักของโบ้จะไม่จบลงที่คลองแสนแสบ ใต้ต้นเจ้าพ่อไทร โบ้ก็ยังไม่มีโอกาสจะได้พูดว่า “ข้ารักแกว่ะ” เวลาผ่านไปเรื่อยๆแบบ “season change”แม้แต่พระสงฆ์อย่าง “หลวงพี่เท่ง” หรือพระพุทธรูป “องค์บาก”ก็ยังไม่สามารถบันดาลพรให้โบ้สมหวังได้ โบ้ได้แต่กิน “ข้าวเหนียวหมูปิ้ง” ลดความอ้วนไปวันๆ โดยที่ไม่สนใจว่ามันจะกินไปกี่ไม้ บางวันโบ้ก็เลือกให้อาหารอ้อยกับช้างเพื่อการทำบุญจะทำให้โบ้สมหวัง แต่พอโบ้เดินจากไป เจ้าของช้างเมาๆก็ตะโกนเรียกโบ้ว่า “เอาช้างGUคืนมา” โบ้โดนเหมารวมว่าเป็นญาติกับ “กล้านกล้วย” ไปเสียแล้ว
ในความมืดย่อมมีแสงสว่าง ถึงแม้ว่าโบ้จะดูอาภัพอับจนหนทาง แต่โบ้ก็คิดว่าย่อมมีผู้ช่วยพระเอกมาช่วยโบ้จนได้
“ออย” เป็นเพื่อนของโบ้ตั้งแต่โบ้ยังหัดเดิน ออยไม่ใช่ตุ๊ดเกย์ทอมดี้ แต่เป็นเด็กผู้ชาย ธรรมดา ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมชื่อ ออยนั้น โบ้เคยรับได้รับคำตอบว่า ที่บ้านออยทำกิจการเกี่ยวกับน้ำมันในตะวันออกกลาง มีลูกชายคนแรกเลยตั้งชื่อว่าออย โบ้ไม่เคยถามออยต่อว่าออยมีน้องมั้ยแล้ว น้องออยชื่อ ปตท. เชลล์ เจ็ท หรือเปล่า
หนทางเดียวของโบ้ซึ่งออยยื่นให้คือ ถ้าโบ้ไม่ลดน้ำหนักก็ต้องกลับชาติไปเกิดเป็นสิงโตทะเล โบ้ย่อมเลือกทางแรกอยู่แล้วเพราะท่าทางหนิงหญิงที่โบ้ชอบไม่ใช่คนรักสัตว์เท่าไหร่ เมื่อวานก่อนโบ้ยังแอบเห็นหนิงใส่เสื้อขนหมาคล้ายๆไฮยีน่า ที่หลุดออกมาจากสวนสัตว์เชียงใหม่อยู่เลย หากโบ้เกิดเป็นสิงโตทะเล โบ้คงต้องว่ายน้ำจากขั้วโลกมาถึงอ่าวไทย ซึ่งหุ่นแบบโบ้ถ้าไม่เจอปลานีโม่นำทางก็คงไม่น่าจะมาถึงอ่าวไทยได้
ออย ซึ่งต้องทำหน้าที่พระรองให้โบ้เป็นพระเอกเลือกวิธีการวิ่งให้กับโบ้ นอกจากการเดินกับกลิ้งแล้ว โบ้แทบไม่เคยจะออกแรงวิ่งเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะเสียภาพพจน์ความเป็นตัวตนของตัวเอง โบ้สวมรองเท้าวิ่งขนาดเบอร์49 ที่ทำจากหนังของช้างแมมมอท เพื่อให้ทนต่อแรงกระแทกของน้ำหนักกว่า 180กิโลของโบ้ ออยค่อยๆหลอกล่อโบ้ โดยการเอาแครอทไปล่อโบ้ แต่อาหารไฟเบอร์สูงแบบนั้นโบ้ไม่สนใจอยู่แล้ว ออยจึงเปลี่ยนไปใช้ เสต๊กเนื้อติดมันจากเอธิโอเปียล่อโบ้แทน ด้วยความกระหายไคร่อยาก โบ้เริ่มวิ่งได้เป็นหนแรกในชีวิต “ก้าวเล็กๆของผมเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติ” โบ้คำรามขึ้นในใจ ระยะทางเพียง50เมตร ที่โบ้ได้ออกวิ่งนั้น มันลำบากเหมือนกับโบ้ต้องเดินทางไปปักธงชาติไทยที่นอทโพลเหลือเกิน โบ้อ่อนเพลียหมดแรงและแทบจะล้มลง ออยเลือกที่จะวิ่งหนีมากกว่าเข้าไปประคองโบ้ เพราะหากโดนโบ้ทับไปแล้ว นอกจากอาจไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่ไปตลอดชีวิต ออยอาจทำให้โบ้ที่หืดหอบจนลบแทบจับขาดไขมันไปหล่อเลี้ยงหัวใจจนตาย ออยเลือกที่จะวิ่งหนีไปดีกว่า เพราะอย่างน้อยๆแถวนั้นก็มีรถเครนที่ใช้ยกเสาเข็มตึกสร้างใหม่ ถ้าออยรอดไปได้ อาจพอจะไหว้วาน ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ให้เจ้าของ กิจการรับเหมาก่อสร้างช่วยใช้รถเครนยกโบ้ที่แทบหมดสติไปเก็บเอาไว้ในที่ปลอดภัย
หลายวันผ่านพ้นไปจนกลายเป็นเดือน โบ้ที่ไครต่างคิดว่าเป็นหมูสนามประจำมหาลัยในนั้น ตอนนี้ได้กลายเป็นหมูพลังเทอร์โบ ออยและโบ้ออกวิ่งโดยไม่ต้องใช้สิ่งเร้าใดๆให้เมื่อยตุ้ม จากก้าวต่อก้าวเท้าต่อเท้าของคนสองคน ระยะทางไม่ใช่ปัญหาต่อไป แม้ว่าจะมีข่าวลือหนาหูว่า ออยวิปริตไปสมสู่กับหมูแบบโบ้ หรือข่าวที่ว่าทั้งสองคนทำตัวเป็นกรมป่าไม้เดียวกัน ออยและโบ้ก็ยังไม่สนใจ ต่างตีหน้ามึนวิ่งต่อไปเรื่อยๆ สำหรับโบ้แล้ว เพื่อหนิงคนเดียวเท่านั้น โบ้ยอมเป็นคนบ้าที่วิ่งรอบสนามบอล เพื่อที่วันหนึ่งโบ้จะได้เข้าไปวิ่งวนในหัวใจของหนิงบ้างแม้แต่วินาทีนึงก็ยังดี
ทุกย่างก้าวของโบ้นั้นเหมือนจะโรยด้วยตะปูเรือใบอาบไซยาไนซ์ เพราะนอกจากดูเหมือนหมูบ้าวิ่งรอบสนามบอลแล้ว หลายต่อหลายครั้งที่โบ้ท้อแท้ และหมดหวัง แต่ก็มีเพื่อนคอยเป็นกำลังใจให้โบ้เสมอมา จาก 50เมตรเติบโตมาเป็น 5000เมตร ระยะทางที่เพิ่มขึ้นนั้นบั่นทอนไขมันเพื่อนของโบ้ไปอย่างเห็นได้ชัด จากน้ำหนักตัวที่ต้องใช้ตาชั่งรถบรรทุกมาชั่ง ตอนนี้โบ้หนักเพียง 120กิโลกรัม แม้ว่าจะดูมากเกินไปสำหรับมาตรฐานชายไทยแบบโบ้ แต่สำหรับตัวโบ้เองน้ำหนักไม่ได้พิสูจน์ถึงความมีค่าในตัวตนของโบ้ แต่การที่โบ้มั่นใจขึ้นตะหากเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าโบ้พร้อมแล้วสำหรับการเป็นคนรักของดาวคณะแบบหนิง
