คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : short fic ไอโจ x คุณวี : ลูกเขยตระกูลซ่ง ตอนที่ 3 (ตอนจบ)
ข้อชี้แจงกรุณาอ่าน
บทความตอนนี้มีเรทเท่ากับPG13 ถึงแม้จะมีฉากที่ไม่เหมาะสมที่ทุกคนเรียกว่าnc
แต่คนแต่งได้ใช้ภาษาและถ้อยคำที่กลั่นกรองอย่างดีที่สุดแล้ว
ไม่มีการบรรยายที่ตรงเกินไปและไม่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศแต่อย่างใด
ถ้าคิดว่าไม่เหมาะสมกรุณาชี้แจงอย่างสมเหตสมผลแล้วผู้แต่งจะยินยอมแก้ไขบทความทันที
อ่านให้สนุกนะคะ(อย่าแจ้งแบนกันเลยน้าา ;w; )
ลูกเขยตระกูลซ่ง
ตอนที่ 3
คุณนายใหญ่แห่งตระกูลซ่งก้มหน้าอ่านรายงานที่ถูกส่งมาโดยวิชัยและวันชัยบนเก้าอี้ไม้สักลวดลายจีนก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ
“อั๊วคิกว่า นี่ก็น่าจะได้เวลาที่จะจัดการให้ทุกอย่างมันเรียบร้อยไปเสียที”
“เฮ้ย อาพิกุล เอาโทรศัพท์อั๊วมา” ว่าแล้วก็หันไปสั่งสาวใช้ที่รีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาส่งให้อย่างนอบน้อม
………………………………………………………….
ภูผาที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่หน้าเคาน์เตอร์สินค้าของซุปเปอร์กู้ดสะดุ้งตื่นทันทีเมื่ออยู่ๆเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ฮัลโหล?” ชายหนุ่มกดรับสายอย่างงัวเงียก่อนจะทำตาโต ความง่วงทั้งหมดหายเป็นปลิดทิ้ง “อ่า ครับๆ ได้ครับ ไม่มีปัญหาครับ”
เฮียผากดวางสายโทรศัพท์ด้วยท่าทางตื่นเต้น ก่อนจะหันไปตะโกนเรียกขวัญใจที่กำลังนั่งลองลิปสติกสีใหม่อย่างสบายอารมณ์
“ขวัญใจ! ขวัญใจ! ได้เรื่องแล้วเว้ยเฮ้ย คุณนายใหญ่สั่งให้พวกเราเตรียมจัดงานแต่งให้ไอตี๋กับไอ้โจแล้วเฮ้ย!”
ขวัญใจผุดลุกขึ้นยืนทันที “จริงเหรอเฮียผา!” หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วเอยออกมาอย่างภาคภูมิใจ“ในที่สุดแผนของพวกเราก็สำเร็จซะที”
“ไปกันเหอะเร็ว รีบไปบอกทุกคนกัน งานจะต้องจัดวันพรุ่งนี้แล้วเนี่ย” ชายหนุ่มรีบดึงข้อมือของหญิงสาวที่ยังคงยิ้มอย่างปลาบปลื้มออกไปจากออฟฟิส
……………………………………………………………….
“ฮ้ะ! งานแต่งงาน!??” เหล่าคณะพรรคที่นั่งรวมตัวกันอยู่ในห้องโถงพูดขึ้นมาพร้อมๆกัน
“ใช่แล้ว” ภูผาย้ำ “คุณนายใหญ่แม่ไอ้ตี๋ตกลงให้เราจัดงานแต่งงานให้ทั้งสองคนภายในวันพรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้?!” เจ้โฉมร้องเสียงแหลม “ตายแล้ว แล้วนี่มันจะทันได้ยังไงกันล่ะคะน้องภูผา นี่พี่ยังไม่ได้เตรียมช้งเตรียมชุดเลย แล้วไหนจะต้องแต่งหน้าทำผม-”
“คุณโฉมคะ” ต้นข้าวพูดเสียงเรียบ “งานแต่งใครมิทราบคะ?”
