คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #93 : Ep.11 - Adjure
UNagain.11 – Adjure
“ที่นี่มัน...”
แพทมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง แน่นอนว่ากริชเองก็ไม่ต่างกัน
หลังจากทะยานเข้าสู่หลุมดำอย่างไม่เต็มใจ
เบื้องหน้าคนทั้งสองกลับปรากฏให้เห็นมหานครกว้างไกลเกือบพันตารางวาหรือมากกว่านั้น
แถมผู้คนก็ล้วนเดินเผ่นผ่านไปทั่วราวกับนี่เป็นเมืองใหญ่แห่งหนึ่งหาใช่นรกบนดิน
———ยิ่งใหญ่อลังการ หากพูดแบบนี้ก็คงไม่ผิด
การปรากฏตัวของทั้งคู่นั้นเป็นที่สนใจของบางคนอยู่ชั่วขณะ
จากนั้นพวกมันจึงละสายตาไปเมื่อไม่พบเห็นสิ่งอื่นแปลกตา วูบ! ข้างหลังปรากฏร่างของสองนิรยบาลเข้าสมทบ
จากนั้นห้วงมิติจึงปิดลง
“ตามข้ามา”
นิรยบาลซึ่งมีร่างกายกำยำเอ่ย
ก่อนจะเดินนำพวกเขาไปโดยมีอีกคนประกบหลังไว้
กริชและแพทต่างไม่เข้าใจต่อการกระทำของอีกฝ่าย
กระนั้นเขาก็แน่ใจแล้วว่าพวกมันไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าอย่างแน่นอน เพราะหากจะฆ่าจริง
ป่านนี้ก็คงลงมือโดยไม่ต้องเสียเวลาทำอะไรอ้อมค้อมแบบนี้ กริชทัก
“พวกนายจะทำอะไรกับเรา?”
“เดี๋ยวก็รู้”
ชายตรงหน้าตอบเสียงเรียบ กริชได้แต่เบ้ปาก ส่วนแพทก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
กระทั่งพวกเขามาถึงอาคารหลังหนึ่ง อาคารหลังนี้มีลักษณะแปลกตา
เพราะมันเป็นทรงตัดแบบสี่เหลี่ยมคางหมูคล้ายกับบ้านสไตล์โมเดิร์นซึ่งขัดกับสภาพเมืองและร้านค้ารอบด้าน
ขณะเดียวกันด้านหน้าทางเข้าก็มียามสองคนยืนไขว้หอกสามง่ามเอาไว้
นิรยบาลร่างสูงล้วงสารฉบับหนึ่งออกจากอกเสื้อ แล้วว่า
“นี่คือโองการแห่งยามะ”
ยามทั้งคู่พลันเลิกคิ้ว
จากนั้นชายคนหนึ่งจึงก้าวออกมากางสารดังกล่าวพลางอ่านเนื้อหาภายใน
มันใช้เวลาอยู่ชั่วขณะ แล้วจึงหันไปพยักหน้าแก่ยามอีกคนหนึ่งแล้วคืนสารนั้นให้
นิรยบาลกำยำประสานมือ
“ขอบพระคุณ!”
แอ๊ด!
บานประตูเหล็กสีดำเปิดออกอย่างแช่มช้า ชายตรงหน้าวาดมือคลายมุทราออกเช่นเดียวกับบุคคลด้านหลัง
วูบ! ทันใดนั้นเขาสีดำกับหางแดงจึงเลือนหายหลงเหลือแต่เพียงมนุษย์ปกติคู่หนึ่ง
กริชหรี่ตาต่ำ เจ้าพวกนี้เป็นมนุษย์ปกติ? เขาลอบประเมินในใจ
บางทีการที่อีกฝ่ายกลายร่างได้อาจจะเป็นเพราะอาคมหรืออะไรซักอย่าง
การร่ายมุทรานั้นเป็นข้อชี้ชัดได้อย่างดี ชายหนุ่มนึกอย่างนั้นพลางเดินตามหลังไปเงียบๆ
ภายในกลับกว้างกว่าที่เห็น นอกจากบ้านสไตล์พิลึกๆแล้ว
ยังมีสวนหย่อมกับน้ำตกให้เห็นอีก ส่วนอาคารเองก็มีมากกว่าหนึ่งหลัง
นับคร่าวๆก็ประมาณสามหลังเห็นจะได้
“ที่นี่ดูไม่เหมือนนรกเลยนะ”
“อืม นั่นน่ะสิ”
ทั้งคู่กระซิบกันเบาๆ
ก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าอาคารหลังหนึ่งซึ่งเป็นเรือนไม้ดำดูเก่าแก่
ชายร่างกำยำจึงเคาะประตูหัวสิงห์สามครั้ง แล้วกล่าวออกไป
“นิรยบาลมาต้าขอเข้าพบยามะ!”
