ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SFllOS] ALL FOR MINSEOK ft.exo

    ลำดับตอนที่ #17 : [OS] CHEN X BAEKHYUN : CONFESSION

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 57




    [OS] CHENBAEK : CONFESSION #บีเกิ้ลสารภาพ

    SONG : CONFESSION – STANDING EGG

     

     
     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เราอยู่ด้วยกันแล้วไม่สนุกตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    วันเลี้ยงฉลองการจบการศึกษาจบลงด้วยเศษซากขวดเหล้ามากมายที่เรี่ยราดอยู่ตามพื้น รวมทั้งร่างของผองเพื่อนไม่ต่ำกว่าสี่ห้าคนที่นอนเกลื่อนกลาดเต็มห้อง  โชคดีที่ห้องของจุนมยอนนี่มีขนาดใหญ่พอที่จะยัดร่างมนุษย์มากมายมากกว่าสิบคนให้นอนได้สบายๆ ถึงคนที่นอนอยู่ตอนนี้จะกระจัดกระจายจัดรูปร่างการนอนแบบปกติเป็นมนุษย์ไม่เมาไม่ได้ก็ตาม  นับรวมๆแล้วจากเพื่อนห้าในแปดสลบอยู่บนพื้น  นอนแผ่ราอัดกันบนเตียงก็อีกสาม และที่กำลังพยายามหอบหิ้วกันไปตรงโซฟาตรงนี้ก็อีกสองคน

     

     

    แบคฮยอนนิ่วหน้าทั้งแบกร่างผอมๆของจงแดมายังโซฟา...  จงแดยังไม่เมาหรอก

     

     

    ไอ้เพื่อนตัวผอมคอทองแดงที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยเมากับชาวบ้าน   แตกต่างจากตัวของแบคฮยอนที่แค่สองแก้วทั้งตัวก็แดงราวกับเกิดอาการแพ้ จนโดนจากทั้งกลุ่มลงมติห้ามแบบนี้  โยนร่างของจงแดลงโซฟาเสียงดังตุบ จัดให้อีกคนอยู่ในสภาพที่น่าจะสบายที่สุดแล้วจึงผละออกมาเดินตรงไปยังร่างแฟนหนุ่มที่ตอนนี้กำลังนอนหน้าจมพรมที่พื้นอย่างชานยอล  ใช้เท้าเขี่ยสองสามทีที่บั้นท้ายคนตัวใหญ่เบาๆ ปฏิกิริยาที่ได้รับมีเพียงมือที่เอื้อมมาดึงกางเกงให้เข้าที่กับเสียงงึมงำในลำคอ

     

     

    “แบคฮยอนอา... แจ๊บๆ”

     

     

    คนโดนเรียกชื่อทั้งเมาส่ายหน้า  เหลือบมองสภาพเพื่อนๆที่นอนไม่ได้สติกันซักรายก็ถอนหายใจอีกครั้ง  เดินไปดูคนนู่นที นี้ที่ จัดท่าทางให้นอนกันสบายมากขึ้น รวมทั้งเดินเก็บขวดเหล้าที่เต็มพื้นไปหมดมากองไว้ข้างห้อง  เหลือบมองไปหัวเตียงเห็นกระป๋องเบียร์ที่ยังไม่ได้เปิด  มือเรียวจัดการคว้าหมับมาไว้กับตัวก่อนสาวเดินมาหย่อนกายลงที่หน้าโซฟาที่มีร่างของเพื่อนสนิทตัวผอมนอนอยู่

     

     

    แก๊ก..

     

     

    เปิดเบียร์กระป๋องสุดท้ายออกอย่างง่ายดาย  ก่อนจะยกมันขึ้นดื่มอึกใหญ่ รสชาติที่ขมปนซ่าที่ปลายลิ้นกำลังไหลลงลำคอช้า เป้าหมายในการดื่มที่คิดว่ารวดเดียวหมดหายไปเมื่อกระป๋องในมือถูกใครบางคนที่คิดว่านอนหมดสติแย่งไปไว้ในมือ

     

     

    “ซ่านะมึง  บอกแล้วว่าห้ามแดก”

     

     

    มือใหญ่นั้นชูกระป๋องอย่างล้อเลียน  ริมฝีปากรูปกระจับนั้นยกยิ้มขึ้นอย่างล้อเลียนเพียงครู่ก่อนจะจรดลงกับปากกระป๋องแล้วดื่มน้ำต้องห้ามของเพื่อนสนิทลงไปรวดเดียวจนหมดกระป๋องแทน  ส่งเสียงอ๊าอย่างสดชื่อในตอนท้าย และโยนกระป๋องน้ำเมาเจ้ากรรมลงพื้นอย่างไม่ใยดี 

     

     

    “ไอ้เหี้ย..”

