ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fan Fic B.A.P Cat's Slave Story

    ลำดับตอนที่ #1 : Cat's Slave Story 0

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 300
      3
      9 ก.พ. 57

    Cat's Slave Story
     
    0
     
     
     
              กลางดึกคืนหนึ่ง ณ หมู่บ้านจัดสรรแถบชานเมืองอันเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดเอื่อย เสียงไม้ใบไหว และแสงจากเสาไฟริมทางเท่านั้นที่ให้ความอุ่นใจในยามนี้ ทุก ๆ ชีวิตในหมู่บ้านต่างหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา ยกเว้นแต่ ผู้มาเยือนร่างเล็กเปรียวที่ย่างเท้าแผ่วเบาออกมาจากมุมมืด ดวงตาซึ่งส่องประกายวาวโรจน์ค่อยอ่อนแสงลงเมื่อมันก้าวสู่ที่สว่าง เผยให้เห็นร่างที่ปกคลุมด้วยขนสีดำขลับเกือบทั้งตัว เว้นเพียงกลุ่มขนบริเวณหน้าอกเท่านั้นที่เป็นสีขาวปลอด
     
              ร่างเล็กค่อย ๆ เยาะย่างเท้าทั้งสี่ไปตามถนนอันไร้ผู้คน ดวงตาสีฟ้าสุกใสจ้องมองแน่วแน่ไปที่บ้านหลังหนึ่ง ก่อนจะหยุดยืนนิ่งที่ริมกำแพงบ้านหลังนั้น กำแพงซึ่งก่อด้วยอิฐและปูนทาทับด้วยสีขาวนวล ดูไม่แตกต่างจากบ้านหลังอื่นที่รายล้อม
     
              ทว่ามันสนใจเพียงบ้านหลังนี้เท่านั้น
     
              หางสีดำตั้งชันส่ายไปมาเล็กน้อย ก่อนที่ร่างนั้นจะใช้ขาทั้งสี่ส่งตัวเองขึ้นไปอยู่บนกำแพงภายในพริบตา และหายลับไปในอีกฝากหนึ่งของกำแพง ทิ้งถนนที่ว่างเปล่าไว้เบื้องหลัง
     
     
     
              “เจอแล้ว!"
     
              ยองแจเผลอร้องออกมาด้วยความยินดีเมื่อเจอเอกสารที่ตามหามาเกือบชั่วโมง โชคดีที่เพื่อนร่วมงานต่างกลับบ้านกันหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นคงมองว่าเขาเป็นคนแปลก ๆ แน่นอน
     
              ที่จริงชายหนุ่มเองก็ถูกมองว่าแปลกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทุกคนมักจะบอกว่า เขาเป็นคนหน้าตาดีเพียงแต่ถูกบดบังด้วยทรงผมที่ยาวปรกหน้าปิดตา การแต่งตัวง่าย ๆ ด้วยเสื้อยืดตัวหลวม กางเกงยีนส์ทรงตรง และรองเท้าแตะแบบที่ชายหนุ่มชอบใส่ รวมถึงการที่เขาชอบก้มหน้าก้มตาเดินก็ทำให้บุคลิกของเขาดูไม่ดีเท่าที่ควร ทว่า ยองแจเองก็ไม่คิดจะปรับปรุงตัวเองเลย ไม่ว่าจะมีคนพร่ำบอกเขากี่คนก็ตาม เขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำให้ตัวเองดูดี ในเมื่อคนสำคัญของเขาทุกคน ทั้งครอบครัวและเพื่อนฝูงก็ไม่ได้รังเกียจที่เขาเป็นแบบนี้ แม้จะโดนบ่นบ้าง แต่ก็แค่ชวนคุยเรื่องอื่นแทนก็เรียบร้อยแล้ว
     
              จะเปลี่ยนตัวเองทำไมให้เหนื่อยเปล่า
     
              ยองแจเก็บเอกสารที่เพิ่งหาเจอใส่ลงแฟ้มกระดาษบาง ๆ สีน้ำตาล ก่อนจะเก็บแฟ้มนั้นใส่ลิ้นชักไม้ด้านหลัง
     
