คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ++ เสียงเพลงในสายลม++ ขุนนางมาครูซ
5
ขุนนางมาครูซ
กองทหารจากไปทันทีที่ฟ้าสาง บาซันยังขี่ม้าไม่เป็น จึงโดยสารไปกับเกวียนสัมภาระ
ชายหนุ่มหลายคนลอบมองเด็กสาวด้วยสายตาไม่เป็นมิตร หลังจากบาซันไปแล้วก็ไม่มีผู้ชายคนไหนในหมู่บ้านผ่านการทดสอบ ทั้งๆ ที่เด็กสาวมีฝีมือเป็นที่ประจักษ์แจ้ง ชาวบ้านก็ยังอดพูดไม่ได้ว่าอัศวินหนุ่มผมสีเปลือกไม้มีรสนิยมชอบเด็กสาวบ้านป่า
ชายหนุ่มได้ยินเต็มสองหู แต่ก็ไม่อยากถือสาหาความ ไปถึงครูเซนเมื่อไหร่คำครหาจะยิ่งรุนแรงกว่านี้
ดวงตาสีมรกตเหลือบมองสาวน้อยที่กำลังหิ้วของมาร่วมกองก็อดถอนหายใจไม่ได้
หน้าตาแบบนี้...ก็สมควรหรอกที่คนอื่นจะคิดมาก
แต่ไม่น่าเชื่อว่าหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย จะมีเด็กสาวที่แปลกประหลาดซ่อนตัวอยู่ เขารับรู้ได้ว่านางมีจิตใจที่บริสุทธิ์มาก ใสสะอาดไร้ตะกอนราวกับน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่วิหารหลวงครูเซน
บริสุทธิ์เกินไป...บริสุทธิ์เสียจนเหล่าสัตว์น้ำไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ ตักไปรดพืชผักก็ไม่เจริญงอกงาม
เขาคนหนึ่งล่ะที่ไม่นิยม แต่ก็ประมาทไม่ได้ ที่ศาสนจักรมีพวกแปลกๆ เยอะ คงต้องเอาไปฝากฝังกับอเล็กซิส ถ้าคนคนนั้นถูกใจ บาซันคงจะมีอนาคตสดใสทีเดียว
หัวหน้าหมู่บ้านมายืนดักรอเขาตรงทางออก ชายชรายืนลูบหนวดแข็งของตนด้วยอาการไม่ทุกข์ร้อน
"ข้าได้แจ้งข่าวให้คนคนนั้นทราบแล้ว เขาจะไม่เอาเงินคืนจากพวกเจ้า" โยชัวร์เอ่ยโดยไม่ลงจากหลังม้า
อูลก้มศีรษะให้บุรุษผู้สูงศักดิ์ ก่อนเอ่ยตอบ
"ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านนัดแนะกันมาก่อน ต้องขออภัยที่ทำให้ขุ่นเคือง"
"ข้าไม่ได้นัดแนะกับเขา ผู้นำสารของข้าได้รับคำตอบว่า ตระกูลมาครูซเตรียมจะส่งเด็กคนนี้ให้ศาสนจักรอยู่แล้ว ไปกับข้าเสียเลยก็สะดวกดี" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะขยับรอยยิ้มเหยียด "แต่ก็ว่าเขาไม่ได้หรอก ข้าเป็นเพียงมนุษย์ แต่เขาเป็นเทพนี่"
"เพียงผู้สืบเชื้อสายเท่านั้นท่าน"
"ก็เหมือนกันนั่นแหละ ยังไงก็เป็นพวกอภิสิทธิ์ชน องค์ชายอเล็กซิสเองยังต้องเกรงใจ"
ชายชราขยับยิ้มไม่ตอบคำ เขาเหลือบสายตาไปยังเด็กสาวที่นั่งห้อยเท้าอยู่ท้ายเกวียน มีหญิงชรามาร้องไห้ลูบหลังลูบไหล่ แล้วโค้งให้อัศวินหนุ่มอีกครั้ง
"ถึงนางจะเป็นตัวโชคร้าย แต่ข้าก็ขอให้ท่านโชคดี"
