The Wrath ชำระ..แค้น - The Wrath ชำระ..แค้น นิยาย The Wrath ชำระ..แค้น : Dek-D.com - Writer

    The Wrath ชำระ..แค้น

    ลงเพื่อประจานตัวเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    98

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    98

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 ม.ค. 54 / 17:15 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    นี้เป็นเรื่องสั้นที่แต่งส่งอาจารย์ ที่มารีบปั่นและทำให้ส่งล่าช้าด้วย อ่าน แล้วติได้เลยค่า
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                  ฉันทำไม่ได้หรอกจ้ะแพรพรรณ เพื่อนผู้แสนดีและแสนซื่อของฉัน พูดขึ้นเมื่อฉันชะโงกหน้าไปถามถึงแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ที่คุณครูสั่งให้ทำส่งท้ายชั่วโมง ด้วยหวังว่าเธอจะทำเสร็จแล้วและฉันจะได้ลอกอย่างเคย แต่คำตอบที่ได้รับมากลับทำให้ฉันผิดหวังอีกครั้ง ทำให้ฉันต้องหันกลับมาจ้องหน้ากระดาษอันว่างเปล่าของตัวเองด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

                  ฉัน รินดา เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของแพรพรรณ ซึ่งปีนี้เธอเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมา เธอมักถักเปียสองข้างมาโรงเรียนทุกวัน เป็นเด็กเก่ง เรียนดี และเรียบร้อยน่ารัก ต่างจากฉันที่มีผลการเรียนตกต่ำ ทำผิดจนโดนเรียกพบผู้ปกครองหลายครั้ง ตอนนี้แม่จึงยื่นคำขาดกับฉันว่า ถ้าเกรดยังไม่ดีขึ้นละก็ แม่จะให้ฉันไปทำงานที่บ้านนอกแทนและจะไม่ส่งเงินให้ แล้วเรื่องอะไรฉันจะยอมกัน แพรพรรณจึงเปรียบเสมือนตัวช่วยอย่างดีที่จะเปลี่ยนผลการเรียนของฉัน

                  แต่ในตอนนี้สิ่งที่ฉันหวังกลับพังทลายลงด้วยคำว่า ฉันทำไม่ได้หรอก

                  ทุกครั้งที่มีแบบฝึกหัด การบ้าน หรือสอบเก็บคะแนน ฉันจะรอลอกแพรพรรณเสมอ แต่เธอใช้เวลาในการทำแบบฝึกหัดนานจนฉันโมโห และเมื่อฉันถามเธอจะตอบว่า ฉันยังทำไม่ได้เลยจ้ะ ทุกครั้งไปจนมันเป็นคำพูดติดปากของเธอ กว่าจะเสร็จก็เหลือเวลาเพียงเสี้ยวที่ให้ฉันลอก ซึ่งมันทำให้ฉันเกิดความแค้นใจเล็กๆทุกครั้ง เพราะหลายครั้งเหลือเกินที่ฉันทำแบบฝึกหัดบ้าๆนั่นไม่ทันส่ง

                  ฉันแอบมาดหมายไว้ในใจ คอยดูเถอะแพรพรรณ!’

                  หลังจากพักกลางวันฉันแอบโดดเรียนมาที่ห้องน้ำ โดยบอกแพรพรรณว่าฉันรู้สึกไม่สบาย เพื่อหนีหน้าเธอสักพักให้หายโมโห และที่สำคัญคือเพื่อคิดแผนการแก้แค้น

                  ฉันนั่งอยู่ในห้องน้ำพักใหญ่แล้ว แต่ดูเหมือนสมองของฉันจะตีบตันไปหมดเพราะไม่ว่าจะพยายามคิดแผนการเท่าไรก็คิดไม่ออก

                  ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด

                  เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้น แพรพรรณนั่นเอง เธอคงโทรมาตามฉันเพราะเราสองคนมักจะเดินกลับบ้านด้วยกันเสมอ ฉันรับโทรศัพท์ก่อนกรองเสียงห้วนตอบไปจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ

