ตอนเดียวจบ- ทุกอย่างล้วนแต่งขึ้นสนองเราเท่านั้น
#หัวใจจอมทัพ
ต้นท้อบนเนินเขาของเมืองหนึ่งในเว่ยเฉียง กลิ่นอายของความรักและอดีตอันแสนงดงามกำลังฉายความทรงจำอย่างมิอาจห้ามใจได้...
ชายหนุ่มร่างสูงสมชายชาติทหารยืนทอดสายตามองไปที่หลังคาหมู่บ้านจากเนินเขาใต้ต้นท้อ เขาผลิยิ้มออกมาอย่างสบายใจเมื่อเห็นความสงบสุขของเหล่าประชาชนที่เขาปกป้องเอาไว้ได้ตลอดมา...
เพียงแค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้นที่เขารู้สึกถึงความภาคภูมิต่อหน้าที่นี้...
" ท่านแม่ทัพขอรับ จวนจะถึงเวลาของการมอบเหรียญกล้าหาญแล้วนะขอรับ"
แม้นสิ่งนั้นจะเป็นตราแห่งเกียรติยศ แม้จะเป็นความภาคภูมิใจของใครหลายๆคนอยากมี... แต่สำหรับเขาแล้ว...มันก็แค่สิ่งที่ไร้ประโยชน์ ไม่สามารถเรียกหนึ่งชีวิตที่จากไปกลับคืนสู่อ้อมอกเขาเช่นเดิม...
ไม่มีวัน...
.
.
.
.
"ยินดีด้วยนะท่าน คราวนี้ต่อให้อีกห้าทศวรรษก็จะมิเกิดสงครามขึ้นอีก นั่นเพราะท่านแท้ๆเลยขอบคุณท่านจริงๆ "
"ไม่ใช่หรอก...ไม่ใช่เพราะข้า"....พวกเจ้ารู้อยู่แก่ใจแท้ๆ...
" ฮะๆ อย่าถ่อมตนไปเลยน่าท่านแม่ทัพฉาง ท่านเก่งกล้าสามารถถึงเพียงนี้ จะมิใช่ท่านแล้วเป็นใครได้เล่า เอาล่ะๆข้าขอตัวไปพบแขกในงานก่อนนะขอรับ เชิญท่านพักผ่อนเถิด "
คำกล่าวลาของเสนาผู้ชื่นชอบ'เลียแข้งเลียขา' ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผืนฟ้าสีดำที่ถูกเติมเต็มไปด้วยดวงดาวพราวระยับ...
'เพ่ย... ข้าได้ตรามาแล้วนะ...ได้มาอย่างที่เจ้าอยากให้ข้าได้แล้ว... ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน... ดวงใจของข้า..'
.
.
.
'คิก! ท่านฉาง เกินไปแล้วๆไม่เอาหน่าข้าจักจี้ขอรับ!! '
เสียงใสของหนุ่มวัยหัวเราะขึ้นท่ามกลางความเงียบใต้ต้นท้อยามคืนที่ดาวพราวระยับสวยงามเช่นเดียวกับหัวใจของทั้งสองในยามนี้...
หนึ่งคือแม่ทัพแห่งเว่ยเฉียงผู้เกรียงไกรที่กระทำการสู้รบปกป้องบ้านเมืองปานเลือดเนื้อของตน
อีกหนึ่งคือแม่ทัพอายุน้อยของศรัตรูคู่แค้น...
ต่อให้เกลียดถึงเพียงไร สิ่งที่ไม่มีใครคาดถึงในยามนี้คือ 'ทั้งสองมีใจแก่กัน'....
"เพ่ย อย่าดิ้นสิ ข้าไม่อยากเห็นเจ้ากลิ้งตกลงไปหรอกนะ! "
"หน่าๆ ท่านก็อย่าลูบท้องข้าสิ แต่ถึงกลิ้งลงไปท่านก็คว้าข้าไว้ได้อยู่ดี~"
สีหน้าทะเล้นเกินคำว่าแม่ทัพของชายตรงหน้าทำให้ผู้นำทัพฉางรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมามาก... ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เคยจะฆ่าคนๆนี้ไปแล้วแท้ๆ... แต่ตอนนี้แม้แต่รอยแผลที่ไม้ข่วนบนผิวเนียน แค่เห็นก็ปวดใจแล้ว
"เจ้าคิดว่าจะจบสงครามครั้งนี้ถาวรอย่างไรดี.."
