Reborn :Bucking-Horse Stampede ไรท์โนเวลจาก อ.อามาโนะ อากิระ - Reborn :Bucking-Horse Stampede ไรท์โนเวลจาก อ.อามาโนะ อากิระ นิยาย Reborn :Bucking-Horse Stampede ไรท์โนเวลจาก อ.อามาโนะ อากิระ : Dek-D.com - Writer

    Reborn :Bucking-Horse Stampede ไรท์โนเวลจาก อ.อามาโนะ อากิระ

    เป็นไรท์โนเวลที่อ.อามาโนะ อากิระ(คนเขียนรีบอร์น) เขียนขึ้นกับนักเขียนอีกท่าน คล้ายๆว่าจะเป็นเบื้องหลังของตัวละครแต่ล่ะตัวอ่ะน่ะ แต่วันนี้เราขอเอาของดีโน่มาให้อ่านน่ะ^ ^

    ผู้เข้าชมรวม

    3,343

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    3.34K

    ความคิดเห็น


    14

    คนติดตาม


    27
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 ส.ค. 53 / 18:33 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    อย่างที่ทราบว่ามันเป็นไรท์โนเวล



    รู้จักไหมเอ่ย?....



    มันก็คล้ายๆกับหนังสือของนิยายฮารูฮิ



    หรือหนังสือนิยายเล่มเล็กก่อนที่มันจะถูกเอามาเขียนเป็นการ์ตูนอ่ะ



    เห็นว่ามีขายที่ไทยน่ะงับแต่.....ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันมาเป็นแบบภาษาญี่ปุ่นรึเปล่า?



    ยังไงเพื่อใครที่ยังไม่ได้อ่านที่ข้าพเจ้าเลยเอามาลงอ่ะน่ะงับ


    ส่วนเครดิต ต้องขออภัยอย่างยิ่งยดว เพราะข้าพเจ้าเก็บไว้นานมากแล้วไม่รู้ใครเป็นคนแปล= =


    แต่เอามาจากเว็บบอร์ดนี้น่ะงับ


    http://reborntfc.freeforums.org


    อ่านแล้วรู้สึกเป็นไงมาเล่าให้ฟังกันบ้างน่ะ^ ^


    ปล.ผู้แปลไม่ใช่ข้าพเจ้าน่ะงับ ขอย้ำ ไรท์โนเวลนี้จะใช้ภาษาเขียนของผู้แปลต้นฉบับ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมมันดูไม่เหมือนกับภาษาเขียนที่ข้าพเจ้าเขียนอ่ะน่ะงับ(สำหรับคนที่อ่านฟิคของข้าพเจ้าอ่ะน่ะ- -)


    อ๋อๆ ขอพรีเซนต์ติสนึง!!

    คู่หมั้นจอมวุ่น อลวนสุดป่วน!



    อย่าลืมติดตามน่ะงับ สำหรับขาวายรับประกันความฮา!(รั่วแหลกลาน= =)





    ________________________


    MusicPlaylist
    Music Playlist at MixPod.com

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



      Bucking-Horse Stampede



       



      จาก"ไก่อ่อน" จนกลายเป็น "ม้าพยศ" ดีโน่ในวันวานและการฝึกของรีบอร์นนั้นคือ!? ตัวจริงของชุดนักเรียนโรงเรียนโคคุโยที่โรคุโด มุคุโร่ผู้เต็มไปด้วยปริศนานำมาใส่คือ!?
      ตอนเบื้องหลังสี่บทของเหล่าคาแรคเตอร์ยอดนิยม กลายมาเป็นภาคนิยาย พร้อมด้วยภาพวาดจากอ.อามาโนะ อากิระ! (ขออภัยภาพในรูปเล่มข้าพเจ้าก็ไม่เคยเห้นเหมือนกัน เอาข้างบนไปแทนก่อนล่ะกัน-w-)




      เรื่องเปิดฉากด้วยการต่อสู้อันดุเดือดของดีโน่และฮิบาริ
      แต่การต่อสู้ก็ต้องหยุดลงอย่างกระทันหันราวกับกองไฟโดนน้ำราดเมื่อเสียงเพลงโรงเรียนนามิโมริดังขึ้นซึ่งนั่นก็หาใช่อะไรอื่น เสียงเพลงเรียกเข้ามือถือของฮิบารินั่นเอง



