คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : short fic ไอโจ x คุณวี : ลูกเขยตระกูลซ่ง ตอนที่ 2
ลูกเขยตระกูลซ่ง
ตอนที่ 2
[เช้าวันหนึ่ง]
คณะพรรคกำลังทยอยลงมารวมตัวกันที่ห้องโถงของคอนโดอย่างเคยเพื่อเตรียมตัวออกไปทำงานกันตอนเช้า
เฮียผาเหลือบตาดูนาฬิกาข้อมือเป็นรอบที่ห้าแล้ว แต่ขวัญใจ โจ คุณวี และธิดาก็ยังไม่ลงมาเสียที ส่วนวันชัยกับวิชัยก็นั่งรวมกันอยู่ที่โซฟาเพื่อรอให้คุณวีลงมาจากห้อง โดยมีเจ้โฉมแอบมองมัดกล้ามของทั้งสองคนอยู่ห่างๆในมินิมาร์ทอย่างมีความสุข
คุณรุจที่ยืนจดบันทึกอยู่หน้าเคาน์เตอร์ก็อดที่จะถามไม่ได้ “วันนี้คุณภูผาไม่รอลงมาพร้อมกับคุณวีเหรอครับ”
ภูผาทำตาเหลือกเพราะกลัวทั้งสองคนที่นั่งอยู่จะได้ยิน เลยแกล้งพูดตอบเสียงดังว่า “อะไรนะครับคุณรุจ? รงรออะไรกันล่ะครับ ไอ้ตี๋มันก็ต้องรอลงมาพร้อมกับแฟนมันสิครับ ไอ้โจก็ช้าอย่างงี้ตลอดแหละครับ ฮ่ะๆ”
พอดีกับที่โจกับคุณวีเดินคู่กันเข้ามาในห้องโถง โดยมีธิดาและขวัญใจเดินตามมาข้างหลัง
“ทำอะไรกันอยู่วะ ช้าจัง” ภูผาแอบกระซิบถามขวัญใจ ขณะที่คุณวีกำลังทักทายวันชัยกับวิชัยที่นั่งรออยู่
“ก็ไอ้โจกับคุณวีน่ะสิ อะไรก็ไม่รู้ หลบหน้ากันตลอด เนี่ยกว่าจะกินข้าวเสร็จ พวกฉันแทบแย่” ขวัญใจกระซิบตอบ
“เอ่อ แล้วพวกพี่ๆจะต้องตามผมไปที่ทำงานด้วยรึเปล่าครับเนี่ย” คุณวีถามวิชัยอย่างเกรงๆ
วิชัยส่ายหน้า “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับคุณหนู พวกผมแค่ต้องมาคอยดูคุณหนูตลอดเวลาที่อยู่กับแฟน แต่เวลาส่วนตัวของคุณหนูอย่างตอนไปทำงานหรืออะไรแบบนี้ คุณนายใหญ่บอกว่าไม่ต้องครับ”
หนุ่มแว่นแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ฝ่ายโจที่อยากออกไปพ้นๆจากตรงนี้เต็มทีเลยคว้าแขนคนข้างๆแล้วหันมาพูดกับทุกคน
“เออ งั้นฉันไปส่งแว่นมันไปทำงานก่อนล่ะ”
วันชัยกับวิชัยลุกขึ้นทันที “งั้นพวกเราไปด้วยครับ”
โจกับคุณวีสะดุ้งโหยง
“เฮ้ย จะตามมาทำไม จะไม่ให้พวกผมมีเวลาส่วนตัวเลยรึไง” โจแกล้งโวยวาย
วิชัยทำหน้าลังเล “เอ่อ…งั้นพวกผมตามไปห่างๆแล้วกัน แต่ยังไงพวกผมก็ต้องตามคุณสองคนครับ ขอโทษด้วย”
โจกลอกตา ชายหนุ่มยักไหล่แล้วลากแขนคนตัวเล็กออกไปทันที “เออ เอาไงก็เอาเถอะ งั้นพวกผมไปล่ะ”
คุณวีหันมาโบกมือลาเพื่อนๆ “ผมไปก่อนนะครับทุกคน”
ขวัญใจยังพยายามส่งสัญญาณให้ทั้งสองคน