จู่ๆเสียงทุ้มของแม่ทัพฉางก็ดังขึ้นมา... เพ่ยเหลือบสายตาไปที่คนข้างกาย.. ใบหน้าคมกำลังกังวลอย่างเห็นได้ชัด....กังวลเรื่องของผู้อื่นที่ไม่เคยทำให้เขามีความสุขเลย... หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบด้วยชีวิต แม้นตายไปก็มีแต่ชื่อเสียงที่ถูกกล่าวขานเท่านั้น...
แม่ทัพเพ่ยไม่เคยเห็นดีกับความเจ็บปวดนี้....
แต่คำว่าหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อมวลชนก็ค้ำคอจนมิอาจก้มลงไปที่ๆต่ำกว่านั้นได้...สิ่งที่ควรจะเป็นก็ต้องทำให้มันเป็นอย่างที่ถูกกำหนดเอาไว้...
"ข้ารอท่านถามคำๆนี้มานานแล้ว... ว่างใจข้าเถิด ข้ามีแผนแน่ๆ "
รอยยิ้มของบุรุษตรงหน้าช่างงดงามตราตรึงในอกของแม่ทัพฉางจนสว่างวูบวาบปานไฟที่ถูกจุดประกาย
เขายื่นมือไปคว้าร่างนั้นเข้ามาในอ้อมกอด แนบดวงหน้าของศรัตรูต่างกองทัพต่างแคว้นมาไว้ในอ้อมอกอย่างรักใคร่... ไม่มีใครรู้ว่าความสุขนี้จะนานเพียงไร แต่พวกเขาชื่นชอบต่อกันและกันปานขาดใจแม้นจากกัน...
ใต้ต้นท้อคือที่นัดพบของใจสองดวงอันบริสุทธิ ความรัก ความหลงใหล ความปราถนา และหน้าที่...
ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่แม่ทัพเพ่ยจะกระทำเพื่อชาวเมืองทั้งสองคือการสละชีพตนเอง...จวบจนถึงกาลนั้น...
เขากลับกลายเป็นเพียงธาตุอากาศที่ทุกคนจงใจลืมเลือน....
.
.
.
.
'รัก'
"ท่านแม่ทัพ ท่านมิมีผู้ใดหมายหมั้นไว้หรือไรขอรับ นี่จวนจะ30 แล้ว ท่านจะครองทัพฝึกทหารไปทั้งที่ไม่มีสงครามเช่นนี้รึขอรับ "
การยุติสงครามผ่านไปเพียงสองปี... พวกเขามั่นใจถึงขนาดนี้เลยหรือ?....
"ข้าไม่อยากอยู่เฉยๆ... " ฟุ้งซ่าน... การอยู่เฉยๆคือสิ่งที่ทำให้เขาฟุ้งซ่านจนแทบคลั่ง... ฉางเชินคือแม่ทัพผู้ไร้พ่ายต่อสิ่งใดๆ.... แต่มิใช่ยามนี้... เขาอ่อนแอยิ่งนัก...
คิดถึง....
โหยหา....
ข้าไปหาเจ้าได้หรือไม่.... เพ่ยเฟิง....
ให้ผ่านไปอีกเท่าไหร่กับการสูญเสียความรักครั้งนี้...เท่าไหร่ถึงจะกลับมามีชีวิตเช่นเดิมอีกครั้ง...
เขาไม่อยากเจ็บปวดเช่นนี้อีกแล้ว...
"ท่านแม่ทัพ ! ท่านแม่ทัพพพ!!!!! "
"อ..อะไร? " ห้วงคำนึงถึงจิตใต้สำนึก.... เขาเกลียดตนเองนักที่กลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้...
" ท่านดูไม่สบายนะขอรับ พักผ่อนบ้างเถิด ข้ารู้นะว่าท่านมักจะฝึกทุกคืนหลังทหารซ้อมเสร็จ... อย่าหักโหมเลย พวกข้าเป็นห่วงท่านมากนะขอรับ "
นายทหารผู้กล้า...ได้เสี่ยงตายเข้ามาเอ่ยเตือนแม่ทัพของตนด้วยใจที่ห้าวหาญ... แม้นจะจับไม้สั้นไม้ยาวแล้วตนถูกพระพุทธองค์เล่นตลกก็เถอะ แต่อย่างไรเสีย สิ่งที่เขากล่าวออกมาล้วนจากความรู้สึกจริงทั้งนั้น...
