Hatred Ninja
Hatred Ninja นินจาสะบัดแค้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับความแค้นของนินจาอะนะ เป็นเรื่องย้อนยุค ว่าไปถึงการผลัดเปลี่ยนกรุงสมัยกรุงศรีอยุธยา ใช้ภาษาโบราณบ้างเล็กน้อย ตัวละครโดยมากก็เอาใกล้ๆตัวนี่แหละ ตัวเอกคามุมากิ คุณใบเฟิร์น พระยานรินทร์ พระไวยวรนาถ และพวกสี่พี่
ผู้เข้าชมรวม
210
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นินจาสะบัดแค้น...
การแย่งชิงอำนาจเกิดขึ้นในมนุษย์ทุกชาติทุกแว่นแคว้นอาณาจักรและบ่อยครั้ง ผลพวงของมันลุกลามมาสู่อาณาจักรและประเทศใกล้เคียง
คริสต์ศตวรรษที่ 18 โชกุนแห่งตระกูลโตกุว่าเรืองอำนาจ ญี่ปุ่นเปิดประเทศรับอารยธรรมตะวันตก ทำให้เกิดความขัดแย้ง รบราฆ่าฟันกันภายในประเทศอย่างมากมาย
ตระกูลซามูไรและไดเมียว (ตระกูลเจ้าเมือง) หลายตระกูลถูกโค่นล้มในค่ำคืนเดียว บ้างถูกสังหาร บ้างต้องเร่ร่อนพเนจร และต่างรอคอยวันที่จะหวนคืนกลับมาแก้แค้น
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นใกล้เคียงกับรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งราชวงศ์ปราสาททอง อันเป็นรัชสมัยที่อยุธยารุ่งเรืองเป็นศูนย์กลางการคมนาคม
มีการติดต่อกับชาวต่างชาติมากมาย ทั้งพ่อค้า นักปราชญ์ ราชบัณฑิต นักบวชศาสนาต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่...นักรบ
"ข่าวแจ้งจากวังลพบุรียินมามิสู้ดี อาการพระประชวรของสมเด็จพระคุณเจ้าหลวงครั้งนี้ หนักหนานัก" คุณพระไวยวรนาถเอ่ยกับเจ้าพระยานรินทร์ผู้เป็นเจ้าบ้าน
ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพลางยกจอกสุราขึ้นดื่ม
"คุณพระไวยฯ แล้วตัวท่านล่ะ คิดอย่างไร บัดนี้เหล่าข้าราชบริพารล้วนแต่แตกตื่นอลหม่านนัก ส่วนใหญ่ต่างหันไปสวามิภักดิ์ต่อบ้านพลูหลวงจนสิ้น
ไม่เว้นแม้แต่กองทหารต่างชาติ" เจ้าพระยานรินทร์เอ่ยถามแขกผู้มาเยือนหยั่งท่าทีอย่างตรงไปตรงมา
คุณพระไวยฯสะดุ้งจนน้ำหมากย้อยลงมา ตกประหม่าจนต้องหลบสายตาแข็งกร้าวของเจ้าพระยานรินทร์ขุนทัพกล้า ผู้ได้ชื่อว่าจงรักภักดียิ่งนัก
"พุทโธ่เอ๊ย...!! พระพุทธเจ้าหลวงก็ไร้ซึ่งหน่อเนื้อสืบพระโลหิต มีแต่เพียงราชโอรสบุญธรรมเช่นพระปีย์...พระปีย์ที่หาแก่นสารใดมิได้เลย
เช่นนี้แล้วจะมิให้ข้าราชบริพารหวั่นไหวได้กระไรเล่า" พระไวยฯพูดเสียงราวกับตีอกชกตัว
"นับเป็นเหตุผลอันหนักแน่นควรแก่การทรยศแล้วยิ่ง สำหรับพวกไร้ยางอาย คุณพระว่าเช่นนั้นหรือไม่ ?" เจ้าพระยานรินทร์กล่าวพลางชักดาวในมือออกมาผ่าแบ่งผลไม้ดังฉับ
