คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 02 : Feeling
CHAPTER 2
Feeling
"ลูเคีย ต่อไปนี้เธอคือ 'คุจิกิ ลูเคีย' น้องสาวของฉัน"
ทั้งลูเคีย และอิจิโกะต่างตกใจที่ได้ยินประโยคนี้ อิจิโกะมองมือของเบียคุยะที่กำลังจับข้อมือของลูเคียอยู่สักพัก ก่อนตัดสินใจปัดมือนั้นออก ส่วนลูเคียนั้นก็ได้แต่อึ้ง พูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"เบียคุยะ ไม่ได้เจอกันนานนี่ มาทำอะไรที่นี่ห้ะ"
อิจิโกะทักทายเบียคุยะอย่างสนิทสนมทั้งที่ตัวเองมีอายุน้อยกว่า แต่เบียคุยะกลับไม่สนใจคำทักทายของเด็กหนุ่มผมส้มคนนี้เลยแม้แต่น้อย
"ตระกูลคุโรซากิยังไร้มารยาทเหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยน" เบียคุยะพูดลอยๆ แต่สายตาอันคมกริบปรายตามองผ่านอิจิโกะราวกับจะต่อว่า
"นายจะว่าไงก็ช่าง อย่างน้อยตระกูลของฉันก็ไม่เคยทำให้ใครต้องตายอย่างตระกูลคุจิกิหรอกนะ"
อิจิโกะว่ากลับเพื่อจะเถียงให้ได้ ลูเคียที่ได้ยินคำว่า'ตาย'ถึงกับขมวดคิ้วแน่นอย่างสงสัย
"น่าสงสารเธอจริงๆเลยลูเคีย ที่ต้องไปเป็นน้องสาวของคนพรรค์นี้"
อิจิโกะพูดพลางสายหน้าเอือมระอา พลางส่งสายตาเย็นชาให้กับเธอ และนั่นทำให้ลูเคียรู้สึกใจคอไม่ดีเลยสักนิด
"พูดอะไรของนายน่ะ ฉันยัง..."
"เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ลูเคีย อีกเดี๋ยวเธอก็จะรู้เหตุผลเองว่าทำไมเธอถึงปฏิเสธไม่ได้" เสียงของเบียคุยะดังขึ้นแทรก
"เดี๋ยวก่อนสิ แล้วคุณเป็นใครกัน" ลูเคียถาม แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งไม่ตอบเธอ
"อิจิโกะ แล้วนายรู้จักเขาด้วยเหรอ ฉันงงไปหมดแล้วนะ"
ลูเคียหันไปถามอิจิโกะที่กำลังยืนหันหลังให้กับเธอและเบียคุยะอยู่
"เธอไม่ต้องรู้หรอก ฉันรู้จักเขา รู้จักดีซะด้วย และในเมื่อเธอคือ 'คุจิกิ' ฉันก็ไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ" พูดจบ อิจิโกะก็เดินจากไปโดยไม่หันมามองลูเคียกับเบียคุยะอีก
...หมอนี่ เป็นบ้าอะไรไปอีกเนี่ย เกลียดตระกูลคุจิกิถึงขั้นไม่คุยกับฉันเลยรึไง งี่เง่าชะมัดเลย...
"เธอ... ลูเคีย เย็นนี้หลังเลิกเรียนไปพบฉันที่ห้องอำนวยการ" เบียคุยะบอกกับลูเคียแล้วเดินจากไปอีกคน
...นี่มันอะไรกัน คิดจะสั่งก็สั่ง คิดจะไปก็ไป ทำไมฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะเนี่ย บ้าชะมัด...
ลูเคียถอนหายใจอย่างช่วยให้ได้ ในขณะที่ใบหน้าแสดงถึงความตึงเครียดอย่างปิดไม่มิด ก็แน่น่ะสิ เพราะถ้าเร็นจิรู้เรื่องนี้คงจะ...
ตุบ!!!