พวกเขาใช้เวลาสามวันในการลงมาถึงเชิงเขา เมื่อหันหลังกลับไปมอง ภูเขาทั้งลูกก็เปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองปนแดงไปหมดแล้ว
ภาพเบื้องหน้าคือตึกรามบ้านช่องสลับกับไร่นา ที่ค่อยๆ หนาแน่นขึ้นทุกย่างก้าว ถนนดินค่อยๆ กว้างขึ้นจนกลายเป็นถนนที่ปูด้วยแผ่นหิน กระท่อมของชาวบ้านที่ตั้งอยู่ห่างๆ กันแปรเปลี่ยนเป็นเมือง
บาซันมองภาพที่เห็นด้วยสีหน้าเรียบเฉย แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เด็กสาวได้เห็นคนจำนวนมากขนาดนี้ แต่หล่อนก็มิได้มีท่าทางแปลกใจ
เมื่อรถม้าแล่นพ้นเนินสุดท้ายของหุบเขาหมอก ปราสาทสีขาวก็ปรากฏขึ้นลิบๆ ทางทิศตะวันตก ถนนหลานสายทอดยาวสู่ปราสาทแห่งนั้น บ้านเรือนสีสันสดใสตั้งเรียงรายราวกับของเล่น
"เคยลงมาจากภูเขาไหม" โยชัวร์ขยับม้ามาขนาบข้าง หัวหน้าหน่วยอัศวินศักดิ์สิทธิ์อยากเอาใจลูกน้องสาวคนแรกและคนเดียวเสียหน่อย
เด็กสาวส่ายศีรษะ
"แถวนี้เป็นที่ดินในปกครองของขุนนางตระกูลมาครูซ ครอบคลุมอาณาเขตตั้งแต่ทิศตะวันออกของครูเซนไปจนถึงตีนเขาของหุบเขาหมอก เจ้ามองไปทางนั้นสิ"
บนเนินเขาทางทิศที่ชายหนุ่มชี้มีคฤหาสน์ขนาดใหญ่ รั้วที่ล้อมอยู่กินอาณาเขตลึกเข้าไปในภูเขา จึงมองไม่เห็นว่ามันสิ้นสุดลงที่ใด
"นั่นแหละ คฤหาสน์ตระกูลมาครูซ อยากไปเยี่ยมคนที่ซื้อเจ้าไหม"
บาซันมองคฤหาสน์หลังนั้นอยู่เพียงครู่เดียว ก็หันกลับมามองชายหนุ่ม ดวงตาสีมรกตเป็นประกายด้วยความพอใจ
"ไม่อยากเจอก็ดี เย็นนี้เราจะแวะพักที่ค่ายนอกเมืองก่อน ค่อยเข้าเมืองวันพรุ่งนี้"
เสียงแตรยาวดังสนั่นจากทางด้านหลัง ขบวนทหารชุดสุดท้ายจากหุบเขาหมอกจำนวนกว่าหกสิบนายจึงรีบหลบเข้าข้างทาง แต่ก็เหมือนไม่ทันใจคนบีบแตร เสียงกรีดร้องแหลมจึงกระหน่ำซ้ำๆ จนแสบแก้วหู
โยชัวร์ขบกรามจนเป็นสันนูน เขาเร่งม้าไปหน้าขบวนเพื่อสั่งให้ลูกน้องเคลื่อนที่เข้าด้านข้างอย่างเป็นระเบียบ
บาซันหันหลังกลับไปมอง รถม้าสีขาวแกะสลักลายทองหรูหราเทียมด้วยม้าสีดำสนิทสองตัว กำลังแล่นตามมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะแซงไปโดยไม่ชะลอ ดินแห้งๆ ถูกฝีเกือกม้าและล้อรถตะกุยขึ้นมาจนเป็นฝุ่นคลุ้ง
สารถีผู้ขับรถคันนั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราแบบคนภูเขาระดับหัวหน้าหมู่บ้าน เขาสะบัดแส้โดยแรงอยู่ตลอดเวลา สายลมพัดผ้าม่านข้างรถปลิวสะบัด ทำให้พอมองเห็นคนที่โดยสารอยู่ภายในเล็กน้อย
บาซันมองเรื่อยๆ อย่างไม่ใส่ใจ คนในรถคันนั้นก็มองออกมาเช่นกัน เด็กสาวเลิกคิ้วนิดๆ เมื่อรู้ตัวว่าดวงตาคู่หนึ่งสบประสานกับนัยน์ตาเธอเข้าอย่างจัง
ใคร...
ดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องจนหมดระยะที่มองเห็นกันได้ เด็กสาวรู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาคู่นั้นอย่างประหลาด
หัวหน้าของเธอขยับม้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง ใบหน้าของเขาเปื้อนฝุ่นดินแดงมอมแมม หัวคิ้วย่นลึกแสดงความไม่สบอารมณ์ชัด
"ดูตรานั่นไว้ ตราสุนัขป่าที่มีดวงตาสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลมาครูซ นอกจากตราสุนัขป่าตาสีม่วงขององค์ชายอเล็กซิสแล้ว ก็มีแต่พวกเขาที่เราต้องหลีกทางให้"
บาซันพยักหน้ารับรู้ ชายหนุ่มจึงอธิบายต่อ
"มีชื่อตระกูลมาครูซอยู่ในพระคัมภีร์ พวกเขาจึงเชื่อว่าตนเป็นเชื้อสายของครูซ พวกประชาชนก็เชื่อด้วย บางแห่งก็เคารพบูชาพวกเขาเหมือนเคารพครูซทีเดียว"
เด็กสาวมองตามรถม้าคันนั้น มันโผล่พ้นเนินข้างหน้าขึ้นมา สารถียังคงเร่งม้าให้ห้อตะบึงไปยังทิศทางเดียวกับปราสาทสีขาว
"จะสืบเชื้อสายครูซหรืออะไรก็แล้วแต่ พวกนั้นก็เป็นแค่มนุษย์ มนุษย์ที่ร่ำรวยและโง่เขลา หยิ่งทระนงสุรุ่ยสุร่ายใช้ชีวิตไร้สาระไปวันๆ แต่ศาสนจักรก็จำต้องยอมให้พวกเขาเป็นหนึ่งในสภาแห่งครูเซน"
ดวงตาสีมรกตฉายแววรังเกียจเดียดฉันอย่างไม่ปิดบัง แต่เมื่อเขาหันมามองหน้าเด็กสาว ประกายแห่งความเกลียดชังก็หายไป กลายเป็นความขบขัน
"เจ้าทำให้ข้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นหญิงแก่พูดมาก ปากร้าย ขี้นินทา
ในฐานะผู้ที่ต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่าง ข้าควรจะสำรวมมากกว่านี้" ชายหนุ่มนิ่งคิดนิดหนึ่ง ก่อนเอ่ย "แต่ข้าอายุแค่ยี่สิบห้า อาจจะยังไม่แก่ขนาดจะเป็นแบบอย่างให้ใครได้..."
เงียบกันไปครู่หนึ่ง เขาหันมามองหน้าเธออีกครั้ง แล้วก็ตะโกนขึ้นมา
"ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไง ข้าเพิ่งยี่สิบห้าจริงๆ นะ แค่เข้าป่านานไปหน่อยเท่านั้นเอง พอกลับไปเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ประจำวิหารหลวงครูเซนก็กลับมาหล่อเหลาเหมือนเดิมเองล่ะน่า"
ชายหนุ่มโวยวายไปก็ลูบใบหน้าของตัวเองไป สัมผัสสากระคายทำให้เขารู้ตัวว่าหนวดเคราคงเฟิ้มเต็มคางทีเดียว
ไม่ได้ส่องกระจกมานานพอดู กลับไปต้องจัดการเสียหน่อยแล้ว...ไม่สิ คืนนี้เลยดีกว่า
เหล่าทหารใต้บังคับบัญชาลอบมองหัวหน้าของตนพูดกับว่าที่ทหารใหม่แล้วก็อมยิ้ม
เด็กคนนั้นนิ่งอย่างกับตุ๊กตา...
ท่านโยชัวร์จะรู้ตัวไหมว่าเหมือนบ้าไปคนเดียวไม่มีผิด
เสียงแตรแหลมแสบแก้วหูดังยาวนาน จนกระทั่งบานประตูใหญ่ของปราสาทสีขาวเปิดออก
รถม้าสีขาวคลุกฝุ่นมอมแมมแล่นช้าๆ ผ่านสวนกว้างใหญ่ที่ตกแต่งเป็นลวดลายอย่างประณีตบรรจง รถคันนั้นเลี้ยวออกจากถนนใหญ่ที่มุ่งไปยังปราสาท เข้าสู่ถนนเส้นรองที่ทอดไปสู่วิหารหลวง