“น้องโจกับน้องวี…” เจ้โฉมตอบเสียงเบาแล้วยิ้มแห้งๆ “แหม…ก็พี่เผลอนี่คะ”
“อิเฮีย แล้วนี่จะทำยังไงมันถึงจะทันล่ะเนี่ย แล้วนี่ไอ้คนสำคัญของงานสองคนนั่นไปไหนซะอีกล่ะ ทำไมยังไม่มาซะที” ธิดาบ่นเสียยาวยืด
แต่พูดยังไม่ทันขาดคำ โจกับคุณวีก็เดินคู่กันเข้ามาในคอนโดพอดี ทั้งสองคนดูมีท่าทีขัดๆเขินๆกันแปลกๆมาทั้งสัปดาห์แล้ว และยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อวิชัยกับวันชัยกลับไปเมื่อเย็นวานก่อน แต่เพื่อนๆทุกคนก็เลือกที่จะไม่เอ่ยอะไรออกไป
“มีอะไรกันเหรอครับ” คุณวีเอ่ยถาม
คราวนี้ทุกคนต่างแย่งกันตอบจนฟังไม่ได้ศัพท์ จนธิดาต้องตะโกนขึ้นมา
“โอ้ยยยยย พอ พอแล้ว! แล้วนี่จะแย่งกันพูดทำไมเนี่ย!” หญิงสาวหันไปหาชายหนุ่มตัวต้นเรื่องก่อนจะอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง
เมื่อธิดาพูดจบ ทั้งโจและวีต่างทำหน้าเหวอไปตามๆกัน
“ง-งั้นนี่ก็หมายความว่า…” คุณวีพูดช้าๆ
“หมายความว่าพวกเรา…ทำสำเร็จแล้ว!”
หนุ่มแว่นกระโดดกอดร่างสูงอย่างดีใจ โจยกแขนขึ้นโอบอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณ รู้สึกใจเต้นแปลกๆอีกแล้วก็ตั้งแต่วันที่เขาเผลอพูดออกไปว่า “อยากปกป้อง” มันก็ดูราวกับว่ามีบางอย่างเข้ามาทำให้รู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่ต้องอยู่ใกล้กันทุกที
หวั่นไหว งั้นหรอ? โจถามตัวเอง
“อะแฮ่ม” ภูผาแกล้งกระแอมเสียงดัง มันได้ผล ทั้งคู่ผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว
“เออ แล้วนี่จะทันได้ยังไงล่ะ งานก็พรุ่งนี้แล้วไม่ใช่รึไง?” โจทำเป็นถามเสียงดังกลบเกลื่อน
เฮียผาเก็กหน้าหล่อทันที “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ด้วยความสามารถของพวกเราทุกคน เฮียเชื่อว่างานนี้มันจะต้องสำเร็จ!”
แล้วผายมือไปทางกลุ่มคนสี่ห้าคนที่หอบของที่ดูเหมือนจะเป็นชุดจีนและเครื่องประดับตกแต่งต่างๆพะรุงพะรังไปหมด
“และที่สำคัญ คุณนายใหญ่ก็ได้ส่งคนของท่านมาช่วยในการจัดงานนี้ด้วย”
ทุกคนมองตามกลุ่มคนที่ตอนนี้แยกย้ายกันไปเริ่มต้นตกแต่งสถานที่อย่างตั้งใจ
“มันมากันตอนไหนวะ?” ต่อเกาหัว
………………………………………………………….
