ทำไมนะทำไม ไม่รู้ใจตัวเองเสียที - ทำไมนะทำไม ไม่รู้ใจตัวเองเสียที นิยาย ทำไมนะทำไม ไม่รู้ใจตัวเองเสียที : Dek-D.com - Writer

    ทำไมนะทำไม ไม่รู้ใจตัวเองเสียที

    โดย freqly

    ความเอาใจใส่ที่เกิดจากสัญชาติญาณ ไม่ใช่ความรัก แล้วจะรู้ได้ไงว่าตรงไหนคือความรักที่เกิดจากความเอาใจใส่ ถ้าไม่รู้จักความรักที่แท้จริง

    ผู้เข้าชมรวม

    6,014

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    6.01K

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ธ.ค. 47 / 02:04 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      .

                          “เฟิร์นฟังต่อนะ ต่อไม่เคยคิดแบบนั้นกับเฟิร์นจริงๆ ที่ต่อทำทุกอย่างเพราะว่าต่อเป็นห่วงเฟิร์น ที่ต่อเอาใจใส่ทำดีกับเฟิร์น ต่อก็ทำอย่างงี้เป็นประจำกับทุกคนที่ต่อใกล้ชิดด้วย อาจจะดูเหมือนต่อรักเฟิร์น แต่ใจต่อไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ ต่อไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เฟิร์นเข้าใจ ต่อเสียใจที่ต่อจะต้องบอกเฟิร์นว่า เฟิร์นอย่าพยายามให้ต่อเป็นแฟนของเฟิร์นเลยนะ ในเมื่อต่อไม่ได้คิดแบบนั้น แต่อย่างไรเราก็เพื่อนกันนะ”

                          “เพื่อนเหรอ เพื่อนกันเค้าทำกันอย่างงี้เหรอ” เฟิร์นร้องไห้เสียใจอย่างหนัก

                          “เฟิร์น เข้าใจต่อหน่อยสิ อย่าร้องเลยนะ” ผมพยายามปลอบเฟิร์นพร้อมทั้งยื่นผ้าเช็ดหน้าของผมไปให้

                          “เอาเถอะ เฟิร์นเสียใจมามากพอแล้วเสียเวลากับต่อมามากพอแล้ว ต่อไปนี้เฟิร์นก็จะพยายามลบภาพต่อออกจากใจ เราไม่ต้องมาเจอกันอีก พบหน้าก็ไม่ต้องมาพบกันเลย”

                          “เฟิร์นอย่าให้ถึงแบบนั้นสิ” ผมพยายามต่อรอง

                          “งั้นเฟิร์นไปนะ ขอบใจนะที่ทำให้เราเสียใจเป็นครั้งสุดท้าย” ผมมองตามเฟิร์นออกไปนอกร้านจนลับตาสักพักผมก็ตามออกไป

          
                          เมื่อผมออกไปนอกร้าน ผมสังเกตคนมุงอยู่ที่ริมถนน ผมคิดว่าต้องมีอุบัติเหตุอะไรแน่ๆ ด้วยความที่เป็นคนไทยจะไม่เข้าไปดูสักหน่อยก็ไม่ได้ เมื่อผมเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุสิ่งหนึ่งที่ทำให้ขาผมชะงักไม่อยากที่จะเข้าไปดูว่าเกิดอะไร มันคือสิ่งที่ถืออยู่ในมือตำรวจ เป็นสิ่งที่ผมคุ้นตาดี ผมพึ่งยื่นให้เธอเมื่อสักครู่ ผ้าเช็ดหน้าที่พึ่งเปื้อนคราบน้ำตา แต่ตอนนี้มันกลับต้องมาเปลี่ยนเป็นคราบสีแดงของเลือดแทน

                          “เฟิร์น ต่อขอโทษ” ผมอุทานเมื่อค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ศพของเธอ เธอคงจะกำลังก้าวข้ามถนน แต่ด้วยความเสียใจทำให้เธอขาดความระมัดระวัง จนต้องมาพบจุดจบแบบนี้