“อย่าลืม จับมือกันด้วยยยย จับมือ” หญิงสาวพยายามขยับปากพูดโดยไม่มีเสียง
คุณวีพยายามทำหน้าเรียบเฉยขณะที่เขากุมมือของคนข้างๆ
โจรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ไม่พูดอะไร เขาเดินจูงมือหนุ่มแว่นออกไปจากคอนโด
โดยมีวิชัยกับวันชัยเดินตามไปอย่างห่างๆอยู่เบื้องหลัง
“นี่ แว่น ลูกน้องแม่นายนี่เขาไม่มีอะไรดีกว่านี้ให้ไปทำแล้วรึไง ถึงต้องมาตามพวกเราแบบนี้” โจแอบนินทาสองคนที่เดินตามมาข้างหลัง
หนุ่มแว่นกระซิบตอบ “หยั่งงี้แหล่ะครับ หม่าม๊าผม ถ้าสั่งอะไรทุกคนจะต้องทำตาม ไม่มีใครกล้าขัดใจหรอกครับ”
“บางที ผมว่าหม่าม๊าก็ทำเกินไปเหมือนกันแหละครับ” ชายหนุ่มถอนหายใจ
“เอาน่า” โจหัวเราะ “อย่างน้อยก็ถือซะว่าแม่เป็นห่วงแกไง”
“แต่ยังไงก็ ขอบคุณคุณโจมากนะครับที่ยอมมาทำอะไรแบบนี้” คุณวีพูดอย่างจริงใจ
“ไหนตอนนั้นยังว่าฉันเห็นแก่เงินอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” อีกฝ่ายพูดยิ้มๆ
“แล้วคุณโจคิดเหรอครับว่าคุณโจจะได้มรดกอะไรนั่นจริงๆ”
โจทำตาโต “ว่าไงนะแว่น” ชายหนุ่มจี้เอวคนข้างๆทันที “ไหนพูดใหม่ซิ”
คุณวีหัวเราะจนตัวสั่น “โอ้ย พอก่อนครับ คุณโจ คุณโจ! ผมล้อเล่นน่า”
ชายหนุ่มทั้งสองคนมองหน้าอีกฝ่ายแล้วก็หัวเราะออกมาอีกครั้งพร้อมๆกัน
ก่อนจะรู้ตัว ทั้งคู่ก็เดินมาถึงป้ายรถเมล์หน้าปากซอยซะแล้ว
“ไปละนะครับคุณโจ” ร่างเล็กหันมาบอกคนข้างๆ
โจพยักหน้า แต่คุณวีก็ยังไม่ยอมเดินไปที่ป้ายรถเสียที
“อ่าว รออะไรล่ะแว่น”
“เอ่อ…มือ…” ชายหนุ่มมองมาที่มือที่ยังคงกุมกันอยู่ของทั้งคู่
ร่างสูงสะดุ้ง แล้วรีบปล่อยมือของอีกคนทันที
“เออ นั่นแหละ งั้นก็ไปซะทีสิ” โจพูดอย่างขัดเขิน
คุณวีที่ตอนนี้หน้าเริ่มแดงอีกครั้งหลบตาอีกฝ่าย
“ง-งั้น ผมไปก่อนนะครับ”
ก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถเมล์ที่กำลังชะลอจอดอยู่อย่างรวดเร็ว
โจมองตามหลังของอีกฝ่าย ไออุ่นจากมือที่เคยกุมกันทำให้เขาหน้าร้อนวาบ
คนตัวเล็กเมื่อได้ที่นั่งบนรถเมล์แล้วก็หันมามองร่างสูงที่ยังคงยืนอยู่ตรงป้ายรถ
ทั้งคู่สบตากัน
โดยไม่รู้ตัว ทั้งสองคนต่างยิ้มกว้างให้กัน ก่อนที่รถเมล์จะวิ่งออกไป
โจยังคงยืนอยู่ที่เดิม ในใจรู้สึกพองโตอย่างประหลาด ไม่รู้ทำไม แต่แดดร้อนตอนเช้าของวันนี้มันดันดูสดใสขึ้นมากกว่าทุกวันซะอย่างนั้น
......................................................................
