กาดำคือหายนะที่จะพรากวิญญาณร่วงลงสู่ความมืดมิดแห่งชีวิต เพียงเพราะมันคือสีดำ...
สีดำที่ถูกตราหน้าว่าเป็นเครื่องรางแห่งความโชคร้าย
.......มันเป็นสีที่น่ารังเกียจเดียดฉันท์
.......มันเป็นหายนะของภูติผีปีศาจ...
......มันเป็นมนต์ดำของนางแม่มดร้าย...
....แล้วถ้าเกิดเป็นหงส์ดำล่ะ?....เรื่องจักลงเอยเช่นกาดำหรือไม่?
.
.
.
ครื่นนนน
สายลมกรรโชกแรงผลาญพรากเอาชีวิตของสัตว์ป่าทั้งหลายจนทั้งผืนดินเติมเต็มไปด้วยสีแดงฉานของเลือด
กลิ่นคาวอันน่าสะอิดสะเอียนกำลังลอยคละคลุ้ง
ชายหนุ่มนัยตาสีดำขลับไร้แสงสะท้อนกำลังยืนมองพวกสัตว์ป่าอย่างเฉยชา..มือข้างหนึ่งยื่นไปข้างหน้าก่อนจะกำฝ่ามือเข้าหากัน
ฉับพลัน! ลมที่บาดเฉือนเลือดเนื้อของสัตว์ผู้ไร้เดียงสาทั้งหลายก็มลายสิ้น
"ข้าจักช่วยพวกเจ้าได้เพียงเท่านี้...หากเกินไปข้าคงเดือดร้อนเสียเอง"
เขาเงยหน้าขึ้นมองผืนฟ้า... คืนนี้ไร้ดวงดาว...หากแต่จันทร์กลับเต็มดวงงดงามยิ่งนัก....
เป็นจันทร์สีเลือดจริงๆ..
... ข้าเกลียดมัน...มากพอกับที่มันทำลายข้า....
.
.
.
.
.
"ท่านนายพรานขอรับ คืนนี้ข้าคิดว่าดวงจันทร์มีสีแปลกกว่าทุกคืนนะขอรับ "
"ใยเจ้ากลัวอะไรไร้สาระเช่นนี้เล่า? "
นายพรานหนุ่มเอ่ยกับศิษย์คนสนิทที่ขี้ขลาดเกินกว่าจะมาเป็นพรานซะนี่
"ข้า...ข้าแค่รู้สึกว่ามัน..แปลกๆ คืนนี้ดึกแล้ว ไม่ออกจากกระท่อมนะท่านนะ"
ลำแขนแกร่งถูกเขย่าไปมาจนรู้สึกชาหนึบ ใบหน้าคมขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด
ยกฝ่ามือขึ้นแล้วใช้สันมือฟาดลงบนหลังคอของผู้ติดตามอย่างเลือดเย็น จนเขาล้มพับลงไปพร้อมกับดวงตาที่พร่าเลือน
"ท..ท่าน...ใจดำ "
พรานหนุ่มส่งเสียง หึ ในลำคอ เดินไปหยิบธนูและมีดพกโดยที่ไม่ลืมปืนลงอาคมตัวโปรดที่มักจะเผื่อไว้เสมอว่าอาจจะเจอกับสัตว์อสูรหรือเสี้ยวของแม่มดที่ลงอาคมไว้กับสัตว์ผู้ไร้เดียงสา...
....ใช่แล้ว.... เขามิใช่พรานธรรมดา...
แต่เป็นพรานล่าอสูรกาย....
หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความคาดหวังต่อเขา
การแบกรับความรักและความคาดหวังของชาวบ้าน... มันหนักจนบางครั้งก็ได้ยินเสียงของสันไหล่ที่ร้าวราน...
ความผิดนี้หาใช่ของผู้ใดไม่... ถ้าไม่ใช่เพราะนางแม่มดดำที่ขนาดชีวิตได้สิ้นไปแล้วยังอุตส่าห์ทิ้งมนตราอันน่ารังเกียจนี้ไว้กับชายหนุ่มผู้โชคร้ายให้กลายเป็นหงส์...จวบจนมันกลายเป็นสีดำและหายตัวไปในที่สุด....โดยที่ไม่มีผู้ใดพบเจออีกเลย...
มีเพียงเศษซากสัตว์ป่าและเลือดสีแดงฉานที่มักจะมาให้เห็นหลังจากผ่านคืนพระจันทร์เต็มดวง...และนั่นเป็นที่มาของ'จันทร์สีเลือด'
ชาวบ้านที่พบเจอต่างหวาดหวั่น... ไม่มีผู้ใดกล้าออกล่าสัตว์ยามค่ำคืนอีกต่อไป มีเพียงแค่บางกลุ่มที่ฮึดขึ้นมาออกล่าหงส์ปีศาจตนนั้น... และเขาเองก็เคยได้เชยชมความน่ากลัวของมันเพียงครั้งเดียว... แล้วจากนั้นก็กลายเป็นความทรงจำที่ลืมไม่ลง...
แซ่ก แซ่ก!
'นั่นอะไร? ' พรานหนุ่มหันไปตามเสียงใบหญ้าที่เคลื่อนไหว ประสาทสัมผัสที่มีมากกว่าคนทั่วไปทำให้ได้เปรียบ...
พงหญ้าที่เริ่มขยับไหวทำให้ชายหนุ่มยกธนูขึ้นมาเพ่งเล็ง...
ขนนกสีทมิฬลอดผ่านใบหญ้าออกมาน้อยๆ นายพรานเริ่มวิตกถึงสัตว์ที่อยู่ด้านหลัง เขาไม่อาจรู้ได้ว่าที่อยู่ตรงนั้นคือหงส์ปีศาจหรือกาดำที่ตกรัง.. ไม่อาจยิงโดยไม่ไตร่ตรองได้....
"หงส์ดำ? "
ฉวั้ะ!..
มือใหญ่เผลอปล่อยลูกธนูจนมันพุ่งศรไปยังสิ่งมีชีวิตที่อันตรายอย่างห้ามไม่อยู่
นัยตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงร้องของนกอันเป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้าน
เขาย่องเข้าไปใกล้กับมันด้วยใจที่โครมคราม ความตื่นเต้นกำลังสั่นระริก สิ่งมีชีวิตตนนั้นกำลังถูกพลังของอาคมทำลาย..
