ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic HunHan : Make you mine ภาค2- Unconditionally

    ลำดับตอนที่ #2 : fic HunHan : Make you mine ภาค2 Part 2 : ความทรงจำ

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 58


     

    fic HunHan : Make you mine ภาค2 Part 2 :  ความทรงจำที่อยากลืม

     









    ลูฮาน

     

     “  ถ้าเป็นลู่เกอนายถึงยอมฟังสินะ “  ผมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องอัด  มือข้างที่กำลังออกแรงผลักบานประตูต้องหยุดนิ่งลงทันทีเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง

     “  ถ้าเป็นชั้น..   เป็นชั้นคงทำแบบนั้นไม่ได้สินะ “

    “  นายไม่รู้รึแกล้งไม่รู้กันแน่ หา! จางอี้ชิง!!!! “  เสียงของน้องชายที่เบาแผ่วและแทบไม่ได้ยินอยู่แล้วบัดนี้ถูกกลบลงด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่ตะโกนออกมาอย่างเกี้ยวกราด  ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่านี่คือเสียงของอู๋อี้ฝาน 

     “  ต้องให้ทำยังไง  ต้องพูดยังไงนายถึงจะรู้ว่าชั้นรักนายแค่ไหน!!! “ 

    “  ปล่อย!

    “  นายไม่รู้รึไงว่าถ้าเป็นนาย!!..  ถ้านายขอให้ชั้นกลับมา!!!  ต่อให้อยู่ไกลแค่ไหน  ต่อให้ต้องข้ามมหาสมุทรมาชั้นก็จะทำโดยไม่คิดเลย!!!  “   ความเงียบแทรกเข้ามาชั่วขณะหลังจากที่พายุอารมณ์ของคนทั้งคู่สงบลง  ผมได้แต่ยืนแน่นิ่งอยู่หลังประตู  ไม่กล้าออกไป

    แม้ได้ยินเพียงแค่เศษเสี้ยวของบทสนทนา  แต่ผมก็รู้ว่าเพื่อนสนิทและน้องชายที่แสนดีของผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร

    เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา   ความหวาดกลัวที่เราทุกคนพยายามซุกซ่อนเอาไว้ให้ลึกที่สุดเริ่มตื่นขึ้นมาหลังจากถูกสะกดเอาไว้ในใจมาอย่างยาวนาน  การบาดเจ็บของทั้งเทา  อี้ชิง และผมทำให้ความอดทนที่มีอยู่ไม่มากนักของอี้ฝานขาดสะบั้น  ผมไม่อยากนึกถึงสิ่งที่เราเจอตอนเป็นเด็กฝึก  ความลำบาก  อาการคิดถึงบ้านและครอบครัว  เรื่องโหดร้ายทั้งร่างกาย และจิตใจที่ต้องเผชิญจากคนต่างเชื้อชาติมันทำให้ความฝันและความตั้งใจถูกกัดกร่อนจนแทบจะล้มลงมา  เพื่อนสนิทของอี้ฝานที่มาจากแคนนาดาด้วยกันออกจากบริษัทไปโดยที่ไม่เหลือเวลาไว้ให้เค้าได้ทำใจ  โชคยังดีที่ตอนนั้นมีอี้ชิงอยู่  ผมคิดว่าความอ่อนโยนของอี้ชิงช่วยชีวิตอี้ฝานเอาไว้ตลอดมา  ผมไม่เข้าใจความคิดลึกๆของเพื่อนคนนี้  แถมยังเถียงกับไอ้มังกรบ้านี่เกือบทุกวันเพราะมันคอยกวนประสาทผม   แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น  ผมกลับเข้าใจความรู้สึกหลายๆอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าหล่อและท่าทางขี้เก๊กของหมอนี่อย่างทะลุปรุโปร่งเลยทีเดียว  

    ผมค่อยๆผลักประตูห้องอัดออกไปอย่างเชื่องช้า  คิดว่าสถานการณ์น่าจะสงบลงแต่คงเข้าใจผิด

    “   ชั้นแค่อยากทบทวนสิ่งที่ทำอยู่  ทบทวนว่าสิ่งที่พวกเค้าทำกับเรามันคุ้มมั้ยที่จะอยู่ต่อ!!!   ชั้นต้องมองเห็นเทาบาดเจ็บซ้ำๆ  เห็นเค้าโดนล้อเพราะพูดภาษาเกาหลีไม่คล่องแต่ก็ทำอะไรไม่ได้   ต้องทนเห็นคนที่ตัวเองรักล้มทั้งยืน  ทนเห็นนายกัดฟันลุกขึ้นมาบนเวทีโดยที่แทบไม่มีใครมาดูแล  อยากขอร้องพวกเค้าให้ปล่อยนายพักบ้าง  ให้พานายไปหาหมอแต่กลายเป็นว่าพวกเราต้องพานายไปโรงพยาบาลกันเอง!!!

    “  นั่นเพราะชั้นฝืนเองต่างหาก  ชั้น..”

    “  นายจะปกป้องคนที่ไม่เคยมาสนใจเราทำไมกัน!!!   นายปกป้องพวกคนที่อยากได้แต่ประโยชน์จากเราไปทำไม!!!  นายดูลู่หาน!!!   หมอนั่นป่วยมาตั้งนานแต่กลับพูดออกมาว่าตัวเองไหว!!!  ไม่ยอมให้ใครรู้แม้กระทั่งคนรักของมัน!!!  โดนรังแกเพราะหน้าตาที่โดดเด่นกว่า  ถูกไอ้พวกเด็กฝึกนั่นคิดว่าเป็นผู้หญิง   แผลเป็นนั่นอีก!!!   ชั้นไม่เข้าใจจริงๆว่าพวกนายทนอะไรกันอยู่!!!!!  “    สิ่งที่ได้ยินเหมือนกับคลื่นความร้อนที่พัดเอาอดีตเลวร้ายที่ไม่อยากจำให้หวนกลับมาใหม่  ความอ่อนแอทางร่างกายของผมที่มีเพียงเมมเบอร์จากจีนเท่านั้นที่รู้เพราะผมไม่อยากให้มันเป็นอุปสรรคกับการเดบิวต์  ความรุนแรงของมันที่เพิ่มขึ้นทุกๆวันยังคงเป็นความลับที่ถูกเก็บให้ห่างไกลจากบริษัทและสมาชิกวงที่เหลือ   ..รวมทั้งเซฮุน..

    ผมยกมือขึ้นช้าๆ  ไล่ปลายนิ้วไปที่รอยแผลเป็นตรงริมฝีปากล่างที่เหมือนจะเจ็บแปลบขึ้นมาอีก  หลังจากที่ผมเข้ามาเป็นเด็กฝึกได้เพียงไม่กี่เดือนก็ถูกคัดเข้ากลุ่มต้นๆของการเตรียมเดบิวต์ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของข่าวลือถึงสาเหตุที่เด็กใหม่อย่างผมสามารถก้าวกระโดดไปอยู่ในกลุ่มที่เด็กฝึกมากมายใฝ่ฝัน   บางคนพูดว่าเพราะน่าตาที่เหมือนผู้หญิงจึงทำให้ผมมาไกลได้ขนาดนี้  และนอกจากเรื่องภาพลักษณ์แล้วผมก็แทบไม่มีอะไรดี  เสียงร้องที่จัดอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้แต่ก็ไม่ได้ดีที่สุด การเต้นที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ได้โดดเด่นมากมาย  ทั้งหมดเหล่านี้คือสิ่งที่ผมต้องเผชิญอยู่เงียบๆโดยที่ไม่พยายามป่าวประกาศบอกให้ใครรู้  ผมไม่อยากเป็นภาระของใคร  ไม่ชอบทำตัวอ่อนแอหรืออ้อนให้ใครมาสงสาร  ผมเชื่อมั่นว่าตัวเองแข็งแกร่งพอ  และขาสองข้างของผมก็มั่นคงพอที่จะหยัดยืนและวิ่งต่อไปให้ถึงความฝันได้ด้วยตัวเอง

    ..แต่..  

    มันคงหนีไม่พ้นสายตาแห่งความห่วงใยจากเพื่อนๆ   กลุ่มเด็กฝึกที่ผมไม่เคยรู้จักต้อนผมให้จนมุมก่อนจะทิ้งรอยแผลเป็นนี้ไว้  โชคดีที่มันมีอยู่แค่นี้เพราะอี้ฝานกับเพื่อนสนิทของเค้าเข้ามาเจอเสียก่อน  อี้ชิงเป็นคนที่พาผมไปห้องพยาบาล  ช่วยโกหกมินซอกซึ่งทำหน้าตกใจเมื่อเห็นรอยเย็บที่ริมฝีปากของผมว่ามันเกิดจากการเดินไม่ดูทางจนตกบันได  และแน่นอน  ช่วยโกหกเซฮุนซึ่งตอนนั้นยังเป็นแค่เด็กบ้าจอมตื๊อสำหรับผม  ว่าที่ผมขาดซ้อมเพราะเป็นไข้หวัดนก  ( มันดูไม่น่าเชื่อสุดๆแต่ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็ยังเชื่อแบบหมดใจ )

    ผมยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องทุกอย่าง  และเข้าใจดีว่าอี้ฝานนั้นมีหัวใจของเพื่อนแท้ที่งดงามเกินกว่าจะทนกับความเจ็บปวดแบบนี้ได้  ตัวเค้าเองก็ผ่านเรื่องมากมายมาไม่น้อย  แต่มันคงไม่ทำให้ถึงจุดที่คิดจะละทิ้งทุกๆสิ่งไปได้หากไม่มีเรื่องของผม  อี้ชิง  และเทาเข้ามาเกี่ยว   ซึ่งตอนนี้  สิ่งที่อี้ฝานได้ทำลงไป  กำลังทำให้เค้าต้องรับโทษจากการไม่อยู่ในโอวาทของบริษัทอย่างหนักหน่วง

    ..ใช่..    เค้าหายไปและไร้การติดต่อมาเกือบสามสัปดาห์    

    หลังจากที่กลับไปแคนนาดาเมื่อต้นฤดูใบไม่ผลิ  พวกเราก็ไม่ได้ข่าวของอี้ฝานอีก   ในตอนนั้นผมไม่ได้กังวลหรือตื่นกลัวแบบที่คนส่วนใหญ่เป็น  มันเหมือนผมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิด  ความสามารถที่มีอยู่มากมายในตัวผู้ชายคนนี้ไม่ได้รับการยอมรับอย่างเพียงพอ  เค้าเหมือนกับระเบิดลูกใหญ่  พลุลูกโตที่ทั้งสว่างสดใสแต่กลับไม่ได้รับการจุด   ผมคิดว่าผมไม่อาจเข้าใจความคิดของเค้าทั้งหมดได้  แต่..  มีส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งที่ผมเข้าถึง  ส่วนเล็กๆของความรู้สึกบางอย่างในใจของเค้า  และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมสามารถพาเพื่อนคนนี้กลับมายังครอบครัวของพวกเราได้อีกหน

    ..ไม่ใช่ว่าผมสำคัญที่สุดสำหรับอี้ฝานหรอก..

