The Wrath ชำระ..แค้น
ลงเพื่อประจานตัวเอง
ผู้เข้าชมรวม
98
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ฉันทำไม่ได้หรอกจ้ะ” แพรพรรณ เพื่อนผู้แสนดีและแสนซื่อของฉัน พูดขึ้นเมื่อฉันชะโงกหน้าไปถามถึงแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ที่คุณครูสั่งให้ทำส่งท้ายชั่วโมง ด้วยหวังว่าเธอจะทำเสร็จแล้วและฉันจะได้ลอกอย่างเคย แต่คำตอบที่ได้รับมากลับทำให้ฉันผิดหวังอีกครั้ง ทำให้ฉันต้องหันกลับมาจ้องหน้ากระดาษอันว่างเปล่าของตัวเองด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
ฉัน รินดา เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของแพรพรรณ ซึ่งปีนี้เธอเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมา เธอมักถักเปียสองข้างมาโรงเรียนทุกวัน เป็นเด็กเก่ง เรียนดี และเรียบร้อยน่ารัก ต่างจากฉันที่มีผลการเรียนตกต่ำ ทำผิดจนโดนเรียกพบผู้ปกครองหลายครั้ง ตอนนี้แม่จึงยื่นคำขาดกับฉันว่า ถ้าเกรดยังไม่ดีขึ้นละก็ แม่จะให้ฉันไปทำงานที่บ้านนอกแทนและจะไม่ส่งเงินให้ แล้วเรื่องอะไรฉันจะยอมกัน แพรพรรณจึงเปรียบเสมือนตัวช่วยอย่างดีที่จะเปลี่ยนผลการเรียนของฉัน
แต่ในตอนนี้สิ่งที่ฉันหวังกลับพังทลายลงด้วยคำว่า ‘ฉันทำไม่ได้หรอก’
ทุกครั้งที่มีแบบฝึกหัด การบ้าน หรือสอบเก็บคะแนน ฉันจะรอลอกแพรพรรณเสมอ แต่เธอใช้เวลาในการทำแบบฝึกหัดนานจนฉันโมโห และเมื่อฉันถามเธอจะตอบว่า ‘ฉันยังทำไม่ได้เลยจ้ะ’ ทุกครั้งไปจนมันเป็นคำพูดติดปากของเธอ กว่าจะเสร็จก็เหลือเวลาเพียงเสี้ยวที่ให้ฉันลอก ซึ่งมันทำให้ฉันเกิดความแค้นใจเล็กๆทุกครั้ง เพราะหลายครั้งเหลือเกินที่ฉันทำแบบฝึกหัดบ้าๆนั่นไม่ทันส่ง
ฉันแอบมาดหมายไว้ในใจ ‘คอยดูเถอะแพรพรรณ!’
หลังจากพักกลางวันฉันแอบโดดเรียนมาที่ห้องน้ำ โดยบอกแพรพรรณว่าฉันรู้สึกไม่สบาย เพื่อหนีหน้าเธอสักพักให้หายโมโห และที่สำคัญคือเพื่อคิดแผนการแก้แค้น
ฉันนั่งอยู่ในห้องน้ำพักใหญ่แล้ว แต่ดูเหมือนสมองของฉันจะตีบตันไปหมดเพราะไม่ว่าจะพยายามคิดแผนการเท่าไรก็คิดไม่ออก
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด
เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้น แพรพรรณนั่นเอง เธอคงโทรมาตามฉันเพราะเราสองคนมักจะเดินกลับบ้านด้วยกันเสมอ ฉันรับโทรศัพท์ก่อนกรองเสียงห้วนตอบไป “จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ฉับพลัน ฉันได้ยินเสียงคุยของสองผู้มาใหม่ นั่นคือ ดารา และ สายธาร เพื่อนร่วมห้องของฉันที่ฉันเคยไปขโมยของของพวกหล่อนนั่นเอง
“สวย แพรพรรณน่าสงสารจังเลยนะที่ไปคบกับยัยรินนะ”
“นั่นสิ คนดีๆอย่างนั้น ไม่น่าไปคบกับหัวขโมยเลวๆเลย”
บทสนนาที่ได้ยินเต็มสองหู ทำให้ฉันแทบคุมสติไม่อยู่ด้วยความโกรธ ฉันกำมือแน่นเพื่อระบายอารมณ์ พลางคิดในใจ‘ก็รวยนักไม่ใช่หรือ แบ่งๆกันใช้หน่อยจะเป็นไรไป’
และความคิดหนึ่งก็วูบขึ้นมา ‘ใช่แล้วแผนการชั่วร้าย แพรพรรณต้องไม่รู้แน่ว่าเป็นฝีมือของฉัน’
รุ่งเช้าวันต่อมา ฉันต้องทนนั่งเรียนด้วยความเบื่อหน่ายเป็นชั่วโมงๆ ก้มหน้ามองหนังสือที่ไม่เคยอ่านเข้าใจเลยสักครั้ง เพื่อรอให้ถึงเวลาลงมือ
ในช่วงพักกลางวันนั้นเป็นเวลาที่เหมาะที่สุด หากต้องทำอะไรสักอย่างที่ให้ใครรู้ไม่ได้ เพราะคุณครูส่วนใหญ่จะไปทานข้าวนอกโรงเรียนทำให้ในห้องพักครูแทบจะไม่มีใครเลย ดังนั้นฉันจึงได้มายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักครูในขณะนี้
ฉันมองสำรวจจนมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่แน่แล้ว จึงเปิดประตูเข้าไปในห้อง เดินตรงไปที่โต๊ะของคุณครูประจำชั้นและเปิดลิ้นชักออกมา ก่อนหยิบตั้งเหรียญห้าที่ถูกหุ้มด้วยถุงพลาสติกซึ่งมัดด้วยยางวงสีแดงพร้อมกับเศษกระดาษที่เขียนว่า‘เงินเก็บของห้อง’จากลิ้นชักโต๊ะ ยัดลงในกระเป๋ากระโปรงตัวเอง และเดินออกมาโดยไม่ไม่ลืมปิดลิ้นชักให้เรียบร้อย
ฉันเดินมายังห้องเรียนอย่างไม่รีบร้อนก่อนจะตรงไปยังกระเป๋าของแพรพรรณ และจัดการใส่ถุงเงินที่ขโมยมาลง หลังจากปิดกระเป๋าเรียบร้อยและมองดูจนมั่นใจว่าไม่มีใครเห็นแน่นอนแล้ว ฉันจึงเดินออกจากห้องเพื่อไปหาแพรพรรณที่โรงอาหารทันที พร้อมคิดในใจอย่างอารมณ์ดี
‘ที่เหลือก็แค่รอเวลา’
เมื่อถึงคาบเรียนตอนบ่าย ฉันนั่งรอเวลาอย่างใจจดใจจ่อ และในที่สุดคุณครูประจำชั้นของฉันก็เดินมาที่ห้องเรียนและเรียกคุณครูประจำวิชาที่กำลังสอนฉันอยู่ออกไปคุยกันหน้าห้องด้วยท่าทางเคร่งเครียดสักพัก ก่อนสองท่านจะเข้ามายืนหน้าห้อง และคุณครูประจำชั้นจึงพูดขึ้นว่า “นักเรียน ครูต้องขอตรวจค้นกระเป๋าของทุกคนหน่อยนะจ้ะ”
ประโยคนั้นทำให้นักเรียนในห้องต่างตื่นตระหนก เสียงพูดคุยดังขึ้นทันทีเพราะทุกคนคิดว่าอาจเกิดการขโมยของขึ้น
แพรพรรณหันมาถามฉันด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นหรือริน?” ฉันส่ายหน้าก่อนตอบกลับไป “ไม่รู้สิแพร...คงมีใครขโมยของมั้ง”