แล้วยื่นส่งให้พระไวยฯครึ่งหนึ่ง พระไวยฯยื่นมือมารับด้วยอาการสั่นเทา
"จริงดังคำกล่าวของท่านเจ้าพระยาฯแล้ว" พระไวยฯตอบรับตัวสั่นงันงก จำต้องกล้ำกลืนวาจาที่เตรียมไว้เกลี้ยกล่อมลงคอไปจนสิ้น
"เช่นนี้ก็ดีแล้ว เราสองเกลอเก่าได้ร่วมสุรากันอีกครั้ง หะแรกข้านึกว่าท่านจะมาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้คนเยี่ยงข้ายอมสวามิภักดิ์แก่นายใหม่
เพื่อคงยศศักดิ์ไว้ให้ลูกหลาน โชคดีที่มิใช่ มาเถอะ ! พระไวยฯ สหายเก่า ร่วมดื่มเมรัยจอกสุดท้ายกันเถิด แลหวังว่าการพบหน้ากันครั้งต่อไป
ที่ต้องดื่มนั้น คงมิใช่สายโลหิตของอีกฝ่ายกระมัง" เจ้าพระยานรินทร์ชูจอกเหล้าขึ้นแล้วกับกระดกลงคอทั้งจอก
คุณพระไวยวรนาถจากไปแล้ว แต่พระยานรินทร์คงยังนั่งดื่มอยู่นอกชานเพียงลำพัง ท่านหันไปชำเลืองมองชายหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านเย็นตาผู้หนึ่ง
ที่เข้ามาคุกเข่าด้วยท่าทางอันประหลาดแตกต่างจากคนทั่วไป
"เจ้าคงได้ยินหมดแล้ว" เจ้าพระยานรินทร์เอ่ยเชิงถามชายหนุ่มที่คลานเข่าเข้ามาอย่างนอบน้อม แต่สายตากลับมองออกไปยังท้องฟ้าที่เริ่มมืดมิดเลื่อนลอย
อย่างกับมองดูอนาคตญาติพี่น้องตัวเอง ที่ยังมืดมนเช่นกันในภาวะสงครามเช่นนี้
"ขอรับ นายท่าน" ชายหนุ่มรับคำ สำเนียงแปร่งๆ เช่นเดียวกับหน้าตาและผิวกายของเขา
"เจ้ามาอยู่กับข้าได้นานเท่าไหร่แล้วนะ..."
"ห้าปี สามเดือน กับสิบเก้าวันขอรับนายท่าน" ชายหนุ่มตอบ
เจ้าพระยานรินทร์หัวเราะกับคำตอบของชายหนุ่ม
"คนที่นับวันเวลาละเอียดเช่นนี้ ถ้ามิใช่กำลังรอคอยคนรัก ก็ต้องเพราะรอวันที่จะแก้แค้นสินะ ห้าปีก่อนที่ข้าพบเจ้าที่ป่วยเพราะไข้ป่า
บาดแผลเกลื่อนกายแต่ยืนหยัดสังหารข้าศึกขนสิ้น ด้วยอาวุธประหลาด ทำให้ข้าสามารถมีชีวิตมาได้ถึงทุกวันนี้" เจ้าพระยานรินทร์เอ่ยขึ้น ครุ่นคิดถึงความหลัง
"นั่นเพราะนายท่านให้เกียรติแก่ข้าผู้ต่ำต้อย ท่านไว้ใจข้า ช่วยรักษา ให้ที่พักพิง ทั้งๆที่ข้าเป็นคนต่างชาติแปลกหน้า พูดภาษาไม่ได้แม้แต่คำเดียว ขอบคุณขอรับ นายท่าน"
ชายหนุ่มค้อมคำนับทั้งตัวอีกครั้งอย่างนอบน้อมยำเกรง
"อย่าพูดเอาใจคนแก่เลย ข้าไม่ได้เลือกเจ้า เจ้าต่างหากล่ะ ที่เป็นคนเลือกข้า เจ้าเลือกมาสวามิภักดิ์ต่อข้าด้วยเหตุผลส่วนตัวของเจ้า และที่ข้ารับเจ้าไว้โดยไม่ลังเล
ก็เพราะว่าแววตาของเจ้า ดวงตาของผู้ภักดีที่คุคั่งไปด้วยความแค้น และข้าก็ดีใจ ที่เลือกเจ้า คามุมากิ..."