"เป็นไงล่ะไอ้หงส์ปีศาจ? ตายหรือยัง? "
ฉับพลัน สิ่งมีชีวิตตนนั้นก็เกิดแสงเรืองออกมาจากปากแผลที่ถูกยิง ปีกและหางกำลังแปรสภาพ กายมนุษย์เริ่มปรากฏเด่นชัด พรานหนุ่มยืนแข็งทื่อกำกระบอกปืนข้างเอวเอาไว้แน่น
อากาศกำลังหยุดหมุน... สายลมราวกับหายไปโดยฉับพลัน ... ความกดดันนี้มันอะไรกัน?
"อึ่ก! ... ท่าน..ยิงข้า.. "
ฟลุ่บ!!!
กายที่กำลังขยับยืน..ล้มพับลงไปพร้อมกับลูกธนูที่ปักบนไหล่แขนข้างซ้ายทะลุผ่านไปอีกฝั้ง... วงแหวนที่เกิดจากมนต์คาถากำลังออกฤทธิ์ มันกำลังทำหน้าที่สกัดกั้นพลังวิญญาณผ่านศรธนู...
"หึ..ในที่สุด ข้าก็จับเจ้าได้.. ไหนดูซิ หน้าตาของสัตว์ประหลาดที่ลือเลื่อง ข้าควรจะจับเจ้าหรือกำจัดทิ้งเสีย?"
มือหนาเชยคางมน ผมสีดำยุ่งเหยิงเต็มใบหน้าเนียนขาว พรานหนุ่มจ้องมองรูปหน้าผ่านแสงจันทร์ที่ส่องสะท้อนลงสู่ผืนพสุธา
กายมนุษย์ของสัตว์นรกตนนี้ช่างงดงาม... ร่างกายความเป็นชายโปร่งแสงอ่อนๆยามต้องแสงทิวา เปลือกตาสีงาช้างปิดปรืออย่างทรมานด้วยพิษที่ต้านการเคลื่อนไหวของมนตรานางแม่มด พรานหนุ่มช้อนแขนเข้าใต้ลำคอหงส์ดำ...พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่ขัดต่อการเป็นพรานนักล่ายิ่งนัก
"ที่พักเจ้าอยู่บริเวณใด? "
.
.
.
อาการคลื่นเหียนชวนอาเจียนกำเริบทุกครั้งที่ขยับกาย หงส์หนุ่มปิดเปลือกตาเอาไว้แน่น ในอกเริ่มมรสุมด้วยความกังวลใจ ในเวลานี้ไม่อาจรู้ว่าตนนั้นยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ถึงเวลาใด แต่ที่แน่ๆคือกลิ่นหอมอบอวลของดอกไม้นี่คือ....ที่พักของเขาเอง...
"ตื่นแล้วหรือ?..เวทย์นี้ใช้ได้เลยนะ ถึงจะเพิ่งทดลองครั้งแรก ก็ทำให้หงส์ปีศาจอย่างเจ้าเกือบสิ้นใจได้เลย "
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับสองขายาวก้าวเข้ามาอย่างองอาจ ริมฝีปากหนาปริยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นสภาพสัตว์หายนะที่ถูกจองจำด้วยเชือกลงมนต์สะกัดเวทย์เอาไว้
เปลือกตาสีงาช้างไม่ยอมเปิดขึ้นมา... ทั่วทั้งร่างกายของหงส์หนุ่ม นายพรานได้เห็นมาทุกซอกทุกมุม แม้กระทั่งตอนที่เขากลายร่างเป็นสัตว์มีปีกสีทมิฬน่าขยะแขยง... แต่ในอีกความรู้สึกคือความเศร้าสร้อยเสียใจของหงส์ตนนี้...
...เขาอยากเห็นนัยตาของร่างที่นอนอยู่...
นัยตาที่ใครต่อใครกล่าวกันนักหนาว่าน่าหวาดกลัวราวกับมัจจุราชที่ถือเคียวตามคร่าชีวิตคน...
"เจ้าหลับไปเกือบสามวัน และตอนนี้เจ้าเองก็ฟื้นแล้ว ไม่คิดจะขอบคุณข้าหน่อยหรือ? "
อยากขอบคุณงั้นหรือ?...
แค่คิดจะขยับเปลือกตาก็เจ็บจวนจะขาดใจอยู่แล้วนี่...
"..เ..เจ็...บ " ราวเข็มนับล้านเล่มทิ่มลงมายังร่างกาย คลื่นบางอย่างไหลเวียนในช่องท้องและฟาดฟันกันปานจะพุ่งทะลุออกมาจากช่องอก
ความทรมานที่กัดกินทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก...รู้สึกกำลังจะตาย...ตายอย่างที่เคยทำไว้กับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ....
"โอ้ะ!...จริงสิ ข้าลืมไปเลยว่ายังไม่ดึงเอาธนูออกจากไหลเจ้า...ไม่สิ..ถ้าข้าดึงออก เจ้าจะไม่แว้งกัดข้าหรอกหรือ? "
"......."
เหตุใดความรู้สึกเศร้าโศกน้อยใจนี้ถึงแผ่ออกมาจากร่างกายผอมโปร่งของเจ้าปีศาจนี่กัน?..
แล้วทำไมข้าถึงได้รู้สึกไว้วางใจกับเจ้าสัตว์หายนะตนนี้ได้.....ทั้งที่ไม่ได้เห็นแววตาของมันสักนิด...
ฉึบ!
'อ้ากกก!!!'
เสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดสะท้อนลั่นป่าเขียว พรานหนุ่มรีบใช้ผ้ามาห้ามเลือดมิให้ล้นทะลักออกมาจากไหล่สีขาวซีด ริมฝีปากสีคล้ำเผยอขึ้นกอบโกยเอาอากาศทันใดเมื่อพรานหนุ่มใช้ไฟจี้ลงสู่ปากแผล....