      ดีโน่ที่กำลังว่าจะบอกเลิกการซ้อมอยู่พอดีจึงถือโอกาสนั้นบอกให้ฮิบาริกลับไปพักผ่อน แต่ฮิบาริพอคุยกับปลายสายเสร็จแล้ว นอกจากจะทำเป็นเฉยกับคำพูดดีโน่ ยังหันหลังเดินไปโดยไม่มีการบอกลาสักคำ ทำเอาดีโน่เหนื่อยใจกับลูกศิษย์ผมดำจนบ่นๆออกมาว่า จนแล้วจนรอดก็เป็นม้าดีดกะโหลกที่ไม่มีความน่ารักเอาเสียเลย




      โรมาริโอ้ฟังแล้วเลยบอกดีโน่ว่า ดูท่าดีโน่คงเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของรีบอร์นบ้างแล้ว ดีโน่ฟังแล้วก็ทำไหล่ห่อ บอกว่าอย่าล้อเล่นน่า ตัวเองไม่เหมือนเคียวยะเสียหน่อย (อาซานะ- ดีโน่คงนึกถึงความกระหายการต่อสู้ของฮิบาริอยู่ก็ได้)



      แต่ถึงจะบอกว่าไม่เหมือน แต่ลึกๆในใจดีโน่ก็รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นเด็กก่อปัญหาไม่ต่างกับฮิบารินั่นแหละ เพียงแต่เป็นเด็กที่น่าปวดหัวในคนละเรื่องเท่านั้น แล้วดีโน่ก็นึกถึงสมัยก่อน ช่วงที่ตัวเองอายุไล่เลี่ยกับฮิบาริ ในตอนที่ตัดสินใจรับช่วงต่อคาบัคโรเน่ และยืนหยัดในฐานะ ม้าพยศ”





      -------------------------




      ในตอนนั้น รีบอร์นถูกส่งไปฝึกดีโน่ที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนประจำซึ่งเป็นโรงเรียนเฉพาะสำหรับลูกหลานมาเฟียโดยเฉพาะ มีแต่พวกโหดเลวดีทั้งนั้น ดีโน่ก็ได้แต่กล้ำกลืนเพราะเจ้าตัวไม่ชอบการมีเรื่อง และไม่เคยคิดอยากจะเป็นมาเฟีย




      หลังจากโดนรีบอร์นจับแต่งชุดแกะส่งขึ้นเขาไปให้โดนหมาป่าไล่กิน พอกลับลงมาก็โดนอันธพาลประจำโรงเรียนหาเรื่องจนเกือบโดนอัด แล้วก็เห็นภาพอันธพาลคนดังกล่าวโดนสควอลโล่ฟันด้วยดาบเข้าให้ที่กลางหลังจนล้มคว่ำจมกองเลือดไปต่อหน้าต่อตาสาเหตุแค่เพราะยืนขวางทางสวอลโล่จะเดิน คนรักสงบอย่างดีโน่จึงถึงขีดสุดของความอดทน ให้ไปฆ่าหรือโดนฆ่า อย่างไหนก็ไม่เอาทั้งนั้น ที่แบบนี้จะให้ทนอยู่ต่อไปได้ยังไงกัน คิดดังนั้นดีโน่จึงหนีออกจากโรงเรียน มุ่งหน้ากลับเกาะบ้านเกิด




      หลังจากรอดพ้นจากโรงเรียนนรกและทารกปิศาจ(ในความคิดของเจ้าตัว)มาจนถึงบ้านเกิดเป็นผลสำเร็จ ดีโน่ก็พบกับโรมาริโอ้ หนึ่งในสมาชิกของแฟมิลี่ที่ดีโน่รู้จักคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก แม้จะไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่งแต่โรมาริโอ้ก็ยังดูไม่เปลี่ยนเลย ทั้งหนวดที่เหนือปากและแว่นตาประจำตัว (อาซานะ- ....เอ่อ...ลุงเค้าแก่มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วใช่ไหม??)