              เสร็จสักที
     
              ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเดินผ่านโต๊ะทำงานที่เรียงรายไปยังประตูห้อง กดปิดสวิตช์ไฟสองอันข้างผนังจนทั้งห้องมืดสนิท แล้วจึงผลักประตูกระจกใสออกไป ไม่ลืมล็อกกุญแจห้องทำงานก่อนจะเดินไปตามทางเดินอันว่างเปล่าและมืดมิด สู่แสงไฟสว่างที่ปลายทางซึ่งเป็นประตูเข้าออกของสำนักงานบัญชีแห่งนี้
     
              "อ้าว ยังไม่กลับอีกเหรอ"
     
              เสียงทักทายอย่างเป็นมิตรดังมาจากคุณลุงที่นั่งรักษาการณ์ตรงประตู คนถูกทักส่งยิ้มให้ พลางพูดตอบขณะล้วงบัตรพนักงานจากกระเป๋ากางเกง
     
              “งานเพิ่งเสร็จน่ะครับ”
     
              เมื่อจัดแจงรูดบัตรพนักงานกับเครื่องแสกนบัตรที่ผนังเสร็จแล้วก็เอ่ยลาคนที่ต้องอยู่โยงเฝ้าสำนักงาน
     
              "ผมกลับแล้วนะครับ สวัสดีครับ"
     
              เขาโค้งให้คุณลุงอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินออกจากอาคารไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ยองแจไม่มีรถ จึงใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นประจำ นั่งรถไฟประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานีใกล้กับหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ แต่บ้านของชายหนุ่มอยู่ค่อนข้างลึก ต้องนั่งรถตู้ของหมู่บ้านเข้าไปอีกประมาณสิบนาที
     
              แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว แต่ยังคงมีแสงไฟจากหน้าต่างบ้านหลายหลังที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ บ่งบอกว่าภายในมีผู้คนอาศัยอยู่ ในละแวกนี้มีเพียงบ้านหลังเดียวที่ปิดไฟมืดสนิท 
     
              รถตู้จอดลงส่งผู้โดยสารที่เหลือเพียงคนเดียวของรอบนี้ ยองแจลงจากรถ ก่อนจะตรงเข้าไปไขกุญแจประตูรั้วของบ้านที่เงียบเชียบหลังนั้น แทรกตัวผ่านประตูรั้วเหล็กอันเย็นเฉียบ ไม่ลืมล็อกกุญแจตามหลัง ก่อนจะเดินตรงไปไขประตูบ้าน
     
              ชายหนุ่มเดินเข้าไปในความมืดอย่างคุ้นเคย ปิดประตูตามหลังพร้อมลงกุญแจ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองโดยไม่เปิดไฟ
     
              ยองแจอาศัยอยู่ที่นี่กับพ่อแม่ตั้งแต่จำความได้ แต่เมื่อยองแจเรียนจบมหาวิทยาลัย พ่อกับแม่ก็เกษียณตัวเองแล้วย้ายไปอยู่บ้านใหม่ที่ต่างจังหวัด ทิ้งให้ลูกชายคนเดียวอยู่เฝ้าบ้านหลังนี้เพียงลำพัง
     
              อันที่จริงพ่อกับแม่ก็ชวนเขาไปอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้ว แต่ยองแจจำเป็นต้องทำงานในเมือง เขาเพิ่งเรียนจบ ยังไม่มีประสบการณ์ การที่สำนักงานบัญชีที่เขาทำงานอยู่ปัจจุบันนี้รับเขาเข้าทำงาน ยองแจก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากแล้ว
     
              ทว่า งานที่เขาต้องทำก็มีเยอะมากจริง ๆ ชายหนุ่มต้องทำงานล่วงเวลาเกือบทุกวัน แม้จะพยายามคิดในแง่ดีว่าเป็นการฝึกฝนตัวเอง แต่เขาก็ห้ามความรู้สึกเหนื่อยไม่ได้ มีหลายคืนที่เขาล้มตัวนอนลงไปโดยที่ไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า คืนนี้ก็เช่นกัน เมื่อเปิดประตูห้องนอนได้ ยองแจก็เดินตรงไปล้มตัวลงที่เตียงโดยไม่คิดจะเปิดไฟให้เสียเวลา เขาคงจะหลับสนิทในทันที ถ้าหากว่าไม่ได้ยินเสียงร้องที่บ่งบอกว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากเขาอยู่ในห้องด้วย
     
             “เหมี๊ยว”
     
             “เฮ้ย!”
     
