คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [SF] Maybe ? 100% [3/5]
Title : [SF] Maybe ? [3/ ?]
Author : FLOCKYCHOU’DONUT
Couple : ?? X XIUMIN
Rate : PG
Author’s note : ตอนนี้คิดว่าใครเป็นพระเอกคะ ? ฮา... ออกยังไม่ครบ อย่าเพิ่งนับศพทหารนะคะ ตอนนี้ตัดใครได้ก็ตัด ใครที่ยังไม่ได้มีบทบาทก็ติดตามกันต่อไป
บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมาย... แต่ละจานมินซอกเป็นคนสั่งมาทั้งนั้น อาจเพราะตอนนี้เป็นช่วงต้นเดือน เลยไม่ขัดสนในเรื่องการเสียเท่าไหร่ ส่วนเรื่องหลังจากนี้มินซอกก็ขอฝากท้องไว้กับเครดิตการ์ดไม่จำกัดวงเงินของจุนมยอนละกัน พอสังเกตดูแล้วเขาก็พบว่ามีเพียงแค่เทาเท่านั้นแหละที่ดูดีใจกับอาหารมื้อใหญ่มื้อนี้
“ว้าวๆ มีแต่ของน่ากิน กินกันเถอะๆๆ”เสียงเชิญชวนสำเนียงเพี้ยนๆนั่นพูดขึ้นทันทีที่อาหารที่สั่งมาทั้งหมดครบแล้ว เจ้ามือได้แต่ยิ้มร่าแล้วบอกให้ทั้งสามคนกินเยอะๆ ในขณะที่อี้ชิงสะกิดลู่หานเบาๆ ก่อนจะกระซิบที่หูของอีกคนเป็นภาษาบ้านเกิดว่าเกรงใจเจ้ามือขนาดไหน
“ฉันว่ามันต้องแพงมากแน่เลยลู่หาน เราชวนมินซอกหารกันดีไหม บอกเทาด้วยดีกว่า”
ลู่หานเองค่อนข้างจะเห็นด้วยกับความคิดของอี้ชิง แต่ตัวเขากลับคิดว่าคนแก้มกลมที่กำลังมุ่งมั่นกับการกินตอนนี้คงไม่ยอมเป็นแน่ ถ้าบอกว่าให้หารกันออก ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะปล่อยโฮออกมาเพราะความขัดใจอีกหรือไม่ พอคิดแบบนั้นแล้วเขาก็ได้แต่บอกให้รอดูท่าทีของคนเลี้ยงไปก่อนดีกว่า
“โอโห อร่อยจริงๆด้วยนะมินจ๊อก”
“จ๊อกเจิ๊กไรเล่าจื่อเทา มินซอก”แก้จบก็คีบข้าวคำโตใส่ปาก แถมยังเลอะเสียจนอี้ชิงต้องหยิบกระดาษทิชชู่ยื่นให้
“อืมๆ นั่นแหละ อร่อยมากเลยมินซอก”
“อร่อยก็กินเยอะๆนะเทา !”
“อืม ! ไม่เกรงใจละนะ”
......ลู่หานกับอี้ชิงก็ไม่เห็นว่า จื่อเทาจะมีความเกรงใจมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วละ.......