"....ข้าเห็นเขา "... จู่ๆแม่ทัพฉางก็กล่าวขึ้นมา
"ขอรับ? "
"ข้าเห็นเขา.... เพ่ยเฟิง... แม่ทัพที่ทำให้พวกเราเลิกสงครามได้... ข้าเห็นเขา...ข้า...ห้ามมิให้ตนเองคิดถึงเขาไม่ได้..... "
ทหารศักดิ์น้อยเหงื่อตก.... ตกไปถึงตาตุ่มเมื่อรู้ว่าตนมารับรู้บางอย่างที่ไม่ควรรู้... แม้นจะเคยได้ยินมาบ้างว่าท่านแม่ทัพของเราไปเกี้ยวกับแม่ทัพศรัตรู... แต่กระนั้น..มิเคยเชื่อจวบจนวินาทีที่ได้เห็นสีหน้าที่อ่อนแรงของชายแกร่งตรงหน้า....
'เห็นทีต้องให้เขาได้พักเสียบ้างแล้ว....'
ทหารหนุ่มคิดในใจ
"ท่านได้โปรดเถอะ... พักบ้าง...แล้วท่านจะรู้ว่าชีวิตของท่านมิได้มีเพียงคนๆเดียวที่จากท่านไป "
' อยากบอกเสียเหลือเกิน... อยากกล่าวออกไปเสียเหลือเกินว่าข้าเพียงผู้เดียวมิอาจลืมเลือนความเงียบเหงานั้นได้... มิเช่นนั้นข้าจะมาคอยฝึกกับพวกเจ้าที่นี่งั้นหรือ?..'
"อืม...ขอบใจเจ้ามาก แล้วนี่ถูกพนันให้มาพูดกับข้านี่เท่าไหร่กันล่ะ? "
ทหารหนุ่มแข็งทื่อ ก่อนจะยิ้มแหย่ๆ คาดไม่ถึงว่าจะถูกดูออกซะโปร่งโล่งขนาดนั้น
"ฮะๆ...ข้าจับได้ไม้สั้นมาน่ะขอรับ ...ขอโทษที่เอาท่านไปเป็นหัวข้อในครั้งนี้นะขอรับ...ไม่สิ..ทุกครั้ง=__="
ชายหนุ่มยิ้มให้กับผู้ที่อายุน้อยกว่า รู้อยู่แก่ใจว่าทุกคนนั้นเป็นห่วงในสภาพกายและจิตใจเขาถึงเพียงไร แต่ทว่าหัวใจก็มิอาจหักห้ามมิให้หวนคืนสู่อดีตที่เคยสูญเสียนั้นได้... เพราะรัก...ถึงต้องจากลางั้นหรือ?
"ข้าขอบใจทุกคนมาก ข้าจะพยายามก็แล้วกันข้าขอตัวนะ "
กลิ่นอายของหน้าหนาวเริ่มปะทะผิวหน้าของแม่ทัพใหญ่แห่งเว่ยเฉียง เขายกมือขึ้นแตะผิวหน้าเบาๆขณะเดินไปตามถนนของเมืองเพื่อมุ่งหน้าไปสู่ 'ต้นท้อ '
...สุดท้ายแล้วทุกๆวันสองขาจะพาร่างกายมาสู่ที่แห่งนี้โดยที่สมองไม่ได้สั่งการ...
ทั้งหมดเพราะอะไรกันนะ?...
'หนาว...ท่านฉาง...ข้าหนาวเหลือเกิน '
เสียงใสที่ตราตรึงใจตลอดมาดังแว่วมาจากต้นท้อบนเนิน... สองขาที่เคยก้าวตามสัญชาติญาณ บัดนี้กำงังเร่งความเร็วด้วยใจที่เต้นรัว...
' ฉางเชิน... ข้าหนาวเหลือเกิน...'
ราวภาพถ่ายที่เลือนลาง... ภาพเบื้องหน้าคือบุรุษที่โหยหามาตลอด... เขากำลังสั่นสะท้านเพราะความหนาวเหน็บ..
...ด้วยร่างกายชุ่มเลือดสีแดงฉาน...
"เพ่ย... เพ่ย! รอข้า รอข้าก่อน! " เสียงแหบแห้งตะโกนออกไปพร้อมสองขาที่ก้าวสู่ใต้ต้นไม้แห่งรัก...
