ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SFllOS] ALL FOR MINSEOK ft.exo

    ลำดับตอนที่ #4 : [SF] Maybe ? 100% [3/5]

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.พ. 57


    Title : [SF] Maybe ? [3/ ?]

    Author : FLOCKYCHOU’DONUT

    Couple : ??  X XIUMIN

    Rate : PG

    Author’s note :  ตอนนี้คิดว่าใครเป็นพระเอกคะ ? ฮา... ออกยังไม่ครบ อย่าเพิ่งนับศพทหารนะคะ ตอนนี้ตัดใครได้ก็ตัด ใครที่ยังไม่ได้มีบทบาทก็ติดตามกันต่อไป

     

     

     

                    บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมาย... แต่ละจานมินซอกเป็นคนสั่งมาทั้งนั้น  อาจเพราะตอนนี้เป็นช่วงต้นเดือน เลยไม่ขัดสนในเรื่องการเสียเท่าไหร่ ส่วนเรื่องหลังจากนี้มินซอกก็ขอฝากท้องไว้กับเครดิตการ์ดไม่จำกัดวงเงินของจุนมยอนละกัน พอสังเกตดูแล้วเขาก็พบว่ามีเพียงแค่เทาเท่านั้นแหละที่ดูดีใจกับอาหารมื้อใหญ่มื้อนี้

                    “ว้าวๆ มีแต่ของน่ากิน กินกันเถอะๆๆ”เสียงเชิญชวนสำเนียงเพี้ยนๆนั่นพูดขึ้นทันทีที่อาหารที่สั่งมาทั้งหมดครบแล้ว เจ้ามือได้แต่ยิ้มร่าแล้วบอกให้ทั้งสามคนกินเยอะๆ ในขณะที่อี้ชิงสะกิดลู่หานเบาๆ ก่อนจะกระซิบที่หูของอีกคนเป็นภาษาบ้านเกิดว่าเกรงใจเจ้ามือขนาดไหน

                    “ฉันว่ามันต้องแพงมากแน่เลยลู่หาน เราชวนมินซอกหารกันดีไหม บอกเทาด้วยดีกว่า”

                    ลู่หานเองค่อนข้างจะเห็นด้วยกับความคิดของอี้ชิง แต่ตัวเขากลับคิดว่าคนแก้มกลมที่กำลังมุ่งมั่นกับการกินตอนนี้คงไม่ยอมเป็นแน่ ถ้าบอกว่าให้หารกันออก ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะปล่อยโฮออกมาเพราะความขัดใจอีกหรือไม่ พอคิดแบบนั้นแล้วเขาก็ได้แต่บอกให้รอดูท่าทีของคนเลี้ยงไปก่อนดีกว่า

                    “โอโห อร่อยจริงๆด้วยนะมินจ๊อก”

                    “จ๊อกเจิ๊กไรเล่าจื่อเทา  มินซอก”แก้จบก็คีบข้าวคำโตใส่ปาก แถมยังเลอะเสียจนอี้ชิงต้องหยิบกระดาษทิชชู่ยื่นให้

                    “อืมๆ นั่นแหละ อร่อยมากเลยมินซอก”

                    “อร่อยก็กินเยอะๆนะเทา !

                    “อืม ! ไม่เกรงใจละนะ”

                    ......ลู่หานกับอี้ชิงก็ไม่เห็นว่า จื่อเทาจะมีความเกรงใจมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วละ.......

