ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SFllOS] ALL FOR MINSEOK ft.exo

    ลำดับตอนที่ #14 : [OS] EXO X MINSEOK : NOTHING BATTER

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 57




    [OS] EXOXMIN : NOTHING BATTER

    SONG : NOTHING BETTER – BROWN EYED SOUL

     

    ทุกฟิคของไรท์นี่เหมือนเพลงเป็นตัวชูโรงนะคะ หาฟังไว้ตอนอ่านก็ดีนะ ฮอลล...

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตอนผมอยู่ที่จีน ผมก็ไม่ได้คาดคิดอะไรเกี่ยวกับการขึ้นแสดงที่เกาหลี แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าการได้ขึ้นแสดงที่เกาหลีเป็นเรื่องที่น่าสนุกมาก แต่ว่างานหลักของผมจะอยู่ที่จีน เพราะฉะนั้นผมเลยต้องตั้งใจทำงานอย่างหนักเมื่อบินกลับไปที่จีน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หน้าจอกำลังแสดงให้เห็นว่าการเดินทางครั้งนี้กำลังสิ้นสุดลง..   ตอนนี้เครื่องบินได้มาถึงจุดหมายปลายทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแลนด์ดิ้งลงเท่านั้น  มินซอกมองออกไปนอกหน้าต่างบานเล็กของเครื่องบิน  เบื้องล่างคือจีนแผ่นดินใหญ่  บ้านเกิดของสมาชิกในวงถึงสี่คน  และเป็นเป้าหมายสำคัญในการฟอร์มวงนี้ขึ้นมา

     

     

    ตอนนี้เขากำลังจะกลับมาในฐานะของ  “ซิ่วหมิน EXO – M” 

     

     

    การโปรโมทแยกกลุ่มอีกครั้ง  หลังจากที่คอมแบ็ครวมกันกับวงฝาแฝดคู่ขนานที่เรียกกันว่า EXO – K  แต่เหนือสิ่งอื่นใด  สมาชิกในวงทั้งสิบสองคนรู้ดีแก่ใจว่า

     

     

    พวกเราเป็นหนึ่งเดียว..

     

     

     

    เสียงสัญญาณเตือนให้รัดเข็มขัดนิรภัยดังขึ้น  เพราะเครื่องกำลังเตรียมพร้อมจะลงจอด  พนักงานบริการบนเครื่องบินเริ่มเดินสำรวจผู้โดยสารซึ่งก็รวมถึงตัวเขาที่มัวแต่เหม่อมองวิวท้องฟ้า จนพนักงานสาวต้องแทรกตัวมาขออนุญาตปิดหน้าต่าง  มินซอกสะดุ้งเล็กน้อย  แต่ก็เรียกความสนใจจากคนที่นั่งข้างๆซึ่งเป็นหนึ่งในเมมเบอร์ได้อย่างดี

     

     

    “พี่โอเคหรือเปล่าครับ ?

     

     

    สำเนียงเกาหลีแปลกๆและเชื่องช้าตามฉบับของอี้ชิงแสดงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน  พี่คนโตส่ายหน้าเป็นคำตอบตามแบบฉบับของตัวเอง  ส่งยิ้มอ่อนๆยืนยันว่าทุกอย่างปกติดีให้อีกฝ่าย  หนุ่มฉางชาก็เลยได้แต่พยักหน้าแล้วกลับไปสนใจกับเสียงเพลงในโลกส่วนตัวของตัวเองต่อ

     

     

    การเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างเงียบเหงา..  จากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น  ทำให้เขาและสมาชิกในวงเองค่อนข้างลำบากใจไม่น้อยในการเดินสายโปรโมตเพลงใหม่ในสองสามวันต่อจากนี้  ไม่ใช่เพียงเมมเบอร์ชาวเกาหลีแบบเขาและจงแด  ทว่าทางเมมเบอร์ฝั่งจีนเองก็ลำบากใจไม่ต่างกันนัก  ความรู้สึกวูบโหว่งที่ท้องเมื่อตอนเครื่องกำลังแล่นลงจอดหมดลง   เสียงสัญญาณเข็มขัดนิรภัยกระพริบอีกครั้งแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เครื่องได้ลงจอดเรียบร้อยแล้ว  มินซอกเลื่อนมือไปปลดเข็มขัดที่รั้งตัวเขากับเบาะนุ่มออก  หันไปช่วยคนเป็นน้องที่กำลังง่วนกับการถอดสายหูฟังซึ่งพันกันอยู่  นั่งรอเพียงครู่ก็เห็นร่างสูงของคริสยืนขึ้น  จึงลุกขึ้นตามและค่อยๆทยอยออกมาพร้อมผู้โดยสารคนอื่นๆ