ร่างนั้นหยุดนิ่ง.... ค่อยๆหันกลับมายิ้มอ่อนแรงให้กับคนรักที่พยายามดึงดันมาหาตน...
'ฉางเชิน... ลืมข้าเถอะ... ลืมข้าเถิด...ได้โปรด..ข้าไม่อยากเห็นท่านเจ็บปวดอีกแล้ว... ข้าขอร้อง..ท่านแม่ทัพ.. "
หัวใจของมนุษย์ผู้แข็งแกร่งหยุดเต้นไปชั่วขณะ ปานถูกปิดแทงด้วยกริชเอาไว้....สองขาพลันหยุดตรงหน้าของอีกคนที่โหยหามานาน...ด้วยน้ำตา
"ข้า...ทำไม่ได้..."
'อย่าพยายามดึงดันในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย...ท่านรู้อยู่แก่ใจ...ข้าไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่จริง... '
มือหนายื่นออกไปปาดเช็ดเกล็ดหิมะที่เริ่มโปรยปรายลงมาสู่ใบหน้าของคนรัก.... ทั้งที่เป็นเพียงอากาศที่ถูกฉายภาพของคนรัก...
หลอกตนเอง...
ทั้งอย่างนั้น... เขากลับมีความสุขในสิ่งที่เป็นเช่นนี้....
"ข้าขอ...แค่เพียงสักนิด...ข้าอยากเห็นเจ้าตลอดไป... ข้า ขอแค่เจ้า...ได้หรือไม่ เพ่ยเฟิงของข้า "
'ข้าทำไม่ได้...ข้าขอโทษ... ข้าไม่ใช่สิ่งที่ท่านต้องการ ลืมข้า..ลืมข้าไปซะ... ข้าจะไปสู่เส้นทางของข้า...ได้โปรดทิ้งข้าไปเสียเถิด...ท่านแม่ทัพฉาง '
ไม่
ไม่!
ไม่!!
อย่าไป ข้าไม่ให้เจ้าไป!!! เพ่ยเฟิง!!!!
.
.
.
.
"ตื่นแล้วๆ.. ท่านไม่คิดว่าตนเองจะตายในกองหิมะหนาวๆใต้ต้นท้อหรือไงกันนะ ถึงได้นอนอย่างนั้น "
ใบหน้าเรียวขาวมีความเป็นบุรุษของคนตรงหน้าทำให้คนที่เพิ่งกลับจากการหลับใหล เข้าสู่ภวังค์อีกครั้ง...
"เพ่ยเฟิง... ?" รอยยิ้มอ่อนแรงผุดขึ้นมาบนริมฝีปาก...มือหนายื่นออกไปจับเบาๆอย่างโหยหา ก่อนจะต้องชักมือกลับด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
อุ่น... ร่างกายคนผู้นี้อุ่น!
"อ่า...ข้ามีนามว่า ฟ่านปิง หมอประจำเมืองน่ะ ข้าบังเอิญผ่านไปเจอท่านด้วยอะไรสักอย่างที่ทำให้ข้าเกิดพิศวาสอยากไป และนั่นก็ทำให้ข้าได้พบท่านนอนแข็งอยู่บนนั้น... เอาจริงๆข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านมาไม่น้อยเลย"
ท่าทางของคนที่ใช้สมองมากกว่ากำลังของคนตรงหน้าทำให้แม่ทัพฉางได้ตระหนักถึงความแตกต่างกันของคนรักกับชายหน้าเหมือนคนนี้ไปโดยสิ้นเชิง...
ทั้งที่ใกล้จะคว้าเอาไว้ได้ทันแท้ๆ... ทั้งที่กำลังจะได้กอดร่างเย็นเฉียบนั่นเอาไว้แท้ๆ....
"ไม่กล่าวอะไรหน่อยหรือ? " พอรู้สึกถึงความอึดอัดที่อีกฝ่ายไม่ยอมปริปากแล้วก็ยิ่งทำให้หมอหนุ่มเกิดวิตกขึ้นมา เพราะเกรงว่าจะทำให้แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่เคืองโกรธเอาได้ แต่พอเห็นกริยาท่าทางกลับรู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก...
อยากปลอบ... อยากทำให้คนๆนี้สบายใจ...
ทำไมกันนะ...?
