Frozen Secret สืบซ่อนปมลับ
กับดักร้ายล่อลวงให้ 'พวกเขา' มาติดอยู่ท่ามกลางป่าสนลึกลับ... ซึ่งไม่มีใครอาจคาดเดาได้เลยว่า... มันจะนำพามาซึ่งความหายนะที่ไม่มีที่สิ้นสุด!
ผู้เข้าชมรวม
2,135
ผู้เข้าชมเดือนนี้
11
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Please Welcome
To The Damn’
‘Frozen Secret’
‘A Half-Truth is A Whole Lie…’
Yiddish Proverb
Status : End!
“เลวิส…” ฉันเอ่ยออกไปอย่างแผ่วเบา ขอบตาของฉันเหมือนกับมีน้ำอุ่นๆ เอ่อออกมาอย่างไม่ทันรู้ตัว “นาย…เป็นอะไรไป”
“…” ไม่มีคำตอบจากบุคคลที่ฉันสนทนาด้วย ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าฉันไปทำอะไรให้เขา…เขาถึงได้มาทำแบบนี้กับฉัน ทำไมเขาต้องทำเย็นชา…เย็นชาจนดูเหมือนว่าไม่ใช่เขาคนเดิมที่ฉันเคยรู้จัก “หึ…”
“…” ฉันได้แต่นิ่งเงียบ หยดน้ำตาอุ่นๆ หยดลงมาอีกจนได้ ฉันนี่มัน…อ่อนแอจริงๆ
“ฉันไม่มีคำตอบให้เธอหรอก…” ทว่า…เลวิสกลับเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้น ก่อนที่จะสะบัดฉันให้หลุดจากแขนของเขาและเดินจากไป ทิ้งให้ฉันล้มลงบนพื้นถนนที่เย็นเฉียบ
สร้อยในมือของฉันหลุดจากมือและกระทบกับพื้นจนส่งเสียงดังออกมาเรียกสติของฉัน สร้อยเส้นนี้…เป็นสร้อยที่ฉันซื้อให้เขาตอนที่เราคบกับครบหนึ่งเดือน แต่ตอนนี้…ทำไม…ทำไมเขาถึงได้เอามาคืนฉัน
เขารักยัยนั่นมากเลยหรือไงกันนะ…ถึงได้ต้องทำแบบนี้กับฉัน
ฉันยกมือทาบอกด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะสะอื้นออกมาน้อยๆ มันเจ็บ…เจ็บเมื่อเห็นว่าสิ่งที่ฉันให้เขาไปมันไม่มีคุณค่าอะไรกับเขาเลยสักนิด มันเหมือนกับว่ามีแต่ฉันที่โง่งมไปกับความรักที่ฉันหลอกตัวเองมาตลอดว่ามันจะไม่มีวันจางหายไป
แต่สุดท้าย…เขาก็จากฉันไป…จากฉันไปโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว
---------------------------------------------------------------------------
ฉันลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ในขณะที่หันมองไปรอบตัว ท่ามกลางความมืดที่ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลากลางวันเลยสักนิดทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย บรรยากาศเงียบที่โรยราไปรอบตัวทำให้แม้แต่เสียงลมที่พัดเข้ามาในรถเบาๆ ยังทำให้ฉันตกใจได้ ฉันพบว่าไม่มีใครสักคนอยู่บนรถเลย และนั่น…ทำให้ฉันแปลกใจมาก
“หายไปไหนกันหมดนะ” ฉันพูดออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถออก หน้าต่างรถถูกเปิดทิ้งไว้ทำให้ความเย็นยะเยือกและลมที่พัดโกรกด้านนอกพัดเข้ามาในรถอย่างจัง ไม่น่าแปลกเลยที่มันทำให้ฉันเย็นจับใจได้ถึงขนาดนี้
ทันทีที่ฉันเดินลงมาจากรถ ฉันก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเก่าเมื่อพบว่ารถของเราติดอยู่ท่ามกลางแผ่นน้ำแข็งที่เริ่มแตกออก ตัวของฉันเริ่มสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้…ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความตกใจหรือความกลัว ท่ามกลางความมืดที่ปราศจากแสงอาทิตย์และสายลมที่เย็นอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันมองไม่เห็นใครสักคนที่อยู่ตรงนี้กับฉัน… สิ่งที่ฉันสามารถมองเห็นได้มีเพียงแค่ทิวของต้นสนที่อยู่ลิบออกไปไกลๆ และแผ่นน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว…ที่นิ่งสนิทจนฉันรู้สึกระแวง