คุณครูทั้งสองช่วยกันตรวจค้นกระเป๋าของนักเรียนมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงแพรพรรณ
หลังจากเปิดกระเป๋าของเธอออก คุณครูจึงบางสิ่งขึ้นมาซึ่งทำให้ทุกคนในห้องตกตะลึง
เหรียญห้าที่ถูกหุ้มด้วยถุงพลาสติกซึ่งมัดด้วยยางวงสีแดงพร้อมกับเศษกระดาษที่เขียนว่า‘เงินเก็บของห้อง’
“แพรพรรณ เธอตามครูมานี่หน่อยสิจ้ะ”หลังจากพูดจบคุณครูประจำชั้นเดินออกไปนอกห้อง ทิ้งให้ทุกคนในห้องตื่นตะลึงกับสิ่งที่ได้รับรู้ โดยเฉพาะแพรพรรณที่ยืนนิ่งราวกับรูปั้น ก่อนจะค่อยๆก้าวเดินตามคุณครูไปอย่างช้าราวกับร่างไร้วิญญาณ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ของบรรดานักเรียนที่ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนขโมย
“บ้าน่า แพรเป็นคนขโมยหรือ”
“เด็กเรียบร้อยอย่างแพรเนี่ยนะ เหลือเชื่อ!!”
ฉันลอบยิ้มนิดๆให้กับความสำเร็จ แผนการลุล่วงไปด้วยดีตามความคาดหมาย ไม่มีใครสงสัยฉันแม้แต่คนเดียว ‘จริงสิต้องไปทำหน้าที่เพื่อนที่ดีเสียหน่อย’ ฉันคิดในใจก่อนจะตีหน้าเศร้าวิ่งตามแพรพรรณไป
เมื่อออกมานอกห้องฉันเห็นคุณครูพูดอะไรบางอย่างกับแพรพรรณ ซึ่งเธอกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ ฉันรีบวิ่งเข้าไปจับมื้อเธอ แพรพรรณหันมามองหน้าฉันครู่หนึ่ง ก่อนก้มหน้าปล่อยให้หยดน้ำใสๆไหลริน ฉันจ้องคุณครูด้วยแววตาเอาเรื่อง
“ครูคะ ต้องมีการใส่ร้ายกันแน่ค่ะ แพรพรรณไม่มีวันทำแบบนั้นแน่นอนค่ะ!!”
คุณครูมองฉันด้วยแววตาที่อ่อนลง พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายกับว่าท่านเหนื่อยใจกับอะไรบางอย่าง และพูดขึ้นอย่างแช่มช้า “แต่หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ ครูคงทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากปล่อยให้แล้วกันไปโดยเอาผิดแพรพรรณ เพราะอย่างไรก็เจอเงินแล้ว”
เมื่อพูดจบคุณครูจึงเดินจากไปทันทีโดยไม่พูดอะไรอีก
แพรพรรณโผเข้ากอดฉันพรอมทั้งร้องไห้จนตัวโยน ฉันจึงลูบหัวเธอเบาๆเป็นการปลอบโยน
หลังเลิกเรียน ฉันและแพรพรรณเดินจูงมือกันกลับบ้านเหมือนทุกครั้ง หากแต่วันนี้ไม่มีเสียงพูดคุยหรือเสียงหัวเราะแม้แต่นิด กลับมีความเงียบโรยตัวอย่างประหลาด พาให้เกิดความรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก จนกระทั่งฉันเอ่ยทำลายความเงียบนั้นขึ้น
“ฉันรู้ว่าใครเป็นคนแกล้งเธอนะแพร ดารากับสายธารไง ฉันแอบได้ยินพวกนั้นคุยกัน!!”