                          “เราไม่ต้องมาเจอกันอีกเลย พบหน้าก็ไม่ต้องมาพบกันเลย” คำพูดนี้ยังคงก้องอยู่ในสมองผมอีกนาน


                          ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมกลับกลายเป็นคนที่ไม่พยายามที่จะคุ้นเคยหรือสนิทกับผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษจนดูเหมือนกับว่าผมเป็นคนเย็นชากับผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาให้ผมรู้จัก เพราะความรู้สึกที่ว่าผมไปให้ความหวัง นิสัยดีห่วงใยใส่ใจกับคนอื่นมากเกินไปเป็นข้อเสีย เป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ร้าย


                          “ต่อวันนี้ไปดูหนังกับเราไหม” แพรเพื่อนสาวของผมถามเมื่อผมกำลังจะกลับบ้านหลังจากเลิกเรียน

                          “ไม่ล่ะ เชิญเธอไปเถอะ เราจะรีบกลับบ้าน”

                          “แล้วถ้าฉันชวนล่ะนายจะไปไหม” โก้เพื่อนสนิทผมเข้ามาโอบไหล่แล้วถาม

                          “จะไปไหนล่ะ ว่ามา”

                          “ไปแบบเดียวกับที่แพรเค้าชวนน่ะล่ะ มีหนังเข้าใหม่ฉันอยากชวน แต่ก็หาสาวๆไปด้วยไม่ได้เลย นี่ล่ะมีนายล่ะเป็นคำตอบสุดท้าย”

                          “อะไรวะ เห็นเราเป็นตัวเลือกสุดท้ายนี่หว่า ก็ได้ไปก็ไป”


                          การไปดูหนังครั้งนั้นทำให้ผมพบกับน้องสาวของโก้ ซึ่งเธอก็มาดูหนังเรื่องนี้กับเพื่อนของเธอและผมก็เธอก็พบกันที่หน้าโรงหนัง


                          “อ้าวยายโย มาได้ไงเนี่ย”

                          “แล้วพี่ล่ะมาได้ไง ไม่บอกว่าจะมาดูเรื่องเดียวกัน จะได้ไม่ต้องชวนเพื่อนโยมา”

                          “ต่อ นี่น้องเรา โย โยนี่พี่ต่อเพื่อนพี่”

                          “สวัสดีค่ะ เพื่อนพี่โก้น่ารักนะ” เธอยิ้มให้ผม แต่ตอนนั้นผมก็ไม่นึกอะไรคิดแต่ว่าเป็นน้องสาวเพื่อนเท่านั้นเอง แต่แล้วผมก็ต้องสนิทกับเธอจนได้


                          “ขอสายพี่โก้หน่อยค่ะพี่ต่อ” เธอโทรมาหาผมที่บ้านเพราะโก้พี่ชายเธอมานั่งทำรายงานที่บ้านของผม

                          “โก้ ใครไม่รู้โทรมาหา รู้จักชื่อเราด้วย”

                          “ผู้หญิงป่ะล่ะ ถ้าใช่ ก็ยายโยไง เห็นคลั่งแกจะตายพักหลัง”

                          “อะไรนะ” ผมทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่แปลกที่หัวใจของผมมันสั่นไหว นี่เป็นครั้งแรกที่ใจผมสั่น หลังจากผมตั้งมั่นว่าจะไม่สนใจผู้หญิงคนไหนอีก


                          “เอ้อ ต่อนายว่างไหม วันเสาร์นี้น่ะ โยเค้าจะไปตีแบดน่ะ แต่เราไม่ว่างน่ะ ช่วยไปแทนทีได้ป่ะ”

                          “อ้าวแล้วมันหน้าที่อะไรของเราด้วยล่ะ”