เสียงของบางอย่างตกลงบนพื้นอย่างแรง จนลูเคียต้องหันมามอง สิ่งที่ลูเคียเห็น คือกล่องข้าวที่เพิ่งซื้อมาหล่นลงไปกองกับพื้ร เร็นจิได้แต่ยืนมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายเอ่อล้นจนอธิบายไม่ได้ ลูเคียได้แต่มอง ในใจยังไม่พร้อมและไม่กล้าที่จะเผชิญหน้าด้วยซ้ำ
"ได้ยินหมดแล้วสินะ เร็นจิ" ลูเคียพูดขึ้น ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
เร็นจิค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ลูเคีย ใบหน้าคมก้มนิ่ง ไม่เผยให้เห็นความรู้สึกใดๆในแววตาสีเพลิงคู่นั้น มือหนาทั้งสองยื่นมาแตะที่ไหล่เล็กของลูเคียแล้วบีบแน่น
"นี่สินะ เรื่องที่เธอจะบอกฉันน่ะ"
"เร็นจิ คือฉัน..."
"ดีใจด้วยนะลูเคีย! เธอกำลังจะมีครอบครัวแล้ว แถมยังได้ไปอยู่ในตระกูลที่สุดแสนจะไฮโซอีก น่าอิจฉาชะมัดเลย ฉันดีใจด้วยจริงๆนะลูเคีย"
น้ำเสียงที่ร่าเริงของเร็นจิขัดขึ้น เขาพูดโดยที่สายตานั้นจับจ้องลูเคียด้วยความรู้สึกยินดีจริงๆ สิ่งนี้ที่ทำให้ลูเคียถึงกับนิ่งไป
...เร็นจิ นายไม่คิดจะรั้งฉันไว้จริงๆเหรอ ฉันน่ะ อยากอยู่กับนาย กับแม่ กับน้องๆต่อไปนะ แต่ถ้านาย...
ลูเคียก้มหน้านิ่ง แล้วจับมือของเร็นจิยกออกจากบ่าของตัวเอง
"งั้นเหรอ ขอบใจมากนะ เร็นจิ"
ลูเคียเอ่ยคำนั้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ จนเร็นจิถึงกับเงียบไป วินาทีนั้นที่ลูเคียกำลังจะเดินจากเขาไป เขาเห็นหยาดน้ำตาใสๆไหลรินออกมาจากดวงตาคู่นั้น หัวใจของเขาแทบจะสลาย เขาพูดอะไรออกไป ทำไมไม่รั้งเธอไว้ล่ะ ทำไมกัน
วันเปิดเทอมวันแรก มันต้องมีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้นไม่ใช่เหรอ แต่สิ่งที่ลูเคียเจอมันไม่ใช่เลยสักนิด เพราะหลังจากเหตุการณ์นั้นลูเคียกับเร็นจิก็แทบจะไม่มองหน้ากันอีกเลย และอิจิโกะเองก็ด้วย
ลูเคียเริ่มรู้สึกหนักใจว่าการที่ต้องไปเป็นคนของตระกูลคุจิกินี่มันดีหรือไม่ดีกันแน่ แต่คนส่วนใหญ่ในห้องเรียนของเธอ เมื่อรู้เรื่องแล้วก็เพียงแต่ส่งสายตาอิจฉามาที่เธอ ซึ่งส่วนใหญ่ออกจะยินดีด้วยซ้ำ แต่การที่ทำให้เธอต้องเสียเพื่อนดีๆคนหนึ่งไปนั้น...