    ผมน่ะคือไอ้กวางบ้าจอมโหดในความคิดของมัน  เป็นกวางที่ดูเหมือนจะน่ารักแต่ก็คอยจิกกัดมังกรขึ้เก๊กตัวนี้เพราะความน่าหมั่นไส้ของหมอนี่นั้นเหลือรับประทาน

    แต่...   บางครั้งความคิดเห็นจากคู่กัดก็ดีกว่าคำแนะนำจากคนรัก

    อี้ฝานรู้ดีว่าหากคุยกับอี้ชิงผลจะออกมาเป็นอย่างไร  เค้าคงไม่สามารถรวบรวมความคิดที่จะทบทวนสิ่งต่างๆได้หากได้ยินเสียงของคนที่เค้ารัก   แค่อี้ชิงพูดคำเดียวให้กลับมา   หมอนี่คงพร้อมจะทิ้งอนาคตตัวเองเพื่อมาเป็นทุกๆอย่างของอี้ชิงเหมือนเดิม

    เสียงพูดที่เริ่มขึ้นอีกครั้งของอี้ฝานดึงผมออกจากห้วงความคิด  ก่อนจะต้องกลับมายืนนิ่งอยู่หลังประตูห้องซ้อมเพราะไม่สามารถออกไปขัดจังหวะการปรับความเข้าใจของคู่รักได้

     “  ชั้นคิดเสมอว่าเราแค่อดทนเพื่อก้าวไปหาความฝัน  แต่พอมายืนอยู่ตรงนี้ชั้นก็รู้ว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็นความใฝ่ฝันของเรา  ชั้นรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหุ่นกระบอก  ทำตามคำสั่งโดยที่ห้ามเจ็บป่วยหรือตาย  นายก็รู้ว่าชั้นหมายถึงอะไร!!  ชั้นยอมไปแบบคนทรยศยังดีกว่าถ้ามันจะทำให้เค้าปฏิบัติกับพวกนายดีขึ้น!!!    ชั้นคิดหนักแค่ไหนเรื่องบ้าน  เรื่องครอบครัว  ..แล้วก็อนาคตของเรา!!!   ถ้าชั้นรับโทรศัพท์นาย  ถ้าเป็นเสียงของนายที่โทรมาบอกให้ชั้นกลับ  ชั้นคงไม่สามารถจะคิดทบทวนอะไรได้ทั้งนั้นนอกจากทำตามสิ่งที่หัวใจตัวเองต้องการคือกลับมาหานาย!!!!   นายรู้มั้ยว่าแค่เป็นนาย  ถ้าเพื่อนายแล้วชั้นก็ลืมทุกสิ่งได้แม้กระทั่งอนาคตตัวเอง!!!

    “  ... ไม่รู้..!!!   ชั้นจะไปรู้ได้ไงล่ะ..  ฮึก..”  เสียงสะอื้นของอี้ชิงทำให้ขาของผมแทบจะหมดเรี่ยวแรงลง เค้าไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าใครๆ  และที่เป็นแบบนี้คงเป็นเพราะน้องชายที่แสนดีของผมกำลังเจ็บปวดมากมายเหลือเกิน

      ถ้าอี้ฝานไป  คนที่จะเสียใจที่สุด  คงเป็นจางอี้ชิง

     

    “ ชั้นจะไปรู้ได้ไงว่านายคิดอะไรเกอเกอ!!!   นายไม่เคยบอกอะไรเลย!!  มีอะไรนายก็เก็บไปคิดคนเดียว!!!  ถ้าจะบอกว่าไม่อยากให้ชั้นเครียดไปด้วยล่ะก็นะ  บอกเลยว่าที่นายไม่เคยบอกอะไรชั้นเลยน่ะ  นี่ล่ะที่มันทำให้ชั้นจะบ้าตายอยู่แล้ว!!!!

    “  อี้ชิง...”

    “  นายพูดว่าถ้าชั้นโทรไปนายจะกลับมาทันทีใช่มั้ย  นายหาว่าชั้นไม่รู้ว่านายรักชั้นแค่ไหนใช่มั้ย!!!   จะบอกให้นะเกอเกอ   ในหัวชั้นมันก็ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นนั่นล่ะตอนที่นายไม่กลับจากแคนนาดา!!!

    “  .....”

    “  ชั้นไม่สนซักนิดว่านายจะเป็นไง   ไม่สนว่านายจะคิดถึงอนาคตรึว่าครอบครัวรึแม่ของนาย!!  ในตอนนั้นหรือแม้แต่ตอนนี้  ในหัวชั้นก็มีแต่นายคนเดียว!!  ต้องการแค่ให้นายอยู่กับชั้นเท่านั้น!!  นี่ไงล่ะ..  นี่คือความเห็นแก่ตัวที่ชั้นคิดอยู่ในหัว!!   ชั้นคิดถึงแต่นาย   คิดถึงแต่นาย!!!!!

    “  อี้ชิง “   เสียงตะโกนดังลั่นจบลงพร้อมกับเสียงลมหายใจที่หอบโยนของคนสองคน  เงาสะท้อนของพวกเค้าปรากฏขึ้นมาที่กระจกฝั่งตรงข้ามทันทีเมื่อแสงแดดจากภายนอกส่องกระทบ   ร่างสูงที่ซุกใบหน้าลงบนไหล่ของคนที่เค้ากอดเอาไว้แน่น  มือบอบบางของร่างที่เล็กกว่ากำลังสวมกอดอีกคนไว้ด้วยความต้องการเหมือนกัน  ผมรู้ได้ทันทีว่าความรู้สึกแบบนี้มันลึกซึ้งแค่ไหน

    “  ชั้น..   ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง..  ..ฮึก..  พอนายหายไป..  ชั้น..    ฮึก...”

    “......”

    “  อย่าไปไหนอีกนะ!!!  ห้ามไปไหน!!!  ต่อให้ชั้นบาดเจ็บแทบตาย  ต่อให้ลุกไม่ไหวชั้นก็จะเต้นต่อไป!!!  ชั้นทนได้..  เพราะงั้น..  ไม่ต้องคิดถึงอะไรอีก  ไม่ต้องแบกความเจ็บปวดของทุกคนอีก  ..ฮึก..   นาย..  ฮึก..  นายช่วยลืมอดีตที่เลวร้ายนั่นแล้วนึกถึงแค่ตอนนี้ได้มั้ย...    นึกถึงแค่ตอนนี้..   เวลานี้ที่มีเราสองคนอยู่ด้วยกันจะได้มั้ย..”

    “  ..อี้ชิง..”

    “  ฮึก..  ชั้นมันเห็นแก่ตัว     ชั้นรู้ว่านายทนกับการถูกทำแบบนี้ไม่ได้..  แต่..    ฮึก   แต่อยู่กับชั้นเถอะนะเกอเกอ..   อย่า..อย่าไปไหนเลย..”

    “    ชั้นขอโทษนะอี้ชิง...  ชั้น...”   ผมมองผ่านช่องว่างที่ระหว่างบานประตูที่แง้มออก  ภาพแผ่นหลังกว้างที่โอบรัดร่างบางของอี้ชิงไว้มอบความรู้สึกที่ปลอดภัยมาถึงตรงที่ยืนอยู่นี้  ไหล่กว้างๆของอู๋อี้ฝานที่แบกอะไรไว้มากมาย  ผมไม่คิดจะให้ใครๆมาเข้าใจเค้าเพราะผมรู้ว่าคนอย่างอู๋อี้ฝานคงไม่สนใจเรื่องไร้สาระแบบนี้  เค้าทำทุกๆอย่างในแบบที่เค้าเชื่อ  มั่นคงกับสิ่งที่คิดว่ามันสมควรและจะปกป้องคนที่รักด้วยอ้อมแขนที่แข็งแรงของเค้าเสมอ

    “   เอาเลยอี้ชิง..   เชิญนายเห็นแก่ตัวได้มากเท่าที่นายต้องการเลย  รักชั้น  หวงชั้น  กอดชั้นไว้ให้เป็นของนายคนเดียว   ช่วยเปลี่ยนใจชั้นที “

    “งั้นก็ห้ามไปไหนอีก!!!!   ชั้นไม่ให้นายไปไหนเด็ดขาดเกอเกอ!!!!  ทำแบบนี้อีกทีนายตายแน่!!  ชั้นจะไม่มองหน้านายไปตลอดชีวิตเล้ย!!!  “   ใบหน้าหล่อยิ้มออกมาหลังจากเสียงโวยวายที่แสนเอาแต่ใจจบลง  ก้มลงไปจุมพิตที่ท้ายทอยขาวของคนรักด้วยความเอ็นดู

    “  นานๆนายจะเอาแต่ใจแบบนี้นะอี้ชิง..  “

    “  ...”

    “  นายน่ารักแบบนี้   เกอเกอจะไปไหนรอดล่ะ  จริงมั้ย..”