                  ฉับพลัน ฉันได้ยินเสียงคุยของสองผู้มาใหม่ นั่นคือ ดารา และ สายธาร เพื่อนร่วมห้องของฉันที่ฉันเคยไปขโมยของของพวกหล่อนนั่นเอง

                  สวย แพรพรรณน่าสงสารจังเลยนะที่ไปคบกับยัยรินนะ

                  นั่นสิ คนดีๆอย่างนั้น ไม่น่าไปคบกับหัวขโมยเลวๆเลย

                  บทสนนาที่ได้ยินเต็มสองหู ทำให้ฉันแทบคุมสติไม่อยู่ด้วยความโกรธ ฉันกำมือแน่นเพื่อระบายอารมณ์ พลางคิดในใจก็รวยนักไม่ใช่หรือ แบ่งๆกันใช้หน่อยจะเป็นไรไป

                  และความคิดหนึ่งก็วูบขึ้นมา ใช่แล้วแผนการชั่วร้าย แพรพรรณต้องไม่รู้แน่ว่าเป็นฝีมือของฉัน

       

       

                  รุ่งเช้าวันต่อมา ฉันต้องทนนั่งเรียนด้วยความเบื่อหน่ายเป็นชั่วโมงๆ  ก้มหน้ามองหนังสือที่ไม่เคยอ่านเข้าใจเลยสักครั้ง เพื่อรอให้ถึงเวลาลงมือ

                  ในช่วงพักกลางวันนั้นเป็นเวลาที่เหมาะที่สุด หากต้องทำอะไรสักอย่างที่ให้ใครรู้ไม่ได้ เพราะคุณครูส่วนใหญ่จะไปทานข้าวนอกโรงเรียนทำให้ในห้องพักครูแทบจะไม่มีใครเลย ดังนั้นฉันจึงได้มายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักครูในขณะนี้

                  ฉันมองสำรวจจนมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่แน่แล้ว จึงเปิดประตูเข้าไปในห้อง เดินตรงไปที่โต๊ะของคุณครูประจำชั้นและเปิดลิ้นชักออกมา ก่อนหยิบตั้งเหรียญห้าที่ถูกหุ้มด้วยถุงพลาสติกซึ่งมัดด้วยยางวงสีแดงพร้อมกับเศษกระดาษที่เขียนว่าเงินเก็บของห้องจากลิ้นชักโต๊ะ ยัดลงในกระเป๋ากระโปรงตัวเอง และเดินออกมาโดยไม่ไม่ลืมปิดลิ้นชักให้เรียบร้อย

                  ฉันเดินมายังห้องเรียนอย่างไม่รีบร้อนก่อนจะตรงไปยังกระเป๋าของแพรพรรณ และจัดการใส่ถุงเงินที่ขโมยมาลง หลังจากปิดกระเป๋าเรียบร้อยและมองดูจนมั่นใจว่าไม่มีใครเห็นแน่นอนแล้ว ฉันจึงเดินออกจากห้องเพื่อไปหาแพรพรรณที่โรงอาหารทันที พร้อมคิดในใจอย่างอารมณ์ดี

                  ที่เหลือก็แค่รอเวลา

                 

       

                  เมื่อถึงคาบเรียนตอนบ่าย ฉันนั่งรอเวลาอย่างใจจดใจจ่อ และในที่สุดคุณครูประจำชั้นของฉันก็เดินมาที่ห้องเรียนและเรียกคุณครูประจำวิชาที่กำลังสอนฉันอยู่ออกไปคุยกันหน้าห้องด้วยท่าทางเคร่งเครียดสักพัก ก่อนสองท่านจะเข้ามายืนหน้าห้อง และคุณครูประจำชั้นจึงพูดขึ้นว่า นักเรียน ครูต้องขอตรวจค้นกระเป๋าของทุกคนหน่อยนะจ้ะ

                  ประโยคนั้นทำให้นักเรียนในห้องต่างตื่นตระหนก เสียงพูดคุยดังขึ้นทันทีเพราะทุกคนคิดว่าอาจเกิดการขโมยของขึ้น