                          “เพื่อเพื่อนน่าทำให้หน่อยสิ ไม่สนน้องสาวเราบ้างเลยเหรอ”

                          “เอ่ออออ” ผมทำเสียงแล้วเพื่อนก็พูดออกมา

                          “ไม่ต้องมัวแต่เอ่อแล้วตกลงใช่ป่ะ”

                          “โย พี่ต่อเค้าตกลงแล้ว เสาร์นี้ห้าโมงเย็นนะ” พูดจบโก้ก็วางสายไป

                          “อะไรกันวะ ยังไม่ทันตอบตกลงเลย แล้วนายไปไหนล่ะไปกับน้องเค้าไม่ได้”

                          “ไปตีเทนนิสกับสาวอีกคนว่ะ”

                          “เฮ้อ มันก็ตีเหมือนกันแล้วไม่ไปตีด้วยกันละ”

                          “ก็มันคนละแบบ”


                          ดังนั้นผมก็เลยต้องไปตีแบดกับโย นี่คงเป็นครั้งแรกหลังจากที่เฟิร์นตายที่ผมต้องไปไหนมาไหนกับผู้หญิงสองคนเพียงลำพัง แล้วสิ่งหนึ่งที่บอกว่าผมเริ่มหวั่นไหว คือหัวใจที่เต้นแรงเมื่อเธออยู่ใกล้และส่งน้ำให้ผมดื่ม


                          “พี่ต่อน้ำค่ะ เหนื่อยล่ะสิ ว่าแต่ตีเสร็จแล้วเราจะไปกินข้าวที่ไหนกันต่อคะ”

                          “ไม่ล่ะ พี่ต้องกลับบ้านน่ะ”

                          “แหมน่าเสียดายจังเลย โยกะว่าจะเลี้ยงข้าวเย็นเป็นการตอบแทนนะเนี่ย”

                          “ไม่เป็นไรหรอกไว้คราวหน้าล่ะกัน”

                          “ได้ค่ะไว้คราวหน้า โยจะจำคำพูดพี่ต่อไว้นะ”


                          สรุปแล้วกลายเป็นว่าจากที่ผมตั้งใจจะปฏิเสธกลับกลายเป็นผมรับคำพูดไปในครั้งต่อไป ผมพยายามที่จะไม่สนิทกับเธอให้มากไปกว่านี้ แต่ยิ่งหนีห่างใจของผมมันก็ยิ่งเขยิบเข้าไปใกล้ ใกล้เข้าไปทุกที จนผมไม่รู้ว่าผมเข้าไปอยู่ในหัวใจของเธอมากขึ้น และเธอก็แทรกซึมเข้ามาในหัวใจของผมทีละนิด

                          บางครั้งเมื่อผมมองโทรศัพท์และคิดถึงอยากจะโทรไปหา แต่พอผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทุกทีและกดเบอร์ไป ปากผมก็ไม่ตรงกับใจ หรือจะเป็นปฏิกริยาตอบสนองให้ปฏิเสธคำสั่งหัวใจ ผมต้องเอ่ยชื่อโก้ออกไปว่าผมโทรมาหา

                          “นี่ต่อ ไม่มีเรื่องอะไรโทรมาทำไมแต่เช้าวะ ยังไม่ตื่นเลย อย่าบอกนะว่าคิดถึงเราแต่เช้า”

                          “โทษที ไม่ได้คิดถึงนายหรอก”

                          “อ้าวงั้นคิดถึงใคร อ๋อยัยโยน่ะเหรอ เออแล้วจะบอกให้”

                          “เฮ้ยไม่ใช่อย่างงั้น”

                          “เออ อย่าปากแข็ง อ้าวนั่นโยมาพอดี โย พี่ต่อเค้าจะคุยด้วยแน่ะ”

                          “สวัสดีค่ะ พี่ต่อ นึกไงวันนี้ลมอะไรหอบมาคะ”