ชายหนุ่มยิ้ม เขาไม่เคยได้ยินชื่อนั้นมานานเหลือเกินแล้ว
"บัดนี้บ่าวชื่อเตยหอมขอรับนายท่าน" คำกล่าวอ่อนน้อมนั้นทำให้แม่ทัพชราหัวเราะออกมาเสียงดัง
"ก็ได้ เตยหอม ถ้าอย่างนั้นลองชิมขนนมนี่หน่อยซิ แม่ใบ(เฟิร์น)ลูกสาวของฉันเป็นคนทำ ย้ำนักย้ำหนาว่าแบ่งให้เจ้าลองชิมบ้าง ความจริงคงตั้งใจทำให้เจ้ามากกว่า"
เจ้าพระยานรินทร์พูดแกมสัพยอก
"ขนมอะไรหรือขอรับ" เตยหอม หรือคามุมากิในอดีตถาม
"เห็นว่าชื่อขนมทองหยอด ฝอยทอง กับขนมหม้อแกงนี่แหละ ลูกสาวฉันฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับนางทองกีบม้าน้องสาวของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน)
เห็นว่านางคิดสูตรใหม่ขึ้น อร่อยนัก พระเทพสตรีองค์ขนิษฐาก็โปรดปรานยิ่ง แต่กว่าจะทำได้ต้องใช้เครื่องปรุงมากอยู่ โดยเฉพาะไข่เป็ดไข่ไก่นั้น กว่าจะหามาได้ ลำบากอยู่ไม่น้อยเชียว
เช่นนี้แล้วเจ้าก็อย่าได้ระรานน้ำใจคนทำล่ะ ถึงไม่อร่อย แต่เวลาอยู่ต่อหน้าก็ให้บอกว่าอร่อย เข้าใจหรือไม ?" เจ้าพระยานรินทร์เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเงาหนึ่งแอบอยู่หลังประตู
ไม่ต้องสงสัยเลย นั่นคือผู้ทำขนมนั่นเอง
ชายหนุ่มคำนับรับคำพลางยิ้มอบอุ่น หยิบขนมฝอยทองขึ้นชิม ขณะที่ดวงตาคู่งามหลังประตูนั้นก็จับจ้องมองดูอากัปกิริยาของผู้ชิมอย่างใจจดใจจ่อ
"หวานขอรับ" ชายหนุ่มเอ่ย
"เช่นนี้คงไม่ได้การ เพราะหวานเป็นลมขมเป็นยา จริงมั้ยล่ะ เตยหอม ?" ท่านเจ้าพระยาต้องการสัพยอกบุตรสาวที่ซ่อนอยู่หลังประตูมากกว่าจะเห็นเป็นจริงเป็นจัง
"แต่ความหวานเช่นนี้ต้องยกเว้นขอรับ มันทำให้บ่าวมองเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่" ชายหนุ่มจากแดนไกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่จริงใจ
ขณะที่คุณใบเจ้าของขนมที่ได้ฟังคำ ก็ปลาบปลื้มราวกับได้น้ำอมฤทธิ์ชะโลมใจ
ท่านเข้าพระยานรินทร์ยิ้มพลางผงกศีรษะ
"ได้ฟังเช่นนี้แล้วข้าก็โล่งใจ เพราะที่ห่วงอยู่ยามนี้ก็เพียงลูกสาวหัวดื้อของข้าเพียงคนเดียวนี่แหละ อีกทั้งบ่าวไพร่จะต้องมาคอยรับเคราะห์กับการตัดสินใจของข้า"
"ขอนายท่านโปรดวางใจ" ชายหนุ่มคุกเข่าโค้งคำนับจรดพื้น พลางเอ่ยถ้อยคำหนักแน่นราวกับสาบาน
"จะไม่มีใครในเรือนนี้เป็นอะไร โดยเฉพาะคุณใบ หากผู้ใดกล้าทำร้ายแม้แต่รอยขีดข่วน ไม่ว่ามันจะเป็นใคร อยู่แห่งหนใด มันผู้นั้นจะต้องเป็นศพไร้ศีรษะอย่างแน่นอนขอรับ"
