ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bleach] For you forever - Ichiruki

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 01 : When we met

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 539
      12
      30 มิ.ย. 58

    CHAPTER 1

    When we met

     

     

     

     

     




     

    หลังจากที่มีเรื่องกับเจ้าหัวส้มนั่น ลูเคียก็เดินมาเจอเร็นจิที่วิ่งตามมาพอดี ทั้งสองพากันกลับบ้านเด็กกำพร้าพร้อมๆกัน กว่าจะมาถึงก็มืดค่ำพอดี และเมื่อมาถึงโฮมูระกับชิซุกุ เด็กชายเด็กหญิงอายุประมาณ 7-8 ขวบ ก็วิ่งเข้ามากอดลูเคีย แล้วบอกว่าแม่ให้มาตาม ลูเคียจึงแยกกับเร็นจิตรงนั้น

     

     

     

     

    โซเดะโนะ ชิรายูกิ เจ้าของบ้านเด็กกำพร้าที่ลูเคียกับเร็นจิอาศัยอยู่ เธอเป็นหญิงสาวรูปงาม และจิตใจดี ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เรียกเธอว่า 'แม่' เพราะเธอมีบุญคุณกับพวกเด็กๆยิ่งกว่าพ่อแม่แท้ๆเสียอีก ทั้งแม่ เร็นจิ และเด็กๆที่นี่ เหมือนครอบครัวๆหนึ่งที่ลูเคียรู้สึกได้ว่าเป็นที่พึ่งพึงให้กับเธอได้เสมอ


     

    "แม่คะ"

     

    ลูเคียเอ่ยเรียกหญิงสาวที่มีผมสีขาวยาวถึงกลางหลัง เธอมีผิวสีขาวซีดราวกับหิมะ เธอยิ้มอ่อนโยน แล้วมองมาที่ลูเคียด้วยสายตาที่มองกี่ทีก็รู้สึกอบอุ่นทุกครั้ง


     

    "มานี่สิลูเคีย" ลูเคียเดินเข้ามานั่งข้างๆโซเดะโนะ ชิรายูกิ ทันทีที่อีกฝ่ายกวักมือเรียก


     

    "แม่มีอะไรรึเปล่าคะ ถึงได้เรียกหนูมาหา"


     

    "เปล่าหรอก แค่มีข่าวดีจะบอกน่ะ"


     

    "ข่าวดี..??"

     

     

     


     

    "ลูกของแม่กำลังจะมีครอบครัวใหม่แล้วนะ เมื่อตอนเย็นมีคนจากตระกูลคุจิกิมาขอรับลูกไปเป็นลูกบุญธรรมน่ะ"


     

    "จ...จริงเหรอคะ"

     

     

    ที่ถามแบบนั้นไม่ใช่เพราะดีใจ ความรู้สึกนี่คืออะไรกัน ไม่อยากไปจากที่นี่อย่างนั้นเหรอ... แปลกนะ วันนี้เธอเพิ่งจะคิดถึงชาติกำเนิดของตัวเอง ว่าเป็นคนไม่มีครอบครัว ไม่มีนามสกุล แต่จู่ๆวันนี้เธอกลับถูกรับเข้าในตระกูลชั้นสูง 'คุจิกิ'แต่ว่าลูเคียไม่รู้สึกดีใจเท่าที่ควร กลับประหลาดใจ และใจหายมากกว่า เธอจะบอกกับเร็นจิยังไงล่ะ เธอรักที่นี่ เพราะที่นี่คือครอบครัว ลูเคียตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหลุบตาลงต่ำไม่รู้ว่าตัวเองควรเริ่มพูดอย่างไรต่อดี


     

     

    "ยังไม่ต้องตอบตอนนี้หรอก ลูเคีย พรุ่งนี้จะมีคนเข้าไปคุยกับลูกที่ชินโอ เรื่องนี้แม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แม่ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ลูกจะได้มีครอบครัวซักที ส่วนเรื่องเร็นจิ ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไง แม่เชื่อว่าเขาต้องเข้าใจลูกแน่นอน"


     