     

                บรรยากาศบนโต๊ะเต็มไปด้วยความสนุกสนานเพราะการหยอกล้อกันของทั้งสี่คน มินซอกนั้นเข้ากับคนง่ายอย่างที่เคยโฆษณาไว้ เจ้าตัวยืนยันจริงไม่ได้โม้หรอกนะ และก็ไม่ได้อวดดด้วย ! อี้ชิงน่ะใจดีเสมอ แถมยังเล่าเรื่องเปิ่นๆของเทาให้ฟังอยู่เรื่อยๆ ลู่หานเองก็ใจดีกว่าที่คิด ส่วนคนที่เขาคิดว่าน่ากลัวที่สุดกลับกลายเป็นคนตลกที่สุด... จื่อเทา

                    “จริงสิ  เรายังไม่รู้เลยว่าทั้งสามคนเรียนคณะอะไร”คราวนี้กลายเป็นเขาเองที่เปิดประเด็น ก็มันอยากรู้... มีเพื่อนใหม่ทั้งทีก็ต้องสืบหาข้อมูลเอาไว้เสียบ้าง จะได้ไปมาหาสู่กันได้นั้นแหละ J

                    “คณะวิทยาศาสตร์น่ะ”

                    อี้ชิงเป็นคนตอบคำถาม เทาขยายความให้เข้าใจลึกเข้าไปอีกว่า เขาอยู่ภาควิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา ส่วนอีกสองคนนั้นอยู่ภาคอุตสาหกรรมเคมี มินซอกพยักหน้าแถมยังทำหน้าตาสนใจทั้งอี้ชิงและลู่หานเป็นพิเศษ เพราะในเทอมนี้ ตัวเขาเองก็ต้องเรียนตัวเคมี ซึ่งยากเอามากๆ แถมตัวมินซอกเองก็ไม่ค่อยจะถนัดวิชาพวกนี้เสียเท่าไหร่

                    “ดีจัง ! เทอมนี้เราเรียนเคมีด้วยละ ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่เลย”

                    “อยากให้ติวให้ก็บอก” ลู่หานเอ่ยขึ้นแทบจะทันทีที่เขาบ่นจบ เท่านั้นละ มินซอกก็ทำตาโตแถมยังพยักหน้าหงึกหงักปากเล็กพร่ำบอกว่าเอาสิๆ หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายแค่พูดเล่นเท่านั้น

                    “ก็ดีนะ ลู่หาน ! นายเก่งเคมีใช่เล่นเลยละ”

                    คราวนี้พ่อตากวางหันขวับไปค้อนใส่จื่อเทาแทบจะทันที ...นั่นไง หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ .....

                    ถึงจะอยากสอนให้ก็เถอะนะ แต่ตัวเขาเองก็ต้องซ้อมที่ชมรมทุกวัน จะเลิกก็ปาไปทุ่มสองทุ่มแล้ว ให้คนตัวเล็กนี่มานั่งรอทุกวันมีหวังอีกคนคงเบื่อตายแน่ๆ ครั้นพอจะหาเหตุผลมาปฏิเสธ สายตาออดอ้อนที่ไม่ได้ตั้งใจของมินซอกก็ทำให้ใจแป๋วจนคำปฏิเสธกลายเป็นต่อรองอีกฝ่ายแทน

                    “ฉันซ้อมบอลทุกวันนะ เลิกก็ประมาณนี่ละ ได้ไหมละ ?

                    “ไม่เป็นไร ก่อนหน้านั้นเราก็ต้องไปดูแลแปลงเหมือนกัน !”ตอบกลับอีกคนเสียงใส ก่อนจะตกลงเรื่องสถานที่ให้แน่นอนกันทั้งคู่ ท่ามกลางรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ของอีกสองคนที่เหลือ

                    ........หวังว่าคุณเสี่ยวลู่หาน จะมีสมาธิในการซ้อมบอลเพิ่มขึ้นนะครับ.......

     

    .

     

    .

     

     

     

     

    .

