เมื่อฉันตาย ความรักไม่ได้ตายตามไปด้วย - เมื่อฉันตาย ความรักไม่ได้ตายตามไปด้วย นิยาย เมื่อฉันตาย ความรักไม่ได้ตายตามไปด้วย : Dek-D.com - Writer

    เมื่อฉันตาย ความรักไม่ได้ตายตามไปด้วย

    โดย freqly

    ความรักจากคนรอบข้าง คนใกล้ชิด คนที่เป็นลมหายใจ ฉันเข้าใจเมื่อฉันไม่มีลมหายใจ ที่จะบอกว่าฉันเสียใจอีกแล้ว

    ผู้เข้าชมรวม

    4,508

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    4.5K

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 เม.ย. 48 / 23:07 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      .
                     ในห้องเล็กๆสีขาว ฟุ้งไปด้วยกลิ่นของยา ตามลำตัวของฉันมีสายระโยงระยาง มืออุ่นๆกำมือเล็กๆของฉันไว้ มือที่ทำให้ฉันสบายใจ  มือนั้นค่อยๆยกมือของฉันขึ้นประคองไว้ที่แก้ม ฉันรู้สึกได้ถึงคราบที่เปื้อนแก้มและไถลลงมาสู่มือของฉัน ฉันไม่สามารถที่จะลืมตาได้ ไม่สามารถที่จะขยับร่างกายได้ตามใจปรารถนา ได้แต่ส่งความรู้สึกที่บอกว่าฉันเสียใจ ฉันไม่น่าทำร้ายจิตใจของคนๆนี้เลย

                     วินาทีนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะมาเสียใจ แม้แต่ตอนนี้ฉันยังบังคับน้ำตาให้ไหลไม่ได้เลย อาจจะเพราะสมองส่วนหนึ่งของฉันได้ถูกทำลายไปเพราะสภาวะของการขาดเลือดอย่างรุนแรง ก่อนที่ฉันจะถูกพามาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นเวลาหลายชั่วโมงแห่งความทรมาน การอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางความทุกข์ที่อัดอั้นอยู่คนเดียวมาหลายชั่วโมง ความคิดชั่ววูบแล่นเข้าสู่สามัญสำนึก สิ่งที่ใกล้ตัวก็เป็นอาวุธได้ทุกอย่าง แค่ความรู้สึกก็เป็นอาวุธที่บาดใจฉันได้มากพออยู่แล้ว ฉันบรรจงหยิบมีด กลั้นใจเฉือนข้อมือตัวเองปล่อยให้ไหล และหยดลงพื้นเป็นทาง และรู้สึกอีกทีก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้แล้ว

                     “คุณหมอคะ ลูกฉันจะฟื้นไหมคะ”

                     “หมอว่าตอนนี้อยู่ที่กำลังใจของคนไข้เป็นส่วนสำคัญ แต่ถึงอย่างไรแม้ฟื้นมาก็ไม่สามารถที่จะอยู่ในสภาพเดิมได้ อาจจะเหมือนเจ้าหญิงนิทรา ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้” พอหมอพูดจบหญิงชราวัยกลางคนก็ร้องไห้โดยมีหญิงสาววัยรุ่นเข้ามาประคองไว้ไม่ให้ล้ม

                     “แม่คะเราต้องตัดสินใจนะ ว่าจะทำอย่างไรกับพี่เขา เราไม่มีเงินมากมายที่จะยื้อชีวิตพี่เขานะ ยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี”

                     “แม่รู้ แม่ต้องตัดสินใจ แต่อย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้ได้ไหม แม่ว่าพี่เขาต้องหาย กลับมาอยู่กับเรา” แม่พูดไปพลางร้องไห้ไป พร้อมทั้งจับมือฉันขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้คราบน้ำตาไหลลงมามากพอที่จะเรียกได้ว่าร้องจนน้ำตากลายเป็นสายเลือด

                     ฉันค่อยๆลืมตามองออกไปนอกห้องและลุกขึ้นนั่ง มือแม่ยังคงกุมอยู่ในมือฉัน ฉันเอามือจับแก้มของแม่เบาๆ เพื่อไม่ให้แม่ตื่นขึ้นมา แม่ยังคงนอนแต่เสียงหนึ่งก็ปลุกให้แม่ตื่นขึ้นมาพยาบาลเข้ามาในห้องพร้อมเครื่องมือฉุกเฉิน ทุกคนพยายามที่จะปั๊มหัวใจของฉันให้เต้นไหวขึ้นมาอีกครั้ง แต่วินาทีนั้นฉันรู้ตัวดีว่าคงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ความรู้สึกว่าตัวเองได้มองตัวเองเป็นเช่นไร ฉันเข้าใจได้ชัดเจนในตอนนี้ ฉันไม่มีน้ำตา กลั้นความเสียใจไว้เล็กน้อยที่ไม่อาจจะทดแทนบุญคุณท่านได้