"ใจเย็นๆหนุ่มน้อย หายใจเข้าลึกๆอย่าคิดว่าตอนนี้เจ้าเป็นหงส์นรกนั่น ตอนนี้เจ้าคือมนุษย์ มนุษย์อย่างที่เคยเป็น "
ขนดำที่กำลังผุดออกจากผิวหนังสีซีดขยับขยายราวกับสิ่งมีชีวิต หงส์หนุ่มบิดตัวเกรียว เขาทรมานเหมือนถูกหนอนเข็มผุดว่ายตามผิวเนื้อ มันกำลังแทรกออกมาตามรูขุมขนของเขา
เจ็บ... เจ็บเหลือเกิน... ข้าทรมาน...
" ข้าบอกให้ใจเย็น!" เสียงทุ้มตะคอกด้วยความเหลืออด ยิ่งสีหน้าทรมานของชายหนุ่มฉายแววเจ็บปวดเขายิ่งนอนใจไม่ได้.. ราวกับความเจ็บนั่นถ่ายทอดมาสู่ตัวเขาเอง
มือหนายกขึ้นมาลูบกลุ่มผมสากกรังของหงส์หนุ่มเบาๆ ริมฝีปากคอยพูดปลอบประโลมในขณะที่อีกมือจุดไฟเวทย์ให้ลุกโชติช่วงแรงขึ้นเป็นสองเท่า!
ข้าโทษ แต่ข้าต้องทำให้เจ้าหายจากการเป็นหงส์เวรนี่ให้เร็วที่สุด...
.
............
ในกระท่อมกลางป่าที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์เช่นมนุษย์ทั่วไปอย่างนี้นับสร้างความแปลกใจให้กับเขายิ่งนัก...
....ทั้งที่คิดว่ามันต้องมีแต่เศษซากมนต์ดำแท้ๆ...
แต่ที่นี่มีทุกอย่างที่เรียกได้ว่าสุขสบายโดยมิต้องออกไปหาซื้อเครื่องใช้จากในหมู่บ้านเข้ามาเลย... อยู่กลางป่ากลางดงเช่นนี้...
ตอนที่เจ้านี่ยังไม่ถูกมนต์ดำของนางแม่มด..เขาคงเคยใช้ชีวิตที่สงบสุขมากเลยสินะ...
"ข้ามีนามว่า เอเทส เป็นพราน'ล่าอสูร' แล้วเจ้าล่ะ? "
..... หวังว่าเจ้านี่จะมีแรงตอบคำถามข้านะ... เอเทสคิดในใจ นึกถึงอาการมากมายที่แสดงออกมาเมื่อสองคืนแรกที่ถูกธนูดอกนี้ปักเข้าที่ไหล่ซ้ายทะลุออกมาอีกด้าน ทุกอย่างที่ชาวบ้านกล่าวขวัญและซากศพที่เคยพบเจอนั้นกลับตาลปัดไปหมด....
ความโหดร้ายทารุณนั้น...เขาสัมผัสถึงมันไม่ได้เอาเสียเลย...
กระทั่งร่างนั้นเปลี่ยนเป็นหงส์ดำอย่างไม่คาดคิด...นั่นคือสาเหตุของเชือกอาคมที่เขาขึงเจ้านี่เอาไว้...
"อ...อิล...ข้า...ชื่ออิล..อั่ก!! "
ก่อนจะได้กล่าวอะไร เลือดสีคล้ำมากมายก็พุ่งทะลุออกจากปากของอิลเสียก่อน พรานหนุ่มตกใจ รุดเข้ามาหาร่างโปร่งกพร้อมกับแก้วน้ำในมือ
"ใจเย็นๆอิล ตอนนี้ข้ากำลังใส่เวทย์ที่กำจัดพลังนางแม่มดผ่านไฟที่จุดบนปากแผลของเจ้าอยู่.. อาจจะทรมานนัก แต่เพื่อชีวิตของเจ้าเอง "
"ท่าน..ใยถึงไม่ฆ่าข้า? "
"ข้ากำจัดเจ้า.. ก็เท่ากับว่ากำจัดบุรุษที่ตกเป็นเหยื่อนางแม่มด...สู้มากำจัดมนต์ของนางมิดีกว่าหรือ? "
เอเทสยิ้มอ่อน... ทั้งที่ยังมิได้ลืมตาขึ้นมาดูว่าคนที่ยิงลูกธนูใส่ตนนั้นรูปหน้าค่าตาเป็นเช่นไร แต่เจ้าหมอนี่ก็ยังพูดจาด้วยความอ่อนน้อม ไร้ความประจบประแจง หรือแม้แต่หวาดกลัวด้วยซ้ำ...
น่าเศร้าใจจริงๆที่ข้าเคยเกลียดชังเจ้า ตามที่ชาวบ้านกล่าวหา..
"ชดใช้ที่ข้ายิงธนูใส่เจ้า ทั้งยังคอยควบคุมว่าพลังของนางแม่มดนั้นสลายไปจริงๆ "
"ข้าเลยจะมาอาศัยกับเจ้าชั่วคราว "
...........
....ข้าไม่เข้าใจ...
ข้าสมควรที่จะถูกปฏิบัติด้วยเช่นนี้จริงๆนะหรือ?....
ข้าสมควรที่จะถูกช่วยเหลือเยี่ยงนี้จริงๆหรือ?
....ข้า....หงส์ดำที่เคยฆ่าชีวิตมากมายด้วยความโหดร้าย...
.....ข้ารังเกียจตนเองยิ่งนัก....
"ทำสีหน้าเช่นนั้น เจ้ายังมีเรื่องอันใดค้างคาใจอีกรึ? "
ข้ามิสามารถตอบเขาออกไปได้ว่าตอนนี้ข้านั้นรู้สึกผิดต่อมวลชีวิตทั้งหลายที่เคยสังเวยต่อข้า... แม้นตอนนี้ข้าจะกำลังหลุดพ้นจากพันธะของแม่มดดำ... แต่ตราบาปก็ยังคงติดตัวข้าไปจนตาย...
ทุกคืนที่ต้องฝันถึงดวงวิญญาณที่ร้องโหยหวน... พวกเขามักจะมาขอชีวิตคืนจากข้า....ต่อให้ข้าชดใช้ด้วยชีวิต...มันก็มิอาจทดแทนทุกอย่าง....
ปุ่บ!