      โรมาริโอ้ถามคุณหนูของตนว่ามาทำอะไรที่นี่ ดีโน่เลยโกหกไปว่าโรงเรียนหยุด แล้วถามกลับบ้างว่าแล้วโรมาริโอ้มาทำอะไรในที่ไกลผู้ไกลคนแบบนี้ วูบหนึ่งที่โรมาริโอ้นิ่งไป แต่ก็บอกว่าไม่มีอะไร แค่ออกมาเดินเรื่อยเปื่อย แล้วเสริมด้วยว่าไม่คิดว่าจะได้มาเจอรุ่นที่สิบที่นี่ ดีโน่ได้ยินโรมาริโอ้เรียกตัวเองว่ารุ่นที่สิบก็ไม่ยอมโรมาริโอ้เลยต้องเรียกดีโน่ว่าคุณหนูเหมือนที่เรียกมาแต่เด็กแทน




      หลังจากนั้น ทั้งสองก็เข้าไปยังตัวเมือง คนในเมืองเห็นคุณหนูของพวกตนกลับมาจากไปร่ำเรียนนอกเกาะก็พากันดีใจ แห่เข้ามาทักทายดีโน่กันเป็นการใหญ่จนร้านอาหารเจ้าประจำของดีโน่เต็มไปด้วยผู้คนที่อยากจะเจอหน้าเจ้าตัวสักครั้งหลังไม่ได้เห็นเสียนาน ด้วยเหตุที่เมืองนี้ได้รับการคุ้มครองจากตระกูลมาตั้งแต่รุ่นแรก คาบัคโรเน่จึงได้รับความเชื่อใจจากชาวบ้าน อีกทั้งดีโน่ซึ่งว่าที่รุ่นที่สิบก็เห็นกันมาแต่เล็ก จึงเป็นดั่งลูกหลานคนหนึ่ง พอรู้ว่าดีโน่กลับมา ทุกคนจึงต่างต้อนรับอย่างอบอุ่น



      แต่แล้วช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นก็ถูกทำลายไปสิ้นเมื่อกลุ่มชายในชุดสูทลายพาดกลอนปรากฏตัวขึ้นพร้อมทั้งแนะนำตัวว่าพวกตนเป็นคนของตระกูลอิเรโกลาเร่ (อาซานะ หลังจากหาพลิกกูเกิล คำที่คาดว่าจะเป็นที่มาของชื่อคือ Irregolare แปลว่าไ่ม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ ผิดหลัก หรือ ‘Irregular’ในภาษาอังกฤษ กร๊าก ชื่อใครเนี่ยคุ้นๆ) ซึ่งตระกูลนี้เป็นตระกูลที่หวังจะแผ่ขยายอิทธิพลเข้ามาปกครองเกาะและยึดอำนาจจากคาบัคโรเน่ มาเฟียในสังกัดคาบัคโรเน่ถูกเล่นงานไปไม่น้อย ไม่เว้นแม้ชาวบ้าน พอพวกมาเฟียฝ่ายตรงข้ามมาปรากฎตัวให้เห็นต่อหน้าเ่ช่นนี้ ทุกคนจึงได้แต่หวังพึ่งดีโน่ ว่าที่รุ่นที่สิบเท่านั้น




      เมื่อถูกชาวบ้านที่เป็นเสมือนครอบครัวใหญ่ฝากความหวังเอาไว้
      ต่อให้หนีก็หนีไม่ได้ ดีโน่ก็เลยโพล่งออกไปว่าจะเจรจากับหัวหน้าของอิเรโกลาเร่เอง เหตุการณ์ในร้านอาหารจึงคลี่คลายลงไปได้ แต่ก็เพราะว่าพูดเช่นนั้นออกไปดีโน่จึงอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างที่สุด ยิ่งพอคิดถึงความจริงที่ว่าตระกูลของตนที่เว้นว่างจากการต่อสู้มานาน จะเอาอะไรไปสู้กับอดีตทหารอย่างอิเรโกลาเร่ได้ ดีโน่ก็ยิ่งหวาดหวั่นหนักเข้าไปอีก ซ้ำร้ายอาการป่วยเรื้อรังของรุ่นที่เก้า ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของดีโน่ก็ยังทรุดหนักลง



      หลังจากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา ก็มีจดหมายเชิญมาจากทางอิเรโกลาเร่ สถานที่นัดคือเรือสำราญที่ฝ่ายนั้นเป็นผู้จัดหา