     

     

    การต่อแถวลงจากเครื่องของค่อนมีที่ว่างห่างกันเล็กน้อย เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารค่อนข้างมากพอสมควร  ร่างของเขาถูกเบียดโดยอี้ชิง ด้านหน้าเองก็มีแผ่นหลังกว้างแถมยังสูงจนมิดหัวของตุ้ยจางอีกต่างหาก  มินซอกเงยหน้าขึ้นเหมือนพยายามหาอากาศหายใจ  จนอี้ชิงและจงแดที่บังเอิญเห็นนั้นหลุดหัวเราะ กว่าจะเดินหลุดออกมาจากเครื่องก็เล่นเอาแทบแย่  คริสหันมาสำรวจสมาชิกในวง สายตาหยุดที่เขาและจงแด ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบทว่าเหมือนเอามือมาวางบนบ่าเพื่อสร้างกำลังใจให้แก่สมาชิกชาวเกาหลีแบบพวกเขาทั้งสอง

     

     

    “ลำบากกันหน่อยนะ..”

     

     

    มีเพียงรอยยิ้มอ่อนๆของเขาและจงแดที่ส่งตอบไปให้ตุ้ยจางแสนใจดีที่ชอบสวมคราบผู้ชายเย็นชาจอมปลอมผู้ชื่นชอบกาแล็คซี่นั่นแหละ  ทุกคนรู้ดีว่าหัวใจของอี้ฟานนั้นอบอุ่นมากเพียงไหน  ความมีน้ำใจนั้นโอบอุ้มทุกคนอยู่เสมอ

     

     

    รอยยิ้มของมินซอกไม่ได้เสแสร้งแต่ในใจของมินซอกรู้สึกกลัวได้ไหมนะ ?

     

     

    เพียงแค่วูบเดียวที่รู้สึกกลัวกับภาษาที่ไม่คล่องแคล่วของตัวเอง  กับผู้คนมากมายที่อยากจะสนทนากับเขา แต่ตอบกลับออกมาเป็นประโยคแทบไม่ได้  กับท่อนร้องที่ไม่รู้ว่าจะออกเสียงสำเนียงได้ถูกใจคนที่นี่ไหม...  ทำอะไรได้มากกว่าการส่งยิ้มไหมนะ  มินซอกไม่รู้เลย...  ความคิดมากมายที่หลั่งไหลในหัวนั้นหยุดไปเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสไม่หนักไม่เบาซึ่งเกิดขึ้นที่ไหล่  เหลือบมองก็เห็นมือของจงแดวางอยู่ 

     

     

    “มาพยายามไปด้วยกันนะครับฮยอง”

     

     

    พี่ใหญ่ของวงยิ้มตอบ  ส่งมือเล็กไปตบไหล่อีกคนเบาๆ แล้วตอบรับเสียงใสตามฉบับของตัวเอง

     

     

    “อื้อ  มาพยายามด้วยกันนะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    มาพยายามด้วยกันนะทุกคน..   ทุกคนเลยนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    การแสดงในวันสุดท้ายจบลง..  เสียงเหล่าบรรดาแฟนๆที่คอยเชียร์อยู่นั้นดังกึกก้องไม่ขาดสาย  แสงไฟมากมายสาดเข้าดวงตาของเขา ภาพเบื้องหน้าที่ควรจะดูแจ่มชัดทำให้เห็นเลือนรางลงไปเล็กน้อย  การแสดงทั้งหมดจบลงแล้ว รางวัลใหญ่ที่ได้รับมาพร้อมสมาชิกทุกคนในวงนั้นทำให้ทุกคนยิ้มออก.. 

