คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : [OS] EXO X MINSEOK : NOTHING BATTER
[OS] EXOXMIN : NOTHING BATTER
SONG : NOTHING BETTER – BROWN EYED SOUL
ทุกฟิคของไรท์นี่เหมือนเพลงเป็นตัวชูโรงนะคะ หาฟังไว้ตอนอ่านก็ดีนะ ฮอลล...
“ตอนผมอยู่ที่จีน ผมก็ไม่ได้คาดคิดอะไรเกี่ยวกับการขึ้นแสดงที่เกาหลี แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าการได้ขึ้นแสดงที่เกาหลีเป็นเรื่องที่น่าสนุกมาก แต่ว่างานหลักของผมจะอยู่ที่จีน เพราะฉะนั้นผมเลยต้องตั้งใจทำงานอย่างหนักเมื่อบินกลับไปที่จีน”
หน้าจอกำลังแสดงให้เห็นว่าการเดินทางครั้งนี้กำลังสิ้นสุดลง.. ตอนนี้เครื่องบินได้มาถึงจุดหมายปลายทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแลนด์ดิ้งลงเท่านั้น มินซอกมองออกไปนอกหน้าต่างบานเล็กของเครื่องบิน เบื้องล่างคือจีนแผ่นดินใหญ่ บ้านเกิดของสมาชิกในวงถึงสี่คน และเป็นเป้าหมายสำคัญในการฟอร์มวงนี้ขึ้นมา
ตอนนี้เขากำลังจะกลับมาในฐานะของ “ซิ่วหมิน EXO – M”
การโปรโมทแยกกลุ่มอีกครั้ง หลังจากที่คอมแบ็ครวมกันกับวงฝาแฝดคู่ขนานที่เรียกกันว่า EXO – K แต่เหนือสิ่งอื่นใด สมาชิกในวงทั้งสิบสองคนรู้ดีแก่ใจว่า
พวกเราเป็นหนึ่งเดียว..
เสียงสัญญาณเตือนให้รัดเข็มขัดนิรภัยดังขึ้น เพราะเครื่องกำลังเตรียมพร้อมจะลงจอด พนักงานบริการบนเครื่องบินเริ่มเดินสำรวจผู้โดยสารซึ่งก็รวมถึงตัวเขาที่มัวแต่เหม่อมองวิวท้องฟ้า จนพนักงานสาวต้องแทรกตัวมาขออนุญาตปิดหน้าต่าง มินซอกสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็เรียกความสนใจจากคนที่นั่งข้างๆซึ่งเป็นหนึ่งในเมมเบอร์ได้อย่างดี
“พี่โอเคหรือเปล่าครับ ?”
สำเนียงเกาหลีแปลกๆและเชื่องช้าตามฉบับของอี้ชิงแสดงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน พี่คนโตส่ายหน้าเป็นคำตอบตามแบบฉบับของตัวเอง ส่งยิ้มอ่อนๆยืนยันว่าทุกอย่างปกติดีให้อีกฝ่าย หนุ่มฉางชาก็เลยได้แต่พยักหน้าแล้วกลับไปสนใจกับเสียงเพลงในโลกส่วนตัวของตัวเองต่อ
การเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างเงียบเหงา.. จากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ทำให้เขาและสมาชิกในวงเองค่อนข้างลำบากใจไม่น้อยในการเดินสายโปรโมตเพลงใหม่ในสองสามวันต่อจากนี้ ไม่ใช่เพียงเมมเบอร์ชาวเกาหลีแบบเขาและจงแด ทว่าทางเมมเบอร์ฝั่งจีนเองก็ลำบากใจไม่ต่างกันนัก ความรู้สึกวูบโหว่งที่ท้องเมื่อตอนเครื่องกำลังแล่นลงจอดหมดลง