    "ค่ะ... ขอบคุณมากนะคะแม่"


     

    ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่บุญธรรมของลูเคียบอกกับลูเคีย ราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ลูเคียได้ยินดังนั้นก็สบายใจขึ้นเล็กน้อย พลางลุกขึ้นสวมกอดคนตรงหน้าอย่างโหยหาความอบอุ่น แต่ภายในใจก็ยังรู้สึกกังวลอยู่ดี


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

    ลูเคียเดินกลับมาที่ห้องพัก ก็พบเร็นจิยืนรออยู่หน้าห้องของเธอ


     

    "เร็นจิ นายยังไม่นอนอีกเหรอ"


     

    "ก็เห็นๆอยู่ ยังไม่ง่วงน่ะ ว่าแต่แม่เรียกไปคุยเรื่องอะไรน่ะ"


     

    "เอ่อ...พรุ่งนี้เดี๋ยวก็รู้เองแหละ สัญญาแล้วกัน ว่าฉันจะบอกนายทุกอย่าง"

     

    ร่างบางว่าพลางยกนิ้วก้อยของตนขึ้นเพื่อให้เพื่อนชายของตนเกี่ยว แต่ชายหนุ่มผมแดงได้แต่งุนงงว่าเธอพูดอะไร แล้วทำไมต้องรู้เรื่องพรุ่งนี้ด้วย อีกทั้งยังยกนิ้วก้อยให้เขาเกี่ยวสัญญาเหมือนตอนเด็กๆอีก


     

    ลูเคียเห็นเร็นจิยืนนิ่งอยู่นาน ไม่ยอมยกมือขึ้นมาเกี่ยวก้อยสักที เธอจึงใช้มืออีกข้างจับเข้าที่มือของเร็นจิแล้วยกนิ้วก้อยของเขามาเกี่ยวเข้ากับนิ้วของตน  เร็นจิหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อทันทีอย่างรู้สึกเขิน และรู้สึกว่าวินาทีนั้นหัวใจของเขาก็เต้นระรัวผิดจังหวะ จึงได้แต่สบถในใจ


     

    "ขอบใจนายมากนะที่อยู่ข้างฉันมาตลอด ขอบใจจริงๆ" เธอพูดพลางก้มหน้าหลบตาเขา


     

    "อ...อืม พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ เธอก็อยู่ข้างๆฉันมาตลอดเหมือนกันนั่นแหละ ฉันก็ขอบใจเธอมากนะ" 


     

    "อืม งั้นฉันไปนอนก่อนนะ นายก็รีบไปนอนล่ะเร็นจิ พรุ่งนี้ถ้าตื่นสายฉันไม่รอจริงๆด้วย" 

     

    ลูเคียพูดเสร็จก็คลายนิ้วก้อยออก แล้วเดินเข้าห้องของตัวเองไปโดยไม่ลืมที่จะบ่นเขาก่อนเข้าห้อง


     

    "รู้แล้วน่า เคี่ยวจริงๆเลย ราตรีสวัสดิ์นะลูเคีย"

     

    เร็นจิตะโกนไล่หลังลูเคียเข้าห้องไป แล้วเขาก็เดินกลับห้องของตัวเองเช่นกัน แต่ภายในใจกลับรู้สึกโหวงๆแปลกๆชอบกล


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

    "ฉันไม่สนผู้หญิงพรรค์นั้นหรอกนะ เซเกะ"

     

    น้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ของชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาผู้มีผมสีดำยาวประบ่า เขากำลังบอกกับพ่อบ้านของตัวเอง เมื่อคนตรงหน้าพยายามจะจับคู่เขาให้กับลูกสาวนักธุรกิจหลายคน ตามที่ปู่ของเขาต้องการ ซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกสนใจในตัวผู้หญิงพวกนี้เลยสักนิด


     

    "แต่ท่านงินเรย์ต้องการให้คุณเบียคุยะ..."

