ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [2PM] CNN : I'M YOUR MAN

    ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER V

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 58


    CHAPTER V

    ห้องพักอาจารย์แทคยอน

              ‘ก๊อก ก๊อก

              เสียงเคาะประตูกระจกใสดังขึ้น อาจารย์หนุ่มผิวเข้มชูคอชะเง้อมองอีกด้านของกระจกใสก็พบว่าเป็นประธานสภานักศึกษาชาวต่างชาตินั่นเอง

              “เข้ามานั่งก่อนสิแทคยอนเดินไปเปิดประตูให้นิชคุณเดินมานั่งบนโซฟารับแขก

              “แทค ฉันมีเรื่องจะปรึกษาเสียงนุ่มทุ้ม สำเนียงแปร่ง ๆ เอ่ยขึ้น

              “ว่าไงล่ะ คุณนี่~” แทคยอนเรียกประธานสภานักศึกษาผู้ซึ่งอายุเท่ากันอย่างสนิทสนม

              “เรื่องงานต้อนรับเฟรชชี่ของมหาลัยปีนี้น่ะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะจัดกิจกรรมอะไรดี จริง ๆ คิดออกแค่เรื่องละครเวทีนะ ฉันอยากให้มีละครเวทีเหมือนเมื่อหลายปีที่แล้วน่ะ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี ฉันไม่มีความรู้ด้านนี้เลย” นิชคุณพูดอย่างตัดพ้อ

              พอนิชคุณพูดถึงเรื่องละครเวทีขึ้นมา แทคยอนกลับนึกถึงคนอาร์ตตัวพ่ออย่างคิมมินจุนขึ้นมาเสียดื้อ ๆ

              “นายรู้จัก คิมมินจุนคณะศิลปกรรม ปีเดียวกับนายไหม คุณ?” แทคยอนหยิบโทรศัพท์มือถือคู่ใจขึ้นมาเปิดรูปมินจุน(ที่ตัวเองเคยแอบถ่ายไว้)ให้นิชคุณดู “คนนี้ ๆ”

              “หน้าคุ้น ๆ แฮะ” นิชคุณหรี่ตามองรูปในโทรศัพท์ของแทคยอนใกล้ ๆ ก่อนจะพูดต่อ

              “เอ คุ้น ๆ เหมือนจะเป็นเพื่อนบ้านสมัยเด็กของฉันเลย นายรู้จักด้วยเหรอ? แต่เท่าที่ฉันรู้จัก เขาชื่อจุนซูนี่นา” นิชคุณทำหน้าฉงนด้วยความสงสัย เพื่อนบ้านคนนี้เขาไม่ได้เจอเป็นสิบกว่าปีแล้ว ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกับกิจกรรมต้อนรับเฟรชชี่ที่เขาตั้งใจจะจัดกันนะ

              “จะชื่อไหนก็คนเดียวกันนั่นล่ะ หมอนั่นเปลี่ยนชื่อเมื่อปีที่แล้ว แต่มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก ที่ฉันต้องการจะสื่อก็คือ นายลองไปติดต่อให้มินจุนช่วยนายเกี่ยวกับงานนี้ดีไหม? ฉันแอบสืบมาว่ามินจุนน่ะอยากทำละครเวทีมาตั้งนานแล้วแต่ยังหาโอกาสไม่ได้” สำนักข่าวแทคยอนคมชัดลึกรายงาน เขารู้ลึกรู้จริงในรายละเอียดของบุคคลที่ตัวเองตามสตอกเกอร์มาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม

              นิชคุณทึ่งในความขี้เผือกของเพื่อนตัวเองก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงสาเหตุที่เพื่อนรักของเขารู้ลึกรู้จริงขนาดนี้ เขาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้แทคยอนก่อนจะพูดขึ้น

              “อ๋อออออออ คนนี้นี่เองที่นายตามจีบ แล้วก็เรื่องเรื่องละครเวทีน่ะ ติดต่อมินจุนให้หน่อยนะ ขอบใจนายมาก”

              “ได้เลยเพื่อน ฉันกำลังจะไปสอนคลาสของมินจุนพอดีเลย อาจารย์จินยองจะต้องไปต่างประเทศหลายอาทิตย์ เลยให้ฉันสอนแทนจนกว่าจะจบเทอมน่ะ คิคิ” แทคยอนหัวเราะคิกคักอย่างน่าหมั่นไส้ ก่อนจะเดินเข้ามาตบไหล่นิชคุณเบา ๆ แล้วโบกมือให้ “ไปก่อนนะ”

              หลังจากแทคยอนเดินออกไปจากห้องพักอาจารย์แล้ว นิชคุณกลับมาย้อนคิดกับตัวเอง ถ้ามินจุนเรียนที่นี่ แล้วคน ๆ นั้นที่เป็น รักแรกของเขาล่ะ จะเรียนอยู่ที่นี่ด้วยไหม?