บรรยากาศบนโต๊ะเต็มไปด้วยความสนุกสนานเพราะการหยอกล้อกันของทั้งสี่คน มินซอกนั้นเข้ากับคนง่ายอย่างที่เคยโฆษณาไว้ เจ้าตัวยืนยันจริงไม่ได้โม้หรอกนะ และก็ไม่ได้อวดดด้วย ! อี้ชิงน่ะใจดีเสมอ แถมยังเล่าเรื่องเปิ่นๆของเทาให้ฟังอยู่เรื่อยๆ ลู่หานเองก็ใจดีกว่าที่คิด ส่วนคนที่เขาคิดว่าน่ากลัวที่สุดกลับกลายเป็นคนตลกที่สุด... จื่อเทา
“จริงสิ เรายังไม่รู้เลยว่าทั้งสามคนเรียนคณะอะไร”คราวนี้กลายเป็นเขาเองที่เปิดประเด็น ก็มันอยากรู้... มีเพื่อนใหม่ทั้งทีก็ต้องสืบหาข้อมูลเอาไว้เสียบ้าง จะได้ไปมาหาสู่กันได้นั้นแหละ J
“คณะวิทยาศาสตร์น่ะ”
อี้ชิงเป็นคนตอบคำถาม เทาขยายความให้เข้าใจลึกเข้าไปอีกว่า เขาอยู่ภาควิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา ส่วนอีกสองคนนั้นอยู่ภาคอุตสาหกรรมเคมี มินซอกพยักหน้าแถมยังทำหน้าตาสนใจทั้งอี้ชิงและลู่หานเป็นพิเศษ เพราะในเทอมนี้ ตัวเขาเองก็ต้องเรียนตัวเคมี ซึ่งยากเอามากๆ แถมตัวมินซอกเองก็ไม่ค่อยจะถนัดวิชาพวกนี้เสียเท่าไหร่
“ดีจัง ! เทอมนี้เราเรียนเคมีด้วยละ ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่เลย”
“อยากให้ติวให้ก็บอก” ลู่หานเอ่ยขึ้นแทบจะทันทีที่เขาบ่นจบ เท่านั้นละ มินซอกก็ทำตาโตแถมยังพยักหน้าหงึกหงักปากเล็กพร่ำบอกว่าเอาสิๆ หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายแค่พูดเล่นเท่านั้น
“ก็ดีนะ ลู่หาน ! นายเก่งเคมีใช่เล่นเลยละ”
คราวนี้พ่อตากวางหันขวับไปค้อนใส่จื่อเทาแทบจะทันที ...นั่นไง หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ .....
ถึงจะอยากสอนให้ก็เถอะนะ แต่ตัวเขาเองก็ต้องซ้อมที่ชมรมทุกวัน จะเลิกก็ปาไปทุ่มสองทุ่มแล้ว ให้คนตัวเล็กนี่มานั่งรอทุกวันมีหวังอีกคนคงเบื่อตายแน่ๆ ครั้นพอจะหาเหตุผลมาปฏิเสธ สายตาออดอ้อนที่ไม่ได้ตั้งใจของมินซอกก็ทำให้ใจแป๋วจนคำปฏิเสธกลายเป็นต่อรองอีกฝ่ายแทน
“ฉันซ้อมบอลทุกวันนะ เลิกก็ประมาณนี่ละ ได้ไหมละ ?”
“ไม่เป็นไร ก่อนหน้านั้นเราก็ต้องไปดูแลแปลงเหมือนกัน !”ตอบกลับอีกคนเสียงใส ก่อนจะตกลงเรื่องสถานที่ให้แน่นอนกันทั้งคู่ ท่ามกลางรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ของอีกสองคนที่เหลือ
........หวังว่าคุณเสี่ยวลู่หาน จะมีสมาธิในการซ้อมบอลเพิ่มขึ้นนะครับ.......
.
.
.
มินซอกไม่รู้ว่าการโดนปฏิเสธนี่คืออะไร วันนี้เป็นวันแรกที่จะได้ติวเคมีกับลู่หาน คราแรกที่ตกลงจะติวกันสองคนนั้น อาจารย์จำเป็นรีบยกมือโบกไปมาอย่างรวดเร็ว จนเขาอดส่งสายตาตัดพ้อว่ารังเกียจตัวเองขนาดนั้นเลยหรือ อีกคนก็ตอบกลับมาว่ากลัวว่าเขาน่ะจะเกร็งจนเรียนไม่รู้เรื่อง เพราะว่ายังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น อี้ชิงเลยจำเป็นต้องรับปากว่าจะมาช่วยอีกแรง หนำซ้ำยังบอกให้ชวนเพื่อนมาอีกจะได้ใช้งานลู่หานให้คุ้มค่า เพราะอย่างงั้น มินซอกเลยเอ่ยปากชวนทั้งชานยอลและคยองซู แต่คำตอบที่ได้น่ะหรือ…