[เช้าวันรุ่งขึ้น]
คุณนายใหญ่หรือหม่าม๊าของคุณวีได้มาปรากฏตัวขึ้นที่คอนโดสวัสดีทวีสุขตั้งแต่รุ่งสางในชุดแดงเต็มยศและได้เริ่มตรวจตราความเรียบร้อยของสถานที่รวมทั้งไล่เคาะห้องปลุกทุกคนอีกต่างหาก
แต่กว่าทุกคนจะลงมารวมกันได้ก็เป็นเวลาราวเก้าโมงเช้า เพราะต่างคนต่างไม่ถนัดในการใส่ชุดจีนกว่าจะหาทางใส่ได้ถูกก็แทบจะแย่ไป โดยเฉพาะต่อที่เดินสะดุดชายชุดยาวแทบจะตลอดเวลา
“กูว่าจริงๆแล้วพวกเราไม่เห็นต้องแต่งตัวอย่างงี้เลยว่ะอีข้าว?” เขาบ่นกับแฝดผู้พี่อย่างรำคาญ
ต้นข้าวจุ๊ปาก “เอาน่า เค้าให้ทำอะไรก็ทำๆไปเถอะ อย่าไปขัดใจคุณนายใหญ่เค้า”
คุณนายใหญ่กวาดสายตามองทุกคนอย่างพอใจแล้วเอยเปิดพิธี
“ลีมาก ต่อจากนี้ไป อั๊วจะขอเริ่มพิธีมงคลสมรสของลูกวีกับเฮ่งเจีย ณ บัดนี้”
เสียงกลองรัวขึ้นดังๆทำให้ทุกคนสะดุ้งไปตามๆกัน
โจแอบทำหน้าบึ้งเมื่อได้ยินคำว่าเฮ่งเจีย “คำก็เฮ่งเจีย สองคำก็เฮ่งเจีย ฮึ่ย”
“เราจะเริ่มพิธีการด้วยพิธียกน้ำชานะครับ” วิชัยที่วันนี้มาทำหน้าที่เป็นพิธีกรควบด้วยตำแหน่งคนตีกลองประกาศขึ้น
คุณนายใหญ่เดินไปนั่งที่โซฟาอย่างสง่าผ่าเผย ส่วนข้างๆคือคุณโฉมที่อยู่ในชุดจีนยาวกรุยกรายและคุณรุจที่นั่งมองคุณโฉมตาเยิ้มเช่นเคย
“ขอให้บ่าวสาวยกน้ำชาให้แก่ผู้อาวุโสของทั้งสองฝ่ายด้วยครับ” คุณโฉมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่าผู้อาวุโส
โจและคุณวีค่อยๆคลานเข่ายกถาดน้ำชามาให้แก่ผู้ใหญ่ทั้งสาม
แล้วหนุ่มแว่นก็อดที่จะถามแม่ของตนขึ้นมาไม่ได้ “หม่าม๊าครับ แล้วป่าป๊าไม่มาเหรอครับ?”
คุณนายใหญ่ยกน้ำชาขึ้นจิบแล้วยิ้มเย็นๆ “อาป๊าอีไปเที่ยวที่ฮ่องกง อีกสองสามสัปดาห์ถึงจะกลับ”
คุณวีแอบเสียวสันหลังวาบเมื่อเห็นรอยยิ้มของแม่ตัวเอง เลยไม่กล้าถามอะไรอีก
ฝ่ายโจที่เสิร์ฟน้ำชาให้เจ้โฉมกับคุณรุจอย่างไม่เต็มใจก็ได้แต่มองอย่างเซ็งๆเมื่อคุณรุจไม่ยอมดื่มน้ำชาเสียทีแต่กลับเอาแต่นั่งจ้องเจ้โฉมที่กำลังจิบชาอย่างกรีดกราย
“คุณรุจ” โจกระซิบ “คุณรุจ!”
คุณรุจสะดุ้ง โจพยักเพยิดไปที่ถ้วยชาเป็นเชิงว่าให้ดื่มซะที
เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสามจิบชากันอย่างเรียบร้อยแล้ว คุณวีก็เริ่มอ่านบทขอบคุณหม่าม๊าของตนตามที่เตรียมมา
ชายหนุ่มอดรู้สึกผิดนิดๆไม่ได้ขณะที่อ่าน
ขอโทษนะครับหม่าม๊า ผมก็ไม่ได้อยากจะหลอกหม่าม๊าแบบนี้หรอกนะครับ แต่ว่ามันจำเป็นจริงๆ
หนุ่มแว่นแอบขอโทษเงียบๆในใจ
“ต่อไปนี้ ขอให้ฝ่ายเจ้าบ่าว ทำการขอขมาแม่ของฝ่ายเจ้าสาวและให้คำสัญญาต่อหน้าญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายด้วย” วิชัยประกาศขึ้นอีกครั้ง “ขอเชิญคุณโจศักดิ์ครับ”
คุณวีโวยวายขึ้นทันที “เดี๋ยวครับ เดี๋ยว! แล้วทำไมผมถึงต้องเป็นฝ่ายเจ้าสาวด้วยล่ะครับ!? ใครเป็นคนแบ่งครับเนี่ย?!”