              “พี่คิดถึงนายจัง จุนโฮ จะได้เจอกันไหมนะ?” นิชคุณพึมพำเบา ๆ กับตัวเองพลางนึกถึง รักแรกของเขาแล้วยิ้มออกมา ก่อนจะเดินออกจากห้องพักอาจารย์ไปจัดการธุระของตัวเองต่อ

              .

              .

              .

    Junho’s Part

    05.37 PM

              ผมพยายามลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าออกไปให้หมดสิ้น แต่มันก็ยังออกไปได้ไม่หมดสักทีว้อยยยยยยยย พ่นไฟได้ทำไปแล้วครับ ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงหลังจากนอนพักผ่อนตั้งแต่เช้า พลางมองตารางรับน้องที่แปะอยู่บนหัวเตียง

              “แย่แล้ว!!!” ผมอุทานขึ้นอย่างตกใจ วันนี้มีกิจกรรมรับน้องของคณะตอน 4 โมงเย็นนี่นา แล้วนี่ผมหลับยาวมาจนถึง 5 โมงครึ่งแบบนี้ ตายครับ ตายแน่ ๆ พี่มินจุนสปอยมาว่ามหาลัยแห่งนี้ต้องเข้ากิจกรรมเพื่อเก็บหน่วยกิจกรรมให้ครบ 60 หน่วย (3 ชั่วโมง = 1 หน่วย) ไม่งั้นเขาจะไม่ให้ทำเรื่องจบการศึกษาครับ และพวกกิจกรรม ถ้าไม่เข้าตอนปี 1 ให้ครบ ปีสูง ๆ ขึ้นไปจะหาเก็บหน่วยกิจกรรมยากมาก ดังนั้นวันนี้ผมจะโดดไม่ได้เด็ดขาด

              ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นจากเตียงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดวอร์ม เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากหอ แล้วก็รีบแจ้นตรงไปรอรถที่ป้ายรถบัสฟรีเลยครับ วันนี้ที่ต้องขึ้นรถบัสไปเพราะเป็นกิจกรรมที่จัดที่คณะครับ แล้วคณะนิติศาสตร์ที่ผมเรียนอยู่เนี่ย เสือกอยู่โคตรไกลจนผมนึกว่าจะแยกเป็นอีกวิทยาเขตหนึ่งของมหาลัยแล้ว วันนี้พี่มินจุนเอารถไป ไม่สามารถมาส่งผมที่คณะได้ ดังนั้นวันนี้ผมต้องขึ้นรถบัสฟรีของมหาลัยไปเอง

              รถบัสสายสีส้มชะลอมาจอดตรงป้ายที่ผมรออยู่ ผมเห็นคำว่า คณะนิติศาสตร์บนตัวคนรถบัสก็รีบวิ่งขึ้นไปนั่งบนรถเลยครับ กลัวแกไปก่อน เหมือนลุงคนขับจะเห็นว่ามีผมขึ้นคนเดียว แกก็เลยออกรถไปเลย

              ลุงครับ ถ้าลุงจะขับช้าขนาดนี้ ผมเดินไปก็ได้ครับ คือสิ่งที่ผมอยากพูดมาก แต่ผมเกรงใจ ผมมองวิวระหว่างที่รสบัสกำลังแล่นช้า ๆ ไปยังคณะที่ผมเรียนอยู่ ตอนนี้ยังไม่ค่ำมาก แต่ถ้าค่ำๆ ดูท่าทางจะเปลี่ยวเหมือนกันนะเนี่ย ถ้ามีผู้หญิงมาเดินค่ำ ๆ มืด ๆ นี่โดนฉุดได้เลย ...นึกถึงเรื่องโดนฉุด อยู่ดี ๆ ก็นึกถึงริมฝีปากของชานซองขึ้นมาเสียเฉย ๆ แล้วทำไมผมต้องนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าด้วย โอยยยย แย่แล้ว จุนโฮเอ้ย ลบมันออกไปจากหัวเดี๋ยวนี้ หมอนั่นมันโรคจิต แกจะไปถือสาคนโรคจิตแบบนั้นทำไม มันไม่ได้ตั้งใจจะจูบแกด้วยซ้ำว้อยยย ตั้งสติ! ผมนั่งกุมขมับตัวเอง ปล่อยวางสิปล่อยวางไม่เป็นรึไงอีจุนโฮ!