    ชายชรา ผู้เป็นพ่อบ้านของเบียคุยะพยายามอธิบาย


     

    "พอแค่นี้แหละ เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้ กลับไปพักผ่อนเถอะ"

     

    เบียคุยะพูดออกไปอย่างตัดรำคาญ คนเป็นพ่อบ้านไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อดี จึงถอดใจหันหลังเดินออกจากห้องทำงานของผู้เป็นนาย แต่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


     

    "อ้อ คุณเบียคุยะ พรุ่งนี้ท่านงินเรย์ ให้คุณไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนศาสตร์ชินโอ ในฐานะผู้นำตระกูลคุจิกิคนที่ 28 และเพื่อไปรับน้องสาวบุญธรรมเข้าตระกูลคุจิกิครับ"


     

    "น้องสาว?"

     

    ชายหนุ่มสงสัย ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างงุนงง เพราะตระกูลคุจิกิ ไม่ได้รับใครเข้าตระกูลง่ายๆ และอีกอย่างเขาเองก็ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าตัวเองจะมีพี่น้องกับเขาด้วย
     

     

    "ท่านงินเรย์สั่งไว้ด้วยว่า ให้คุณเบี่ยคุยะไปด้วยตัวเองเท่านั้นครับ"


     

    "ก็ได้..." ถึงจะตกใจและตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นคำสั่ง หรือหน้าที่ เขาก็ต้องทำอย่างขัดข้องไม่ได้


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

    "เจ้าบ้าเร็นจิ บอกว่าอย่าตื่นสาย ดันตื่นสายซะได้ เห็นมั้ยเนี่ย ฉันเลยต้องมาสายไปด้วยเลย"

     

    เสียงของลูเคียตวาดใส่เร็นจิแต่เช้า พร้อมกับกำลังวิ่งไปโรงเรียนด้วยความเร็ว


     

    "เอาน่า โทษทีๆ หลับเพลินไปหน่อย อย่าบ่นนักเลย รีบไปกันดีกว่า" จากนั้นทั้งสองก็รีบวิ่งไปถึง โรงเรียนก่อนเวลาเล็กน้อย


     

     

     

     

     

     

     

    ลูเคีย กับเร็นจิเข้ามาในห้องเรียน ก็เหลือที่นั่งเพียงแค่ 2 โต๊ะ ซึ่งลูเคียได้เลือกที่นั่งแถวที่สาม ส่วนเร็นจินั่งข้างหลังลูเคียแถวที่สี่


     

    หญิงสาวไล่มองทัศนียภาพในห้องไปเรื่อยๆ เพื่อมองหาเพื่อนใหม่ ในห้องนี้ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่จะไปเรียนเฉพาะทางสายพยาบาล


     

    แต่ผู้หญิงอย่างลูเคียไม่เหมาะกับหน่วยพยาบาลแน่นอน ดังนั้นห้องนี้จึงมีผู้หญิงไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำ และก็มีแต่คนประหลาดๆทั้งนั้น 


     

    ทั้งเด็กผู้หญิงตัวเล็กหัวสีชมพูกำลังวิ่งเล่นไปทั่วห้อง เด็กสาวหน้าตาน่ารัก มัดผมจุก ดวงตาสีน้ำตาลดูอ่อนหวาน กำลังคุยกับหญิงสาวที่มีรูปร่างอวบอึ๋ม หน้าตาสะสวย ผมสีส้มเหลืองอ่อนๆ อย่างสนุกสนาน อีกคนหนึ่งหน้าตาน่ารัก แต่ใบหน้ากลับไร้ความรู้สึกใดๆ เธอไว้ผมสีม่วงเข้ม ถักเปียยาวถึงกลางหลัง ดูท่าจะเป็นคนเงียบๆ และพูดน้อย เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่มุมห้องเงียบๆคนเดียว แล้วก็พวกผู้หญิงที่คุยกันอยู่ที่มุมห้องอีก 3-4 คน


     