โจยิ้มอย่างกวนโมโหให้อีกฝ่าย ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามากระซิบกับคนตัวเล็ก “จริงๆดูแค่นี้ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่รึไงว่าใครเป็นเจ้าบ่าว และใครเป็นเจ้าสาว”
คราวนี้ร่างเล็กหน้าแดงแข่งกับชุดที่ใส่อยู่ ขณะที่ทุกคนแอบหัวเราะกันคิกคัก
โจอมยิ้ม แล้วเริ่มทำตามพิธีอย่างไม่ขัดเขิน เขาพูดไปตามที่ได้ซ้อมไว้กับทุกคนเมื่อวานนี้
คุณนายใหญ่พยักหน้าให้เมื่อชายหนุ่มพูดจบ
“ดีมาก งั้นอั๊วตกลงยอมรับเฮ่งเจียคนนี้เป็นลูกเขย” คุณนายใหญ่พูดหน้าตาจริงจัง
เพื่อนๆทุกคนปรบมือกันเกรียวกราวอย่างดีใจ
“ไม่ต้องปรบมือครับ” วิชัยขัดขึ้น ทุกคนทำหน้าจ๋อย
“อั๊วก็ไม่คิกหรอกนะว่าจะมีวันที่อั๊วจะต้องมาจัดงานแต่งงานให้ลูกชายของอั๊วกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง” คุณนายใหญ่เริ่มพูดบ้าง “แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว อั๊วก็ขอให้พวกลื้อรักกันนานๆ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรไปเรื่อยๆ”
พูดจบแล้วก็คุ้ยกระเป๋าหยิบซองอั่งเปาขึ้นมา
โจทำตาเป็นประกายทันที
“อ่ะ อั๊วให้พวกลื้อสองคนเป็นทุนไปสร้างครอบครัว”
โจเอื้อมมือไปรับซองมาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสที่สุด
“เก็บอาการหน่อยครับคุณโจ น้ำลายหกแล้ว” คุณวีกระซิบ
โจรีบยกมือขึ้นเช็ดปาก “โห แว่นก็พูดซะเว่อ มีซะที่ไหนกัน”
วิชัยตีกลองและประกาศขึ้นอีกครั้ง “ต่อไป จะเป็นพิธีดื่มเหล้ามงคล ขอเชิญเพื่อนๆของบ่าวสาวด้วยครับ”
ได้ยินคำว่าเหล้า หลายคนก็เริ่มออกอาการคึกคักทันที
วันชัยปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับถาดเหล้า เขาวางมันลงบนโต๊ะอย่างเรียบร้อยก่อนจะถอยออกไปอย่างเงียบๆ
“ขอให้เพื่อนๆทุกคนมาอวยพรให้บ่าวสาวด้วยครับ”
ทุกคนต่างอวยพรให้สองหนุ่มอย่างขำๆ จะมีก็เพียงแต่เฮียผากับขวัญใจเท่านั้นที่ดูจะจริงจังกว่าใครๆ
ขวัญใจนั้นยิ้มไม่หุบอย่างปราบปลื้มใจส่วนภูผาก็ถึงกับน้ำตาคลอ
“ฝากไอ้ตี๋มันด้วยนะเว้ยโจ” เขาพูดเสียงสั่นเครือแล้วปาดน้ำตาบนใบหน้าของตน
วีกับโจแอบมองหน้ากัน
“ไอ้เฮียของแกนี่มันจริงจังไปรึเปล่าวะ” โจพูดเบาๆ
“นั่นน่ะสิครับ” คุณวีกระซิบตอบ
“ต่อไป ขอให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวร่วมดื่มเหล้ามงคลด้วยครับ”
ทั้งสองหยิบจอกเหล้าขึ้นมา และหันหน้าเข้าหากัน ต่างฝ่ายเพิ่งมีโอกาสได้มองอีกคนอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรกของวัน
ร่างเล็กสวมชุดสีแดงยาวที่ขับเน้นให้ผิวที่ขาวอยู่แล้วของผู้ใส่ยิ่งผ่องขึ้นอีก และหมวกทรงสูงนั่นก็ทำให้หนุ่มแว่นดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก โจแทบจะละสายตาไปจากอีกฝ่ายไม่ได้