“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย…” ฉันสบถออกมาอย่างหัวเสีย และในวินาทีนั้นเองที่ฉันสังเกตถึงวัตถุแปลกๆ กำลังยืนอยู่ข้างหลังของฉัน ฉันหันหลังกลับไปทันทีตามสัญชาตญาณ
“ใครน่ะ!” ฉันพูดออกมาเสียงดัง แต่สายตาของฉันกลับมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากรถตู้ที่ว่างเปล่าของฉัน… ไม่จริงน่า…ฉันแน่ใจว่าฉันไม่ได้ตาฝาดไปแน่นอน มีอะไรบางอย่างเคลื่อนที่ไปด้านหลังฉัน…
ฉันเดินกลับขึ้นไปรถอีกครั้ง ก่อนที่จะเริ่มสอดส่องสายตาไปตามเบาะที่นั่ง เบาะที่นั่งของทุกคนว่างเปล่า… ไม่เหลือสิ่งของหรือแม้แต่สัญลักษณ์ที่จะบอกว่าเคยมีคนอยู่ที่นี่ ฉันพยายามจะกดเปิดไฟที่ติดตั้งอยู่ภายในรถตู้ แต่มันกลับเปล่าประโยชน์…ไม่มีแสงไฟใดๆ ลอดออกมาจากหลอดเลย
“หืม…” ฉันย่นจมูกด้วยความรู้สึกแปลกๆ ฉันได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่คุ้นจมูกมาก มันเป็นกลิ่นคาวแปลกๆ ที่ฉันรู้สึกว่าฉันเคยดมมันมาก่อน และกลิ่นมันโชยมาจากภายในรถ ฉันค่อยๆ เดินตามกลิ่นนั้นไป กลิ่นคาวของมันเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกก้าวที่ฉันขยับเข้าไปใกล้หลังรถ และทันทีที่ฉันก้าวมาหยุดอยู่ที่เบาะหลังสุด กลิ่นของมันก็แรงขึ้นมากจนฉันต้องยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดจมูก
กลิ่นของมันแรงและเหม็นมาก ฉันพยายามขยับตัวเข้าใกล้ที่วางสัมภาระด้านหลังเพื่อจะเช็คดูว่ามันคืออะไรกันแน่ ฉันขยับตัวขึ้นไปบนเบาะที่นั่งหลังสุด ก่อนที่จะก้มหน้าลงไปมอง…บางสิ่งที่วางไว้อยู่ที่เก็บสัมภาระ
“เอเลน่า…” เสียงเรียกชื่อจริงของฉันที่แสนแผ่วเบา…และเย็นเยือกอย่างน่ากลัวดังขึ้น ทำให้ฉันสะดุ้งขึ้นก่อนที่จะมองไปรอบตัวด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ไม่พบสิ่งใดที่ผิดปกติ มันทำให้ฉันรู้สึกกลัวจนอยากจะร้องไห้ออกมา ฉันพยายามตัดเสียงต่างๆ ออกไปให้หมด และเอื้อมมือไปหยิบผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มที่น่าจะคลุมสัมภาระของพวกเราออก และเมื่อผ้าผืนนั้นถูกหยิบออก สิ่งที่ถูกซ่อนไว้ก็ปรากฏ…
“พระเจ้า…!” ฉันอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อพบว่าภายใต้ผ้าผืนนั้นคือ…เลวิส
“เอเลน่า…” เสียงของเลวิสแผ่วเบา เย็นชา แต่มันกลับแฝงไปด้วย ‘ข้อความ’ อะไรบางอย่างที่ฉันเดาความหมายไม่ออก ฉันเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเขาเบาๆ ใบหน้าของเขาซีดเซียวอย่างน่ากลัว ริมฝีปากของเขาซีดจนเป็นสีขาว พระเจ้า…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน
“เลวิส…เกิดอะไรขึ้นน่ะ” ฉันเอ่ยปากถามอย่างร้อนรนในขณะที่พับเบาะหลังลงและประคองเขาขึ้นมาบนตัก สาบานได้ว่าฉันลืมเรื่องที่เขาทำกับฉันไว้สนิท “มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่!”