                          “คือว่า พี่จะ…”

                          “อ๋อ จะพาโยไปกินข้าวเหรอ ได้ค่ะ บ่ายนี้โยว่างค่ะ”

                          “ครับ กินข้าวกัน” ผมตอบไปเพราะว่าคิดอะไรไม่ออกแล้ว


                          หลังจากนั้นผมกับโยก็สนิทกันจนทำลายกำแพงกั้นความรู้สึกนั้นออกไปจากใจเกือบหมดผมเริ่มรู้แล้วว่าผมรักเธอมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจกับความรู้สึกนั้นดีพอ อาจจะเพราะความรู้สึกเดิมที่ผมยังไม่มั่นใจกับคนไหนผมจะไม่กล้าพูดออกไป ผมไม่แน่ใจว่าความรักที่ผมมอบให้โย จะเป็นความรักจริง หรือเป็นเพียงแค่สัญชาติญาณของความเอาใจใส่ที่ผมเคยมีมากับผู้หญิงทุกคนแต่ก่อน


                          “พี่ต่อคะ พรุ่งนี้ว่างไหม จำได้ไหมว่าวันอะไร”

                          “จำได้สิ พี่เตรียมของให้โยแล้วด้วยนะ”

                          “ขอบคุณค่ะ พรุ่งนี้โยก็มีอะไรจะบอกด้วยนะ” เธอยิ้มให้ผม

                          “บอกอะไรพี่เหรอ” ผมทำหน้าสงสัย

                          “บอกก็ไม่ใช่ความลับสิคะ เจอกันพรุ่งนี้ที่ร้านอาหารริมคลองนะคะ”

          
                          ร้านอาหารริมคลองผมนึกในใจ เป็นร้านอาหารที่ผมได้กินกับเฟิร์นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะจากผมเพราะคำพูดที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะรับได้ ที่ผมทำร้ายเธอเพียงคำเดียว และพรุ่งนี้โยจะบอกอะไรผมในวันเกิดของเธอ


                          ที่ร้านอาหารริมคลอง


                          “พี่ต่อคะมาเร็วจังนะคะ”

                          “ก็มารอเราตั้งนานแล้วล่ะ นี่ของขวัญวันเกิด”

                          “ขอบคุณมากค่ะ”

                          ผมนั่งกินกันไปสักพักนึง โยก็พูดขึ้นมาว่า

                          “พี่ต่อคะ จำได้ไหมว่าโยจะบอกอะไรพี่ต่อ”

                          “จำได้สิ จะบอกอะไรล่ะ”

                          “โยรักพี่ต่อค่ะ รักมาตั้งนานก่อนที่จะเจอพี่เสียอีก”

                          “เหรอ “ ผมตกใจเพราะไม่คาดว่าจะได้ยินคำนี้จากโยมาก่อน ผมไม่คิดว่าเธอจะกล้าบอกรักผู้ชายก่อน

                          “แล้วพี่ต่อคิดอย่างไรกับโยคะ”

                          “พี่รักโยแบบน้องสาวน่ะ “ ผมตอบออกไปด้วยความไม่รู้ว่ามันจะทำลายบรรยากาศตรงนั้นให้ดูอึดอัดขึ้น ผมตอบออกไปเพราะว่าใจไม่แน่ชัดว่าสิ่งที่ผมทำกับโยเป็นความรักแน่หรือไม่ แล้วผมก็เริ่มรู้สึกอีกทีนึงเมื่อโยลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากร้านไป ผมนิ่งอึ้งความคิดของผมกลับคืนมาสู่วันที่เฟิร์นร้องไห้เมื่อผมปฏิเสธรักไป เธอออกจากร้านไปแล้วไม่กลับมาหาผมอีกเลย คราวนี้เป็นโย น้องสาวเพื่อนผม เธอออกจากร้านไปแบบเดียวกัน ผมจะทำร้ายเธออีกคนเหรอ ไม่สิ ผมรักเธอ ความรู้สึกนี้คือรักเธอจริงๆ ไม่ใช่แบบน้องสาว ผมรีบวางเงินไว้ที่โต๊ะ แล้วรีบเดินออกจากร้านไป