                  แพรพรรณหันมาถามฉันด้วยความสงสัยเกิดอะไรขึ้นหรือริน?” ฉันส่ายหน้าก่อนตอบกลับไปไม่รู้สิแพร...คงมีใครขโมยของมั้ง

                  คุณครูทั้งสองช่วยกันตรวจค้นกระเป๋าของนักเรียนมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงแพรพรรณ

                  หลังจากเปิดกระเป๋าของเธอออก คุณครูจึงบางสิ่งขึ้นมาซึ่งทำให้ทุกคนในห้องตกตะลึง

                  เหรียญห้าที่ถูกหุ้มด้วยถุงพลาสติกซึ่งมัดด้วยยางวงสีแดงพร้อมกับเศษกระดาษที่เขียนว่าเงินเก็บของห้อง

                  แพรพรรณ เธอตามครูมานี่หน่อยสิจ้ะหลังจากพูดจบคุณครูประจำชั้นเดินออกไปนอกห้อง ทิ้งให้ทุกคนในห้องตื่นตะลึงกับสิ่งที่ได้รับรู้ โดยเฉพาะแพรพรรณที่ยืนนิ่งราวกับรูปั้น ก่อนจะค่อยๆก้าวเดินตามคุณครูไปอย่างช้าราวกับร่างไร้วิญญาณ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ของบรรดานักเรียนที่ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนขโมย

                  บ้าน่า แพรเป็นคนขโมยหรือ

                  เด็กเรียบร้อยอย่างแพรเนี่ยนะ เหลือเชื่อ!!”

                  ฉันลอบยิ้มนิดๆให้กับความสำเร็จ แผนการลุล่วงไปด้วยดีตามความคาดหมาย ไม่มีใครสงสัยฉันแม้แต่คนเดียว จริงสิต้องไปทำหน้าที่เพื่อนที่ดีเสียหน่อย ฉันคิดในใจก่อนจะตีหน้าเศร้าวิ่งตามแพรพรรณไป

                  เมื่อออกมานอกห้องฉันเห็นคุณครูพูดอะไรบางอย่างกับแพรพรรณ ซึ่งเธอกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ ฉันรีบวิ่งเข้าไปจับมื้อเธอ แพรพรรณหันมามองหน้าฉันครู่หนึ่ง ก่อนก้มหน้าปล่อยให้หยดน้ำใสๆไหลริน ฉันจ้องคุณครูด้วยแววตาเอาเรื่อง

                  ครูคะ ต้องมีการใส่ร้ายกันแน่ค่ะ แพรพรรณไม่มีวันทำแบบนั้นแน่นอนค่ะ!!”

                  คุณครูมองฉันด้วยแววตาที่อ่อนลง พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายกับว่าท่านเหนื่อยใจกับอะไรบางอย่าง และพูดขึ้นอย่างแช่มช้า แต่หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ ครูคงทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากปล่อยให้แล้วกันไปโดยเอาผิดแพรพรรณ เพราะอย่างไรก็เจอเงินแล้ว

                  เมื่อพูดจบคุณครูจึงเดินจากไปทันทีโดยไม่พูดอะไรอีก

                  แพรพรรณโผเข้ากอดฉันพรอมทั้งร้องไห้จนตัวโยน ฉันจึงลูบหัวเธอเบาๆเป็นการปลอบโยน

                  หลังเลิกเรียน ฉันและแพรพรรณเดินจูงมือกันกลับบ้านเหมือนทุกครั้ง หากแต่วันนี้ไม่มีเสียงพูดคุยหรือเสียงหัวเราะแม้แต่นิด กลับมีความเงียบโรยตัวอย่างประหลาด พาให้เกิดความรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก จนกระทั่งฉันเอ่ยทำลายความเงียบนั้นขึ้น

                  ฉันรู้ว่าใครเป็นคนแกล้งเธอนะแพร ดารากับสายธารไง ฉันแอบได้ยินพวกนั้นคุยกัน!!”

