((SNSD)) Sense แค่อารมณ์อ่อนไหว - ((SNSD)) Sense แค่อารมณ์อ่อนไหว นิยาย ((SNSD)) Sense แค่อารมณ์อ่อนไหว : Dek-D.com - Writer

    ((SNSD)) Sense แค่อารมณ์อ่อนไหว

    บางครั้งถึงเชื่อใจ แต่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้ ...ทำได้แค่ภาวนาอย่าให้สิ่งที่กลัวนั้นเป็นจริง >> YulYoon

    ผู้เข้าชมรวม

    1,862

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    1.86K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    7
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ส.ค. 55 / 09:10 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น







    Sense: Jetset’er 

    รู้ทั้งรู้ว่าเธอกับฉันเรายังคงรักกันอยู่

    แต่เมื่อเธอเจอเขา เรากลับดูเหมือนไกลห่าง

    จนทำให้ฉันไม่มั่นใจ

     

    ไม่ได้คิดที่อยากจะหวาดระแวง

    ที่เธอแสดงความรู้สึกสุขใจเมื่อได้อยู่กับเขา

     

    ช่วยบอกที่ได้ไหม ว่าเธอไม่เคยคิด

    บอกทีว่าเขาไม่ใช่เลยสักนิด

    ยืนยันให้รู้ว่าเซ้นของฉันผิด

    ที่คิดไปอย่างนั้น

     

    ต้องการเพียงแค่รู้ว่าเธอมีเพียงฉัน

    สบตากันให้รู้ว่าฉันคือคนนั้น

     

    ช่วยยืนยันให้รู้ว่ายังรัก

     

    เพราะว่าพฤติกรรมมันฟ้อง

    เพียงแค่มองก็ดูออก

    ว่าเขานั้นมีใจ

     

    แต่นั้นก็ไม่สำคัญใช่ไหม

    มันแล้วแต่ใจของเธอ

    มีฉันหรือหวั่นไหว

     

    ไม่ได้คิดที่อยากจะหวาดระแวง

    ที่เธอแสดงความรู้สึกสุขใจเมื่อได้อยู่กับเขา

     

    ช่วยบอกที่ได้ไหม ว่าเธอไม่เคยคิด

    บอกทีว่าเขาไม่ใช่เลยสักนิด

    ยืนยันให้รู้ว่าเซ้นของฉันผิด

    ที่คิดไปอย่างนั้น

     

    ก็เป็นแค่เพียงอารมณ์อ่อนไหว

    ที่ต้องการความมั่นใจ

    และอยากจะขอให้เธอช่วยยืนยัน...สักครั้ง

    กับคำว่า รัก


    THE★FARRY
    >
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      Sense แค่อารมณ์อ่อนไหว
                                                                                               YulYoon SNSD




                    วันนี้ก็เป็นอีกวันที่วงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังอย่างโซนยอชิแดต้องแสดงผ่านรายการโทรทัศน์ให้แฟนคลับได้ชื่นชม ยิ่งดังงานก็ยิ่งล้นมือมากขึ้นเรื่อยๆ แถมตอนนี้งานเดี่ยวของแต่ละคนก็เยอะขึ้นเป็นเท่าตัวถ้าเทียบจากสมัยก่อน

      ส่งผลให้สมาชิกแต่ละคนไม่ค่อยจะได้พบเจอกันสักเท่าไหร่ถ้าไม่มีงานแบบวันนี้  ถึงจะได้แสดงผลงานด้านอื่นมากมายขนาดไหน แต่ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การแสดงเพลงของพวกเธออย่างครบเก้าคนนี่แหละ เป็นงานที่สนุกและมีความสุขที่สุด

       

                      หลังจากแสดงเพลงเปิดตัวอัลบั้มล่าสุดของพวกเราเสร็จ พวกเราต่างก็วุ่นวายกับการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเดินทางกลับหอพัก แต่มีอยู่หนึ่งคนที่ดูจะไม่วุ่นวายเหมือนคนอื่นๆ กลับนั่งคุยโทรศัพท์สบายใจเฉิบ แถมมีอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้คนที่เห็นต้องพากันหมั่นไส้

       

      “พี่ยูล เปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว” ฉันเรียกไอ้คนที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์ให้ไปเปลี่ยนชุด

       

      “อืม..” หันมาพูดว่าอืม แต่กลับนั่งคุยต่อ ทำเอาฉันชักจะอยากเดินไปดึงโทรศัทพ์มาปาทิ้งจริงๆ

       

      “อืม ก็ไปเปลี่ยนซิ มานั่งแช่อยู่ทำไม”

       

      “ค่ะๆ เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยน ยุนไปเปลี่ยนก่อนได้เลย” เอ๊ะ! ยังไงเนี้ย ฉันเรียกให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกัน แต่กลับเลือกที่จะคุยโทรศัพท์ต่อ นี่ฉันเป็นแฟนพี่นะ!!

       

      “ยูล แกก็ไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วค่อยมาคุยต่อก็ได้” เสียงพี่แทยอนดังมาจากหน้าประตูพลางพยักพเยิดหน้ามาทางฉัน สงสัยคงเห็นว่าฉันกำลังเดือดปุดๆ รอเวลาระเบิด ก็เลยต้องเตือนไอ้ลิงหน้าม้อให้มันรู้ตัว

       

      พี่ยูริหันมามองฉันพรางส่งยิ้มแหยๆมาให้ สงสัยคงจะเพิ่งรู้ตัวว่าฉันชักจะไม่พอใจ เลยรีบบอกลาปลายสายแล้วกดตัดไป ก็ยังดีที่อย่างน้อยก็ยังรู้ตัว



       

      ตั้งแตที่พี่ยูริเริ่มไปถ่ายละคร ก็รู้จักและให้ความสนิทสนมกับนางเอกของเรื่อง จนฉันชักจะไม่พอใจ แต่ก็ว่าอะไรมากไม่ได้หรอก ฉันเข้าใจว่าการถ่ายละคร เราต้องทำความรู้จักกับคนที่ร่วมแสดงด้วย เพื่อให้การทำงานมันไหลลื่นและสะดวกมากขึ้น แต่ก็นะ พี่ยูลเข้าฉากกับพี่ยูอาอินและพี่อีแจฮุนมากกว่ายัยนางเอกนั้นอีก แล้วทำไมถึงสนิทแต่กลับยัยนี้นะ

                     

      ตอนแรกฉันก็ดีใจอยู่หรอกที่พี่ยูริไม่สนใจพี่ยูอาอินที่มีท่าทีแสดงออกว่าสนใจพี่ยูริอยู่บ้าง แต่ฉันคงลืมไปว่าพี่ยูริปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เข้ามาใกล้ แต่ไม่เคยปฏิเสธผู้หญิงสักคนหน่ะซิ!

