ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    God Command พระเจ้า! ทำไมท่านไม่หาร่างใหม่ให้ข้า![Reverse Harem]

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่5 สู่งานเลี้ยง [2]

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 64


    บทที่5 สู่งานเลี้ยง [2]

                คำประกาศอย่างมั่นใจของอีกคนทำเอาอาเรนเซียถึงกับก้าวผิดจังหวะจนตัวเซ

                เจ้ายัง [เก็บได้] ไม่พออีกรึ...

                ว่าพลางเหลือบมองไปทางองครักษ์ทั้งหกคน  สองคนในนี้เป็นคนของลักซ์  ซึ่งต่างก็ถูกเก็บมาทั้งสิ้น

                คนหนึ่งได้จากตอนไปทลายกองโจรทะเลทราย  อีกคนเป็นมือสังหารที่บุกมาจะสังหารพวกเธอ...

                ก็ไม่ทราบว่าไปทำการตกลงกันอีท่าไหน  สุดท้ายสองคนนั้นก็ภักดีกับลักซ์จนเรียกได้ว่าถูกล้างสมองไปเป็นที่เรียบร้อย

                โควตาฉันยังเหลืออีกหลายที่  ทำไมจะเก็บเพิ่มไม่ได้ล่ะ?

                ...ก็ถูกของเจ้า

                โดยตามปกติแล้วพวกลูกขุนนางจะได้รับข้ารับใช้ที่ภักดีกับตัวเองชุดหนึ่งตามยศขุนนางของบิดามารดา  อาจจะไม่ได้มีกฎหมายตายตัว  แต่ก็เป็นสิ่งที่คนทั้งหลายปฎิบัติกัน และหากใครที่มีผู้ติดตามมากเกินฐานะ  ก็จะกลายเป็นที่ดูถูกดูแคลนได้

                บิดาของพวกเธอเป็นขุนนางขั้นเจ็ด  มีฐานะเป็นรองเพียงเชื้อพระวงศ์และขุนนางขั้นแปด  ส่วนมารดานั้นเป็นรองแม่ทัพประจำเมืองหลวง  ดำรงตำแหน่งขุนนางขั้นเจ็ดเช่นเดียวกับบิดา  จำนวนข้ารับใช้ที่อาเรนเซียจะต้องมีจึงมากถึง 19 คน เป็นองครักษ์ 10 คน สาวใช้ 8 คน และพ่อบ้านอีก 1 คน

                หลังจากทำการตกลงกันอยู่นาน  ก็สรุปว่าลักซ์จะได้องครักษ์แปดคน  พ่อบ้านหนึ่งคน  สาวใช้หนึ่งคน  ในขณะที่อาเรนเซียจะมีสาวใช้มากถึงเจ็ดคน  องครักษ์สองคน  และพ่อบ้านคนเดียวกัน  นั่นคือแลนช์

                ข้อสรุปของจอมมารน้อยจากการแบ่งสันปันส่วนครั้งนี้คือ  เจ้าตัวเหมาะกับองครักษ์เยอะ ๆ  เนื่องจากจะได้เอาไป9[9uกับคนอื่นสะดวก(?)  ส่วนอาเรนเซียนั้นมีสาวใช้เยอะ ๆ จะได้เป็นคุณหนูผ้าขาวต่อไป(?)

                เอิ่ม  ก็พูดอะไรไร้สาระได้สมกับเป็นลักซ์ดีนั่นแหละนะ

                ทางด้านอาเรนเซียนั้นทุกตำแหน่งถูกจับจองจนเต็มแล้ว  แต่ลักซ์กับยังเหลือที่ว่างขององครักษ์อีกสี่ที่ด้วยกัน

                ...แล้วดูเหมือนว่ากำลังจะมีที่หนึ่งถูกเติมเต็ม

                กวางน้อย  ทำทานหน่อยสิ

                เสียงที่ดังขึ้นดึงเด็กหญิงให้ตื่นจากภวังค์  เธอเลิกคิ้วสูงอย่างตามคำพูดนั้นไม่ทันนัก

                คนเช่นลักซ์กำลังบอกให้เธอไปสร้างความดี?

                วันนี้ฝนต้องตกแน่ ๆ

                ทำทานอะไรเหรอ?

