คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER VI
-
VI -
07.00
PM
หนึ่งทุ่มตรง
เป็นเวลาเลิกคลาสภาษาอังกฤษของมินจุนพอดิบพอดี
เขารีบเก็บชีทและเครื่องเขียนใส่กระเป๋า
คิดในใจว่าจะรีบแจ้นออกไปจากห้องให้ไปที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“เดี๋ยวก่อนสิคุณ
อย่าเพิ่งไป” แทคยอนเรียกมินจุนไว้เพื่อที่จะคุยธุระเกี่ยวกับละครเทวีตามที่นิชคุณไหว้วานมา
แต่มินจุนทำเป็นไม่สนใจ เขาสตาร์ทตัววิ่งอย่างเร่งรีบ
แต่เวรกรรมอะไรหนอทำให้เขาดันซุ่มซ่ามสะดุดขาโต๊ะเลคเชอร์ที่อยู่ตรงหน้า
แทคยอนรีบเข้าไปคว้าตัวมินจุนเข้ามาไว้ในอ้อมกอดก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะล้มหน้าคว่ำ
หน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
…ใกล้...
...ใกล้เกินไปแล้ว...
..ตึกตึก..ตึกตึก..
มินจุนอ้าปากค้างอึ้งในเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่สักพัก
ก่อนจะรู้สึกตัวได้ว่าควรผลักคนตัวสูงให้ออกห่างตัว
“ป..ปล่อยได้แล้ว”
มินจุนรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอย่างไม่เข้าใจเหตุผล นี่นอกจากเขาจะรู้สึกเขินแล้วเขายังใจเต้นกับไอ้แมวยักษ์นี่น่ะเหรอ
เขาเกลียดเกย์จะตาย แถมเขายังเกลียดความรักอีกต่างหาก ไอ้อาการใจเต้นนี่มันขั้นเบื้องต้นของความรักชัด
ๆ ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! เมื่อกี้เขาต้องมโนไปเองแน่
ๆ
แทคยอนที่เพิ่งตั้งสติได้ จึงปล่อยมินจุนออกจากอ้อมกอดตัวเองแล้วเกาหัวแก้เขิน
ถึงเขาจะตามสตอกเกอร์มินจุนมาได้หนึ่งปีเต็ม แต่เขาไม่เคยมีโอกาสได้ชิดใกล้กับมินจุนแบบเหตุการณ์เมื่อสักครู่เลย
ในใจน่ะดีใจจนอยากกระโดดโลดเต้นไปแล้ว แต่เขาก็เก็บอาการไว้
“ข..ขอบใจ”
มินจุนพูดออกมา แทคยอนแทบไม่เชื่อที่ตัวเองได้ยิน ว่าไงนะ มินจุนขอบคุณขา?
ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้ยินอะไรดี ๆ แบบนี้จากปากของคนตัวเล็กกว่าด้วย
“ม..มองหน้าหาเรื่องหรือไงเล่า!?
ไหนมีธุระอะไรก็ว่ามา” มินจุนแหวใส่แทคยอนที่มัวแต่จ้องหน้าเขาด้วยความอึ้งจนไม่ยอมพูดธุระออกมาสักที
“อ..อ๋ออ
ธุระของผมก็คืออยากให้คุณช่วยผมเกี่ยวกับงานต้อนรับเฟรชชี่ของมหาลัยน่ะ
เพื่อนผมมันขอร้องมาว่าต้องเป็นคุณเท่านั้นที่จะช่วยได้” มินจุนเอียงคอด้วยความสงสัยว่ามันอาจจะเป็นแผนชั่วร้ายของไอ้แมวยักษ์ตรงหน้า
“แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วย
ฉันไม่ได้มีความพิเศษอะไรที่จะต้องมาเจาะจงขนาดนั้นเสียหน่อย”
“ถ้างั้นคุณช่วยตามผมมาที่ห้องประชุมสภานักศึกษาหน่อยแล้วกัน
แล้วผมจะบอกว่าทำไม”
.
.
.