     

     

    ขอบคุณนะครับ..  ขอบคุณจริงๆ

     

     

     

    อีกไม่กี่ชั่วโมงพวกเขาก็ต้องเดินทางกลับไปยังเกาหลี..  ภายในห้องพักเหล่าสมาชิกก็กำลังวุ่นวายกับการเก็บของของตนเข้ากระเป๋าให้เรียบร้อย  ความอึดอัดใจและไม่มั่นใจที่ถาโถมมาใส่เมื่อวันมาถึงหายไป  มินซอกถอนหายใจเบาๆ นึกขอบคุณที่ทุกอย่างผ่านมาได้ด้วยดี  เมทร่วมห้องในครั้งนี้ซึ่งคือเทาแอบเหลือบมองเล็กน้อย  ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

     

     

    “ไม่ดีใจที่จะได้กลับหรอครับฮยอง ?

     

     

    หันไปตามเสียงทุ้ม มินซอกส่ายหน้าเป็นคำตอบ  ลุกขึ้นไปใช้มือเล็กทาบที่หน้าผากของน้องชายตัวสูง  ดวงตาคมดังเหยี่ยวของจื่อเทาปิดลง ไม่มีการปัดป้องสัมผัสของพี่ใหญ่ตัวเล็ก 

     

     

    “ดีใจสิ  เหมือนนายจะดีขึ้นแล้วนะ”

     

     

    ตลอดการโปรโมทสองสามวันมานี้  สุขภาพของทั้งเขาและจื่อเทามีปัญหา  อาการเจ็บข้อเท้าทำให้มินซอกไม่สามารถไปยืนบนจุดยอดสุดทั้งที่เป็นท่อนเริ่มได้  ในขณะเดียวกันน้องเล็กของวงเองก็ไม่สามารถจะนอนเป็นฐานเพราะพิษไข้และอาการเจ็บที่ขาได้เช่นกัน 

     

     

    “ครับ  ดีขึ้นแล้ว”

     

     

    พอได้ยินแบบนั้น  มินซอกเลยผละออกมาจากหนุ่มวูซูของวง  เดินมาเก็บของใส่กระเป๋าตัวเองก่อน  แต่ดูเหมือนว่าคนเป็นน้องจะไม่ยอมปล่อยให้บทสนทนาหยุดลงง่ายๆ

     

     

    “ฮยองไม่อึดอัดหรอครับ ?

     

     

    “หืมม ?

     

     

    คำถามของมังเน่ทำให้คนอาวุโสสุดสงสัย  เห็นแบบนั้นจื่อเทาเลยเดินย้ายร่างสูงๆของตัวเองมานั่งข้างๆพี่ชายตัวเล็ก และเปิดประเด็นที่ตัวเองถามไปเมื่อครู่

     

     

    “อึดอัดไหมครับที่ต้องมาที่นี่..  มาโปรโมทที่นี่  ฮยองคิดถึงเกาหลีไหม”

     

     

    มินซอกไม่ค่อยพูด...  และเพราะไม่ค่อยพูดเลยไม่มีใครรู้ความรู้สึกของเขาเสียเท่าไหร่  สมาชิกในวงที่เด็กกว่า  สมาชิกในวงที่อายุเกือบเท่ากัน  ระยะห่างระหว่างวัยทำให้หลายคนคิดว่าเขาสนิทกับเมมเบอร์ในวงไม่กี่คน  มินซอกที่ได้แต่ยิ้ม  กับคำตอบในแต่ละคำถามที่แสนสั้น  ไม่มีอะไรมากกว่านั้น..  แต่มินซอกก็เป็นแบบนี้

     

     

    “คิดถึงสิ..  แต่ไม่อึดอัดหรอกนะ  อืม..”

     

     

    จื่อเทาเงียบลงไม่ได้เอ่ยขัด  เพราะเหมือนคู่สนทนาของเขากำลังครุ่นคิดถ้อยคำที่จะมาเสริมเติมในประโยคต่อไป  มือใหญ่ยกขึ้นมาเท้าคางมองใบหน้าใสที่รับกับสีผมสีชมพูสดใสนั้นอย่างสนใจ

     

     

    “ก็ไม่ได้มาคนเดียวนี่นะ”

     

     

    รอยยิ้มถูกส่งมาท้ายประโยคเหมือนกับเอาอกเอาใจคนถาม  น้องเล็กยิ้มอ่อนๆ  นึกถอดใจกับความรั้นและการเก็บความรู้สึกที่แสนเก่งของพี่ตัวเอง   จื่อเทาหลุบตาลงต่ำแล้วเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นน้อยใจเล็กน้อย

     

     

    “ฮยองไม่ต้องตอบเอาใจผมก็ได้นะ  ถึงที่นี่จะเป็นบ้านของผมกับคนอื่นๆ  ก็ตอบมาตามตรงเถอะครับ...”