“หึ…” เลวิสพึมพำอะไรสักอย่างออกมาเบาๆ ก่อนที่จะใช้แขนสองข้างของเขากอดรัดฉันแน่นขึ้นเรื่อยๆ แน่นขึ้นจนฉันเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก
“อะ…อะไร” ฉันพึมพำออกมาอย่างไม่เป็นคำ ก่อนที่กลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงจะเริ่มโชยมาอีกครั้ง ฉันก้มลงมองพื้นที่เลวิสนอนอยู่เมื่อครู่ก่อนจะพบว่า…มันเต็มไปด้วยเลือด!
“กรื๊ดดดด!!” ฉันกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจและนั่นทำให้เลวิสยิ่งกอดรัดฉันแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของฉันแทบจะแหลกไปในวินาทีนั้น ฉันพยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดของเขาแต่มันกลับไม่ได้ผลเลยสักนิด และในวินาทีที่ฉันกำลังกลัวสุดขีด เลวิสก็เงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนที่จะยิ้มออกมาน้อยๆ
“กลัวหรอ…เอเลน่า…” คำพูดที่แสนเย็นเยือกของเขาทำให้ฉันกลัวจนแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“อย่า…อย่าทำอะไรฉัน…” ฉันเอ่ยออกไปขณะที่น้ำตาเริ่มจะไหลออกมา ฉันกลั้นมันเอาไว้ไม่อยู่แล้วในวินาทีนี้…นี่มันบ้าอะไรกัน! “ปะ…ปล่อยฉันไป”
น้ำตาอุ่นๆ ของฉันหยดลงมาอย่างไม่ขาดสายและทำให้ฉันเริ่มสติแตก แต่เลวิสกลับไม่สนใจฉันเลยสักนิด เขารัดฉันด้วยแรงที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันเจ็บไปทั้วตัว ก่อนที่จะเอื้อมใบหน้าเข้ามาและหยุดลงที่ตรงหน้าฉัน แววตาว่างเปล่าของเขาช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ฉันเดาไม่ออกจริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกัน…
“หึ…” เลวิสแค่นหัวเราะออกมา ก่อนที่จะหยุดริมฝีปากของเขาไว้ที่ริมฝีปากของฉัน และเอ่ยออกมาอย่างเบาเฉียบ แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกขวัญผวา “กลัวงั้นสินะ…”
“…” ฉันไม่อาจหลุดปากพูดอะไรออกไปได้ มีเพียงน้ำตาของฉันเท่านั้น…ที่เป็นเพียงคำตอบเดียวในตอนนี้
“ลงนรกซะเถอะ…เอเลน่า"
-------------------------------------------------------------------------------
รู้สึกเหมือนทั้งร่างกายของฉันเย็นเยือกไปด้วยของเหลวและไอเย็นที่หนาวเหน็บรัดกุมไว้อยู่… ฉันไม่สามารถขยับตัว… ลืมตา… หรือแม้กระทั่ง… หายใจ…
สติรับรู้ของฉันค่อยๆ กลับคืนมา หากแต่… รอบตัวของฉันมีเพียงความมืดไม่มีที่สิ้นสุด… ห้วงว้างของความว่างเปล่า… และความเย็นที่จับขั้วหัวใจ… ฉันไม่อาจส่งเสียงร้องอะไรออกไปได้ อย่างว่า…แม้แต่ลมหายใจฉันยังไม่สามารถรับมันไว้ได้…
นี่ฉันตายไปแล้วหรือไงกัน…
“เอเลน่า…” เสียงสั่นๆ ที่ฟังแล้วทำให้ฉันรู้สึกขนลุกและหวาดกลัวขึ้นโดยไม่มีเหตุผลดังขึ้นที่ข้างตัวฉัน แต่ฉันไม่สามารถมองเห็นหรือรับรู้ได้ว่าเป็นเสียงของใคร มีเพียงความมืดที่ชวนให้ฉันประสาทและน้ำเสียงเย็นเฉียบคล้ายคนโรคจิตที่ดังขึ้นอย่างไม่มีที่มา “…หึ!”
