Rainbow of love สุดปลายสายรุ้ง - Rainbow of love สุดปลายสายรุ้ง นิยาย Rainbow of love สุดปลายสายรุ้ง : Dek-D.com - Writer

    Rainbow of love สุดปลายสายรุ้ง

    \"เราจะเจอกัน...ที่สุดปลายสายรุ้ง...ผมสัญญา\" ฉันจะหามันให้เจอ ฉันจะหาสุดปลายสายรุ้ง ที่ๆเธออยู่ให้เจอ เราจะได้พบกันอีกครั้ง ฉันสัญญา

    ผู้เข้าชมรวม

    321

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    321

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ก.ย. 48 / 17:33 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ติ๊งติง ติ๊งติ่ง ติ้งติ๊ง ติ๊งติ่ง!!!!
          เสียงนาฬิกาบอกเวลาชั่วโมงใหม่ กับแสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนสีขาวที่มีแต่ความเงียบเหงา ช่วยปลุกให้ฉันตื่นจากความฝันอันโหดร้ายอีกครั้ง เพื่อมาเจอกับความจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่า ผ้าเช็ดหน้าที่คอยอยู่เป็นเพื่อนฉันในทุกๆค่ำคืน ขณะนี้มันได้กลายเป็นสีเหลืองจากคราบน้ำตาเมื่อคืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันลุกขึ้นจากเตียงแสนนุ่มเพื่อไปส่องกระจกดูสารรูปตัวเองในยามเช้า แล้วมันก็เป็นเหมือนเช่นทุกวันที่ฉันตื่นขึ้นมา
          “เฮ้อ!!! ตาบวมอีกแล้วเรา” ใช่ตาบวมอีกแล้ว เพราะไม่มีคืนไหนเลยที่ฉันจะสามารถหลับตาได้โดยไม่ต้องร้องไห้ ฉันทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำโดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ฉันจึงอยู่บ้านเพื่อเตรียมตัวทำความสะอาดบ้านเพียงคนเดียว แต่ก่อนที่ฉันจะทำสิ่งใดในวันใหม่นั้น สิ่งแรกที่ฉันต้องทำก็คือ เปลี่ยนปฏิทิน....
          “21 ธันวาคม 764 วัน” 764 วัน ก็ 2 ปี 1เดือน กับอีก 4 วันน่ะสิ ฉันไม่คิดว่าฉันจะอดทนมาได้ถึงขนาดนี้เลยนะ ฉันรู้สึกเหมือนมันผ่านมาแล้ว 10 ปีด้วยซ้ำไป เมื่อไรฉันถึงจะไม่ต้องร้องไห้อีกนะ
          จากนั้นฉันก็ดื่มนม 1 แก้วเพื่อเป็นอาหารเช้าที่แสนจะอิ่มท้อง แล้วก็ทำงานอย่างแรกคือ การรดน้ำต้นไม้ วันนี้อากาศดีจริงๆ ฤดูหนาวนี้ ทำให้ฉันรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโดนน้ำ แต่พอสักพักฉันก็เริ่มที่จะปรับตัวได้ การลืมใครสักคนก็คงเหมือนกับการโดนน้ำเย็นนี้ล่ะมั้ง อาจจะรู้สึกหนาวสะท้านในตอนแรก แต่ถ้าเราอดทนหนาวสักพัก เราก็จะรู้สึกชินกับมัน ฉันหวังว่ามันจะเหมือนกันนะ...
          บรืนๆๆๆๆๆ เอี๊ยด!!!!
          เสียงรถไปรษณีย์เบรกดังลั่นบ้านไปหมด บุรุษไปรษณีย์สมัยนี้ขับรถซิ่งจริงๆนะ ฉันเห็นพี่บุรุษไปรษณีย์ใส่ซองจดหมายในตู้จดหมายเก่าๆบ้านฉัน ฉันจึงทิ้งสายยาง แต่ก็ไม่ลืมที่จะปิดน้ำ เพื่อไปหยิบจดหมายมาอ่าน มันเป็นซองจดหมายที่น่ารักมากๆ ฉันไม่ชอบที่จะยืนอ่านจดหมายหน้าบ้านเท่าไร จึงเดินเข้าไปในบ้าน นั่งบนโซฟาให้เรียบร้อยแล้วจึงเปิดอ่าน ไม่มีที่อยู่คนส่งจ่าอยู่หน้าซอง ทำให้ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา แต่เมื่อฉันหยิบสิ่งที่อยู่ในซองจดหมายมาดู ฉันก็รู้ทันทีว่าใครส่งมา...
          มันคือการ์ดเล็กๆ ที่ตัดเป็นรูปไอคอนใน msn ด้านขวาเป็นรูปเด็กผู้ชายยื่นแขนออกไปทางซ้าย ด้านซ้ายเป็นรูปเด็กผู้หญิงยื่นแขนออกไปทางขวา และตรงกลาง...เป็นรูปสายรุ้ง สัญลักษณ์ของ...ทิม
          และเมื่อฉันเปิดการ์ดเพื่ออ่านข้อความข้างใน น้ำตาต้อนรับวันใหม่ก็หลั่งรินอีกครั้ง...
              