“เราก็อยากไปนะมินซอก แต่ว่าเราทำงานพิเศษ”
“กูเองก็ต้องไปซ้อมดนตรีกับชมรมกลางน่ะ”
เหตุผลของชานยอลทำเอาคนตัวเล็กรู้สึกตะขิดตะแขวงใจ ก็อี้ชิงไม่เห็นไปซ้อมมั้งเลยนี่นา แถมยังมีเวลาไปนั่งดูแฟนซ้อมบอลอีกต่างหาก แต่ทำไมไอ้เพื่อนโยดาคนนี้กลับต้องไปซ้อมละ ไม่แฟร์ซักนิด ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากคาดคั้นเอาคำตอบจากอีกคนหรอกนะ
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไปให้ลู่หานติวคนเดียวก็ได้”
อันที่จริงแล้วก็ไม่เป็นไรหรอกนะ เพียงแต่มินซอกแกล้งทำให้มันดูน่าน้อยใจ จนคยองซูต้องมากอดเขาแล้วพร่ำบอกว่าขอโทษนะๆ ถ้าทำงานพิเศษเสร็จไม่ดึกแล้วยังไม่เลิกติวจะรีบไปหา ชานยอลเองก็รีบกุลีกุจอบอกว่าซ้อมเสร็จแล้วจะรีบบึ่งมอเตอร์ไซด์รุ่นพ่อของตัวเองไปติวด้วยทันที
“อือ”ตอบรับพร้อมกอดคยองซูแล้วบอกว่าตนเข้าใจ ไม่เป็นไรหรอก
“เดี๋ยวนี้สนิทกับทั้งสามคนนั้นแล้วหรอ มินซอก”คนตัวสูงเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เห็นว่าบรรยากาศบนโต๊ะเงียบลงเล็กน้อย สายตาจับจ้องอยู่ที่คนแก้มกลมที่มีคยองซูคลอเคลียไม่ห่างเพราะกลัวว่าอีกคนจะโกรธเรื่องเมื่อครู่
“ก็รู้จักกันมากขึ้นแล้วละ เมื่อวานเราพาสามคนไปเลี้ยงขอโทษมา”
“โหววว ทีกับคุณกูและคยองซูไม่เคยเลี้ยงเลยนะคร้าบ”อดที่จะล้อเลียนอีกฝ่ายไม่ได้ มินซอกไม่ได้กล่าวตอบอะไร นอกจากหยักไหล่อย่างน่าหมั่นไส้จนคนตัวโตกว่าต้องหยิบแอ๊ปเปิ้ลที่วางอยู่บนโต๊ะยัดปากแทนการลงโทษอย่างอื่น ถึงยังงั้นมินซอกก็รับแอ๊ปเปิ้ลได้พอดี แถมยังเคี้ยวแก้มตุยเรียกรอยยิ้มของเพื่อนทั้งสองได้เป็นอย่างดี
“จริงสิ มินซอกลองชวนจงแดหรือยัง รายนั้นนะดูว่างสำหรับมินซอกตลอดเลยนะ”
“แค่ก... น้ำ ขอน้ำ แค่กๆ”เพียงแค่ชื่อที่เอ่ยออกมาก็ทำให้มินซอกสำลักผลไม้ที่เพิ่งกลืนเข้าไปแทบจะทันที ใช้มือข้างนึงตบที่โต๊ะเบาใน ส่วนอีกข้างก็ทุบหน้าอกตัวเองให้สิ่งที่ติดค้างอยู่มันหล่นลงไป ชานยอลหัวเราะอย่างสะใจก็จะยื่นขวดน้ำดื่มให้คนที่กำลังจะเป็นจะตายอยู่ตรงหน้า
พูดถึง คิมจงแด ทีไร มินซอกไม่สำลักก็บ่นกระปอดกระแปดทุกครั้ง แต่พอเห็นหน้าจริงๆก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่สบตาเจ้าของชื่อผิดกับนิสัยจริงๆที่ชวนคนอื่นคุยเก่งเสียอย่างงั้น และเพราะอย่างงั้นแหละ เลยโดนทั้งเขาและคยองซูล้อเลียนบ่อยครั้ง
“พูดถึงทำไมละเนี้ย จงแดน่ะ ช่วยอาจารย์เพาะเลี้ยงเนื้ออยู่ ช่วงนี้ไม่ว่างหรอก”
ยิ่งรู้เหตุผลที่ไม่อยากจะชวนนั่น ก็ยิ่งทำให้อยากล้อเลียนเข้าไปใหญ่ แหม... นี่ไม่ได้รู้เรื่องของคนต้นเหตุที่ทำให้สำลักเสียเลยนะคิมมินซอก คยองซูหัวเราะคิกคักและก็สบตาของชานยอลพร้อมส่งซิกที่เข้าใจกันแค่สองคน จนมินซอกอดไม่ได้ที่จะเบ้หน้าใส่ทั้งคู่