     

     

     

    เซฮุน

    ผมเดินออกมาจากที่ซ่อนตัวหลังจากยืนฟังเรื่องที่ไม่เข้าใจซักนิดจนจบ   ความกังวลทำให้ทุกๆฝีก้าวนั้นหนักอึ้งราวถูกถ่วงด้วยตุ้มน้ำหนัก  ชื่อของคนรักที่ถูกเอ่ยออกมาเป็นระยะตลอดการสนทนาของคริสฮยองและเลย์ฮยองทำให้สมองผมมันกลวงโล่งราวกับคนบ้า  สิ่งที่ผมจับใจความได้ก่อนที่คนทั้งคู่จะเริ่มเปิดฉากรัวภาษาจีนก็คือ..

    เรื่องที่สตาฟบอกกับเราว่า  คริสฮยองกลับมาเกาหลีล่าช้าเพราะอยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้นานอีกนิดนั้นไม่จริง  สิ่งที่ผมได้ยินมันชัดเจนจนไม่ต้องเก็บไปตีความหรือคิดต่อ  อย่างแรกคือเค้ากลับมาช้าเพราะจริงๆแล้วไม่คิดจะกลับมาอีก  คริสฮยองจะออกจากวง  จะทิ้งพวกเราไป  และอย่างที่สองที่ผมรับรู้จากการยืนฟังในมุมมืดนี้  และมันก็น่าตกใจมากกว่าเรื่องแรกที่ผมได้รู้  นั่นก็คือ  การที่คนรักอย่างเลย์ฮยองไม่สามารถจะพาคริสฮยองกลับมาได้  แต่เป็นคนที่เค้าเรียกว่าเพื่อนสนิทอย่างลูฮานของผมที่พาลีดเดอร์คนนี้กลับมา  และคำถามข้อที่สามก็ผุดขึ้นมาในหัวผมทันที

    ทำไมลูฮานของผมถึงมีอิทธิพลต่อคริสฮยองมากขนาดนี้   คำว่าเพื่อนสนิทที่ได้ยินซ้ำๆ   ผมไม่คิดเลยว่ายิ่งได้ฟัง  ก็ยิ่งทำให้ผมกลัว

    ความคิดมากมายเริ่มถาโถมลงมาใส่ผมราวกับตารางซ้อมที่อัดแน่นจนไม่มีเวลาหายใจ  ผมพยายามส่ายหัวแรงๆ  ขับไล่ความฟุ้งซ่านออกไปหลังจากพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่มานานหลายเดือน 

    “  เสี่ยวลู่บอกแล้วว่ารักเราคนเดียว  ต้องเชื่อแฟนดิวะโอเซฮุน   อย่าคิด  อย่าคิดๆๆๆๆๆๆ “  ผมส่ายหัวอีกครั้ง  ทำให้แรงพอจะสลัดเงามืดของความหึงหวงที่เริ่มคลืบคลานเข้ามา

    “  อย่าคิดๆๆๆๆๆ  ไม่ๆๆๆๆๆๆ...”

    “  เซฮุน?? “  เสียงหวานดังขึ้นมาจากด้านหลังเมื่อตอนนี้ผมเดินมาถึงจุดที่เลย์ฮยองและคริสฮยองเคยยืนอยู่  ประตูห้องอัดถูกเปิดออกก่อนที่นางฟ้าจะมาปรากฎกายต่อหน้าผม

    “  ทำไรอ่ะ?   หัวนายเป็นอะไร “

    “  หา??

    “ ก็นายส่ายหัวจนแทบจะหลุดแบบนั้นอ่ะ  เป็นไรป่าว “  ลูฮานเดินเข้ามาหา  พร้อมตากลมโตที่จ้องมาทางผม  ยิ่งเห็นสีหน้าเป็นห่วงของเค้าแบบนี้  ความหวงที่มันมีอยู่มากมายก็แทบจะพุ่งทลายกำแพงความอดทนออกมาจนเก็บไม่อยู่

    “  ปวดหัวเหรอ??   ไม่สบายเหรอ “

    “  ปะ..เปล่า  “

    “  แล้วเป็นไรอ่ะ “  ผมจ้องกลับไปที่ตากลมใส  ห้ามใจตัวเองอยู่พักใหญ่แต่ก็ต้องยอมแพ้

    ผมไม่ควรสงสัยในความรักของเค้า  สายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง  น้ำเสียงที่อ่อนโยน  ผมรู้ว่าทุกสิ่งคือเรื่องจริงแต่มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหวงคนที่มีค่าที่สุดในชีวิตคนนี้จนคุมตัวเองไว้ไม่อยู่

    “  หมับ!

    “  เซฮุน!??

    “  อย่าเพิ่งดิ้นนะฮะ   อยู่แบบนี้แป๊บนึงนะ “  ผมกระซิบที่ข้างหูก่อนจะซุกใบหน้าลงไปที่ซอกคอหอมๆของคนที่ผมกำลังกอดเอาไว้แน่น   กลิ่นกายของเค้า  ความร้อนจากผิวนุ่ม  ผมจะห้ามความรู้สึกหวงแหนคนคนนี้ได้ยังไง

    ..ก็มัน..

    ..รักมากเหลือเกิน..

    ไม่อยากให้เค้าไปเป็นของใคร

    ไม่อยากให้ใครมาแตะต้อง

     

    “  คืนนี้ไปหาที่ห้องได้ป่ะฮะ “   ผมกระซิบ

    “  หา !?

    “  อยากนอนด้วยกัน “

    “  ทะ..  ทำไมอยู่ๆก็พูดเรื่องนี้อ่ะ...”  คนสวยเอ่ยถาม   ผมผละออกมามองหน้าเค้า  แก้มขาวของคนตรงหน้ากำลังถูกเจือไปด้วยสีชมพูอ่อน

    “  ....คิดถึงน่ะฮะ “

    “  เซฮุน..??.”

    “  นะ...   คืนนี้ให้ผมอยู่กับลูฮานนะฮะ  “

     

     

     

    ลูฮาน

     

    ผมเปิดประตูห้องเข้ามาหลังจากอาบน้ำเสร็จ  มองไปที่เตียงนอนของตัวเองที่บัดนี้ถูกยึดครองโดยโอเซฮุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   เค้าจ้องมาทางผมทันที  ใช้สายตาเรียวคมนั้นเชือดเฉือนร่างกายของผมจากระยะไกล

    “  สระผมเหรอ “   เสียงทุ้มเอ่ยถามทันเวลาที่หยดน้ำเล็กๆกำลังหยดลงมาบนบ่าของผม  มือหนาของเค้าวางลงข้างลำตัวช้าๆก่อนจะตบเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบา

    “  มานั่งนี่สิ  เดี๋ยวผมช่วยเช็ดให้ “  น้ำลายอึกใหญ่ถูกผมกลืนลงคอไปได้อย่างยากลำบาก  ความร้อนจากเลือดอุ่นๆฉีดพุ่งขึ้นมาอาบไปทั่วแก้มสองข้างที่เคยเย็นยะเยือก  น้ำเสียงต่ำของเซฮุนเหมือนจะทุ้มใหญ่ขึ้น  ก้องกังวาลในสมองของผมที่ขาวโพลนไปหมด  ผมรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากกล้ามเนื้อแต่ละมัดของร่างกาย  แค่เพียงคำเชื้อเชิญนี้  แค่ได้ยินน้ำเสียงเรียกหาจากเค้า  ทุกๆส่วนของผมมันก็แทบจะไร้แรงต้านทาน

    ผมยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ  ไม่อยากคิดไปไกลว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากผมเดินไปนั่งบนเตียงข้างๆเซฮุนด้วยเสื้อนอนที่ทั้งบางและเปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่หยดลงมาจากปอยผม  แม้จะยังสงสัยว่าเพราะอะไรเค้าถึงอยากมานอนด้วยแต่ว่าเหตุผลที่คิดได้ก็คงไม่ยากเกินคาดเดา

    เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังแบบนี้มาเกือบหนึ่งเดือนเต็มแล้ว

    “  ...  ทำไมฮะ  ยืนอยู่แบบนั้นเดี๋ยวเป็นหวัดนะ “   เซฮุนพูดขึ้นอีกครั้ง  จ้องมองผมด้วยสายตาคมกริบ

    “  มาสิ...”

    “....”

    “   มาใกล้ๆผม “  เสียงเรียกนั้นราวกับคาถาสะกดใจที่ล่อลวงให้ผมเดินเข้าไปหาเค้า  เท้าเย็นๆของผมก้าวไปข้างหน้าช้าๆ  มือสองข้างที่ทำอะไรไม่ถูกเริ่มพยายามเช็ดเส้นผมเปียกปอนด้วยผ้าขนหนูผืนบาง  ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเซฮุน  ไม่กล้ามองตา

    “  มือเย็นจัง  “  เค้าพูดเบาๆก่อนจะเอื้อมมาประสานนิ้วเรียวยาวสอดเข้าระหว่างนิ้วมือผอมแห้งของผม  ความร้อนจากมือหนาแผดเผาลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

    “  ไม่หนาวเหรอฮะ “

    “  ..น่ะ...นิด..นิดหน่อย  “  เสียงตอบของผมเบาแผ่วราวเสียงกระซิบ   มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้  แต่..  ไม่ว่ากี่ครั้งที่ถูกเซฮุนสัมผัส   ลำคอของผมมันก็เหมือนกลับจะแห้งผากลงไปทันที

    ..ทำยังไงได้..ก็เค้าคือคนที่ผมรัก

    ผมค่อยๆนั่งลงข้างเซฮุน  หันหน้าไปหาเค้าแล้วพยายามเช็ดผมเปียกชุ่มของตัวเองก่อนจะยินยอมให้เค้าช่วยเช็ดมัน  มืออุ่นลูบไล้ลงมาตามเรือนผม  รวบขึ้นก่อนจะบรรจงซับมันอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวน

    “  ผมจำมาจากนูน่าที่ร้านทำผม  เช็ดแบบนี้จะช่วยนวดหัว  “

    “  อื้ม  “

    “  ชอบป่ะ “   ผมพยักหน้ารับ   จริงๆอยากตอบว่า  แค่นายทำให้ชั้นก็ชอบแล้ว   แต่ว่าเขินเกินไป

    “  ถ้ายอมย้ายมานอนกะผม  จะให้ทำแบบนี้บ่อยแค่ไหนก็ได้นะ “   เสียงทุ้มเริ่มเปิดฉากโน้มน้าว  เรื่องรูมเมทที่ไม่ว่าจะถูกจัดใหม่กี่หนเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันดูจะเป็นสิ่งที่รบกวนสมาธิของมักเน่ที่สุด

    “  จริงๆไม่เห็นต้องสนเมเนเจอร์ฮยองเลย  ทีจงอินมันยังย้ายไปนอนกะคยองซูฮยองเลยอ่ะ  ยอลลี่ฮยองก็ได้อยู่กับเพคฮยอนฮยอง  ทำไมมีแค่เราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน “

    “  ไม่ใช่แค่เราซักหน่อย  อี้ฝานเองก็ไม่ได้อยู่กับอี้ชิงนะ  “  ผมตอบเด็กขี้บ่นก่อนจะสังเกตุว่าเซฮุนหยุดเช็ดผมลงทันที

    “  ...  ?   เซฮุน?