                  ไกลห่างคนละฟ้า...แต่หัวใจ...จะทำให้เรา...ใกล้กัน
          
                      เธออยู่ที่ไหนกันแน่ เมื่อไรจะกลับมาสักที ฉันจะเป็นคนเดินไปหาเธอเองก็ได้ ขอแค่เธอบอกฉัน...ว่าสุดปลายสายรุ้ง...มันอยู่ที่ไหน...ฉันต้องไปหาเธอที่ไหน...ฉันต้องทำยังไง...ถึงจะเจอเธอ...อีกครั้ง
          น้ำตายังคงไหลรินอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด งานทุกอย่างที่ฉันตั้งใจว่าจะทำ ฉันก็ไม่มีแรงที่จะทำต่อไปอีกแล้ว ฉันคิดถึงเขาจริงๆนะ...

          ปี ค.ศ. 2002...
          หลังจากเรียนพิเศษที่แสนน่าเบื่อเสร็จเป็นวันแรก ฉันก็ต้องรีบวิ่งไปรอรถเมล์ที่หน้าปากซอย ก่อนที่ฝนจะตก แล้วมันก็เป็นอย่างที่ฉันคิด พอดีเป๊ะที่ฉันถึงป้ายรถเมล์ ฝนก็สาดกระหน่ำเหมือนอัดอั้นมาหลายวัน เมื่อวานก็เพิ่งตกไปเองนะ
          แต่แปลกเป็นบ้า ไม่มีรถเมล์มาสักคัน ฉันรอจนฝนซาไปตั้งเยอะแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีรถเมล์สักคัน ตรงป้ายรถเมล์นี่ก็ไม่มีใครเลยด้วย จะมืดแล้วอีกต่างหาก อึ๋ยยยยยยย ฉันกลัวผีนะ
          แล้วก็เหมือนสวรรค์ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากฉัน มีผู้ชายท่าทางแปลกๆคนนึงเข้ามาหลบฝนด้วย ว้าว!!!! หล่อเป็นบ้า สงสัยเขาคงรู้สึกว่ามีคนจ้องมั้ง เขาก็เลยหันหน้ามาหาฉันแล้วยิ้ม โอ้จอร์ช!! จะละลายแล้วครับท่าน ฉันก็เลยยิ้มตอบให้เขา งวดนี้เขาเลยพูดกลับมาแทน
          “สวัสดีครับ ชื่อทิมครับ ไม่มีรถเมล์ผ่านมาเลยเหรอ”
          “สะ...สวัสดีคะ ชื่อนิวคะ รอมาตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่มีมาเลยคะ”
          “ป้ายเนี้ยไม่ค่อยมีรถเมล์ผ่านหรอกครับ ต้องเดินเลยไปอีกหน่อยนึง ดูท่าคุณคงเพิ่งมาแถวนี้เป็นครั้งแรก”
          “คะ ฉันมาเรียนพิเศษ” เขารู้แล้วทำไมยังถามอีกนะ
          “เดี๋ยวรอฝนหยุดตกแป๊ปนึง แล้วค่อยเดินไปพร้อมผมแล้วกันนะ” ไม่รู้ทำไมฉันรู้สึกว่าเขาเชื่อถือได้นะ แต่ฉันก็ไม่ตอบอะไร ได้แต่พยักหน้าแทน อย่างน้อยไปกับเขาก็หน้าจะดีกว่าเดินคนเดียวนะ ฉันคิดว่า แล้วไม่นานนักฝนก็หยุดตก เราไม่ได้พูดอะไรกันเลย จนกระทั่งทิมมองขึ้นไปท้องฟ้า แล้วเห็นอะไรบางอย่าง...
          “สายรุ้งครับ คุณเห็นสายรุ้งรึเปล่า” ฉันเงยหน้าขึ้นไปตามนิ้วที่เขาชี้ ฉันเองก็เคยเห็นสายรุ้งนะ แต่ฉันรู้สึกว่า สายรุ้งวันนี้สวยเป็นพิเศษเลยล่ะ แต่ตั้งแต่ฉันเกิดมา ฉันก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นสายรุ้งเต็มเส้นเลยสักครั้ง มันต้องขาดตรงไหนสักแห่ง แล้วครั้งนี้ก็เช่นกัน
          “คุณเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘สุดปลายสายรุ้ง’ รึเปล่าครับ”
          “ไม่เคยนะคะ”
          “ผมเคยได้ยินนะ แม่ผมท่านเคยเล่าให้ฟัง ท่านบอกว่ามีชายหญิงอยู่คู่หนึ่ง ผู้ชายชื่อ เรน ผู้หญิงชื่อ โบว์ รวมกันก็เป็นเรนโบว์ ซึ่งก็แปลว่าสายรุ้ง 2 คนนี้รักกันมาก แต่ก็มีเหตุจำเป็นบางอย่าง ทำให้เรน ต้องจากโบว์ไปไกล ทั้งสองสัญญากันว่าจะไปพบกันที่ปลายสายรุ้ง”