วันดีเดย์ก็มาถึงในที่สุดโบ้ตัดสินใจซื้อดอก อาราปาก้าอามิก้อนที่สุดแสนจะราคาแพง แม้ว่าชื่อจะดูเหมือนหลอกควายไปซื้อ แต่เพื่อหนิงหญิงงามตามสมัยแล้ว โบ้ยอมเป็นควายให้หนิงเชือดใจดีกว่าให้ของสูงค่าเช่นนี้ไปตกอยู่ในมือผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่นางฟ้าปลอมตัวลงมาแบบหนิง พร้อมด้วยแหวนเพชรจากเคนย่าซึ่งโบ้ได้ใช้เงินเก็บกว่า20ปีไปซื้อออกมาจากโรงรับจำนำแถวๆประตูน้ำ โบ้พร้อมและมั่นใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โบ้รู้สึกว่าการเดินไปบอกรักหนิงนั้นง่ายเหมือนฉี่ให้ตรงโถ แม้ว่าทุกวันโบ้จะฉี่ไม่ค่อยตรงร่องรอยบางทีถึงกับเปื้อนกางเกงก็ตาม
โบ้ออกเดินตามหาหนิงพร้อมกับ อาราปาก้าอามิก้อน ดอกไม้ลึกลับไม่ทราบที่มากว่า2 ช.ม. แต่ไม่พบวี่แววของดาวคณะคนดีขวัญใจของโบ้เลย โบ้พยายามดมกลิ่มที่หนิงทิ้งไว้เพื่อตามหาตัว แต่ประสาทสัมผัสของโบ้นอกจากลิ้นที่เป็นของจระเข้แล้ว อย่างอื่นไม่ได้มีส่วนพิเศษใดๆเลย
เมื่อโบ้เริ่มท้อแม้ “ออย” เพื่อนรักนักวิ่งได้เดินเข้ามาพร้อมหนังสือกองโต โบ้ได้ทำสิ่งที่ถนัดที่สุดในชีวิตก็คือ การขอให้คนอื่นช่วยก่อนที่จะช่วยตัวเอง โบ้อยากจะให้ออยตามหาหนิงให้ที เมื่อออยได้ยินดังนั้นก็ได้นั่งลงอย่างช้าๆข้างๆโบ้ พร้อมกับบอกโบ้ว่า “หนิงไม่คู่ควรกับโบ้หรอก” โบ้ถึงกับตะลึงทำหน้าตาไขมันจุกอก แม้จะคิดว่าตัวเองหล่อเลิศปานใด แต่ไหนเลยเพื่อนรักจะมาบอกว่าหนิงไม่คู่ควรกับตัวโบ้เอง หรือสมภารจะกินไก่วัด ออยเพื่อนรักจะแอบคาบหนิงไปรับประทานในน้ำซะแล้ว ความคิดต่างๆพุ่งพล่านขึ้นมาในสมองของโบ้ “หนิงไปไหน ออยนายเอาน้องหนิงของโบ้ไปไว้ไหน จิงอยู่โบ้อาจดีเลิศเลอเกินไป แต่น้องหนิงเป็นคนที่โบ้เลือกแล้ว บอกโบ้หน่อยเถอะ” ออยรู้สึกเวียนหัว คลื่นไส้อยากอาเจียนขึ้นมาพร้อมๆกัน หากอยู่ต่อนานกว่านี้ออยอาจโดนมองว่ามีอาการเหมือนแพ้ท้องได้ ออยจึงลุกขึ้นแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในกองหนังสือของออยออกมา
“นิสิตอนาถ โดนรวบคาคลินิกทำแท้งเถื่อนกลางกรุง” โบ้อ่านออกเสียงเพราะว่าในชีวิตอ่านในใจไม่เป็นอยู่แล้ว ทันใดนั้นเองโบ้ได้เห็นภาพหญิงสาวที่มีแถบเซ็นเซอร์สีดำคาดตา แต่ต่อให้เห็นแค่เซลล์ผิวหนังโบ้ก็ยังจำได้ว่านั่นคือรูปของหนิงสตรีอันเป็นที่รักของโบ้ ความรู้สึกของโบ้เหมือนโลกหมุนย้อนกลับ ทุกอย่างลอยสูงขึ้นแต่โบ้ลอยต่ำลง โบ้ล้มลงอย่างแรงพร้อมกับดอก อาราปาก้าอามิก้อน ที่แตกสลายกระจายไปกับพื้น