    “  ...   ผม..   ถามไรได้มั้ย “   ผมเงยขึ้นมามองเค้าหลังจากได้ยินคำถาม  น้ำเสียงที่ถูกแทรกไปด้วยความกังวลทำให้รู้สึกใจหาย   นี่คืออีกเหตุผลที่เค้าอยากมานอนกับผมในคืนนี้รึเปล่า

    “  เป็นอะไร..    นายมีอะไรรึเปล่า  “

    “....”   เค้าเงียบ   หลบตาผมก่อนจะเริ่มพูด

    “  คือ..   ผมไม่ได้หึงอะไรหรอกนะ  บอกไว้ก่อน  “   ‘  เอาอีกแล้ว    นี่คือความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของผมทันทีหลังจากเซฮุนพูดจบ  ผมไปทำอะไรให้เด็กขี้กังวลเข้าใจผิดอีกล่ะเนี่ย

    “  มันแค่..  อยากถามงั้นๆ “

    “  นายหึงชัวร์ “

    “  เปล๊า!!!

    “  หึงชัวร์   พูดนำมาขนาดนี้แล้วเนี่ย “

    “  เปล่าซักหน่อย!   ผม..  ผมก็แค่..  มันแบบ  สงสัยอ่ะ “  ผมหลิ่วตาลงเล็กน้อย  พ่นลมหายใจแรงๆออกมาใส่คนงี่เง่าที่เคยสัญญาว่าจะไว้ใจกัน

    “  อย่าเพิ่งงอนดิ   ผมไม่ได้คิดมากอะไรแบบนั้นนะ  ฟังก่อนนะเสี่ยวลู่ “

    “  ก็พูดมาดิ  

    “  เรื่องคริสฮยอง.. “   ชื่อที่หลุดออกมาเหมือนจะกวาดเอาอากาศรอบตัวออกจนเกลี้ยง  ครู่หนึ่งที่ลำคอของผมแห้งผากอีกครั้ง

    “  ...ทำไม...”  

    “  ..ผม..   ผมอยากรู้ว่า  ที่คริสฮยองกลับมาช้า  จริงๆแล้วเป็นเพราะว่า..   เพราะว่าฮยองเค้าจะออกจากวง.... “

    “  ไม่ใช่!!! “ 

    “  .....?

    “  เอ่อ...  ไม่.... “  เสียงตะโกนของผมดังออกไปก่อนที่ความรู้สึกตัวจะห้ามเอาไว้ทัน มันไม่ควรเป็นแบบนี้  

    เซฮุนไม่ควรรู้  ไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องเลยซักนิด

     ความเงียบเข้าครอบคลุมไปทั่วห้องพัก  ผมพยายามหลบสายตาของคนรักที่จ้องมองมาอย่างเยือก

    “  อะไรที่ว่าไม่ใช่ฮะ “

    “ ....ม่ะ...  ไม่มีอะไร ”

    “  รู้ใช่มั้ยว่าฮยองโกหกไม่เนียน “

    “ เปล่านะ! ชั้น..

    ทุกอย่างกลับมาเงียบลงอีกครั้ง  สีหน้าแบบนั้นของเค้าทำให้รู้ว่าเรื่องบางอย่างที่ควรเป็นความลับตอนนี้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว 

    เซฮุนรู้    เค้ารู้ได้ยังไง   รู้อะไรบ้าง  รู้มากแค่ไหน

    “  เซฮุน...”

    “  มันคืออะไรกันฮะ   ระหว่างพวกฮยอง  สรุปแล้วมีอะไรที่ผมไม่ควรรู้รึไง

    “  เซฮุน..   ฟังนะ  มันไม่มีอะไรทั้งนั้น  อี้ฝานอยู่นี่แล้ว  ไม่ได้ไปไหนแล้ว “

    “  แสดงว่าก่อนหน้านี้จะไปใช่มั้ย!?   ก่อนหน้านี้ที่ติดต่อไม่ได้ไม่ใช่เพราะลืมเปิดมือถือใช่มั้ย   ที่กลับไปแคนนาดานานๆ  ที่ผมเห็นฮยองกับเลย์ฮยองคุยกัน  มันไม่ใช่แค่ฮยองไปปลอบเค้าเพราะเค้าคิดถึงคริสฮยองใช่มั้ย!!

    “  เซฮุน! “  ความลับที่คิดว่าจบลงด้วยดีบัดนี้กำลังประทุขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง  คนที่ไม่ควรรู้ที่สุดอย่างเซฮุน  เรื่องที่มีแค่ผม  อี้ฝาน  อี้ชิงและสตาฟไม่กี่คนที่รู้  

    “  ฟังนะเซฮุน   เรื่องนี้มันเป็นแค่อะไรที่ผ่านไปแล้ว  ตอนนี้  นาทีนี้คริสฮยองของนายอยู่กับเรา  เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ  มัน..  มันแค่เรื่องเข้าใจผิด  มัน..  “

    “  เรื่องเข้าใจผิดที่มีแต่ฮยองเท่านั้นที่สามารถตามเค้ากลับมาได้เหรอฮะ!!  “

    “ ...เซฮุน....”

    “  เรื่องที่มันผ่านไปแล้วเพราะลูฮานเป็นคนที่ตามคริสฮยองกลับมา  ฮยองคือคนที่ทำให้ทุกๆอย่างจบใช่มั้ย   แฟนของผมกับพี่ชายที่ผมรักที่สุด!!  รอยแผลที่ริมฝีปากของลูฮานที่ตัวผมเองยังคงเข้าใจผิดว่ามันมาจากไหนคนที่ดูแลปกป้องลูฮานกลับเป็นคริสฮยองไม่ใช่ผม!!  พวกฮยองรู้ใจกันที่สุด  เค้าฟังลูฮานของผมมากกว่าจะฟังแฟนของตัวเองอย่างเลย์ฮยอง!! 

    “  เซฮุน...!! “  คำถามมากมายที่ถาโถมมาพร้อมพายุอารมณ์ลูกใหญ่ของโอเซฮุนกำลังทำให้บรรยากาศรอบตัวมืดครึ้ม  มันไม่ควรเป็นแบบนี้  เรื่องนี้มันจบลงแล้ว  และไม่ควรถูกขุดขึ้นมาใหม่ในเวลาที่ทุกๆอย่างกำลังไปได้ดี

    “ .....  นายรู้ได้ไง..  ใครบอก ”

    “ ...”

    “  นอกจากสตาฟและคนของบริษัท   ...  นายรู้ได้ไง “

    “  มันไม่สำคัญอีกแล้ว!

    “ .....”

      ตอนนี้ในหัวผมมันมีแต่เรื่องบ้าบอนี่  ผม..    ผมอยากจะเชื่อใจฮยอง..    แต่มันทำไม่ได้เลยพอได้ยินว่าพวกฮยองมีความลับที่รู้กันสองคน ความลับที่ฮยองไม่คิดจะบอกผม !!“ 

    “  ไม่ใช่นะ!

    “  สำหรับลูฮานแล้วผมยังเป็นคนรักของฮยองอยู่ใช่มั้ย!?    แล้วคริสฮยองคือใคร   เค้าคือเพื่อนคนสำคัญที่รู้ใจกันจนถึงขั้นทำให้เปลี่ยนใจไม่ออกจากวงเลยรึไง!!  รอยแผลของฮยอง   ที่ลูฮานบอกผมคือโกหกกันใช่มั้ย!!  “    ดวงตาแดงกร่ำจ้องมาทางผมด้วยความเจ็บปวด  ผมหลับตาลงช้าๆ  บทเรียนที่ผ่านมาของเราทั้งคู่มันคือโทษของการไม่เชื่อใจกัน  และผมจะไม่ทำให้มันเป็นเหมือนเรื่องเลวร้ายก่อนหน้านี้   จะไม่ให้มันทำร้ายของเราทั้งสองคนอีก

    “  เซฮุนา..   “  ผมมองเข้าไปในดวงตาเรียวของคนรัก  ค้นหาสิ่งที่เรียกว่าความเชื่อใจ

    “  นาย..   เชื่อใจชั้นอยู่ใช่มั้ย  “     เค้าไม่ตอบ  ก้มหน้าหลบสายตาของผมก่อนจะเงยขึ้นมาสบตากันเหมือนเดิม

    “ ผมรักฮยอง..   “

    “....”

    “  แค่อยากรู้ความจริงเท่านั้น   ผมจะเชื่อทุกอย่างจากปากคนที่ผมรักเท่านั้น “

     

     

     

    เซฮุน

     

    เสียงเข็มนาฬิกาแขวนผนังเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ดังอยู่ในห้องอันเงียบสงัด   แม้จะพยายามหักห้ามความสงสัย  แต่ยิ่งทุ่มเทเท่าไหร่  ผมก็พ่ายแพ้ต่อมันมากเท่านั้น

    ใช่ว่าผมจะไม่ไว้ใจเค้า  แต่..  มันเจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องรับรู้ว่าผมไม่ใช่คนสำคัญที่สุดที่เค้าจะวางใจเปิดเผยเรื่องทุกอย่างให้รับรู้   เราสองคนจะไปต่อยังไงถ้ามีเรื่องกวนใจอยู่แบบนี้  เรื่องระหว่างคนรักของตัวเองกับพี่ชายที่ผมเคารพและชื่นชม   

    ผมควรจะเป็นคนที่รู้ทุกๆเรื่องของลูฮานไม่ใช่รึไง

    ผม..  