      ดีโน่ไปตามคำเชิญพร้อมกับโรมาริโอ้และลูกน้องอีกจำนวนหนึ่ง
      เมื่อถึงที่ท่าเรือ ดีโน่รวบรวมความกล้าหาญ บอกว่าตนเองจะไปเจรจาบนเรือเพียงคนเดียว ให้โรมาริโอ้กับพวกลูน้องรออยู่ที่นี่ แต่หลังจากลงเรือเล็กไปได้ไม่นาน ดีโน่ก็ทนแรงกดดันไม่ไหว กระโดดลงน้ำว่ายหนีไป ทำให้พวกโรมาริโอ้โดนล้อมจับไว้ที่ท่าเรือ



      ส่วนทางคฤหาสน์ของคาบัคโรเน่ซึ่งเหลืออยู่แต่รุ่นที่เก้าที่ป่วยไข้กับมาเฟียรุ่นเก่าๆก็โดนยกกำลังเข้าโจมตี
      แม้รีบอร์นจะไปถึงทัน แต่รุ่นที่เก้าก็ปฎิเสธความช่วยเหลือจากรีบอร์น บอกว่าจะต่อสู้ในฐานะคาบัคโรเน่คนหนึ่ง พร้อมฝากฝังดีโน่เอาไว้กับรีบอร์น พร้อมทั้งบอกด้วยว่า เป็นความผิดของตัวเองที่ดีโน่เป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่เคยคิดเสียใจ และคิดว่าดีแล้วที่ดีโน่เติบโตมาเป็นเด็กผู้อ่อนโยนที่ได้รับความรักจากทุกๆคน



      ถ้าหากทำได้ก็อยากให้เจ้านั่นเป็นรุ่นที่สิบอยู่หรอกนะ.......แต่ต่อให้เป็นไม่ได้ ขอให้เจ้านั่นดำเนินชีวิตในแบบของตัวเอง เท่านั้นก็ดีแล้วล่ะ”



      รุ่นที่เก้า...”



      ฝากเด็กคนนั้นด้วยนะ รีบอร์น”



      และนั่นคือบทสนทนาสุดท้าย ที่ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนกัน....

       


      ตัดฉากมายังดีโน่ที่ว่ายน้ำเข้าฝั่งมาจนสำเร็จ
      ไม่มีวี่แววว่าคนของอิเรโกลาเร่จะตามมา หากจะมีก็คงเป็นเสียงหัวเราะเย้ยหยันในความขี้ขลาดตาขาวของดีโน่ ที่ลอยดังตามมาหลังเ้จ้าตัวกระโดดน้ำหนี



      ยิ่งคิดถึงความน่าสมเพชของตัวเองแล้ว
      ตาของดีโน่ก็ร้อนผ่าว อยากจะร้องไห้ออกมาให้ได้ แต่มาถึงตอนนี้จะให้ทำอะไรได้อีกเล่า พอรู้สึกตัวอีกทีก็กระโดดลงน้ำแล้ว พอคิดว่าถ้าจะหนีล่ะก็ ไม่มีจังหวะไหนนอกจากตอนนี้แล้วร่างกายก็ขยับไปเองโดยไม่ทันคิด




      ขณะที่ดีโน่นั่งสมเพชตัวเองอยู่นั่นเอง
      รีบอร์นก็ปรากฎตัวขึ้น ดีโน่ตกใจ พยายามจะแก้ตัว แต่รีบอร์นก็บอกว่าตนเห็นทุกอย่างหมดแล้ว ตั้งแต่ที่ดีโน่พยายามหนีออกจากโรงเรียน แต่ที่ไม่ห้ามเพราะอยากรู้ว่าดีโน่จะทำยังไงต่อ



      แล้วรีบอร์นก็บอกดีโน่ถึงการตายของรุ่นที่เก้า ซึ่งข่าวนี้ทิ่มแทงเข้าไปถึงหัวใจของดีโน่ เพราะตัวเองที่ขี้ขลาด หนีออกมาจากการเจรจา ทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้



      เป็นเพราะฉัน.....ทุกอย่างเป็นเพราะฉัน....ฉัน...เป็นเพราะฉัน......”



      ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ดีโน่”



      “!!!”

