Heart touching , เขียนอย่างไรให้ซึ้งตรึงใจ - Heart touching , เขียนอย่างไรให้ซึ้งตรึงใจ นิยาย Heart touching , เขียนอย่างไรให้ซึ้งตรึงใจ : Dek-D.com - Writer

    Heart touching , เขียนอย่างไรให้ซึ้งตรึงใจ

    วิธีเขียนผลงานให้เรียกน้ำตาจากคนอ่าน หวังว่าคงช่วยให้เพื่อนๆนักเขียนเขียนผลงานซึ้งได้บ้าง ไม่มากก็น้อยละ

    ผู้เข้าชมรวม

    4,851

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    4.85K

    ความคิดเห็น


    17

    คนติดตาม


    28
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ส.ค. 49 / 00:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
             "18 ปีที่ผมอยู่มาด้วยสายตาที่สั้นกว่าคนธรรมดาอย่างมาก ทำให้ผมรู้สึกตัวเองมีปมด้อย

              แต่แล้ววันหนึ่ง ผู้หญิงไม่ธรรมดาคนหนึ่งทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิด..."

              /Step 1 : จุดมุ่งหมายของเรื่อง
                 ไม่ใช่เนื้อเรื่อง แต่เป็นจุดมุ่งหมายของเรื่อง เราควรมีสิ่งที่จะสื่ออย่างชัดเจน ในความเห็นส่วนตัว
                  ผมคิดว่ามันสำคัญกว่าเนื้อเรื่องเสียอีก
                  จุดมุ่งหมายของเรื่องที่จะซึ้งกินใจได้นั้น ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับอารมณ์โดยตรง ซึ่งหลักๆ เป็นอารมณ์
                  ของความเศร้า ความดีใจ ความตื้นตัน ความประทับใจ ความผิดหวัง ซึ่งหลักเรื่องแนวรักๆ จะมีครบหมด
                  แต่ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องรัก เพราะ เรื่องที่ซึ้งกินใจที่ดีมากๆ มักเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนที่แตกต่างกัน
                  เราต้องใส่ใจกับอารมณ์ของตัวละครมากเป็นพิเศษ สำหรับเรื่องซึ้งกินใจ
                  แต่ที่เราต้องใส่ใจมากกว่าคืออารมณ์ของผู้ที่อ่านงานของเรา ว่าเราจะทำอย่างไรให้เขาเข้าใจอารมณ์ของ
                  ตัวละครนั้นๆ เรื่องนี้จะกล่าวถึงในส่วนของเนื้อเรื่อง...

              "ผมรู้จักเธอตอนที่ผมเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ประสพภัยจากซึนามิ เธอเป็นหนึ่งในอาสาสมัครนั้น
                          
                ถ้าเธอเป็นคนปกติ ผมคงไม่รู้สึกอะไรหรือสนใจเป็นพิเศษ แต่เธอมาพร้อมกับเพื่อนๆของเธอ...

                 ที่เป็นอาสาสมัครจากสมาคมของคนตาบอด"

                 /Step 2 : เนื้อเรื่อง
                    ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ครอบทั้งหมดไว้ ก็เหมือนหน้าตาของเรื่อง หากไม่ดีก็ไม่มีใครอ่าน ต่อให้จุดประสงค์ดีแค่ไหนก็ตาม
                    เนื้อเรื่อง ตรงส่วนนี้จะเป็นอย่างไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับจินตนาการ แต่เนื้อเรื่องไม่ควรจะวกวน ควรนำเนินตรงๆ
                    เพราะเรื่องซึ้งๆ ก็อ่านเข้าใจยากอยู่แล้ว ยิ่งวกวนจะกลายเป็นชวนงงไปเลยก็ได้
                    เราสามารถทำให้เรื่องนี้น่าสนใจหรือมีเสน่ห์ได้โดยเนื้อเรื่องที่แหวกแนว เช่น แฟนตาซี ย้อนยุค ช่วงสงคราม ยุคอวกาศ โลกของสัตว์ อะไรก็แล้วแต่ ที่เหมาะกับวัยของผู้อ่านที่เป็นเป้าหมายของเรา           
            
                "ผมได้มีใกล้ชิดกับเธอจากการเข้าไปช่วยเหลืองานที่เธอไม่สามารถทำได้ เช่นขนของหรือการตักอาหาร

                 เมื่อมีโอกาสได้คุยกัน ก็ได้รู้ว่าเธอไม่ได้ตาบอดมาแต่กำเนิด แต่เธอไม่ได้บอกว่าอะไรทำให้เธอ
       
                 เป็นเช่นนี้ แต่เราก็คุยกันได้อย่างถูกคอ... อาจเพราะผมไม่รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ก็เป็นได้ละมั้ง"

                 /Step 3 : ตัวละคร
                      ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เราใช้สื่ออารมณ์กับผู้อ่านเป็นหลัก รองจากบรรยากาศของสิ่งแวดล้อม(ถ้าเราบรรยายด้วยวัตถุ ให้ใช้สื่ออารมณ์ เช่น กำแพงที่ดูว่างเปล่า... เป็นต้น) ซึ่งตรงจุดนี้ เราต้องใส่รายละเอียดให้มากที่สุด
                     ตัวละครที่จะใช้ เราต้องสร้างมิติ และความโดดเด่นให้ชัดเจน เช่นมีที่มาที่ไป มีแนวคิดเป็นของตัวละครเอง
                     มีนิสัยเฉพาะ หรือยิ่งมีข้อเสียจะดีมาก เพราะจะทำให้ดูสมจริงมากขึ้น และที่สำคัญ ต้องลักษณะคงเส้นคงวา
                     แต่เราสามารถวางให้ตัวละครเราเติบโตได้ ซึ่งจะซับซ้อนขึ้นไปอีก แล้วผลงานเราจะดูมีมิติมากขึ้นอีก

                  "ผมไม่คุยกับเธออีก... หลังจากที่เธอถามถึงระยะสั้นของสายตาผม... มันทำให้ผมรู้สึกถึงพวกที่เคย

                   แกล้งผมต่างๆนาๆสมัยยังเด็ก ทำไม... สั้นมากแล้วอย่างไร... แต่เธอก็กลับมาขอโทษผม โดยที่
       
                   เธอเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมโกรธเรื่องอะไร... ผมบอกยกโทษให้ก็ได้ แต่มีข้อแม้..."