บ่ายแก่ๆของวันที่น่าเบื่อหลังจากที่โจไปรับคุณวีที่จากทำงานก็โดนจับตามองจากลูกน้องของคุณนายใหญ่แห่งตระกูลซ่งโดยไม่ลดละสายตา วิธีที่สามารถหลบหลีกวันชัยและวิชัยได้คือต้องอยู่ในห้องใครซักคนไม่ห้องของโจก็คุณวี ส่วนวันนี้ทั้งสองคนเลือกที่จะไปใช้เวลาช่วงบ่ายในห้องคุมแผงไฟ เอ้ยห้องของโจนั่นแหละ
หนุ่นแว่นลุกไปถือกีต้าร์แล้วกลับมานั่งที่เตียงดังเดิม
“จะทำอะไรไอแว่น”เจ้าของห้องมองตามคนตัวเล็กและถามอย่างสงสัย
“คุณโจช่วยสอนกีต้าร์ให้ผมหน่อยสิครับ”
“หึ ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจ” โจสายหน้าปฏิเสธคำขอ แต่อีกคนยังไม่ลดละความพยายาม
“โห คุณโจ จะนั่งนิ่งๆไม่ทำอะไรแบบนี้น่ะหรอครับ น่านะสอนผมหน่อยนะครับ” คุณวีที่วางกีตาร์ไว้บนตักของตนหันมาเขย่าแขนคนข้างๆและเอียงคอเพื่อรอคำตอบรับจากนักดนตรีด้วยความหวัง
“อะ ก็ได้ๆ เริ่มจากจับคอร์ดง่ายๆก่อนแล้วกัน” คุณวียิ้มหวานเมื่อได้รับคำตอบที่คาดไว้แล้วนั่งหลังตรงขึ้นอย่างตั้งใจรับฟังคำสอน เมื่อคุณครูเห็นลูกศิษย์ของเขาตั้งใจขนาดนี้ก็เผลอยิ้มตามอย่างอดไม่ได้
”คอร์ดDนะ นิ้วชี้วางบนสายที่สามของแฟลตที่สอง นิ้วกลางวางบนสายที่หนึ่งของแฟลตที่สองเหมือนกัน ส่วนนิ้วนางวางบนสายที่สองของแฟลตที่สาม” โจที่เล่นกีต้าร์เป็นอยู่แล้วอธิบายอย่างรวบรัดกับอีกคนที่ทำหน้างงๆแต่ก็ยังพยายามที่จับคอร์ดผิดๆถูกๆ
“คุณโจช้าๆหน่อยสิครับ นี่ครั้งแรกของผมนะ”
“เล่นกีต้าร์น่ะหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิครับ”
“แฟลตก็คือช่องของกีต้าร์ แฟลตที่สองก็คือช่องที่สอง” คุณครูเริ่มที่จะอธิบายให้เข้าใจยิ่งขึ้นพร้อมกับจับปลายนิ้วเรียวกดลงไปกับสายกีต้าร์จนครบเป็นคอร์ด
“อ่อ ผมเข้าใจแล้วครับคุณโจ” คนตัวเล็กปรบมือเหมือนที่เขาเคยทำจนเป็นเอกลักษณ์
“แว่น!! แล้วจะปล่อยมือออกจากคอร์ดทำไหม” โจแสดงสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะเขยิบเข้าไปชิดตัวคนข้างๆแล้วบรรจงวางแต่ละนิ้วลงบนคอร์ดอีกครั้งแล้วแขนของคุณครูก็อ้อมไปจับมืออีกข้างของคุณวีเพื่อจะวางนิ้วโป้งลงบนสายที่หกของกีต้าร์
“ลองดีดลงดูสิ” ลูกศิษย์ทำตามอย่างว่าง่ายแต่เขาก็ทำหน้าแปลกใจเพราะเสียงมันออกมาเลวร้ายกว่าที่คิดไว้มาก “ทำไมเสียงมันเป็นอย่างนี้ละครับคุณโจ”