     

     

    มินซอกยกมือขึ้นกอดอก  หัวเราะน้อยๆ กับท่าทีแบบนั้นของคนเป็นน้อง  จื่อเทาคือคนที่มีหัวใจเปราะมอง  ภายนอกที่อาจจะดูแข็งกร้าวเป็นตัวของตัวเอง  ทว่าภายในของน้องชายเขานั้นอ่อนโยนและเปราะบาง  จนขึ้นอันดับต้นๆของเมมเบอร์ที่เสียน้ำตาได้ง่ายๆ  แถมยังติดนิสัยขี้อ้อนให้เอาใจทุกทีอีกต่างหาก

     

     

    “พี่พูดจริงนายก็ไม่เชื่อเทาอา..”

     

     

    “....”

     

     

    “กับพวกนายที่ต้องพยายามไม่ต่างจากพี่แล้ว”

     

     

    “...”

     

     

    “พี่ไม่เหนื่อยจริงๆนะ...”

     

     

     

    กับความฝันที่เกิดขึ้นมาและเติบโตมาพร้อมกับตัวเขานั้น..  มันถูกสร้างมาพร้อมกับสมาชิกอีก  11  ชีวิตที่กลายเป็นคนสำคัญของชีวิตเขา   เส้นทางบนวงการที่เกิดขึ้นเพราะความพยายาม  ความอดทน  และความสามารถของทุกคน  ทุกๆอย่างที่ทำร่วมกันเสมอมามันทำให้

     

     

    มินซอกไม่เหนื่อยเลย..

     

     

    มือที่กอดอดเมื่อครู่ถูกเปลี่ยนเป็นสัมผัสที่หัวน้องชายขี้อ้อนตัวสูง  ลูบมันเบาๆราวกับต้องการสร้างความมั่นใจให้คนขี้สงสัยและขี้น้อยใจคนนี้

     

     

     

    “ขอบคุณนะที่เป็นห่วงพี่  นายเองก็เหนื่อยเหมือนกันนะ”

     

     

     

     

    ยังไม่ทันได้ถามหรือตอบไปมากกว่านั้น  เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจของทั้งสองคน  จื่อเทาลุกขึ้นเต็มความสูง เดินไปประตูก่อนจะเห็นสมาชิกร่วมวงอีกสี่คนรวมทั้งเมเนเจอร์ยืนรอหน้าห้องพร้อมกระเป๋าเดินทางของตัวเองเรียบร้อย  มินซอกรีบรูดซิปกระเป๋าเดินทางของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงบ่นติดตลกของตุ้ยจาง

     

     

    “พวกนายไม่คิดจะรีบกลับไปหาเจ้าพวกนั้นกันหรือไง”

     

     

    “หูยยย...”

     

     

    ถึงน้ำเสียงของน้องเล็กจะฟังดูเป็นการปฏิเสธ  แต่ท่าทีที่รีบร้อนนั้นก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนกว่าว่าคำว่า “คิดถึง” ตอนนี้คงมีควาหมายน้อยไปเสียแล้ว  ลู่หานแทรกตัวมาเคาะที่ประตูอีกครั้งเป็นการเร่งทั้งสองคน

     

     

     

    “เห้ๆ  เร็วๆหน่อย  นี่จะตกเครื่องแล้วนะ”

     

     

    “ทำตัวเป็นคนแก่ขี้บ่นไปได้..”

     

     

    มือเล็กยกกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้องพร้อมบ่นอุบอิบจนคนโดนหาว่าแก่นิ่วหน้า  มินซอกแหวกทางทุกคนออกมาจากประตูเดินต่อรั้งท้ายพร้อมกับลู่หาน  เหมือนว่าอีกคนจะถามจู้จี้จุกจิกมากไปหน่อย  เขาที่รู้สึกเหนื่อยจึงเผลอมองค้อนไปหลายครั้ง  พอเห็นแบบนั้นแล้วอาลู่เลยถามเสียงอ่อย

     

     

    “นายเหนื่อยหรออูหมินอา”

     

     

    เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ  ส่วนนึงเพราะไม่อยากให้เพื่อนตัวเองรู้สึกไม่สบายใจ  อีกส่วนนึงเพราะอยากตัดบทไม่อยากให้ถามว่าเหนื่อยเพราะอะไร  แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล

     

     

    “นายไม่สบายใจอะไรก็บอกพวกเราบ้างก็ได้นะ..”