ประกายตาของชายหนุ่มผู้มีประวัติลึกลับนั้น แม้แต่เจ้าพระยานรินทร์ผู้ผ่านศึกเหนือเสือใต้มานักต่อนัก ก็ยังต้องรู้สึกหวั่นเกรง แต่ก็มิได้สงสัย เพราะรู้ว่าคำกล่าวนั้นมิได้โอ้อวดเกินจริงเลยแม้แต่น้อย
- - - Next Episode - - -
ลุถึงยุคผลัดแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเจ้าทรงพระประชวรหนักเสด็จสวรรคต หลังจากครองราชย์นายสามสิบสองปี
เจ้าฟ้าปีย์ถูกปลงพระชนม์ในวง...(พ.ศ.2231)
สมเด็จพระเพทราชาเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวงครองกรุงศรีอยุธยาสืบไป
กองทหารต่างชาติกลุ่มหนึ่งเดินทางอย่างเร่งรีบไปยังเรือนของเจ้าพระยานรินทร์เพื่อหวังมิให้เจ้าบ้านได้ทันตั้งตัว กองทหารที่มีอยู่ไม่เกินร้อย
แต่กลับกล้าแข็งนัก เนื่องจากประกอบด้วยทหารรับจ้างหน่วยปืนไฟโปรตุเกสหน่วยหนึ่ง และทหารเหล่าซามูไรญี่ปุ่นที่นำโดยสี่พี่น้องตระกูลยามาดะ
และผู้นำทาง เจ้าพระยาไวยวรนาถ...
"บัดนี้ได้เข้าสู่อาณาเขตเรือนสวนไร่นาของเจ้าพระยานรินทร์แล้ว พวกท่านอย่าได้ประมาทเป็นอันขาด แม่ทัพผู้นี้แม้ชราแล้ว
หากแต่ฝีมือรบมิได้ยิ่งหย่อน อีกทั้งเป็นที่เคารพยกย่องของไพร่ราษฏร์หัวเมืองทั้งปวง หากคิดกระด้างกระเดื่องย่อมมิอาจดูเบา
หากการครั้งนี้สมเร็จ นอกจากทรัพย์และบ่าวไพร่ติดเรือนมีให้แบ่งปันแล้ว บำเหน็จอื่นยังมากนัก" คุณพระไวยฯหันมาเอ่ยกับนายทัพญี่ปุ่น
"ยินมาว่าบุตรีคนเดียวของเจ้าพระยานั้นงดงามนัก เป็นที่เลื่องลือเล่าไปไกลถึงเมืองลูกหลวงแลหัวเมืองน้อยใหญ่ เป็นที่หมายปองใฝ่ฝันของบุรุษมากมาย
คงไม่เว้นแม้แต่สหายของบิดาอย่างเฒ่าใจคดเช่นท่านด้วยกระมัง" โยชิ ยามาดะ พี่ใหญ่ผู้นำทัพญี่ปุ่นเอ่ยปากฉีกหน้าคุณพระไวยฯ เรียกเสียงหัวเราะเย้ยหยันจากทหารญี่ปุ่นได้ยิ่งนัก
"เฮอะ เรื่องของหญิงงามนั้น ผู้ใดจะได้ครอบครอง แล้วแต่บุญวาสนา แต่คงไม่ใช่สี่พี่น้องที่แผ่นดินตัวเองก็ไม่อาจอยู่ได้กระมัง เกรงว่าสิ่งที่ทำไว้กับบ้านเมืองก็คงเป็นที่เลื่องลือเช่นกัน"
คุณพระไวยฯผู้สร้างความชอบด้วยปากเสมอมาโต้กลับเอาคืนอย่างไม่ยอมแพ้
คำกล่าวนั้นแทงใจดำสี่พี่น้องยิ่งนัก ทำท่าจะชักดาบออกจากฝัก แต่หน่วยปืนไฟของโปรตุเกสก็ขยับปลายกระปอกปืนขึ้น บ่งให้รู้ว่าหนุนหลังข้างคุณพระไวยฯเช่นกัน
"เวลาเข้าไต้ไฟแล้ว เราควรแยกเป็นสองฝ่ายเข้าจู่โจม ข้ากับหน่วยปืนไฟจะเข้าทางทิศใต้ ซึ่งเป็นป่าไผ่ ส่วนก็ขอให้บุกเข้าทางด้านหน้า เพื่อกวาดต้อนบ่าวไพร่และทรัพย์สินมิให้ตกหล่น"
คุณพระไวยฯผู้เจนเส้นทางกว่าเอ่ย สีหน้าซ่อนเร้นบางสิ่ง