" ท่านแม่ทัพ... ให้ตาย... ตายๆไปซะ ความรู้สึกทั้งหมดของท่าน...ข้าจะช่วยท่านเอง " ...
หมอหนุ่มกัดฟันกับประโยคต่อไปที่กำลังจะกล่าวด้วยท่าทีหวาดกลัว.....กลัวหัวใจของตนเองที่กำลังสั่นคลอน.. ทั้งที่คิดมาตลอดว่าจะไม่สนใจ ต่อให้เห็นหน้าก็จะไม่ยอมให้ตนเองหลงรักเขาอีกเป็นอันขาด...
เพราะแอบรักมาตลอดหรือเปล่านะ...
ต่อให้หนีแค่ไหน แค่เห็นใบหน้าที่คอยเฝ้ามองตลอดหลายปีมานี้...หัวใจก็ไม่อาจห้ามมิให้ตกหลุมรักมนตราที่เขาสร้างขึ้นเองได้...
ท่านแม่ทัพฉาง....
จะรังเกียจข้าไหม.. ถ้าข้าจะบอกว่า หมอผู้ต่ำต้อยผู้นี้หลงรักท่านมายี่สิบกว่าปี... และตอนนี้ข้าอยากเป็นคนดูแลหัวใจดวงนี้ของท่าน...
'จะรังเกียจข้าไหม?'
"เจ้าไม่ใช่เพ่ยเฟิง จริงๆ..ใช่ไหม? ''
หน้าข้าเหมือนคนรักเก่าของท่านถึงเพียงนั้นเชียวรึ..
เช่นนี้...ข้าจะมิเป็นตัวแทนของคนๆนั้นหรอกหรือ... ไม่ ข้าไม่ต้องการเช่นนั้น...
"ข้าไม่ใช่ใครทั้งนั้น "
จู่ๆรอยยิ้มที่ข้ามองมาตลอดก็ประดับขึ้นบนริมฝีปากหนา... เขากำลังพึงพอใจ....
" คุณหมอ กระผมเป็นแผลเหวอะหวะที่หัวใจด้านซ้าย...จอนนี้มันอักเสบมากเพราะกระผมหลอกตนเองมาสองปีจนบาดแผลไม่แห้งสักที... คุณหมอช่วยรักษากระผมทีเถอะ "
ใบหน้าข้าร้อนผาวกับคำตอบนั้น... กับหัวใจที่เต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก... ทั้งที่คิดมาตลอดว่าไม่มีทางแทรกกายลงไปนั่งบนใจแข็งกล้าดวงนี้ได้...
ทั้งที่คิดว่าไม่มีทางแทรกทั้งสองคนได้....
"เช่นนั้น...ข้าบอกไว้ก่อนว่าหมออย่างข้า มีเพียงคนเดียวในโลก "
"ข้าก็ไม่ได้บอกว่าท่านมีหลายคนนี่ " แม่ทัพฉางเชิงเอ่ยด้วยท่าทีกวนๆ.. เขาตัดสินใจแล้วเมื่อเห็นน้ำตาของเพ่ยเฟิง... ยิ่งเขาทรมานมากเท่าไหร่....เพ่ยเฟิงทรมานมากเท่านั้น.... ไม่สิ...แค่เขาเพียงผู้เดียว...
สองปีมานี้.... เพ่ยเฟิงคงได้มองเขาจากสวรรค์มาตลอด.. เขาอยากทำให้เพ่ยเฟิงรู้...ว่าเขาอยู่ได้ด้วยตัวเองจริงๆ... แม้จะเปิดใจให้คนใหม่ก็ตาม... แต่เพ่ยก็จะอยู่ในใจเขาตลอดไป...
'คิกๆ...ข้าดีใจที่ท่านคิดได้..ท่านฉาง ขอให้มีความสุขขอรับ'
สายลมที่พัดหอบเอาเสียงกระซิบมาสู่ใบหู... ฉางเชินผุดยิ้ม... เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เสแสร้งหรือหลอกตนเองอย่างที่เคยทำ....
เสียงกระซิบเองก็เช่นกัน...
" เอาล่ะ... รักษาข้าได้เลยหมอ... ท่านจะได้รักษาข้าจนท่านเหนื่อยใจเลยล่ะ "
.
The End
.
.
.
.
.
#จริงๆเรื่องนี้กะจะให้จบแบบ...พระเอกตายตามไรเงี้ย..
#ยาวชิบหา*เลย
ความคิดเห็น