     

     

    ก่นด่าไล่หลังอย่าไม่ใส่ใจ  ตาเรียวของแบคฮยอนมองตามกระป๋องที่ถูกปาลงพื้น  ก่อนจะเหลือบไปมองเพื่อนสนิทที่ตอนนี้อยู่ในท่านั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาเรียบร้อย

     

     

    “สร่างเมาแล้วหรอมึงอะ”

     

     

    มันไม่ใช่ความเป็นห่วง...  จงแดสัมผัสมันได้ดี อันที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่า แบคฮยอนรู้ว่าเขาเองไม่ได้เมาตั้งแต่แรก  เพียงแต่การดื่มมากๆมันทำให้การควบคุมร่างกายให้เดินหรือทำอะไรได้ดังใจมันลำบาก  สติของจงแดยังครบถ้วนไม่ขาดเสียด้วยซ้ำ  คนโดนหาว่าเมาเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะจัดการใช้มือยีหัวเพื่อนที่นั่งอยู่ต่ำกว่า

     

     

    “ตอแหลนะมึงอะ  รู้ว่ากูไม่เมาแล้วยังจะถาม..”

     

     

    “กูทำเชี่ยไรก็ไม่ดีเนาะ  สัสเอ๋ย”

     

     

    การบ่นอุบอิบนั้นเรียกเสียงหัวเราะของคนคอแข็งได้อย่างดี  จงแดกวาดสายตามองรอบห้องอีกครั้ง ห้องขนาดใหญ่กั้นแยกแค่ห้องน้ำ  เป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมขนาดกว้างใหญ่ที่เตียงนอนขนาดคิงไซส์ที่มีเพื่อนๆนอนเมาหลับกันอยู่ตรงมุมห้องอีกฝั่ง  มีโซฟานั่งรับรองแขกกลางห้อง  ก็ตามประสาอพาร์ทเม้นต์ราคาสูงแต่ไม่สูงมากแบบที่จะขอพ่อแม่มาอยู่ได้ของจุนมยอนนั้นแหละ  ตอนนี้เจ้าของห้องเองก็ยังไม่นอนบนเตียงตัวเองเสียงด้วยซ้ำ  ร่างเล็กๆที่นอนแผ่เกาไข่อยู่หน้าทีวีนั้นแหละ... เจ้าของห้อง  โครตเท่

     

     

    “กูชมมึงก็ได้อะ  ดีมากที่ไม่แดก  จะได้เก็บเรื่องพวกมันไปเผาตอนมีลูก”

     

     

    พูดจบก็สามารถดึงสายตาคู่สนทนาไปยังเพื่อนคนอื่นๆได้  แบคฮยอนหัวเราะขึ้นแทบจะทันทีเมื่อเห็นสภาพการนอนของแต่ละคนที่ตัวเองเพิ่งจัดให้เรียบร้อยเมื่อครู่...  ทุกอย่างเละเทะหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน   กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงตู้เย็น หันกลับไปมองถึงรู้ว่าจงแดกำลังรื้อค้นอะไรบางอย่างอยู่อย่างขะมักเขม้น

     

     

    “มึงหาไรอีกละ ?

     

     

    “หิว...”ว่าจบก็หยิบน้ำอัดลม  เบียร์ และอะไรที่พอประทังชีวิตมาไว้ในอ้อมอก  หันมายักคิ้วให้เพื่อนสนิทเชิงถามด้วยกระแสจิตว่าต้องการอะไรอีกไหม  พอเห็นอีกคนส่ายหน้าก็พยักหน้ารับ  สาวเท้าที่เคาท์เตอร์หยิบถุงขนมมาอีกสามสี่ถุงก่อนจะเดินไปตรงประตูระเบียง  ส่งขนมในมือข้างนึงงับไว้ในปากแล้วบิดลูกบิดประตูเสียงเบา  ใช้เท้าเขี่ยให้ประตูอ้าออก ขยับหัวเล็กน้อยเป็นการเรียกให้เพื่อนสนิทออกไปทานขนมรับลมข้างนอกด้วยกัน..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    นาฬิกากำลังบอกเวลาตีสามกว่าๆ..

    ลมเย็นกำลังปะทะกับตัว  แต่ทั้งสองที่นั่งกินขนมก็ไม่ได้สะทกสะท้าน  ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้น  นอกจากการนั่งดูดาวและแสงไฟยามค่ำคืนอย่างเงียบๆ  มีเพียงเสียงดื่มเครื่องดื่มและการเคี้ยวขนมเป็นระยะๆเท่านั้น 

     

     

    “นี่ถ้าเข้ามหาลัยไป  มึงอย่าแดกเยอะนะ ไม่มีใครเลี้ยงเหมือนเหี้ยจุนมัน”

     

     

    แบคฮยอนเป็นคนเปิดบทสนทนาเมื่อได้ยินเสียงแกะห่อขนมใหม่ของจงแด  คนโดนทักหัวเราะ ส่งขนมที่เพิ่งเปิดเข้าปาก ยื่นมันแบ่งให้คนเตือนข้างตัวซึ่งก็รับมันเข้าปากอย่างว่าง่าย

     

     

    “เออๆ  ไม่แดกเยอะหรอกสัส  มึงแหละ  เข้ามหาลัยอย่าแรดแดกเหล้าเบียร์ละ”

     

     

    “.....”