“พอเลยทั้งคู่ ฉันกับจงแดเป็นแค่เพื่อนร่วมคณะกันเท่านั้นแหละ”
“อ๋อ !!”ทั้งสองคนเอ่ยตอบเป็นเสียงเดียวแถมยังพยักหน้าเออออว่าใช่ๆ เพื่อนร่วมคณะที่ดี
เพื่อนร่วมคณะที่ดีคนหนึ่งที่เทอมก่อน มาตามรับตามส่งคิมมินซอกทุกวัน แถมยังช่วยรดน้ำแปลงผัก ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย พาไปกินข้าว ชวนไปอ่านหนังสือ ดูหนัง กินขนม ก็แค่นี่เอง เพื่อนร่วมคณะ
ถึงช่วงนี้จะไม่ค่อยเห็นร่างผอมๆที่เห็นบ่อยๆนั่นมาตามติดมินซอกเหมือนเคย ก็จงแดน่ะเป็นถึงลูกศิษย์ที่อาจารย์ในคณะทั้งรักทั้งหลงด้วยฝีมือการทำแลปที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพาะเลี้ยงเชื้อราหรือแมลง เลยโดนจองตัวให้ไปคลุกอยู่ในแลปเป็นผู้ช่วยของอาจารย์หลายคนในการทำวิจัยแทบจะทุกเย็น
“แล้วจงแดโทรมาบ้างไหมละ”คยองซูเอ่ยถามขึ้นเพราะความอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คืบหน้าไปอย่างไรบ้าง มินซอกพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสองได้ใจชื้น แต่ก็ต้องใจแป๋วอีกครั้งเมื่อประโยคเสริมมันไม่น่าฟังซักนิด
“อื้อ ก็โทรมานะ ตอนตีหนึ่งตีสองน่ะ เราหลับไปแล้วตลอดเลย ไม่ได้รับ”
“โถ่ คุณคิมควรส่งข้อความไปให้กำลังใจคุณจงแดบ้างนะคร้าบ”ชานยอลพูดจบ เพื่อนตัวเล็กอีกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย แถมยังหาข้อสนับสนุนมาเพิ่มเติมอีกต่างหาก
“ใช่เลย มินซอกน่ะ เป็นเหมือนยาชูกำลังที่ดีของจงแดเลยนะ”
มินซอกรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนวูบวาบเสียจนต้องยกมือขึ้นมาเช็ดมันเบาๆ อันที่จริงแล้วตัวเขาเองก็รู้สึกแปลกเล็กน้อยที่ไม่ค่อยได้เจอจงแดในช่วงนี้ แต่อาจเป็นเพราะช่วงปิดเทอมก็ไม่ได้เจอกันเลยไม่รู้สึกแย่เสียเท่าไหร่ จงแดเองก็ให้ระยะห่างระหว่างเขาพอสมควร แล้วมินซอกเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเติมคำว่า ‘คิดถึง’ ลงในระยะห่างช่วงนั้นแล้วหรือยัง
“ไว้เราจะลองส่งไปนะ”และเสียงใสๆดูอ้อมแอ้มเสียจนน่าเอ็นดู นั้นปิดประเด็นเรื่องคิมจงแดไปในที่สุด
ตอนนี้เวลา 4 โมงครึ่ง นาฬิกาข้อมือเล็กถูกยกขึ้นมาดูอีกครั้ง มินซอกบิดขี้เกียจอีกครั้งก่อนจะก้มหยิบบัวรดน้ำแล้วเดินออกจากห้องพัก โดยมีจุดหมายปลายทางเป็นแปลงผักที่เมื่อวานตัวเขาไม่ไดแวะไป คณะของมินซอกนั่นอยู่ไกลจากหอพักพอสมควร เจ้าตัวเลยตัดใจยืมจักรยานหอพักที่ออกจะใหม่เอี๊ยมเมื่อสิบปีก่อนมาช่วยทุ่นแรง
เสียงเพลงดังในหูเบาๆ ขับกล่อมให้ระหว่างทางไม่น่าเบื่อ บัวรดน้ำถูกจัดแจให้ยัดเข้าไปในตระกร้าหน้ารถที่เล็กกว่าจนได้ด้วยฝีมือของมินซอกเอง ริมฝีปากเล็กขยับฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดี
.........ใช่แล้ว เวลาที่ได้มาดูแลแปลงแบบนี้ มินซอกมีความสุขกว่าเรียนทฤษฏีเสียอีก.......