      ดีโน่ตกตะลึงกับคำพูดที่ไม่คาดคิดของรีบอร์น ในขณะที่เจ้าตัวอธิบายต่อไปว่า ก็ในเมื่อเป็นแบบนี้ คาบัคโรเน่ก็ถึงกาลอวสาน ดีโน่ก็ไม่จำเป็นต้องรับช่วงเป็นรุ่นที่สิบต่อ ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ดีโน่ปรารถนาแล้วไม่ใช่หรือ



      นั่นสินะ.....ความฝัน....เป็นจริงแล้วสินะ....”



      ดีโน่พึมพำออกมา ในแต่ชั่วอึดใจเด็กหนุ่มก็ร้องออกมาด้วยความคับแค้นและโศกเศร้าเท่าที่ใครบางคนที่เพิ่งสูญเสียสิ่งสำคัญยิ่งจะร้องออกมาได้ ดีโน่ร้องออกมาพลางกำหมัดแน่น แล้วออกวิ่ง...





      ---------------------------------------------------------



      ฝ่ายโรมาริโอ้ที่ถูกจับก็ถูกนำตัวไปพบ
      ทีเกรย์”หัวหน้าใหญ่ของอิเรโกลาเร่ ซึ่งทีเกรย์ผู้นี้ที่แท้แล้วเป็นเพื่อนสมัยเด็กของโรมาริโอ้นั่นเอง(ทั้งสองต่างเป็นเด็กกำพร้าด้วยกันทั้งคู่) แต่เพื่อนรักก็ดันหักเหลี่ยมโหด ทีเกรย์ดูดายปล่อยให้โรมาริโอ้ถูกโยนลงทะเลในวันพายุคลั่ง เมื่อทีเกรย์ยื่นข้อเสนอมาเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน (หรือก็คือวันที่โรมาริโอ้เจอดีโน่ที่หนีจากโรงเรียนมา) ให้โรมาริโอ้ตีจากคาบัคโรเน่เสียแล้วมาเข้ากับพวกตนแทน โรมาริโอ้จึงปฏิเสธ เพราะคาบัคโรเน่รุ่นที่เก้า คือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ในวันที่ถูกโยนลงทะเลนั่นเอง




      มาคราวนี้ แม้จะตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบ โรมาริโอ้ก็ยังยืนกรานปฎิเสธ ทีเกรย์จึงตอกเจ็บๆเข้าให้ว่าโดนเจ้าเด็กรุ่นที่สิบนั่นทิ้งแล้วไม่ใช่หรือไง ทั้งยังบอกว่าชีวิตของคนในตระกูลคาบัคโรเน่อยู่ในมือโรมาริโอ้ ถ้าหากยอมมาเป็นพวก ก็จะไว้ชีวิตพวกนั้น เมื่อโดนเล่นไม้นี้โรมาริโอ้จึงต้องยอมรับปาก



      แต่ชั่วขณะที่ทีเกรย์คิดว่าโรมาริโอ้กลายเป็นลูกไก่ในกำมือของตนแล้วนั่นเอง
      โรมาริโอ้ก็ดึงปืนที่ซ่อนไว้ออกมา แล้วเข้าจี้ตัวทีเกรย์เป็นตัวประกัน แต่ทีเกรย์ก็บอกว่าสายไปแล้ว และบอกให้โรมาริโอ้รู้ว่ารุ่นที่เก้าตายแล้ว ก่อนจะฉวยจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอส่งโรมาริโอ้ลงไปนอนบนพื้น



      ถ้าเป็นแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้นะ”



      ทีเกรย์จ่อปากกระบอกปืนเข้ากับหัวของโรมาริโอ้




      ลาก่อน เจ้าเพื่อนเกลอ”




      แล้วคำรามของปืนก็ดังสนั่น
      ....





      แต่เป็นทีเกรย์ต่างหากที่โดนยิงเข้าที่ไหล่จนล้มลง





      ปลอดภัยใช่ไหม โรมาริโอ้!”



