ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เผลอใจรัก....(ซาตาน)

    ลำดับตอนที่ #9 : เข้าทาง.....ตามแผน

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 60




         หญิงสาวเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วกดหมายเลขที่ต้องการจะขึ้นไปเพื่อไปพบกับใครคนหนึ่ง
         หล่อนนอนคิดอยู่สองสามคืนกว่าจะตัดสินใจไปหาเขาที่อยู่ชั้นบนสุดของตัวอาคารซึ่งเป็นชั้นของผู้บริหาร
         และแน่นอนว่าก่อนที่จะได้พบกับเขาต้องพบกับเลขาของเขาก่อน มาริณีที่กำลังทำงานอยู่ถึงว่าจะเป็นเวลาพักเที่ยงแล้วแต่หล่อนก็ยังทำงานอยู่ เมื่อมาริณีเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นณัฐธิดายืนอยู่ตรงหน้าลิฟต์ไม่ยอมเดินไปทางไหน หล่อนก็เลยทักขึ้น
         "อ้าวคุณธิดา..มีอะไรเหรอเปล่าค่ะ"
         "เอ่อ....คือ.."
         "อ๋อหรือว่าจะมาพบพี่ภูค่ะ..พอดีเลยพี่ภูเขายังไม่ได้ออกไปทานข้าวเลยค่ะ"
         "ค่ะ..คุณริณี"
         "พี่ภูอยู่ในห้องค่ะเชิญคุณธิดาเข้าไปพบได้เลย ริณีขอตัวไปทานข้าวก่อนนะค่ะ" มาริณีพูดจบก็ยิ้มและเดินไปขึ้นลิฟต์ทันที
         หญิงสาวเดินมายืนอยู่หน้าห้องที่มีป้ายติดไว้ว่า ประธานกรรมการบริษัท หล่อนยกมือขึ้นค้างไว้แต่ยังไม่ได้เคาะประตู แต่แล้วประตูก็เปิดออกพร้อมกับใบหน้าของชายหนุ่มที่หล่อนต้องการมาพบ
         หญิงสาวทำหน้าตกใจต่างจากชายหนุ่มที่เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าหล่อนมาพบแต่รอหล่อนตั้งนานก็ยังไม่เห็นหล่อนเข้ามาสักทีเขาก็เลยต้องออกมาดู ทำไมเขาถึงรู้นะเหรอ ก็แม่เลขาตัวดีนะสิรีบโทรมาหาเขาบอกว่า
         "พี่ภูค่ะมีใครบางคนต้องการพบกับพี่ภูค่ะเธอยืนอยู่หน้าห้อง" แล้วก็วางสายไปเลย
         "คุณธิดา"
         "............." หล่อนก็ยังไม่กล้าพูดอะไรได้แต่มองหน้าเขาอย่างเศร้าๆ 
         เมื่อชายหนุ่มเห็นสีหน้าของหญิงสาวดังนั้นเขาก็รีบพาหล่อนเข้าไปในห้องแล้วเดินนำหล่อนมาที่โซฟารับแขก
         "มีอะไรหรือเปล่าครับหน้าคุณดูไม่ดีเลย"
         "คือว่าคุณภูดิส..." 
         "ครับ" หล่อนมองหน้าเขาแล้วตัดสินใจที่จะขอความช่วยเหลือจากเขา หลังจากที่ถอนหายใจออกมาหล่อนก็พูดขึ้น
        "คุณ...คือ...ดิฉันมีเรื่องจะมาปรึกษาคุณค่ะ"
         "เรื่องอะไรครับ"
         "คือเรื่องแต่งงานนะค่ะ"
         "คุณให้คำตอบผมได้แล้วเหรอ" เขาถามขึ้นแต่ได้รับคำตอบออกมาอีกอย่าง
         "คือตอนนี้ดิฉันกำลังมีปัญหาเรื่องเงินอยากจะขอให้คุณช่วย..แต่ดิฉันไม่ได้ขอให้คุณช่วยฟรีๆ หรอกนะค่ะ"
         หญิงสาวมองสีหน้าของชายหนุ่มว่าเขาจะมีปฎิกิริยาอย่างไรถ้าเขาโวยวายหล่อนก็จะหยุดแต่ที่ดูจากสีหน้าเขาตอนนี้แล้วเขาก็ยังทำสีหน้าปกติเหมือนกำลังคุยกับหล่อนเรื่องปกติทั่วไป หล่อนก็เลยพูดต่อ
         "คือคุณย่า..ไม่สิคุณหญิงท่านต้องการให้คุณแต่งงาน..ดิฉันก็จะแต่งงานกับคุณโดยการที่ดิฉันขอยืมเงินคุณจำนวนหนึ่ง..ที่ดิฉันแต่งงานกับคุณเพราะความสบายใจของคุณหญิงท่านและเป็นการให้คุณเชื่อว่าดิฉันจะไม่หนีไปไหน"
         จบประโยคณัฐธิดาก็โล่งใจแต่ก็ยังไม่แน่ว่าเขาจะทำตามที่หล่อนขอ ชายหนุ่มยิ้มให้กับหญิงสาวแล้วก็ตอบกับหล่อนไปว่า
         "ที่คุณพูดคือคุณต้องการยืมเงินผมจำนวนหนึ่งแลกกับการแต่งงาน"
         "ค่ะ"
         "เอาแบบนี้ไหม..คุณแต่งงานกับผมโดยที่เงินจำนวนนั้นเป็นเงินค่าสินสอดแทน"
         "คุณหมายความว่า.."
         "ครับ..ผมจะถือว่าเป็นเงินค่าสินสอดก็แล้วกันอีกอย่างคุณทำเพราะว่าช่วยผมและทำให้คุณย่าท่านสบายใจ"
              "แต่ว่า.."
              "เอาแบบนี้ดีแล้วครับ..ไม่ต้องคิดอะไรมาก"
         "ขอบคุณมากค่ะคุณภูดิส"
         "ไม่เป็นไรครับ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะขอ"
         "ค่ะ? ..บอกมาได้เลยค่ะดิฉันยินดีที่จะช่วยคุณ"
         "ไม่ถึงขนานนั้นหรอกครับ..ผมแค่อยากจะให้คุณช่วยเปลี่ยนศัพท์นามใหม่ เรียกผมว่าพี่ภู"
         "ขอเรียกแค่..คุณภูได้ไหมค่ะ"
         "งั้นช่วยเรียกพี่ภูเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณย่าท่านได้ไหม"
         "ก็ได้ค่ะ..คุณภู" เขายิ้มทั้งใบหน้าเมื่อหญิงสาวเอ่ยตกลงรับปากเขา