หลายเดือนผ่านไป ไม่มีไครเห็นโบ้ที่สนามฟุตบอล ไม่มีเสียงของรองเท้าเบอร์49 พระอาทิตย์ตกดินโดยที่ขาดชายสองคนที่เคยวิ่งอยู่ด้วยกันจนชินตา
หน้าหนาวผ่านพ้นไปแล้ว หน้าร้อนกำลังเข้ามา
“นิสิตใหม่ๆเชิญทางนี้ครับ เข้าแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งปิดระยะสองคืบแล้วแล้วมารายงานตัวเลย”
เสียงโทรโข่งตะโกนแข่งกับเสียงนักศึกษาใหม่ที่แหกปากกันเหมือนไม่เคยคุยกันมาก่อน ออยเดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มต่างคณะ ที่หลายๆคนในคณะรู้ดีว่าแอบไปจีบกันข้างห้องน้ำบ่อยๆ “นั่นเพื่อนนายนี่” หญิงสาวพูดขึ้น ออยหยีตาเล็กน้อยเพื่อแข่งกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องทำมุมตกกระทบเข้ามา “จัมโบ้” ออยแหกปากตะโกนพร้อมกับวิ่งลืมตายไปกอดโบ้
หลังจากที่โบ้ล้มหัวฟาดพื้นไปนั้น ก็ต้องนอนพักที่โรงพยาบาลพักใหญ่ ปีนั้นโบ้มีอาการสติฟั่นเฟือนจนต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลโรคจิต ทางมหาวิทยาลัยเห็นว่าไม่ควรเอาคนบ้ามาเรียนจึงปล่อยโบ้ไว้ที่โรงพยาบาลก่อนให้หายบ้า ออยซึ่งไม่มีเพื่อนวิ่งด้วย เลยเปลี่ยนจากวิ่งรอบสนามบอลไปวิ่งจีบสาวต่างคณะแทน ซึ่งก็ได้ผล ดอกอาราปาก้าอามิก้อน ไม่ทำให้ออยผิดหวังในที่สุดก็สละความโสดพร้อมกับคำนินทาที่ว่าเป็นเกย์ไปได้เสียที
เย็นวันนั้นออยและโบ้ ออกวิ่งตามเคย โบ้ซึ่งตอนนี้ได้เป็นเฟรชชี่อีกครั้ง ดูผอมเพรียวขึ้นมามาก “ยังจำได้มั้ยที่เราเคยวิ่งที่นี่วันแรก” โบ้พูดขึ้นมาขณะวิ่ง ออยวิ่งออกห่างเพราะท่าทางโบ้ตาขวางๆและไม่แน่ใจว่าโบ้หายบ้าดีหรือยัง “จำได้สิ” ออยตอบพร้อมกับทิ้งระยะห่างไปอีก “ตอนนั้นเราคิดว่าเป้าหมายของการลดความอ้วนของเราคือหนิง” โบ้ตอบพร้อมกับทำหน้าตาเศร้าๆ “แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเราไม่ได้วิ่งเพื่อไคร เราวิ่งและกำลังวิ่งเพราะเราชอบวิ่งและเราวิ่งเพื่อตัวของเราเอง” โบ้พูดขึ้นต่อ ออยแปลกใจที่โบ้เริ่มพูดจามีสาระมากขึ้น โรงพยาบาลบ้าอาจเป็นสิ่งที่ถูกสำหรับผู้ชายแบบโบ้ ผู้ชายที่ในที่สุดก็ค้นพบเสียทีว่า เค้าไม่ได้ลดความอ้วนเพื่อผู้หญิง เพื่อความมั่นใจหรือเพื่อแฟชั่น แต่สิ่งที่เค้าทำก็เพื่อตัวของเขาเท่านั้นเอง
ผลงานอื่นๆ ของ อัศนีย์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อัศนีย์
ความคิดเห็น