"เจ้าคิดมากไปแล้วอิล... ตอนนี้เจ้าคือมนุษย์ผู้หนึ่ง... เพียงมนุษย์ธรรมดาๆ...จงลืมเรื่องราวในอดีตซะ ก่อนที่ข้าจะกังวลใจไปกับเจ้า "
...พรานเอเทส....
พรานหนุ่มที่เป็นสหายคนแรกของร่างโปร่ง..ทุกอย่างที่เขาทำล้วนคำนึงถึงอิลเสมอ..ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ... จิตใจของอิลถือเป็นเรื่องสำคัญที่เขามักจะถนุถนอมอย่างถึงที่สุด
แม้ในเวลานี้..การอยู่ร่วมกันเกือบเดือนของเขากับอดีตปีศาจร้ายจะเป็นไปด้วยดี..แต่สีหน้าท่าทางที่แสดงออกมาของอิล มักจะเจือปนความโศกเศร้าเอาไว้เสมอ...
"ไปกินข้าวกัน "
"ชีวิตของข้า...มีแต่กินกับนั่งเฉยๆแบบนี้ตั้งแต่ท่านเข้ามา.."
รู้สึกละอายใจยิ่งนัก....
มือหนาวางลงบนกลุ่มผมสีดำขลับ จากที่เคยสากมือกลับเริ่มลื่นและนุ่มขึ้นมาหลังจากที่เขาทำการถอนมนต์ออกจากกายของชายหนุ่ม ถึงพิธีกรรมจะทรมานแสนลำบาก แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้ด้วยดี... แต่ตอนนี้เหลือเพียงจิตใจ...จิตใจที่บอบบางของชายผู้นี้...
"เจ้าชอบคิดอะไรไม่เป็นเรื่อง..ฟังนะอิล.. ที่ข้าดูแลเจ้า เพราะเจ้าไม่ได้โหดร้าย บาปนั้นคืออดีต ตอนนี้คือปัจจุบัน "
"อย่านำเรื่องในอดีตมาคิดให้รกสมอง เพราะยังไงก็กลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว...ท่านพูดกับข้ามาตลอดหนึ่งเดือนเลยนะ "
" หึ..จำได้แต่ไม่เคยปฏิบัติ เช่นนี้ข้าควรจะอยู่ดูแลเจ้าต่อดีไหมฮึ? ดื้อด้านเสียจริง "
อิลตีสิหน้านิ่ง ในอกรู้สึกแปล้บขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เขาชอนสายตามองใบหน้ายิ้มแย้มของเอเทสด้วยความเฉยชา
นับแต่การอยู่ด้วยกันร่วมเดือน เขาที่เคยชินกับการอยู่คนเดียวคอยช่วยเหลือตนเองเสมอต้องมีสิ่งมีชีวิตที่เคยยิงดอกธนูใส่และช่วยให้เขารอดชีวิตกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้งมาอาศัยร่วมชายคา ...
ความเคยชิน... กับเสียงหัวเราะ รอยยิ้มแสนอบอุ่นและการดูแลของพรานผู้นี้...
มันกำลังทำให้เคยตัว...
จนคิดไม่ออกว่าหากเขาไป...อิลจะกลับมาเป็นหงส์ดำอย่างที่เคยหรือไม่...
"เป็นอะไรไป? กินข้าวเถอะ วันนี้ข้าได้กระต่ายป่ามาทำสตูว์ด้วยนะ "
รอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนนี่....
....ข้าเก็บมันเอาไว้แค่กับข้าผู้เดียวได้ไหม?..
"อืม.."
...คงไม่ได้สินะ...ท่านเอเทส..
..........
'ท่านนายพรานหายตัวไป...ไปร่วมเดือนแล้วนะ!! ป่านนี้คงถูกไอ้ตัวประหลาดนั่นจับไปกินแล้วแน่ๆ ฮือ!! ไม่ได้การ ข้าต้องไปตามหาอาจารย์ข้า!!! ...ต่อให้ต้องฆ่ามันก็ตาม!'
ชายหนุ่มร่างเล็กลั่นวาจาในใจ สองมือควานหาอุปกรณ์ทุกอย่างที่สามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายตนนั้นได้.. เพื่ออาจารย์เขายอมทำทุกอย่าง...
จักต้องฆ่ามัน...แลกด้วยชีวิตของเขาเองก็จะยอม!
สองขาก้าวเดินออกไปจากกระท่อมใกล้หมู่บ้าน... ศิษย์หนุ่มน้อยรังเกลียดพวกชาวบ้านพอๆกับเจ้าปีศาจนั่น... พวกที่มอบภาระอันใหญ่หลวงให้กับท่านอาจารย์... พวกมันเห็นแก่ตัว...
เขากัดฟันกรอด... กดความเคียดแค้นเอาไว้ในอก ท่านอาจารย์มักจะคอยเตือนเสมอว่าพวกชาวบ้านคือมนุษย์ร่วมโลก.. ต่อให้พวกมันน่ารังเกียจแค่ไหนก็ต้องช่วยเหลือกันไว้...
ท่านอาจารย์..ท่านจะรู้หรือไม่...ว่าพวกมันไม่เคยคิดที่จะช่วยท่านเลย....
'ใครจะไปช่วยนายพรานกับข้าบ้าง? '
' อะไรนะ? ท่านนายพรานถูกจับตัวไปงั้นรึ! แบบนี้คงไม่รอดแล้วแน่ๆ '
'ใช่แล้ว ขนาดพรานที่เก่งกาจยังถูกไอ้ปีศาจนั่นจับได้ พวกเราคงไม่ไหวหรอกนะเจ้าหนู! '
'ใยพวกท่านกล่าวเช่นนี้! นายพรานเคยช่วยพวกท่านไว้มากมายเท่าไหร่เคยสำนึกบ้างไหม?!'
'เหอะ!..พวกข้าขอความช่วยเหลือจากเขา..แต่มิได้บังคับขู่เข็ญ เจ้านั่นก็ช่วยพวกข้าเองมิใช่รึ?'