หน้าห้องประชุมสภานักศึกษา
นิชคุณเดินออกมาจากห้องประชุมสภานักศึกษาหลังจากที่ประชุมเสร็จ
เขากำลังคิดหนักว่าเพื่อนรักของเขาจะสามารถโน้มน้าวคิมมินจุนให้มาช่วยเขาเรื่องละครเวทีได้จริงหรือไม่
ระหว่างนี้เขาก็ควรจะคิดแผนสำรองไว้ก่อนสินะ
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด
ก็มีเสียงโวยวายดังขึ้น ทำให้เขาหลุดออกจากห้วงความคิด
“เมื่อไรนายจะปล่อยมือฉันซะที
ห๊ะ!? เดินจนถึงห้องประชุมแล้วไม่เห็นหรือไง” เสียงโวยวายของคนที่นิชคุณเดาว่าน่าจะเป็นมินจุน
แทคยอนที่ตอนแรกแกล้งจับมือมินจุนไว้แน่นเมื่อเห็นว่าถึงที่หมายแล้วอย่างที่อีกคนบอก
จึงยอมปล่อย
“อ้าวคุณนี่~ นี่ไงมินจุนที่ฉันบอกว่าจะให้มาช่วย”
แทคยอนเพิ่งสังเกตเห็นนิชคุณที่ยืนอยู่บริเวณนั้นจึงทักขึ้นพร้อมแนะนำมินจุนให้นิชคุณ
“สวัสดีจุนซู..
เอ ไม่สิ มินจุนสินะ ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่ฉันย้ายบ้านครั้งนั้น
ยังจำฉันได้อยู่หรือเปล่า” นิชคุณหันไปสวัสดีมินจุนที่กำลังทำหน้าเหยเกกับการทะเลาะตบตีกับแมวยักษ์
“นั่งก่อนสิ”
นิชคุณพาแทคยอนและมินจุนไปนั่งตรงโซฟาหน้าห้องประชุม
“คุณนี่?
งั้นเหรอ” มินจุนทำหน้าครุ่นคิด พอมีท่าทีเหมือนจะนึกออกจึงพูดขึ้น “นิชคุณ?
คุงคุง? ไม่เจอกันนานเลย เป็นยังไงบ้าง?” มินจุนยิ้มอย่างดีใจที่เจอเพื่อนบ้านเก่าอย่างนิชคุณ
จึงพุ่งเข้าไปสวมกอดเพื่อนเก่าอย่างรวดเร็ว ตบบ่าอีกคนสองสามครั้ง ก่อนจะคลายกอดออก
“ตามปกติก็สบายดีล่ะนะ
แต่ช่วงนี้จะยุ่ง ๆ เรื่องงานเกี่ยวกับละครเวทีที่อยากให้นายช่วยนั่นล่ะ
คิดว่านายน่าจะกำลังอยากทำ” นิชคุณยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาขำ ๆ
“แหม
ถ้าฉันไม่ช่วยเพื่อนอย่างนาย ฉันก็จะเป็นเพื่อนที่ใจร้ายเกินไปแล้ว ฮ่าๆ”
มินจุนตอบอย่างรู้ทัน นิชคุณก็เป็นเพื่อนเขา และตัวเขาเองก็ต้องการที่จะทำละครเวทีอยู่แล้ว
“งั้นเรื่องนี้ฉันให้นายตัดสินใจเองทั้งหมดเลยแล้วกัน
ว่าจะเล่นเรื่องอะไร ใช้ใครแสดง ฉากแบบไหน ถ้ามีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือก็ติดต่อมาได้ตลอดนะ”
มินจุนยิ้มกว้าง น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ทำละครเวทีด้วยตัวเอง
แถมเขายังได้กำหนดรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่างเองด้วย
“อ้อ
ฉันอยากให้ละครใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วก็ถ้าฉันจะขอดูบทละครภายในอีก 1
อาทิตย์ นายพอจะทำได้ไหม?” นิชคุณบอกรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวลา รวมถึงลองเสนอเวลาให้มินจุนได้จัดการกับบทละคร
เขาอยากเร่งงานตรงนี้ให้เสร็จไว ๆ เพื่อที่จะได้ไปจัดการเรื่องอื่นในเทศกาลรับน้องต่อ
“นายดูถูกฉันไปรึเปล่า
คุงคุง~ แค่บทละคร สำหรับฉัน 3 วันก็เสร็จแล้ว” มินจุนพูดโอ้อวดขึ้นมา มันเป็นงานที่ง่ายสำหรับเขาเอาเสียมาก
ๆ
เพราะเขาศึกษาเกี่ยวกับละครเวทีด้วยตัวเองมาตลอดเพื่อรอที่จะมีโอกาสได้ลงมือทำจริง
ๆ
“แหม
ฉันเลือกคนไม่ผิดเลยจริง ๆ ” นิชคุณตอบยิ้ม ๆ
“ว่าแต่นายรู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังอยากทำละครเวที?”