เย็นวันนั้นลูเคียก็ไปพบกับเบียคุยะที่ห้องอำนวยการตามคำสั่ง ลูเคียถามเหตุผลว่าทำไมเธอถึงปฏิเสธไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกเธอสักที แถมยังจัดการขนย้ายข้าวของของเธอไปไว้ที่คฤหาสน์คุจิกิแล้ว เท่ากับว่าวันนี้ลูเคียก็จะไม่ได้พบหน้าแม่ และน้องๆที่บ้านเด็กกำพร้าอีกเลย จากนั้นลูเคียจึงต้องยอมกลับบ้านพร้อมกับเบียคุยะ
เบียคุยะเห็นสายตาของลูเคียที่ฉายแววความเศร้ามาตลอดทาง ก็แปลกใจ แต่ไม่ได้ถามอะไรออกไป และเขาก็ไม่รู้ว่าจะทนมองใบหน้านี้ไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะยิ่งมองเขาก็ยิ่งหลงใหล เธอมีเสน่ห์มาก มากกว่าฮิซานะเลยทีเดียว เขากลัวว่าเขาจะมองเธอเป็นตัวแทนของฮิซานะ และตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นหน้าเธอ หัวใจของเขาที่เคยด้านชา กลับกระตุกวูบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นี่เขากำลังเป็นอะไรไปกันแน่
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ ลูเคียก็ไม่ได้มีท่าทีตะลึงในความหรูหราใหญ่โตของคฤหาสน์ เพราะหญิงสาวกำลังจมอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง เธอเดินตามพ่อบ้านเซเกะไปเรื่อยๆจนมากึงห้องนอนของตัวเอง ลูเคียหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่สีขาว แกะสลักลวดลายสวยงาม ข้างๆมีอีกประตูหนึ่งสีน้ำตาลเข้มลายไม้เรียบๆ แต่ดูมีราคา หรูหรา และสวยงาม
"ท่านพ่อบ้าน นี่ห้องของใครเหรอคะ" ลูเคียถามด้วยความสงสัย
"ห้องของพี่เอง" เสียงที่ตอบไม่ใช่เสียงของเซเกะ แต่เป็นเสียงของเบียคุยะ
"ห้องเธอจะอยู่ใกล้ๆห้องของพี่ แบบนี้ดีแล้วล่ะ เข้าห้องไปได้แล้ว พรุ่งนี้เธอต้องไปโรงเรียนกับพี่"
"เอ่อ...ค่ะ คุณเบียคุยะ" ลูเคียตอบรับและยิ้มให้
"เดี๋ยว เธอช่วยเรียก'พี่'อีกรอบได้มั้ย"
ลูเคียรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร ตั้งแต่ในห้องอำนวยการแล้ว ที่เธอเรียกเขาว่าคุณ ทั้งๆที่เขาก็กลายเป็นพี่ชายเธอแล้ว
"ค่ะ พ...พี่เบียคุยะ" แก้มของลูเคียขึ้นสีชมพูจางๆ อย่างเขินๆ เพราะเกิดมาไม่เคยเรียกใครแบบนี้มาก่อน นอกจาก...พี่ไคเอ็น...
เบียคุยะพยักหน้ารับ แล้วหันหลังกลับเดินเข้าห้องของตัวเอง ลูเคียจึงรีบเดินเข้าห้องของตัวเองเช่นกัน
ลูเคียเดินลึกเข้าไปในห้องนอนอันกว้างขวาง เฟอร์นิเจอร์ชั้นดีถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม เตียงนอนขนาดคิงไซต์ คลุมด้วยผ้าปูที่ทอจากเส้นใยชั้นเยี่ยม และของเกือบทุกชิ้นในนี้ก็เป็นลายแชปปี้ที่เธอชอบเกือบหมด เธอถอนหายใจ ดูเหมือนว่าจะสืบเรื่องราวของเธอมาอย่างละเอียดเลยสินะ
...เหงาจัง...
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจของลูเคีย เธอเดินไปที่หน้าต่าง แล้วเปิดหน้าต่างบานใหญ่นั้นรับลม และมองไปที่ท้องฟ้าที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำมืด มีเพียงดวงจันทร์ที่สาดส่องแสงสวยงามเป็นเพื่อนคลายเหงาให้กับเธอได้
"พี่ไคเอ็น..."