     

                    มินซอกไม่รู้ว่าการโดนปฏิเสธนี่คืออะไร  วันนี้เป็นวันแรกที่จะได้ติวเคมีกับลู่หาน  คราแรกที่ตกลงจะติวกันสองคนนั้น อาจารย์จำเป็นรีบยกมือโบกไปมาอย่างรวดเร็ว จนเขาอดส่งสายตาตัดพ้อว่ารังเกียจตัวเองขนาดนั้นเลยหรือ อีกคนก็ตอบกลับมาว่ากลัวว่าเขาน่ะจะเกร็งจนเรียนไม่รู้เรื่อง เพราะว่ายังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น อี้ชิงเลยจำเป็นต้องรับปากว่าจะมาช่วยอีกแรง หนำซ้ำยังบอกให้ชวนเพื่อนมาอีกจะได้ใช้งานลู่หานให้คุ้มค่า เพราะอย่างงั้น มินซอกเลยเอ่ยปากชวนทั้งชานยอลและคยองซู แต่คำตอบที่ได้น่ะหรือ

                    “เราก็อยากไปนะมินซอก แต่ว่าเราทำงานพิเศษ”

                    “กูเองก็ต้องไปซ้อมดนตรีกับชมรมกลางน่ะ”

                    เหตุผลของชานยอลทำเอาคนตัวเล็กรู้สึกตะขิดตะแขวงใจ  ก็อี้ชิงไม่เห็นไปซ้อมมั้งเลยนี่นา แถมยังมีเวลาไปนั่งดูแฟนซ้อมบอลอีกต่างหาก แต่ทำไมไอ้เพื่อนโยดาคนนี้กลับต้องไปซ้อมละ ไม่แฟร์ซักนิด ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากคาดคั้นเอาคำตอบจากอีกคนหรอกนะ

                    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไปให้ลู่หานติวคนเดียวก็ได้”

                    อันที่จริงแล้วก็ไม่เป็นไรหรอกนะ เพียงแต่มินซอกแกล้งทำให้มันดูน่าน้อยใจ จนคยองซูต้องมากอดเขาแล้วพร่ำบอกว่าขอโทษนะๆ ถ้าทำงานพิเศษเสร็จไม่ดึกแล้วยังไม่เลิกติวจะรีบไปหา  ชานยอลเองก็รีบกุลีกุจอบอกว่าซ้อมเสร็จแล้วจะรีบบึ่งมอเตอร์ไซด์รุ่นพ่อของตัวเองไปติวด้วยทันที

                    “อือ”ตอบรับพร้อมกอดคยองซูแล้วบอกว่าตนเข้าใจ ไม่เป็นไรหรอก

                    “เดี๋ยวนี้สนิทกับทั้งสามคนนั้นแล้วหรอ มินซอก”คนตัวสูงเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เห็นว่าบรรยากาศบนโต๊ะเงียบลงเล็กน้อย สายตาจับจ้องอยู่ที่คนแก้มกลมที่มีคยองซูคลอเคลียไม่ห่างเพราะกลัวว่าอีกคนจะโกรธเรื่องเมื่อครู่

                    “ก็รู้จักกันมากขึ้นแล้วละ เมื่อวานเราพาสามคนไปเลี้ยงขอโทษมา”

                    “โหววว ทีกับคุณกูและคยองซูไม่เคยเลี้ยงเลยนะคร้าบ”อดที่จะล้อเลียนอีกฝ่ายไม่ได้ มินซอกไม่ได้กล่าวตอบอะไร นอกจากหยักไหล่อย่างน่าหมั่นไส้จนคนตัวโตกว่าต้องหยิบแอ๊ปเปิ้ลที่วางอยู่บนโต๊ะยัดปากแทนการลงโทษอย่างอื่น ถึงยังงั้นมินซอกก็รับแอ๊ปเปิ้ลได้พอดี แถมยังเคี้ยวแก้มตุยเรียกรอยยิ้มของเพื่อนทั้งสองได้เป็นอย่างดี

                “จริงสิ  มินซอกลองชวนจงแดหรือยัง รายนั้นนะดูว่างสำหรับมินซอกตลอดเลยนะ”