          “พบกันที่ปลายสายรุ้ง อย่างนี้แสดงว่า ต้องมีคนหนึ่งไปหาอีกคนน่ะสิ”
          “ใช่แล้วครับ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครหาปลายสายรุ้งเจอเลยทั้งสองฝ่าย”
          “หมายความว่าไงคะ”
          “ทั้งสองคนจากโลกนี้ไปเสียก่อนที่พวกเขาจะได้พบกันอีกครั้ง ก็เลยไม่มีใครได้เดินไปที่ปลายสายรุ้ง พวกเขาก็เลยไม่ได้เจอกัน”
          “....น่าเศร้าจัง”
          “พวกเขาเป็นคู่แรก ก็เลยต้องจบแบบนี้”
          “เกี่ยวกันยังไงคะ ฉันไม่เข้าใจ”
          “มีผู้กำหนดไว้แล้วว่าถ้ามีบุคคลที่สัญญากันว่าจะเจอกันที่ปลายสายรุ้ง คู่ไหนจะเป็นยังไง คู่แรกถูกกำหนดไว้ว่า จะไม่มีใครสามารถเดินไปที่สุดปลายสายรุ้งได้ ส่วนคู่ที่สอง....”
          “......” ฉันเฝ้ารอคำตอบเกี่ยวกับคู่ที่สองจากทิม แต่เขากลับบอกว่า
          “ผมไม่เล่าดีกว่า เดี๋ยวจะไม่สนุก ให้คุณไปหาคำตอบเองดีกว่านะ ไปเถอะ เดี๋ยวจะดึกนะ”
          “อ้าว แล้วฉันจะรู้คำตอบได้ไงล่ะ มันเป็นเรื่องเล่านิ”
          “ถ้าคุณอยากรู้จริงๆ สักวันก็คงรู้ล่ะน่า ไปเถอะ เดี๋ยวไม่มีรถเมล์นะ” แล้วฉันก็เดินตามเขาไป เพื่อไปขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ฉันทราบว่าเขาก็เรียนพิเศษอยู่ที่เดียวกับฉัน แต่คนละห้อง ด้วยความที่แต่ละคนที่มาเรียน มาเรียนจริงๆ ไม่ได้คิดที่จะมีเพื่อนกันเลย ฉันกับทิมเลยเป็นเพื่อนกัน นับวันเราก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น จนบางทีฉันก็คิดเกินเลยนะ และฉันก็หวังว่าเขาจะคิดแบบฉัน แต่เขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีอะไรเลย ฉันก็ได้แต่เก็บมันไว้ในใจ หวังว่าสักวันนึงจะได้บอก ส่วนเรื่องสายรุ้งนั่น ฉันก็เฝ้าถามเขาทุกวัน แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบจากเขาเลย เวลาผ่านไปเร็วมาก นี่ก็ใกล้จะจบครอสแล้ว ฉันกับทิมตัดสินใจสมัครเรียนต่อทั้งคู่ เราสมัครพร้อมกัน เพื่อที่จะได้เรียนห้องเดียวกัน ช่วงที่ปิดเทอม ฉันไม่ได้เจอกับทิมเลย เขาให้เบอร์มือถือกับฉันไว้ แต่โทรไปทีไร เขาก็ปิดเครื่องตลอด ฉันก็ได้แต่อดทนรอให้เปิดเทอมสักที จะได้เจอกันอีกครั้ง
          “เอ่อน้องคะ” พี่สาวคนสวยที่ทำหน้าที่รับเงินเรียกฉันไว้ ทันทีที่ฉันถึงที่เรียนพิเศษ
          “มีอะไรเหรอคะ หนูจ่ายค่าเรียนไปแล้วนะ”
          “ปล่าวคะ พอดีเพื่อนน้องคนที่สมัครพร้อมกันน่ะ เขามายกเลิกการสมัครเรียบร้อยแล้วนะคะ เขาบอกว่ามีความจำเป็นต้องไปที่อื่น แล้วเขาก็ฝากนี่ไว้ให้น้องด้วยคะ” ไม่ทันที่ฉันจะตะลึงเสร็จ พี่สาวคนสวยก็หยิบซองจดหมายน่ารักๆให้ฉัน ฉันรับมันมาด้วยอาการที่ยังงงเล็กน้อย นี่ฉันกำลังฝันอยู่รึเปล่า ทิมไม่เคยบอกฉันเลยนะ ว่าเขาจะไม่เรียนต่อ ด้วยความที่ฉันอยากรู้คำตอบไวๆ ฉันจึงฉีกซองจดหมายออกในทันที และฉันก็พบกระดาษจดหมาย 1 แผ่น กับการ์ด 1 ใบล่วงลงพื้น ฉันเลือกอ่านจดหมายก่อน เพราะฉันคิดว่าฉันคงรู้อะไรเยอะกว่า การอ่านการ์ด