                ก็ซื้อของไปฝากหมอนั่นไง  โชว์ความเป็นคนใจบุญหน่อย

                ...เจ้าพูดเหมือนข้าเป็นคนต้องการตัวเขาเองอย่างนั้นแหละ

                ดรุณีน้อยภายในร่างหัวเราะ  เอ่ยปากเร่ง

                เถอะน่ากวางน้อย  ช่วยกันทำมาหากินหน่อย

                เบิร์นมองพี่สาวที่หมุนตัวกลับอย่างกะทันหันด้วยความประหลาดใจ

                “มีอะไรรึเปล่าครับพี่?”

                อาเรนเซียเอ่ยพร้อมกับยิ้ม

                “กะว่าจะไปซื้ออาหารไปให้ชายคนนั้นสักหน่อยน่ะ”

                ทุกคนต่างมองตามมือของคุณหนูอาเรนเซียไปอย่างอยากรู้อยากเห็น  ชายในชุดคลุมเก่ามอซอราวกับขอทานนั่งเอนหลังพิงกำแพงด้วยสีหน้าเย็นชา  ดูเหมือนว่าจะไม่สบอารมณ์นักที่ถูกคนเมาเหยียบเอาเมื่อสักครู่นี้  ในอ้อมแขนข้างหนึ่งประคองดาบเอาไว้อย่างหวงแหนอยู่บ้าง

    ดวงตาสีฟ้าอ่อนมองไปข้างหน้าดูนิ่งงัน  ทำเอาผู้คนไม่มีใครกล้าเฉียดกายเข้าไปใกล้เขาสักคน

                “โอ้...”

                แลนช์และบรรดาองครักษ์ต่างพากันอุทานออกมา  ดวงตาทอประกาย  เริ่มหันไปพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  ต่างพากันตื่นเต้นไม่ต่างกับลักซ์

                พวกเขาทั้งหกคนแน่นอนว่าเป็นเหล่าคนที่ฝึกร่างกายจนแข็งแกร่ง  นับว่าเป็นสายกายภาพโดยแท้  ส่วนแลนช์นั้นก็ยังนับว่าเป็นสายกายภาพอยู่กึ่งหนึ่ง  พวกเขาจึงมองออกอย่างรวดเร็วว่าชายที่ราวกับขอทานคนนั้นมีร่างกายที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีเพียงใด

                พวกเขาทิ้งให้จอมเวทสองคนยืนมองตาปริบ ๆ  ทุกคำที่พวกนั้นกล่าวชมชายผู้นั้น ทั้งคู่ฟังไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่ครึ่งคำ

                อาเรนเซียเดินไปซื้ออาหารและน้ำกลับมาถุงใหญ่  หลังจากลังเลอยู่แวบหนึ่งก็ตัดสินใจเดินตรงๆผทางชายผู้นั้น  ไม่คาดว่าอีกฝ่ายจะชะงักแล้วหันกลับมาจ้องเธอเขม็ง  ทำเอาเด็กหญิงจำต้องหยุดฝีเท้าด้วยความตกใจ  ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่นั้นยืนอยู่หลายกันกว่าห้าเมตร

                เมื่อหายตกใจ  ดรุณีน้อยก็ยกยิ้มบางเบาแม้ว่าจะจับเค้าความหนักอึ้งบางอย่างได้แล้วก็ตามที  กระนั้นก็ยังฝืนเดินไปวางถุงอาหารนั้นลงข้าง ๆ ชายหนุ่ม  แล้วเดินกลับไปหากลุ่มคนของตัวเองรวดเร็วราวกับมีสิ่งใดไล่กวดมาทางด้านหลัง

                ทิ้งให้ชายจรจรจัดผู้นั้นจ้องมองถุงอันบรรจุเต็มไปด้วยอาหารแห้ง  น้ำและของพร้อมทานนานาชนิดด้วยสายตาเรียบเฉย

                เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น  ทว่าเด็กหญิงคนนั้นพร้อมด้วยคนของเธอก็ได้เดินหายไปเสียแล้ว

     

     

                สองร่างซึ่งยังไม่ล่วงเข้าวัยหนุ่มสาวเดินกันลงมาจากชั้นสองของคฤหาสน์  ท่านพ่อท่านแม่ที่ยืนรออยู่ก่อนมองบุตรทั้งสองคนที่กำลังก้าวลงบันไดมาอย่างช้า ๆ  อดจะอุทานพร้อมเอ่ยปากชมเสียมิได้

                “ว้าว!  พวกลูกดูดีมากเลยจ้ะ”

                ท่านแม่เอ่ยชมแล้วตรงเข้าไปกอดบุตรทั้งสองด้วยความรักใคร่  อาเรนเซียและเบิร์นจึงพากันแย้มยิ้ม