              “บักหำ ฮอดคณะนิติแล่ว สิลงบ่ (ไอ้หนู ถึงคณะนิติแล้ว จะลงไหม)” ผมสะดุ้งอย่างแรงเพราะตกใจ หลังจากลุงคนขับพูดภาษาถิ่น แกสะกิดผมที่กำลังกุมขมับอยู่

              “ล..ลงนี่แหละครับลุง” ผมตอบอย่างอึกอักเพราะตั้งตัวไม่ทัน ตกใจหมดเลยลุง

              ผมเดินมายังลานจามจุรีที่จัดกิจกรรมรับน้องในวันนี้ก็เห็นว่าเพื่อน ๆ เขาได้เริ่มทำกิจกรรมกันไปแล้ว ผมจึงคิดหาวิธีที่จะตีเนียนเดินเข้าไป ด้วยความไม่อยากพี่ ๆ โดนทำโทษ แค่ผมโดนชานซองทำโทษผมก็ขยาดกับคำนี้แล้ว

              ผมเห็นว่าเพื่อน ๆ จัดแถวกัน 5 แถว ผมจึงค่อย ๆ วิ่งไปต่อแถวเพื่อนที่อยู่ข้างหลังของแถวซ้ายสุด เนียนประหนึ่งว่ามาตรงเวลา ก่อนจะทำท่าทำทาง เต้นตามเพื่อนที่อยู่ข้างหน้า

              “นาย ๆ น่ากิน เอ้ย! น่ารักจัง ชื่ออะไรเหรอ?” เพื่อนผู้หญิงร่างยักษ์ที่อยู่หลังสุดของแถวข้าง ๆ กระซิบถามผมด้วยท่าทางเหมือนต้องการจะจับผมทำสามี ผมทำหน้าเหวอใส่เพื่อนคนนั้นอย่างแรง นี่ผมควรจะตอบว่าอะไรดี ผมไม่ควรตอบใช่ไหม ผมไม่อยากโดนยักษ์กิน ฮรือออ //เพ้อเจ้อ

              “ถ้านายไม่บอกชื่อ ฉันจะฟ้องรุ่นพี่นะ ว่านายมาสาย ฉันรู้ ฉันเห็น โฮ๊ะๆ” เพื่อนหญิงยักษ์(?) คนนั้นขู่อย่างรู้ทันในความผิดของผม

              “จ..จุนโฮ ผมชื่อ อีจุนโฮ” ในขณะที่เนียนเต้นตามคนอื่นอยู่ ผมก็ตอบแบบไม่กล้ามองหน้าเธอครับ น่ากลัวมากจริง ๆ

              “หึหึ น่ารักถูกใจเจ้จริง ๆ ค่ะ เจ้ชื่อ...”

              “อีจุนโฮ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ก่อนที่เพื่อนหญิงยักษ์จะแนะนำตัว ผมได้ยินเสียงทุ้มต่ำอันน่าสยองขวัญตะโกนเรียกชื่อผมอย่างดัง จนทุกสายตาต้องจับจ้องไปที่เขาคนนั้นก่อนที่จะมองมาที่ผม ผู้โดนเรียก ..คนตะโกนก็คือฮวางชานซองนั่นเอง แย่แล้ว ไม่ได้เตรียมใจมา ทำไมไม่โดดไปเลยนะวันนี้ ลืมไปเลยว่าหมอนี่อยู่คณะเดียวกัน

              “พวกแก หมอนี่มันมาเข้ากิจกรรมช้า เอาไปลงโทษให้หนัก ๆ” ชานซองพูดกับรุ่นพี่สต๊าฟที่ยืนงงอยู่พลางชี้มาที่ผม ก่อนที่รุ่นพี่เหล่านั้นจะเข้ามาเจรจากับชานซอง

              “ต..แต่ว่า กฎคณะเราห้ามลงโทษรุ่นน้องนะครับคุณชานซอง” ชานซองทำหน้าไม่พอใจรุ่นพี่คนนั้น ก่อนจะกัดฟันพูด