      แม้ไม่อยากจะเชื่อ แต่คนที่เพิ่งจะช่วยโรมาริโอ้ไว้ก็คือดีโน่นั่นเอง! (อาซานะกรี๊ดลั่นสอยไปหนึ่งยก)



      ถึงกระนั้น ทีเกรย์ที่ต้องปืนของดีโน่เข้าไปยังลุกขึ้นมาได้ และออกไล่ล่าดีโน่พร้อมกับลูกน้องอีกจำนวนหนึ่ง



      หลังจากพวกนั้นตามดีโน่ออกจากห้องไป มาเฟียที่คุมตัวโรมาริโอ้ก็โดนรีบอร์นที่ปรากฎตัวขึ้นภายหลังจัดการไปจนหมด โรมาริโอ้บอกให้รีบไปช่วยดีโน่ แต่รีบอร์นก็บอกว่าให้รอก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่รู้ว่าดีโน่กลายเป็น ของจริง”แน่แล้วหรือยัง โรมาริโอ้ฟังแล้วก็ได้แต่ทำหน้างง





      ทางด้านดีโน่ที่ถูกไล่ต้อนจนมุมก็โดนทีเกรย์เ่ล่นงานไม่เลี้ยง
      ความอับอายเพราะเสียท่า ถูกเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมยิงเข้าให้ต่อหน้าลูกน้องทำให้ทีเกรย์ซัดดีโน่อย่างไม่ปรานี



      เอ้า! ลุกขึ้นมาสิ ลุกขึ้นมาเช่ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!”




      ว่าแล้วทีเกรย์ก็จิกผมดีโน่
      กระชากให้เด็กหนุ่มลุกขึ้นอย่างโงนเงน ใบหน้านั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือดและน้ำตา




      จะถามแกข้อหนึ่ง ถ้าไม่ตอบจะฆ่าทิ้ง ถ้ายอมตอบจะฆ่าอย่างปรานี”



      ส่วนคำถามนั้นก็คือ





      ทำไมแกถึงมาที่นี่? รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไงว่ามาก็มีแต่จะโดนฆ่าน่ะหา”




      ทีแรกดีโน่นิ่ง
      ไม่ตอบคำถาม ทีเกรย์ก็เลยตั้งท่าจะลงมือ แต่ก็โดนดีโน่ถ่มน้ำลายเปื้อนเลือดใส่หน้า ก่อนที่ดีโน่จะพูดว่า



      ฉันน่ะ เป็นพวกไอ้บ้าห่วยๆที่ไม่เอาไหน ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าทำไมถึงมาที่นี่.......แต่ว่านะ!”



      ดีโน่เว้นช่วง
      จ้องหน้าทีเกรย์อย่างเอาเรื่อง แล้วพูดต่อไปด้วยเสียงกร้าว



      ต่อให้เป็นไอ้ห่วยแค่ไหนก็เถอะ มันก็มีเวลาที่ทนอยู่อย่างห่วยๆต่อไปไม่ได้แล้ว! สิ่งสำคัญของฉันมาถูกทำร้ายเอาแบบนี้ จะให้หนีอีกได้ยังไงเล่า!”



      (
      แม่ยกกรี๊ดสนั่นค่ะ)




      สิ้นคำ
      แขนซ้ายของดีโน่ก็เกิดไฟลุกโชติช่วงขึ้น ซึ่งไฟสีขาวบริสุทธิ์ไร้ซึ่งเขม่าควันนี้ ก็คือไฟดับเครื่องชนในตำนานของพวกมาเฟียนั่นเอง



      และเมื่อไฟนั้นดับลง
      ที่แขนซ้ายไปจนจรดข้อมือของดีโน่ ก็ปรากฎรอยสักที่เหมือนกับของคาบัคโรเน่รุ่นที่เก้าไม่มีผิด ดีโน่ทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่รีบอร์นที่ปรากฎตัวขึ้นข้างๆ ก็ช่วยบอกว่านั่นคือหลักฐานว่าวิญญาณและศักดิ์ศรีแห่งคาบัคโรเน่ได้มาสถิตย์อยู่ในตัวของดีโน่แล้ว



      สิ่งที่ดีโน่เงยหน้ามาเห็นคือรีบอร์นกับรังไหมประหลาด
      พอรู้ว่าเจ้ารังไหมนั่นคือเลออน ดีโน่ก็ประหลาดใจแต่รีบอร์นก็อธิบายว่าเลออนจะเปลี่ยนรูปร่างไปเมื่อใกล้เวลาที่นักเรียนของตนได้รับการทดสอบ



      แล้วหลังจากนั้น....”