มินจุนเพิ่งสังเกตความผิดปกติของนิชคุณได้จึงถามออกไป
เขาไม่น่าจะเคยบอกใครว่าเขาอยากทำละครเวทีนะ นิชคุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?
“อ..เอ่อ..” นิชคุณเหล่ไปทางแทคยอนเพื่อขอความช่วยเหลือ
“หรือว่าจะเป็น...นาย?”
มินจุนทำท่าครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะชี้ไปทางแทคยอน “นี่นายสตอกเกอร์ฉันเหรอ? ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต!” มินจุนเดาออกเพียงเหตุผลเดียวที่พอจะมีความเป็นไปได้
ก็คือแทคยอนต้องคอยแอบสืบเรื่องส่วนตัวของเขาอยู่เป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเข้าไปทุบตีแทคยอนโดยไม่ยั้ง
“เดี๋ยวก่อน
โอ้ย!
คุณ ใจเย็น ๆ ก่อน!” แทคยอนที่ถูกมินจุนทุบตีได้พยายามที่จะเจรจาสงบศึกกับคนตัวเล็กกว่าข้างหน้าแต่ไม่เป็นผล
นิชคุณที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงแอบยิ้มออกมา
‘น่ารักดีเหมือนกันนะคู่นี้.. ถ้าลงเอยกันได้คงจะดี’ เขาคิด
ความจริงเขาก็แอบเชียร์แทคยอนอยู่เงียบ ๆ นั่นแล หลายครั้งที่เขาเห็นแทคยอนทำหน้าเหมือนคนมีความรัก
รวมถึงชอบแอบขับรถตามใครสักคนอยู่ หรืออาการที่เรียกว่าสตอกเกอร์นั่นแหละ
เขาก็เพิ่งจะตรัสรู้ก็วันนี้ว่าคนที่แทคยอนแอบชอบคือคิมมินจุน
เพื่อนสมัยเด็กของเขา สงสัยงานนี้เขาจะไม่เป็นพ่อสื่อให้ก็ไม่ได้แล้ว J
เอ้อ
ห่วงแต่จะเป็นพ่อสื่อให้คนอื่น เขาลืมที่จะถามเกี่ยวกับ ‘รักแรก’ ของเขาไปเสียสนิทเลย
“ว่าแต่
มินจุน นายยังติดต่อกับจุนโฮอยู่ไหม?”
“หืมม
อย่าบอกนะว่านายยังชอบจุนโฮอยู่เหมือนแต่ก่อนน่ะ~” มินจุนไม่ตอบคำถามแต่ยิงคำถามกลับเพื่อแซวนิชคุณแทน
“ก..ก็ไม่รู้สิ
ฉันไม่ได้มองคนอื่นเลยนี่นา”นิชคุณทำท่าทางเขินอายเล็กน้อย
มินจุนเห็นท่าทางเขินของเพื่อนแล้วก็อดแกล้งไม่ได้
“จุนโฮไม่ได้เรียนที่นี่หรอก”
มินจุนแกล้งพูดโกหกออกไปเพื่อดูปฏิกิริยาของนิชคุณ ก็เป็นไปตามที่เขาคาด
นิชคุณทำหน้าผิดหวังขึ้นมาทันที
“นี่คุณ
แกล้งเพื่อนแบบนี้ไม่ดีนะ” แทคยอนหันไปดุมินจุน จึงโดนอีกคนทำหน้าจิ๊จ๊ะใส่
“คุณนี่
จุนโฮน่ะเรียนอยู่ที่นี่ เป็นรูมเมทมินจุนอยู่หอที่ฉันดูแลอยู่นั่นล่ะ” แทคยอนแจกแจงความจริงให้นิชคุณฟัง
สีหน้าของนิชคุณดูดีขึ้น
“เอาล่ะ
ๆ นี่ก็ค่ำมากแล้ว ฉันสองคนกลับหอก่อนนะ นายก็ดูแลตัวเองด้วย อย่าหักโหมล่ะ”
แทคยอนบอกนิชคุณก่อนจะจับแขนมินจุนให้ลุกขึ้น
“เดินทางดี
ๆ นะ แทคยอนฝากดูแลมินจุนด้วย” นิชคุณแอบชงก่อนจะโบกมือบ๊ายบายทั้งสองคน
เมื่อเดินออกมาจากตึกสภาแล้ว มินจุนซึ่งครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ใจเต้นที่เกิดขึ้นวันนี้อยู่นานก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเขาไม่ควรจะใกล้ชิดแทคยอนอีกต่อไป
ไม่เช่นนั้นไอ้เหตุการณ์แบบนั้นมันอาจจะเกิดขึ้นอีก สิ่งที่มินจุนกลัวที่สุดคือใจตัวเอง
เขาพร่ำบอกตัวเองว่าจะไม่มีความรักโดยเด็ดขาด
“ฉันจะกลับคนเดียว!”