เมื่อได้ฟังแพรพรรณกลับเงียบไปครู่หนึ่ง และหันหน้ามาหาฉัน ดวงตาที่มีน้ำตาคลอหน่วยและแดงเรื่อของเธอมองฉันด้วยความไม่คาดฝัน “อะไรกัน..” หยาดน้ำตาไหลรินจากหางตาของแพรพรรณอีกครั้ง
ฉันจับมือเธอ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
“เธอควรจะแก้แค้น”
นาทีนั้นแพรพรรณเบิกตากว้างมองฉันอย่างตกใจก่อนจะก้มหน้าและส่ายหัวไปมา
“ฉันทำไม่ได้หรอกจ้ะ”
ฉันหรี่ตาลงอย่างไม่พอใจกับคำตอบของเธอ แต่โชคดีแพรพรรณก้มหน้าอยู่จงมองไม่เห็นสีหน้าของฉัน ‘หึ ทำไม่ได้หรอก อย่างนั้นหรือ’
อีกหลายวันต่อมา ที่ฉันต้องนั่งเรียนแบบเดิม ข้างๆแพรพรรณแบบเดิม และได้ยินประโยคที่ว่า ‘ฉันทำไม่ได้หรอกจ้ะ’’ของเธอทุกครั้งหลังจากคุณครูสั่งแบบฝึกหัด ทำให้ฉันเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นในใจอย่างท่วมท้น และอีกสาเหตุหนึ่งคงมาจาก หัวข้อสนทนาที่ฉันคิดว่าจะกลายเป็นที่สนใจและกระจายไปทั่วโรงเรียน กลับเงียบหายไปเสียเฉยๆเพราะหากนับการพูดคุยกันในห้องเรียนครั้งนั้นแล้ว ก็เป็นครั้งเดียวที่มีคนให้ความสนใจมากที่สุด
ฉันใช้ดินสอเคาะที่หนังสือเรียนเบาๆ เพื่อฆ่าเวลาในการรอให้หมดคาบเรียน
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้” คุณครูพูดขึ้นขณะเก็บอุปกรณ์การสอน
“นักเรียน เคารพ”
“ขอบคุณครับ/ค่ะ ”นักเรียนทั้งห้องพูดขึ้นพร้อมกันเสียงดังราวกับว่ารอเวลานี้มาแสนนาน เมื่อฉันและแพรพรรณเก็บของเสร็จเรียบร้อย เราสองคนจึงเดินออกจากห้องพร้อมกัน
แพรพรรณมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นหลังจากเหตุการณ์ขโมยของ เธอร้องไห้น้อยครั้งถึงเมื่อว่าฉันจะยกประเด็นเก่าๆมาเล่าอีกหลายครั้ง และยังดูร่าเริงอย่างเห็นได้ชัดจนทำให้ฉันหงุดหงิด เมื่อเรื่องเก่าๆไม่สามารถเรียกน้ำตาของเธอ อาจเป็นเพราะเธอเริ่มเก็บอารมณ์หรือไม่ก็ทำใจได้ และแน่นอนว่าฉันยังคงยุให้เธอแก้แค้นไม่สำเร็จเช่นเดิม
เราเดินทอดน่องมาเรื่อยๆจนใกล้ถึงประตูโรงเรียน ซึ่งด้านขวามือนั้นจะเป็นสนามกีฬาอันกว้างขว้าง
แพรพรรณเดินคุยเรื่องงต่างๆอย่างร่าเริงจนฉันนึกรำคาญ เพราะเธอคุยแต่เรื่องวิชาการมาตลอดทาง ทำให้ฉันหัวหมุนไปหมด ด้วยความที่ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านั้นเลยสักอย่าง แต่ฉันต้องฝืนพยักหน้าอือออส่งๆไป
เราสองคนหยุดเดินกะทันหันเพราะใครบางคนขวางทางเราไว้
ฉันกับแพรพรรณมองหน้ากัน ก่อนหันไปสำรวจผู้มาใหม่อย่างสนใจ
แน่นอนว่าแพรพรรณดูจะไม่ค่อยรู้จักบุคคลตรงหน้า เพราะเธอชอบเรื่องวิชาการมากกว่าอะไรทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงเกิดความสงสัยอย่างมาก ซึ่งต่างจากฉันโดยสิ้นเชิง เพราะมองเพียงเสี้ยวหน้าฉันก็รู้ทันทีว่าผู้ที่ยืนขวางทางอยู่นั้นคือ พี่นัด ประธานนักเรียนปัจจุบัน