                “ท่านพ่อท่านแม่เองก็สง่างามยิ่งค่ะ”

                อาเรนเซียเอ่ยกลับด้วยใบหน้าเจือยิ้มหวาน  ทั้งสี่พูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก็ต่างเดินไปขึ้นรถม้า  ออกเดินทางไปยังคฤหาสน์ที่ส่งบัตรเชิญมาให้เมื่อไม่นานมานี้

                เด็กหญิงลูบกระโปรงสีเขียวอ่อนสลับเข้มของตัวเองอย่างเหม่อลอย  ในหัวยังคงครุ่นคิดถึงคนที่พบเมื่อตอนเช้าไม่หาย

                เขาไม่มีพลังเวทแท้ ๆ  แต่ยามที่จ้องมองมา  ข้ากลับรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน  นั่นเป็นเพราะอะไรเหรอลักซ์?

                เมื่อไม่สามารถหาคำตอบเองได้  ในที่สุดเด็กหญิงก็ตัดสินใจถามอีกคนในร่าง  ทางนั้นครางอืมด้วยเสียงเหมือนคนเพิ่งตื่น

                ...ก็เพิ่งตื่นจริง ๆ นั่นแหละ

                นั่นเรียกว่าจิตสังหาร  พวกคนที่เคยผ่านการต่อสู้จริง ๆ มาก่อนมักมีมัน  พวกมันไม่ใช่พลังวิเศษอะไร  แต่เป็นเหมือน...อืม?  จะว่ายังไงล่ะ  เหมือนเป็นอารมณ์ที่แผ่ออกมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าพร้อมที่จะสังหาร  อะไรประมาณนั้น

                อาเรนเซียทบทวน  จะว่าเข้าใจก็เหมือนไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน

                เจ้าก็มีมันใช่มั้ย?  เหมือนเคยได้ยินองครักษ์พูดชมเจ้าว่าจิตสังหารของเจ้าแรงมาก

                ใช้คำว่าแรงเลยเหรอ?  ฉันนึกว่าพูดถึงเจ้าที่  ลักซ์หัวเราะเสียงดัง  ก็อาจจะใช่  แต่จิตสังหารของฉันมันเกิดขึ้นจากภาพความทรงจำที่เป็นผู้ถูกกระทำแล้วมีความต้องการที่จะเอาคืน  อารมณ์มันต่างจากพวกที่เคยผ่านการต่อสู้มานิดหน่อยตรงที่ของฉันมันจะไปทางจิตอาฆาตพยาบาทเล็กน้อย

                ...ขอโทษนะ  ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูดสักนิด

                ฮ่า ๆ  ฉันก็ไม่คิดว่าจะเธอจะเข้าใจอยู่แล้ว!’

                ไม่นานนัก  รถม้าของตระกูลเวลด้าก็จอดสนิทอยู่ที่หน้าคฤหาสน์หลังงามอันเต็มไปด้วยผู้คนในชุดหรูหรากับเครื่องประดับแพรวพราว  เสียงดนตรีที่ดังอยู่ทั่วทำให้บรรยากาศดูสมกับเป็นงานรื่นเริง

                โอ้  ดูสิกวางน้อย  หนอนมีหลายสีมาก!’

                อาเรนเซียรับฟังถ้อยคำประชดแดกดันนั้นพลางยิ้มแหย

                การมาถึงของคนตระกูลเวลด้านำมาซึ่งเสียงเซ็งแซ่อย่างตื่นเต้นประหลาดใจ  ด้วยไม่คาดว่าขุนนางขั้นเจ็ดกับรองแม่ทัพคนสำคัญจะมาตามคำเชื้อเชิญของขุนนางเล็ก ๆ ที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันมากมายเช่นนี้

                ท่านพ่อท่านแม่แยกตัวออกไปคุยกับพวกผู้ใหญ่  ในขณะที่อาเรนเซียกับเบิร์นก็กำลังถูกห้อมล้อมด้วยบรรดาเด็ก ๆ มากหน้าหลายตา

                เบิร์นมีท่าทีค่อนข้างอึดอัดกับการต้องมาอยู่ท่ามกลางคนมาก ๆ กับเสียงดังสนั่นจนแสดงผ่านออกมาทางสีหน้าที่ทั้งหงุดหงิดและไม่สบายใจ

                ...ทว่าอนิจจา  จะไปมีใครทุกข์ทรมานปานผีเข้าวัดได้เท่าจอมมารน้อยกันเล่า

                เบื่อออ  เบื่อโว๊ยยย!’

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×