    ส่วนพวกผู้ชายน่ะเหรอ มีทั้งคนหัวสีฟ้า ท่าทางดูเถื่อนๆ กำลังนั่งคุยกับผู้ชายอีกคนที่มีผมสีดำสนิท ดวงตาสีเขียวมรกต แต่เหมือนหมอนั่นพูดอยู่คนเดียว เพราะเจ้าหัวดำไม่ได้มีสีหน้า แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลย โดยข้างๆคนทั้งสองมีผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา ผมสีสนิม น้ำตาลแดงเข้ม กำลังนั่งกอดอกหลับตาเหมือนกำลังหลับอยู่  และอีกคนที่มีรอบสักเลข 69 อยู่บนใบหน้า ที่กำลังนั่งคุยอยู่กับผู้ชายผมสีทองๆ


     

    ลูเคียสังเกตมองคนในห้อง แล้วจดจำรายละเอียดเฉพาะบางคน อีกสักพักคงสนิทกันเองนั่นแหละ


     

    แต่เมื่อลูเคียนั่งไปได้สักพัก หญิงสาวก็เหลือบมอง ไปเห็นทรงผมสีส้มแสบตาที่โผล่พ้นหนังสือที่เขากำลังอ่านอยู่ ข้างๆโต๊ะของเธอเอง


     

    เมื่อชายหนุ่มคนนั้นเอาหนังสือ ที่ปิดบังใบหน้าของเขาลง ลูเคียก็ได้เห็นหน้าผู้ชายคนนี้ชัดๆ เธอก็จำได้แม่นทันที ไอคนที่ล้มทับเธอเมื่อวานนี่เอง


     

    "เจ้าเซ่อหัวส้ม!!!"

     

    เธอตะโกนพร้อมลุกขึ้นยืน แล้วชี้หน้าชายหนุ่ม เพราะตกใจ และไม่คิดว่าจะได้เจอ แล้วอยู่ห้องเดียวกันกับหมอนี่ แถมยังนั่งโต๊ะข้างกันอีก


     

    "เธอ!!!" ชายหนุ่มคนนั้นก็มีสีหน้าตกใจไม่แพ้เธอเช่นกัน


     

    "เธอเรียนอยู่ห้องนี้ด้วยเหรอเนี่ย โฮ่...ไม่นึกว่าจะเข้ามาเรียนในห้องนี้ได้ เก่งไม่เบานะเธอน่ะ"


     

    "นายนั่นแหละ มาอยู่ที่ห้องนี้ได้ยังไง ซวยจริงๆเลย ต้องมาเจอเจ้าบ้านี่อีกแล้ว"

     

    ลูเคียว่าแล้วกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ เอามือเท้าคาง แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น


     

    "นี่เธอ ฉันก็มีชื่อเหมือนกันนะ เรียกให้มันดีๆหน่อยสิ"


     

    "แล้วนายชื่ออะไรล่ะ เจ้าโง่งี่เง่า"

     

    ลูเคียหันหน้ามามองพลางยิ้มเยาะ พร้อมเรียกสรรพนามใหม่ที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามถึงกับต้องพยายามสะกดอารมณ์เอาไว้


     

    "ยัยบ้านี่...ฉันชื่อ อิจิโกะ คุโรซากิ อิจิโกะ"


     

    "อืมมม... ที่แท้ชื่อของนายก็แปลว่าสตรอเบอร์รี่งั้นสิ" ลูเคียหันไปยิ้มให้กับอิจิโกะอีกครั้ง


     

    "ไม่ใช่เฟ้ย ชื่อฉันน่ะ แปลว่าปกป้องสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่างหากเล่า"

     

    อิจิโกะถอนหายใจเหนื่อยที่จะเถียง แต่ก็รู้สึกประหลาด และสนุก เพราะเกิดมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้ามาต่อปากต่อคำกับเขาขนาดนี้เลยสักครั้ง


     

    "แล้วเธอล่ะ ชื่ออะไร"


     

    "ลูเคีย"

     

    เธอตอบสั้นๆห้วนๆ เพราะเหนื่อยที่จะเถียงเหมือนกัน แค่ด่าเจ้าเร็นจิไปเมื่อเช้าก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว


     

    "ตอบแค่ชื่ออย่างเดียวได้ยังไงกัน แล้วนามสกุลล่ะ"


     

    ลูเคียหุบยิ้มลงทันใด ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรดี ก็เธอไม่มีนามสกุลนี่ อีกเดี๋ยว เธอก็ต้องเป็นคนของตระกูลคุจิกิแล้ว เร็นจิจะว่ายังไง เธอก็ยังคงคิดเรื่องนี้ไม่ตก


     

    "เอ่อ..."