“.....เชิญ”
เสียงเนือยๆดังตอบกลับ
แล้วทันใดนั้นประตูไม้จึงเปิดออกเองโดยอัตโนมัติดัง ปึง! เผยให้เห็นห้องโถงปูพรมยาวอยู่ตรงหน้า
มีโต๊ะและเก้าอี้บังลังก์ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น ข้างๆกันก็เป็นองครักษ์นิรยบาลน้อยใหญ่กำลังยืนตัวตรงตลอดทางอยู่
กระทั่งเดินจรดใกล้ต่อบังลังก์นิรยบาลทั้งสองจึงคุกเข่าลง
“คารวะองค์ยามะ!”
“อ่าๆ ช่างหัวพิธีมันเถอะ”
กริชเลิกคิ้ว เสียงใสนั้นคงเป็นยามะหรือพญายมผู้ตัดสินโทษในครั้งนั้นไม่ผิดแน่
เขาคิดเช่นนี้ในใจ กระทั่งยามะกวาดกองเอกสารบนโต๊ะออกจึงเผยให้เห็นอิสตรีนางหนึ่งขึ้นตรงหน้า
หล่อนมีใบหน้าหมดจดดูเยาว์วัย ขณะเดียวกันก็มีเขา 6
อันข้างขมับซ้ายขวาผิดกับนิรยบาลตนอื่นๆ
———เธอคนนี้ก็คือยามะผู้ตัดสินโทษเมื่อตอนนั้น!
“.....ใช่จริงๆด้วย”
“หืม? ใช่อะไรเหรอ?”
“เธอความจำเสื่อมคงจะจำไม่ได้สินะ คนๆนี้น่ะคือผู้ตัดสินโทษว่าเรามีความผิดรึไม่”
กริชจ้องเขม็ง จากนั้นจึงเอ่ยต่อ “เธอน่ะเป็นคนส่งพวกเราไปที่ขุมยังไงล่ะ”
“เอ๋!? ผู้หญิงคนนี้เหรอ?”
แพทตี้จ้องเธอที่กำลังนั่งเท้าคางสลับกับกริชที่กำลังแผ่รังสีไม่มิตรอย่างตกตะลึง
ทว่าตอนนั้นชายร่างกำยำกลับคำรามว่า
“บัดซบ! นี่เจ้ากล้าดูหมิ่นองค์––”
“เอาน่าๆ อย่าไปใส่ใจเลยมาต้า”
ทันใดนั้นยามะสาวจึงพูดแทรกขึ้น
ก่อนจะกระซิบต่อเลขาเบาๆแต่ไม่พ้นหูของพวกเขาว่า ‘ข้าหิวแล้วอ่ะ ขอโค้กกับมันฝรั่งแผ่นทีดิ’
อย่างลวกๆโดยมีผู้รับคำสั่งพยักหน้าก่อนจะก้าวเดินออกไป หล่อนหายใจ
แล้วกล่าว “พวกเจ้าจะแค้นข้าก็ไม่แปลก
แต่นี่เป็นเพียงแค่หน้าที่ข้าเท่านั้น ยังไงทางนี้ก็ไม่สนหรอก”
ตึก!
ร่างของเธอพลันเลือนหายไปก่อนจะมาปรากฏอยู่ต่อหน้าของกริชในชั่วเสี้ยววิ
———นี่เป็นความเร็วระดับเดียวกับเกลในร่างอสุภะเต็มตัว
“เจ้ามีนามว่าอะไร?”
“.....กริช”
“อืมๆ เช่นนี้นี่เอง กริชสินะ? เจ้านับว่าเป็นคนใจกล้า
ลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างแท้จริงเลยเชียวล่ะต่อหน้าข้าผู้นี้กลับสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเองได้––”
ทันใดนั้นบรรยากาศรอบห้องพลันแปรเปลี่ยนเต็มไปด้วยกลิ่นอายเลือด
———ชายหนุ่มและหญิงสาวถึงกับทรุดตึงกับพื้นเหงื่อแตกพลั่ก
“เจ้าคงไม่อยากดับสูญไปตลอดกาลหรอก จริงไหม?”
“อ-อึก..!?”
เหมือนแรงสังหารนี้ส่งตรงมาถึงกริชเพียงคนเดียว
แม้ทุกคนจะเหงื่อตกแต่อาการซึ่งปรากฏให้เห็นกลับแตกต่างกันออกไป นี่เป็นวิชาแบบไหนกัน!? เขาลอบขบคิดในใจ
ทว่าตอนนั้นกระแสกดดันก็พลันดับวูบ เพราะเลขาหนุ่มของเธอกลับปรากฏอยู่ด้านข้างพร้อมกับเสิร์ฟถาดเงินซึ่งบรรจุห่อขนมกับน้ำไว้
“รายการที่สั่งได้แล้วครับ”
“โอ้! แต๊งกิ้วเน้อราฟาเอล เดี๋ยวเสร็จงานข้าเลี้ยงเหล้าเจ้าเอง!”