          ขอโทษนะนิว ที่ทิมไปโดยไม่บอก แต่ทิมมีเหตุจำเป็นที่บอกนิวไม่ได้ ทิมเขียนจดหมายไม่ค่อยเป็นเท่าไรนะ อีกอย่างทิมก็ไม่มีอะไรจะพูดกับนิวด้วย ขอบคุณนะที่เป็นเพื่อนกันมาตลอด เวลาที่ผ่านมา ทิมมีความสุขมาก ที่ได้มีเพื่อนอย่างนิว มีสิ่งหนึ่งที่ทิมอยากบอกนิว แต่ก็ไม่เคยได้บอก เพราะทิมไม่อยากให้ เราสองคนเป็นคู่ที่สอง ของตำนานสุดปลายสายรุ้งนั่น แต่ทิมคงฝืนชะตาไม่ได้ จริงๆแล้ว ทิมไม่ได้รู้เรื่องตำนานนั่นจากแม่หรอก แต่ทิมไปเจอหนังสือเล่มนึงเขาเขียนไว้ พอทิมอ่านจบ เขาก็บอกว่า ใครที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ขอให้คุณรู้ไว้ว่า คุณคือตำนานคู่ต่อไป ทิม...รักนิวนะ รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น และหวังว่านิวจะเป็นคนที่อยู่ตรงต้นสายรุ้ง ไม่ใช่ปลายสายรุ้ง ส่วนคนที่จะอยู่ตรงปลายสายรุ้ง ทิมจะเป็นคนๆนั้นเอง หวังว่าเราจะได้เจอกันที่ปลายสายรุ้งนะ ทิมจะรอนิว  นานแค่ไหนก็จะรอ...
      รักนะ
                                                                                                                                                       ทิม