"ไม่ได้ ข้าจะเข้าทิศใต้ ส่วนพวกเจ้าเข้าทางด้านหน้า" โยชิ ยามาดะแย้งขึ้น พร้อมกับนำทัพซามูไรเร่งเดินออกไปทันที
"เจ้าโง่ นั่นเป็นเจ้าเลือกเอง จะโทษข้าทีหลังไม่ได้" คุณพระไวยฯพึมพำพลางยิ้มเมื่อแผนยุยั่วของตนประสบผลสำเร็จอย่างง่ายดาย
ขณะทัพย่อยเดินทางอย่างเร่งร้อนมุ่งสู่ตัวเรือนไม้ใหญ่ ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางสมฐานะแม่ทัพ หน่วยปืนไฟกลับเดินทางอย่างเชื่องช้ารอเวลา
และไม่นานนักคุณพระไวยฯ และทหารโปรตุเกสก็ได้ยินเสียงแผดร้องอย่างเจ็บปวดของผู้คนมากมายดังจากป่าไผ่ด้านหลัง คุณพระไวยฯยิ้มอย่างสะใจ
ด้วยรู้ว่ากับดัก หลุมพรางปักขวากปราการแรกของเรือนพระยานรินทร์นั้น ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว กองทหารญี่ปุ่นกว่าจะฝ่าเข้าสู่ตัวเรือนใหญ่ได้
คงหลงเหลือไม่ถึงครึ่งแน่
"ดูนั่น พวกผู้หญิง" ทหารรับจ้างฝรั่งเศษคนหนึ่งเอ่ยขึ้น พลางชี้ให้เพื่อนๆดูหญิงสาวบ่าวไพร่หน้าตาสะสวยหลายคน ที่เห็นหน่วยทหารฝรั่งก็พากันแตกตื่นทิ้งกระจาดกระบุงวิ่งหนีจนผ้าผ่อนหลุด
สันดานดิบของคนเถื่อนทำให้วินัยทหารสูญสิ้นในทันใด ทหารฝรั่งต่างพากันวิ่งไล่จับสาวงามที่หมายตากันอย่างสนุก จนลืมหน้าที่ไป
"อย่า !!" คุณพระไวยฯตะโกนส่งเสียงห้ามปราม แต่แค่ประโยคเดียวเขาก็ร้องไม่ได้ เนื่องจากซูริเคน หรือเหล็กรูปดาวชิ้นหนึ่ง ปลิวมาปักที่ต้นคออย่างแม่นยำ พระไวยฯล้มลงหงายหน้าขึ้น
แล้วเขาก็เห็น...ชายในชุดดำคลุมหน้า ยืนมองเขาและทหารฝรั่งอยู่บนต้นไม้ด้วยแววตาอำมหิต !! ดูราวกับปิศาจจากขุมนรก
คามุมากิหรือเตยหอมในคราบนินจาพลันครุ่นคิดถึงภาพในอดีตซ้อนทับเหตุการณ์ปัจจบัน
เหล่านางกำนัลชาวญี่ปุ่นกำลังวิ่งหนีพวกทหารฝรั่งต่างชาติ แต่ก็ไม่อาจหนีรอด ต้องประสบชะตากรรมอย่างน่าอนาถใจ พวกมันเหมือนโจรเถื่อนที่ปล้นสะดมทั่วไปอย่างไร้ศีลธรรม
แต่ตัวเขากลับไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้เลยแม้แต่น้อย
แต่ภาพในปัจจุบันกลับแตกต่างออกไป ก่อนที่พวกทหารหื่นกามจะจับตัวหญิงสาวเหล่านั้นไว้ได้ พวกนางก็พลันกระโดดลงหายวับไปในหลุมที่ขุดเตรียมไว้ ฉับพลันนั้นชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ก็โผล่ขึ้นมาแทนที่
พร้อมกับธนูในมือที่น้าวสายไว้ตึงเปรี๊ยะ และก่อนที่ทหารจะปลดปืนออกมาจากไหล่ได้ทัน ทุกคนก็ต้องกลายเป็นเม่นที่มีขนเป็นลูกธนู เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด
แต่นั่นก็เป็นแค่อาการกระตุกของนิ้วครั้งสุดท้ายก่อนสิ้นลมเท่านั้น