“จัดว่าเด็ดพ่ะย่ะค่ะ”
ราฟาเอลตอบหน้านิ่งพลางดันแว่นขึ้นหนหนึ่ง
ยามะซึ่งเปลี่ยนอารมณ์กะทันหันยิ้มฮี่ๆราวกับเด็ก
จากนั้นจึงหยิบมันฝรั่งกับโค้กขึ้นไปตั้งไว้บนโต๊ะ หล่อนเปิดขวดจนเสียงโซดาดัง ซ่า! จากนั้นจึงกระดกดัง เอื้อกๆ อย่างไร้มารยาท
แล้วเป่าปาก
“ฟู่~~! ค่อยโล่งหน่อย”
จากนั้นเธอจึงหยิบห่อขนมขึ้นแกะดัง แคว้ก! พลางล้วงหยิบมันฝรั่งแผ่นเคี้ยวดังกร้วมๆอย่างไม่เกรงใจสายตาของทุกคนในห้อง
แน่นอนว่าแพทตี้นั้นไม่เท่าไหร่
แต่กริชในตอนนี้นับว่าเอ๋อแดกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
.....อะไรวะน่ะ?
เหมือนท่าทีของเขาจะสื่อออกนอกหน้าไปหน่อย เพราะอย่างนั้นราฟาเอลจึงกระแอม
แล้วโพล่งออกไป “ท่านยามะ แล้วธุระล่ะ?”
จนเธอได้สติ หยุดเคี้ยวขนมในมือไว้ครึ่งแผ่น
“ขี้เกียจพูดแล้วอ่ะ เจ้าพูดแทนข้าที”
“.....น้อมรับคำสั่ง”
เลขาหนุ่มแสดงสีหน้าเอือมระอาออกมาแวบหนึ่ง
ก่อนจะเบือนหน้ามาทางพวกแพทตี้ แล้วกล่าวแนะนำตัว “ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อราฟาเอล ก็อย่างที่เห็นว่าเป็นเลขาของท่านยามะ”
จากนั้นมันจึงถามต่อ
“คุณรู้ไหมว่าทำไมพวกเราถึงพาคุณมาที่นี่?”
“จะไปรู้ได้ไงล่ะ? ในเมื่อถูกจับมาแบบนี้?”
———ราฟาเอลพยักหน้า แล้วกล่าว
“ขออธิบายก่อนก็แล้วกัน” ชายหนุ่มชี้นิ้วขึ้น “ในนรกแห่งนี้ แบ่งออกเป็นสามแดนหลักๆ คือแดนตัดสิน แดนทะเลทรายไร้สิ้นสุด
และแดนลงทัณฑ์ ที่นี่น่ะคือแดนตัดสิน” ทันใดนั้นกริชจึงขมวดคิ้ว
“ที่นี่น่ะเหรอ..!?”
“ใช่ครับ
ที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งพักพิงของพวกเรานิรยบาลหรือผู้คุมนรก เพื่อไม่ให้พวกวิญญาณบาปหนีออกไป” เขาดันแว่นอีกครั้ง
พลางจ้องตาของชายหนุ่ม “ในกรณีของพวกคุณก็คือการหลบหนีแบบหนึ่ง”
เอื้อก!
กริชกลืนน้ำลายฝืด จากนั้นจึงว่า “ถ้างั้นจะทำยังไงกับเราล่ะ? จะฆ่าแล้วส่งกลับไปที่ขุมรึไง?”
ราฟาเอลพลันส่ายหน้าตอบ ชวนให้เขางุนงงหนักกว่าเก่า แล้วว่า
“พวกคุณน่ะเป็นกรณีพิเศษ”
“กรณีพิเศษ?”
“โดยปกติทางหนีของผู้ที่ตกอยู่ในขุมนั้นจะมีเพียงแค่สองทางได้แก่การปีนขึ้นผาหรือเดินออกนอกอาณาเขตของขุมเพื่อไปสู่ดินแดนทะเลไร้สิ้นสุด
กับสองคือเอาผู้คุมซึ่งอยู่ตรงทางเข้าแล้วย้อนกลับมาทางเดิมแบบพวกคุณ หากเป็นกรณีแรกพวกเราจะไล่ตามกลับมาอย่างสุดกำลัง
แต่กรณีที่สอง––”
ราฟาเอลเว้นคำ ก่อนจะเดินไปหายามะพลางผายมือออกไป
———ซึ่งหล่อนก็ไม่พูดจา แต่กลับโยนตราเหล็กสองแผ่นให้
“นั่นมัน..?”
“สิ่งนี้คือเครื่องยืนยันตน【ตราประทับหอกเหล็กแดง】”
“ตราประทับ?”
ราฟาเอลพยักหน้า แล้วกล่าวออกไป
“พวกคุณได้รับสิทธิ์เข้าร่วมต่อองค์ยามะ”
“เข้าร่วมต่อยามะ!? หมายความว่าไง..!?”
“ความหมายนั้นก็ง่ายๆ พวกคุณจะเป็นคนบาปต่อไปหรือจะเป็นผู้คุมนรก––”
———เลขาหนุ่มยื่นตราประทับให้แก่ทั้งคู่
“ก็จงเลือกให้ดีซะล่ะ”
۞۞۞
ความคิดเห็น