             เมื่อได้ยินเสียงพร้อมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ขยับขยุกขยิกอยู่ข้างกาย ยองแจก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง รีบผุดลุกไปเปิดสวิตช์ไฟที่อยู่ข้างประตู
     
              แสงไฟนีออนสีขาวสว่างจ้าเผยให้เห็นแมวดำตัวหนึ่งซึ่งนอนขดตัวอยู่บนเตียง ดวงตาสีฟ้าจ้องตรงมาที่เขาอย่างพิจารณา ขณะที่สบดวงตาคู่นั้น ยองแจรู้สึกเหมือนตัวเองจะโดนดูดเข้าไปในดวงตาสีฟ้าครามที่ดูราวกับทะเลลึกไร้ก้นบึ้ง ก่อนที่เสียงร้อง “เหมี๊ยว” จะดังขึ้นอีกครั้ง ปลุกให้เขาได้สติจากภวังค์
     
              “เข้ามาได้ไงเนี่ย...”
     
              เอ่ยถามร่างที่นอนขดอยู่บนเตียงราวกับมันจะตอบเขาได้ แต่ยองแจก็ไม่ได้ต้องการคำตอบอยู่แล้ว ในหัวของชายหนุ่มกำลังคิดว่า จะทำอย่างไรกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญตัวนี้ดี
     
              ขณะที่ชายหนุ่มนิ่งคิดอยู่นั้น เจ้าแมวตัวปัญหาก็เลิกสนใจเจ้าของห้อง มันซุกหัวลงกับขาหน้าสองข้าง ก่อนจะหลับตานอนต่ออย่างเป็นสุข ราวกับไม่ถือสาที่ยองแจเข้ามาขัดจังหวะการนอนของมัน เมื่อเห็นแบบนั้น ชายหนุ่มเจ้าของห้องจึงเดินเข้าไปใกล้ร่างปุกปุย ก่อนจะพูดกับมันว่า
     
              “นี่ เจ้าเหมียว นอนตรงนี้ไม่ได้นะ นี่มันเตียงของฉัน”
     
              เจ้าแมวยังคงนอนขดตัวกลมนิ่งราวกับไม่ได้ยินเสียงของเขา ยองแจจึงเรียกมันอีกครั้ง
     
              “เจ้าเหมียว ลุกเร็ว แกนอนแบบนี้แล้วฉันจะนอนยังไงเนี่ย”
     
              ทว่า  เจ้าก้อนขนสีดำก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดใด เจ้าของเตียงที่ถูกยึดจึงค่อย ๆ เอื้อมมือเข้าหาร่างที่ขดตัวอยู่ กะว่าจะสะกิดให้มันตกใจจนลุกหนีไปเอง แต่ก็ต้องผิดคาดที่มันยอมให้เขาจับตัวแต่โดยดีโดยไม่คิดหนี แต่ก็ยังไม่ยอมตื่น ถ้าไม่รู้สึกถึงแรงกระเพื่อมที่ท้องตอนมันหายใจเข้าออก ยองแจคงจะคิดว่ามันตายไปแล้ว
     
             เมื่อปลุกเท่าไรเจ้าเหมียวก็ไม่ยอมตื่น ยองแจจึงค่อย ๆ ดันร่างนุ่มนิ่มนั้นไปเกือบชิดริมเตียงฝั่งขวา ก่อนจะล้มตัวนอนที่เตียงฝั่งซ้าย ยองแจต้องนอนเตียงกว้างสำหรับสองคนเพราะตัวเองชอบนอนดิ้นจนตกเตียงเป็นประจำ ปกติเขาจะต้องนอนกลางเตียงเพื่อกันไม่ให้ตัวเองตกเตียง แต่วันนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะสู้รบตบมือกับใคร แม้อีกฝ่ายจะเป็นแค่แมวตัวหนึ่งก็ตาม อีกอย่างหนึ่งคือ ชายหนุ่มนึกเห็นใจเจ้าแมวขึ้นมา เพราะดูจากการที่มันนอนหลับแบบไม่สนใจว่าใครจะมาจับตัว แสดงว่ามันคงเหนื่อยไม่แพ้เขาแน่นอน
     
              พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน...
     
              คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มเจ้าของบ้านก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อม ๆ กับแมวผู้มาเยือนที่นอนอยู่ข้างกาย คืนนั้น ยองแจหลับฝันดี โดยไม่รู้ตัวเลยว่าชีวิตธรรมดาแสนสงบของตัวเองกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×