    ผมคือคนรักของลูฮานไม่ใช่รึไง

    ยังเป็นคนที่เค้าบอกว่ารักที่สุดไม่ใช่รึไงกัน

    “  นาย..   เชื่อใจชั้นอยู่ใช่มั้ย  “     คำถามง่ายๆที่ตอบยาก  เรื่องเดิมๆที่ผมรู้ว่าเค้าต้องการจากผมมากกว่าใคร 

     ความไว้ใจ 

    สิ่งที่ทำได้ง่ายดายในจินตนาการ

    ผมเงียบอยู่ไม่นานก่อนจะทวนคำถามของเค้าในใจตัวเอง   ผมไม่รู้จักคำว่าไว้ใจ   ไม่รู้จักอะไรบนโลกทั้งนั้น  นอกจากความจริงข้อเดียว

    “ ผมรักฮยอง..”  ใช่..   นี่ล่ะความจริงหนึ่งเดียวที่โอเซฮุนรู้    ผมรัก  รัก  และหวงเค้าที่สุด

    “  แค่อยากรู้ความจริงเท่านั้น..   ผมจะเชื่อทุกอย่างจากปากคนที่ผมรักเท่านั้น “

     “....”

    “   ลูฮาน  “

    “  อี้ฝานไม่ได้อยากเดบิวต์เป็นไอดอลตั้งแต่แรก..”

    “ ....”

    “  อย่างน้อยก็ไม่ใช่แบบนี้ “  ผมเงียบ  มองใบหน้าสวยที่หันหนี

    “  ความจริงข้อแรกคือชั้นไม่อยากให้ตัวเองต้องกลายเป็นคนที่ทำให้เด็กฝึกต่างชาติคนอื่นๆดูน่าสงสารไปด้วย  ชั้นเลือกที่จะไม่พูดอะไร  ไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น   แค่ตั้งหน้าตั้งตาทำสิ่งที่รัก  ตามความฝันของตัวเองให้ได้ก็พอ “  

    “ ....”

    “   แต่..  บางครั้งมันก็เกินจะทน   ในคืนนึงก่อนที่จะรู้ว่าตัวเองถูกคัดเข้าทีมพรีเดบิวต์  ก่อนที่นายจะเอาเกมส์เวอร์ชั่นใหม่นั่นมาทำให้ชั้นตายใจและเริ่มเปิดใจให้นาย   ชั้นเดินออกมาจากห้องอัดเป็นคนสุดท้ายเพราะกำลังฝึกซ้อมออกเสียงที่ยังไม่ถูกต้อง   อยู่ๆไฟทางเดินก็ดับ  แล้วรู้ตัวอีกทีชั้นก็อยู่ที่บันไดขั้นล่างสุด  ตกลงมาตอนไหน  จากที่ไหนก็ไม่รู้   สิ่งเดียวที่สัมผัสได้คือของเหลวอุ่นๆที่ไหลลงมาตามลำคอ  พอจับดูถึงรู้ว่ามันไหลมาจากขอบปากล่าง  และเนื้อตรงนั้นมันก็แยกเป็นแผลเหวอะหวะ ... ”   เสียงหวานที่เบาแผ่วแล้วหยุดลงเพื่อซ่อนอาการสั่นเทาที่แทรกอยู่  ดวงตากลมสวยมองออกไปนอกหน้าต่าง  ล่องลอยกลับไปหาอดีต

    “  ตอนนั้น ...  ในหัวชั้นไม่มีอะไรเลย   มันว่างเปล่า  ไม่รู้ว่าเกิดอะไร  ไม่รู้ว่าใครทำ  มีแค่เสียง.. เสียงคนพูด ..เบา.. แต่ก็ดังพอจะก้องอยู่ในหัว “

    “  ....”

    “   อ่อนแอ!   ไม่มีอะไรดีเลยต่อจากนี้คงใช้หน้าตาน่ารักเหมือนกระเทยนั่นไม่ได้แล้วสิไอ้เด็กต่างชาติ!! “   สิ่งที่ได้ยินทำเอาเลือดในตัวของผมระเหยจนแห้งเหือด  ทุกอณูของร่างกายร้อนระอุราวกับถูกเผาจนเดือด  มันเจ็บเหมือนโดนพูดใส่หน้าเสียเอง 

     ผมจ้องมองคนตรงหน้า  ไม่เคยเห็นลูฮานดูเหม่อลอยแบบนี้

    “  ชั้นนั่งอยู่ที่เดิมพักนึงเพราะทำอะไรไม่ถูก พยายามรวบรวมสติค่อยๆลุกขึ้นยืน  มองไปรอบๆก็ไม่เห็นใคร   คิดในแง่ดีก็คือเดินตกบันไดลงมาเอง  คงต้องบอกครูฝึกกับคนอื่นๆแบบนั้น  แต่...  มันไม่จบ  มีเสียงคนวิ่งเข้ามา จากนั้นทุกๆอย่างก็มืดลง  ใครบางคนใช้ผ้าคลุมหัวชั้นแล้วเข้ามารุมพร้อมๆกัน  ชั้นจำได้ว่าต่อยเข้าไปถูกอะไรซักอย่างเต็มๆ ไม่รู้ตัวเพราะในหัวมันทั้งเจ็บทั้งมึน  จากนั้นก็เหมือนจะได้ยินเสียงของอี้ฝานกับเพื่อนสนิทของหมอนั่นเรียกชื่อชั้น  ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรต่อแต่พอรู้ตัวอีกทีก็ตื่นมาเห็นอี้ชิงนั่งอยู่ข้างๆเตียงนอนในโรงพยาบาล  กับสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล  แล้วก็..  รอยเย็บที่ริมฝีปาก  “

    เรื่องเล่าจบลงพร้อมกับความเงียบ  รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนเรือนหน้าสวยนั้นหากแต่ผมรู้ว่ามันคือสิ่งที่ลูฮานสร้างขึ้นเพื่อบดบังความเจ็บปวด   ผมมันแย่ที่สุดที่รื้อฟื้นเรื่องบ้าบอนี้

    คนที่ทำร้ายเค้าคือใครไม่รู้  แต่ตอนนี้คนที่ทำให้มันเกิดขึ้นซ้ำสอง  คนที่ทำให้เค้าเจ็บซ้ำสองคือผม

    ผมเอื้อมมือออกไป  อยากคว้าเค้ามากอดไว้แต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองคู่ควรรึเปล่า  สิ่งที่ผมควรทำที่สุดคือปกป้องเค้า  แต่นี่..  ผมกลับทารุณเค้าเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเอง  

    ดวงตาเป็นประกายหันกลับมา  เงาของผมสะท้อนปรากฏอยู่บนแววตาเศร้านั้น

      นี่ใช่มั้ยที่นายต้องการโอเซฮุน  เป็นคนเดียวที่เค้าจะมอง  เรียกร้องความรักมาจากเค้าด้วยความเจ็บปวด

    “  ผม..  ขอโทษ  “

    “  หืม?

    “   มันไม่ควรเกิดขึ้น   ผมไม่น่าถามเลย ”

    “  ไม่หรอก...”

    “  ...”

    “  ระหว่างเรามันไม่ควรมีความลับนี่นะ   ชั้นทำให้นายกังวล  ทำตัวไม่น่าไว้ใจเอง “

    “  ผมไว้ใจลูฮานนะ  ผม...   ผมไม่ได้คิด...”    อะไรอีกล่ะ   นายจะแก้ตัวอะไรอีกโอเซฮุน

    “  เซฮุน..   ชั้นรักนายนะ  รู้รึเปล่า “   ผมพยักหน้า   รู้สึกเหมือนจะร้องไห้

    “   เพราะงั้น   ไว้ใจเสี่ยวลู่ได้มั้ย “

    “   ผมขอโทษ...  ผม.. “

    “   เห็นมั้ย   พอเล่าอะไรให้ฟังนายก็เศร้าแบบนี้ทุกทีอ่ะ  เรื่องบางอย่างมันก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก  แต่มันไม่น่าเอามาเล่าเท่านั้นเอง “

    “  ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้จริงๆนะ!   ผม..  ผมคิดว่าคริสฮยองจะทิ้งพวกเราไป  ผมแค่คิดว่าเค้าปกป้องฮยองได้ในขณะที่ผมไม่รู้อะไรเลย   ผมอยากจะเป็นคนๆนั้นของลูฮาน  เป็นคนที่ลูฮานจะรักได้  เป็นคนที่ลูฮานรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่ด้วยกัน...!!