เสียงสัญญาณเข็มขัดนิรภัยกระพริบอีกครั้งแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เครื่องได้ลงจอดเรียบร้อยแล้ว มินซอกเลื่อนมือไปปลดเข็มขัดที่รั้งตัวเขากับเบาะนุ่มออก หันไปช่วยคนเป็นน้องที่กำลังง่วนกับการถอดสายหูฟังซึ่งพันกันอยู่ นั่งรอเพียงครู่ก็เห็นร่างสูงของคริสยืนขึ้น จึงลุกขึ้นตามและค่อยๆทยอยออกมาพร้อมผู้โดยสารคนอื่นๆ
การต่อแถวลงจากเครื่องของค่อนมีที่ว่างห่างกันเล็กน้อย เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารค่อนข้างมากพอสมควร ร่างของเขาถูกเบียดโดยอี้ชิง ด้านหน้าเองก็มีแผ่นหลังกว้างแถมยังสูงจนมิดหัวของตุ้ยจางอีกต่างหาก มินซอกเงยหน้าขึ้นเหมือนพยายามหาอากาศหายใจ จนอี้ชิงและจงแดที่บังเอิญเห็นนั้นหลุดหัวเราะ กว่าจะเดินหลุดออกมาจากเครื่องก็เล่นเอาแทบแย่ คริสหันมาสำรวจสมาชิกในวง สายตาหยุดที่เขาและจงแด ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบทว่าเหมือนเอามือมาวางบนบ่าเพื่อสร้างกำลังใจให้แก่สมาชิกชาวเกาหลีแบบพวกเขาทั้งสอง
“ลำบากกันหน่อยนะ..”
มีเพียงรอยยิ้มอ่อนๆของเขาและจงแดที่ส่งตอบไปให้ตุ้ยจางแสนใจดีที่ชอบสวมคราบผู้ชายเย็นชาจอมปลอมผู้ชื่นชอบกาแล็คซี่นั่นแหละ ทุกคนรู้ดีว่าหัวใจของอี้ฟานนั้นอบอุ่นมากเพียงไหน ความมีน้ำใจนั้นโอบอุ้มทุกคนอยู่เสมอ
รอยยิ้มของมินซอกไม่ได้เสแสร้งแต่ในใจของมินซอกรู้สึกกลัวได้ไหมนะ ?
เพียงแค่วูบเดียวที่รู้สึกกลัวกับภาษาที่ไม่คล่องแคล่วของตัวเอง กับผู้คนมากมายที่อยากจะสนทนากับเขา แต่ตอบกลับออกมาเป็นประโยคแทบไม่ได้ กับท่อนร้องที่ไม่รู้ว่าจะออกเสียงสำเนียงได้ถูกใจคนที่นี่ไหม... ทำอะไรได้มากกว่าการส่งยิ้มไหมนะ มินซอกไม่รู้เลย... ความคิดมากมายที่หลั่งไหลในหัวนั้นหยุดไปเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสไม่หนักไม่เบาซึ่งเกิดขึ้นที่ไหล่ เหลือบมองก็เห็นมือของจงแดวางอยู่
“มาพยายามไปด้วยกันนะครับฮยอง”
พี่ใหญ่ของวงยิ้มตอบ ส่งมือเล็กไปตบไหล่อีกคนเบาๆ แล้วตอบรับเสียงใสตามฉบับของตัวเอง
“อื้อ มาพยายามด้วยกันนะ”
มาพยายามด้วยกันนะทุกคน.. ทุกคนเลยนะ
การแสดงในวันสุดท้ายจบลง.. เสียงเหล่าบรรดาแฟนๆที่คอยเชียร์อยู่นั้นดังกึกก้องไม่ขาดสาย แสงไฟมากมายสาดเข้าดวงตาของเขา ภาพเบื้องหน้าที่ควรจะดูแจ่มชัดทำให้เห็นเลือนรางลงไปเล็กน้อย การแสดงทั้งหมดจบลงแล้ว รางวัลใหญ่ที่ได้รับมาพร้อมสมาชิกทุกคนในวงนั้นทำให้ทุกคนยิ้มออก..