                    “แค่ก... น้ำ ขอน้ำ แค่กๆ”เพียงแค่ชื่อที่เอ่ยออกมาก็ทำให้มินซอกสำลักผลไม้ที่เพิ่งกลืนเข้าไปแทบจะทันที ใช้มือข้างนึงตบที่โต๊ะเบาใน  ส่วนอีกข้างก็ทุบหน้าอกตัวเองให้สิ่งที่ติดค้างอยู่มันหล่นลงไป  ชานยอลหัวเราะอย่างสะใจก็จะยื่นขวดน้ำดื่มให้คนที่กำลังจะเป็นจะตายอยู่ตรงหน้า

                    พูดถึง คิมจงแด ทีไร มินซอกไม่สำลักก็บ่นกระปอดกระแปดทุกครั้ง แต่พอเห็นหน้าจริงๆก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่สบตาเจ้าของชื่อผิดกับนิสัยจริงๆที่ชวนคนอื่นคุยเก่งเสียอย่างงั้น และเพราะอย่างงั้นแหละ เลยโดนทั้งเขาและคยองซูล้อเลียนบ่อยครั้ง

                “พูดถึงทำไมละเนี้ย จงแดน่ะ ช่วยอาจารย์เพาะเลี้ยงเนื้ออยู่ ช่วงนี้ไม่ว่างหรอก”

                    ยิ่งรู้เหตุผลที่ไม่อยากจะชวนนั่น ก็ยิ่งทำให้อยากล้อเลียนเข้าไปใหญ่ แหม... นี่ไม่ได้รู้เรื่องของคนต้นเหตุที่ทำให้สำลักเสียเลยนะคิมมินซอก คยองซูหัวเราะคิกคักและก็สบตาของชานยอลพร้อมส่งซิกที่เข้าใจกันแค่สองคน จนมินซอกอดไม่ได้ที่จะเบ้หน้าใส่ทั้งคู่

                    “พอเลยทั้งคู่ ฉันกับจงแดเป็นแค่เพื่อนร่วมคณะกันเท่านั้นแหละ”

                    “อ๋อ !!”ทั้งสองคนเอ่ยตอบเป็นเสียงเดียวแถมยังพยักหน้าเออออว่าใช่ๆ เพื่อนร่วมคณะที่ดี

                    เพื่อนร่วมคณะที่ดีคนหนึ่งที่เทอมก่อน มาตามรับตามส่งคิมมินซอกทุกวัน แถมยังช่วยรดน้ำแปลงผัก ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย พาไปกินข้าว ชวนไปอ่านหนังสือ ดูหนัง กินขนม ก็แค่นี่เอง เพื่อนร่วมคณะ

                ถึงช่วงนี้จะไม่ค่อยเห็นร่างผอมๆที่เห็นบ่อยๆนั่นมาตามติดมินซอกเหมือนเคย ก็จงแดน่ะเป็นถึงลูกศิษย์ที่อาจารย์ในคณะทั้งรักทั้งหลงด้วยฝีมือการทำแลปที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพาะเลี้ยงเชื้อราหรือแมลง เลยโดนจองตัวให้ไปคลุกอยู่ในแลปเป็นผู้ช่วยของอาจารย์หลายคนในการทำวิจัยแทบจะทุกเย็น

                    “แล้วจงแดโทรมาบ้างไหมละ”คยองซูเอ่ยถามขึ้นเพราะความอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คืบหน้าไปอย่างไรบ้าง มินซอกพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสองได้ใจชื้น แต่ก็ต้องใจแป๋วอีกครั้งเมื่อประโยคเสริมมันไม่น่าฟังซักนิด

                    “อื้อ ก็โทรมานะ ตอนตีหนึ่งตีสองน่ะ เราหลับไปแล้วตลอดเลย ไม่ได้รับ”

                    “โถ่ คุณคิมควรส่งข้อความไปให้กำลังใจคุณจงแดบ้างนะคร้าบ”ชานยอลพูดจบ เพื่อนตัวเล็กอีกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย แถมยังหาข้อสนับสนุนมาเพิ่มเติมอีกต่างหาก