พี่นัดเป็นเหมือนเจ้าชายที่สาวๆหลายคนใฝ่ฝันถึง…รวมถึงฉันด้วย ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาเกินใคร และนิสัยที่สมกับเป็นสุภาพบุรุษ อีกทั้งด้านการเรียนที่ได้เกรดสี่ทุกวิชา และด้านกีฬาที่เป็นถึงตัวแทนของโรงเรียน
ฉันเป็นปลื้มในใจขณะคิดถึงจุดประสงค์ของพี่นัดที่มายืนอยู่ตรงหน้าฉัน ‘พี่เขาต้องชอบเราแน่’
“น้องคงรู้จักพี่ใช่ไหม” พี่นัดถามขึ้น ฉันจึงพยักหน้าตอบหลับไปส่วนแพรพรรณนั้นยืนนิ่งอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี
พี่นัดก้มหน้าลงด้วยความเขิน ก่อนหันไปพูดกับแพรพรรณ “เอ่อ..น้องแพร พี่ขอเบอร์หน่อยได้ไหมครับ”
ฉันตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อฉันตั้งสติได้ ฉันจึงเห็นแพรพรรณยื่นเศษกระดาษที่เขียนเบอร์โทรศัพท์ของเธอให้พี่นัดอย่างงงๆ “นี่..ค่ะ”
พี่นัดรับกระดาษแผ่นนั้น และวิ่งกลับไปทางสนามกีฬาที่มีเพื่อนๆของพี่นัดตะโกนล้อเลียนอยู่
“พี่นัดจะขอเบอร์ฉันไปทำไมนะริน” แพรพรรณถามฉันอย่างไม่เข้าใจ หลังจากที่เราออกเดินได้สักพัก ทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากขึ้นจากที่ผิดหวังเพราะพี่นัดสนใจแพรพรรณไม่ใช่ฉัน ฉันจึงตอบไปด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว “ก็จีบอย่างไรล่ะแพร พี่นัดจีบเธอ”
แพรพรรณเบิกตากว้างมองฉัน”ฉันนะหรือ”
ฉันสะบัดหน้าหนีไปอีกทางด้วยความที่เก็บอารมณ์ไม่อยู่ ‘ฉันเกลียดเธอแพร และพี่นัดก็จะต้องไม่ชอบเธอเหมือนกัน’
หลังจากนั้นพี่นัดจะโทรศัพท์หาแพรพรรณทุกวัน และหากเป็นช่วงเวลาที่อยู่โรงเรียนพี่นัดจะมาหาแพรพรรณในเวลาว่างเสมอ ทำให้ปกติเวลาเราไปเที่ยวนั้นนอกจากฉันและแพรพรรณแล้ว ยังมีพี่นัดเข้ามาร่วมด้วยเสมอและพวกเขาก็ดูจะมีความสุขกันมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันรับไม่ได้ขึ้นมาเรื่อยๆ ฉันจึงวางแผนร้ายอีกครั้งเมื่อขีดความอดทนของฉันพังทลายลง
ในวันเสาร์ซึ่งคึกคักเป็นพิเศษ ฉันชวนแพรพรรณมาเดินเที่ยวและเลือกซื้อของที่ถูกใจโดยไม่มีพี่นัด เพราะฉันตั้งใจหาช่วงเวลาที่พี่นัดติดธุระพอดีนั่นเอง
หลังจากเดินจนเมื่อย ฉันจึงบอกให้แพรพรรณรอที่ข้างตึกแห่งหนึ่ง เพื่อฉันจะได้ไปซื้อน้ำมาให้ เธอดูตื่นกลัวเมื่อรู้ว่าตนเองต้องอยู่คนเดียว คงเป็นเพราะตอนนี้เป็นเวลาหัวค่ำ ทำให้บรรยากาศตอนนี้มืดสลัวและมีเพียงแสงไฟจากริมถนนเท่านั้น
แต่สิ่งนี้แหละ คือจุดประสงค์
ฉันเดินออกมาไกลพอสมควร และทันทีที่เดินผ่านชายร่างใหญ่สองคน ฉันหันไปสบตากับพวกเขาก่อนหันไปมองแพรพรรณที่ยืนอยู่คนเดียวอย่างสื่อความหมาย พวกเขาสองคนจึงเดินตรงไปหาแพรพรรณทันที เห็นดังนั้นฉันจึงเดินไปที่ร้านค้าเพื่อซื้อน้ำสักขวด