ขอบคุณนะครับ.. ขอบคุณจริงๆ
อีกไม่กี่ชั่วโมงพวกเขาก็ต้องเดินทางกลับไปยังเกาหลี.. ภายในห้องพักเหล่าสมาชิกก็กำลังวุ่นวายกับการเก็บของของตนเข้ากระเป๋าให้เรียบร้อย ความอึดอัดใจและไม่มั่นใจที่ถาโถมมาใส่เมื่อวันมาถึงหายไป มินซอกถอนหายใจเบาๆ นึกขอบคุณที่ทุกอย่างผ่านมาได้ด้วยดี เมทร่วมห้องในครั้งนี้ซึ่งคือเทาแอบเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“ไม่ดีใจที่จะได้กลับหรอครับฮยอง ?”
หันไปตามเสียงทุ้ม มินซอกส่ายหน้าเป็นคำตอบ ลุกขึ้นไปใช้มือเล็กทาบที่หน้าผากของน้องชายตัวสูง ดวงตาคมดังเหยี่ยวของจื่อเทาปิดลง ไม่มีการปัดป้องสัมผัสของพี่ใหญ่ตัวเล็ก
“ดีใจสิ เหมือนนายจะดีขึ้นแล้วนะ”
ตลอดการโปรโมทสองสามวันมานี้ สุขภาพของทั้งเขาและจื่อเทามีปัญหา อาการเจ็บข้อเท้าทำให้มินซอกไม่สามารถไปยืนบนจุดยอดสุดทั้งที่เป็นท่อนเริ่มได้ ในขณะเดียวกันน้องเล็กของวงเองก็ไม่สามารถจะนอนเป็นฐานเพราะพิษไข้และอาการเจ็บที่ขาได้เช่นกัน
“ครับ ดีขึ้นแล้ว”
พอได้ยินแบบนั้น มินซอกเลยผละออกมาจากหนุ่มวูซูของวง เดินมาเก็บของใส่กระเป๋าตัวเองก่อน แต่ดูเหมือนว่าคนเป็นน้องจะไม่ยอมปล่อยให้บทสนทนาหยุดลงง่ายๆ
“ฮยองไม่อึดอัดหรอครับ ?”
“หืมม ?”
คำถามของมังเน่ทำให้คนอาวุโสสุดสงสัย เห็นแบบนั้นจื่อเทาเลยเดินย้ายร่างสูงๆของตัวเองมานั่งข้างๆพี่ชายตัวเล็ก และเปิดประเด็นที่ตัวเองถามไปเมื่อครู่
“อึดอัดไหมครับที่ต้องมาที่นี่.. มาโปรโมทที่นี่ ฮยองคิดถึงเกาหลีไหม”
มินซอกไม่ค่อยพูด... และเพราะไม่ค่อยพูดเลยไม่มีใครรู้ความรู้สึกของเขาเสียเท่าไหร่ สมาชิกในวงที่เด็กกว่า สมาชิกในวงที่อายุเกือบเท่ากัน ระยะห่างระหว่างวัยทำให้หลายคนคิดว่าเขาสนิทกับเมมเบอร์ในวงไม่กี่คน มินซอกที่ได้แต่ยิ้ม กับคำตอบในแต่ละคำถามที่แสนสั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น.. แต่มินซอกก็เป็นแบบนี้
“คิดถึงสิ.. แต่ไม่อึดอัดหรอกนะ อืม..”
จื่อเทาเงียบลงไม่ได้เอ่ยขัด เพราะเหมือนคู่สนทนาของเขากำลังครุ่นคิดถ้อยคำที่จะมาเสริมเติมในประโยคต่อไป มือใหญ่ยกขึ้นมาเท้าคางมองใบหน้าใสที่รับกับสีผมสีชมพูสดใสนั้นอย่างสนใจ
“ก็ไม่ได้มาคนเดียวนี่นะ”
รอยยิ้มถูกส่งมาท้ายประโยคเหมือนกับเอาอกเอาใจคนถาม น้องเล็กยิ้มอ่อนๆ นึกถอดใจกับความรั้นและการเก็บความรู้สึกที่แสนเก่งของพี่ตัวเอง จื่อเทาหลุบตาลงต่ำแล้วเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นน้อยใจเล็กน้อย
“ฮยองไม่ต้องตอบเอาใจผมก็ได้นะ ถึงที่นี่จะเป็นบ้านของผมกับคนอื่นๆ ก็ตอบมาตามตรงเถอะครับ...”