                  เมื่อได้ฟังแพรพรรณกลับเงียบไปครู่หนึ่ง และหันหน้ามาหาฉัน ดวงตาที่มีน้ำตาคลอหน่วยและแดงเรื่อของเธอมองฉันด้วยความไม่คาดฝัน อะไรกัน.. หยาดน้ำตาไหลรินจากหางตาของแพรพรรณอีกครั้ง

                  ฉันจับมือเธอ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

                  เธอควรจะแก้แค้น

                  นาทีนั้นแพรพรรณเบิกตากว้างมองฉันอย่างตกใจก่อนจะก้มหน้าและส่ายหัวไปมา

                  ฉันทำไม่ได้หรอกจ้ะ

                  ฉันหรี่ตาลงอย่างไม่พอใจกับคำตอบของเธอ แต่โชคดีแพรพรรณก้มหน้าอยู่จงมองไม่เห็นสีหน้าของฉัน หึ ทำไม่ได้หรอก อย่างนั้นหรือ

       

       

                  อีกหลายวันต่อมา ที่ฉันต้องนั่งเรียนแบบเดิม ข้างๆแพรพรรณแบบเดิม และได้ยินประโยคที่ว่า ฉันทำไม่ได้หรอกจ้ะ’’ของเธอทุกครั้งหลังจากคุณครูสั่งแบบฝึกหัด ทำให้ฉันเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นในใจอย่างท่วมท้น และอีกสาเหตุหนึ่งคงมาจาก หัวข้อสนทนาที่ฉันคิดว่าจะกลายเป็นที่สนใจและกระจายไปทั่วโรงเรียน กลับเงียบหายไปเสียเฉยๆเพราะหากนับการพูดคุยกันในห้องเรียนครั้งนั้นแล้ว ก็เป็นครั้งเดียวที่มีคนให้ความสนใจมากที่สุด

                  ฉันใช้ดินสอเคาะที่หนังสือเรียนเบาๆ เพื่อฆ่าเวลาในการรอให้หมดคาบเรียน

                  เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้คุณครูพูดขึ้นขณะเก็บอุปกรณ์การสอน

                  นักเรียน เคารพ

                  ขอบคุณครับ/ค่ะ นักเรียนทั้งห้องพูดขึ้นพร้อมกันเสียงดังราวกับว่ารอเวลานี้มาแสนนาน เมื่อฉันและแพรพรรณเก็บของเสร็จเรียบร้อย เราสองคนจึงเดินออกจากห้องพร้อมกัน

                  แพรพรรณมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นหลังจากเหตุการณ์ขโมยของ เธอร้องไห้น้อยครั้งถึงเมื่อว่าฉันจะยกประเด็นเก่าๆมาเล่าอีกหลายครั้ง และยังดูร่าเริงอย่างเห็นได้ชัดจนทำให้ฉันหงุดหงิด เมื่อเรื่องเก่าๆไม่สามารถเรียกน้ำตาของเธอ อาจเป็นเพราะเธอเริ่มเก็บอารมณ์หรือไม่ก็ทำใจได้ และแน่นอนว่าฉันยังคงยุให้เธอแก้แค้นไม่สำเร็จเช่นเดิม

                  เราเดินทอดน่องมาเรื่อยๆจนใกล้ถึงประตูโรงเรียน ซึ่งด้านขวามือนั้นจะเป็นสนามกีฬาอันกว้างขว้าง

                  แพรพรรณเดินคุยเรื่องงต่างๆอย่างร่าเริงจนฉันนึกรำคาญ เพราะเธอคุยแต่เรื่องวิชาการมาตลอดทาง ทำให้ฉันหัวหมุนไปหมด ด้วยความที่ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านั้นเลยสักอย่าง แต่ฉันต้องฝืนพยักหน้าอือออส่งๆไป