เสียงปืนที่ได้ยินทำให้สี่พี่น้องยามาดะแทบคลั่ง เพราะต้องกลตาเฒ่าเจ้าเล่ห์พระไวยวรนาถ ที่ฝ่าหลุมขวากมาจนเหลือรอดทหารซามูไรไม่ถึงยี่สิบคน ทั้งๆที่ยังไม่ได้ประจันหน้ากับศัตรูจังๆแม้แต่คนเดียว
"ไอ้พระไวยฯ ถ้าเจอเมื่อไหร่ข้าจะลอกหนังเอ็งออกทั้งตัวโดยไม่ให้ตายเหมือนปลาดิบเลย คอยดูสิ" ทาโร่ ยามาดะ น้องคนเล็กผู้มีบาดแผลเป็นบนใบหน้าคำรามขึ้น หลังจากพ้นดงกับดักมาได้อย่างทุลักทุเล
แต่เมื่อขึ้นสู่เรือนใหญ่ที่ปลูกด้วยไม้สักยกพื้น เป็นเรือนปลูกต่อๆกันนับสิบหลัง พี่น้องยามาดะทั้งสี่ก็ยิ่งแปลกใจขึ้นไปอีก เมื่อไม่พบการต่อต้านใดๆเลย
เนื่องจากไม่เห็นใครอยู่บนเรือนเลยแม้แต่คนเดียว อีกทั้งผ่านไปนานแล้วพระไวยฯและทหารโปรตุเกสก็ยังไม่โผล่ขึ้นมาให้เห็นเลยแม้แต่คนเดียว
ทหารที่หลงเหลืออยู่ถูกสั่งให้เข้าค้นผู้คนและทรัพย์สินตามห้องหับต่างๆ แต่เหตุการณ์กลับยิ่งย่ำแย่เมื่อพี่น้องยามาดะได้ยินเสียงแผดร้องจากทหารตนจากมุมต่างๆในเรือน
และเมื่อเร่งรุดไปก็พบว่าเป็นศพไปแล้ว
"ไฟ !!" มัสสึ ยามาดะ พี่ชายร้องเตือนขึ้นเมื่อพบว่าเรือนไม้หลังใหญ่ที่ร้างผู้คนพลันติดไฟโหมกระพรือขึ้นจากทุกทิศทาง
"โยชิ มัตสึ นากาโน่ และทาโร สี่พี่น้องนักดาบแห่งสำนักดาบยางิว ชินกาเงะ หากอาจารย์ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ คงต้องกระอักเลือดตายซ้ำสองเมื่อรู้ว่าศิษย์รักทั้งสี่ทรยศต่อเจ้านายเป็นครั้งที่สอง"
เสียงที่กึกก้องขึ้นจนจับทิศทางได้ยาก แต่ยอดนักดาบทั้งสี่กลับสอดประสานกันจนสามารถค้นหาที่มาได้ของเสียงไว้ได้และล้อมไว้ทั้งสี่ทิศ
"นินจารึ ? เจ้าเป็นนินจาจากโคงะหรืออิงะ เจ้านินจาชั้นต่ำ" โยชิร้องถาม
"หกปี ห้าเดือนกับอีกสิบสามวัน ก่อนพวกเจ้าจะทรยศนาย ทำตัวเป็นใส้ศึกจนปราสาทแห่งโอซากาถูกเผามอดไหม้ในกองเพลิง
แม้หมู่บ้านยางิที่เป็นหลักค้ำบัลลังก์ให้โชกุน โตกุว่ายังไม่อาจทนต่อพฤติกรรมพวกเจ้าได้ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเรียกผู้อื่นว่าชั้นต่ำ"
ชายหนุ่มในชุดนินจาพูดเสียงกังวานชัดในขณะที่เปลวไฟโหมกระพือเข้ามา คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นเมื่อหกปีก่อน
"เจ้าเอง...นินจาเดนตายที่ปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงพวกเราสี่พี่น้อง นึกไม่ถึงว่าดาบนั้นยังฟันเจ้าไม่ตาย แต่ครั้งนี้เจ้ารนหาที่ตายเอง" มัตสึ ยามาดะ พี่ชายคนรองเอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