     

     

    “กูไปช่วยแดกแทนมึงไม่ได้นะเว้ย  เลี่ยงได้ก็เลี่ยง”

     

     

    เตือนจบก็ชูกระป๋องเบียร์ล้อเลียนอีกคน และจรดมันกับริมฝีปากตัวเอง ปล่อยให้น้ำภายในกระป๋องไหลลงไปในลำคออย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยต่อเสียงเรียบ

     

     

    “น้ำเหี้ยนี่  ไม่อร่อยหรอกสัส”

     

     

    “ไม่อร่อยแล้วแดกทำเหี้ยไร  ไอ้ควาย”

     

     

    จงแดหัวเราะอีกครั้ง  ปฏิเสธไม่ได้ว่าการอยู่กับแบคฮยอนนั้นมันสนุกทุกครั้งที่ได้เล่นมุขต่อกัน  ด่ากัน  เถียงกัน ล้อเลียนคนอื่นๆไปพร้อมกัน  ความสุขที่มีกันอยู่ข้างๆมันทำให้ชินว่าทุกที่ที่มีจงแดนั้นจะมีแบคฮยอนอยู่ด้วยเสมอ  มือใหญ่หยิบกระป๋องเบียร์ที่เพิ่งซดแล้ววางไปเมื่อครู่ ยื่นให้เพื่อนสนิทและเอ่ยเชิญชวน

     

     

    “พิสูจน์ไหมมึง..”

     

     

    แบคฮยอนไม่ตอบ  นอกจากหยิบเบียร์ในมืออีกคนมากระดกเข้าปากไปสองสามอึก ส่งเสียงอ๊าอย่างที่อีกคนเคยทำเมื่อตอนอยู่ในห้อง  ไม่มีคำตอบเรื่องรสชาติอยู่ในหัวแม้แต่ตอนที่ความขมของน้ำเมานั้นสัมผัสที่ปลายลิ้น  สมองของแบคฮยอนกำลังคิดในเรื่องที่สวนทางกับทุกอย่าง  เมื่อแอลกอฮอล์เริ่มเข้ามาอยู่ในตัวเพียงครู่เดียว

     

     

    “มึงว่า...  ช่วงนี้เราไม่สนิทกันป่ะวะ ?

     

     

    “เหอะ... เพิ่งรู้ตัวไงวะ  กูบ่นกับพวกจงอินตั้งนานแล้วสัส”

     

     

    จงแดตอบเสียงเรียบ  หันมามองหน้าคนที่เหมือนถามคำถามไม่ไตร่ตรองที่ตอนนี้กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่เข้าใจอยู่  ร่างผอมส่ายหน้าหยิบขนมในถุงส่งเข้าไป เคี้ยวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ

     

     

    “ก็ตั้งแต่มึงคบกับชานยอล  กูกับมึงไม่ได้ไปไหนด้วยกันเลยนี่หว่า”

     

     

    ความเงียบเข้าครอบงำ  เพราะบรรยากาศความอึดอัดเริ่มเคลื่อนที่มาทับความสนุกสนานของบทสนทนา  แบคฮยอนเบนสายตาจากเพื่อนสนิทไปที่ท้องฟ้ามืดแทน  จงแดกระตุกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นแบบนั้น

     

     

    “อย่าคิดมาก  ยังไงมึงก็เพื่อนกู”

     

     

    แบคฮยอนส่ายหน้าและถอนหายใจกับตัวเองน้อยๆ   เป็นครั้งแรกที่เห็นด้วยกับความเชื่อที่ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นทำให้คนเรามีความกล้าที่จะพูดในเรื่องที่ไม่กล้า  และกล้าจะทำในเรื่องที่ไม่อยากทำในวันนี้

     

     

    “อันที่จริง..  กูก็เคยคิดกับมึงมากกว่าเพื่อนนะ”

     

     

    ทุกอย่างเงียบลงจนต้องหัวเราะกลบเกลื่อนถ้อยคำทั้งหมดให้หายไปด้วยท่าทางตลกๆ  แบคฮยอนหันไปหาจงแดที่ตอนนี้ดูนิ่งเสียจนน่าตกใจ  เอื้อมมือไปตบที่บ่าของร่างผอมเบาๆ

     

     

    “แต่ตอนนั้นมึงมีพี่มินซอกแล้วไง  กูก็เลยตัดใจ..”