     

     

    “....”

     

     

     

    “ไม่จำเป็นว่าต้องเก็บมันไว้ตลอดก็ได้”

     

     

    ถ้อยคำปลอบใจเชยๆนั้นทำให้เขารู้สึกอบอุ่น  ยิ่งมองไปเห็นเหล่าเมมเบอร์ทุกคนที่หยุดเดินแล้วหันมาหาเขาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าทุกคนแบบนั้น  หัวใจของมินซอกกำลังสั่นเพราะความรู้สึกมากมายเอ่อล้น

     

     

    “ถ้าเหนื่อยก็บอกว่าเหนื่อย..  ถ้ารู้สึกไม่สบายก็แค่ระบายมันออกมา”

     

     

    “...”

     

     

     

    “พวกเราอยู่กับนายเสมอนะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมคงพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้มากกว่าถ้าเทียบกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่จริงแล้วผมก็อยากร้องไห้ออกมาเหมือนกันนะ แต่ว่าผมก็กลั้นเอาไว้ ผมเองก็มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนกัน แต่ผมไม่เก่งที่จะแสดงความรู้สึกเหล่านั้นออกมา

     

     

     

     

     

     

    ความรู้สึกร้อนผะผ่าวเกิดขึ้นที่ขอบตาเล็กน้อย  ริมฝากเล็กตอบกลับได้เพียงประโยคแสนสั้นที่เรียกรอยยิ้มจากทุกคนได้เป็นอย่างดี  แม้ไม่มีอะไรที่ดูหรูหรามากไปกว่านั้น

     

     

    “ขอบคุณนะ...”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ป่ะ... กลับบ้านกัน

     

     

     

     

     

     

     

    บ้านของมินซอกไม่ใช่แค่ที่เกาหลี..

    บ้านของมินซอกคงเป็นที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ที่มีคนที่สร้างความฝันร่วมกับเขา

    ที่ที่มีคนที่พยายามมาด้วยกันเสมอ..

    ที่ที่มีสมาชิกอีก 11 คนอยู่ข้างๆ...

     

     

    บ้านที่มีอีกครึ่งนึงของเขา..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “สำหรับซิ่วหมินแล้ว EXO คืออะไรครับ ?

     

     

    “คนที่ล้ำค่า..  สิ่งที่ผมขาดไม่ได้  ครึ่งนึงของผม  ครึ่งนึงของผมครับ..”พี่ใหญ่ของวงลากเสียงยาวเล็กน้อยเหมือนพยายามหาถ้อยคำมาเสริมเพิ่มเติมความรู้สึกที่มากมายอยู่ในใจตัวเองมากกว่านี้  แค่ครึ่งนึงของตัวเขาคงไม่พอหรอกมั้ง  เมื่อคิดออกมินซอกก็ยิ้มและพูดมันออกไปอย่างชัดเจนให้น้องๆทุกคนได้ยิน

     

     

     

    “ครึ่งนึงของชีวิต !

     

     

     

     

     

     

    ?? ??? ???

    เหมือนดั่งลมหายใจ หากเธออยู่เคียงข้างฉันตลอดเวลา

    ?? ?? ??? ????

    หากเธอยังคงเดินเส้นทางนี้ไปด้วยกัน

     









     

     

     

      

    _________________________________________________

     

     

    ไรท์ไม่ค่อยได้แต่งดราม่าแบบนี้เท่าไหร่..

    แต่วันนี้อึดอัดจริงๆคะ  มันจุกอกยังไงไม่รู้   รู้สึกเหงาและน้อยใจแทนจงแดกับพี่หมิน

    เลยระบายออกมาแบบนี้  คิดว่าหนุ่มๆเองก็คงให้กำลังใจกันเอง *ยกมือปิดหน้า

    จงแดกับพี่หมินพยายามกันมาก  รักน้องกันเยอะๆนะคะ

    ไรท์รักสองคนนี้มากจริงๆคะ  ช่วยสนับสนุนน้องกันด้วยนะคะ

     

    ปล. ขอโทษที่ไม่ค่อยมีจงแดนะคะ นี่มันคลังฟิคที่หมิน ฮือออออ


    :) Shalunla




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×