"ข้าเข้าใจดี นอกจากพวกเจ้าจะชอบทรยศนายแล้ว พวกเจ้ายังเป็นซามูไรหมาหมู่อีกด้วย" คามุมากิพูดพลางหัวเราะเสียงเย้ยหยัน
"บัดซบ พวกเราสี่พี่น้องแม้สู้ร้อยคนหรือหนึ่งคนก็ร่วมมือกันอยู่แล้ว วิธียั่วยุใช้ศักดิ์ศรีมาอ้างของเจ้าไม่ได้ผลหรอก เจ้านินจาเดนตาย ในท่ามกลางวงล้อมของเราสี่พี่น้อง
ต่อให้เป็นสุดยอดดาบ มิยาโมโต้ มูซาชิ ก็ไม่อาจชนะพวกเราได้" นากาโนะ ยามาดะคำราม พลางตั้งท่าเตรียมจู่โจม
"นั่นเป็นไปได้ แต่มูซาชิทำทุกสิ่งเพื่อให้เข้าถึงวิถีแห่งดาบ ย่อมต้องใช้แต่เพลงดาบต่อสู้กับพวกเจ้า" นินจาหนุ่มพูดพลางขยับร่าง ก่อนจะเอ่ยประโยคสุดท้ายขึ้นว่า
"แต่สำหรับข้า...คามุมากิ ข้าทำทุกอย่างเพื่อสังหารเจ้า"
สิ้นคำพูดพี่น้องยามาดะพลันบุกเข้ามาพร้อมเพรียงทั้งสี่ทิศเข้าหานินจาหนุ่มที่ถูกล้อมอยู่ตรงกลาง พลันนั้นเองที่คามุมากิกระโดดขึ้นเงื้อดาบขึ้นฟันเข้าใส่ขื่อใหญ่ที่ติดไฟอยู่บนเพดานไม้นั้นได้หักลงด้วยคมดาบ
และมันได้เป็นตัวสกัดกั้นโยชิและมัตสึที่มีฝีมือเข้มแข็งที่สุดให้ชะงักลง ในขณะที่ทาโร่น้องคนเล็กที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ไม้กระดานใต้ฝ่าเท้าพลันหักลง ทำให้ขาติดร่องอย่างนั้น
คามุมากิสะบัดดาบฟึ่บเดียวเท่านั้น หัวของนากาโน่ได้หลุดลอยไปอยู่ในมือทาโร่พี่ชายที่ไว้รับไว้อย่างตื่นตระหนก ตัวของเขาก็ถูกดาบยาวชิริจิราเดนอันคมกริบตัดผ่านตั้งแต่ศีรษะลงมาตลอดทั้งตัว
"แกต้องตาย !!" มัตสึแผดร้องโหยหวนกระโจนเข้าใส่คามุมากิอย่างคลุ้มคลั่ง เป็นภาพที่กลับกันจากเมื่อ 6 ปีก่อนที่มัตสึใช้ดาบประหารลูกหลานเชื้อสายเจ้านายเก่า
วัยเพียงแค่สิบกว่าขวบที่พยายามต่อสู้เพื่อปกป้องน้องชายน้องสาว วัยสามสี่ขวบอย่างกล้าหาญด้วยท่าทีที่เลือดเย็นและไร้สติยิ่งนัก ทำให้มัตสึเหยียบใส่ตองกิหรือตะปูแหลมที่คามุมากิแอบโปรยไว้บนพื้นจนเลือดโชก และต้องตายด้วย
ชูโกะ หรือเล็บเสือบนฝ่ามือของคามุมากิ ก่อนที่พี่ใหญ่โยชิจะช่วยไว้ได้ทัน
"รู้สึกอย่างไรที่เห็นพี่น้องตัวเองตายต่อหน้าต่อตา ขออภัย ข้าถามผิดคน กับพวกเจ้าที่สังหารเด็กและผู้หญิงเพื่อปิดปาก จะรู้สึกอะไรได้" คามุมากิพูดพลางดึงคูซาริกามาหรือเคียงติดโซ่ออกมาเพื่อตั้งรับเพลงดาบของโยชิ
พร้อมกับร้องเพลงเพื่อยั่ว หากแต่สติของโยชิ ยามาดะนั้นแข็งเกินกว่าจะยุได้ง่ายๆ
"น่าขำ อาวุธอย่างคูซาริกามาไม่มีทางต้านรับเพลงดาบของข้าได้แน่ เจ้านินจาเดนตาย" โยชิแสยะยิ้มพร้อมกระชับดาบในมือ
"ข้ารู้ เพราะข้าไม่ได้คิดจะสู้กับเจ้า ชีวิตข้ามีค่ามากกว่านั้นมากนัก..."