                  เราสองคนหยุดเดินกะทันหันเพราะใครบางคนขวางทางเราไว้

                  ฉันกับแพรพรรณมองหน้ากัน ก่อนหันไปสำรวจผู้มาใหม่อย่างสนใจ

                  แน่นอนว่าแพรพรรณดูจะไม่ค่อยรู้จักบุคคลตรงหน้า เพราะเธอชอบเรื่องวิชาการมากกว่าอะไรทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงเกิดความสงสัยอย่างมาก ซึ่งต่างจากฉันโดยสิ้นเชิง เพราะมองเพียงเสี้ยวหน้าฉันก็รู้ทันทีว่าผู้ที่ยืนขวางทางอยู่นั้นคือ พี่นัด ประธานนักเรียนปัจจุบัน

                  พี่นัดเป็นเหมือนเจ้าชายที่สาวๆหลายคนใฝ่ฝันถึงรวมถึงฉันด้วย ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาเกินใคร และนิสัยที่สมกับเป็นสุภาพบุรุษ อีกทั้งด้านการเรียนที่ได้เกรดสี่ทุกวิชา และด้านกีฬาที่เป็นถึงตัวแทนของโรงเรียน    

                  ฉันเป็นปลื้มในใจขณะคิดถึงจุดประสงค์ของพี่นัดที่มายืนอยู่ตรงหน้าฉันพี่เขาต้องชอบเราแน่

                  น้องคงรู้จักพี่ใช่ไหม พี่นัดถามขึ้น ฉันจึงพยักหน้าตอบหลับไปส่วนแพรพรรณนั้นยืนนิ่งอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี

                  พี่นัดก้มหน้าลงด้วยความเขิน ก่อนหันไปพูดกับแพรพรรณ เอ่อ..น้องแพร พี่ขอเบอร์หน่อยได้ไหมครับ

                  ฉันตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อฉันตั้งสติได้ ฉันจึงเห็นแพรพรรณยื่นเศษกระดาษที่เขียนเบอร์โทรศัพท์ของเธอให้พี่นัดอย่างงงๆ นี่..ค่ะ

                  พี่นัดรับกระดาษแผ่นนั้น และวิ่งกลับไปทางสนามกีฬาที่มีเพื่อนๆของพี่นัดตะโกนล้อเลียนอยู่

                  พี่นัดจะขอเบอร์ฉันไปทำไมนะรินแพรพรรณถามฉันอย่างไม่เข้าใจ หลังจากที่เราออกเดินได้สักพัก ทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากขึ้นจากที่ผิดหวังเพราะพี่นัดสนใจแพรพรรณไม่ใช่ฉัน ฉันจึงตอบไปด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว ก็จีบอย่างไรล่ะแพร พี่นัดจีบเธอ

                  แพรพรรณเบิกตากว้างมองฉันฉันนะหรือ

                  ฉันสะบัดหน้าหนีไปอีกทางด้วยความที่เก็บอารมณ์ไม่อยู่ฉันเกลียดเธอแพร และพี่นัดก็จะต้องไม่ชอบเธอเหมือนกัน

       

       

                  หลังจากนั้นพี่นัดจะโทรศัพท์หาแพรพรรณทุกวัน และหากเป็นช่วงเวลาที่อยู่โรงเรียนพี่นัดจะมาหาแพรพรรณในเวลาว่างเสมอ ทำให้ปกติเวลาเราไปเที่ยวนั้นนอกจากฉันและแพรพรรณแล้ว ยังมีพี่นัดเข้ามาร่วมด้วยเสมอและพวกเขาก็ดูจะมีความสุขกันมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันรับไม่ได้ขึ้นมาเรื่อยๆ ฉันจึงวางแผนร้ายอีกครั้งเมื่อขีดความอดทนของฉันพังทลายลง

                  ในวันเสาร์ซึ่งคึกคักเป็นพิเศษ ฉันชวนแพรพรรณมาเดินเที่ยวและเลือกซื้อของที่ถูกใจโดยไม่มีพี่นัด เพราะฉันตั้งใจหาช่วงเวลาที่พี่นัดติดธุระพอดีนั่นเอง