       

      อย่างเมื่อก่อนก็ตัวติดกับฮารา ดีนะรายนั้นชอบผู้ชาย ทำให้ฉันโล่งใจขึ้นเยอะ ต่อมาก็พี่ซึงยอง รายนี้แสดงออกนอกหน้ามาก แต่ก็โล่งใจไปเปราะหนึ่งที่อยู่คนละค่าย เลยไม่ค่อยได้ใกล้ชิดเท่าไหร่ แถมมีฮาราคอยกันท่าให้ ยิ่งโล่งใจมากขึ้น แล้วก็นางเอก นักร้อง อีกหลายราย

       


       

      ที่เจ้าตัวไม่เคยปฏิเสธเลยสักคน เหตุผลเพียงเพราะว่า พวกเขาไม่ได้บอกชอบพี่ เกินพี่น้องหรือเพื่อนสักหน่อยนั้นแหละ ฉันก็ได้แต่มองดูแฟนตัวเองป๊อบปูล่าในหมู่สาวๆ ก็เลยต้องเรียกร้องความสนใจโดยการทำตัวเองป๊อบปูล่าในหมู่ผู้ชาย ให้ไอ้คุณพี่ลิงมันหันมาสนใจเสียบ้าง

       

      แล้วคราวนี้ก็เช่นกัน นางร้ายอย่าง ชเว อันนา สนิท กับนางเอกอย่าง อี กายอง มากเกินควร

       

                      ก็บอกแล้วฉันเข้าใจ การทำงานเราต้องสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลต่างๆ โดยเฉพาะนักแสดงที่เราต้องร่วมงานด้วย 

       

      แต่.... ปิดกล้องแล้ว ละครจบไปแล้ว แล้วทำไมยังติดต่อกันถี่ยิบอย่างนี้!!!!               

       

       

      รู้ทั้งรู้ว่าเธอกับฉัน เรายังคงรักกันอยู่

      แต่เมื่อเธอเจอเขา เรากลับดูเหมือนไกลห่าง

      จนทำให้ฉันไม่มั่นใจ

       

       

       

       

       

      ไม่รู้ว่าไอ้สองคนนั้นมันจะอะไรกันหนักหนา ทั้งยุนอาทั้งยูริ มองดูจะมีปัญหาให้ต้องงอนง้อกันได้ทุกวัน พี่ใหญ่ที่ไม่ค่อยจะเหมือนพี่ใหญ่อย่างฉันก็ได้แต่คอยเตือนยูริเวลายุนอาจะระเบิด ยัยเด็กเหม่งนั้นมองดูร่าเริงอารมณ์ดีก็จริง แต่ถ้าให้มันอารมณ์เสียนะคนละเรื่องเลยหล่ะ

       

      “แทแทไปกันเถอะ” ทิฟฟานี่แม่หมีตายิ้มของฉันเดินมาเกาะแขนเตรียมลากฉันออกไปจากห้องแต่งตัว

       

      “เดี๋ยวรอยูริกับยุนอาก่อนนะฟานี่” ฉันหันไปบอกคุณแฟนที่เกาะแขนฉันอยู่

       

      “ทะเลาะกันอีกแล้วหรอ?” ทิฟฟานี่หันมองรอบห้องเพื่อหาตัวต้นเหตุสองตัว

       

      “ไมได้ทะเลาะหรอก แค่งอนนะ”

       

      “ยุนงอนยูลอีกแล้วหรอ ทำไมช่วงนี้สองคนนี้มีปัญหากันบ่อยจัง”

       

      “มันจะไม่มีปัญหาได้ไง ไอ้ยูลเล่นคุยโทรศัพท์บ้าง นัดเจอกับคนนั้นบ้าง ช่วงนี้อย่างถี่อ่ะ” ซูยองที่กำลังเก็บของอยู่ใกล้ๆ บ่นออกมาอย่างเหนื่อยใจ

       

      “กับ ชิน เซคยอง นะหรอ” สาวตายิ้มหันไปถามคนที่เพิ่งบ่นออกมาเมื่อครู่

       

      “อืม”

       

      “แต่ยูลก็บอกไม่ได้มีอะไรนี่น่า แค่รู้จักกันแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง” ทิฟฟานี่ยังคงออกความเห็นไปตามที่เพื่อนสนิทหน้าคมเคยบอก

       

      “ก็ไม่มีอะไรแล้วจะคุยกันทำไมหนักหนาเล่า ถ้าแทยอนเป็นแบบยูลมั้งแกจะคิดมากไหมหล่ะ” เจอตอกหน้าแบบนี้เข้าไปหมีถึงกับเงิบ ก็จริงอย่างที่ซูยองว่า ถ้าแทยอนเอาแต่คุยโทรศัพท์หรือนัดเจอคนอื่นข้างนอกแบบยูริมีหวังเธอได้ระเบิดหอพักแก้เครียดเป็นแน่

       

      ยุนอาที่เพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเข้ามาได้ยินที่ซูยองพูดกับทิฟฟานี่พอดี

       

       