มินซอกยกมือขึ้นกอดอก หัวเราะน้อยๆ กับท่าทีแบบนั้นของคนเป็นน้อง จื่อเทาคือคนที่มีหัวใจเปราะมอง ภายนอกที่อาจจะดูแข็งกร้าวเป็นตัวของตัวเอง ทว่าภายในของน้องชายเขานั้นอ่อนโยนและเปราะบาง จนขึ้นอันดับต้นๆของเมมเบอร์ที่เสียน้ำตาได้ง่ายๆ แถมยังติดนิสัยขี้อ้อนให้เอาใจทุกทีอีกต่างหาก
“พี่พูดจริงนายก็ไม่เชื่อเทาอา..”
“....”
“กับพวกนายที่ต้องพยายามไม่ต่างจากพี่แล้ว”
“...”
“พี่ไม่เหนื่อยจริงๆนะ...”
กับความฝันที่เกิดขึ้นมาและเติบโตมาพร้อมกับตัวเขานั้น.. มันถูกสร้างมาพร้อมกับสมาชิกอีก 11 ชีวิตที่กลายเป็นคนสำคัญของชีวิตเขา เส้นทางบนวงการที่เกิดขึ้นเพราะความพยายาม ความอดทน และความสามารถของทุกคน ทุกๆอย่างที่ทำร่วมกันเสมอมามันทำให้
มินซอกไม่เหนื่อยเลย..
มือที่กอดอดเมื่อครู่ถูกเปลี่ยนเป็นสัมผัสที่หัวน้องชายขี้อ้อนตัวสูง ลูบมันเบาๆราวกับต้องการสร้างความมั่นใจให้คนขี้สงสัยและขี้น้อยใจคนนี้
“ขอบคุณนะที่เป็นห่วงพี่ นายเองก็เหนื่อยเหมือนกันนะ”
ยังไม่ทันได้ถามหรือตอบไปมากกว่านั้น เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจของทั้งสองคน จื่อเทาลุกขึ้นเต็มความสูง เดินไปประตูก่อนจะเห็นสมาชิกร่วมวงอีกสี่คนรวมทั้งเมเนเจอร์ยืนรอหน้าห้องพร้อมกระเป๋าเดินทางของตัวเองเรียบร้อย มินซอกรีบรูดซิปกระเป๋าเดินทางของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงบ่นติดตลกของตุ้ยจาง
“พวกนายไม่คิดจะรีบกลับไปหาเจ้าพวกนั้นกันหรือไง”
“หูยยย...”
ถึงน้ำเสียงของน้องเล็กจะฟังดูเป็นการปฏิเสธ แต่ท่าทีที่รีบร้อนนั้นก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนกว่าว่าคำว่า “คิดถึง” ตอนนี้คงมีควาหมายน้อยไปเสียแล้ว ลู่หานแทรกตัวมาเคาะที่ประตูอีกครั้งเป็นการเร่งทั้งสองคน
“เห้ๆ เร็วๆหน่อย นี่จะตกเครื่องแล้วนะ”
“ทำตัวเป็นคนแก่ขี้บ่นไปได้..”
มือเล็กยกกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้องพร้อมบ่นอุบอิบจนคนโดนหาว่าแก่นิ่วหน้า มินซอกแหวกทางทุกคนออกมาจากประตูเดินต่อรั้งท้ายพร้อมกับลู่หาน เหมือนว่าอีกคนจะถามจู้จี้จุกจิกมากไปหน่อย เขาที่รู้สึกเหนื่อยจึงเผลอมองค้อนไปหลายครั้ง พอเห็นแบบนั้นแล้วอาลู่เลยถามเสียงอ่อย
“นายเหนื่อยหรออูหมินอา”
เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ ส่วนนึงเพราะไม่อยากให้เพื่อนตัวเองรู้สึกไม่สบายใจ อีกส่วนนึงเพราะอยากตัดบทไม่อยากให้ถามว่าเหนื่อยเพราะอะไร แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล
“นายไม่สบายใจอะไรก็บอกพวกเราบ้างก็ได้นะ..”