              “กฎคณะงั้นเหรอชานซองแค่นหัวเราะ แล้วกระชากคอเสื้อรุ่นพี่ผู้ชายคนนั้นเข้าหาตัว

              “ต..แต่ถ้าคุณชานซองอยากจะ อ..ออกจากกิจกรรม ไปลงโทษอีจุนโฮ ป..เป็นการส่วนตัว ก..ก็สามารถทำได้นะครับ” รุ่นพี่รีบพูดสิ่งที่เขาคิดว่าจะทำให้เขารอดชีวิตขึ้นมาทันทีเพราะรู้ว่าถ้าทำให้ลูกอธิการบดีคนนี้ไม่พอใจจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

              ผมหน้าซีดขึ้นมาในทันที ลงโทษส่วนตัวงั้นเหรอ? ถ้าให้เดา ตามปกติคือลากไปซ้อมสินะ แต่ในกรณีของผมมันปกติเสียที่ไหนกัน

              “หึ เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดดีนะ” ชานซองปล่อยคอเสื้อรุ่นพี่ ก่อนจะเดินมาทางผมแล้วจูงมือผมออกไปจากลานจามจุรี

              “น..นี่ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดต่อนายซะหน่อย ท..ทำไมจะต้องลงโทษฉันด้วย” ผมพยายามที่จะแกะมือชานซองออก แต่เหมือนความพยายามจะไร้ความหมาย ชานซองกลับบีบข้อมือผมแน่นขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บ

              “อ..โอ้ยย! เจ็บนะ!” ชานซองมองผมตาถลึง ก่อนจะดึงผมเข้าหาตัว

              “นายท่าน? หางเสียง?” ชานซองจ้องตาผมอย่างเอาเรื่อง

              “จ..เจ็บนะคะ น..นายท่าน ร..รบกวนช่วยปล่อ... โอ้ย!!!” ชานซองบีบข้อมือผมแรงขึ้นกว่าเดิม เจ็บจะตายอยู่แล้ว โอ้ย

              “เจ็บมากไหม?” บีบขนาดนี้ยังคิดจะถามอีกเหรอเนี่ย

              “จ..เจ็บมากค่ะ” อยากตอบว่า โคตรเจ็บโว้ย แต่ทำไม่ได้...

              “เจ็บอย่างนั้นเหรอ? ฉันไม่ได้สั่งให้เธอเจ็บ ก็ห้ามเจ็บ เข้าใจมั้ย J” ชานซองแสยะยิ้มให้ผม แล้วบีบแรงขึ้นกว่าเก่า ผมเจ็บจนน้ำตาเล็ด รู้สึกเหมือนกระดูกข้อมือซ้ายกำลังจะแหลกไปให้ได้ คนมันเจ็บยังจะบังคับให้ไม่เจ็บอีก เผด็จการที่สุดเลย!

              “ไหนตอบอีกทีซิ เจ็บมากไหม หืม?”

              “ม..ไม่เจ็บค่ะ ..ฮึก” ผมรู้สึกเจ็บจนสะอื้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว นี่จะตอกย้ำไปถึงไหนว่าผมเป็นทาสของชานซองน่ะ

              “ขึ้นรถซะ มีเรื่องที่ฉันยังไม่ได้เคลียร์กับเธออีกเรื่อง” ชานซองปล่อยข้อมือผมให้เป็นอิสระก่อนที่จะขึ้นไปนั่งรถฝั่งคนขับ

              End Junho’s Part

              .

              .

              .

              มินจุนกำลังนั่งหลับตารออาจารย์ภาษาอังกฤษมาสอนอยู่ เขารู้สึกดีใจมาก ๆ ที่เทอมนี้เขาสามารถลงเรียนกับอาจารย์คนอื่นได้สำเร็จ เขาไม่อยากเจอหน้าแทคยอนที่ชอบแกล้งเขา รู้ทั้งรู้ว่าภาษาอังกฤษเขาห่วยแตกขนาดหนักก็ยังจะให้ออกไปหน้าแตกที่หน้าชั้น แถมยังทำท่าทางอวดฉลาดใส่อีก จริง ๆ ถ้าเป็นอาจารย์คนอื่นที่อายุเยอะกว่ามันจะดูน่าฟังมากกว่านี้ แต่หมอนี่มันอายุเท่ากันไงเลยรู้สึกหมั่นไส้! ‘จงใจเยาะเย้ยฉันชัด ๆ มินจุนคิด นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องที่ชอบบอกว่าจะจีบเขาอีก เขาไม่ได้ชอบผู้ชายว้อย! ไม่คิดจะชอบด้วย! ยังรู้สึกขยะแขยงกับไอ้รูมเมทเกย์เมื่อปีที่แล้วไม่หายเลย ทั้ง ๆ ที่แทคยอนรู้ถึงความจริงข้อนี้อย่างดีเลยด้วยซ้ำ ก็ยังมิวายมาแกล้งอีก ไม่รู้แทคยอนชอบจริงหรือไม่จริงหรอกนะ แต่เขาไม่มีทางเอาผู้ชายขี้แกล้ง วัน ๆ เอาแต่ทำตัวสติออบซอคนนี้ทำแฟนแน่นอน!