                     “ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ คนไข้ไปอย่างสงบแล้วค่ะ เมื่อสักครู่นี่เอง” พยาบาลพูดจบแม่ก็ทรุดเข่าลงกองกับพื้น ฉันพยายามที่จะเข้าไปหาท่านเพื่อประคองให้ท่านลุกขึ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ

                     น้องสาวและพ่อได้เดินทางมาถึงในเวลาไม่นานนักเพื่อจัดการกับศพของฉัน บรรดาเพื่อนๆก็ได้รับทราบข่าวอย่างทันท่วงทีในเช้าวันนั้นเอง

          
                     “แฟนกบจะมาไหม เนี่ย” หนึ่งในเพื่อนสาวของฉันเอ่ย ขณะที่รวมตัวกันลับๆในกลุ่มของเพื่อน

                     “มันจะกล้ามาเหรอ มันเป็นคนทำให้กบต้องเป็นแบบนี้ มันใจร้ายมากที่บอกเลิกกับกบเพื่อไปหาผู้หญิงอีกคน”

                     “ฉันอยากให้เขามา” ฉันเอ่ยให้เพื่อนๆทราบแม้ว่าจะไม่มีใครได้ยินและการที่เค้ามามันอาจจะทำให้ความรู้สึกของฉันยิ่งแย่ไปกันใหญ่

                     “แล้วเราจะบอกเค้าดีไหมล่ะ”

                     “อืมก็คงต้องบอกล่ะเค้าจะมาหรือไม่มานั่นก็เรื่องของเค้า”

                     “แล้วเค้าจะตอบคำถามแม่พ่อน้องของฉันอย่างไรล่ะ” ฉันยังคงคิดแทนเขาและเป็นห่วงเขาเช่นเดิม

          
                     งานศพวันแรก ฉันยังคงนั่งอยู่นอกศาลาพร้อมน้ำตาที่ไหลนองหน้าตลอดเวลา นี่คงใกล้เวลารดน้ำศพของฉันแล้วสินะ ทุกคนที่เข้ามาในงานความรู้สึกคงไม่ต่างจากฉัน ทุกคนโศกเศร้าเสียใจ แม้สีหน้าจะไม่แสดงออกมาอย่าชัดเจน

                     “แดง ฉันเสียใจด้วยนะ” น้าศรีเพื่อนบ้านที่สนิทที่สุดและฉันก็ไปวิ่งเล่นเป็นประจำเมื่อสมัยเด็กๆ

                     “ไม่นึกเลยนะว่ากบแกจะอายุสั้นอย่างงี้ ว่าแต่เค้าเป็นอะไรตายเหรอ” คำถามนี้เป็นคำถามที่ฉันกลัวที่สุด สีหน้าของแม่เปลี่ยนไปและยังพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา ใครล่ะจะอยากบอกว่าลูกฆ่าตัวตายเพราะไม่สมหวังในความรัก เรื่องเล็กๆ ที่ฆ่าความรู้สึกของทุกคนที่เป็นห่วง

                     “ไม่ต้องตอบก็ได้แดง ไว้ทำใจได้แล้วค่อยตอบ” แม่ยังคงก้มหน้าแต่ตอนนี้น้ำตาก็ได้ไหลลงมาหยดแล้วหยดอีกเช่นเคย ฉันคิดว่าในไม่ช้าน้าศรีก็คงรู้จากบรรดาแขกเหรื่อที่มาในงานอยู่ดีไม่ต้องรอให้ถึงคืนนี้หรอก

                     บรรดาแขกเหรื่อค่อยทยอยมารดน้ำฉันทีละคนทีละคน ฉันมองไปน้ำตาก็พาลไหลลงมาอีกครั้ง คิดว่าถ้างานนี้เป็นงานรดน้ำสังข์ก็คงดีกว่างานศพเป็นแน่ ฉันจะมีชีวิตที่น่ายินดีมีความสุขมากกว่านี้อีกมาก แต่วันนั้นคงไม่มาถึง งานรดน้ำนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายของฉัน แต่เขาก็คงมีงานรดน้ำกับแฟนใหม่ของเขาแน่นอน