“....”
“ไม่จำเป็นว่าต้องเก็บมันไว้ตลอดก็ได้”
ถ้อยคำปลอบใจเชยๆนั้นทำให้เขารู้สึกอบอุ่น ยิ่งมองไปเห็นเหล่าเมมเบอร์ทุกคนที่หยุดเดินแล้วหันมาหาเขาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าทุกคนแบบนั้น หัวใจของมินซอกกำลังสั่นเพราะความรู้สึกมากมายเอ่อล้น
“ถ้าเหนื่อยก็บอกว่าเหนื่อย.. ถ้ารู้สึกไม่สบายก็แค่ระบายมันออกมา”
“...”
“พวกเราอยู่กับนายเสมอนะ”
“ผมคงพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้มากกว่าถ้าเทียบกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่จริงแล้วผมก็อยากร้องไห้ออกมาเหมือนกันนะ แต่ว่าผมก็กลั้นเอาไว้ ผมเองก็มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนกัน แต่ผมไม่เก่งที่จะแสดงความรู้สึกเหล่านั้นออกมา”
ความรู้สึกร้อนผะผ่าวเกิดขึ้นที่ขอบตาเล็กน้อย ริมฝากเล็กตอบกลับได้เพียงประโยคแสนสั้นที่เรียกรอยยิ้มจากทุกคนได้เป็นอย่างดี แม้ไม่มีอะไรที่ดูหรูหรามากไปกว่านั้น
“ขอบคุณนะ...”
“ป่ะ... กลับบ้านกัน”
บ้านของมินซอกไม่ใช่แค่ที่เกาหลี..
บ้านของมินซอกคงเป็นที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ที่มีคนที่สร้างความฝันร่วมกับเขา
ที่ที่มีคนที่พยายามมาด้วยกันเสมอ..
ที่ที่มีสมาชิกอีก 11 คนอยู่ข้างๆ...
บ้านที่มีอีกครึ่งนึงของเขา..
“สำหรับซิ่วหมินแล้ว EXO คืออะไรครับ ?”
“คนที่ล้ำค่า.. สิ่งที่ผมขาดไม่ได้ ครึ่งนึงของผม ครึ่งนึงของผมครับ..”พี่ใหญ่ของวงลากเสียงยาวเล็กน้อยเหมือนพยายามหาถ้อยคำมาเสริมเพิ่มเติมความรู้สึกที่มากมายอยู่ในใจตัวเองมากกว่านี้ แค่ครึ่งนึงของตัวเขาคงไม่พอหรอกมั้ง เมื่อคิดออกมินซอกก็ยิ้มและพูดมันออกไปอย่างชัดเจนให้น้องๆทุกคนได้ยิน
“ครึ่งนึงของชีวิต !”
?? ??? ???
เหมือนดั่งลมหายใจ หากเธออยู่เคียงข้างฉันตลอดเวลา
?? ?? ??? ????
หากเธอยังคงเดินเส้นทางนี้ไปด้วยกัน
_________________________________________________
ไรท์ไม่ค่อยได้แต่งดราม่าแบบนี้เท่าไหร่..
แต่วันนี้อึดอัดจริงๆคะ มันจุกอกยังไงไม่รู้ รู้สึกเหงาและน้อยใจแทนจงแดกับพี่หมิน
เลยระบายออกมาแบบนี้ คิดว่าหนุ่มๆเองก็คงให้กำลังใจกันเอง *ยกมือปิดหน้า
จงแดกับพี่หมินพยายามกันมาก รักน้องกันเยอะๆนะคะ
ไรท์รักสองคนนี้มากจริงๆคะ ช่วยสนับสนุนน้องกันด้วยนะคะ
ปล. ขอโทษที่ไม่ค่อยมีจงแดนะคะ นี่มันคลังฟิคที่หมิน ฮือออออ
:) Shalunla
ความคิดเห็น