วีเองก็ไม่อยากจะยอมรับเลยว่า ชุดจีนที่อีกฝ่ายใส่นั้นมันก็ทำให้ร่างสูงดูภูมิฐานและดูดีขึ้นมาผิดไปจากธรรมดา จนเขาแทบจะไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายตรงๆเอาเสียเลย
“นี่ ขยับเข้ามาใกล้ๆอีกหน่อยดิแว่น แบบนี้มันคล้องแขนกันไม่ถนัด” โจพูดเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคน
คุณวีขยับเข้าไปหาอีกฝ่าย ก่อนที่ร่างสูงจะคล้องแขนของทั้งสองไว้ด้วยกันแล้วใช้แขนที่เกี่ยวกันอยู่นั้นดึงร่างเล็กเข้าไปจนชิดกับตัวเอง ทั้งคู่สบตากัน ในตอนนั้นเอง ทุกอย่างก็ดูราวกับจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
หัวใจของทั้งสองร่างเต้นรัว
เป็นแบบนี้อีกแล้ว ความรู้สึกแบบนี้ มัน…
“เอ้า ทำอะไรกันอยู่ รีบๆดื่มให้เสร็จ อั๊วจะได้ส่งตัวพวกลื้อเข้าหอ” คุณนายใหญ่ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรพูดขึ้นเสียงดัง
วีหลบตาอีกฝ่ายแล้วรีบดื่มเหล้าจนหมดจอกอย่างรวดเร็ว ขณะที่โจยังคงจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา
“เอ่อ ครับ ต่อไปก็” วิชัยที่เบื่องานพิธีกรนี้เต็มทนประกาศขึ้นอีกครั้ง “ต่อไปเป็นพิธีสุดท้ายแล้วครับ พิธีปูเตียงและพิธีส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอครับ”
“ขอเชิญทุกๆคนขึ้นไปที่ชั้นบนเลยครับ”
โจค่อยๆปล่อยแขนของอีกฝ่ายออก ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินตามทุกคนขึ้นบันไดไปยังห้องที่เตรียมไว้
ซึ่งก็คือห้องของคุณวีน่ะเอง เพราะห้องของโจแคบเกินไป (ตามเคย)
คุณนายใหญ่เปิดประตูและเดินนำขบวนทุกคนเข้าไปในห้องที่จัดเตรียมไว้อย่างเป็นระเบียบ โดยมีผ้าปูเตียงและส้มสี่ผลเตรียมไว้รอท่าอยู่แล้ว คุณนายใหญ่จัดการปูเตียงอย่างคล่องแคล่วก่อนจะบรรจงนำส้มทั้งสี่ผลไปวางไว้ทั้งสี่มุมของเตียงอย่างเรียบร้อย
คุณนายใหญ่ยืนมองดูผลงานของตัวเองอย่างพอใจ แล้วหันมาพูดกับทุกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างยิ้มแย้ม
“แหม นี่อั๊วยังฝีมือไม่ตกเลยนะนี่นา”
ก่อนจะกวักมือเรียกสาวใช้ที่รออยู่หน้าห้อง “พิกุลมานี่มา เอายาดองมาให้อั๊วด้วย”
พิกุลเดินก้มตัวเข้ามาอย่างสุภาพ คุณนายใหญ่แห่งตระกูลซ่งรับเอาโหลยาดองมาจากสาวใช้แล้วส่งให้โจที่ทำหน้างง
“ให้ผมเหรอครับ?” โจชี้นิ้วมาที่ตัวเองอย่างไม่แน่ใจ
“ก็เออสิ ลื้อเห็นอั๊วยื่นให้ใครคนอื่นมั้ยล่ะ ไอ้เฮ่งเจีย”
โจกัดฟันกรอด “ครับ ขอบคุณมากครับ ฮึ่ม…”
“อั๊วถือว่านี่เป็นของขวัญสุดท้ายก่อนที่พวกลื้อจะเข้าหอกัน"
………………………………………………………….