เจ้าของห้องกดนิ้วของอีกคนลงบนคอร์ดให้แน่นกว่าเดิม
“โอ้ยย!! คุณโจเจ็บจังครับ” คนตัวเล็กในอ้อมแขนของโจร้องขึ้นมา
“ก็ไม่อยากให้เสียงบอดไม่ใช่หรอ เดี๋ยวฉันจับคอร์ดให้ก่อนแล้วนานก็ตีคอร์ดไป จังหวะก็ ลง ลงขึ้นลงขึ้นลง แบบนี้” นักดนตรีสาธิตวิธีให้แก่อีกคนก่อนที่จะให้เขาทำตาม
“ลง ลง ขึ้นลง ขึ้นลง” คุณวีเอยพลางดีดกีต้าร์ตามจังหวะที่ได้เรียนมาส่วนโจมีหน้าที่เปลี่ยนคอร์ด วนไปมาเพื่อให้ได้เพลงง่ายๆหนึ่งเพลง
“ลง ลง ขึ้นลง ขึ้นลง” คนตัวเล็กทวนจังหวะทุกครั้ง เขาเริ่มรู้สึกสนุกกับการเล่นดนตรีของเขากับโจ
“ขอบคุณนะครับ”คุณวีตั้งใจที่จะหันไปเอยขอบคุณเจ้าของห้องที่นั่งล้อมเขาไว้โดยที่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากถึงขนาดที่ปลายจมูกของร่างบางสัมผัสไปกับแก้มของคนที่นั่งข้างหลัง
ห้วงเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่คุณวีจะแล้วหันกลับมาดีดกีต้าร์ต่อ
“เปลี่ยนคอร์ดสิครับคุณโจ” เสียงของคนตัวเล็กทำให้สติของโจฟื้นคืนมาอีกครั้ง
“เออนี่ก็ถึงเวลางานฉันแล้ว ไปที่บาร์กันเถอะ” เจ้าของห้องชวนคุณวีไปที่บาร์เกย์เรสถานที่ทำงานของเขา
เมื่อถึงที่บาร์แล้วสองหนุ่มก็พบแค่ต่อกับต้นข้าวและคนที่พวกเขาคิดไม่ถึงนั่นก็คือวิชัยวันชัย
คงเป็นเพราะสองคนนั้นรู้ว่าที่นี่เป็นที่ประจำของกลุ่มเพื่อนเขาจึงได้มา แต่สองคนนั้นคงไม่ได้สังเกตการณ์แล้วละเพราะกำลังดื่มกันอย่างสนุกสนานเลย
นักดนตรีก็ไปประจำที่ แล้วเริ่มงานของเขาทันทีส่วนคุณหนูแห่งตระกูลซ่งก็ไปนั่งโต๊ะประจำที่มีต้นข้าวนั่งอยู่แล้ว
“ทุกคนไปไหนหมดละครับคุณต้นข้าว” คุณวีถามอย่างสงสัย
“ขวัญใจกับธิดาน่ะไปช๊อปปิ้งกัน เฮียผาก็ไปหาจิ๊บ ส่วนคนอื่นๆฉันไม่รู้หรอก” แฝดพี่เจ้าของร้านตอบคำถามก่อนจะถามกลับ
“แล้วเธอกับโจละเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ไม่มีอะไรครับ ยังไม่โดนจับผิด”
“จำวันที่ขวัญใจสอนการแสดงให้พวกเธอได้ไหม ฉันเชื่อสนิทใจเลยนะว่าอิโจกับคุณวีน่ะรักกันจริงๆ”
“จะเป็นอย่างงั้นได้ยังไงกันครับ!! พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆซักหน่อย” หนุ่มแว่นเสียงดังขึ้นกว่าปกติจนต้นข้าวต้องห้ามไว้ “วันชัยกับวิชัยก็อยู่ด้วยนะคะ เบาๆหน่อย”