     

    "อะไรล่ะ ก็พูดมาสิ"


     

    "นามสกุลยัยนี่น่ะ นายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก"

     

    เสียงของเร็นจิขัดขึ้น เมื่อเห็นลูเคียมีท่าทีอย่างนั้น เขารู้ดี เขาเฝ้ามองลูเคียมาตลอด ตั้งแต่เข้ามาในห้อง ดูเหมือนว่าเจ้าหัวส้มนี่จะสนิทกับลูเคียเกินหน้าเกินตาเขาเหลือเกิน


     

    "หืม...แล้วนายเป็นใคร ทำไมต้องมาตอบแทนยัยนี่ด้วย"

     

    อิจิโกะหันไปมองที่มาของเสียงนั้น แล้วเห็นชายหนุ่มผมแดงนั่งจ้องเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเอาซะเลย จนทำให้อิจิโกะต้องหรี่ตามองอย่างไม่พอใจ


     

    "ฉันเป็นเพื่อนสนิทของลูเคีย ชื่อเร็นจิ อาบาราอิ เร็นจิ เรื่องของยัยนี่ฉันรู้หมดล่ะน่ะ นายถามฉันก็ได้นะ"


     

    "ฉันถามลูเคีย ไม่เกี่ยวกับนาย"


     

    "จะถามฉัน หรือถามลูเคียมันก็ได้คำตอบเดียวกันล่ะฟะ"


     

    "ก็ฉันอยากรู้จะปากของลูเคียเองนี่!"


     

    "ฉันบอกแล้วไง ว่าอยากรู้อะไรให้ถามฉัน เพราะว่าฉันอยู่บ้านเดียวกันกับยัยนี่"


     

    "ห้ะ... เมื่อกี๊นายว่าอะไรนะ"

     

    อิจิโกะดูท่าทางตกใจอยู่ไม่น้อย หมอนี่กำลังพยายามอวดว่าตัวเองรู้จักลูเคียดียิ่งกว่าใครๆอยู่เหรอเนี่ย ที่แท้เป็นแฟนกันก็ไม่บอก คงไม่ใช่หรอกมั้ง เมื่อกี๊ยังบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทอยู่เลย


     

    "พอได้แล้ว เร็นจิ!!!"

     

    ลูเคียที่ทนฟังทั้งสองเถียงกันมานาน เริ่มทนไม่ได้ เถียงกันเรื่องไร้สาระ น่ารำคาญชะมัด 


     

    "นามสกุลฉันน่ะ เดี๋ยวนายก็รู้เองนั่นแหละ" ลูเคียหันไปพูดกับอิจิโกะ ที่ยังค้างอยู่กับคำพูดของเร็นจิเมื่อครู่นี้


     

    สักพักอาจารย์ก็เดินเข้ามา แล้วเริ่มสอนวิชายิงปืนภาคทฤษฎี โดยทั้งคาบอิจิโกะได้แต่นั่งมองลูเคีย เพราะยังคาใจกับคำพูดของเร็นจิอยู่


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

    เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ลูเคียก็ลากเร็นจิไปซื้ออาหารเพื่อที่จะคุยเรื่องนั้น แต่เร็นจิอาสาไปซื้อข้าว แล้วให้ลูเคียยืนรอ ทำให้ลูเคียไม่มีโอกาสพูดถึงเรื่องนั้นเลย สักพกอิจิโกะที่เห็นลูเคียอยู่คนเดียว ก็เดินเข้าไปคุย


     

    "นี่เธอ ลูเคีย"


     

    "มีอะไรเหรอ คุโรซากิ อิจิโกะ"


     

    "แหม คราวนี้เรียกซะเต็มยศเชียวนะ ไม่ต้องประชดขนาดนั้นก็ได้ ว่าแต่ที่อยู่บ้านเดียวกับเจ้าหัวแดงนั่น จริงรึเปล่า"