                     “นี่ฉันคิดอะไรเนี่ย” ความรู้สึกของฉันสะท้อนความรู้สึกภายในขึ้นมาอีกครั้ง ฉันสังเกตเพื่อนสนิทของฉันกดเบอร์โทรศัพท์

                     “ฮัลโหล นนท์เหรอ นี่ดาวนะ” เพี่อนฉันคนที่ชื่อดาวพูดไปแต่น้ำเสียงยังคงเก็บความรู้สึกสะอื้นในใจที่เพื่อนสนิทอย่างฉันได้เสียชีวิตลง

                     “อะไรเหรอดาว ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะโทรมาหาฉัน” นนท์พูดกลับมา

                     “คืนนี้ว่างไหม” ดาวพูดออกไปพร้อมทั้งหายใจเข้าแรงๆ เพื่อให้น้ำตาไม่ไหลรินออกมา

                     “ทำไมเหรอ ฉันมีนัดแล้วน่ะ” นนท์พูดเสียงปกติ

                     “เหรอ เธอจะไปตามนัดเธอก็ได้แล้วไม่ต้องมาก็ได้นะ ฉันจะบอกให้เธอมางานศพกบเค้าด้วย”

                     “กบ กบเหรอ เกิดอะไรขึ้น”

                     “ถามตัวเองเถอะ ว่าทำอะไรกับกบไว้บ้าง” ดาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เหลืออด

                     “ที่วัดไหน คืนนี้ฉันจะไป แล้วกบเป็นอะไรตาย”

                     “นายไม่รู้เหรอ กบเค้ารัก รักนายมาก รู้ไหม “ ดาวพูดพร้อมทั้งร้องไห้ออกมาเพราะกั้นไม่อยู่ ฉันซึ่งยืนอยู่ข้างๆก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นกัน พร้อมทั้งทรุดเข่าลงนั่งอย่างอ่อนแรง

                     “ดาว ๆ ที่วัดไหน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” นนท์พูดพร้อมทั้งเร่งให้ดาวพูดต่อ

                     “ที่วัดใหม่น่ะ นายมาถูกใช่ไหม วัดที่นายเคยบวชน่ะ” ปิ่นเพื่อนอีกคนคว้าโทรศัพท์จากมือดาวมาพูดกรอกลงไป “แค่นี้นะ” แล้วปิ่นก็วางสายลงไป

          
                     “วัดที่นนท์เคยบวช” ฉันปรารภกับตัวเองเหมือนกับความรู้สึกที่พึ่งจำได้ วันนั้นฉันเป็นคนที่แย่งจะคว้าหมอนมาถือเองให้ได้ แต่ก็ถูกกีดกันจากเพื่อนๆของฉันที่บอกว่าถ้าถือแล้วจะไม่ได้แต่ง แต่ฉันก็ดิ้นรนและหาทางที่จะถือหมอนให้ได้ เพราะเหตุนี้มั้งที่ทำให้ฉันไม่มีวาสนาได้แต่งงานกับเค้าจริงๆ ฉันอยากรู้อีกเหมือนกันว่าพองานศพของฉันที่ต้องนำฉันขึ้นเผา จะมีใครบ้างนะมาแย่งกันถือรูปฉันบ้าง เค้าคงจะไม่สามารถมาแย่งได้เนอะ ยิ่งคิดน้ำตาของฉันก็ยิ่งไหลแล้วยิ่งไหลมากขึ้นอีกมาก


                     ขณะนี้นนท์ได้มาถึงในบริเวณงาน ฉันภาวนาว่าเค้าจะก้าวลงจากรถมาคนเดียว เพราะฉันไม่อยากจะเสียใจเห็นหน้าแฟนใหม่ของเขาที่ได้ฆ่าฉันให้ตาย เพราะนนท์เลือกเขาไม่ใช่ฉัน

                     แต่แล้วคำอธิษฐานของฉันก็ไม่เป็นผล นนท์ก็ยังคงพาแฟนใหม่ของเค้ามาด้วย

                     นนท์ได้เดินทางมาไหว้พ่อและแม่ของฉันและขอตัวไปจุดธูปเคารพศพของฉัน ฉันยังคงเดินตามเค้าไม่ห่าง หวังเพียงว่าเค้าจะหันมายิ้มให้ฉันบ้าง แต่เปล่าเลย เค้ายังคงเงียบด้วยท่าทีไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ในใจ

                     “กบ นนท์มาแล้วนะ นนท์ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่นนท์เสียใจ ถ้านนท์รู้นนท์คงจะไม่ทำแบบนี้”