พอถึงจุดหมายแล้ว ก็จอดจักรยานคันเก่ากึกไว้กับบริเวณที่ถูกกำหนดไว้ โดยไม่ลืมล็อคคอ เพราะถึงจะเก่าแสนเก่าแต่ก็หายง่ายแสนง่ายเสียเหลือเกิน มินซอกเดินเข้าไปในแปลงโดยไม่ต้องกลัวเรื่องหญ้าเลยสักนิด เพราะแปลงที่ทำการเรียนการสอนหากมีหญ้าขึ้นนักศึกษาต้องโดนหักคะแนน ตอนแรกมันก็ดูโล่งแปลกๆ แต่พอผักที่ปลูก ดอกที่หว่าน มันโตแล้วก็สวยงามดูสะอาดตาไปอีก คิดอะไรเพลินๆก็เดินเกือบถึงแปลงของตนที่โตสูงเด่น ออกดอกสวยงามอยู่
.....นี่แปลงดอกของเขาเองแหละ..... ดูโตกว่าของเพื่อนๆนิดหน่อย ดีใจที่เห็นมันโตสวยแบบนี้จัง......
ครั้นหมายจะไปเชยชมยังแปลงผักของตนที่อยู่ตรงข้าม มินซอกกลับเห็นร่างของใครสักคนกำลังก้มๆเงยๆอยู่กับแปลงผักของเขา รู้สึกไม่คุ้นตาเอาเสียเลย เพ่งมองแล้วก็ยิ่งมั่นใจว่าไม่ใช่จงแดหรือชานยอล เพราะส่วนสูงที่มากกว่าจงแด รูปร่างที่ผอมบางกว่าชานยอลนั่น ไม่เคยเห็นมาก่อนเสียด้วยซ้ำ ใครกันนะ ?
ก่อนจะได้หาคำตอบ เมื่อสังเกตดูดีๆเขาก็พบว่าในมือของคนแปลกหน้าที่เข้ามายุ่มหยามแปลงผักของตัวเองนั้น มีสิ่งที่ให้มินซอกและเพื่อนๆมีคะแนนในแปลงแห่งนี้
“ขโมยยย !!!!!!!!!!!!!! มีคนขโมยผักก !!!!!!!!!!”
ไม่รู้ว่าเสียงตะโกนของตนดังแค่ไหน แต่ที่รู้คือเพื่อนคณะในบริเวณนั่นที่กำลังรดน้ำต้นไม้หรือใส่ปุ๋ยอยู่หันมามองมินซอกก่อนจะเบนสายตาไปยังคนที่เขาจดจ้อง และก็จดจ้องเขากลับมาด้วยเช่นกัน สายตาของคนขี้ขโมยนั้นดูตื่นตระหนกตกใจ แต่เหมือนกับว่าถูกจับได้อย่างไม่ทันตั้งตัวเลยทำให้ขาก้าวไม่ออก ผิดกับมินซอกที่พอเห็นอีกฝ่ายหยุดอยู่กับที่แบบนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความเร็วที่มีทั้งหมด พอวิ่งเข้าไปเกือบจะถึงอีกคนก็เพิ่งรู้สึกตัวและเตรียมตัวจะวิ่งหนี แต่เขาไม่มีทางยอมหรอกนะ มือเล็กๆนั้นทิ้งบัวรดน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นกำเข้าที่คอเสื้อของหัวขโมยก่อนจะออกแรงดึงเต็มที่จนเสียหลักล้มลงโดยที่ตัวเองกลายเป็นเบาะรองให้ร่างสูงนั้นแทน
ร่างทั้งสองคนทับอยู่บนพื้น แต่คงมีเพียงมินซอกที่ก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ดวงตาเรียวเล็กปิดกันแน่นแต่มือไม่ได้คลายคอเสื้อของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระแม้แต่น้อย ตอนนี้แม้แต่ความเจ็บก็ไม่สามารถทำให้มินซอกหยุดสนใจหัวขโมยได้หรอกนะ เพราะตอนนี้ไอ้ตัวทำลายคะแนนขึ้นแปลงของเขากำลังคิดจะหนีอีกครั้ง คนตัวเล็กเลยดึงคอเสื้ออีกฝ่ายสุดแรงจนเสียงดัง
แคว่ก !