วีมองเหม่อถึงคนที่ต้นขาวกำลังพูดถึง “ยิ่งตอนที่อิโจบอกรักคุณวีแล้วสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณวีเสียใจ ฉันละอิจฉาสุดๆ” ต้นข้าวทำถ้าเพ้อฝันก่อนที่จะหันไปมองคู่สนทนาที่อยู่ๆก็เงียบไปนั้นเป็นเพราะชายหนุ่มที่นั่งข้างๆเขากำลังมองนักดนตรีประจำร้านผ่านเลนส์แว่นกลมอย่างไม่ลดละสายตา ภาพตรงหน้าทำให้ต้นข้าวอดยิ้มตามไม่ได้
เหมือนโจรู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องมองจึงหันไปหาต้นต่อของสายตานั่น คนร้ายที่ถูกจับได้จึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วมองไปทางอื่นแทน
“กลับก่อนนะเว้ย ต่อ ต้นขาว” หนุ่มนักดนตรีประจำร้านโบกมือลาคู่ฝาแฝดเมื่อถึงเวลาเลิกงาน “ไปก่อนนะครับ” คุณวีโค้งลาอย่างนอบน้อมก่อนที่เดินตามอีกคนไป “คุณโจเราปล่อยให้พี่วิชัยวันชัยไว้ที่ร้านแบบนี้จะดีหรอครับ”
“ดีซะยิ่งกว่าดีอีกสองคนนั้นกำลังเมาได้ที่เลย จะได้มีเวลาเป็นส่วนซักที ” โจตอบคำถามแล้วรีบเดินออกให้ห่างจากบาร์
เมื่อคล้อยหลังจากที่โจและคุณวีออกจากร้านได้ซักพักวิชัยวันชัยก็ได้กดโทรศัพท์หาใครซักคนทันที “คุณหนูและแฟนออกไปแล้ว ปฏิบัติตามแผนได้ อย่าให้มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้นกับคุณหนูเด็ดขาด”
โจและคุณวีเดินคุยกันเรื่อยเปื่อยระหว่างทางกลับไปยังคอนโด
ผลั่กก!! อยู่ดีๆก็มีชายร่างกายมอมแมมที่มีกลิ่นเหล้าคลุ้งตลบมาเดินเซมาชนร่างเล็กเหมือนจงใจ “ขอโทษครับ” วีหันไปขอโทษแล้วเดินต่อพร้อมๆกับโจ
“จะไปขอโทษทำไม นายไม่ได้เป็นคนชนซักหน่อย” ไม่ทันได้จบประโยคดีหนุ่มเนิร์ดก็โดนคนเมารั้งแขนไว้ “เห้ยย จะชนแล้วหนีหรอว่ะ”
คุณวีที่โดนล็อคตัวทำหน้าตาแตกตื่นแล้วร้องออกมาให้ร่างสูงช่วย โจหันไปมาเขาทำตัวไม่ถูกแล้วบ่นออกมาเบาๆ “ซวยแล้ว..”ก่อนที่พยายามจะเจรจาด้วยคำพูด “ก็ขอโทษไปแล้วพี่จะเอาอะไรอีกอ่ะ” หนุ่มเซอร์ที่สะพายกีตาร์ไว้ข้างหลังยืนเท้าสะเอวต่อหน้าชายที่เข้ามาหาเรื่อง