ครูเซนเป็นศาสนจักร มหาวิหารแห่งนี้จึงยิ่งใหญ่ตระการตายิ่งกว่าปราสาท ตัวอาคารสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวทั้งหลัง อารามสำหรับประกอบพิธีจุคนได้กว่าพันคน ล้อมรอบด้วยระเบียงโค้งที่ทอดไปสู่สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ด้านหลังเป็นที่พักสำหรับนักบวชชายและหญิง มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมเหมือนเมืองขนาดย่อมๆ
"ไร้ประโยชน์"
ชายหนุ่มผู้ที่กำลังลงจากรถม้าเอ่ยเบาๆ กับตนเอง เสื้อคลุมของเขาเป็นสีแดงสด ตัดกับขนสัตว์สีขาวสะอาดที่คลุมทับไว้อีกชั้น บนร่างเขามีอัญมณีประดับแพรวพราวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
บุรุษในชุดสีขาวยาวกรอมเท้าคนหนึ่งเชื้อเชิญเขาเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินตามชายคนนั้นไปสู่ห้องโถงใหญ่ที่เป็นห้องพิธีกรรม
ห้องนี้เยือกเย็นและเงียบสงัด เพดานสูงถูกเจาะเป็นช่องแสง ประดับด้วยกระจกสีเป็นทางยาว ทำให้แสงที่ลอดผ่านเข้ามาเลื่อมพรายมลังเมลืองราวกับสวรรค์ได้ปรากฏอยู่บนศีรษะ ทางเดินกลางห้องปูลาดด้วยพรมสีเขียวอมเทาทอดไปสู่สระน้ำใหญ่หน้ารูปสลักมหาเทพ...ครูซ
ชายหนุ่มเหยียดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเดินไปหาบุรุษหนุ่มร่างสูงเพรียวในชุดสีขาวยาวกรอมเท้าที่ปักลวดลายด้วยไหมเงินและทองละเอียดยิบ เส้นผมสีเงินตรงทอดยาวราวน้ำตก ผิวของเขาขาวจัดราวสตรีเพศ ดวงตาสีดอกไวโอเลตใสกระจ่างดั่งท้องฟ้า ชายคนนั้นยืนอยู่ท่ามกลางนักบวชชรานับสิบ เมื่อเขาเดินไปยืนตรงหน้า บุรุษผู้นั้นก็ขยับยิ้ม
"ไม่ได้เจอกันนานนะ เอย์ระ มาครูซ"
ดวงตาสีเขียวอ่อนทอดมองผู้เป็นฝ่ายทักทายก่อน แล้วจึงพยักหน้าน้อยๆ
"ยินดีที่ได้พบท่าน องค์ชายอเล็กซิส"
ชายหนุ่มเดินไปชมวิวริมสระ รูปสลักสีขาวตั้งตระหง่านอยู่กลางสระน้ำ มุมปากมีรอยยิ้มนิดๆ อย่างปรานี ทำให้เขาอดยิ้มล้อเลียนไม่ได้
"ปีนี้มาทันงานฉลองเทศกาลใบไม้แดง ไม่ติดธุระหรือ"
แม้จะแดกดัน แต่น้ำเสียงทุ้มก็ยังนุ่มนวลตามแบบฉบับผู้ที่ได้รับการอบรมมาแต่เล็กแต่น้อย ดวงตาสีม่วงยังคงมองไปทางเดิม มิได้กลอกตามการเคลื่อนไหวของคู่สนทนา เอย์ระนึกอยากจะหาอะไรขว้างศีรษะรูปสลักหินกลางน้ำนั่น แต่ก็สู้อดทนไว้
"งานฉลองที่ฤดูกาลหมุนเวียนไปด้วยความเมตตาจากครูซ...ไร้สาระ"
คำกล่าวของชายหนุ่มทำให้เหล่านักบวชชรามีสีหน้าแตกต่างกัน บ้างหวาดกลัว บ้างโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยคำพูดออกมา ทุกคนนิ่งเงียบ จนกระทั่งประมุขแห่งศาสนจักรเอ่ยปาก
"ดูเหมือนขุนนางมาครูซรุ่นที่สิบเจ็ดจะไม่ค่อยสนใจบรรพบุรุษของตัวเองเลยนะ"
"บรรพบุรุษ?" เอย์ระหัวเราะเสียงใสราวกับขบขันเสียเต็มประดา ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง "ข้ามาที่นี่เพื่อมารอดูหน้าอัศวินคนใหม่ของท่าน เรื่องเทศกาลใบไม้แดงเป็นผลพลอยได้"
"อัศวินคนใหม่?"