                    “ใช่เลย มินซอกน่ะ เป็นเหมือนยาชูกำลังที่ดีของจงแดเลยนะ”                       

                มินซอกรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนวูบวาบเสียจนต้องยกมือขึ้นมาเช็ดมันเบาๆ อันที่จริงแล้วตัวเขาเองก็รู้สึกแปลกเล็กน้อยที่ไม่ค่อยได้เจอจงแดในช่วงนี้ แต่อาจเป็นเพราะช่วงปิดเทอมก็ไม่ได้เจอกันเลยไม่รู้สึกแย่เสียเท่าไหร่ จงแดเองก็ให้ระยะห่างระหว่างเขาพอสมควร แล้วมินซอกเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเติมคำว่า คิดถึงลงในระยะห่างช่วงนั้นแล้วหรือยัง

                    “ไว้เราจะลองส่งไปนะ”และเสียงใสๆดูอ้อมแอ้มเสียจนน่าเอ็นดู นั้นปิดประเด็นเรื่องคิมจงแดไปในที่สุด

     

                    ตอนนี้เวลา 4 โมงครึ่ง นาฬิกาข้อมือเล็กถูกยกขึ้นมาดูอีกครั้ง มินซอกบิดขี้เกียจอีกครั้งก่อนจะก้มหยิบบัวรดน้ำแล้วเดินออกจากห้องพัก โดยมีจุดหมายปลายทางเป็นแปลงผักที่เมื่อวานตัวเขาไม่ไดแวะไป คณะของมินซอกนั่นอยู่ไกลจากหอพักพอสมควร เจ้าตัวเลยตัดใจยืมจักรยานหอพักที่ออกจะใหม่เอี๊ยมเมื่อสิบปีก่อนมาช่วยทุ่นแรง

                    เสียงเพลงดังในหูเบาๆ ขับกล่อมให้ระหว่างทางไม่น่าเบื่อ บัวรดน้ำถูกจัดแจให้ยัดเข้าไปในตระกร้าหน้ารถที่เล็กกว่าจนได้ด้วยฝีมือของมินซอกเอง ริมฝีปากเล็กขยับฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดี

                    .........ใช่แล้ว  เวลาที่ได้มาดูแลแปลงแบบนี้ มินซอกมีความสุขกว่าเรียนทฤษฏีเสียอีก.......

                    พอถึงจุดหมายแล้ว ก็จอดจักรยานคันเก่ากึกไว้กับบริเวณที่ถูกกำหนดไว้ โดยไม่ลืมล็อคคอ เพราะถึงจะเก่าแสนเก่าแต่ก็หายง่ายแสนง่ายเสียเหลือเกิน  มินซอกเดินเข้าไปในแปลงโดยไม่ต้องกลัวเรื่องหญ้าเลยสักนิด เพราะแปลงที่ทำการเรียนการสอนหากมีหญ้าขึ้นนักศึกษาต้องโดนหักคะแนน  ตอนแรกมันก็ดูโล่งแปลกๆ แต่พอผักที่ปลูก ดอกที่หว่าน มันโตแล้วก็สวยงามดูสะอาดตาไปอีก คิดอะไรเพลินๆก็เดินเกือบถึงแปลงของตนที่โตสูงเด่น ออกดอกสวยงามอยู่

                    .....นี่แปลงดอกของเขาเองแหละ..... ดูโตกว่าของเพื่อนๆนิดหน่อย ดีใจที่เห็นมันโตสวยแบบนี้จัง......