“คุณโจครับ หม่าม๊าผมจะมาแอบฟังพวกเราตอนที่อยู่ในห้องด้วยร่างเล็กเดินกระวนกระวายในห้องของตนไปมาผิดกับอีกคนที่ไม่มีท่าทีเดือดร้อนอะไรเลย “เออฉันรู้แล้ว หม่าม๊าก็ใจดีนะให้ยาดองจีนมาฟรีๆ อั่งเปานี่ก็อีก” วีเดินนั่งตรงข้ามกับร่างสูงที่ดื่มยาดองไปไม่รู้กี่แก้วต่อกี่แก้วพรางกับนั่งนับแต๊ะเอียอย่างสุขใจ “โธ่คุณโจครับ ถ้าหม่าม๊ารู้ว่าเราไม่ได้มีอะไรกันหม่าม๊าต้องจับได้ว่าพวกเรากำลังโกหกแน่ๆเลยครับ” มือของร่างบางตะปบซองอั่งเปาลงกับโต๊ะเพื่อให้คนตรงหน้าตั้งใจฟังเขา “ตอบผมก่อนสิครับ แต๊ะเอียแค่นั้นไม่เห็นน่าสนใจเลยคุณโจยังจะได้มากกว่านี้อีก” ร่างสูงทำตาโตแล้ววางแต๊ะเอียในมือลง
“ก็ใช้วิธีเดียวกับที่นายเคยใช้กับธิดาไง ต้มบะหมี่เผ็ดๆกิน แล้วทำเสียงซีดซาดซี๊ดซาด”โจขำออกมาขณะที่วีเดินไปค้นตู้กับข้าวของตนด้วยสีหน้าที่แสนจะสิ้นหวัง
“ไม่มีบะหมี่เลยครับ ของเผ็ดๆก็ไม่มี”
“อ้าวซวยแล้ว เอาน่านายก็ทำเสียงครางโดยที่ไม่ต้องกินของเผ็ดสิ”
โจพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆกับอีกคนที่ย้อนกลับมานั่งที่เดิม
“ใครจะทำได้ละครับคุณโจ” คนตัวเล็กกอดออกด้วยท่าทีไม่พอใจ
“เดียวฉันทำให้ดูก็ได้ ฟังนะ” ร่างสูงที่เริ่มออกอาการกับฤทธิ์ยาทำเสียงครางออกมาแต่คนตรงหน้ากลั้นขำแทบไม่ทัน
“ตลกอะคุณโจ ใครๆก็ฟังออกว่าเป็นเสียงลิงไม่ใช่เสียงคนกำลังมีอะไรกัน”
“หน่อยยไอแว่น เก่งนักก็ลองทำบ้างสิ”
วีทำหน้าตาเลิ่กลั่กแต่เมื่อถูกท้าแล้วเขาคงยอมไม่ได้ ร่างเล็กครางเสียงหวานออกมาเบาๆ โจมองคนหน้าอึ้งๆแล้วปรบมือ
“มีอะไรที่นายทำไม่ได้บ้างเนี้ย ต่อเลยๆ” ร่างสูงยุจนคุณวีต้องสนองคนตัวเล็กเริ่มครางขึ้นมาอีกครั้งแต่เขาสังเกตเห็นคนตรงหน้ามีสีหน้าแดงก่ำและเหงื่อท่วมทำหน้าประอักกระอวนเหมือนอยากบอกอะไรบ้างอย่างจนเขาต้องเอยปากถาม”เป็นอะไรไปครับคุณโจ”
“คือน้องชายฉันตื่นแล้ว” ร่างสูงยิ้มเจื่อนๆทำไมคนตัวเล็กไม่รู้ตัวซะเลยว่าสิ่งที่กำลังทำมันยั่วยวนขนาดไหน
“ห๊ะ!! รีบไปเข้าห้องน้ำเลยครับคุณโจ” เจ้าของห้องตกใจจนไม่รู้จะแสดงออกยังไงแต่ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดไว้ก่อน “แย่แล้วครับคุณโจ เฮียผาส่งข้อความมาบอกว่าหม่าม๊าอยู่ที่ห้องคุณขวัญใจมาได้ซักพักแล้ว”
“นั้นเราลองมาทำอะไรกันจริงๆดูไหม” ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าพร้อมลุกขึ้นมาประกบตัวหนุ่มแว่น วีเดินถ่อยหลังเรื่อยๆอย่างไม่เชื่อกับภาพตรงหน้า
“คุณโจใจเย็นๆนะ ผมว่าแค่ทำเสียงครางเฉยๆหม่าม๊าผมก็น่าจะเชื่อแล้วนะครับ”