      ไม่ได้คิดที่อยากจะหวาดระแวง

      ที่เธอแสดงความรู้สึกสุขใจเมื่อได้อยู่กับเขา

       

       

      พี่ยูล ยุนจะเชื่อใจพี่ได้จริงๆใช่ไหม

       

       

                      เมื่อถึงหอพักต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว ซูยองตรงเข้าห้องครัวเพื่อหาอะไรทานโดยมีฮโยยอนเดินตามไปติดๆ ซันนี่เลือกที่จะนั่งเล่นเกมส์อยู่ในห้องนั่งเล่น แทยอนและทิฟฟานี่นั่งซบกันอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์ เจสสิก้าเดินเข้าห้องนอนไปกับมักเน่ และยูริที่กำลังง้อยุนอาอยู่ตรงระเบียง

       

      “ยุนอางอนยูริอีกแล้วหรอ” ฮโยยอนเอ่ยถามบุคคลที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เนื่องจากเธอเดินผ่านเห็นฉากงอนง้อของคนทั้งคู่ที่ริมระเบียง

       

      “อืม” แทยอนละสายตาจากหน้าจอโทรทัศหันมาตอบ

       

      “แต่มองดูรอบนี้ยุนอาคงจะไม่งอนมากเท่าไหร่ ถึงได้ยอมปล่อยให้ลิงมันกอดแล้วลากเข้าห้องไปอีกคู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันจะไปทำอะไรกัน” ซูยองถือถ้วยไอศครีมเข้ามานั่งข้างๆซันนี่

       

                     


      แต่ยูริเข้าไปในห้องยังไม่ถึงสิบนาทีก็รีบออกมาจากห้องให้คนในห้องนั่งเล่นตกใจกลับความรวดเร็วของลิงลมประจำวงที่ตอนนี้ออกไปจากหอพักเรียบร้อยแล้ว ตามมาด้วยยุนอาที่หน้าบึ้งทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น แต่ด้วยอารมณ์ของน้องรองตอนนี้ ไม่มีพี่คนไหนกล้าเขาไปถามไถ่ถึงสาเหตุเลยแม้แต่คนเดียว

       

      “อะไรของพวกมันอีกหล่ะเนี้ย” ซูยองกระซิบกนะซาบคุยกับซันนี่ที่นั่งทานไอศครีมกันอยู่สองคน ซันนี่ได้แต่ส่ายหน้าไปมา พร้อมหันไปมองหน้าแทยอน ทิฟฟานี่ และฮโยยอน ว่าควรจะทำอย่างไรดี

       

      “ยุนเป็นอะไรหรือเปล่า” ทิฟฟานี่ที่โดนสายตาเพื่อนๆส่งมาบอกเป็นนัยๆว่าให้เธอเป็นคนเริ่ม จึงต้องทำใจกล้าเอ่ยถามน้องรองที่กำลังอารมณ์บูดอย่างสุดๆ

       

      “.....” ไม่มีเสียงใดๆออกมาจากปากยุนอานอกจากเสียงถอนหายใจที่ดังแล้วดังอีกอยู่อย่างนั้น

       

      “เออ...” เมื่อน้องไม่ตอบ สาวตายิ้มก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี ได้แต่ส่งสายตาไปหาเพื่อนๆที่เหลือ ให้ช่วยส่งหน่วยกู้ภัยมาให้เธอหน่อย แล้วก็เหมือนคำอ้อนวอนของทิฟฟานี่พระเจ้าจะได้ยิน จึงส่งเพื่อนหน้านิ่งที่ร้อยวันพันปีเอาแต่หลับอยู่ในห้อง ให้เดินออกมาทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดนี้ไปซะ

       

      “เป็นอะไรกัน นั่งเงียบเชียว” หญิงสาวฉายาเจ้าหญิงน้ำแข็งที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับมักเน่ของวงเอ่ยถามขึ้น ปรกติห้องนั่งเล่นของพวกเธอทั้งเก้าคนมันเสียงดังจะตายไป

       

       

      ทั้งทิฟฟานี่ แทยอน ซันนี่ ซูยอง และฮโยยอน ต่างส่งสายตาไปทางยุนอาให้เจสสิก้ารับรู้ว่า ต้นต่อแห่งความเงียบมันอยู่ที่ยัยเด็กหัวเหม่งนั้น

       

      “เป็นอะไรยุน ยูลทำอะไรอีกหล่ะ” เจสสิก้าเดินมานั่งข้างๆยุนอาแทนที่แทยอน แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ สำหรับเธอการที่ต้องมานั่งเคลียร์ปัญหาให้ไอ้แฝดนรกคู่นี้นะ มันเป็นเรื่องปรกติไปเสียแล้ว

       

      “........”

       

      “ถ้าไม่บอก แล้วพี่จะช่วยแก้ปัญหาได้ไง.... หรือว่าไม่ต้องแก้แล้ว เลิกไปเลยง่ายกว่า” เจสสิก้ายังคงพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าราบเรียบ ไม่แสดงอาการยินดียินร้ายออกมาแต่อย่างใด เธอรู้ไม่ว่ายังไงไอ้แฝดสองคนนี้มันก็ไม่ยอมเลิกกันง่ายๆหรอก

       

      ยุนอามองหน้าเจสสิก้านิ่งก่อนที่จะซบลงบนไหลบางของพี่สาวแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างยั้งไม่อยู่

      “ฮือๆๆ ฮือๆ.. ก็พี่ยูลออกไปหาคนนั้นอีกแล้ว ฮือๆๆ”

       

      “ไอ้ยูล” เสียงเรียกชื่อบุคคลที่ไม่ได้รวมอยู่ในห้องนี้ดังขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง

       

      ทุกคนต่างทำหน้าระอา ไม่ใช่เบื่อยุนอา แต่เซ็งยูริที่ไม่รู้จะอะไรนักหนากับนางเอกหน้าหวานคนนั้น หรือที่ผ่านมายุนอาแค่งอนเล็กๆน้อยๆ ยูริเลยไม่รับรู้ว่าคนรักของตัวเองน้อยใจกับการกระทำของมันจริงๆ ไม่ใช่แค่งอนเล่นๆไปวันๆ