     

     

    “....”

     

     

     

    “ตอนนี้ก็เหมือนเดิมล่ะมึง  ยังไงมึงก็เพื่อนกู”

     

     

    จงแดยิ้มตอบ  แต่ไม่ได้พูดอะไร นอกจากส่งน้ำในกระป๋องลงไปในลำคออีกครั้ง  ปล่อยให้รสชาติที่เขาประนามเมื่อครู่ว่าไม่อร่อยนั้นครอบครองสติและความคิดตัวเอง  หันไปมองหน้าเจ้าของมือเรียวที่กำลังตบบ่าตัวเองเบาๆอยู่

     

     

    “หึ...  บอกซะดราม่าเลยนะมึงอ่ะ”

     

     

    “ดราม่าเหี้ยไรละ..”

     

     

    “สุดท้ายมึงก็คบกับไอ้ชานป่ะวะ  ทำเป็นเหมือนกูทิ้งมึงสัส”

     

     

    จงแดปัดมือเพื่อนสนิทอย่างลวกๆ  หัวเราะในลำคอกับความรู้สึกซึ่งไหลเวียนไปทั้งในสมองและหัวใจตัวเองที่กำลังพยายามจะออกมาจากปาก  ถ้าไม่มีการรั้งของสติที่กำลังจะหมดไปในไม่ช้านี้เสียแล้ว

     

     

    “กูผิด  ?

     

     

    “เปล่า...  กูก็ไม่ได้ว่ามึงผิด”

     

     

    “.....”

     

     

    “เอาจริงๆ...  กูก็ชอบมึงนะ”

     

     

    ไม่มีคำต่อบทสนทนาใดออกจากปากของใครอีกเลย  ความอึดอัดทั้งหมดเหมือนหายไปในอากาศ  กลายเป็นความเงียบที่บอกไม่ได้ว่ามันคือความโล่งใจ  ดวงตาสองคู่ของคนที่เรียกกันว่าเพื่อนสนิทประสานกันเนิ่นนานไม่มีใครหลบ  เหมือนกับหัวใจสองดวงที่ตอนนี้ไม่มีอะไรปิดบังกัน   เหมือนกับจงแดและแบคฮยอนตอนนี้ไม่มีคำว่าเพื่อนสนิทกั้นอีกต่อไป

     

     

    สายลมที่พัดเบาๆผ่านตัวไปเหมือนกำลังพัดพาความรู้สึกและความผูกพักในวันวานเพื่อตอกย้ำให้หัวใจทำในสิ่งที่ควรทำในตอนนี้ให้มากกว่าเดิม  ระยะห่างระหว่างตัวเริ่มลดลงเรื่อยๆจนจมูกโด่งรั้นทั้งสองชนกันเบาๆ  ได้ยินเสียงหัวใจเต้นของกันและกันชัดเจนมากขึ้น  มากขึ้น  มากขึ้น...  จนริมฝีปากนั้นสัมผัสกันแผ่วเบา ไม่มีการรุกร้ำ ไม่มีการปรับองศา เหมือนกับที่ไม่มีความชัดเจนในความสัมพันธ์  เหมือนเนิ่นนานหากเพียงชั่ววินาทีทุกอย่างก็เหลือเพียงสายตาที่ประสานกันท่ามกลางเสียงลมหายใจ...

     

     

    “เราอยู่ด้วยกันไม่สนุกเลยเนาะมึงว่าไหม...”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เราอยู่ด้วยกันไม่สนุกเลยตั้งแต่....   รักกันแบบนี้

     

     

     

     

     

    _________________________________________________________

     

    ขอลงฟิคที่ไม่มีหมินซักเรื่องคงไม่ว่ากันนะคะ...
    คือบังเอิญเปิดไปเจอโอพีวีในยูทูป กลายเป็นว่ากรี๊ดคู่นี้มากเลยคะพี่น้อง
    โอโหวววว..  คือแบบบบบบ ไม่มีคนจิ้น เราก็จะจิ้นแล้วนิดนึงอะคะ
    ส่วนใหญ่ก็มากันแบบความสัมพันธ์เพื่อนๆกันตลอด จนเราลืมไปเลยว่า เพื่อนกันก็รักกันได้
    ทำไมอะ.. งื้อออ ทำไมเพื่อนกันจะรักกันไม่ได้ ? นั่นสิ  อ่านขั้นเพลินๆกันก่อนก็ได้นะคะ
    หวังว่าจะชอบคู่แปลd (?) แบบไรท์กันมั้งนะคะ  แต่งไปแต่งมามันหน่วงในใจเนาะ
    เพราะยังไงเราก็รู้ว่าเขาทั้งสองคน...  คงรักกันไม่ได้ใช่ไหม ??




     

    :) Shalunla



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×