'ท่าน!.พวกท่านมันเห็นแก่ตัว '
'เจ้าจะพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูก ..ป่านนี้นายพรานคงถูกกินไปแล้วกระมัง หึหึหึ ไม่แน่นายของเจ้าอาจจะสละชีวิตตายไปกับไอ้สัตว์นรกนั่นแล้วก็ได้ เจ้าไม่ดีใจหรอกรึที่ไม่มีสัตว์นั่นแล้วแถมนายเจ้ายังเป็นผู้กล้าอีกด้วย '
'เจ้า!'
ผวั้ะ!!
.... หนุ่มน้อยเหงื่อตก...ใบหน้าเจ็บแปล้บๆขึ้นมาเมื่อนึกสภาพที่ตนถูกรุมกระทืบ...ไอ้พวกผู้ใหญ่น่ารังเกียจ เขาอยากใช้ไม้หน้าสามหวดพวกมันให้เดี้ยงไปเลยแต่ติดตรงที่เขานั้นสู้ไม่ได้..
ท่านอาจารย์ รอข้าก่อนนะ ข้าจะไปหาท่านแล้วพาท่านกลับมาหลอกหลอนพวกมัน---- ท่านคงไม่เอากับข้าหรอก....เหอะๆ
.....................
"อิล คืนนี้ข้าต้องออกไปล่าสัตว์ เจ้าอยู่ที่นี่ทำตัวดีๆล่ะ "
"นี่บ้านข้า..."
เอเทสยิ้ม.. ใบหน้าที่ติดจะหงุดหงิดหน่อยๆของอิล
นั้นทำให้เขายิ้มออกมาได้...
เพราะ....มันน่าเอ็นดู...น่าเอ็นดูจนอยากดึงเข้ามาฟัดสักฟอด แต่ติดตรงที่ว่า เขา...เป็นผู้ชาย
แล้วก็ใช่ว่าเด็กนี่มันจะงดงามปานดอกไม้งามเหมือนในเมืองไม่... เขาก็แค่บุรุษร่างสูงโปร่งมีเสน่ห์ดึงดูดทั้งเพศตรงข้ามและ..เพศเดียวกัน..
"เอาเถอะ.. ยังไงก็นอนไปซะ ไม่ต้องรอข้า แล้วก็---- ห้ามครุ่นคิดในแง่ลบอีกเด็ดขาด"
"...."
อิลไม่ตอบ แต่กลับเหยียดยิ้มยะเยือก
พรานหนุ่มอดเป็นห่วงไม่ได้เมื่อได้เห็นรอยยิ้มนั่น... ในอกรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาฉับพลัน...ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน..
แต่วันนี้มันเหมือนมีบางอย่าง...เหมือนจะเกิดบางอย่างขึ้น...บางอย่างที่น่าหดหู่ใจ...
..เขาสบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกจากหัว ทั้งที่บอกกับอิลนักหนาว่าให้คิดในแง่บวกเอาไว้ แต่ตนดันไม่ทำอย่างที่สั่งสอนคนอื่นเสียนี่..
"ข้า...ข้าไปนะแล้วทำตัวดีๆล่ะ "
"อืม.."
ร่างโปร่งโบกมือไปมาด้วยรอยยิ้ม...นัยตาสีดำวาวโรจขึ้นมาเพียงเสี้ยววินาที หันขวับไปทางห้องครัวด้วยสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปเป็นอีกฝั่งจากความสดใส...
รอยยิ้มแพรวพราวประดับขึ้นมาจางๆ...พาลให้คนมองขนลุกซู่ไปทั่วกาย...
"เจ้าจะมานำเขากลับไปใช่ไหม?... "
สองขาก้าวไปหาสิ่งมีชีวิตที่เป็นเงาตะคุ้มแอบอยู่ด้านหลังถังน้ำขนาดไม่ใหญ่นัก.. ร่างโปร่งย่างกรายช้าๆอย่างใจเย็น ในขณะผู้ที่หลบอยู่นั้น...สั่นสะท้าน...
หากการได้พบว่านายท่านของตนยังมีลมหายใจอยู่นั้นเป็นข่าวดี.. แต่สถานที่ที่เขาอาศัยอยู่นี่ไม่น่าพิศมัยเอาเสียเลย!! ใยท่านต้องมาอาศัยร่วมกับเจ้าปีศาจตนนี้เล่า!!
...หรือท่านถูกมันสะกดเอาไว้กัน?...
" เจ้าจะไม่กล่าวอะไรหน่อยหรือ? เจ้าจะออกมาให้ข้าเห็นแบบมีชีวิตหรือให้ข้าเข้าไปลากเจ้าออกมา...แบบไม่มีลมหายใจ?" เขาขู่
"..จ..เจ้า เจ้าทำ..ทำอะไรกับอาจารย์ข้า?! เจ้าสะกดเขารึกินดวงวิญญาณเขาแล้วใช่ไหม?!"
คิก...
"เจ้านี่น่าขำนัก.. ข้าไม่รู้ว่าไปฟังเรื่องพวกนี้มาจากที่ใดหรอกนะ แต่เจ้าคิดว่าข้าจะทำไปเพื่ออะไรกันเล่า? ทาสเหรอ? หรือว่าเอาไว้กิน? "
อิลหัวเราะน้อยๆ รู้สึกเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมีคนกล่าวหาตนในแง่ที่เลวร้ายเกินจริงมากไป... หรือไม่มันอาจจะจริง...?
"ก..ก็ช่างสิ! ข้ารู้ก็แล้วกัน เจ้าน่ะปล่อยอาจารย์ของข้าซะ ไม่เช่นนั้นเจ้าถูกข้าเชือดแน่ๆ " เขามุ่งมั่นด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว
"หึ..จริงเหรอ? " อิลตีหน้าขรึม ย่างสามขุมไปหวังจะกดดันให้ขวัญเด็กน้อยคนนี้ฝ่อแล้วกลับบ้านไปเสีย แต่ไม่ทันไร ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง
"นั่นเจ้ากำลังจะทำอะไร?"
กะแล้ว...ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ...อิลนะอิล ถ้าข้าไม่รีบกลับมา เจ้าจะมิพลั้งมือฆ่าคนเชียวหรือ?!