       

       

      “มันบอกว่าไงก่อนออกไป” เจสสิก้ายังคงถามเพื่อให้ตัวเองเข้าใจถึงเหตุผลของเพื่อนรักที่แจ้นออกไปหายัยนางเอกนั้น

       

      เธอรู้จักยูริดี ยูริไม่ใช่คนเจ้าชู้ แถมยังรักยุนอามากอีกตั้งหาก แต่มันซื้อ ซื้อจนเกือบจะบื้อในบางเรื่อง ใครๆก็มองออกว่าคุณนางเอก ชิน เซคยอง นั้นสนใจยูริเกินกว่าคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องที่เอามาอ้าง แต่เจ้าตัวอย่างยูริมันกลับไม่รับรู้อะไรเลย

       
      “คนนั้นเขาโทรมาหา แล้วพี่ยูลก็บอกว่าคนนั้นรถเสียอยู่แถวนี้ เขาให้ช่วยออกไปนั่งรอช่างซ้อมเป็นเพื่อน เขากลัวไม่อยาก

      นั่งคนเดียว แล้วพี่ยูลก็ออกไป”

       

      “โอ้ยย มารยา” เสียงซันนี่ดังขึ้นอย่างไม่พอใจ โดยมีเพื่อนๆบางคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

       

      “แล้วยุนได้ห้ามไม่ให้ยูลออกไปหรือเปล่า”

       

      “เปล่าค่ะ”

       

      “เอ้า!! แล้วทำไมไม่ห้ามเล่า” เสียงซูยองดังมาอีกระรอกให้ได้รับรู้ว่าชักจะหงุดหงิดยัยนางเอกนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ

       

      “ยุนจะห้ามได้ไง ถ้ายุนห้ามก็กลายเป็นว่ายุนไม่ไว้ใจพี่ยูล แถมยังไปทำนิสัยเด็กๆ เอาแต่ใจใส่พี่ยูล ยุนกลัวพี่ยูลเบื่อ แล้วจะไปหาคนนั้นจริงๆ” พูดจบยุนอาก็เอาแต่ร้องไห้กับความคิดของตัวเอง ไม่อยากระแวง แต่มันก็เจ็บปวดทุกครั้งที่คนรักไปหาหรือพูดคุยกับเขาคนนั้น

       
       

       

      ช่วยบอกที่ได้ไหม ว่าเธอไม่เคยคิด

      บอกทีว่าเขาไม่ใช่เลยสักนิด

      ยืนยันให้รู้ว่า sense ของฉันผิด

      ที่คิดไปอย่างนั้น

       

       

                     

       

      หลังจากที่ทุกคนปล่อยให้ยุนอาร้องไห้โดยไม่ซักถามอะไรได้ไม่นาน เจ้าตัวก็ผลอยหลับไปด้วความเพลีย เหลือแต่พี่ๆและน้องเล็กที่นั่งหน้าเครียดสงสารน้องรองของวง ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่จะให้นิ่งเฉยไม่สนใจก็ทำไม่ได้

       

      หลังจากที่ยุนอาหลับไปไม่นานยูริก็กลับเข้ามาในหอพักอีกครั้ง

      “ทุกคนเป็นอะไรหรือเปล่า มองดูเงียบแปลกๆนะ” คนที่เพิ่งก้าวเข้ามาใหม่เอ่ยทักเพื่อนๆและน้องเล็กที่นั่งมองหน้าเธอกันตาไม่กระพริบ

       

       “อ้าว... แล้วทำไมยุนมานอนอยู่ตรงนี่หล่ะ” เมื่อยูริเห็นบุคคลที่นอนหนุนตักทิฟฟานี่อยู่ก็รู้สึกสงสัย ทำไมคนรักของเธอต้องมานอนหลับในห้องนั่งเล่น พร้อมกับสายตาของเพื่อนๆที่บ่งบอกว่ามีปัญหาอะไรบางอย่าง

       

       ยูริเดินไปหาทิฟฟานี่หมายจะอุ้มยุนอากลับเข้าไปนอนในห้อง แต่ก็ต้องตกใจที่เห็นใบหน้าของยุนอาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แม้มันจะถูกเช็ดออกไปแล้ว แต่ตาบวมๆนั้นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี

       

      “ยุนเป็นอะไร” ยูริเอ่ยถามเสียงเบา กลัวคนรักจะตื่นขึ้นมาได้ยิน สีหน้าบ่งบอกว่าเธอเจ็บปวดที่ต้องมาเห็นน้ำตาของยุนอา

       

      “แล้วยูลไปไหนมาหล่ะ” เจสสิก้าเป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมาคนแรก

       

      “ไปนั่งรอช่างซ้อมรถเป็นเพื่อนเชคยอง”

       

      “แน่ใจนะว่าแค่ไปนั่งรอเป็นเพื่อน” ซันนี่ถามเสียงกระแทกใส่ยูริ เพราะความสงสารน้องทำให้เธอแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ถ้าใครได้มาเห็นยุนอาร้องไห้จะเป็นจะตายแบบที่พวกเธอเห็น ก็ไม่แปลกหรอกที่จะโกรธง่ายๆอย่างนี้

       

      “ไม่เอาน่าซัน พวกเราก็รู้กันอยู่ว่ายูลเป็นคนยังไง” ซูยองเป็นฝ่ายห้ามคนตัวเล็กก่อนที่อารมณ์ของซันนี่จะทำทุกอย่างแย่ไปกว่านี้

       

      “ยูล พวกเรารู้นะว่าแกไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขา แต่การที่แกเอาแต่คุยโทรศัพท์หรือออกไปหาเขาอย่างนี้ มันจะส่งผลเสียต่อแกกับยุนนะ” แทยอนตบไหล่ยูริเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ

       

      “ยุนอาคิดมากนะยูล น้องไม่ได้อยากระแวง แต่ยูลเข้าใจไหม คนรักเราสนใจคนอื่นมากกว่ามันเป็นธรรมดาที่ต้องคิดมาก” เจสสิก้าพยายามอธิบายให้ยูริเข้าใจอะไรมากขึ้น

       

      “ยูลไม่ได้สนใจเซคยอง มากกว่ายุนนะ แต่เซคยองเขาไม่ค่อยมีเพื่อน ดูเหงาๆ เวลาเขาชวนไปไหนยูลก็เลยไปเป็นเพื่อน ไม่ได้คิดอะไรเกินกว่านี้จริงๆ”

       

      “ยูลไม่คิดแต่น้องคนนั้นเขาคิด” ทิฟฟานี่ที่กำลังลูบหัวยุนอาพูดออกมาเบาๆแต่ก็พอให้ทุกคนได้ยิน คำพูดทิฟฟานี่ทำยูริหน้าเหวอไปเลย

       

      “เป็นไปไม่ได้น่า น้องเขาไม่เคยบอกว่าชอบผู้หญิงสักหน่อย แถมยังชอบพูดติดตลกบ่อยๆว่าฉันเท่ ถ้าเป็นผู้ชายจะควงออกสื่อไปแล้ว สงสัยจะชอบผู้ชายเท่ๆนะ”

       

      “โถ่ ไอ้ยูล!” ซูยองอดที่จะหัวเสียกับความซื้อของเพื่อนไม่ได้จริงๆ

       

      “น้องเขาจะชอบใครก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่ายุนอากังวลความสัมพันธ์ของแกกับน้องคนนั้น... แต่พวกฉันก็คิดเหมือนฟานี่นะ น้องเขาคิดกับแกเกินพี่น้องจริงๆ แค่แกไม่เคยมอง แกเลยไม่เห็น”

      แทยอนยังคงยืนยันความคิดของเพื่อนๆทุกคนที่เห็นพ้องต้องกันกับเรื่องนี้

                     

       

      ยูรินั่งเงียบคิดอะไรไปมาอยู่สักพักก็ตัดสินใจขอตัวพายุนอาไปนอนในห้อง แต่ยังไม่ทันจะอุ้มยุนอาก็ตื่นขึ้นมาซะก่อน

       

      “พี่ยูล.. กลับมาแล้วหรอ”

       

      “อืม กลับมาแล้ว.. ไปนอนในห้องกันนะ” ยูริยิ้มตาปิดให้น้องสาวที่ครองตำแหน่งคนรักของเธออยู่ แล้วพยุงยุนอาเข้าห้องนอน

       

       “พี่ยูลกลับมานานหรือยัง”

       

      “ก็สักพักแล้วหล่ะ...” พูดจบยูริก็ล้มตัวลงนอนข้างๆยุนอา แล้วกอดไว้แน่น

       

      “พี่ยูล..” ยูริจับยุนอาให้หันมามองหน้ากันตรงๆ สบสายตาที่มีแต่กันและกัน ก่อนจะพูดให้ยุนอาได้มั่นใจ

       

      “ยุน อย่าคิดมากเรื่องพี่กับเซคยองเลยนะ.. พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเขาจริงๆ พี่มียุนอาเพียงคนเดียว รักยุนอาคนเดียวเท่านั้น” พูดจบยูริกระชับกอดยุนอาให้แน่นขึ้นอีก

       

      แม้กอดของยูริจะแน่นเพียงใด สำหรับยุนอาตอนนี้ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด แต่เธอกลับรุ้สึกอบอุ่นจนไม่อยากจะหลุดออกจากอ้อมกอดนี้เลย

       

       

      ต้องการเพียงแค่รู้ว่าเธอมีเพียงฉัน

      สบตากันให้รู้ว่าฉันคือคนนั้น

       

       

       

       

                 

                  หลังจากวันนั้น เหมือนว่าอะไรๆจะดีขึ้นเรื่อยๆ ยูริไม่ค่อยคุยโทรศัพท์กับเซคยองเท่าไหร่ เวลาเขาชวนไปไหนก็ปฏิเสธตลอด

      ส่วนหนึ่งก็คงต้องขอบคุณพี่ผู้จัดการที่ช่วงนี้หางานใส่ตัวให้ยูริได้ไม่เว้นวัน จนยูริแทบจะไม่มีเวลาส่วนตัวเลย แค่หาเวลาอยู่กับยุนอานอกเหนือตอนนอนก็ยากแล้ว ขืนไปรับนัดใครเข้ามาเพิ่ม เป็นอันว่าเธอไม่ต้องมีเวลาพักผ่อนกันพอดี

       



       

       

                  แต่เหมือนจะดีขึ้นไม่ได้หมายความว่าดีขึ้น ในเมื่อยูริไม่ออกไปหาปัญหา แม่คุณนางเอกหน้าสวยก็เลยเอาปัญหาใส่พานมาถวายคุณลิงหน้าหล่อถึงที่ โดยไม่ต้องร้องขอแต่อย่างใด

       

      “คุณยูริมีคนมาขอพบค่ะ” สต๊าฟคนหนึ่งของรายการเดินเข้าไปหายูริในห้องแต่งตัวเพื่อแจ้งให้ทราบถึงเรื่องที่บุคคลดังกล่าวฝากให้เธอมาเรียกยูริให้

       

      “ใครค่ะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย” ยูริที่กำลังนั่งท่องสคริปของรายการที่กำลังจะอัดเทปจำต้องลดความสนใจเจ้ากระดาษชุดนั้นลง แล้วหันมาถามสต๊าฟคนดังกล่าว

       

      “ผู้หญิงค่ะ เธอไม่ให้บอกค่ะ บอกว่าถ้าออกไปพบก็จะรู้เอง”

       