    “ หมับ!! “ เสียงโวยวายของเด็กเอาแต่ใจถูกหยุดเอาไว้ด้วยอ้อมกอดร้อนจากคนที่เป็นทุกๆอย่างในชีวิต  อ้อมแขนบอบบางของคนที่เคยสูงกว่าผม  มือนุ่มที่เล็กกว่าแต่อบอุ่นเกินใครกำลังลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยนที่สุด  ใบหน้าชวนฝันซุกลงมาที่อกของผม  ก่อนที่เสียงหวานจะเอ่ยเบาๆ

    “  นายก็เป็นทุกอย่างของชั้นอยู่แล้วนี่นาโอเซฮุน..   เป็นทุกๆอย่าง  สำคัญกว่าใคร  แค่นี้ยังไม่พอใจรึไงน้า  เด็กหน้ามึน ”  ผมยิ้มออกมาทันทีพร้อมกับน้ำตาหยดแรกที่ไหลอาบแก้ม   กลิ่นหวานๆกำลังย้อมความรู้สึกผิดของผมและปิดผนึกมันไว้ภายใต้ความรักที่เค้ามี  ผมกอดร่างบางไว้แนบกาย  กระชับอ้อมแขนไว้ให้หัวใจของเราได้ใกล้กันที่สุด

    “  พอฮะ..  เพียงพอที่สุดในชีวิตเลย “  ความรู้สึกของแก้มขาวที่ยกขึ้นบอกให้รู้ว่าเค้ากำลังยิ้ม  วินาทีแห่งความสุขนี้  ผมอยากหยุดมันไว้ตลอดกาล  

    เค้าผละออกมาช้าๆ  เงยขึ้นมองหน้าผม

    “ สำหรับชั้นน่ะนะ อี้ฝานเป็นเพื่อนบ้าที่ชั้นทั้งรำคาญแล้วก็หมั่นไส้ในความขี้เก๊กของมัน   แต่ถึงงั้น  ถึงไม่อยากพูดแต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือเพื่อนแท้ที่ชั้นรักมากๆอ่ะนะ “  ผมยิ้ม  เหมือนจะฟังแล้วขัดแย้งกัน  แต่โดยสรุปก็คือ  คริสฮยองคือเพื่อนคนสำคัญของแฟนผม

     “  อี้ฝานมันไม่ค่อยพูด  เลือกที่จะเก็บความทุกข์และเรื่องทุกอย่างของตัวเองไว้แล้วเอาเรื่องของเมมเบอร์แต่ละคนมาก่อน ทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บของอี้ชิงและเทา  ไหนจะเรื่องที่ชั้นถูกแกล้ง  ชั้นเลือกที่จะไม่พูด  แต่กลับเป็นอี้ฝานที่พยายามเรียกร้องความเป็นธรรมจนถูกมองว่าก้าวร้าว  ถูกเพิกเฉยไปตั้งนาน  ไม่ได้รับงานที่ควรได้  แต่หมอนี่ไม่เคยปริปากเลย  เก็บไว้คนเดียวจนมันระเบิดออกมาแบบนั้น..   “

    “  ..ก็เลยหายไปเหรอ ...”   ลูฮานยิ้ม  เค้าไม่ตอบ

    “  ชั้นไม่อยากจะพูดว่าเข้าใจอี้ฝานทุกอย่าง  เราทะเลาะกันบ่อยๆแต่กลายเป็นว่าต่างคนต่างมองเห็นความคิดและข้อบกพร่องของอีกฝ่ายได้ดี  อี้ชิงเองก็เข้าใจ  แต่หมอนั่นคงรักอี้ฝานมากเกินกว่าจะยอมให้เค้าจากไปได้  ชั้นเองก็ไม่ได้อยากให้อี้ฝานต้องทนกับเรื่องที่เค้าเห็นว่ามันไม่ยุติธรรม  อยากให้อี้ฝานได้ทำในสิ่งที่รักและต้องการแม้ว่าจะต้องเดินจากไปก็ตาม  แต่ว่า..  เอาเข้าจริงๆ  พวกเราทุกคนก็ยังต้องการอี้ฝานอยู่ดี   EXOต้องการคริส  แฟนๆต้องการคริส  ...และชั้นคิดว่า  อี้ฝานเองก็ยังต้องการจะเป็นคริสของทุกคนเหมือนกัน “  ผมมองคนตรงหน้าที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขน  จ้องดวงตาแสนสวยที่ผมหลงรัก  ลูฮานที่แสนใจดีของผม  นางฟ้าของโอเซฮุน

    “  แล้วทำไมคริสฮยองถึงเปลี่ยนใจไม่ไปล่ะฮะ “

    “ ก็.. ตอนแรกที่ตัดสินใจโทรตามมันก็ไม่คิดว่าไอ้มังกรบ้านั่นจะรับโทรศัพท์ชั้นหรอก  แล้วมันก็ไม่รับจริงๆ  ใครโทรก็ไม่รับแถมมันยังบล็อกเบอร์ชั้นอีก  (  ไอ้บ้า!!! )  แต่พอขโมยมือถือของอี้ชิงมาใช้โทรเท่านั้นล่ะ  กดโทรครั้งเดียวมันก็รับทันที   ไอ้มังกรขี้เก๊กนี่มันจริงๆเล้ย“ 

    “  5555    แต่ว่าแล้วทำไมคริสฮยองถึงเชื่อฟังเสี่ยวลู่ของผมจังล่ะ  ถ้าไม่คิดจะคุยแต่แรกก็วางหูได้นี่นา “

    “  ก็เกือบวางแล้วเหมือนกันอ้ะ!   ทั้งขู่  ทั้งด่า  ทั้งอ้อนวอน  ทำสารพัด  ถ้าชั้นไม่พูดว่าอี้ชิงเสียใจจนผอมจะตายอยู่แล้วล่ะก็  ไอ้บ้านั่นไม่ฟังหรอก “   ผมหัวเราะ  ถ้าเล่นแบบนี้เป็นใครก็ยอม

    “  เฮ้อ..  ไอ้เราก็พูดจนปากจะฉีก  แต่สุดท้ายก็เป็นอี้ฝานเองนั่นล่ะที่อยากกลับมา  ไม่มีใครเปลี่ยนใจไอ้บ้านี่ได้หรอกถ้ามันตัดสินใจไปแล้วน่ะ  จริงๆก็ลังเลไม่ได้อยากออกเท่าไหร่ร้อกกก คิดถึงทุกคนก็บอกมาดิ  ทำเป็นเทห์  เฮอะ

    “  5555  สรุปนี่ฮยองรักกันจริงป้ะเนี่ย “

    “  ก็ไม่อยากให้จริงหรอก   ทำไงได้  ..  คิดๆไปไอ้มังกรบ้านี่มันก็ดีอ่ะ “  ผมมองคนน่ารักเบะปาก  ทั้งๆที่ชอบทำท่าน่ารักแบบนี้บ่อยๆแต่กลับไม่ยอมรับว่าตัวเองนั้นน่าฟัดน่ากอดขนาดไหน

    “  ทีนี้ก็สบายใจแล้วสินะคริสฮยองของนายน่ะไม่ไปไหนหรอกไอ้เด็กติดฮยอง “

    “  ผมไม่ได้ติดคริสฮยองซักหน่อย  ที่ผมโวยวายก็เพราะหึงต่างหากล่ะ “  ผมเบะปากใส่คนสวยบ้าง  เค้ายิ้ม

    “   ทำไม!?  กลัวว่าผมจะติดใจคริสฮยองมากกว่าเหรอ   หึงเหรอ  คิดว่าผมจะเปลี่ยนไปชอบคริสฮยองอ่ะดิ “

    “ มั่วละ

    “  กลัวผมติดคริสฮยองซะจนไม่สนใจฮยองอ่ะดิ  “

    “  เพ้อๆ  หลงตัวเองอ่ะ “

    “  ลูฮานปากแข็ง “

    “  เปล่านะ!

    “  ยอมรับมานะว่าห่วงแล้วก็หวงผม  ไม่งั้นไม่เล่าซะเยอะแบบนี้หรอก “

    “  โหยยยย!   ก็นายโวยวายอยากให้ชั้นเล่าเองนะ!!

    “  แต่ฮยองก็ห่วงความรู้สึกของผมด้วยใช่ป้ะล่ะถึงได้รีบอธิบายอ่ะ  “

    “  ไม่ห่วงนายมันงี่เง่า!!  แล้วก็มาทำให้ชั้นคิดว่านายไม่ไว้ใจกัน  ทำแบบนี้เป็นใครก็ต้องรีบอธิบายดิ “

    “ ก็น่านแหละ  แสดงว่าห่วงความรู้สึกของผมใช่ม้ายยยยล่าาา  

    “  เออๆๆๆๆ  “   ในที่สุดคนสวยก็ยอมรับ

    “  นายชอบคิดไปคนเดียวอ่ะ  เดี๋ยวก็งอนจนต้องทะเลาะกันอีก  ชั้นไม่อยากให้เรื่องของเราเป็นแบบแต่ก่อนแล้วอ้ะ !!! “   มือบางผลักผมแรงๆก่อนที่ร่างเล็กจะดิ้นหนีออกจากอ้อมกอดของผมแล้วหันหลังไปอีกทาง  ยืนเท้าเอวพร้อมกับกอดอกแน่น

    “   ถ้ารู้ว่าจะกวนประสาทแบบนี้นะ  รู้งี้ปล่อยให้คิดไปคนเดียวเลย!  ไอ้บ้า!!!

    “  ใจร้ายยยย..”  ผมรีบง้อ  เกือบกอดเค้าจากด้านหลังได้สำเร็จถ้าคนสวยไม่รู้ตัวเสียก่อน

    “  น่าโมโหจริงๆเลย  “

    “  ขอโทษษษษษ  เราสองคนมาดีกันนะ  นะน้าาา  “

    “  นายมันกวนประสาทสุดๆ “

    “   ผมแค่หวงสุดที่รักของผมอ่ะ “  คราวนี้ผมรีบจู่โจม  รัดเอวบางแล้วดึงเข้ามากอดไว้แน่น

    “  ก็มันน้อยใจนี่นา  ถ้าเป็นฮยองล่ะ  อยู่ๆก็รู้ว่าแฟนตัวเองไม่ยอมเล่าเรื่องสำคัญให้ฟัง  มีความลับต่อกันแบบนี้  ฮยองจะไม่หึงผมเลยเหรอ  “

    “  ...”   คนสวยไม่ตอบ  หลิ่วตามมองผมแล้วหันหนี

    “   ผมก็แค่อยากให้คนที่ตัวเองรักสนใจ  แค่อยากเป็นคนที่รู้ทุกๆอย่างเกี่ยวกับลูฮาน  อยากปกป้องลูฮาน  มันผิดมากเลยเหรอฮะ “  คราวนี้ผมใช้ท่าไม้ตาย  ทำแก้มป่องก่อนจะวางคางลงไปที่ไหล่เล็กๆของเค้า  ทำทุกอย่างที่ลูฮานเห็นแล้วต้องใจอ่อน

     “  ผมรักฮยองนะฮะ   รักจนกลัวไปหมด  หวงลูฮานจะตายอยู่แล้ว  “

    “  งี่เง่าป้ะ!  เป็นแบบนี้แล้วถ้าชั้นต้องไปถ่ายMVขึ้นมานายจะทำไง  “

    “  ไม่ทำไง  ก็แค่เอามือปิดตา  ไม่ดู “  ผมเบะปากหนักกว่าเก่า  หันไปมองเค้าแล้วทำตัวน่าสงสาร