     

    "จริง...แต่เป็นบ้านเด็กกำพร้าน่ะนะ อย่าคิดไปไกลซะล่ะ"

     

    อิจิโกะได้รู้ ก็โล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่คิดว่าไม่น่าไปถามเลย เพราะน้ำเสียงที่เธอตอบเขา ดูเศร้าๆยังไงไม่รู้


     

    "เอ่อ...ขอโทษนะ"


     

    "ไม่เป็นไร นายไม่รู้นี่ ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยมีนามสกุลหรอก"


     

    อิจิโกะได้ยินดังนั้นก็สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ที่บอกว่าอยู่บ้าเด็กกำพร้า นึกๆดูแล้ว เหมือนเขาจะเคยเจอลูเคียที่ไหนมาก่อนนะ


     

    "แต่อีกเดี๋ยวก็มีแล้วแหละ" จากน้ำเสียงเศร้า กลับกลายเป็นน้ำเสียงกวนๆได้อีกครั้งทันที


     

    "เอ๊ะ นี่เธอ จะเอายังไงกันแน่เนี่ย เดี๋ยวมีเดี๋ยวไม่มี"


     

    ลูเคียมองหน้าอิจิโกะที่กำลังทำหน้างง แล้วยิ้ม และขำออกมา หน้าหมอนี่ตอนงงตลกชะมัด เธอก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องบอกเรื่องของตัวเอง ให้อิจิโกะฟัง ทั้งๆที่มันก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายเลยสักนิด คงเป็นเพราะเขาเหมือนกับ'คนๆนั้น'ล่ะมั้ง ทั้งนิสัย และหน้าตา


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

    อีกด้านหนึ่ง คุจิกิ เบียคุยะก็เดินทางมาถึงโรงเรียนศาสตร์ชินโอพอดี เพื่อที่จะมารับน้องสาวบุญธรรมของตัวเอง ซึ่งเขาก็มีหน้าที่ทำตามคำสั่งของปู่งินเรย์ โดยขัดข้องไม่ได้ ชายหนุ่มเดินไปตามระเบียงทางเดินยาว แล้วไปสะดุดตากับเด็กสาวคนหนึ่ง ซึ่งเธอกำลังยืนคุยกับเด็กหนุ่มหัวส้มอยู่


     

     

     

     

    ...ฮิซานะ...

     

    นี่เป็นคำแรกที่ผุดขึ้นมาในใจของเขาทันทีที่ได้เห็นหน้าเธอ ถึงแม้ทรงผมจะไม่เหมือน แต่ใบหน้านั้นใช่เธอแน่ๆ เขาไม่มีวันลืม เด็กสาวคนนี้ถึงแม้จะมีหน้าตาเหมือนฮิซานะแต่เธอมีแววตาที่งดงาม ฉายแววซุกซน น่าค้นหายิ่งกว่า


     

    ที่เขาไม่สนใจผู้หญิงคนไหน เพราะเขารักเพียงแต่ฮิซานะเท่านั้น แต่ฮิซานะกลับจากเขาไปเมื่อปีก่อน เพราะร่างกายที่อ่อนแอ


     

    "เซเกะ น้องสาวบุญธรรมของฉัน คนนั้นใช่ไหม แล้วเธอชื่ออะไร"

    ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่าทำไมท่านปู่งินเรย์ถึงเลือกเด็กคนนี้มาเป็นน้องสาวเขาด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ซึ่งเขาก็รู้ดี


     

    "ใช่ครับ คุณเบียคุยะ เธอชื่อ'ลูเคีย' และเธอก็เป็นน้องสาวของนายหญิงฮิซานะด้วย"


     

    ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นทันทีที่ได้ยินคนสนิทของตนพูดเช่นนั้น เขาเชื่อว่าเซเกะไม่ได้โกหก เพราะใบหน้าที่ถอดแบบมาราวกับฝาแฝดนั่นทำให้เขารู้ ก่อนเอ่นออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 