ฉันพยายามขยับริมฝีปากเพื่อเอ่ยออกไปแทนความอัดอั้นในใจ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ความรู้สึกอึดอัดแล่นแทนที่ในหัวสมอง ฉันไม่สามารถโต้ตอบได้เลย แม้แต่สิ่งที่เอ่ยคำพูดออกมา…ฉันก็ยังไม่สามารถมองเห็นมันได้ ฉันพยายามจะกรีดเสียงลั่นออกไปเพื่อระบายความรู้สึกหวากกลัวในใจ แต่ฉันไม่อาจทำอะไรได้เลยนอกจากจมปลักอยู่ในความมืด!
“เธอมันสอดรู้…” เสียงเย็นเยือกนั้นยังคงดังต่อไปและรั้งแต่เพิ่มความหวาดกลัวของฉันให้มากทวีคูณ “เธอรู้มากเกินไป…เอเลน่า” คำพูดนั้นตามมาด้วยน้ำเสียงแค่นหัวเราะที่ฟังดูไม่น่าไว้ใจ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะจางหายไป…และตามมาด้วยถ้อยคำที่เปล่งออกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่น่าเลย…"
ราวกับความรู้สึกบางอย่างมันกดดัน…และอัดแน่นอยู่ในใจ น้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างช้าๆ แต่ฉันกลับไม่อาจแสดงสีหน้าอย่างอื่นได้เลย มีเพียงน้ำตา…น้ำตาของฉันเท่านั้นที่ไหลออกมาและอาบไปบนใบหน้าที่ซีดเผือดและเย็นเฉียบ…
“ลาก่อนนะ…เอเลน่า” เสียงนั้นเอ่ยขึ้นก่อนจะเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง และสัมผัสยะเยือกของโลหะปลายแหลมบางอย่างก็ปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของฉัน… นี่มัน… “ไม่น่าเลยจริงๆ…”
ดวงตาของฉันเบ่งกว้างค้างออกในวินาทีที่ปลายโลหะแหลมแทงเข้าที่แผ่นหลังของฉัน ถ้อยคำกรีดร้องที่หลุดออกมาจากปากของฉันได้แล้วไม่อาจส่งไปถึงสิ่งใดได้เลย ราวกับเป็นเพียงสายลมแผ่วเบาที่ไหลผ่านไป ความเจ็บปวดและความแสบร้อนที่ไหลเข้าแทนที่ความเย็นเยือกค่อยๆ แผ่กระจายเป็นวงกว้างและหลอมละลายร่างของฉันให้กลายเป็นเถ้าถ่าน ความเจ็บของมันทำให้ร่างของฉันระเบิดออกและถ้อยคำที่กรีดร้องดังอยู่เพียงในหัวสมองของฉัน...
SPECIAL THANKS
THEME : THE FARRY
SONG : YOUTUBE
PICTURE : ANYWHERE IN GOOGLE
LET THE HIDDEN BLOOD DROP...
EVERY WEEK!
FOR MORE INFORMATION : ADD FAV...!
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Frozen Secret...
สถานที่ที่ความลับดำมืด... ถูกปิดตายไว้...
ใต้ผืนหิมะ... แห่งความตาย!
---------------------------------------------------------------------------
ผลงานอื่นๆ ของ F.Exit ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ F.Exit
ความคิดเห็น