    “  จริงๆเลยนะ ...  นายนี่มันขี้โกงที่สุด   อย่ามาอ้อนแบบนี้นะ “

    “ อ้อนก็เพราะรักไงล่าาา..   ลูฮานก็รู้ว่าผมไม่อ้อนใครนอกจากฮยองนะ ”  เค้ายิ้ม

    “   ผมรู้ว่าฮยองชอบให้อ้อน  เพราะยังไงฮยองก็คิดว่าผมเด็กกว่าอยู่ดี “

    “  ก็นายเด็กกว่าจริงๆอ่ะ “ คนสวยยิ้มหวาน ก่อนจะใช้มือนิ่มๆแตะมาที่คางของผมเบาๆ

     “  ทำแบบนี้กับผมคนเดียวนะฮะ  ห้ามไปจับคางใครแบบนี้นะ “ 

    “  ไม่ได้แล้วล่ะ  ชั้นจับแก้ม  จับคางมมินซอกออกจะบ่อย “

    “  มันไม่เหมือนกันอ้ะหมายถึงห้ามไปบีบแก้มใครแล้วทำตาหวานแบบนี้นอกจากทำกับผมคนเดียวนะ “

    “รู้แล้ววววววว “ คนสวยของผมลากเสียงยาวๆ  พยักหน้าเป็นการตอบรับ  ผมยิ้มกว้าง  อยากจับคนน่ารักตรงหน้ากดลงไปที่เตียงจริงๆเลย

    “  งั้น...   เราเข้านอนกันเหอะนะ “

    “  หา?

    “ ก็ผมจะนอนให้ฮยองแตะคางผมต่อไง “

    “  เหรออออ  แล้วทำไมชั้นต้องอยากนอนแตะคางนายด้วยล่ะ “

    “  ก็เพราะฮยองรักผมไง   “  ผมยักคิ้ว  คว้ามือเล็กไว้แล้วจรดริมฝีปากลงไปหนึ่งที

    “ ผมจะนอนให้ฮยองแตะคางทั้งคืนเลย  อืมม.. รึว่า..  อยากแตะอย่างอื่นด้วยล่ะ “

    “  ทะลึ่ง! “  คนสวยยิ้มหวาน  แก้มขาวเริ่มมีสีเลือดฝาดขึ้นมาทันที

     “  สรุปว่าตกลงละน้า   คืนนี้ผมนอนกับฮยองนะ “

    “  อืม “

    “  ขอกอดด้วยนะ “

    “  เออๆ “

    “  จุ๊บด้วยนะ “  ผมยิ้ม มองดวงตาหวานพร้อมกับรอยยิ้มขวยเขินของเค้า

    “  ว่าไง..  จูบได้ป่ะ “

    “  ถึงบอกว่าไม่ได้นายก็ทำอยู่ดีอ่ะ  ถามทำไม “   ผมยิ้ม   ถ้ารู้แบบนี้ก็ยอมตั้งแต่แรกสิครับสุดที่รัก

     “  งั้น..  ถ้าทำมากกว่าจูบล่ะ  ฮยองยอมป่าว “  เค้ายิ้ม  ศอกมาที่หน้าอกของผมเบาๆแล้วส่ายหน้า

    “  ส่ายหน้าแปลว่าได้นะ   “

    “ มั่วละ  ที่เกาหลีส่ายหน้าหมายถึงตกลงเหรอ  “

    “ ใช่    ส่ายหน้าแปลว่าตกลงนะ  ฮยองไม่รู้รึไง ”

    “  งั้นถ้าชั้นพยักหน้าก็แปลว่าไม่ตกลงสินะ  เปลี่ยนใจละ  พยักหน้าแทนละกัน “

    “  พยักหน้าก็แปลว่าตกลง “

    “ อ้าวว!! “  คนสวยส่งเสียงประท้วง  ผมได้แต่หัวเราะชอบใจ

    “  สรุปว่าคืนนี้ยอมให้ผมนอนด้วยแล้วนะ  ยอมให้จุ๊บ  ยอมให้ทำมากกว่าจุ๊บด้วยนะ “

    “  นายพูดเองเออเองตลอดเลยนะ  น่าหมั่นไส้ที่สุด  “

    “  หมั่นไส้แล้วรักมั้ยอ่ะ “  ผมกระซิบถาม  สอดมือทั้งสองข้างเข้าคล้องเอวบางแล้วกระชับร่างหอมๆเข้ามาใกล้

    ตาหวานชำเลืองมองขึ้นมาที่ผมก่อนที่ริมฝีปากบางจะเม้มแน่น  แก้มขาวสองข้างตอนนี้ถูกเจือไปด้วยชมพูสะพรั่งราวกลับกลีบดอกไม้ในฤดูร้อน

     ลูฮานไม่เคยมีท่าทางแบบนี้กับใครทั้งนั้น ผู้ชายแมนๆที่ชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ  โวยวายเวลาถูกล้อว่าเหมือนผู้หญิง  คนสวยของผมที่หมัดหนักอย่างกับนักมวย  แต่ถึงอย่างนั้น ดวงตากลมสวยทั้งสองข้างกลับมองผมด้วยความเขินอายทุกทีที่ถูกจ้องตา  ริมฝีปากบางแย้มยิ้มอหวานเมื่อผมโอบกอดเค้า แก้มขาวกลมป่องทุกทีที่คนสวยมีอาการน้อยใจผมขึ้นมา  เค้าไม่เคยทำแบบนี้กับใครทั้งนั้นนอกจากผมคนเดียว

    ใช่..   ทั้งหมดนี้เป็นลิขสิทธิ์ส่วนตัวของโอเซฮุนคนเดียว

    ผมยังคงจ้องมองคนตรงหน้า  ก้มลงไปจนปลายจมูกแตะกับเค้าก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากไปที่ใบหูอ่อนนุ่ม  แล้วกระซิบถามแบบเดิม

    “ ว่าไงฮะ  หมั่นไส้แล้วรักรึเปล่า “

    “  .....  “ 

    “  เสี่ยวลู่....”

    “ ....  ระ....รักสิ “   ผมยิ้มกว้าง

    “  รักมากด้วย “    คำสุดท้ายที่ถูกเอ่ยออกมา กำลังพัดพาสติของผมให้หลุดลอยหายไปพร้อมกับหัวใจที่มันเต้นถี่   ร่างกาย  ทุกๆส่วนมันร้อนรุ่มไปหมด  ผมแทบนึกไม่ออกเลยว่าต้องทำยังไงถึงจะหุบยิ้มได้

    ภาพของดวงตางดงามสะท้อนประกายยวนเย้าชวนหลงใหลเมื่อเค้าเงยขึ้นมองผม  ริมฝีปากสีแดงสดกำลังทำให้ลำคอของผมแห้งผากลงทันที  รู้สึกเหมือนกับไม่ได้ดื่มน้ำมาเป็นปี  ทุกๆส่วนของร่างกายถูกครอบงำไว้ด้วยความกระหายที่มากขึ้นเรื่อยๆ

    ผมไล้ปลายนิ้วไปตามเรือนหน้างดงามอย่างเพ้อฝัน   จ้องมองเค้าพร้อมหัวใจที่กำลังจะระเบิดออก  เหมือนถูกมนต์สะกดที่ไม่อาจถอนตัว  ยิ่งมองเค้า  ร่างกายของผมก็สูญเสียการควบคุม

    “  ผมก็รักฮยอง   มากๆเหมือนกันฮะ “  ผมบอกเค้า  ก่อนจะค่อยๆก้มลงไปหาแรงดึงดูดตรงหน้า  กระชากจุมพิตแสนหวานมาอย่างทนไม่ไหว 

    -- nc--  

     

     

     

    ลูฮาน

     

    เสียงเคาะประตูทำให้ผมสะดุ้งตื่นจากฝันหวานก่อนจะค้นพบความเจ็บปวดมหาศาลที่โจมตีเข้ามาก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น  ผมพยายามขยับร่างกายที่เหมือนถูกทุบจนน่วมไปทั้งตัว  ยันมือไปบนเตียงนุ่มเพื่อจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องยอมแพ้ 

    “  ..อาา..   เอวชั้น..”  เสียงเคาะประตูดังต่อเนื่อง  และทำท่าว่าจะไม่หยุดถ้าไม่มีการตอบสนอง

    “  ตื่นแล้วๆ  ผมตื่นแล้ว  “   ผมร้องบอกเมเนเจอร์ฮยอง  ก่อนจะหันไปมองบนเตียงข้างๆที่มีคนเอาแต่ใจนอนไม่ได้สติอยู่

    “  เซฮุน..   เซฮุนา!

    “ อืมมมมมมมม..”  เสียงลากยาวน่าหมั่นไส้ทำให้ผมอยากทุบไปที่หัวของคนบ้าซักที  ดูนายจะนอนสบายมากๆสินะ  ทำคนอื่นไว้แบบนี้น่ะ

    “  ตื่นเร็ว!   มินฮยองมาปลุกแล้ว “  ไม่มีการตอบสนอง 

    “  ลูฮาน!   นายตื่นยัง

    “  ฮะ!!   ตื่นแล้วๆ   “

    “  เซฮุนอยู่กะนายมั้ย  ชั้นไปที่ห้องแล้วหาไม่เจอน่ะ!

    “  อ๋อ... “   อยากบอกว่านอนอยู่ข้างๆเนี่ยล่ะแต่คงไม่ได้

    “  เอ่อ...  ฮะ!   คือ...     คือเค้ามา..   มาเล่นเกมส์ห้องผมแล้วก็เผลอหลับไปน่ะ!! “  ผมรีบตะโกนตอบไป  พยายามใช้เรี่ยวแรงที่เหลือหยดสุดท้ายดันร่างกายให้ลุกขึ้นนั่ง

    “  เด๋วผมปลุกเค้าเอง  ฮยองไปห้องอื่นต่อเถอะ“    เสียงเคาะประตูเงียบลง   ผมนั่งฟังอยู่ครู่นึงก่อนจะรู้ว่าตอนนี้ปลอดภัยแล้ว

    “  เซฮุนตื่นเร็ว!    โอเซฮุน!! “  ผมตะโกนออกไปดังๆ  กระชากหมอนหนุนของคนที่นอนไม่ได้สติออกแรงๆจนเค้าสะดุ้งตื่น

    “  อะไร!   ทำไม  ซ้อมทำไม !!!