“ขอโทษแล้วมันทำให้หายเจ็บไหมวะ จะว่าไปเพื่อนมึงก็น่ารักดีนะผิวพรรณแบบนี้ลูกคุณหนูแน่ๆ” ชายที่ร่างกายมอมแมมจับไปที่เอวของร่างเล็กแล้วพยายามจะแนบจมูกลงบนแก้มของคนที่ถูกล็อค คุณวีหันหน้าหนีแล้วส่งสายตาขอความช่วยเหลือกับคนข้างหน้า โจไม่รีรอที่จะดึงร่างบางออกมาจากอ้อมแขนคนร้ายแล้วยกหมัดขึ้นมา “ปกติน่ะเป็นเพื่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่!!” หมัดกระแทกลงไปบนหน้าของชายปริศนา โจหันมาคว้ามือบางแล้วพากันวิ่งหนีทันทีก่อนคนที่เขาพึ่งต่อยไปจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง หนุ่มแว่นที่พึ่งถูกช่วยไว้วิ่งตามโจพร้อมกับมองไปที่มือของตัวเองที่ถูกกุมไว้ มันทำให้เขารู้สึกพิเศษ วีอมยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดเมื่อกี้ของโจ
ปกติน่ะเป็นเพื่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่
“วิ่งเร็วๆหน่อยสิไอแว่น เดี๋ยวมันก็ตามมาหรอก” ร่างสูงหันหน้ามาพูดทั้งๆที่วิ่งอยู่นั่นทำให้เขาสะดุดกับบางสิ่งบางอย่าง
ตุบบ!!
“โอ้ยย!!” โจสะดุดล้มไปกับพื้นถนนโดยใช้ข้อศอกในการรับน้ำหนักตัว ร่างบางตกใจขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะย่อตัวลงไปข้างหน้าของคนที่ล้มลงแล้วยิ้มขำๆ “โถ่คุณโจ แทนที่จะได้แผลจากการต่อสู้ ดันมาได้แผลจากการสะดุดล้มเนี่ยนะครับ” วีจับไปที่แขนของคนเจ็บแล้วพลิกดูแผล “เดี๋ยวถึงบ้านแล้วผมทำแผลให้นะ” หนุ่มแว่นลุกขึ้นยืน
“ไม่ต้องมาขำเลยไอ้แว่น ถ้าไม่มีฉันนายซวยไปแล้ว” โจทำหน้าไม่สบอารมณ์แล้วยื่นมือไปทางวีที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่ หนุ่มเนิร์ดจับมือหนาแล้วดึงขึ้นก่อนจะพากันเดินต่อจนถึงคอนโด
......................................................................
คุณวีประคองโจที่เดินกระโผลกกระเผลกกลับมาที่คอนโดจนได้
พี่รุจที่กำลังนั่งเคลิ้มๆจะหลับอยู่หน้าคอนโดเห็นสภาพของโจก็สะดุ้ง แล้วถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้นครับ! คุณโจเป็นอะไรมากรึเปล่า?”
วีหัวเราะออกมา “คุณโจไม่เป็นอะไรมากหรอกครับพี่รุจ ก็แค่เซ่อซ่าวิ่งสะดุดล้มเท่านั้นเองครับ”
โจทำหน้าหงิก “เฮ้ย แกอย่ามาทำเป็นพูดดีไปแว่น ถ้าไม่มีฉันน่ะ ป่านนี้แกเสร็จไอ้หมอนั่นไปแล้ว”
พี่รุจตาโต “อ-อะไรนะครับ?”