              ว่าแต่เมื่อไรอาจารย์คนใหม่จะมาละเนี่ย เขาชักเริ่มง่วงจริง ๆ แล้วนะ...

              แทคยอนผู้แอบส่องมินจุนก่อนตัวเองเข้ามาสอน เมื่อเห็นว่าเหยื่อ(?)หลับ จึงเปิดประตูห้องเรียนเงียบ ๆ แล้วเอานิ้วชี้แนบปากส่งสัญญาณบอกให้นักศึกษาทั้งห้องเงียบ

              “ชู่ววว” แทคยอนย่องเข้าหาโต๊ะเลคเชอร์ที่มินจุนงีบอยู่อย่างเงียบ ๆ ก่อนจะ...

              “ตื่นได้แล้วคร้าบ!!” แทคยอนแกล้งตะโกนดัง ๆ ใกล้หูมินจุน

              “ห..เห้ยย!!!!” มินจุนสะดุ้งขึ้นมาตามเสียงของแทคยอน

              “ฮ่า ๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะของนักเรียนทั้งห้องดังขึ้นเมื่อเห็นปฏิกิริยาของมินจุน

              “น..นาย! มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉันจำได้ว่าลงเรียนกับอาจารย์จินยองนะ!” ทันทีที่ตั้งสติได้ มินจุนก็แว๊ดใส่คนตัวสูงกว่าทันที

              “ผมก็กำลังจะแจ้งเรื่องนี้ให้กับนักศึกษาคลาสนี้ทราบอยู่นี่ไงครับ ว่าอาจารย์จินยองจะมีธุระที่ต่างประเทศยาวเลยล่ะ ดังนั้นผมจะมาสอนแทนทั้งเทอมเลยครับผม ข่าวดีใช่ไหมล่ะ” แทคยอนเล่นมุขตลกกับนักศึกษาทั้งห้องเนื่องจากเป็นอันรู้กันว่าแทคยอนใจดีมาก ชอบปล่อยเกรดและสปอยข้อสอบให้ทราบก่อนตลอด ตรงข้ามกับอาจารย์จินยองที่ต่อให้ตั้งใจอ่านหนังสือมากเท่าไรก็ยังคว้าเกรด A ได้ยากยิ่ง

              แต่สงสัยจะมีมินจุนคนเดียวกระมังที่กลับไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นข่าวดีเลยแม้แต่น้อย ข่าวร้ายชัด ๆ จะปล่อยให้เขาอยู่แบบสงบสุขโดยที่ไม่มีไอ้บ้าสติหลุดนี่มาตามรังควานไม่ได้หรืออย่างไร

              มินจุนเก็บความไม่พอใจไว้ในใจ ในเมื่อความซวยมันเกิดไปแล้วก็มีแต่ต้องยอมรับมันและภาวนาให้ผ่านไปให้เร็วที่สุด เขาจะสนใจเพียงบทเรียนเท่านั้น จะไม่สนใจคนสอน

              จะไม่สนใจคนสอน

              จะไม่สนใจคนสอน

              จะไม่สนใจคนสอนได้ยังไงละโว้ยยยยก็เขาเล่นนั่งหน้าสุดเสียขนาดนี้ เปลี่ยนที่นั่งตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว แทคยอนก็เหมือนจ้องจะแกล้งเขาให้ออกไปตอบคำถามหรือไม่ก็พูดหน้าชั้นอยู่ตลอด เขาเลยได้แต่ส่งสารตาอาฆาตกลับไปทุกครั้งที่แทคยอนมองมา