เมื่อรู้ตัวอีกทีคนตัวเล็กก็นั่งลงบนเตียงที่ปูไว้พร้อมกับอีกคนที่นั่งลงข้างๆ โจหันมาสบตากับร่างบางแล้วจึงถอดหมวกจีนทรงสูงออกจากศีรษะให้เขามันเป็นการกระทำที่อบอุ่นมากในความรู้สึกของอีกคน ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่โจค่อยดูแลปกป้องจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นแค่การแสดงเขาจึงเผลอใจได้ไม่ยากที่จะปล่อยให้คนตรงหน้าทำอะไรกับเรือนร่างของเขา
วีถูกกดตัวนอนลงแนบกับเตียง สายตาของเขาจ้องคนที่คร่อมเขาอยู่ตลอดเวลา มือหนาสอดไปใต้ร่างบางเพื่อปลดตระขอของชุดจีน โจปลดไปได้ไม่กี่ตระขอเขาก็ถอดใจร่างกายเขามันร้อนรุ่มเกินปกติ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนและต้องการที่จะได้รับการปลดปล่อยในไม่ช้า ชุดจีนตัวยาวสีแดงสดตกลงจนเผยให้เห็นไหล่ขาวนวลของคุณหนูแห่งตระกูลซ่ง ริมฝีปากขบเม้มไปตามไหล่และบ่าจนปรากฏรอยแดงเด่นชัดไม่แพ้กับสีเสื้อที่ใส่อยู่ ลมหายใจของผู้ถูกกระทำแรงและเร็วขึ้นตามลำดับ ร่างสูงยกขาเรียวขาวขึ้นพาดกับตัวเอง “ครางหวานๆให้ฉันและคนที่อยู่ห้องข้างๆฟังอีกรอบนะ” เมื่อเจ้าของห้องได้ยินดังนั้นก็เขินขึ้นมาทันทีแต่ดวงตาก็เบิกกว้างพร้อมน้ำตาที่คลอออกมาเล็กน้อยอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวก็รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างอยู่ในร่างกาย
เขาแทบกรีดร้องออกอย่างสุดเสียง “คุณโจ คุณโจผมไม่ไหวแล้ว เอาออกก่อนคุณโจ!!” มือของหนุ่มแว่นไม่มีแม้กระทั่งแรงที่จะผลักคนตรงหน้าออกจากตัวทำได้แต่จิกเล็บไปที่แขนหนาของคนบนร่าง โจก้มตัวมากระซิบข้างหูคนตัวเล็ก “หายใจลึกๆนะ ไม่ต้องเกร็ง”ตามด้วยเสียงครางแหบพร่าของร่างสูง วีทำตามคำแนะนำแต่มันได้ช่วยอะไรเลยร่างสูงจึงพรมจูบไปบนใบหน้าและร่างกายเพื่อเป็นการปลอมโยนและดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเสียงครางหวานดังระงมขึ้นอีกครั้งเมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวได้และมันก็ดังต่อเนื่องจนกระทั่งบทรักสิ้นสุดลง
ร่างเล็กเต็มไปด้วยเหงื่อที่พุดขึ้นไปทั่วทั้งตัวและอาการเหนื่อยหอบ ต่างจากโจที่ยังคึกไม่เลิก “บางทีฉันอาจเต็มใจที่จะเป็นลูกเขยให้เตระกูลนายก็ได้นะ” เจ้าของคำพูดกระซิบเบาๆข้างหูร่างเล็กและเลื่อนตัวขึ้นมากดจูบอย่าอ่อนโยน หัวใจที่หวั่นไหวของวีได้เต้นรั่วจนแทบจะหลุดออกมาจากอกแล้วรับจูบจากคนบนร่างอย่างเต็มใจ
………………………………………………………….