      ปากของเลออนขยับก่อนจะคายแส้หนังมาให้ดีโน่
      รีบอร์นบอกว่า แส้ในมือดีโน่ ไม่ใช่แส้ที่เอาไว้เอาชนะศัตรู แต่มีไว้เืพื่อใช้สั่งสอนจิตใจที่ขี้ขลาดของดีโน่



      ดีโน่ใช้แส้ที่ได้มาจัดการกับพวกมาเฟียอิเรโกลาเร่
      ท่วงท่าอันบ้าคลั่งราวกับสัตว์ป่าทำให้ทีเกรย์ถึงกับหลุดปากพึมพำออกมาว่า ...ม้าพยศ....”



      แต่ถึงลูกน้องจะถูกจัดการไปหมด
      ทีเกรย์ก็ไม่ยอมแพ้ คิดจะใช้เรือที่บรรทุกดินระเบิดไว้เต็มลำพุ่งเข้าชนเกาะ ดีโน่จึงสั่งให้โรมาริโอ้รีบเอาเรือเล็กออกไปเตือนชาวบ้านและอพยพคน แล้วตนจะหาทางหยุดเรือเอง แต่รีบอร์นก็บอกว่ามือใหม่อย่างดีโน่จะทำอะไรได้ แล้วชี้ไปข้างหลัง แล้วก็มีเสียงกร๊าซซซ ของกาเมร่า...เอ่อ...เอ็นซิโอ้ที่ตอนนี้ตัวใหญ่เท่าตึก ยืนจังก้าอยู่ รีบอร์นบอกดีโน่ว่านั่นคือเต่าฟองน้ำที่เกิดมาจากเลออนพร้อมๆกับแส้ของดีโน่ เอ็นซิโอ้ใช้ร่างอันใหญ่โตหยุดเรือไว้ แล้วก็เริ่มเปิดฉากการกินเรือสำราญลงท้องไปพร้อมกับระเบิด




      และด้วยเหตุนี้การต่อสู้บนเรือสำราญ
      (ที่ลงท้องเอ็นซิโอ้ไปแล้ว)ก็จบลงพร้อมกับชัยชนะของคาบัคโรเน่




      หลังจากนั้น
      ดีโน่ก็ไปเคารพหลุมศพของรุ่นที่เก้า เบื้องหลังของดีโน่คือเสียงร้องไห้ระงมของสมาชิกในตระกูลคาบัคโรเน่ รวมทั้งพวกชาวบ้าน แม้ทีเกรย์จะโดนจัดการไปแล้ว แต่ร่องรอยความเสียหายนั้นไม่ใช่ว่าจะเยียวยากันง่ายๆ เพราะรุ่นที่เก้าต่อสู้อย่างแลกด้วยชีวิตสมาชิกส่วนใหญ่จึงมีชีวิตรอดมาได้ แต่การสูญเสียรุ่นที่เก้าก็ทำให้คาบัคโรเน่สูญเสียความแข็งแกร่งไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้




      ดีโน่กล่าวขอโทษกับทุกๆคนที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้เรื่องราวทุกอย่างเป็นเช่นนี้
      พร้อมฝากฝังคาบัคโรเน่เอาไว้กับโรมาริโอ้ บอกว่าถ้าเป็นโรมาริโอ้ล่ะก็ ต้องปกป้องทุกคน และเป็นบอสที่ดีกว่าตนได้แน่ ก่อนจะบอกลา แล้วทำท่าจะเดินจากไป



      แต่ขณะที่เดินสวนกับโรมาริโอ้
      ดีโน่ก็โดนอีกฝ่ายคว้าแขนไว้ แล้วหมัดของโรมาริโอ้ก็ได้รับการประเคนเข้าใส่หน้าของดีโน่อย่างสวยงาม ส่งให้อีกฝ่ายลอยละลิ่วก่อนจะตกลงพื้นอย่างไม่เป็นท่า จังหวะที่ต่อย โรมาริโอ้คว้าแขนเสื้อด้านซ้ายเอาไว้ด้วย พอดีโน่ลอยไปด้วยแรงอัด แขนเสื้อจึงโดนฉีกออก เผยให้เห็นรอยสักบนแขนที่ไม่ได้เลือนหายไปนับจากวันที่มันปรากฎขึ้น



      ดวงอาทิตย์กับน้ำและชีวิต........รอยสักนั่นคือสัญลักษณ์ของชายผู้ที่จะปกป้องทุกอย่าง เป็นสัญลักษณ์ของชายผู้ที่จะขึ้นเป็นบอสของคาบัคโรเน่”



      “................”