                          บนท้องถนนมีคนมามุงยืนอยู่ที่เดิมกับตรงที่ผมได้พรากจากเฟิร์นชั่วชีวิต ความผิดนี้จะเป็นความผิดครั้งที่สองของผมเหรอ ผมค่อยๆ แหวกฝูงชนเข้าไปด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ จากระยะสิบเมตร เป็นห้าเมตร สามเมตร จนผมแหวกเข้าไปใกล้ จนเกือบจะเห็นผู้โชคร้ายคนนั้น ผมก็สังเกตเห็นตำรวจแหวกคนออกมา

                          “ไม่น่าเลยเนอะ ยังสาวอยู่เลยไม่น่าคิดฆ่าตัวตายวิ่งออกไปให้รถชนเลย”

                          ผมนึกถึงโยขึ้นมาทันที นี่เป็นความผิดครั้งที่สองของผมจริงๆเหรอ ถ้าผมกล้าและบอกความรู้สึกที่แท้จริงแก่เธอไป แม้ผมจะไม่รักเธอตอนนี้ แต่หัวใจผมบอกอยู่แล้วว่าใช่ ทำไมผมไม่กล้าตัดสินใจ รับรักเธอไป แล้วศึกษากันและกัน บ่มให้มันเป็นความรักที่เข้าใจ ความรักไม่ได้กำหนดว่าใช่ตั้งแต่แรกเห็น แต่เป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน พัฒนาเป็นความผูกพัน ผมรู้แล้วว่าผมผูกพันกับโยแค่ไหนแม้ว่าจะเป็นเพียงระยะเวลาไม่นานนัก แต่ผมก็เข้าใจแล้ว ความรักของผมไม่ได้เกิดจากสัญชาติญาณแห่งการเอาใจใส่ แต่เกิดจากปาฏิหารย์ที่ทำให้ผมกับโยเจอกัน

                          “พี่ต่อ เข้าไปในร้านกันเถอะ เสียงนี้ดังมาจากด้านหลัง”

                          “อ้าวโย ไม่เป็นอะไรเหรอ”

                          “เปล่าไม่เป็นอะไร โยได้ยินเสียงคนร้องว๊าย โยก็รีบเดินออกมาดู ลืมพี่ต่อเสียสนิทเลย โยขอโทษนะคะ”

                          “ไม่เป็นไร ถ้าโยไม่ออกมาพี่ก็ไม่เข้าใจอะไรอีกหลายอย่างเลย”

                          “ไม่เป็นไรค่ะโยไม่ซีเรียส”

                          “แต่พี่ซีเรียสนะ พี่จะมาบอกโยใหม่ พี่รักโยแบบน้องสาวของเพื่อนที่จะมาเป็นแฟนของพี่ในอนาคต จะยอมรับพี่เป็นแฟนของโยหรือเปล่าล่ะ”

                          “แหม อย่าพูดให้โยดีใจสิคะ”

                          “พี่พูดจริงๆ ตอนนี้พี่มั่นใจแล้วล่ะ ว่าโยคือตัวจริงแห่งความรัก โยคือปาฏิหารย์ของพี่” พอพูดจบโยก็จับมือผมขึ้นมาแล้วลากผมไปกินอาหารต่อให้เสร็จ

                          “ไปเถอะค่ะโยหิวแล้วนะ ดาร์ลิ่ง”

      เรื่อง \"เมื่อฉันตาย ความรักไม่ได้ตายตามไปด้วย\"
      http://www.dekdee.com/entertain/viewshort.php?id=2025
      ตามไปอ่านกันด้วยนะครับเรื่องนี้ เรื่องเศร้า

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×