โยชิงุนงงกับคำพูดของคามุมากิ และเมื่อเห็นนินจาหนุ่มเหวี่ยงตัวออกมาอย่างแรง เข้าก็เตรียมตั้งรับเต็มที่ แต่เคียงติดโซ่นั้นไม่ได้พุ่งมาทำร้ายเขา แต่กลับพุ่งไปปักบนขื่อของเรือนที่กำลังติดไฟ
และแล้วคามุมากิก็เหวี่ยงตัวเองออกนอกหน้าต่างพุ่งผ่านเปลงไฟที่ยิ่งโหมกระพรือหนักขึ้น ก่อนหลังคาจะยับตัวลงมาเพราะแรงเหวี่ยง เสียงแผดร้องของโยชิดังขึ้นเมื่อถูกไฟครอกทั้งเป็น
ขณะที่คามุมากิหนีพ้นเรือนไม้ที่กำลังไหม้มอดทั้งหลังอย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงนั้นทำให้ท้องฟ้าแดงฉานทองเห็นไปไกล
แต่ที่ไม่ห่างไกลออกไปนัก คามุมากิก็ได้พบว่าที่ใต้ต้นไม้ใหญ่มีหญิงสาวงดงามผู้หนึ่งกำลังรอคอยใครสักคน ที่นางหวังว่าจะพ้นจากกองเพลิงมาได้ด้วยความกังวลปิ่มว่าจะขาดใจ
และเมื่อนางเห็นเข นอยยิ้มนั้นก็ปรากฏเป็นความหวานเหลือประมาณที่ทำให้คนที่เคยใช้ชีวิตแต่ความแค้นหล่อเลี้ยงชีวิตมาตลอดเช่นเขาพบว่า ชีวิตนี้ช่างมีค่ายิ่งนัก
- - - Next Episode - - -
หลังจากผลัดแผ่นดิน กรุงศรีอยุธยาได้ลดทอนการคบค้ากับต่างชาติลงเป็นอันมาก เช่นเดียวกับญี่ปุ่นได้ปิดประเทศก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
ไม่มีใครได้พบเห็นครอบครัวของเจ้าพระยานรินทร์อีกเลย
ชาวเมืองต่างสันนิษฐานว่าทั้งหมดได้ล้มตายลงท่ามกลางกองเพลิงในค่ำคืนนั้นเสียแล้ว หลายสิบปีให้หลัง มีหมู่บ้านหนึ่งไม่เพียงเลื่องลือนักในด้านขนมหวาน
แต่ทั้งเชิงมวยและเชิงดาบก็แก้กล้าแปลกตาเกินกว่าจะหาใครเสมอเหมือน เป็นที่เลื่องลือไปถึงพระกรรณของพระเจ้าเสือ ขณะที่เสด็จประพาสต้น
ผลงานอื่นๆ ของ เสน่ห์จันทร์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เสน่ห์จันทร์
ความคิดเห็น