“ยาดองของอั๊วนี่ได้ผลลีจริงๆเลย” คุณนายใหญ่เอยลอยๆอย่างภาคภูมิในขณะที่คนอื่นๆในห้องทำหน้าเหวอเมื่อรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาได้ยินไม่ใช่แค่การแสดงแน่ๆมันไม่ได้มีแค่เสียงครางแต่ทุกคำพูดมันสมจริงเกินไป
“ไม่ได้กินบะหมี่กันธรรมดาแน่ๆเลยเฮียว่า ได้ยินอาตี๋มันร้องไหมวะเฮียสงสารมันว่ะ” เฮียผาหันไปถามหาความเห็นของคนอื่นๆ
“Oh my god ฉันไม่คิดเลยว่าคุณวีกับโจจะมีอะไรกันจริงๆ” สาวลูกครึ่งเสริมจนธิดาต้องตีแขนด้วยท่าทีเขินๆ
“หนุ่มๆนี่ร้อนแรงกันจังเลยนะคะ ป้าละอิจฉา”ป้ารุจไขว้มือไว้ข้างหลังจนคนอื่นๆพากันสงสัย
“ซ่อนอะไรไว้ข้างหลังน่ะป้ารุจ”ธิดาเป็นคนออกตัวถามแทนเพื่อนๆทุกคนจนป้ารุจต้องโชว์เทบอัดเสียงที่ซ่อนไว้ “ว้ายยบัดสีทำอะไรก็ไม่รู้ วิปริต”หญิงสาวคนเดิมเอ่ย
“ป้าเก็บไว้ฟังคนเดียวก็ได้ค่ะ เชอะ”ป้ารุจสะดีดสะดิ้งก่อนที่จะโดนเฮียผาขัดขึ้นมาซะก่อน
“แบ่งผมด้วยป้า ครั้งแรกของไอตี๋มัน”
………………………………………………………….
ร่างสูงที่คร่อมเจ้าของห้องแล้วสบตาด้วยความจริงใจเขามั่นใจในความรู้สึกและต้องเอยมันออกมา “มันไม่ใช่การแสดงนะ ฉันรู้สึกจริงๆ”
มือเรียวของนักวิทยาศาสตร์หนุ่มเกลี่ยปอยผมและหยาดเหงื่อของคนตรงหน้าอย่างอิ่มเอมใจเขาอาจจะรู้สึกอย่างคนตรงหน้าก็ได้เพราะร่างกายรวมถึงจิตใจเขาก็ไม่อาจปฏิเสธทุกคำพูดและการกระทำได้เลย
คุณวีดึงร่างสูงที่คร่อมเขาอยู่ลงมากอดแนบตัวเขาไว้แน่นจนทั้งคู่สัมผัสถึงอัดตราการเต้นของหัวใจของทั้งสองฝ่าย แล้วคุณวีที่กำลังซาบซึ้งกับคำพูดของคนบนตัวเขาอยู่นั้นก็ทำหน้าอยากตายเมื่อโจเงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างคึกคักต่อว่า “มาต่อยกสองกันเถอะ”
“คุณโจ พักก่อนเถอะครับ” วีตอบด้วยเสียงอ่อยอย่างเหนื่อยล้าแต่ก็ไม่สามารถปฏิเศษได้เพราะบทรักรอบที่สองได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
………………………………………………………….
จบแล้วนะคะสำหรับฟิคสั้นสามตอนเรื่องลูกเขยตระกูลซ่งขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
:) Shalunla
ความคิดเห็น