                     “ถ้ากบรู้ว่ามันจะทำให้ทุกคนเสียใจขนาดนี้ กบคงจะไม่ทำอย่างงี้เหมือนกัน” ฉันพูดกลับออกไปแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ยินก็แล้วแต่

                     “พี่กบคะ หลินขอโทษนะคะ ถ้าหลินรู้ว่าจะเป็นอย่างงี้ หลินคงไม่ทำแบบนี้หรอกนะคะ อโหสิกรรมให้หลินด้วยนะคะ”

                     “ขอโทษแล้วฉันจะฟื้นขึ้นมาเหรอ” ฉันร้องไห้พร้อมทั้งมองหน้าคนที่ชื่อหลิน เพื่อดูว่าคนนี้น่ะเหรอคู่แข่งที่ทำให้ฉันต้องมาฆ่าตัวตาย

                     นนท์เดินออกจากศาลาเพื่อหาที่นั่งมานั่งเงียบๆกับหลินกันสองคน ฉันกำลังตัดสินใจว่าจะเข้าไปฟังสองคนนี้คุยกันดีหรือเปล่า หรือว่าทำไม่รับรู้จะได้ไม่เสียใจ และวิญญาณจะได้จากไปอย่างสงบแม้ฉันจะรู้ว่าเวลานี้ฉันไม่สงบแม้ว่าจะบอกว่าต้องทำใจให้สงบก็ตาม

                     “กบเค้าฆ่าตัวตายนะ รู้สึกว่าจะเรื่องผิดหวังในความรักน่ะ” ขณะที่ฉันเดินผ่านกลุ่มคน เสียงคนกำลังสนทนากันเรื่องฉัน ก็แว่วมาให้ได้ยินไม่ขาดระยะ ฉันเปลี่ยนทิศทางจากนนท์เดินไปหาบริเวณที่พ่อแม่และน้องนั่งอยู่โดยมี แววลูกพี่ลูกน้องของฉันคอยส่งผ้าเช็ดหน้าให้ตลอดเวลา

                     “กบเค้าไปสบายแล้วนะแม่ อย่าร้องไห้เลย” พ่อพยายามพูดปลอบแม่

                     “แต่เค้าไปอย่างไม่สงบเค้าจะสบายได้อย่างไร” แม่ยังคงร้องและเอาหน้าซบลงกับไหล่ของพ่อ ซึ่งพ่อก็ยังคงเอามือลูกหัวของแม่เอาไว้

                     “เราก็ทำบุญใส่บาตรให้เค้าเยอะๆละกันเค้าจะได้รับส่วนบุญที่เราส่งไปให้ เค้าจะได้สบายไง” พ่อพยายามพูดปลอบอีกครั้ง

                     “ทำไมนะลูกต้องมาฆ่าตัวตายให้ผู้ชายคนนี้ด้วย ทำไมลูกไม่รักแม่แล้วเหรอ ถึงจากแม่ไป” แม่พูดทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากไหล่ของพ่อเลย

                     “กบรักแม่นะ” ฉันพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมาอีกระรอกแม้ว่าจะพยายามไม่ร้องไห้ให้น้อยที่สุด

                     “กบอยู่นี่นะแม่ กบไม่อยากให้แม่ร้องอีกแล้วนะ” ฉันพูดพร้อมทั้งนั่งลงเอาหน้าซบลงไปกับตักของแม่

                     “กบ ๆ ทำไมไม่กลับมาหาแม่” “ฉันอยู่นี่แล้วแม่” ฉันพูดสลับกับคำพูดของแม่ต่อไปอีกหลายครั้ง


                     “หลิน พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมกบเค้าต้องฆ่าตัวตายด้วย” นนท์ถามหลินเมื่อนั่งอยู่ด้วยกันสองคน

                     “พี่เค้าคงรักพี่มาก รักมาก คงมากกว่าหลินรักพี่น่ะ” หลินพูด

                     “ทำไมหลินถึงพูดแบบนั้นล่ะ” นนท์ถาม

                     “ก็หลิน ไม่น่าทำแบบนี้น่ะสิ พี่นนท์หลินรักพี่นะ แต่หลินก็เข้าใจความรู้สึกของพี่กบ ผู้หญิงที่รักผู้ชายได้แบบนี้ ใครคนอื่นอาจจะมองว่ามันโง่ แต่มันก็คือความรักที่ยิ่งใหญ่นะ หลินยังไม่รู้เลย ถ้าพี่นนท์ทิ้งหลินไป หลินจะกล้าฆ่าตัวตายได้อย่างพี่กบไหม”