      “ผู้หญิงงั้นหรอ.. งั้นช่วยบอกเขาทีว่ายูลไม่ว่าง ถ้ามีเรื่องด่วนอะไรให้เข้ามาพบยูลที่ห้องนี่เลย หรือไม่ก็ฝากเรื่องไว้กับพี่ผู้จัดการของยูลก็ได้ค่ะ”

       

      เนื่องจากวันนี้ยูริต้องออกรายการวาไรตี้เพียงคนเดียว ร่วมกับไอดอลวงอื่นๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เธอต้องดูสคริปให้ละเอียด เพราะไม่มีสมาชิกในวงมาคอยช่วยถ้าเธอพลาด

       

      เพียงไม่นานที่สต๊าฟคนนั้นออกไปจากห้อง บุคคลที่ไม่คาดคิดก็โผล่หน้ามาให้เธอได้ใจหายเล่น ไม่ใช่ดีใจ แต่ตกใจมากกว่า ...ที่สต๊าฟบอกก็คิดว่าจะเป็นแม่มาแกล้งอะไรเสียอีก ปรากฎว่าเป็นแม่นางเอกที่ซูยองชอบพูดค่อนแคะเวลาเห็นในโทรทัศน์

       

      “สวัสดีค่ะ พี่ยูล” หญิงสาวหน้าสวย ดีกรีนางเอกแถวหน้าของวงการบันเทิงเกาหลีเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวยูริแห่งโซนยอชิแดอย่างถือวิสาสะ ก็พี่สต๊าฟคนนั้นเขาบอกเองนี่ว่าเจ้าของห้องให้เข้าไปได้เลย ^^

       

      “เออ.. สวัสดีค่ะ มาหาพี่มีอะไรหรอเปล่าค่ะ” ถึงจะอยากอยู่ห่างๆเพื่อความสบายใจของยุนอา แต่จะให้ผลักไสไปก็ไม่ใช่เรื่อง แถมน้องเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ชอบเธอหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะเท่าที่ได้ยินมาก็เป็นแค่ข้อสันนิษฐานของเพื่อนๆ ฉะนั้นก็ต้องทำตัวให้ปรกติไว้ก่อน

       

      “ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ช่วงนี้พี่ยูลไม่ค่อยจะว่างไปไหนมาไหนด้วยกันเลย พี่ยูลเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ”

       

      “เออ.. ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ช่วงนี้พี่งานยุ่งมากเลย นี่เดี๋ยวพี่ก็ต้องไปอัดเทปรายการต่อหน่ะค่ะ” ยูริพูดพร้อมยกสคริปรายการที่เธอกำลังอ่านรายละเอียดให้หญิงสาวอีกคนดู

       

      “งั้นถ่ายเสร็จพี่ยูลต้องไปไหนต่อไหมค่ะ”

       

      “เออ.. คือ” ยังไม่ทันที่ยูริจะตอบอะไร ก็มีหญิงสาวอีกคนวิ่งพรวดเข้ามาในห้องตรงมากอดเธออย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ

       

      “พี่ยูล คิดถึงจัง” พูดจบก็หอมแก้มคนที่กำลังยืนนิ่งอึ้งแถมไปอีกฟอด

       

      “เออ.. ยุน ปล่อยพี่ก่อนนะ” ยูริพยายามแกะยุนอาออกจากตัว พร้อมส่งสายตาเป็นเชิงให้มองไปทางด้านหลัง เมื่อยุนอาเห็นบุคคลอีกหนึ่งคนในห้อง ก็ทำเอาเลือดในกายเย็นเฉียบขึ้นมาทันที นี่มันอะไรกันทำไมถึงอยู่ในห้องกันแค่สองต่อสองหล่ะ

       

      “เออ.. ยุน พอดีเซคยองมาทำธุระที่นี้เลยแวะมาหาพี่หน่ะ” ยูริรู้สึกได้ทันที่ว่ากวางน้อยของตัวเองคงจะไมพอใจเป็นอย่างมาก ต้องหาคำตอบที่พอจะทำให้อุณหภูมิอารมณ์คนรักดีกรีนางเอกอีกคนเย็นลงซะก่อน

       

      “อืม.. พี่ยูลค่ะ ให้เชคยองช่วยดูสคริปให้ไหมค่ะ” เชคยองที่เห็นปฏิกิริยาของคนทั้งคู่ก็พอจะเดาได้ ว่ายูริที่เธอหมายปองคงมีสถานะพิเศษกับแม่นางเอกร่วมวงคนนั่น หึ..อย่างนี้ต้องเจอกันสักหน่อย

       

      “เออ..” ยูริได้แต่ยืนนิ่งมองดูปฏิกิริยาของแฟนสาว จากตั้งใจอ่านสคิป ณ จุดนี้ ตั้งใจอ่านอารมณ์คนตรงหน้าก่อนดีกว่า เกิดมาระเบิดปึ้งปั้งที่นี่เวลานี้ ยุนอาอาจจะดูไม่ดีในสายตาทีมสต๊าฟของทางสถานีนี้ได้

       

      เมื่อเห็นยูรินิ่งแข็งเป็นลิงโดนแช่ช่องฟิต ยุนอาเลยจัดการหยิบสคริปมาไว้ในมือเธอเสียเอง

       

      ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ยุนอาคงรีบวิ่งกลับหอไปกรี๊ดให้ลั้นห้องเป็นแน่ แต่ตอนนี้จากคำแนะนำของเจสสิก้า ซันนี่ และทิฟฟานี่ ทำให้เธอเลือกที่จะเผชิญหน้าและแสดงออกว่าคนนี้คือคนของเธอ

       

       

      เพราะว่าพฤติกรรมมันฟ้อง

      เพียงแค่มองก็ดูออก

      ว่าเขานั้นมีใจ

       

       

       

       

       