เอเทสตรงเข้ามากระชากแขนผอมให้ห่างจากศิษย์ของตน จนร่างโปร่งเซมาตามแรงกระชาก
เอเทสเหลือบมองคนในวงแขน ก่อนจะมองไปที่ผู้มาเยือน ใบหน้าของเด็กที่เคยอาศัยร่วมกันมานับสองปีกำลังตื่นตระหนก ริมฝีปากสั่นเทิ้มราวกับมองเห็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ สายตาที่ทิ่มตรงมายังอิลทำให้เขาพอจะเดาออกว่าศิษย์กำลังกลัวอะไร
"ไม่ต้องกลัวไปหรอก'เกรน' ชายผู้นี้ไม่ใช่ หงส์ดำและจะไม่ใช่อีกต่อไป "
อิลเงยหน้าขึ้นมองนายพรานอย่างสับสน ความใจดีที่ส่งมอบผ่านสัมผัสทางร่างกายทำให้รู้สึกหนาวเยือกไปทั้งกาย... เขาเกลียดตนเองที่มัวแต่มองโลกในด้านมืด และเกลียดพรานหนุ่มที่เอาแต่มองผู้อื่นด้วยความใจดี...
..เขาจะถูกใช้ความใจดีนี้อย่างเลือดเย็น....
...พวกมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่งดงามอย่างที่คิด...
"ไอ้พวกชาวบ้าน.. กล่าวว่าท่านอาจถูกครอบงำ"
"เจ้าคิดว่าไงล่ะ?" เอเทสเดินเข้าไปเหยียดกายอยู่เบื้องหน้าเกรน เขาจ้องสีหน้ากวนๆของอาจารย์ด้วยสีหน้าสับสน อยากหัวเราะทั้งร้องไห้ที่รู้สึกว่าคนๆนี้คืออาจารย์ของเขาจริงๆ แต่อีกนัย เขากลับกังวลว่าอาจารย์ผู้นี้จะแก่กล้าและแยบยลขึ้นเมื่อถูกครอบงำ... อาจจะเข้าข้างเจ้าปีศาจนี่อยู่...และต้องการเขาเป็นพวกพ้อง?
" งี่เง่า " อิลเอ่ยขึ้น เพราะสีหน้าท่าทางการสลับสายตาไปมาระหว่างเขากับเอเทสนั้นเสียมารยาทสิ้นดี ใครจะมองไม่ออกกันว่าเจ้านี่คิดอะไรอยู่?
" เจ้าไม่มีสิทธิว่าข้านะ! เจ้าเองไม่ใช่หรือไงที่ทำให้ข้าสับสนน่ะ! "
"เอาน่า..เกรน เจ้าคิดว่าข้าไร้ฝีมือขนาดนั้น?ถึงข้าแพ้ข้าก็เชื่อว่าเขาไม่ทำอย่างที่เจ้าคิดหรอก "
"ดูท่านเชื่อใจเขา...มาก " เกรนจับผิด ยิ่งเห็นว่าอาจารย์ผู้ใจบุญกับคนทั่วไปแต่ไม่ใช่กับอมนุษย์แล้ว...ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมเข้าข้างเจ้าคนๆนี้... มันแปลกมาก....
"ท่านรู้ได้ยังไง..ถ้าไม่ใช่ว่าท่านถูกมันครอบงำไปแล้ว...ว้ากกกก!!! ไม่คิดแล้วปวดสมองเฟร้ย!! "
เอเทสส่ายศรีษะด้วยความระอา กะอยู่แล้วว่าเจ้าคนพรรนี้คงไม่คิดอะไรให้รกสมองนานเกินสามชั่วโมงหรอก นี้คงตามหาเขาได้หลายวันเลยสิท่าถึงได้มีสภาพเละเทะจนเสื้อผ้าขาดวิ่นขนาดนี้...ให้ตาย
"รอตรงนี้นะ ข้าจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้แล้วอ่าบน้ำเข้านอนซะ!...พวกเจ้าทั้งสองคน!"
" เอ๋! ให้ข้ารอกับเจ้าปีศาจนี่เนี่ยนะ!?" เกรนร้องขึ้น
"เจ้ามีปัญหาอะไรกับข้ารึไง? " อิลที่ถูกกล่าวถึงเหยียดสายตาลงมามองผู้ที่ตัวเล็กกว่า สำหรับเขาเจ้านี่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย...แต่หากเป็นคนรู้จักของเอเทสแล้วเขาจะไม่กระทำอะไรให้เอเทสผิดหวัง...
นอกเสียจาก....มันจะพาเอเทสไปจากเขา!
"ป..เปล่า" ...ไอ้เจ้านี่มันน่ากลัว...ทำไมท่านอาจารย์ต้องมาอยู่กับมันด้วยฟร้ะ!
เกรนโอดครวญ อยากกระชากหัวตัวเองให้ไปอยู่ที่อื่นจะได้ไม่ต้องมาเห็นหน้าเจ้านี่ แม้มันจะหน้าตาของมันจะรูปงามอย่างที่เคยได้ยิน แต่รังสีความน่าสะพรึงนั้น..แทบไม่อยากเอ่ย...
.
.
.
อยู่ด้วยกันมาเกือบอาทิตย์.... เจ้าปีศาจนี่มันแค่มนุษย์หน้าตาดีรูปร่างงามสมชายพอมีกล้ามนิดๆไม่หวือหวาแถมนิสัยนั้นไม่ต้องกล่าวถึงเพราะมันสุดแสนจะสุภาพบุรุษอีกทั้งยังพูดน้อยไม่น่ารำคาญ แต่ติดที่ทำอะไรไม่ค่อยจะเป็นเท่านั้นแหละ! ยังดีที่มันมาเรียนรู้นะเนี่ย!
โอ้ะ..ลืมบอกไป...สิ่งที่แปลกและทำให้เกรนผู้นี้แทบลมจับที่สุดก็คือ...
เสียงคราง....
ใช่แล้ว... เสียงคราง..ครางแบบที่หนุ่มสาวเขาทำกันนั่นแหละ!!โอ้แม่เจ้าโว้ย เกรนจะไม่ว่ากระไรเลยถ้าไม่มีเสียงของท่านอาจารย์สุดรักเล็ดลอดออกมาด้วย!! พวกเขาทำเรื่องบัดสีอะไรกัน?!
