คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #115 : Ep.33 - Anemone
UNagain.33 - Anemone
พวกเชสเซอร์จัดเตรียมเก้าอี้ให้
ขณะเดียวกันในคฤหาสถ์หลังนี้ก็มีคนใช้ให้เห็นอยู่ คาดว่าพวกเขาเองก็เป็นอันเดธ
แต่น่าจะเป็นรูปแบบทั่วไปเท่านั้น “เชิญพูดเลย” บลูซชร่างสูงว่าอย่างนั้น
“อยากให้เป็นพันธมิตรด้วยน่ะ”
———ตอนนั้นทุกคนจึงหยุดชะงัก
โดยเฉพาะสายตาของรูปแบบควีนบนชั้นสองนั้นยิ่งแล้วใหญ่
เต็มไปด้วยแรงอาฆาต เกลตระหนักเช่นนั้นก่อนจะเอ่ย “ชั้นไม่ติดค้างเรื่องที่พวกนายฆ่าบ็อบหรอกนะ” จากนั้นมาร์กาเร็ตหนึ่งในโฟลทเอชจึงพูดเสียงเรียบ “นั่นหาใช่เหตุสำคัญ ประเด็นคือทำไมพวกข้าต้องเป็นพันธมิตรกับเจ้า?”
“เพื่อโค่นล้มยามะ”
“ว่าไงนะ?”
สายตาคมเข้มตวัดมอง “เจ้ายังสติดีอยู่รึไม่? ยามะนั้นเป็นถึงเจ้านรกแห่งนารากะ
ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้ามีปัญหาอะไร แต่ยังไงซะนี่ก็ไม่ใช่ปัญหาของคนจากเฮลอย่างพวกข้า”
“ไม่ได้ให้ทำฟรีหรอก
ทางนี้น่ะยินดีมอบสินสงครามทั้งหมดให้เลย
ที่ดินของพวกนิรยบาลน่ะเอาไปได้เลยแน่นอนว่ารวมถึงทรัพยากรในนั้นด้วย” จากนั้นเกลจึงชูนิ้ว “ทว่าสิ่งเดียวที่ชั้นต้องการ––”
.
.
“ก็คือประตูภพ”
เป็นหนที่สองที่พวกอันเดธเหล่านี้ถึงกับคิ้วกระตุก “หมายความว่าไง?” โดมินิคถาม “นี่แกมีเป้าหมายจะไปภพมนุษย์งั้นเหรอ? นี่คิดจะฝืนกฏธรรมชาติรึไง?”
“.....จะใช้ทำอะไรมันก็เรื่องของชั้น”
“นี่แก!”
“โดมินิค”
ทันใดนั้นเสียงเปล่งไปด้วยอำนาจก็ดังขึ้น คำพูดนั้นดังมาจากปากของควีนแห่งอันเดธ
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเธอพูด หล่อนซึ่งอยู่ในร่างแปลงก็พลันปลดอาคมออก
เผยให้ผิวเกราะละเหยไปกลายเป็นควันดำ
สุดสายตานั้นคือหญิงงามซึ่งมีผมบลอนด์เงางามกำลังยืนอยู่ตรงนั้น
———เธอกระโดดลงจากชั้นสองแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าผม
“ชื่อของคุณคืออสูรแปดชั้น...เกลสินะ?”
“......อ่า”
“พวกเราตกลงเป็นพันธมิตร––”
“ควีน!?”
“แต่ว่า..! ชั้นขอเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปอีกหนึ่ง” หญิงสาวยิ้ม “คุณจะต้องให้ชั้นใช้ประตูภพด้วย” เหล่าเชสเซอร์ถึงกับตะลึงหนัก มาร์กาเร็ตเอ่ย “ป-โปรดพิจารณาใหม่ด้วยค่ะ! การที่ท่าน––”
“ดิชั้นคิดดีแล้วค่ะ มาร์กาเร็ต” เธอหันมาถามย้ำ “คำตอบล่ะคะ?”
“ตกลง” เกลไม่เสียเวลาคิด
เขาทำสีหน้าไร้อารมณ์ก่อนจะสะบัดผ้าคลุมแล้วหันหลังเดินกลับไป “เราจะบุกเมืองของยามะอีกสองเดือนข้างหน้า”
———ชายหนุ่มเปิดประตูเดินออกไป
“ถึงตอนนั้นชั้นจะมารับพวกนายเอง”
.
.
“โฮ่!? ยันต์ระดับสองงั้นเหรอ?
ไม่เลวเลยนี่” จิวซือเมี่ยวร้อง ในมือของแพทตี้กำลังถือกระดาษซึ่งมีอักขระยันต์สีเขียวกำกับอยู่
สิ่งนั้นก็คือยันต์ระดับสอง
หากให้เทียบ บุคคลากรซึ่งสามารถเขียนยันต์ได้มีอยู่น้อยนิด
การเขียนยันต์ระดับสองก็ยิ่งน้อยนิดลงเข้าไปใหญ่ “ข้าเองก็สามารถเขียนได้แค่ระดับสามเท่านั้น” นางว่าอย่างนั้น ส่วนแพทตี้ก็นั่งยิ้มอย่างยินดี
“แต่นี้ไปข้าขอรับเจ้าไปเป็นศิษย์เอก
เจ้าสามารถเข้าออกหออักขระได้ทุกเมื่อ”
“จริงเหรอคะ!?”