          ฉันไม่อาจที่ห้ามน้ำตาที่มันเอ่อล้นอยู่ในดวงตาได้ ฉันจึงรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ เพื่อไม่ให้ใครได้เห็นว่าฉันร้องไห้ ฉันกำกระดาษแผ่นนี้ไว้แน่น ทำไมเธอถึงไม่บอกฉัน ทำไมเธอถึงไม่แสดงท่าทีให้ฉันได้เห็นเลย แล้วทำไม...เธอถึงจากไปแบบนี้
          พอฉันมาถึงห้องน้ำ ฉันก็ล็อคประตู แล้วหยิบการ์ดด้วยมือที่สั่นเทาขึ้นมาดู มันเป็นการ์ดที่สวยมาก เป็นรูปสายรุ้งที่ถูกวาดขึ้นเอง ฉันเชื่อว่ามันเป็นฝีมือของทิมนะ แล้วเมื่อฉันเปิดไปข้างใน การ์ดก็เปียก เพราะน้ำตาของฉัน

                  เราจะพบกัน...ที่สุดปลายสายรุ้ง...ผมสัญญา
                                                                                                                          ทิม

          น้ำตายังคงไหลรินไม่หยุด ทำไมเขาถึงต้องจากไป แล้วฉันจะหาสุดปลายสายรุ้งนั่นได้จากที่ไหน ทำไมฉันต้องอยู่ที่ต้นสายรุ้งด้วย ทำไม...