เสียงนั้นเผยให้เห็นตั้งแต่ผิวใต้คอเสื้อจนเกือบถึงแผ่นหลังนั้น ดวงตากลมกระพริบปริบๆเหมือนตกใจกับเรี่ยวแรงที่ไม่รู้ไปขุดมาจากไหนของตนเอง ต่างจากผู้เคราะห์ร้ายที่ตอนนี้เปลี่ยนจากเป้าหมายการหนีมาเป็นหันมาประจันหน้ากับเขาแทน คิมมินซอกกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ ก่อนจะจ้องตาอีกฝ่ายตอบเขม็ง เอาสิ ! เป็นไงเป็นกันละทีนี้
“เสื้อฉัน !!”
“ผักฉัน !!”
“เสื้อฉันแพงกว่าผักนายนะเว้ย !!”
“แล้วเสื้อนายมันเป็นคะแนนให้เกรดเหมือนผักฉันป่ะ !!”
“เออ! ก็ได้ ฉันขอโทษ โอเคไหม ! ก็คนมันไม่มีอะไรจะกินแล้วเนี้ย”พอเห็นอีกฝ่ายยอมง่ายๆ แถมเหตุผลยังน่าสงสารปนน่าเวทนาขนาดนี้ คนแก้มกลมยิ่งทำใจโกรธไม่ลงเมื่อเห็นว่าร่างสูงนั้นยื่นผักที่อยู่ในมือหมายจะคืนให้เจ้าของ
“.....ถ้างั้นเอาไปก็ได้ เราโดนหักซักสองสามคะแนนไม่เป็นไรหรอก”
“ห่ะ ???”สาบานได้เลยว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำหน้าดีใจแม้แต่น้อย มันเป็นใบหน้าที่แสดงความสงสัยปนตกใจแกมไม่เข้าใจที่มินซอกอธิบายไม่ถูก ร่างสูงๆนั่นโน้มต่ำลงมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าเขาให้ชัดเจน ก็จะเอื้อมมือมาจับไหล่ทั้งสองแล้วเขย่าราวกับเขาเป็นสิ่งของบางอย่าง
“นายเรียกฉันว่าขโมย จับฉัน ดึงฉัน ทำเสื้อฉันขาด แล้วจะให้ผักฉันเนี้ยนะ ? สตินายดีหรือเปล่าว่ะเนี้ย !!!???”
“จะเอาไหมละ”ถึงจะคิดตามแล้วมันแปลกๆ แต่ยังไงผักพวกนี้มินซอกก็คงเอาไปกินเองไม่หมด ถ้าจะขายเอากำไรก็ไม่กล้าเอาไปขาย ยังไงก็ไม่รู้จะแจกใครอยู่แล้วนี่นา...
“เอา !”
.
.
.
คนตัวเล็กแอบมองผู้ช่วยดูแลแปลงคนใหม่เป็นระยะๆ หลังจากที่เล่นเป็นตำรวจจับผู้ร้ายเมื่อประมาณสิบนาทีก่อนหน้านี้ ดูเหมือนคนขี้ขโมยจะสวมร่างกลายเป็นคนสวนมาช่วยเขารดน้ำแปลงผักทั้งที่เสื้อขาดหลุดลุ่ยอยู่แบบนั้น แต่ถึงเสื้อจะดูไม่ได้ขนาดไหน ก็ไม่ได้ทำให้คนๆนั้นดูแย่เลยแม้แต่น้อย
หล่อ.... หน้าตาดีมาก ไอ้คนที่ไม่มีจะกินจนต้องมาปล้นแปลงผักคนอื่นนี่หน้าตาดีมากเสียจนมินซอกเผลอแอบมองใบหน้าที่ได้รูปนั้นบ่อยๆ แม้จะไม่ได้หวานเท่าลู่หาน หรือคมคายเท่าอู๋ฟาน แต่ก็หล่อเหลาเอาการทีเดียว
“ชื่อละ ?”
.....ติดก็แต่ ชอบพูดเสียงเหนื่อยหน่ายและวาจาห้วนๆเท่านั้นแหละ......