    .................................................................................................


         "นี่ธิดาเอาเงินมาจากไหน"
         ณัฐพงษ์มองถุงเงินที่น้องสาวของเขาเอามาวางไว้ตรงหน้า
         "พี่นัทไม่ต้องถามได้ไหมค่ะ..รีบเอาเงินไปให้เขาก่อนวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วไม่ใช่เหรอ"
         "เดี๋ยวค่อยไปก็ได้..เล่ามาก่อน..ไปเอาเงินมาจากไหน" 
         หญิงสาวถอนหายใจแล้วตัดสินใจเล่าให้พี่ชายฟัง
         "คิดดีแล้วเหรอที่ทำแบบนี้"
         "พี่นัทค่ะ..ให้ธิดาทำอะไรเพื่อคุณพ่อคุณแม่และพี่นัทบ้างเถอะค่ะ..ธิดารู้นะค่ะว่าพี่นัทเหนื่อยมากธิดาอยากจะช่วยพี่นัทบ้าง..ธิดาไม่อยากจะเสียบริษัทไป"
         "โธ่..ธิดา" ณัฐพงษ์ดึงน้องสาวเข้ามากอดเอาไว้
         หญิงสาวเล่าเฉพาะเนื้อๆ และตัดเอาส่วนนั้นออก เมื่อหญิงสาวคิดก็หน้าแดง หล่อนตกลงอะไรบางอย่างกับเขาเอาไว้
         หลังจากที่หล่อนเข้าไปเอาเงินจากเขาที่บริษัทเขาก็ขอสิ่งแลกเปลี่ยนไม่สิเขาเรียกว่ามัดจำต่างหากโดยการจูบ
         จูบของเขาช่างดูดดื่มยิ่งกว่าวันนั้น ตัวของหล่อนเองก็ยังไม่เคยกับชายใด หล่อนก็เพิ่งจะรู้ว่าผู้ชายกับผู้หญิงเขาจูบกันแบบไหน ที่หล่อนรู้ก็คือตอนนั้นเขาแค่จูบริมฝีบางหล่อนบาง ไม่ใช่จูบแบบดูดดื่มเหมือนจะกลืนหล่อนไปทั้งตัวเหมือนวันนี้ ถ้าหล่อนไม่ห้ามเขาและทำการตกลงกับเขาหล่อนคงเสร็จเขาจากห้องทำงานนั้นแน่ๆ
         ที่หล่อนตกลงกับเขาไว้ก็คือ ขอให้เรื่องนี้รู้กันแค่สามคน มีหญิงสาว ภูดิสแล้วก็มาริณี หล่อนไม่อยากให้ใครรู้ไปมากกว่านี้เมื่อเราต้องหย่ากันขึ้นมาหล่อนไม่รู้ว่าจะตอบคำถามยังไงดี
         และอีกอย่างที่หล่อนขอเขาคือหล่อนขอเวลาให้เราทั้งคู่ได้รู้จักศึกษาดูใจกันไปก่อนที่หล่อนจะตกเป็นของเขา หล่อนอยากมอบทั้งร่างกายและหัวใจให้กับคนที่หล่อนรักเมื่อเขาสามารถทำให้หล่อนรักเขาและเขารักหล่อนได้นั้นหล่ะคือครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขเหมือนที่คุณย่าท่านต้องการจะเห็น
         