    “  ซ้อมอะไรของนาย   ฝันอยู่รึไง “  ผมมองหน้ามึนๆที่ยิ่งดูไร้สติหนักกว่าเก่าของคนรัก  ไม่อยากเชื่อว่าเมื่อคืนจะใจอ่อนกับเด็กบ้านี่จริงๆ

    “  ....  อ่าว..   นึกว่าซ้อม “

    “  ซ้อมน่ะหลังจากนี้ต่างหาก  เมื่อกี๊มินฮยองเกือบเปิดประตูเข้ามาแล้วนะ   ชั้นเรียกนายเป็นร้อยครั้งก็ไม่ตื่นอ่ะ “

    “  ..ฮ้าวววววว~ ...  ก็เตียงของฮยองมันนุ้มนุ่มอ่ะ  หอมด้วย  มีแต่กลิ่นของฮยองเต็มไปหมดเลยยยยย “  หาวเสร็จเด็กแสบก็เริ่มเปิดฉากอ้อน  แขนยาวๆยื่นออกมาแล้วโอบผมไว้  กอดแน่นก่อนจะซุกหน้ามึนๆมาที่ไหล่ของผม

    “  ได้นอนกอดแฟนมีความสุขจะตาย “

    “  นายมีคนเดียวดิ  คนเอาแต่ใจ “  ผมเบะปากใส่เค้า  สะบัดตัวแรงๆแต่ก็แรงไม่พอจะหลุดจากอ้อมกอด  นายหลับฝันดีแต่ชั้นต้องตื่นมาเผชิญกับการปวดเอวที่เหมือนถูกรถชนอ่ะนะ

    “  ทำไมอ่ะ  ผมทำไม่ดีเหรอ “

    “  พูดบ้าไรเนี้ย

    “  ก็ฮยองบอกว่าไม่มีความสุขอ่ะ   แต่เมื่อคืนลูฮานร้อง..  อุบ!!!

    “  หยุดพูดนะ!!! “  ผมรีบยกมือขึ้นปิดปากเค้า  ทำไมต้องทำให้นึกถึงเรื่องน่าอายตั้งแต่เช้าแบบนี้

    “  ถ้านายพูดชั้นจะไม่ให้ขึ้นมาบนเตียงอีกตลอดชีวิตเลย!!

    “  ก็ลูฮานบอกว่าไม่มีความสุขอ่ะ!   แต่ผมมีนะ  มากๆๆๆๆๆๆด้วย “   เด็กแสบดึงมือผมออก  เถียงออกมาเมื่อตอนนี้ปากกว้างๆเป็นอิสระ

    “  ทำไมอ้า   ผมทำไรผิดอ่ะ  “

    “  ก็.....”ผมพูดไม่ออก

    “  ก็ไร!??   เมื่อคืนมันดีมากเลยนะ  ผมคิดถึงลูฮานจะตาย  เราไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเป็นเดือน  ผมไม่ได้กอดลูฮานมาเป็นเดือนละนะ  ฮยองไม่คิดถึงผมเหรอ  ทำไมไม่มีความสุขกับ...”

    “  โอยยยยยยย!!!    ก็พอบอกว่าอย่า นายก็ไม่หยุดนี่นา   แล้ววันนี้ชั้นจะซ้อมไงเล่า!!!  ปวดเอวจะตายแล้วเนี้ย!!!!! “  สิ่งสุดท้ายที่ผมคิดว่าจะไม่มีวันทำได้ถูกตะโกนออกไปจนลั่นห้อง   ความรู้สึกตัวทั้งหมดสูญหายไปเหลือเพียงใบหนาที่หนาชาและร้อนผ่าว   อยากจะบ้าตาย   ทำไมถึงไปหลงรัก   คนกวนประสาทแบบนี้ได้  แถมรักมากซะด้วย

    “  แล้วก็หยุดโวยวายได้แล้ว!!!   ชั้นก็คิดถึงนายเหมือนกันอ่ะแล่ะ!!!  ไม่งั้นเมื่อคืนนายถูกเตะกลับห้องไปแล้ว!!  งี่เง่าจริงๆเลย  เรื่องแค่นี้ต้องให้พูดด้วยรึไง!!

    “  ....  ลูฮาน....”   เด็กบ้ามองหาผมแน่นิ่ง  แววตาของเค้าเหมือนตกอยู่ในความฝัน  ดูล่องลอย

    “  อะไรอีกเล่า!!!

    “  สรุปว่าฮยองมีความสุขใช่ป้ะ  เมื่อกี๊ฮยองบอกว่าคิดถึงผมเหมือนกันใช่ป้ะ!!!

    “  ก็เออดิ!!  หูตึงแงะ..   หมับ!! “   ไม่ทันจะพูดจบ  ร่างกายที่ปวดตึงไปหมดของผมก็ต้องรับการจู่โจมอีกครั้ง   แรงมหาศาลจากเด็กวัยเจริญเติบโต(คือเซฮุนชอบเรียกตัวเองว่าเด็กวัยเจิรญเติบโตน่ะฮะ )ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็วจนมือของผมแทบจะยันเอาไว้ไม่อยู่   เซฮุนพุ่งเข้ามาแล้วกอดผมไว้แน่น  จมูกโด่งซุกอยู่ที่ใบหูของผม

    “  ทำไรเนี้ย!!

    “  ดีใจจัง “

    “....??

    “  นานๆทีเสี่ยวลู่จะยอมพูดแบบนี้  ผมมีความสุขมากเลยนะ “  

    “ ....  เซฮุน..”  เค้าค่อยๆผละออกจากผม  เว้นระยะไม่ห่างมาก  ก่อนจะก้มลงมาจรดหน้าผากของเราทั้งคู่เข้าด้วยกัน

    “  ผมดีใจที่ลูฮานบอกว่าคิดถึงผมอ่ะ “

    “  ...   ดีใจอะไรเล่า  ชั้นก็พูดบ่อยจะตาย “

    “   ไม่จริงอ่ะ   นานๆฮยองจะบอกว่าคิดถึงผม  ถ้าไม่มาห้องฮยองเราก็ไม่มีทางได้อยู่ด้วยกันแบบนี้  ฮยองไม่เคยไปหาผมที่ห้องด้วย “

    “  ก็นายอยู่กับจุนมยอนนี่นา  ชั้นจะไปได้ไงเล่า “

    “  ทีผมยังมาห้องฮยองได้เลย “

    “ ก็เพราะอี้ชิงถูกไอ้มังกรบ้าลักพาตัวไปที่ห้องของมันอ่ะดิ  ชั้นก็เลยอยู่คนเดียว  นายจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่เป็นไร “

    “ .....”   เด็กแสบเงียบไปครู่หนึ่ง  ไม่นานก็แสยะยิ้มมุมปากออกมา

    “  อะไรอีกอ่ะ..”

    “  งั้น..   แสดงว่าต่อไปนี้ผมจะมานอนกะฮยองเมือไหร่ก็ได้ใช่ป้ะ “

    “  ไม่ได้พูดงั้นเลยนะ!

    “  แต่ก็หมายถึงแบบนั้นใช่ป้ะ   จริงๆจะบอกว่าห้องชั้นว่างนายจะมาหาเมื่อไหร่ก็ได้แบบนี้ใช่ป้ะ  “  คราวนี้เป็นผมที่ต้องเงียบ  ไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองหมายถึงแบบนั้นรึเปล่า  แต่ว่า..  

    ก็อยากอยู่กับเซฮุนทุกคืนเหมือนกันอ่ะนะ

    “ งั้นผมจะมานอนกะลูฮานทุกคืนเลยนะ  เดี๋ยวเก็บเสื้อผ้าย้ายมาห้องนี้เลย “

    “  ได้ไงเล่า   เสื้อของอิ้ชิงยังกองเต็มเตียงเลยดูดิ “  ผมชี้ไปที่เนินขยะด้านข้าง  ถ้าให้เทียบกับบริเวณที่จางอี้ชิงฝังตัวอยู่ทุกวัน  ห้องนอนฝั่งของผมก็ถือว่าสะอาดสุดๆเลยล่ะครับ

    “  ไม่เป็นไร  ผมเอาเสื้อไว้ในตู้ฮยองก็ได้  ยังไงเราก็ใส่ด้วยกันอยู่แล้ว “  เด็กแสบยักคิ้ว  ก่อนจะส่งยิ้มตาหยีเหมือนแป๊ะยิ้มมาที่ผม

    “  ต่อไปนี้ผมจะนอนกอดลูฮานทุกวัน   ไม่มีทางปล่อยลูฮานไปที่ไหนเด็ดขาดเลย “   ผมยิ้มออกมาทันทีก่อนจะยอมอยู่นิ่งๆให้เซฮุนกอด  ไม่ดิ้น  ไม่ขัดขืนเพราะผมเองก็คิดถึงอ้อมแขนอุ่นๆนี้ที่สุดเหมือนกัน

     

    ผมไม่แน่ใจว่าคำว่าตลอดไปมันหมายถึงนานแค่ไหน   อาจเป็นระยะเวลาที่ยืดออกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด   อาจหมายถึงชั่วชีวิต  หรือหมายถึงการคงอยู่แม้ลมหายใจจะหมดไป     ผมไม่รู้..  

    แต่..

    มีอย่างหนึ่งที่ผมแน่ใจ  และคิดว่ารู้ดีมากกว่าอะไร

     ผมรักโอเซฮุน   รักเค้าแบบไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้   ถึงแม้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  ถึงแม้..  ผมต้องเดินจากมา   แต่ผมจะไม่มีวันหยุดรักเค้าได้เลย

    แบบนี้จะหมายถึงตลอดไปได้รึเปล่านะ








    BY   Z


    เช่นเคยค่า...  ตามไปอ่านในเฟสนะคะ   Facebook --> make you mine   อ่านกติกาการรับแอดที่cover photoของfacebookนะคะ ^ ^ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×