“ฮึฮึฮึ! แน่นอน
ข้าพูดคำไหนคำนั้น”
หญิงสาวถึงร้องเยสออกมาในท่ากำหมัด
จิวซือเมี่ยวยิ้มให้กับความไร้เดียงสานั้น “ฝีมือเจ้าช่างรุดหน้าได้รวดเร็วนัก” หญิงชราชี้ “ยันต์มีทั้งสิ้นห้าระดับ แต่ละระดับย่อมมีขีดจำกัดในตัวมัน”
จิวซือเมี่ยวกวักมือ
“ตามข้ามาสิ” ครืด!
บานเลื่อนถูกเปิดออก ภายในเผยให้เห็นศาสตราจำนวนมากวางเรียงรายอยู่
เช่นเดียวกับยันต์หลายปึก นี่คือห้องทำงานของเธอ
ทันทีที่แพทตี้เห็นสีหน้าอื้ออึงก็ปรากฏ “รับ!”
“เอ๊ะ? ว-เหวออ..!?”
เธอสะดุ้งกระนั้นก็รับสิ่งของที่หล่อนโยนมาให้อย่างทันท่วงที
สิ่งนั้นคือดาบยาวสีดำขลับทั้งเล่มๆหนึ่ง “นั่นคือดาบดำซึ่งสร้างจากแร่ออบซิเดียน
อย่างที่เจ้าทราบ ยันต์ระดับหนึ่งสามารถใช้ได้กับเงินหรือเหล็กซึ่งมีความแข็งระดับ
4 ทว่ายันต์ระดับสองนั้นแตกต่างออกไป”
สตรีเฒ่ายื่นเอกสารให้แผ่นหนึ่งในนั้นมีตารางความเข้ากันของวัตถุและยันต์อยู่
———นี่คือสมการสำหรับการใช้วิชายันต์!
“ยันต์ระดับสองนั้นจะต้องใช้กับแร่ระดับ 5 เป็นอย่างต่ำ
ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์จะกลับตาลปัตรได้
ดาบเล่มนั้นข้ายกให้เป็นของขวัญสำหรับการเป็นศิษย์เอกของเจ้า”
“ขอขอบคุณท่านอาจารย์จิว”
แพทตี้คารวะให้มารยาทอันสมควร ทว่านางกลับสะบัดชายผ้าแล้วเอ่ย “ไม่ต้องมากพิธี
ต่อจากนี้ต่างหากคือของจริง” จิวซือเมี่ยวเปิดคลังซึ่งปรากฏไปด้วยพู่กันหลากชนิดและยันต์จำนวนมากให้เห็น
“จากนี้ไปงานของเจ้าคือการสร้างยันต์ระดับหนึ่ง 100
ใบให้กับสำนัก”
“......เอ๊ะ?”
.
.
อีกด้านหนึ่งกริชก็กำลังออกปฏิบัติภารกิจ
“กรี๊ซซซ..!” อสุภะกรีดร้อง
จากนั้นจึงสิ้นใจตายลงกับพื้น กริชปลดอาคมออกก่อนจะว่า “เก็บซากศพซะ”
จากนั้นเหล่าชนผู้น้อยจึงร้อง “ฮ่ะห์!”
แล้วทำหน้าที่ตน
———เขาในตอนนี้นับว่ามีตำแหน่งที่สูงอยู่ไม่น้อย
“ฝีมือท่านช่างล้ำลึกนัก นับถือๆ” หนึ่งในลูกทีมพูดเยินยอ กระนั้นอีกฝ่ายกลับส่ายหน้าเอ่ย “ไม่หรอก ฝีมือแค่นี้น่ะถือว่ายังอ่อนแอเกินไป”
.....กริชกำหมัดแน่น
“ชั้นในตอนนี้ยังไม่สามารถเป็นที่หนึ่งได้หรอก”
.
.
.
“และไม่มีวันเป็นได้ด้วย”
ท่ามกลางลานโล่งซึ่งเต็มไปด้วยความแห้งแล้ง
เบื้องหน้ากลับปรากฏให้เห็นชายโพกผ้าพันแผลผู้หนึ่งกำลังยืนจ้องอย่างไร้แก่นสารอยู่
“.....แกเป็นใคร?”
“เกล”
ทันใดนั้นฝ่ามือของชายหนุ่มก็พลันปรากฏละอองแสงสีทองขึ้น
———คลื่นกัมปนาทถูกวาดออกไปเป็นวงในชั่วเสี้ยววิ
“อะไร..!?”
คว้ากก!
พรรคพวกทั้งสี่พลันถูกสะบั้นขาดครึ่งตัวในชั่วอึดใจ
“อ๊ากกกก..!”
กริชแม้จะสามารถป้องกันด้วยโล่พลังจิต ทว่าทันทีที่ปะทะกลับเป็นฝ่ายเขาเสียเองที่กระเด็นออกไป
“ค-ค่อก..!? พ-พลังขนาดนี้มันอะไรกัน?”
ทั่วทั้งร่างของชายหนุ่มถึงกับบอบช้ำ
กริชทรุดตัวกับพื้นยากจะลุกขึ้น
เลือดสีแดงสดไหลรินออกจากทั่วสรรพางค์
ชายเจ้าของหอกสีทองดำซึ่งสลักลวดลายวิจิตรก้าวเดินออกไป
“ใช้ได้นี่ ถ้างั้นจะให้ทางเลือกหน่อยก็แล้วกัน”
———หอกในมือถูกตวัดขึ้นชี้หน้า
“จะติดตามชั้นหรือว่าจะตายที่นี่?”
۞۞۞
ความคิดเห็น