“ม-ไม่มีอะไรครับ แค่มีคนจะเข้ามาหาเรื่องพวกผม แต่ว่าพวกเราไม่เป็นอะไรหรอกครับ” หนุ่มแว่นรีบกลบเกลื่อน
“งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับ” ว่าแล้วก็กึ่งลากกึ่งจูงร่างสูงขึ้นบันไดไป
“โห ไรว่ะแว่น ไม่เปิดโอกาสให้ฉันโชว์เท่กับคนอื่นเลย แถมฉันยังดูโง่ชะมัด วิ่งสะดุดล้มเนี่ยนะ” โจบ่นเสียงดังเมื่อทั้งสองคนเข้ามาถึงห้องเรียบร้อยแล้ว
คุณวีที่ตอนนี้กำลังค้นกระเป๋าปฐมพยาบาลเสียงดังกุกกัก ตอบโดยยังไม่เงยหน้าขึ้นจากกระเป๋าว่า “โธ่ คุณโจ ก็ผมอายนี่ครับ มีอย่างที่ไหน ผมยังไม่ได้ต่อยไอ้หมอนั่นเลยด้วยซ้ำ แถมยังต้องให้คุณโจช่วยอีก” หนุ่มแว่นทำหน้ามุ่ย
โจหัวเราะลั่น “โธ่เอ้ย แค่นี้เนี่ยนะแว่น” ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กที่กำลังเทแอลกอฮอลส์ใส่สำลีอย่างตั้งใจ แล้วก็อดที่จะล้อขึ้นไม่ได้ “แต่ก็นั่นแหละน้า ก็แว่นน่ะไม่ได้เรื่องเองนี่นา อย่างงี้จะไปต่อยกับใครเขาได้”
คุณวีหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วแปะสำลีที่ชุบแอลกอฮอลส์จนโชกลงบนแผลที่ข้อศอกของอีกฝ่ายทันที
“โอ้ย!! แสบๆๆๆ” โจร้องโวยวาย “โห อะไรเนี่ยแว่น เตือนกันก่อนสิเฮ้ย”
วียิ้มหวานให้อีกฝ่าย “อะไรกันครับคุณโจ ผมก็แค่จะเช็ดแผลให้คุณโจแค่นั้นเอง” ชายหนุ่มพูดเสียงซื่อ
“เหรอออออ” โจลากเสียง
หนุ่มแว่นยังคงยิ้มอย่างสะใจให้อีกฝ่าย แต่ก็เช็ดแผลให้อย่างเบามือ จนโจเริ่มไม่รู้สึกเจ็บอีก
ชายหนุ่มหยิบเบตาดีนออกมา “แสบหน่อยนะครับคุณโจ”เขาเตือน
ร่างสูงพยักหน้า คุณวีพยายามทายาอย่างเบามือที่สุดก่อนจะปิดปลาสเตอร์ที่แผลให้อย่างระมัดระวัง
โจแอบมองคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำแผลให้เขา สัมผัสจากมือที่ทำแผลให้เขาอย่างอ่อนโยนทำให้เขาแทบจะไม่รู้สึกเจ็บแผลเลยสักนิด ชายหนุ่มอดยิ้มออกมาไม่ได้
“เสร็จแล้วครับคุณโจ” ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมา เขาพบกับสายตาคมของคนตรงหน้าที่กำลังจ้องมองมา
“ม-มีอะไรเหรอครับคุณโจ”
ร่างสูงยักไหล่ ก่อนจะชี้มือไปยังเข่าที่ถลอกของตนแทนคำตอบ
“คุณโจก็ทำเองสิครับ” คุณวีพูดหน้าตาเฉย
โจทำหน้าเหวอ “เฮ้ย อะไรอ่ะแว่น ได้ไงอ่ะ” ชายหนุ่มประท้วง
หนุ่มแว่นหัวเราะจนตัวสั่น “โถ่ ผมล้อเล่นน่ะครับ เอ้า ยกขาขึ้นมาหน่อยสิครับผมจะได้ทำแผลให้ง่ายๆ” คุณวีสั่ง
โจยกขาขึ้นมาอย่างว่าง่าย
คนตัวเล็กก้มลงทำแผลให้อีกฝ่ายอย่างขะมักเขม้น เขาทายาไปพลางพูดไปพลาง
“แต่จริงๆแล้วผมก็ต้องขอบคุณคุณโจมากนะครับที่ช่วยผมไว้ เอ่อ…แต่อย่าไปบอกใครนะครับว่า หมอนั่นมัน เอ่อ-มัน” ชายหนุ่มพูดต่อไม่ถูก
“เออน่า ฉันไม่บอกใครหรอก” โจยืนยัน เขายังจำความรู้สึกโกรธจนแทบหน้ามืดเมื่อเห็นไอ้หมอนั่นพยายามที่จะมาแตะต้องคนตัวเล็กของเขาได้
แต่…เดี๋ยวนะเฮ้ย คนของเขา งั้นเรอะ!