ฉันเดินวนไปวนมาในร้านอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเห็นชายสองคนนั้นเดินตรงมาที่หน้าร้านค้า ฉันจึงหยิบขวดน้ำเปล่ามาสองขวด จ่ายเงิน และเดินออกจากร้านเพื่อไปหาชายทั้งสอง
ฉันแบมือออกไปตรงหน้าพวกเขา ชายคนหนึ่งควักเงินจากกระเป๋าและวางลงบนมือของฉันอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก ก่อนทั้งสองจะเดินหายไปอีกทาง
‘แผนสำเร็จ’ ฉันคิดในใจหลังจากนับเงินจำนวนนั้น และเก็บมันใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย จากนั้นฉันจึงเดินไปหาแพรพรรณและเมื่อไปถึง ฉันพบว่าแพรพรรณไม่ได้ยืนอยู่ตรงที่เดิมเสียแล้ว ฉันจึงออกเดินเพื่อตามหาเธอ
ทันใดนั้นฉันได้ยินเสียงสะอื้นที่แสนคุ้นหูที่ดังมาจากซอกตึกฉันจึงเดินตามเข้าไป และหวังว่าคงจะเป็นเธอ
ฉันเบิกตากว้างจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง แพรพรรณนอนตะแคงขดตัวราบไปกับพื้น ร่างอันเปล่าเปลือยของเธอสั่นระริก เสื้อผ้าที่ถูกฉีกจนขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนั้นกระจัดกระจายอยู่รอบตัว เผยให้เห็นร่างบอบบางที่เต็มไปด้วยรอยแผลฟกช้ำจากการถูกทำร้าย เสียงสะอื้นที่ดังออกมานั้นบ่งบอกว่าเป็นร้องไห้มากมายเท่าใด
ฉันคุกเข่าลงนั่งข้างๆร่างบางตรงหน้า ก่อนหยิบเสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อมาออกจากถุงและคลุมลงบนร่างของเธอ ฉันพยุงแพรพรรณให้ลุกขึ้นนั่ง ดวงตาเหม่อลอยของเธอมองมาที่ฉัน ก่อนจะสวมกอดฉันอย่างไร้เรี่ยวแรง
ฉันได้แต่ลูบหัวเธอเบาๆราวกับว่าเธอเพิ่งตื่นจากฝันร้ายและก้มลงพูดกับเธออย่างแผ่วเบา
“กลับบ้านกันเถอะนะ แพร”
เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่แพรพรรณไม่มาโรงเรียน ทุกคนในโรงเรียนต่างถามถึงเธอทั้งนั้น โดยเฉพาะพี่นัดที่ดูจะตื่นตระหนกเสียเหลือเกิน ฉันจึงบอกทุกคนไปว่าเธอไม่สบายมากทำให้มาโรงเรียนไม่ได้ และแน่นอนที่ฉันจะต้องแอบปล่อยข่าวไปว่าเธอปล่อยตัวจนพ่อแม่รู้เรื่องและให้เธอออกจากโรงเรียน นับได้ว่าเป็นแผนการที่ไม่เลว
ตลอดเวลาหนึ่งฉันไปเยี่ยมเยียนเธอที่บ้านทุกวัน และดูเหมือนว่าเธอเกิดความหวาดกลัวในใจขึ้นมากเหลือเกิน ทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอดูเหมือนคนบ้าแล้วเสียจริง
หลังเลิกเรียนฉันเดินตรงไปที่บ้านแพรพรรณเหมือนทุกวัน คุณแม่ของเธอออกมาต้อนรับฉันด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้าเต็มที ฉันทักทายคุณแม่และเมื่อคุณแม่เดินไปทางหลังบ้านฉันจึงขึ้นไปยังห้องของแพรพรรณตามปกติด้วยความเคยชิน
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ฉันพบว่าแพรพรรณนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงนอนของเธอนั่นเอง ฉันจึงเข้าไปนั่งลงบนเตียงข้างๆเธอ แพรพรรณหันมองฉันด้วยสายตาที่มีทั้งความสับสน เจ็บปวด และเสียใจ
“ริน..”