              แทคยอนปล่อยให้นักศึกษาฝึกทำแบบฝึกหัดในบทเรียน จากนั้นก็เดินดูว่าแต่ละคนเข้าใจที่เขาสอนหรือไม่ เขาเห็นมินจุนส่งสายตาอาฆาตมาให้ไม่หยุดไม่หย่อนตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้วจึงตัดสินใจเดินมาใกล้ ๆ เพื่อกระซิบถาม

              “นี่คุณ ผมสอนไม่ดีเหรอ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” แทคยอนทำหน้ากังวลขึ้นมา

              “ทำไมต้องเป็นนายมาสอนแทนด้วย รู้ทั้งรู้ว่าฉันเกลียดขี้หน้านาย จงใจใช่ไหม?” มินจุนตัดสินใจกัดฟันกระซิบถามออกไปอย่างเหลืออด

              “ก็เพราะผมเป็นอาจารย์คนเดียวในหมวดภาษาอังกฤษที่ว่างคาบนี้ต่างหากล่ะ อย่ามองโลกในแง่ร้ายแบบนั้นสิ ผมไม่ได้ตั้งใจจะกวนคุณสักหน่อย” แทคยอนโกหกหน้าตาย ความจริงคือเขาทั้งตื๊อทั้งขอร้องสารพัดกว่าอาจารย์จินยองจะยอมให้เขามาสอนแทนในคลาสนี้ ถึงกับต้องสัญญาว่าจะไม่ใจดี จะไม่ปล่อยเกรดในคลาสนี้เลยทีเดียว แต่เรื่องอะไรเขาจะพูดความจริงล่ะ ขืนอีกคนรู้ได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่คุยกับเขาไปเป็นเดือนอีกจะแย่เอา

              “เหอะ ให้มันจริงเถอะ” มินจุนทำสายตาไม่เชื่อ แต่ก็ดูไม่ได้ใส่ใจอะไร

              .

              .

    07.00 PM

              หนึ่งทุ่มตรง เป็นเวลาเลิกคลาสภาษาอังกฤษของมินจุนพอดิบพอดี เขารีบเก็บชีทและเครื่องเขียนใส่กระเป๋า คิดในใจว่าจะรีบแจ้นออกไปจากห้องให้ไปที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

              “เดี๋ยวก่อนสิคุณ อย่าเพิ่งไป” แทคยอนเรียกมินจุนไว้เพื่อที่จะคุยธุระเกี่ยวกับละครเทวีตามที่นิชคุณไหว้วานมา

              แต่มินจุนทำเป็นไม่สนใจ เขาสตาร์ทตัววิ่งอย่างเร่งรีบ แต่เวรกรรมอะไรหนอทำให้เขาดันซุ่มซ่ามสะดุดขาโต๊ะเลคเชอร์ที่อยู่ตรงหน้า แทคยอนรีบเข้าไปคว้าตัวมินจุนเข้ามาไว้ในอ้อมกอดก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะล้มหน้าคว่ำ หน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ

    .

    .

    .

    - TO BE CONTINUE –

    v โปรดอ่านจิ้มบรรทัดข้างล่างเพื่ออ่านตอนพิเศษ v

    I’M YOUR MAN SIDE STORY – ANOTHER WORLD I


    TALK

    จบไปอีกตอนแล้วค่า เย้!!! ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และทุกวิวนะคะ >___<

    เราตอบทุกคอมเม้นต์เลยค่ะ ดีใจมาก ๆ ที่มีคนสละเวลาคอมเม้นต์ให้

    ส่วนคนที่แวะเข้ามาอ่านเฉย ๆ ไม่อยากเม้นก็ไม่เป็นไรนะคะ เราไม่ได้คิดมากอยู่แล้ว 555

    แต่เพียงถ้ารีดเดอร์คอมเม้นต์ให้เราสักนิดนึง เราจะได้ทราบข้อบกพร่อง ข้อดีข้อเสียของตัวเอง

    และจะได้นำมาปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะ ^^

    ป.ล. จบตอนนี้อยากให้อ่าน Side Story ภาค Another World ด้วยนะคะ

    ไม่ได้ลงในเด็กดีไว้เพราะว่าโง่ค่ะ ควายล้วน ๆ ไม่มีวัวผสมเลย 5555555555555

    ขออนุญาตลิ้งค์ไปบล็อกส่วนตัวนะคะ ^^

    ป.ล.2 ใครอยากชม อยากด่า อยากมีเพื่อนติ่ง อยากจ้างเราวาดรูป(?)

    ติดต่อได้ที่แอค @Aisenpie ในทวิตเตอร์เลยนะคะ

               

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×