โจส่ายหัวแรงๆ
ไม่คิด ไม่คิด ไม่คิด!!
“เรียบร้อยแล้วครับ” อีกฝ่ายที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ แต่ก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างสูงกำลังทำหน้าแปลกๆ “เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณโจ”
“ม-ไม่เป็นไร”
ร่างเล็กเดินไปล้างมือและเก็บกล่องปฐมพยาบาลเข้าที่เดิมอย่างเรียบร้อย
โจก้มหน้ามองพื้นก่อนจะพูดขึ้นลอยๆว่า
“นี่ จริงๆแล้วน่ะ ถึงแว่นจะสู้ไอ้หมอนั่นได้ แต่ฉันเอง ก็…ก็อยากที่จะปกป้องนายอยู่ดีน่ะแหละ”
วีที่กำลังถือกระเป๋าปฐมพยาบาลอยู่แทบจะทำกระเป๋าหล่นจากมือ
ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงหน้าตัวเองที่แดงก่ำขึ้นมาและความรู้สึกแปลกๆที่ทำให้เขาทั้งอยากจะยิ้ม หัวเราะ แต่ก็อยากจะหลบหน้าอีกฝ่ายไปให้ไกลๆในเวลาเดียวกัน
“คุณโจ…”
ก่อนที่ใครจะพูดอะไรต่อไป ประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นและเพื่อนๆทุกคน นำขบวนโดยธิดาก็กรูกันเข้ามาในห้อง
“พี่รุจบอกว่าพวกแกสองคนไปมีเรื่องมาเหรอ?!”
“เป็นอะไรกันมากรึเปล่า?”
“คนร้ายมันทำอะไร มันเอาอะไรไปรึเปล่า???”
“ตายแล้ว เป็นแผลด้วย!”
ต่างคนต่างแย่งกันพูดเสียงเซ็งแซ่ไปหมด
ไม่มีใครทันสังเกตว่าตัวต้นเรื่องทั้งสองคนต่างนั่งเงียบและหน้าแดงผิดปกติเลยสักนิด
[ในซอยแถบบาร์เกย์เร]
ชายร่างมอมแมมกำลังพูดโทรศัพท์เสียงจริงจัง
“ภารกิจเสร็จสิ้น แฟนของคุณหนูผ่านการทดสอบ”
ก่อนจะกดวางสายแล้วยิ้มอย่างพอใจ
......................................................................
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ คนแต่งเช็คได้ว่ามีคนเข้ามาอ่านกี่คนต่อตอนบ้าง
พอเห็นตัวเลขแล้วน้อยใจยังไงก็ไม่รู้เพราะจำนวนคนอ่านต่างจากจำนวนคอมเม้นมาก
ถ้าเราเขียนตกหล่นหรือผิดพลาดตรงไหนก็บอกเราได้ที่คอมเม้นนะคะ
มาชวยกันเผยแพร่คู่ไอโจ คุณวีกันเถอะนะคะ!!
ขอบคุณค่ะ
:) Shalunla
ความคิดเห็น