                  /Step 4 : อารมณ์ของเรื่อง
                      เรื่องซึ้งที่เศร้า ไม่จำเป็นต้องเศร้าทั้งเรื่อง แต่ตรงกันข้าม ควรมีตลกออกมาบ้างเพื่อให้เกิดการกระชากของอารมณ์ แต่เราไม่ควรพลิกบ่อย เพราะผู้อ่านจะสับสน เราควรใช้เป็นจังหวะๆ ให้เกิดการไหลของอารมณ์
                      อาจจะฟังเข้าใจยากและทำยาก แต่สำคัญมาก หากเราทำการไหลของอารมณ์ได้ถูกจังหวะ ผู้ที่อ่าน จะเข้าถึงอารมณ์ของเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้น ผมให้นิยามว่า Resonance Of Emotion (การสอดประสานของอารมณ์)

                 "ผมพาเธอไปยังที่ๆหนึ่ง ซึ่งไกลออกไปจากที่พักของพวกเรา เธอก็ตามผมมาแต่โดยดี..
       
                  ผมบอกเธอว่าเรากำลังอยู่ในลานกว้างที่ไม่มีใคร... ผมแอบค่อยๆย่องออกมาโดยปล่อยเธอไว้

                 เธอเรียกหาผมหลายครั้งแต่ผมแกล้งไม่ตอบ... ผมหนีกลับที่พักมาก่อน เหมือนกับพวกที่เคยแกล้งผม

                 เอาแว่นของผมไป แล้วทิ้งผมไว้ที่โรงเรียน"
        
                 /Step 5 : การเฉลยหรือการหักมุม
                      หากมาทื่อๆ บอกตรงๆ คงไม่น่าอ่าน เราต้องใส่ใจกับตรงนี้ด้วย เพราะมันคือการลงจอดของเรา หากบินสวยมาทั้งเรื่อง แต่เอาหัวลงมันก็ยังไงๆอยู่ เราจะดึงอารมณ์ของคนดูได้ดีแค่ไหน ตรงนี้จะตัดสินว่าผู้อ่านคิดอย่างไรกับผลงานของเรา เพราะผู้อ่าน อ่านต่อเพราะอยากรู้ตอนจบ นั่นเอง

                "ผมพบว่าเธอกลับมากลับมาที่ที่พัก ก่อนผมเสียอีก... ผมทั้งโกรธที่แกล้งไม่ได้ และโมโหที่ทุกอย่าง

                 ไม่เป็นไปตามแผน... ผมเข้าไปตบหน้าเธอด้วยอารมณ์... แล้วบอกว่าผมเคยปวดใจเพราะเรื่องนี้

                 และอยากให้เธอเข้าใจผมบ้าง... เธอกลับยิ้มและบอกว่า เธอเข้าใจแล้ว และเธอขอโทษ...

                 เธอบอกว่ารู้มั้ยทำไมเธอถึงกลับมาได้... ไม่ยากเลย... ก็แค่ตะโกนออกมาว่าฉันตาบอด เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยเอง..."

                 /Step 6 : เรียบเรียง
                      พอได้ครบทั้งห้าอย่างแล้ว เราก็นำมาเรียบเรียงลำดับ ให้กลายเป็นโครงเรื่อง หรือ พล๊อตเรื่อง
                     เสร็จแล้วเราก็ลงมือแต่งจริง และต้องคอยอ่านซ้ำอีกครั้ง เพื่อดูว่าเราเขียนได้ดี ได้เข้าถึงอารมณ์หรือยัง
                     การเขียนที่ดีนั้น เราต้องใส่อารมณ์ไปด้วยจะช่วยได้มาก (เขียนด้วยอารมณ์นั้นๆ) ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับ
                     ความสามารถในการเขียนของเราแล้วละ ขอให้ทุกคนเขียนเรื่องได้ซึ้งๆนะครับ หวังว่าเรื่องที่ผมเขียนมา
                     คงจะช่วยอะไรได้บ้าง ลาละ

                 "ผมละอายความเลวของตัวเองและหนีออกมา... ไม่นาน ผมเดินมาถึงถนนแห่งหนึ่ง...
       
                   ผมคิดว่าถ้าจะให้สายตาสั้นมากๆ สู้ตาบอดเสียยังดีกว่า... ผมตั้งใจหลับตาและลองข้ามถนนดู...

                   แต่ผมกลับก้าวขาไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว...  มันน่ากลัวอย่างบอกไม่ได้...  นี่เธอต้องสู้กับความน่ากลัวของการมองไม่เห็นถึงเพียงนี้เชียวหรือ...
                
                   ผมน้ำตาไหลออกมาและเดินย้อนกลับไปที่พัก... เพื่อขอโทษเธอ


                   ผมเข้าใจแล้ว... สิ่งสำคัญที่ใช้บอกโลกทัศน์ไม่ใช่ดวงตา แต่อยู่ที่ดวงใจนั่นเอง..."

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×