"เจ้าทำหน้าอย่างกับปวดหนัก.. นั่นห้องน้ำไปสิข้าทนเห็นหน้าสยดสยองของเจ้าไม่ไหวจริงๆ "
ไอ้ที่เคยบอกว่ามันพูดสุภาพนั้นเขาโกหก...
" ไม่หรอก..ข้าแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย " โอยๆอยากเชือดคอตัวเองตายๆไปซะ คิดถูกหรือผิดกันนี่ที่มาอยู่
เป็นก้างเจ้าสองคนนี้เนี่ย..ไม่ต้องเอาอะไรมาฉุดท่านอาจารย์แล้วล่ะ ถ้าขนาดนี้นี่มันอยู่กินฉันท์สามีภริยากันแล้ว!!
"ว่าไงอิล..เหนื่อยไหม พักก่อนสิเดี๋ยวข้ารินน้ำให้ "
ถถถถถถ.ท่านพ่อเทพบุตร.. ตอนนี้ท่านปีศาจนี่แค่แกะเปลือกถั่วเตรียมปลูกเท่านั้นนะคร้าบบ หาได้ไปขุดเจาะแผ่นผืนพสุธาแบบท่านไม่!
"ไม่หรอก..ข้าว่าสนุกดี"
..อืม...ดีขอรับท่านผู้เจริญ...เชิญพวกท่านจู๋จี๋กันต่อไปเถอะ ให้ตายยังไงข้าก็จะอยู่เป็นก้างเป็นสัมภเวสีเป็นผีเป็นมารขัดหูขัดตาพวกท่านจนจากที่ไร้ยางอายให้กลายเป็นฝาบ้านเสียเลย!! ฮึ่ยย!
"เกรน เจ้าอยู่นี่มานาน ไม่คิดจะกลับบ้างรึ " ท่านตั้งใจจะไล่ข้าใช่ไหม?ไม่มีทาง!!
"ท่านอาจารย์ ข้าอยากจะรับใช้ท่านอยู่นา..ว่าแต่ท่านเถอะ เมื่อไหร่จะกลับไปที่บ้านท่านสะกทีล่ะToT"
คิดมาก็น้ำตาจิไหล หมั่นไส้ไอ้ปีศาจนี่จริงๆที่กอบกุมทั้งหัวใจของอาจารย์เขาได้ทั้งดวงในขณะที่เขาถูกถามอยู่ทุกกกกวันว่าจะกลับเมื่อไหร่...โอย...
เขาล่ะเกลียดมันในจุดๆนี้จริงๆ..
"คิดว่าข้าจะกลับ?"
"ท่านอาจารย์! กระผมอยากกลับบบบ" เกรนโอดโอยไถลเกาะลำแข้งของพรานหนุ่มลงช้าๆด้วยท่าทีน่าแขยง
" พอเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้า ไม่ได้อยากให้ข้ากลับไป"
"เอ้า! ไหงงั้นล่ะขอรับ ข้ารักอาจารย์จะตายถ้าไม่อยากให้กลับไปแล้วจะให้ท่านอยู่อย่างลำบากเช่นนี้เหรอ สุ้ไปที่หมู่บ้านที่มีอะไรมากมายให้เสพไม่ดีกว่าเหรอครับบ"
" เคยเห็นข้าเสพของพรรค์นั้นรึไร? เกรน เจ้าแค่อยากให้ข้ากลับไปกูศักดิ์ศรีที่ชาวบ้านกล่าวหา...ข้าขอบใจแต่ไม่ใช่ว่าข้าจะไปที่นั่นอีก "
"เจ้ารู้ว่าข้าไม่จำเป็นต่อพวกเขา...ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่ในป่าแห่งนี้ ข้าสามารถกำจัดอมนุษย์ได้ไวกว่ารอให้พวกมันลงไปที่หมุ่บ้านมิใช่หรือ? "
"ข้า...ขอรับ "
เอเทสยิ้มรับลูกศิษย์คนเดียวที่ซื่อสัตว์เสียยิ่งกว่าน้องชายที่คลานตามกันมา เขารู้ว่าเกรนไม่ใช่พวกเข้าใจอะไรยาก แต่ทว่าความหัวรั้นที่มีมากเกินไปนั้นอาจจะทำให้เขาดูเป็นพวกที่น่ารำคาญไปเสียหน่อย
ฝ่ามือใหญ่วางแปะลงที่กลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนแล้วขยี้เบาๆด้วยความเอ็นดู เกรนหลับตาปี๋ ในใจนึกถึงคำพูดของคนตรงหน้าด้วยความไตร่ตรองและซาบซึ้ง หากเขาคิดได้เร็วกว่านี้...
คงไม่ต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวัน!
"อาจารย์... ข้าตัดสินใจแล้ว ขอบคุณท่านมาก ข้าจะเข้าในเมืองแล้วไปเรียนหนังสือ! ข้าจะเป็นครูที่คอยสอนเด็กๆให้เป็นคนดีและไม่เห็นแก่ตัว!!!"
ยังเจ็บใจจากพวกชาวบ้านไม่หายสินะ....
"ดีแล้วๆ คราวนี้ก็อย่าวู่วามอีกล่ะ คิดให้ดีๆอย่าพูดมาก เดี๋ยวก็ถูกรุมกระทืบอีกหรอก "
เอเทสเอ่ยแซว ใบหน้าของเกรนแดงเป็นตำลึง นึกอายขึ้นมาเอาเสียดื้อๆเมื่อย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ที่ตนเข้าไปต่อยหน้าชายคนหนึ่งที่ยืนกล่าวว่าให้อาจารย์ของตนด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน จนตัวเขาเองที่ถูกรุมกระทืบเพราะลืมไปว่าตนนั้นไม่มีพรรคพวกสักกะคน
ยังไปซ่าได้อีก...
"ชิ! คนพวกนั้นนิสัยไม่ดีจริงๆ "
"เจ้าก็ว่าได้นะ...เจ้าเป็นศิษย์ข้า แล้วข้าก็คอยปกป้องชาวบ้าน ไปกล่าวว่าพวกเขาเช่นนั้นยังกล้ามาเป็นศิษย์นายพรานอีกนะ "
".....ข้าขออภัยขอรับ" แก้มป่องๆนั้นน่ารักน่าชังน่าตบน่าตี แต่ตอนนี้สิ่งที่เอเทสควรกระทำหาใช่สิ่งนั้นไม่ เพราะตอนนี้คนที่ขโมยหัวใจของเขากำลังกำมือตัวเองที่ชุ่มไปด้วยเลือดเนี่ยสิ!!