ฉันกระหยิ่มในใจพลางยุให้เธอแก้แค้นอีกครั้ง “ดารากับสายธารคือคนที่วางแผนทั้งหมด แพร! ครั้งนี้เธอควรทำอะไรสักอย่าง เธอควรแก้แค้น!!!”
แพรพรรณมองฉันอย่างตกใจ ก่อนจะก้มหน้าลงและส่ายหัวน้อยๆ
“ฉัน..ทำไม้ได้หรอกจ้ะ”
“เธอ..!”แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรออกมาอีก แพรพรรณใช้มือข้างที่ฉันมองไม่เห็นแทงมีดมาที่กลางท้องของฉันสุดแรง
ความเจ็บแผ่ส่านไปทั่วทั้งร่าง เลือดสดๆไหลทะลักออกมาจากบาดแผลที่มีมีดในมือของเธอเสียบอยู่ ฉันมองหน้าของเธอด้วยความสงสัยสุดขีด แพรพรรณกระชากมีดออก ทำให้เลือดไหลหนักกว่าเก่า
เธอมองฉันด้วยดวงตาที่มีแต่ความเฉยชา ก่อนพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบพอกัน
“ฉันรู้ความจริงทุกอย่างริน ทั้งเรื่องที่เธอเลือกคบฉัน เรื่องที่เธอขโมยเงินแล้วโยนความผิดให้ฉัน และเรื่องที่เธอพาคนพวกนั้นมาข่มขืนฉัน ทั้งที่ฉันคิดว่าเธอเป็นเพื่อน ทั้งที่คิดเชื่อใจและให้อภัยเธอ แต่ดูที่เธอทำสิ ดูสิ่งที่เธอตอบกลับให้ฉันสิ!!”
แพรพรรณมองฉันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเสียใจ เธอพูดต่อด้วยความรู้สึกแตกสลาย “ฉันรู้ตั้งแต่แรกว่าจุดประสงค์ของเธอคืออะไร แต่ฉันคิดว่าเธออาจเปลี่ยนไปก็ได้ เรื่องขโมยเงินคุณครูเป็นคนบอกฉันเอง คุณครูเตือนฉันแต่ฉันเลือกที่จะเชื่อใจเธอ และครั้งสุดท้ายฉันแอบได้ยินจากสองคนนั่น”
เธอจับคางของฉันเพื่อให้หันมองเธอ “จนตอนนี้..ริน ฉันจะไม่เชื่อใจเธออีก”
ฉันได้แต่มองเธอด้วยความหวาดกลัว เพราะร่างกายของไร้เรี่ยวแรงที่จะทำอะไรได้มากกว่าการนอนเฉยๆอีกแล้ว แพรพรรณเงื้อมีดขึ้นสูง ก่อนพูดด้วยความเสียใจอย่างที่สุด
“ฉันทำไม่ได้หรอก..ริน ฉันปล่อยเธอไปไม่ได้หรอก”
ผลงานอื่นๆ ของ หมาป่าใจร้าย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ หมาป่าใจร้าย
ความคิดเห็น