      “คงไม่ต้องให้คุณช่วยหรอกค่ะ เรื่องแบบนี้ให้คนกันเองช่วยน่าจะดีกว่านะค่ะ” ยุนอาเน้นคำว่า คนกันเอง เป็นพิเศษ จากนั้นเธอก็เดินจูงมือยูริไปนั่งที่โซฟาอีกตัวในห้อง

       

      โดยที่เธอนั่งเบียดจนแทบจะทิ้งตัวไปบนตักของยูริอยู่แล้ว เชคยองแสดงสีหน้าเรียบเฉยแต่กลับเดินมานั่งลงอีกข้างของยูริ พร้อมเกาะแขนคนรักของเธอเอาไว้ ส่วนเจ้าตัวก็ได้แต่ยิ้มฝืนๆส่งไปให้หญิงสาวที่กำลังสร้างสงครามประสาทใส่กันอยู่

       

      “พี่ยูลนี่มองดูจะสนิทกับคุณยุนอานะค่ะ”

       

      “แน่นอนซิค่ะ สนิทมาก มากจนคนบางคนเทียบไม่ติด” ยุนอาถือวิสาสะตอบคำถามแทนยูริเสียเสร็จสรรพ

       

      ”แหม.. สนิทมากไม่มากเนี้ยมันเอาอะไรมาวัดไม่ได้หรอกนะค่ะ มันอยู่ที่เจ้าตัวเขาอยากจะสนิมกับใครมากกว่ากันตั้งหาก”

       
       

      ก่อนที่สงครามจะประทุจนหยุดไม่อยู่ ก็เหมือนมีเสียงระฆังพักยกมาช่วยชีวิตยูริเอาไว้

      “คุณยูริค่ะ เตรียมตัวอัดรายการได้แล้วค่ะ เชิญที่ห้องอัดเลยนะค่ะ”

      เธอไม่เคยรู้สึกของคุณและรักสต๊าฟคนไหนเท่าพี่คนนี้มาก่อน อยากจะกระโดนหอมแก้มสักทีสองทีเป็นรางวัลเสียจริง!

       

      “เออ.. พี่ขอตัวไปอัดรายการก่อนนะค่ะ”

       

       

      แต่นั้นก็ไม่สำคัญใช่ไหม

      มันแล้วแต่ใจของเธอ

      มีฉันหรือหวั่นไหว






       

       

      “พี่ยูลเหนื่อยไหมค่ะ” หลังจากถ่ายเสร็จ เชคยองก็ปรี่เข้ามาส่งน้ำให้ยูริดื่มโดยอัตโนมัติ ทำไงได้ เขาอุตสาเอามาให้ก็ต้องยิ้มรับเป็นมารยาทกลับไป

       

      “พี่ยูลรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะค่ะ จะได้กลับหอ” ยุนอาเดินมาลากแขนยูริให้เดินไปทางห้องแต่งตัวทันที ซึ่งเชคยองก็เดินตามมาไม่ห่าง

       

      “เออ.. พี่ยูล ถ้าไม่มีงานต่อ เราไปทานข้าวกันไหมค่ะ” เมื่อยุนอาได้ยินดังนั้น ก็มองอีกคนที่มีดรีกรีนางเอกเหมือนๆกับเธอตาขวาง อะไรจะกล้าชวนโต้งๆต่อหน้าเธอขนาดนี้

       

      “ก็เอาซิค่ะ” ยูริตอบรับคำชวนด้วยรอยยิ้มกว้าง ผิดกับยุนอาที่ช็อคกับคำตอบถึงขั้นอ้าปากค้าง ปรกติยูริเป็นคนที่ไม่ปฏิเสธใครอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ตอบรับใครแบบจริงจังอย่างนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าเธอไม่ชอบให้ยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ แต่เขาก็ยังทำ!

       

       

                     

      ไม่ได้คิดที่อยากจะหวาดระแวง

      ที่เธอแสดงความรู้สึกสุขใจเมื่อได้อยู่กับเขา

       

      ช่วยบอกที่ได้ไหม ว่าเธอไม่เคยคิด

      บอกทีว่าเขาไม่ใช่เลยสักนิด

      ยืนยันให้รู้ว่า sense ของฉันผิด

      ที่คิดไปอย่างนั้น

       

       

       

      “แต่พี่คงต้องพายุนอาไปด้วยนะค่ะ พี่ปล่อยให้ยุนอากลับหอคนเดียวไม่ได้หรอก” พูดจบยูริก็กระชับมือยุนอาที่ยังยืนแข็งทื้อ งุนงงกับพฤติกรรมของคนรัก

       

      “ก็แล้วแต่พี่ยูลเถอะค่ะ” แม้เธอจะไม่พอใจแต่ก็ปฏิเสธข้อเสนอของยูริไม่ได้ ยิ่งเมื่อเห็นยูริจับมือยุนอาก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ เธอตรงเข้าไปเกาะแขนอีกข้างอย่างถือความเป็นเจ้าของทันที

       

      “เออ.. พี่ว่าเชคยองปล่อยแขนพี่ดีกว่านะค่ะ เดี๋ยวใครเห็นแล้วจะเอาไปนินทาจนกลายเป็นข่าว” ยูริพยายามแกะมือเชคยองออกจากแขนอย่างสุภาพ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตายุนอา แต่เธอไม่เข้าใจจริงๆว่ายูริจะทำอะไร

       

      “แล้วจับมือยุนอาแน่นขนาดนั้น ไม่กลัวเป็นข่าวบ้างหรือค่ะ”

       

      “พี่กับยุนเป็นสมาชิกวงเดียวกัน การจับมือถือแขนเป็นเรื่องปรกติของพวกเราทั้งเก้าคน ฉะนั้นต่อให้พี่จะทำมากกว่าจับมือก็คงจะไม่เป็นไร แต่ถ้าพี่จะต้องเป็นข่าวกับยุน พี่ก็โอเคนะ เพราะมันคือความจริง! ยุนอาเหวอทันทีที่ได้ยินคำพูดของยูริ

       

      “พี่ยูลพูดอย่างนี้หมายความว่าไงค่ะ” เชคยองตะคอกใส่ยูริ เพราะเขากำลังทำให้เธอรู้สึกเสียหน้า คนอ่อนโยนคนนี้ทำแบบนี้เป็นด้วยหรอ

       

      “พี่ก็หมายความตามที่พูด แขนของพี่ มีไว้ให้ยุนอาเกาะ มือของพี่มีไว้ให้ยุนอาจับ และฐานะคนรักของพี่มีไว้ให้ยุนอาครอบครอง”

       

      “พี่ยูล!!