          ติ๊งน่องๆ ติ๊งน่องๆ
          เสียงออดหน้าบ้าน ช่วยให้ฉันตื่นจากอดีตที่แสนเจ็บปวด แล้วฉันก็เก็บจดหมายจากทิมไว้ในลิ้นชัก เพื่อไปเปิดประตูหน้าบ้าน ฉันเห็นรถเก๋งสีขาวสวยงามจอดอยู่หน้าบ้าน แล้วก็มีผู้หญิงอายุประมาณแม่ของฉัน ก้าวลงมาจากรถ เธอสวยมาก แม้จะอายุมาก แต่ก็ยังดูสวยอยู่
          “เอ่อ...มาหาใครคะ”
          “หนูใช่...หนูนิวรึเปล่าจ้ะ”
          “คะ มีอะไรเหรอคะ”
          “ฉันเป็นแม่ของทิมจ้ะ หนู...ยังจำเขาได้ใช่มั้ย” สติดับวูบทันทีที่ฉันได้ยิน แม่ของทิม แล้วทิมล่ะ...
          “ละ.... แล้ว..ทิมล่ะคะ เขาอยู่ที่ไหน”
          “ใจเย็นๆนะจ้ะ แม่จะพาหนูไปพบเขาเอง” จากนั้นฉันก็รีบเก็บเสื้อผ้า และของใช้ที่จำเป็นเล็กน้อย เพื่อไปหาทิม คุณแม่ทิมบอกว่า เขาไม่สามารถมารับฉันได้ ฉันอยากรู้นะ ว่าเพราะอะไร แต่ฉันก็ไม่อยากถาม ฉันคงจะได้รู้เอง เมื่อฉันพบทิม เหมือนสวรรค์เห็นใจฉันอีกครั้ง ช่วยให้ฉันพ้นสภาพที่ทรมานนี้สักที คุณแม่ทิมขับรถอย่างเดียว ท่านไม่พูดอะไรกับฉันเลย แต่เวลาที่ท่านเห็นฉันยิ้ม ฉันมีความรู้สึกว่าท่านส่งสายตาสงสารมาให้ฉัน ไม่รู้ทำไมนะ แต่คงไม่ใช่แบบนั้นหรอก ท่านจะสงสารฉันทำไม ในเมื่อฉันกำลังจะไปพบทิม ฉันรู้สึกเหนื่อยล้ากับความเจ็บปวดที่ผ่านมามาก ฉันจึงหลับตาลง...
          “หนูนิว นิวจ้ะ ถึงแล้วจ้ะ” และเมื่อฉันลืมตาขึ้นมา ฉันก็พบสถานที่ประหลาดๆ ที่นี้กว้างใหญ่ มีเพียงต้นไม้ใหญ่ๆ หลายๆต้น ไม่มีคนเลยสักคนเดียว ด้วยความสงสัยฉันจึงถามแม่ทิม
          “ที่นี้ที่ไหนเหรอคะ?”
          “สุดปลายสายรุ้งไงจ้ะ” คุณแม่ทิมรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ทิมคงเล่าให้ท่านฟังมั้ง ฉันเดินตามท่านไปประมาณ 10 นาที เราก็มาถึงที่ๆมีแต่ต้นโมกข์เต็มไปหมด กลิ่นหอมเชียวแหละ เพราะออกดอกเต็มไปหมด ตรงกลางของที่ๆเหมือนไร่โมกข์นี้ มีเนินเขาเล็กๆอยู่ลูกหนึ่ง รอบๆเนินเขาถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยดอกไม้เล็กๆมากมาย แต่ฉันกลับรู้สึกเศร้า เวลาที่มองไปที่เนินเขาลูกนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
          “ไหนล่ะคะทิม” ฉันถามคุณแม่ทิม เมื่อมองเท่าไร ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเห็นทิมเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อฉันหันไป ฉันก็เห็นคุณแม่ทิม กำลังร้องไห้ ท่านร้องไห้ป่านว่าจะขาดใจ ร้องไห้เหมือนสูญเสียอะไรสักอย่าง แล้วมันก็จริงๆ...
          “ทิม...ฮือๆ..ทิมอยู่ใต้...เนินเขาลูกนั้นไง ฮือๆ” ฉันหันหน้ากลับไปที่เนินเขาลูกนั้นอีกครั้ง แล้วเดินไปที่มันด้วยขาที่อ่อนล้าไปหมด ทั้งๆที่มันก็อยู่ใกล้แค่นี้ แต่ฉันรู้สึกเหมือนมันอยู่ไกลเหลือเกิน และเมื่อฉันไปถึง พลังงานทั้งหมดที่มีก็หมดลง ฉันไม่อาจที่จะยืนอยู่ได้อีก ฉันทรุดนั่งลงหน้าเนินเขาลูกนี้ แล้วเอามือไปลูบที่เนินเขา ทิมอยู่ในนี้ใช่ไหม ฉันมองอะไรไม่เห็นอีกแล้ว เพราะน้ำตามันเอ่อล้นเต็มไปหมด เราควรจะพบกันดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ เราควรจะพบ แล้วสวมกอดกันเหมือนในหนังรักโรแมนติกทั่วไปไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเป็นแบบนี้ ฉันร้องไห้แข่งกับคุณแม่ของทิม ฉันร้องไห้จนจะไม่มีน้ำตาเหลืออยู่แล้วนะทิม ทำไมถึงยังให้ฉันร้องไห้อีก ทำไมไม่สงสารฉันบ้าง
          “ฉัน.... เดินทางมาถึงแล้วนะทิม ดีใจไหมที่เจอฉัน ฮือๆสุดปลายสายรุ้งมันอยู่ที่นี่เหรอ เธอ...อยู่ที่นี่เหรอ อยู่ในนี้ใช่....ไหม ฮือๆ”