                  หลังจากเดินจนเมื่อย ฉันจึงบอกให้แพรพรรณรอที่ข้างตึกแห่งหนึ่ง เพื่อฉันจะได้ไปซื้อน้ำมาให้ เธอดูตื่นกลัวเมื่อรู้ว่าตนเองต้องอยู่คนเดียว คงเป็นเพราะตอนนี้เป็นเวลาหัวค่ำ ทำให้บรรยากาศตอนนี้มืดสลัวและมีเพียงแสงไฟจากริมถนนเท่านั้น

                  แต่สิ่งนี้แหละ คือจุดประสงค์

                  ฉันเดินออกมาไกลพอสมควร และทันทีที่เดินผ่านชายร่างใหญ่สองคน ฉันหันไปสบตากับพวกเขาก่อนหันไปมองแพรพรรณที่ยืนอยู่คนเดียวอย่างสื่อความหมาย พวกเขาสองคนจึงเดินตรงไปหาแพรพรรณทันที เห็นดังนั้นฉันจึงเดินไปที่ร้านค้าเพื่อซื้อน้ำสักขวด

                  ฉันเดินวนไปวนมาในร้านอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเห็นชายสองคนนั้นเดินตรงมาที่หน้าร้านค้า ฉันจึงหยิบขวดน้ำเปล่ามาสองขวด จ่ายเงิน และเดินออกจากร้านเพื่อไปหาชายทั้งสอง

                  ฉันแบมือออกไปตรงหน้าพวกเขา ชายคนหนึ่งควักเงินจากกระเป๋าและวางลงบนมือของฉันอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก ก่อนทั้งสองจะเดินหายไปอีกทาง

                  แผนสำเร็จ ฉันคิดในใจหลังจากนับเงินจำนวนนั้น และเก็บมันใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย จากนั้นฉันจึงเดินไปหาแพรพรรณและเมื่อไปถึง ฉันพบว่าแพรพรรณไม่ได้ยืนอยู่ตรงที่เดิมเสียแล้ว ฉันจึงออกเดินเพื่อตามหาเธอ

                  ทันใดนั้นฉันได้ยินเสียงสะอื้นที่แสนคุ้นหูที่ดังมาจากซอกตึกฉันจึงเดินตามเข้าไป และหวังว่าคงจะเป็นเธอ

                  ฉันเบิกตากว้างจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง แพรพรรณนอนตะแคงขดตัวราบไปกับพื้น ร่างอันเปล่าเปลือยของเธอสั่นระริก เสื้อผ้าที่ถูกฉีกจนขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนั้นกระจัดกระจายอยู่รอบตัว เผยให้เห็นร่างบอบบางที่เต็มไปด้วยรอยแผลฟกช้ำจากการถูกทำร้าย เสียงสะอื้นที่ดังออกมานั้นบ่งบอกว่าเป็นร้องไห้มากมายเท่าใด

                  ฉันคุกเข่าลงนั่งข้างๆร่างบางตรงหน้า ก่อนหยิบเสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อมาออกจากถุงและคลุมลงบนร่างของเธอ ฉันพยุงแพรพรรณให้ลุกขึ้นนั่ง ดวงตาเหม่อลอยของเธอมองมาที่ฉัน ก่อนจะสวมกอดฉันอย่างไร้เรี่ยวแรง

      ฉันได้แต่ลูบหัวเธอเบาๆราวกับว่าเธอเพิ่งตื่นจากฝันร้ายและก้มลงพูดกับเธออย่างแผ่วเบา

                  กลับบ้านกันเถอะนะ แพร

       

       

                  เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่แพรพรรณไม่มาโรงเรียน ทุกคนในโรงเรียนต่างถามถึงเธอทั้งนั้น โดยเฉพาะพี่นัดที่ดูจะตื่นตระหนกเสียเหลือเกิน ฉันจึงบอกทุกคนไปว่าเธอไม่สบายมากทำให้มาโรงเรียนไม่ได้ และแน่นอนที่ฉันจะต้องแอบปล่อยข่าวไปว่าเธอปล่อยตัวจนพ่อแม่รู้เรื่องและให้เธอออกจากโรงเรียน นับได้ว่าเป็นแผนการที่ไม่เลว