โธ่เอ้ย! ถึงจะมีเวทย์ดำหลงเหลืออยู่ในกายบ้าง แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังเข้าสู่การเป็นมนุษย์อย่างเต็มตัวมิใช่รึ!!
ใยเจ้าถึงทำให้กายบาดเจ็บเช่นนั้นเล่า!!!
"อิล ห้ามแตะอะไรทั้งนั้น อยู่นิ่งๆแล้วรอข้าตรงนี้ เกรนเจ้าช่วยมาคุมเจ้านี่ที"
เห็นว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะเข้าหน่อย แต่ถึงกับให้มาเลี้ยงเด็กทั้งสองคนนี้นี่มันไม่ปวดหัวไปหน่อยหรอ?!
เอเทสวิ่งวุ่นไปหาผ้าและน้ำอุ่นเพื่อมาล้างแผลโดยทิ้งให้เด็กต่างวัยทั้งสองนั่งด้วยกันโดยมีคนหนึ่งคอยคุมส่วนอีกคนนั่งนิ่งเป็นอากาศไร้ความรู้สึกไปเสีย
" เจ้าคิดว่าข้าเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือ? " จู่ๆอิลก็ถามขึ้นท่ามกลางความอึดอัดของเด็กหนุ่มวัย16ที่ยืนเหงื่อแตกพลั่กๆ ไม่กล้าคุมเชิงอย่างที่พรานหนุ่มสั่งได้
"กะ...ก็..ก็ไม่นี่ ฮะๆ...ไม่หรอก " แหลได้แหลไปก่อน เกิดเจ้าปีศาจนี่ฉุนขาดขึ้นมาเขามิถูกมันเชือดเลยเราะ ยิ่งมีดอยู่ใกล้ๆมันด้วย
"หึ...งั้นเหรอ " อิลยิ้มเยาะด้วยสีหน้าเฉยชา ทอดสายตามองไปข้างหน้าด้วยความเหนื่อยอ่อน ในสายตาของเกรนแล้ว...เวลานี้คนๆนี้หาใช่ปีศาจอย่างที่เคยได้ยินไม่... คนๆนี้เปลี่ยนไปมากเมื่อเทียบกับคราแรกที่พบกัน..เขาอ่อนโยนลง...แม้จะกวนประสาทไปบ้าง แต่ท่าทีที่เคยแข็งกร้าว กำลังลดเกาะกำแพงลง...
"บางที...เจ้าอาจจะไม่ใช่ปีศาจแล้วก็ได้... " เกรนเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ เก็กหนุ่มถอนหายใจเสียงดังก่อนจะใช้มือเกาท้ายทอยและเดินไปในบ้านหลังเล็กที่ถูกต่อเติมโดยพรานหนุ่มและ(อดีต)ปีศาจร้าย เขาเตรียมจะเดินทางในอีกไม่ช้า ไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว หากเมื่อใดได้ตอบแทน เขาจะทำทุกอย่าง
จะไม่จากไปและไม่ละทิ้ง... เขาเกลียดคนอย่างพวกนั้น... เพราะงั้น..ขอประกาศตรงนี้ว่าข้าไม่ละทิ้งท่านอาจารย์!!
อิลมองแผ่นหลังบางด้วยใบหน้าเปื้อนความสุขอย่างที่ไม่เคยมอบให้ผู้ใดนอกจากเอเทส แต่บัดนี้ เขากำลังเอ็นดูเด็กที่ปากเสียและโผงผางคนนั้น...
"...ข้าก็คิดเช่นนั้น...ขอบใจนะ น้องชาย "
หากคำๆนั้นที่ออกมาจากปากทำให้เด็กหนุ่มนามว่าเกรนได้ยิน เขาอาจจะไม่อยากกลับไปเรียนหนังสือเลยก็ได้...
เอเทสที่แอบมองทั้งสองได้แต่ยิ้มอ่อน นึกไม่ถึงว่าตนจะสามารถเปลี่ยนปีศาจให้กลายเป็นมนุษย์ได้จริงๆ แถมยังเป็นมนุษย์ที่แสนจะน่ารักเสียด้วย มิเช่นนั้นเจ้านี่จะฉุดกัวใจของเขาไปได้อย่างไรล่ะ!ถ้าไม่น่ารักน่าฟัดขนาดนี้!!
" อิล โทษฐานที่เจ้าทำให้ตัวเองบาดเจ็บ คืนนี้เจ้าต้องถูกข้าทำโทษนะ เตรียมใจไว้ให้ดี"
เอเทสเดินออกจากมุมของบ้านช้าๆ โอบลำแขนรอบคอขาวแล้วโน้มใบหน้าลงกระซิบเบาๆ ตามด้วยเรียวลิ้นอุ่นร้อนที่ลากชิมต้นคอหอมหวานลงมาถึงกระดูกไหปลาร้าพร้อมกับขบเขี้ยวลงบนผิวเนียนอย่างหมั่นเขี้ยว
จากนี้และตลอดไป จะไม่ให้ใครมาแตะต้องเจ้า จะไม่มีผู้ใดมาทำร้ายจิตใจเจ้า... เอเทสคนนี้ขอเอาชีวีเป็นประกัน ข้าจะปกป้องเจ้าไปตราบชั่วนิรันด์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่..
"ข้ารักเจ้า.... อิล"
.
.
.
.
The End
เรื่องส้านนนนาาาาาจาาาาาาาาาา คึๆ งงไปเป็นแถบบบบบบบ (กุเนี่ยงงง )=___=
แต่ๆ...แต่ว่า..เค้าตั้งใจฝุดๆนะฮิๆ
ลองเม้นดูอยากรู้ว่าเนื้อเรื่องเห้แค่ไหนในสายตาคุณผู้อ่าน55555 //หยิบปืนเล็งไปตรงหน้า (อุ้บส์เผลอ^0^)
ปล.ตัดจบได้บัดซบมากกก
ความคิดเห็น