คิ้วสีเงินเลิกขึ้นเล็กน้อย คนผมสีทองจึงขยายความ
"ที่จริงหล่อนควรจะเป็นคนของตระกูลข้า แต่สุนัขของท่านก็ชิงคาบไปเสียก่อน"
แม้จะกังขากับคำว่า 'หล่อน' แต่เรื่องฝีปากนั้นยอมไม่ได้มากกว่า
"สุนัขของข้ามีแต่เจ้าเรวี่ มันคาบใครไม่ได้หรอก" คนตาสีม่วงยังคงไม่คลายยิ้ม ขณะเอ่ยถึงสุนัขโพเมอเรเนียนสีน้ำตาลขนฟูของตน แต่คนตาสีเขียวก็ไม่ยอมเปลี่ยนประเด็นไปด้วย
"ข้าก็ถือซะว่าทำทาน ยังไงตระกูลมาครูซก็ไม่จำเป็นต้องเอาอกเอาใจท่านอยู่แล้ว แต่ก็เอาเถอะ..." ชายหนุ่มล้วงเข้าไปในเสือคลุมสีแดงของตน แล้วหยิบกล่องไม้ลงลายทองละเอียดยิบมาวางลงบนตักขององค์ชาย "ของฝากจากอากะพี่ชายข้า พวกของโปรดท่านนั่นแหละ"
"ฝากขอบคุณท่านอากะด้วย" มือขาวลูบคลำกล่องไม้บนตักไปมา ก่อนจะส่งให้นักบวชคนอื่นรับไป
"ได้ตามนั้น...องค์ชาย"
เอย์ระรับคำ เขายักคิ้วให้รูปสลักครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะทำความเคารพ
ดวงตาของกลุ่มนักบวชจับจ้องแผ่นหลังผึ่งผายที่ค่อยๆ ห่างออกไปอย่างไม่เป็นมิตร
"สามหาวเสียจริง ฝ่าบาทจะปล่อยเข้าไว้แบบนี้หรือขอรับ"
"เขาก็ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไรนี่" องค์ชายอเล็กซิสตอบ "เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าข้าจะอยู่หรือตาย"
"เขาไม่เคารพยำเกรงท่านเลยฝ่าบาท"
"เขาก็อุตส่าห์มาทักทายข้าก่อนจะเข้าวัง อย่างน้อยก็ถือว่าทักทายเจ้าของบ้านก่อนเข้าบ้าน"
"เขาจงใจมาล่วงเกินฝ่าบาทมากกว่า คนคนนี้แม้แต่ความนับถือในครูซก็ไม่มีด้วยซ้ำ"
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ นักบวชข้างกายรีบยื่นมือให้เกาะ ประคองให้เขาหันหน้าไปยังรูปสลักหิน
"ครูซจะคุ้มครองผู้ที่ศรัทธา ครูซจะลงโทษผู้ที่ลบหลู่ดูหมิ่น เมล็ดพันธุ์ที่แห้งเสียย่อมไม่สามารถเจริญงอกงาม เมล็ดที่แห้งเสียเพียงเมล็ดเดียวก็ไม่อาจทำให้ไร่นารกร้าง"
เหล่านักบวชคุกเข่าลงกับพื้น แล้วประสานมือเอ่ยบทสวดพร้อมกัน
ดวงตาสีไวโอเลตจับจ้องอยู่กับความเวิ้งว้าง คำพูดที่แสดงถึงความคลางแคลงและเกลียดชังหาได้ทำให้เขาหวั่นไหวไม่ แต่ที่นึกสงสัยก็คือคำพูดเป็นนัยๆ ของบุรุษผู้จากไป
อัศวินคนใหม่ เกี่ยวพันอย่างไรกับตระกูลมาครูซ...
"ท่านโยชัวร์ขอรับ องค์ชายรับสั่งให้เข้าเฝ้า"
ชายหนุ่มบนหลังม้าเลิกคิ้วนิดๆ นี่เท้าเขายังไม่ทันแตะพื้นเลย องค์ชายผู้สูงศักดิ์ก็ส่งคนมาตามแล้ว
เมื่อแรกเขาคิดจะพาบาซันไปฝากฝังกับครูทหารเป็นพิเศษเสียก่อน แต่แบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ คงไม่นานเท่าไหร่...มั้ง
"องค์ชายรับสั่งให้ท่านพาอัศวินคนใหม่ไปเฝ้าด้วยขอรับ"
"อัศวินคนใหม่?"
อัศวินหนุ่มกลอกตาขึ้นฟ้า นี่เขาเพิ่งออกจากป่า ระหว่างนี้คงไม่มีการแต่งตั้งอัศวินใหม่ อัศวินที่ได้รับการแต่งตั้งคนล่าสุดก็เมื่อสามเดือนที่แล้ว...อืม
เขาหันกลับไปทางทิศที่เป็นที่ตั้งของกรมทหาร...อเล็กซิสคงไม่ได้หมายถึงเด็กคนนั้นหรอกมั้ง บาซันยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินเสียหน่อย จะว่าไป เป็นทหารก็ยังไม่ใช่เลย
โยชัวร์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปสั่งผู้ติดตาม
"ไปตามเอเธเนียลมาพบข้าที่วิหารหลวง"
ความคิดเห็น