                    ครั้นหมายจะไปเชยชมยังแปลงผักของตนที่อยู่ตรงข้าม มินซอกกลับเห็นร่างของใครสักคนกำลังก้มๆเงยๆอยู่กับแปลงผักของเขา รู้สึกไม่คุ้นตาเอาเสียเลย เพ่งมองแล้วก็ยิ่งมั่นใจว่าไม่ใช่จงแดหรือชานยอล เพราะส่วนสูงที่มากกว่าจงแด รูปร่างที่ผอมบางกว่าชานยอลนั่น ไม่เคยเห็นมาก่อนเสียด้วยซ้ำ ใครกันนะ ?

                    ก่อนจะได้หาคำตอบ เมื่อสังเกตดูดีๆเขาก็พบว่าในมือของคนแปลกหน้าที่เข้ามายุ่มหยามแปลงผักของตัวเองนั้น มีสิ่งที่ให้มินซอกและเพื่อนๆมีคะแนนในแปลงแห่งนี้

                    “ขโมยยย !!!!!!!!!!!!!!  มีคนขโมยผักก !!!!!!!!!!

                ไม่รู้ว่าเสียงตะโกนของตนดังแค่ไหน แต่ที่รู้คือเพื่อนคณะในบริเวณนั่นที่กำลังรดน้ำต้นไม้หรือใส่ปุ๋ยอยู่หันมามองมินซอกก่อนจะเบนสายตาไปยังคนที่เขาจดจ้อง และก็จดจ้องเขากลับมาด้วยเช่นกัน สายตาของคนขี้ขโมยนั้นดูตื่นตระหนกตกใจ แต่เหมือนกับว่าถูกจับได้อย่างไม่ทันตั้งตัวเลยทำให้ขาก้าวไม่ออก ผิดกับมินซอกที่พอเห็นอีกฝ่ายหยุดอยู่กับที่แบบนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความเร็วที่มีทั้งหมด  พอวิ่งเข้าไปเกือบจะถึงอีกคนก็เพิ่งรู้สึกตัวและเตรียมตัวจะวิ่งหนี แต่เขาไม่มีทางยอมหรอกนะ มือเล็กๆนั้นทิ้งบัวรดน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นกำเข้าที่คอเสื้อของหัวขโมยก่อนจะออกแรงดึงเต็มที่จนเสียหลักล้มลงโดยที่ตัวเองกลายเป็นเบาะรองให้ร่างสูงนั้นแทน

                    ร่างทั้งสองคนทับอยู่บนพื้น แต่คงมีเพียงมินซอกที่ก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ดวงตาเรียวเล็กปิดกันแน่นแต่มือไม่ได้คลายคอเสื้อของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระแม้แต่น้อย ตอนนี้แม้แต่ความเจ็บก็ไม่สามารถทำให้มินซอกหยุดสนใจหัวขโมยได้หรอกนะ เพราะตอนนี้ไอ้ตัวทำลายคะแนนขึ้นแปลงของเขากำลังคิดจะหนีอีกครั้ง คนตัวเล็กเลยดึงคอเสื้ออีกฝ่ายสุดแรงจนเสียงดัง

                    แคว่ก !

                    เสียงนั้นเผยให้เห็นตั้งแต่ผิวใต้คอเสื้อจนเกือบถึงแผ่นหลังนั้น ดวงตากลมกระพริบปริบๆเหมือนตกใจกับเรี่ยวแรงที่ไม่รู้ไปขุดมาจากไหนของตนเอง ต่างจากผู้เคราะห์ร้ายที่ตอนนี้เปลี่ยนจากเป้าหมายการหนีมาเป็นหันมาประจันหน้ากับเขาแทน  คิมมินซอกกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ ก่อนจะจ้องตาอีกฝ่ายตอบเขม็ง เอาสิ ! เป็นไงเป็นกันละทีนี้

                    “เสื้อฉัน !!

                    “ผักฉัน !!

                    “เสื้อฉันแพงกว่าผักนายนะเว้ย !!

                    “แล้วเสื้อนายมันเป็นคะแนนให้เกรดเหมือนผักฉันป่ะ !!