                     “หลินพี่ไม่ทำอย่างงั้นหรอก”

                     “แต่พี่นนท์ก็ทำกับพี่กบแล้วนี่ จะไม่ทำกับหลินอีกบ้างเหรอ”

                     “ไม่หรอกพี่ไม่ทำอย่างงั้นหรอก” นนท์พูดพร้อมทั้งเอามือจับแขนของหลินไว้

                     “ค่ะ หลินจะเชื่อนะคะ ถึงพี่นนท์จะทิ้งไป หลินก็ยังจะรักพี่นนท์ค่ะ พี่กบคะอโหสิกรรมให้ความรักของหลินด้วยนะคะ” ฉันซึ่งนั่งฟังห่างๆ มองหน้าหลินอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำอย่างงั้น แต่ฉันก็ยินดีกับความคิดของเธอ ที่เธอไม่คิดจะทำโง่ๆอย่างฉัน


                     งานศพผ่านไปได้จนถึงวันสุดท้ายที่จะต้องมีการเผาศพ บรรยากาศภายในงานค่อนข้างโศกเศร้า ทุกคนมีคราบน้ำตามากบ้างน้อยบ้าง แต่ทุกคนก็ยังมากันพร้อม ทั้งนนท์และหลินก็มากันด้วย ทุกคนทยอยกันนำดอกไม้จันทร์ไปวางไว้ที่หน้าเมรุเผาศพ ฉันก็ยังคงมองหน้าทุกคนที่ผ่านไปมา เหมือนจะมองทุกคนที่มาพร้อมหน้ากันแบบนี้เป็นครั้งสุดท้าย

                     “ไปดีเถอะนะกบ” แม่พูดพร้อมทั้งทรุดลงไปทุกคนรีบประคองไว้แต่คนที่เร็วที่สุดคือนนท์

                     “ขอบคุณมากนะลูก แม่ไม่เป็นไรแล้ว” แม่พูดกับนนท์ แม่ยังคงเรียกนนท์ว่าลูกแม้ว่าคนๆนี้จะทำให้ลูกต้องตาย

                     เมื่อถึงเวลาสัปเหร่อก็นำฉันเข้าเมรุ เปลวไฟที่ถูกจุดทำน้ำตาของฉันเริ่มร้อง และมองเหตุการณ์อย่างสงบ นนท์ยังคงประคองแม่ไปนั่ง หลินซึ่งยืนอยู่ห่างๆ มองมาที่ฉันซึ่งยืนอยู่บนเมรุ ฉันกล่าวถ้อยคำสุดท้าย

                     “ฝากดูแลนนท์ด้วยนะหลิน” ฉันพูดพร้อมทั้งหันหน้าไปทางหลิน แล้วหลินก็เอ่ยประโยคหนึ่งออกมา ซึ่งเหมือนว่าเธอจะได้ยินสิ่งที่ฉันบอกไป

                     “ค่ะ พี่กบ หลินจะดูแลพี่นนท์แทนพี่กบค่ะ หลินขอโทษค่ะ” หลินพูดพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม เมื่อฉันมองลงไปพร้อมทั้งร่างของฉันค่อยๆจาง และจางหายไป พร้อมกับความสงบของใจที่ถูกไขปัญหาหมดแล้ว


      ปล. อย่าคิดฆ่าตัวตาย เพื่อพิสูจน์ความรักอย่างฉัน เพราะคงจะไม่มีใครสามารถกลับมาเขียนให้อ่านได้อย่างฉัน

      กบ

      /////////////////////////////////////////
      ติดตามผลงานเรื่องอื่นของผม

      ถ้าย้อนเวลากลับไปได้
      http://www.dekdee.com/entertain/viewshort.php?id=3673

      ดวงตาแห่งความรักกับเทพบุตรของผม
      http://www.dekdee.com/entertain/editshort.php?id=29

      สัญญาได้ไหม.. ว่าจะกลับมาอยู่ด้วยกัน
      http://www.dekdee.com/entertain/editshort.php?id=31

      ทำไมนะทำไม ไม่รู้ใจตัวเองเสียที
      http://www.dekdee.com/entertain/viewshort.php?id=282

      เพิ่งเข้าใจ ความห่วงใยของแม่
      http://www.dekdee.com/entertain/viewshort.php?id=423

      X
      http://www.dekdee.com/entertain/viewshort.php?id=792

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×