      น้ำตายังคงไหลรินไม่หยุด...
      ราวกับว่ามันอาจจะไม่หยุดอีกแล้ว...
      ฉันเคยหวังไว้เสมอ...
      ว่าสุดปลายสายรุ้งจะสวยงาม...
      ฉันหวังว่าจะมีความสุขที่ปลายสายรุ้ง...
      หลังจากที่เดินทางมาตลอด...
      ฉันได้พบเธอที่สุดปลายสายรุ้งตามที่เราได้สัญญากันไว้...
      แต่ฉันไม่อาจพูดกับเธอได้ ฉันไม่อาจเห็นรอยยิ้มของเธอ ฉันไม่อาจบอกได้ว่าฉัน...รัก...เธอ...
      อีกนานไหมที่ต้องเจ็บปวด...อีกนานไหม...

          แล้วเรื่องราวของคู่รักสายรุ้งคู่ที่สอง ทิม & นิว ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ ใครว่าสายรุ้งสวยงาม ไม่เสมอไปหรอก คุณอยากรู้ไหมว่าชะตาที่ถูกลิขิตไว้แล้วของคู่รักสายรุ้งคู่ที่สองเป็นยังไง ชะตานั่นกล่าวไว้ว่า...
          “เราจะได้พบ...สุดปลายสายรุ้ง...จากพวกเขาทั้งสอง...แต่ใช่ว่าพวกเขาจะได้สมหวัง...ใช่ว่าสุดปลายสายรุ้งจะงดงามเสมอไป...อุปสรรคและความทุกข์มากมาย...ได้วิ่งมาตามเส้นสายรุ้งที่สวยงาม...มันถูกสะสมไว้ที่สุดปลายสายรุ้ง...ผู้ที่อยู่ที่ต้นสายรุ้ง...จะมีโอกาสได้เดินมาหาคนรักที่รออยู่...ที่ปลายสายรุ้ง...คนที่อยู่ปลายสายรุ้ง...จะต้องรอ...และจากไปอย่างน่าเวทนา...แต่ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน...แต่ความรักของพวกเขาทั้งสอง...จะงดงาม...เช่นสายรุ้ง...ตลอดไป…”
          ทิมเลือกที่จะให้นิว ได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไป เขาเลือกที่จะให้นิวได้มองเห็นสายรุ้งที่งดงามต่อไป แม้นิวจะต้องอยู่อย่างทรมานมากแค่ไหนก็ตาม แต่เขาจะเป็นสายรุ้งเพื่อนำทางเธอ ไปพบความสุขในวันข้างหน้าต่อไป...สวัสดีคะ


      ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
      เป็นเรื่องแรกที่เอามาลง ก็อาจจะยังแต่งไม่ดีเท่าที่ควร เรื่องนี้เป็นเรื่องสมมตินะคะ ตำนานสุดปลายสายรุ้งอาจจะมีจริงหรือไม่จริงอันนี้ก็ไม่รู้ ซาบิชี่เล่นเอ็มนะคะ แอดมาได้น้า เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ คอมเม้นนิดนึง ถ้าชอบก้อโหวต ก้อจะดีมากคะ ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนชอบมากมาย แต่อยากถ่ายทอดความร้ากอีกแง่มุมหนึ่งก็เท่านั้นเอง สมหวังมาเยอะ เศร้าๆบ้างล่ะกานน้า

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×