    "น้องสาวของฮิซานะงั้นเหรอ"


     

    "ครับ ท่านงินเรย์ ให้กระผมตรวจสอบประวัติของเด็กคนนี้แล้ว เธอเป็นน้องสาวของนายหญิงฮิซานะอย่างแน่นอนครับ"


     

    เบียคุยะไม่ตอบ เพียงแต่ใช้นัยน์ตาสีหมอกจับจ้องไปยังใบหน้าของลูเคีย ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าฮิซานะมีน้องสาว เพราะเขาเคยได้ยินฮิซานะพร่ำบ่นถึงน้องสาวด้วยความอาวรณ์ และเสียใจที่ทิ้งเธอไปตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กทารก อีกทั้งวินาทีสุดท้ายของชีวิต ฮิซานะยังฝากฝังเขาให้ช่วยตามหาและดูแลน้องสาว หลังจากนั้นเขาก็ออกตามหามาโดยตลอด จนวันนี้เขาก็ได้พบแล้ว นึกไม่ถึงว่าท่านปู่งินเรย์จะรู้เรื่องนี้ด้วย


     

    ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้เธออย่างไม่รู้ตัว และได้ยินเธอคุยกับเด็กหนุ่มผมส้ม โดยไม่ได้ตั้งใจ


     


    "...เป็นบ้านเด็กกำพร้าน่ะนะ อย่าคิดไปไกลซะล่ะ" 


     

    ...บ้านเด็กกำพร้า ที่แท้เธอก็อยู่ที่นั่นเองเหรอ คงลำบากมากสินะ...


     

    "เอ่อ...ขอโทษนะ"


     

    "ไม่เป็นไร นายไม่รู้นี่ ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยมีนามสกุลหรอก"


     

    เขาได้ยินเธอพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า แล้วนึกโกรธตัวเอง ว่าทำไมเขาไม่ตามหาเธอให้พบเร็วกว่านี้


     

    "แต่อีกเดี๋ยวก็คงมีแล้วล่ะ"


     

    "เอ๊ะ นี่เธอ จะเอายังไงกันแน่เนี่ย เดี๋ยวมีเดี๋ยวไม่มี"


     

    เขาเห็นเธอยืนยิ้ม และหัวเราะให้กับเด็กหนุ่มคนนั้น จึงได้เห็นข้อแตกต่างระหว่างลูเคีย กับฮิซานะอย่างชัดเจน นอกจากแววตาแล้ว คงจะเป็นรอยยิ้ม รอยยิ้มของฮิซานะจะอ่อนโยน อ่อนหวาน แฝงไปด้วยความอบอุ่นเต็มเปี่ยม แต่ลูเคียนั้นมี แววตาเป็นประกายงดงาม สดใสร่าเริงอยุ่เสมอ แต่เวลาเศร้าก็ยิ่งดูน่าสงสาร


     

    เบียคุยะเดินเข้ามาทางด้านข้างของลูเคีย ก่อนจะคว้าแขนเธอให้หันมามองเขา ทั้งลูเคีย และอิจิโกะต่างก็ตกใจ ที่จู่ๆก็มีคนมากระชากข้อมือเธอไป


    ร่างบางของลูเคียหันมองตามแรงดึง ดวงตาสีม่วงเบิกตาเล็กน้อยเมื่อมองมาที่เขา


     

    "ลูเคีย ต่อไปนี้เธอคือ 'คุจิกิ ลูเคีย' น้องสาวของฉัน"


     

    ...ว่าอะไรนะ ฉันน่ะหรอ 'คุจิกิ' ฉันยังไม่ได้ตอบรับอะไรเลยนะ ที่พูดว่าน้องสาวนั่น งั้นคนๆนี้ก็คือ...

     

    ...ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ ยังไงเธอก็คือคนของตระกูล'คุจิกิ' ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ลูเคีย...

     

    ...นาย!! เบียคุยะ มาทำอะไรที่นี่ แล้วทำไม นามสกุลของเธอต้องเป็น'คุจิกิ'ด้วยล่ะ ลูเคีย...






    To Be Con.








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×