       

      “เชคยองไม่เคยบอกว่าชอบพี่ ฉะนั้นการที่พี่พูดแบบนี้ออกไปก็ไม่ได้หมายความว่าเชคยองโดนปฎิเสธแต่อย่างใด พี่เพียงแค่ต้องการอธิบายให้ชัดเจนว่าเราสองคนเป็นได้แค่พี่น้องกัน ถ้าเชคยองมองพี่ในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องเราก็ไม่มีอะไรต้องผิดใจกัน แต่ถ้ามองในฐานะอื่น คงต้องบอกตรงนี้ว่าเป็นไปไม่ได้ เข้าใจนะค่ะ”

       

      “พี่ยูล!!!!!!” ชินเชคยองได้แต่หัวเสียเดินหนียูริออกไปทันที ยูริคนที่อ่อนโยน เอาใจใส่เธอในหลายๆอย่าง จนเธอเผลอใจให้ ทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร

       

      เป็นอันว่ามือเย็นวันนี้ต้องกลับไปกินที่หอพักเหมือนเดิม ถึงจะซ้ำซากแต่ก็มีความสุข ดีกว่าไปนั่งกินแบบอึดอัดแหละนะ

       

       

       

      “เข้าใจแล้วนะค่ะ กวางเหม่งของพี่” ยูริหันกลับมามองหน้ายุนอาที่ยังคงงงๆกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเธอแทบจะตั้งรับไม่ทัน

       

      “เออ..”

       

      “งงอะไรห๊ะเรา หรือไม่ชอบที่พี่ทำแบบนี้”

       

      “เปล่า.. เพียงแต่ ทำไมพี่ยูลถึงทำแบบนี้หล่ะ ปรกติก็ปล่อยให้เขาลากไปนู้นมานี้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ”

       

      “ก็ปรกติเขาแค่ลากพี่ไปไหนมาไหนในฐานะเพื่อน รุ่นพี่รุ่นน้อง ไม่เคยทำอะไรมากไปกว่านั้น.. แต่วันนี้เขาพยายามทำตัวเป็นเจ้าของพี่แข่งกับยุน ซึ่งพี่ไม่ชอบ ไม่ใช่ไม่ชอบให้ใครแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ไม่ชอบที่เขาคิดว่าตัวเองมีสิทธิเหมือนยุน” ยูริยิ้มให้อีกคนกว้างขึ้น

       

      “พี่เป็นของยุน ยุนจะทำอะไรยังไงก็ได้.. แล้วทำไมเพิ่งจะมาแสดงความเป็นเจ้าของเอาวันนี้หล่ะ”

       

      “ก็... ยุนไม่อย่าทำตัวเป็นเด็ก เอาแต่ใจ ขี้วีน ขี้งอน หรือมัวแต่ระแวงพี่ยูล  ยุนกลัวว่าพี่ยูลจะเบื่อแล้วทิ้งยุนไปหายัยนั้นจริงๆ”

       

      “ยุนค่ะ ยุนรู้เอาไว้นะ... ยุนมีสิทธิในตัวพี่ทุกอย่าง

      ยุนมีสิทธิ ที่จะทำตัวเป็นเด็กใส่พี่

      ยุนมีสิทธิ ที่จะเอาแต่ใจกับพี่

      ยุนมีสิทธิ ที่จะวีนเหวี่ยงใส่พี่

      ยุนมีสิทธิ ที่จะงอนพี่กี่ร้อยรอบก็ได้

      ยุนมีสิทธิ ที่จะหึงพี่กับใครๆ

       

      เพราะยุนเป็น คนรัก ของพี่

       

      ฉะนั้นไม่ว่ายุนจะรู้สึก หรืออยากแสดงอารมณ์อะไรออกมากับพี่ก็ได้ทั้งนั้น ยุนเป็นคนเดียวที่มีสิทธิแบบนี้นะ

       

      แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะเบื่อยุน เพราะมันจะไม่มีวันนั้น พี่สัญญา”

       

       

      ก็เป็นแค่เพียงอารมณ์อ่อนไหว

      ที่ต้องการความมั่นใจ

      และอยากจะขอให้เธอช่วยยืนยัน...สักครั้ง

      กับคำว่า รัก

       

       

      “พี่รักยุนนะค่ะ”

      ควอน ยูริ รัก อิม ยุนอา

       

       

      เหมือนที่

      อิม ยุนอา รัก ควอน ยูริ

      “ยุนก็รักพี่ยูลค่ะ”


       

















      เรื่องนี้แต่งเสร็จตั้งนานแล้ว ช่วงที่แฟชั่นคิงเพิ่งจบใหม่
      แต่เพิ่งจะขยันเอามาอัพ

      ใจจริงอยากจะเพิ่งดีกรีความหวานของยูลเซค
      กับความหึงของยุนให้มากกว่านี้
      เนื่องจากโม้เม้น ยูริ ให้เค้กวันเกิดกับเซคยอง
      แต่ก็ขี้เกรียจจะแต่งใหม่ เลยเอาลงมันแบบนี้แหละ...

      แต่มันก็ได้อารมณ์แบบว่าหึงแต่ไม่กล้าแสดงออกมาก
      กลัวจะต้องทะเลาะจนเสียเขาไปจริงๆ

      by iFeelGood อารมณ์ดีชะมัดเลย (ข้าวต้มมัด)
      11 Aug 2012

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×