เขาตะโกนขึ้นก่อนจะสลัดมือของแทคยอนออก
“อ้าวคุณ
ปลายทางก็ที่เดียวกัน จะกลับคนเดียวทำไม?” แทคยอนถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ฉันไม่อยากกลับกับนาย!
เลิกมารังควานฉันสักทีจะได้ไหม!? ฉันรำคาญ!
ให้ฉันมีชีวิตที่สงบสุขทีเถอะ!” มินจุนกระแทกเสียงใส่แทคยอน
“....”
“....”
“ผมทำให้ชีวิตคุณแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ...”
แทคยอนตัดพ้อ เขาเริ่มจะรู้สึกน้อยใจแล้ว ตามปกติแทคยอนคนที่มองโลกในแง่ดีเอาเสียมาก
ๆ แต่ถ้าโดนพูดใส่แบบนี้ทุกวันขนาดนี้ก็ต้องมีบ้างที่จะท้อแท้ ความคิดที่ว่า ‘หากเขาหายไปจากชีวิตของมินจุน อาจจะดีกว่านี้ก็ได้’
เริ่มเข้ามาแทรกในสมองของอ๊คแทคยอน
ความเศร้า
ความน้อยใจของแทคยอนได้ถูกแสดงออกมาทางสีหน้า มินจุนไม่เคยได้เห็นมาก่อน
มินจุนทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์แบบนี้เลย เขาทำเกินไปหรือเปล่านะ? เขาควรจะขอโทษแทคยอนที่พูดแรงเกินไปหรือเปล่า?
“แย่จัง
ผมชอบคุณมาก็ตั้งปีกว่า โดนด่าโดนว่ามาก็ตั้งนาน แต่ไม่รู้ทำไม ไม่มีวันไหนเจ็บเท่าวันนี้เลยนะ
ฮ่าๆ” น้ำใส ๆ ไหลออกมาจากดวงตาของแทคยอน เขาพยายามหัวเราะกลบเกลื่อนความเสียใจนี้ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
บ้าจริง
ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะดีใจที่แทคยอนจะออกไปจากชีวิตเขาสักที
แต่ทำไมกลับรู้สึกตรงกันข้ามนะ...
.
.
.
ห้องพักฮวางชานซอง
หลังจากลงจากรถ
ชานซองจับแขนจุนโฮแน่นประหนึ่งจะมีคนมาฉุดเมดของตนไป แล้วก็ลากขึ้นมายังห้องพักของตนเพื่อทำการ
‘ลงโทษ’
“ป..ปล่อยได้แล้วค่ะ
นายท่าน ฉ..ฉันไม่หนีไปไหนหรอก” จุนโฮเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย เพราะชานซองห้ามเขาบ่นว่าเจ็บ
เป็นเหตุผลให้เขาต้องพยายามใช้มารยา(?)พูดจาหว่านล้อมให้ชานซองปล่อยมือจากแขนของเขา
ไม่เช่นนั้นอาจจะหักคามือคนตัวสูงได้
“โอ้
พูดออกมาเองแฮะว่าจะไม่หนี หึ ก็ดี เพราะถ้าฉันเห็นว่าเธอคิดจะหนี
ฉันจะสั่งให้ลูกน้องไปจับเธอมาทรมานให้เข็ดเลย”
“กอดอก
หันหลังไป” ชานซองสั่งเสียงเรียบ จุนโฮได้แต่ทำตามอย่างเงียบ ๆ
เพราะไม่รู้ว่าถ้าขัดขืนแล้วจะเจอกับอะไรบ้าง
ชานซองหยิบไม้เรียวที่ทำจากไม้ไผ่ยาวประมาณหนึ่งเมตรออกมาจากนั้นฟาดเข้าไปที่ก้นของจุนโฮอย่างสุดแรง
‘เพี๊ยะ!’