เด็กสาวสาวพึมพำกับตัวเอง เหมือนกับคนที่ถูกเอ่ยชื่อนั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจสำหรับเธอได้เพียงคนเดียว
อีกด้าน ชายหนุ่มร่างสูงผมส้มคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ริมขอบหน้าต่าง สายตาของเขาเหม่อมองไปที่ดวงจันทร์ดวงเดียวที่ฉายเจิดจรัสอยู่บนฟากฟ้า
"ทำไมนะ ลูเคีย ทำไมเธอถึงต้องเป็นคุจิกิด้วย" ชายหนุ่มเอ่ยกับตัวเองเบาๆ แต่แววตาที่จ้องมองดวงจันทร์นั้นกลับฉายแววเจ็บปวดอยู่ลึกๆ
อิจิโกะเพิ่งได้เจอเธอเมื่อวานนี้เอง แต่เขากลับรู้สึกผูกพันธ์กับเธอมานานอย่างบอกไม่ถูก เขาอยากจะรู้จักกับเธอให้มากกว่านี้ อยากคุยกับเธอ อยากสนิทกับเธอ
วันแรกที่เขาได้เห็นหน้าลูเคีย เขาได้จ้องมองเธออยู่สักพัก จนเกิดความรู้สึกประหลาดๆขึ้นมาในใจ เป็นเพราะอะไรเขาก็ไม่รู้ แต่ในเมื่อเธอคือคุจิกิ เขาก็จำเป็นต้องตัดใจที่จะสานสัมพันธ์กับเธอต่อ เพราะตระกูลคุจิกิได้พรากคนที่เขารักมากไปถึง 2 คน แล้วนี่ยังมีเธอคนหนึ่งเหรอ ลูเคีย
เร็นจิเดินกลับบ้านอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดมิด ตอนนี้ข้างกายเขาที่เคยมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินข้างๆ รอยยิ้มที่สดใส คำพูดที่คอยถากถางเขา แววตาอ่อนโยนเป็นประกายได้หายไปแล้ว มันคงจะไม่มีอีกแล้วสินะ ช่วงเวลาแบบนั้น
เร็นจิอยู่กับลูเคียมาตั้งแต่เด็กๆ จนสนิทกันมากกว่าใครๆ เพราะลูเคียชอบเล่นกับเด็กผู้ชายมากกว่า และเพื่อนในกลุ่มของเร็นจิไม่ได้มีเร็นจิเพียงคนเดียว แต่ยังมีเด็กผู้ชายอีกหลายคน
ในเวลาหลายปีที่ผ่านมาได้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ทั้งสองจึงมีความผูกพันธ์กันมากกว่าใคร ถึงแม้ลูเคียจะเป็นคนห้าวๆแต่เธอก็ดูโดดเด่น ทุกท่วงท่า ทุกการกระทำของเธอแฝงไปด้วยความเป็นผู้ดี จนบางครั้งเขาเองยังรู้สึกว่าตัวเองนั้นต่ำต้อยเหลือเกิน
มาจนถึงวันนี้ ลูเคียได้ก้าวเข้าไปในคุจิกิแล้ว ดวงดาวที่เขาเฝ้าคอยแอบมองมาตลอด ก็ยิ่งไกลห่างออกไปทุกที เหมือนกับดวงจันทร์ที่เขากำลังมองอยู่ตอนนี้ เจิดจรัส อ่อนโยน สวยงาม แต่ยากที่หมาจรจัดอย่างเขาจะเอื้อมถึง
"ฉันขอโทษ ลูเคีย" ชายหนุ่มผมแดงเอ่ยกับตัวเอง ทั้งๆที่รู้ว่ามันสายเกินไปแล้ว
เบียคุยะออกมาเดินเล่นชมจันทร์ ที่สวนของคฤหาสน์คุจิกิกลางดึกอย่างที่เขาทำเป็นประจำเมื่อมีเวลาว่าง เขามองดวงจันทร์วันนี้กลับต่างจากทุกวัน เขารู้สึกเหมือนได้รับแรงผลักดันบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ
เขามองเลยผ่านดวงจันทร์ไป จนเห็นดวงตาคู่หนึ่ง ที่กำลังจับจ้องดวงจันทร์ดวงเดียวกับเขา ดวงตานั้นก็ยังคงเป็นสีไพลินสวยใสเสมอ แต่กลับดูเศร้าหมองกว่าปกติ
"ฮิซานะ เธอยังมองฉันอยู่มั้ย ตอนนี้ฉันเจอน้องสาวของเธอแล้วนะ"
"ฉันสัญญาว่าฉันจะดูแลเธอให้ดีที่สุด ลูเคีย..."
เขาเอ่ยคำพูดนั้นออกมา อย่างให้คำมั่นสัญญากับจิตวิญญาณของตัวเอง
1 เดือนต่อมา
"คุณคุจิกิค้า..."