“มินซอก แล้วนายละ”พอถามกลับ อีกฝ่ายก็อ้าปากค้างราวกับไม่เชื่อว่าเขาจะไม่รู้ตัวเอง ก็ใช่ไง ชีวิตของมินซอกน่ะคลุกคลีอยู่กับเพื่อนคณะ เพื่อนเซคชั่น คนในชมรมและก็ค่ายอาสาสิ่งแวดล้อมเท่านั้นแหละ และที่กล่าวมาทั้งหมดไม่มีคนตรงหน้านั่นอยู่ซักอย่าง จะให้รู้จักได้ยังไงละ
“นายไม่รู้จักฉัน !????”
“อือ ไม่รู้ เห้ๆ ! รดน้ำดีๆได้ป่ะ ต้นนั้นมันชุ่มเกินไปแล้วนะ”
“นายไม่รู้จักฉันจริงๆหรอ !!!!”
“อือ ไม่รู้ไงละ เหยย !! พอเลย เอาบัวมาเดี๋ยวนี้นะ”พูดพร้อมไปคว้าบัวรดน้ำมาจากมือของคนที่กำลังตกใจไม่น้อยนี่อยู่ พอแย่งอุปกรณ์มาได้ก็จับมันวางลงกับพื้นแล้วก้มตรวจดูพืชที่ได้รับปริมาณน้ำมากเกินไปด้วยความสงสาร
“โถ่.... อย่าเฉาน้ำตายนะน้องบล็อกของพี่ เดี๋ยวจะมาพรวนดินให้ทุกวันนะ”
“นายไปอยู่ไหนมา รู้จักอี้ฟานไหม ?”
“รู้... แต่อี้ฟานไม่รู้จักเราหรอกนะ”.....ในมหาลัยก็กว้าง รู้จักกันอยู่แค่นี้หรือไงกันนะ ?.....
“อ้าว แล้วลู่หานละ ลู่หานน่ะ”
“รู้ วันนี้เราจะไปติวเคมีกับลู่หาน”.....บางทีมินซอกก็ว่ามันกลมเกินไปเสียจนแคบ !......
“แล้วชานยอลละ ?”
“อื้อ เพื่อนเซคเดียวกัน สนิทเลยละ”กล่าวตอบแบบปัดๆพร้อมรดน้ำผักต้นอื่นๆต่อไป ปล่อยให้ร่างสูงยืนขยี้หัวตัวเองอย่างโมโห ทั้งที่เขาเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าทำอะไรให้โมโห
“นายรู้จักเดือนคณะอื่น แต่ไม่รู้จักฉันเนี้ยนะ ทำไมกันวะ !!!!!”
คราวนี้คนตัวเล็กเลิกคิ้วกับความรู้ใหม่ของตัวเอง อันที่จริงก็พอรู้ว่า ปาร์คชานยอล นั่นเป็นถึงเดือนคณะเกษตร แต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าทั้งลู่หาน และอู๋ฟานจะเป็นเดือนคณะ เอาจริงๆแล้วเขายังไม่รู้เลยว่าอู๋ฟานนั่นอยู่คณะอะไร แล้วอย่าคิดเลยว่าจะรู้จักเจ้าคนที่โวยวายอยู่นี่ว่าชื่ออะไร อยู่คณะอะไร
“ฉันถามแค่ชื่อนายนะ ทำไมโวยวายมากจัง ตอบมาก็จบๆละ”บ่นอุบอิบแล้วก็ก้มลงไปถอนหญ้าด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยจนอีกฝ่ายรู้สึกใจแกว่งเพราะรู้สึกว่าตนนอกเรื่องมากเกินไปจริงๆ หารู้ไม่ว่าต้นเหตุของใบหน้าเศร้าๆนี่ก็มาจากที่คนแก้มกลมต้องทำใจถอนหญ้าที่ไม่อยากจะถอนออกจากแปลงนั่นแหละ
..........ก็มินซอกน่ะ สงสารคุณหญ้านี่นา.............
“ฉัน โอเซฮุน คณะรัฐศาสตร์”
จากนี้ไป โอ เซฮุน ก็ได้แต่หวังว่ามินซอกจะจดจำเซฮุนคนนี้เอาไว้ในเศษเสี้ยวความทรงจำเสียให้สมกับราคาเสื้อตัวละหลายพันที่เสียไปเพื่อจะทำความรู้จักในวันนี้ละนะ
หวังว่าแผนการขโมยผักทำความรู้จักคงได้ผลบ้างละ J
ความคิดเห็น