    .................................................................................................


         "แน่ใจนะหนูธิดาว่าจะไม่จัดพิธีใหญ่โต"
         คุณหญิงมณีรัตน์ไม่เห็นด้วยที่ทั้งหลานชายและว่าที่หลานสะใภ้จะจัดงานแต่งแค่ภายในครอบครัว แต่ก็ขัดไม่ได้มากเพราะกลัวว่าหนูธิดาจะเปลี่ยนใจไม่แต่งกับหลานชายของตนก็เลยต้องยอม
         "ค่ะคุณย่า ธิดาว่าถ้าจัดใหญ่โตเกินไปมันจะเสียค่าใช้จ่ายเยอะนะค่ะ..ไหนจะการ์ด..ไหนจะชุดแต่งงาน..ไหนจะค่าอาหารค่าเครื่องดื่มอีกตั้งมากมายไม่ไหวค่ะเปลืองเงินเสียเปล่าๆ"
         เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งย่าและหลานต่างก็หัวเราะในความประหยัดของว่าที่เจ้าสาว หล่อนคงจะไม่รู้ตัวสินะว่าหล่อนกำลังจะแต่งงานกับใคร 
         "ธิดา..ธิดาคงจะลืมแล้วสินะว่าธิดากำลังจะแต่งงานกับใคร..พี่เป็นถึงเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่เชียวนะเงินแค่นี้ขนหน้าแข้งพี่ไม่ล่วงหรอก"
         "ไม่ได้ค่ะยังไงก็ต้องเสีย ถึงจะเสียมากเสียน้อย..อย่างขนหน้าแข้งพี่ภูพี่ภูก็ต้องเจ็บใช่ไหมค่ะ"
        "ครับครับยังไงก็ได้" เขาหัวเราะในความคิดของหญิงสาว สาวน้อยเอ๋ยคิดเสียน่ารักเชียว เขาเกือบจะเอื้อมมือไปคว้าร่างบางๆ ที่มีกลิ่มหอมๆ อยู่ข้างๆ มาหอมสักฟอด ถ้าไม่เห็นว่าคุณย่าเขายังอยู่
         