                    “เออ! ก็ได้ ฉันขอโทษ โอเคไหม ! ก็คนมันไม่มีอะไรจะกินแล้วเนี้ย”พอเห็นอีกฝ่ายยอมง่ายๆ แถมเหตุผลยังน่าสงสารปนน่าเวทนาขนาดนี้  คนแก้มกลมยิ่งทำใจโกรธไม่ลงเมื่อเห็นว่าร่างสูงนั้นยื่นผักที่อยู่ในมือหมายจะคืนให้เจ้าของ

                “.....ถ้างั้นเอาไปก็ได้  เราโดนหักซักสองสามคะแนนไม่เป็นไรหรอก”

                “ห่ะ ???”สาบานได้เลยว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำหน้าดีใจแม้แต่น้อย มันเป็นใบหน้าที่แสดงความสงสัยปนตกใจแกมไม่เข้าใจที่มินซอกอธิบายไม่ถูก ร่างสูงๆนั่นโน้มต่ำลงมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าเขาให้ชัดเจน ก็จะเอื้อมมือมาจับไหล่ทั้งสองแล้วเขย่าราวกับเขาเป็นสิ่งของบางอย่าง

                    “นายเรียกฉันว่าขโมย จับฉัน ดึงฉัน ทำเสื้อฉันขาด แล้วจะให้ผักฉันเนี้ยนะ ? สตินายดีหรือเปล่าว่ะเนี้ย !!!???

                    “จะเอาไหมละ”ถึงจะคิดตามแล้วมันแปลกๆ แต่ยังไงผักพวกนี้มินซอกก็คงเอาไปกินเองไม่หมด ถ้าจะขายเอากำไรก็ไม่กล้าเอาไปขาย ยังไงก็ไม่รู้จะแจกใครอยู่แล้วนี่นา...

     

                    “เอา !

    .

     

     

     

     

    .

     

     

     

     

    .

               

                    คนตัวเล็กแอบมองผู้ช่วยดูแลแปลงคนใหม่เป็นระยะๆ หลังจากที่เล่นเป็นตำรวจจับผู้ร้ายเมื่อประมาณสิบนาทีก่อนหน้านี้  ดูเหมือนคนขี้ขโมยจะสวมร่างกลายเป็นคนสวนมาช่วยเขารดน้ำแปลงผักทั้งที่เสื้อขาดหลุดลุ่ยอยู่แบบนั้น  แต่ถึงเสื้อจะดูไม่ได้ขนาดไหน ก็ไม่ได้ทำให้คนๆนั้นดูแย่เลยแม้แต่น้อย

                    หล่อ.... หน้าตาดีมาก ไอ้คนที่ไม่มีจะกินจนต้องมาปล้นแปลงผักคนอื่นนี่หน้าตาดีมากเสียจนมินซอกเผลอแอบมองใบหน้าที่ได้รูปนั้นบ่อยๆ แม้จะไม่ได้หวานเท่าลู่หาน หรือคมคายเท่าอู๋ฟาน แต่ก็หล่อเหลาเอาการทีเดียว

                    “ชื่อละ ?

                    .....ติดก็แต่ ชอบพูดเสียงเหนื่อยหน่ายและวาจาห้วนๆเท่านั้นแหละ......

                    “มินซอก แล้วนายละ”พอถามกลับ อีกฝ่ายก็อ้าปากค้างราวกับไม่เชื่อว่าเขาจะไม่รู้ตัวเอง ก็ใช่ไง ชีวิตของมินซอกน่ะคลุกคลีอยู่กับเพื่อนคณะ เพื่อนเซคชั่น คนในชมรมและก็ค่ายอาสาสิ่งแวดล้อมเท่านั้นแหละ และที่กล่าวมาทั้งหมดไม่มีคนตรงหน้านั่นอยู่ซักอย่าง จะให้รู้จักได้ยังไงละ

                    “นายไม่รู้จักฉัน !????