                  ตลอดเวลาหนึ่งฉันไปเยี่ยมเยียนเธอที่บ้านทุกวัน และดูเหมือนว่าเธอเกิดความหวาดกลัวในใจขึ้นมากเหลือเกิน ทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอดูเหมือนคนบ้าแล้วเสียจริง

                  หลังเลิกเรียนฉันเดินตรงไปที่บ้านแพรพรรณเหมือนทุกวัน คุณแม่ของเธอออกมาต้อนรับฉันด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้าเต็มที ฉันทักทายคุณแม่และเมื่อคุณแม่เดินไปทางหลังบ้านฉันจึงขึ้นไปยังห้องของแพรพรรณตามปกติด้วยความเคยชิน

                  เมื่อเปิดประตูเข้าไป ฉันพบว่าแพรพรรณนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงนอนของเธอนั่นเอง ฉันจึงเข้าไปนั่งลงบนเตียงข้างๆเธอ แพรพรรณหันมองฉันด้วยสายตาที่มีทั้งความสับสน เจ็บปวด และเสียใจ

                  ริน..

                  ฉันกระหยิ่มในใจพลางยุให้เธอแก้แค้นอีกครั้ง ดารากับสายธารคือคนที่วางแผนทั้งหมด แพร! ครั้งนี้เธอควรทำอะไรสักอย่าง เธอควรแก้แค้น!!!”

                  แพรพรรณมองฉันอย่างตกใจ ก่อนจะก้มหน้าลงและส่ายหัวน้อยๆ

                  ฉัน..ทำไม้ได้หรอกจ้ะ

                  เธอ..!”แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรออกมาอีก แพรพรรณใช้มือข้างที่ฉันมองไม่เห็นแทงมีดมาที่กลางท้องของฉันสุดแรง

                  ความเจ็บแผ่ส่านไปทั่วทั้งร่าง เลือดสดๆไหลทะลักออกมาจากบาดแผลที่มีมีดในมือของเธอเสียบอยู่ ฉันมองหน้าของเธอด้วยความสงสัยสุดขีด แพรพรรณกระชากมีดออก ทำให้เลือดไหลหนักกว่าเก่า

                  เธอมองฉันด้วยดวงตาที่มีแต่ความเฉยชา ก่อนพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบพอกัน

                  ฉันรู้ความจริงทุกอย่างริน ทั้งเรื่องที่เธอเลือกคบฉัน เรื่องที่เธอขโมยเงินแล้วโยนความผิดให้ฉัน และเรื่องที่เธอพาคนพวกนั้นมาข่มขืนฉัน ทั้งที่ฉันคิดว่าเธอเป็นเพื่อน ทั้งที่คิดเชื่อใจและให้อภัยเธอ แต่ดูที่เธอทำสิ ดูสิ่งที่เธอตอบกลับให้ฉันสิ!!”

                  แพรพรรณมองฉันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเสียใจ เธอพูดต่อด้วยความรู้สึกแตกสลาย ฉันรู้ตั้งแต่แรกว่าจุดประสงค์ของเธอคืออะไร แต่ฉันคิดว่าเธออาจเปลี่ยนไปก็ได้ เรื่องขโมยเงินคุณครูเป็นคนบอกฉันเอง คุณครูเตือนฉันแต่ฉันเลือกที่จะเชื่อใจเธอ และครั้งสุดท้ายฉันแอบได้ยินจากสองคนนั่น

                  เธอจับคางของฉันเพื่อให้หันมองเธอ จนตอนนี้..ริน ฉันจะไม่เชื่อใจเธออีก

                  ฉันได้แต่มองเธอด้วยความหวาดกลัว เพราะร่างกายของไร้เรี่ยวแรงที่จะทำอะไรได้มากกว่าการนอนเฉยๆอีกแล้ว แพรพรรณเงื้อมีดขึ้นสูง ก่อนพูดด้วยความเสียใจอย่างที่สุด

                  ฉันทำไม่ได้หรอก..ริน ฉันปล่อยเธอไปไม่ได้หรอก

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×