         พิธีจะจัดในอีกหนึ่งอาทิตย์ เหตุผลที่ต้องจัดให้เร็วก็เพราะว่าพี่นัทของหล่อนกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศจึงต้องจัดก่อนและฤกษ์ก็ถูกกำหนดขึ้นในวันนั้นด้วย
         "ตื่นเต้นไหมครับ"
         "นิดหน่อยค่ะ" หล่อนหน้าแดงเมื่อเขาจอดรถลงตรงหน้าบ้านหล่อนหลังจากที่เขาพาหล่อนไปดูชุดแต่งงาน ใบหน้าของเขาก้มต่ำลงมาหาหล่อนมาขึ้น มันทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ มันเต้นอย่างกับกล่องรัวเร็วๆ
         "ขอบคุณนะค่ะที่มาส่ง" ใบหน้าของเขาชะงักลงแล้วก็ต้องถอนหายใจ อดทนไว้ภูดิสยังไงหล่อนก็หนีเขาไม่พ้นแล้ว
         "เจอกันพรุ่งนี้ครับ"
         ทั้งเขาและหล่อนยังไปทำงานกันอย่างปกติ เมื่อเจอกันที่ทำงานเราก็ทักทายกันอย่างเจ้านายกับลูกน้อง
         "ธิดาเป็นไรอ่ะ..ไม่สบายหรือเปล่าหน้าแดงๆนะ"
         "เปล่าหรอกฉันสบายดี" นภาถามด้วยความเป็นห่วง
         แม้แต่นภาหล่อนก็ไม่อยากให้รู้เพราะนภาได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ สองปี ยังไงก็จะต้องไปแล้วไม่รู้เสียดีกว่า
         "ไปทานข้าวเถอะ"
         "อืม"
         ทั้งสองคนพากันไปทานอาหารที่โรงอาหารก็ได้เจอกับพวกพรพรรณกับสามสาวเข้าก็เลยขอนั่งด้วย
         "เจ๊..ฉันฝากเพื่อนฉันด้วยนะ"
         "ได้จ๊ะนภา..เธอไม่ต้องห่วง"
         "พวกเราก็จะช่วยดูแลธิดาด้วยอีกแรง"
         "ขอบใจมากเท่านี้ฉันก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว"
         "อย่าพูดอย่างนั้นสิ..แกไปแค่สองปีเองนะนภาไม่ได้ไปเป็นชาติเสียหน่อย" มลพูดขึ้น
         "ยัยมลเขากำลังอินกันอยู่แกก็มาพูดขัดคอทำไม" ก้อยขัดขึ้น
         "อ้าวเหรอ" มลทำหน้าเหรอหราไม่รู้เรื่อง
         "ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกเพื่อนรักแกนะกลับมาเมื่อไหร่อย่าลืมซื้อของฝากมาด้วยแล้วกัน"
         "อ้าวธิดาพูดเองซะงั้น" 
         ทั้งหมอต่างหัวเราะให้กันจนมีอีกกลุ่มหนึ่งอิจฉา
         "โอ้ยหัวเราะกันเข้าไป..ตลกตายล่ะ"
         เป็นพวกยัยสตอเบอร์รี่ แผนกประชาสัมพันธ์นั้นเอง
         "อย่าไปสนใจเลยเจ๊..พวกอิจฉานะ"
         "ไม่ใช่ตัวอิจฉาหรอกยังหนิง..ฉันว่ามันเป็นชะนีมากกว่าที่ร้องหาผัวนะฮะฮะฮะ" มลพูดพรางหัวเราะสะใจ
         "หนอยนังมลแกกล้วว่าฉันเหรอ"
         "อ้าวฉันพูดชื่อหล่อนออกมาเหรอย่ะ..ทำเป็นร้อนตัว"
         "ฝากไว้ก่อนเถอะ" แล้วก็เดินเชิดไป
         "แล้วอย่าลืมมาเอาคืนหล่ะเดี๋ยวจะเป็นสนิมหมดฮะฮะฮะ" มลตะโกนไล่หลังพร้อมเสียงหัวเราะ แต่มันกํทำให้ยัยนั้นกระทึบเท้าเต้นแร้งเต้นกาได้
         "อย่าไปสนใจเลยรีบทานข้าวดีกว่า"
         "จริงสิเจ๊..ฉันได้ข่าวมาว่าคุณภูเธอจะแต่งงาน"
         สิ้นเสียงก้อย ก็มีเสียงสำลักน้ำทันที
         "เป็นไรหรือเปล่าธิดา..ไม่ต้องรีบกินขนานนั้นก็ได้"
         "คือ..ไม่เป็นไร"
         "นั้นสิเจ๊..เห็นบอกว่าจัดกันอย่างเงียบๆ"
         "แล้วรู้หรือเปล่าว่าใครเป็นเจ้าสาว"
         "นั้นสิเจ๊ใคร"
         "เรื่องนี้..เจ๊ก็ไม่รู้สินะ..เพราะมันเป็นเรื่องของเจ้านายลูกน้องอย่างพวกเราไม่เกี่ยว"
         "แหมทำมาเป็นพูดดีไป..ตัวเองก็ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ยังมาประชดเป็นเสียงพี่โน๊ตอุดมอีก"
         "ก็ฉันบอกว่าไม่รู้ไง..เอาไว้จะถามคุณภูให้ถ้าเขาบอกนะ"
         "โฮเจ๊..วัยรุ่นเซ็งเลย"
         เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมาจากปากของหญิงสาวแต่มันก็ยังไม่ลอดพ้นจากสายตาของเพื่อนสาวที่ปรากฎรอยยิ้มออกมา ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าเพื่อนของหล่อนถอนหายใจทำไม


    .................................................................................................


    จบอีกตอนแล้วนะ
    กำลังสนุกเชียว
    มาช่วยกันติดตาม
    ตอนต่อไปนะก๋ากาอิอิอิ
         



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×