                    “อือ ไม่รู้ เห้ๆ ! รดน้ำดีๆได้ป่ะ ต้นนั้นมันชุ่มเกินไปแล้วนะ”

                    “นายไม่รู้จักฉันจริงๆหรอ !!!!

                    “อือ ไม่รู้ไงละ เหยย !! พอเลย เอาบัวมาเดี๋ยวนี้นะ”พูดพร้อมไปคว้าบัวรดน้ำมาจากมือของคนที่กำลังตกใจไม่น้อยนี่อยู่  พอแย่งอุปกรณ์มาได้ก็จับมันวางลงกับพื้นแล้วก้มตรวจดูพืชที่ได้รับปริมาณน้ำมากเกินไปด้วยความสงสาร

                    “โถ่.... อย่าเฉาน้ำตายนะน้องบล็อกของพี่ เดี๋ยวจะมาพรวนดินให้ทุกวันนะ”

                    “นายไปอยู่ไหนมา รู้จักอี้ฟานไหม ?

                    “รู้... แต่อี้ฟานไม่รู้จักเราหรอกนะ”.....ในมหาลัยก็กว้าง รู้จักกันอยู่แค่นี้หรือไงกันนะ ?.....

                    “อ้าว แล้วลู่หานละ ลู่หานน่ะ”

                    “รู้  วันนี้เราจะไปติวเคมีกับลู่หาน”.....บางทีมินซอกก็ว่ามันกลมเกินไปเสียจนแคบ !......

                    “แล้วชานยอลละ ?

                    “อื้อ เพื่อนเซคเดียวกัน สนิทเลยละ”กล่าวตอบแบบปัดๆพร้อมรดน้ำผักต้นอื่นๆต่อไป ปล่อยให้ร่างสูงยืนขยี้หัวตัวเองอย่างโมโห  ทั้งที่เขาเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าทำอะไรให้โมโห

                    “นายรู้จักเดือนคณะอื่น แต่ไม่รู้จักฉันเนี้ยนะ  ทำไมกันวะ !!!!!

                    คราวนี้คนตัวเล็กเลิกคิ้วกับความรู้ใหม่ของตัวเอง  อันที่จริงก็พอรู้ว่า ปาร์คชานยอล นั่นเป็นถึงเดือนคณะเกษตร แต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าทั้งลู่หาน และอู๋ฟานจะเป็นเดือนคณะ เอาจริงๆแล้วเขายังไม่รู้เลยว่าอู๋ฟานนั่นอยู่คณะอะไร แล้วอย่าคิดเลยว่าจะรู้จักเจ้าคนที่โวยวายอยู่นี่ว่าชื่ออะไร อยู่คณะอะไร

                    “ฉันถามแค่ชื่อนายนะ ทำไมโวยวายมากจัง ตอบมาก็จบๆละ”บ่นอุบอิบแล้วก็ก้มลงไปถอนหญ้าด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยจนอีกฝ่ายรู้สึกใจแกว่งเพราะรู้สึกว่าตนนอกเรื่องมากเกินไปจริงๆ  หารู้ไม่ว่าต้นเหตุของใบหน้าเศร้าๆนี่ก็มาจากที่คนแก้มกลมต้องทำใจถอนหญ้าที่ไม่อยากจะถอนออกจากแปลงนั่นแหละ

                    ..........ก็มินซอกน่ะ  สงสารคุณหญ้านี่นา.............

                    “ฉัน  โอเซฮุน  คณะรัฐศาสตร์”

                จากนี้ไป โอ เซฮุน ก็ได้แต่หวังว่ามินซอกจะจดจำเซฮุนคนนี้เอาไว้ในเศษเสี้ยวความทรงจำเสียให้สมกับราคาเสื้อตัวละหลายพันที่เสียไปเพื่อจะทำความรู้จักในวันนี้ละนะ

                    หวังว่าแผนการขโมยผักทำความรู้จักคงได้ผลบ้างละ J



    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×