“นี่คือบทลงโทษที่เธอกัดลิ้นฉัน” ชานซองง้างไม้เรียวเตรียมจะฟาดอีกครั้ง
‘เพี๊ยะ!’
“ส่วนนี่ สำหรับที่เธอชกหน้าฉัน ถ้าคราวหน้าเธอทำให้ฉันเจ็บตัวอีกจะโดนหนักกว่านี้
จำไว้...”
จุนโฮถึงกับน้ำตาไหลเพราะความแสบ
แต่เขารู้ตัวว่าการเงียบจะส่งผลดีกว่าการโวยวายออกไป เขาควรจะทำตัวให้ชินใช่ไหม?
พี่มินจุนบอกให้อดทนก็ต้องอดทนให้ได้สิ! เขาลูบบั้นท้ายตัวเองปอยๆ
ชานซองทำโทษเขาแบบนี้ไม่ต่างกับเขาเป็นเด็กดื้อที่โดนคุณครูทำโทษเลย ว่าแต่คนสติดีที่ไหนเขาเก็บไม้เรียวไว้ในห้องพักตัวเอง?
จุนโฮทำท่าทางจะเดินออกจากห้องของชานซอง
แต่ก็โดนชานซองขัดขึ้น
“จะไปไหน?
คืนนี้เธอต้องนอนที่นี่ ฉันให้เลือกระหว่างนอนบนเตียงกับฉั...”
“ไม่ค่ะ!”
ชานซองยังพูดไม่ทันจบจุนโฮสวนขึ้นมาทันที เขาเดาว่าอีกตัวเลือกหนึ่งคงเป็นนอนบนโซฟารับแขกสินะ
“หืมม
อยากโดนล่ามโซ่ให้นอนตรงระเบียงแทนเตียงงั้นหรือ? ได้เลยครับคุณเมด J”
ชานซองแสยะยิ้มออกมาอย่างสะใจ เขาคิดไว้อยู่แล้วว่า หากเลือกได้ จุนโฮจะไม่นอนบนเตียงกับเขาแน่นอน
เขาจึงพูดทางเลือกอื่นที่น่าจะทำให้จุนโฮเปลี่ยนใจขึ้นมา
“ก..ก็ยังดีกว่านอนเตียง” จุนโฮพูดขึ้นมา เขานึกว่าจะให้นอนโซฟาแทนเสียอีก แต่ลืมไปว่านี่คือชานซองผู้โรคจิต ไม่มีทางให้เขาได้นอนสบายแบบที่คิดแน่นอน
ชานซองเห็นว่าจุนโฮไม่ยอมเปลี่ยนใจ
เลยจัดการหยิบโซ่ที่ใช้สำหรับล่ามสุนัขที่อยู่ในลิ้นชักมาคล้องคอจุนโฮไว้ แล้วล่ามไว้กับเหล็กกั้นระเบียงข้างนอก
จุนโฮมองไปยังระเบียงที่ตัวเองต้องนอนในคืนนี้
ก่อนจะถอนหายใจออกมา พื้นก็เย็น หมอนผ้าห่มก็ไม่มี พรุ่งนี้ตื่นมาต้องไม่สบายแน่ ๆ
จะมีอะไรแย่ไปกว่าการเป็นเมดของชานซองอีกไหม
“ลืมบอกไป
ข้างนอกยุงเยอะมาก หวังว่าจะไม่มาอ้อนวอนขอนอนบนเตียงกับฉันทีหลังนะ J” จากนั้นชานซองก็ปิดประตูกระจกพร้อมล็อกจากข้างใน
.
.
.
TO
BE CONTINUE
.
.
.
TALK
ตอนนี้แต่งหลายวันมากกกกกก
ไม่ใช่อะไร
ว่างวันละไม่กี่ชั่วโมงแล้วมานั่งแต่ง
ฟิลลิ่งแต่ละวันก็ไม่เหมือนกันไง
พอเอามารวมกันก็มึน
ๆ
ถ้าใครคิดว่าตอนนี้อ่านงง
ๆ สรุปพล็อตมันจะยังไงของมัน
บอกได้นะคะ
จะรีไรท์ใหม่ทั้งตอนเลย TAT
เบลอจริงไรจริง
ป.ล. เอาแฟนอาร์ตมาเสิร์ฟค่ะ ชั่ววูบอีกแล้ว ถถถถถถถ
ความคิดเห็น