เสียงใสหวานของเด็กสาวคนหนึ่ง ตะโกนร้องเรียกลูเคียจากข้างหลัง พร้อมกับวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาเธออย่างเร็ว
"คุณฮินาโมริ ช้าๆสิคะ เดี๋ยวก็หกล้มหรอก"
"ไม่หรอกค่ะ เอ่อ...คือว่า วันนี้พวกคุณรันงิคุจะชวนกันไปเที่ยวน่ะค่ะ ฉันเลยอยากจะชวนคุณคุจิกิไปด้วย เห็นชวนมาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ยอมไปด้วยกันสักที วันนี้ต้องไปให้ได้นะคะ"
สาวน้อยหน้าตาน่ารักนามฮินาโมริเอ่ยชักชวญเธอให้ไปเที่ยวด้วย พร้อมกับส่งสายตาเว้าวอนมาที่เธอ
มันเป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่ลูเคียไม่ชอบที่ๆมีคนเยอะ และพลุกพล่าน เพราะมันดูวุ่นวาย และอีกอย่างเธออยากจะอยู่ฝึกซ้อมกับตัวเอง เพื่อจะได้เรียนจบไวๆ และหลีกหนีจาสถานการณ์อึดอัดที่เธอต้องประสบพบเจออยู่ทุกวัน
ลูเคียสนิทกับเพื่อนในห้องมากขึ้น มีคนเข้ามาคุยกับเธอมากขึ้น จนเธอรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าแต่ก่อน ยกเว้นเพียง 2 คนเท่านั้น เจ้าอิจิโกะยังมึนตึงกับเธอตั้งแต่เรื่องวันนั้น คอยส่งสายตา พูดจากระทบกระทั่งเธออยู่ตลอด แต่ก็ยังดีกว่าเร็นจิ เพราะเร็นจินั้นทั้งไม่คุย และคอยหลบหน้าเธอ จนเธอจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว
ลูเคียถอนหายใจเล็กน้อย พลางยิ้มบางๆ เชิงขอโทษ
"ขอโทษนะ คุณฮินาโมริ วันนี้ฉันต้องอยู่ซ้อมดาบน่ะ ไว้วันหลังแล้วกันนะคะ"
"โธ่ คุณคุจิกิ อีกแล้วนะคะ ไว้วันหลังอีกแล้ว อืม...ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ คราวหน้าคุณคุจิกิจะต้องไปให้ได้ ห้ามปฏิเสธอีกนะคะ"
ฮินาโมริบอกกับลูเคียอย่างเสียดาย ก่อนหันหลังเดินจากไปพร้อมกับยิ้มโบกมือลาเธออย่างเคย
ลูเคียเดินไปทางโรงฝึกซ้อมดาบ แล้วเปลี่ยนชุดนักเรียน เป็นชุดยูคาตะสีขาว ทับด้วยฮากามะสีดำล้วนอีกชั้นหนึ่ง สำหรับการฝึกดาบโดยเฉพาะ
เด็กสาวฝึกดาบคนเดียวอย่างนี้ตั้งแต่วันนั้น ทั้งในคาบเรียน และนอกคาบ ความจริงเพลงดาบนั้นต้องฝึกเป็นคู่จึงจะเห็นผล เร็นจิก็ไปคู่กับอิจิโกะแล้ว ไม่รู้ว่าไปสนิทกันตอนไหน ฮินาโมริกับรันงิคุ เนมุกับยาจิรุ กริมมจอว์กับอุลคิโอร่า ชูเฮย์กับคิระ นอกนั้นทุกคนก็มีคู่กันหมดแล้ว
แต่ลูเคียก็รู้สึกแปลกใจ เพราะในห้องเรียนของเธอมีจำนวนนักเรียนครบคู่ ขาดใครไปอีกคนนะ
"ใครกันนะ หายไปแทบทุกคาบ สงสัยจะโดด แย่ชะมัดเลย"
ลูเคียบ่นแล้วส่ายหน้ากับตัวเองอย่างเอือมระอา เธอพยายามนึก แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
...ไม่เป็นไร ช่างมัน ฝึกด้วยตัวเองคนเดียวก็ได้...
ลูเคียบอกกับตัวเองอย่างนี้ทุกครั้ง แล้วเริ่มตั้งท่าเตรียม หลับตานิ่ง เพื่อทำสมาธิ
ตึก ตึก ตึก ตึก
ระหว่างที่ลูเคียหลับตานิ่งอยู่ ทุกสิ่งรอบข้างนั้นเงียบมาก จนสามารถได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง แต่ลูเคียสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังพุ่งเข้าหาเธอด้วยความรวดเร็ว เมื่อรู้สึกได้ดังนั้น เด็กสาวสาวจึงยกดาบขึ้นมากั้นด้วยความรวดเร็วเช่นกัน
เคร้ง!!!
ความคิดเห็น