      ดีโน่!”



      โรมาริโอ้เรียกชื่ออีกฝ่าย
      เป็นครั้งแรกที่ดีโน่ได้เห็นโรมาริโอ้น้ำตาคลอหน่วยแบบนี้



      นอกจากนายก็ไม่มีใครอื่นแล้วนะ ดีโน่!”



      สิ้นคำพูดโรมาริโอ้
      ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น ไม่ว่าจะมาเฟียหรือชาวบ้านก็ร้องไห้กันระงม ขอร้องให้ดีโน่อยู่กับตนในฐานะรุ่นที่สิบ



      ห้ามไปไหนนะ ดีโน่!”



      วิญญาณรุ่นก่อนสถิตย์อยู่กับเธอนะ ดีโน่!”



      ที่นี่คือบ้านเกิดเมืองนอนของนายไม่ใช่เหรอ! เป็นครอบครัวของพวกเราไม่ใช่หรือไง!”



      คำพูดของทุกคน
      ทำให้ดีโน่เองก็พลอยร้องไห้ออกมาด้วยจนโดนรีบอร์นพูดใส่ว่าไม่ใช่เรื่องต้องร้องไห้เสียหน่อย แต่ดีโน่ก็ตอบกลับไปว่าหนวกหู แล้วก็ยกแขนขึ้นมาป้ายน้ำตาป้อยๆ รีบอร์นพูดต่อไปด้วยว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ตนจะอยู่เป็นติวเตอร์ให้กับดีโน่จนกลายเป็นรุ่นที่สิบที่ยอดเยี่ยมเอง



      พอแน่ใจว่าดีโน่จะรับช่วงต่อเป็นรุ่นที่สิบ
      ทุกคนก็ดีใจ ไชโยโห่ร้องกันดังลั่น ดีโน่ถูกรีบอร์นจัมป์คิกกระโดดเตะร่วงลงทะเลที่มีปลาฉลามที่รีบอร์นเรียกมาว่ายรออยู่ ดีโน่ว่ายหนีสุดชีวิต ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข(บนความทุกข์ของดีโน่??)ของทุกคน




      -------------------------------------------





      หลังจากนั้นอีกหลายปีต่อมา
      ดีโน่ที่ขึ้นเป็นรุ่นที่สิบก็พิสูจน์ตัวเองในฐานะบอสของคาบัคโรเน่ด้วยการเอาชนะพวกตระกูลอื่นที่คิดจะโจมตีชิงอำนาจคาบัคโรเน่ที่มีบอสอายุน้อย และทำให้คาบัคโรเน่กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง แต่ถึงจะกลายเป็นบอสของตระกูลใหญ่เช่นนี้แล้ว ดีโน่ก็ยังต้องรับการฝึกสุดโหดของรีบอร์นอย่างต่อเนื่อง จนกลายมาเป็นชายที่เหมาะสมกับตำแหน่งบอสได้เช่นทุกวันนี้



      ดีโน่คิดอยู่ในใจว่า
      ถ้าเทียบกับรีบอร์นแล้ว การฝึกของตนในฐานะครูฝึกยังจัดอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น ก่อนที่จะลุกขึ้นมองหาโรมาริโอ้แต่ก็ไม่เห็น เอาแล้วไงล่ะ พอลูกน้องไม่อยู่อาการรั่วก็บังเกิดกับดีโน่ทันที ชายหนุ่มสะดุดรากไม้ กลิ้งตกไปตามไหล่เขาพร้อมร้องเสียงดังสนั่น โรมาริโอ้ได้ยินเสียงร้องของเจ้านายตัวเองก็รีบมา ก่อนจะบ่นเอาว่ามีบอสแบบนี้อายเขาแย่ แต่ดีโน่ก็เถียงว่าตัวเองเป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว



      ใช่
      เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว



      พลังในการต่อสู้เพื่อปกป้องคนสำคัญ
      นั่นแหละคือพลังที่ตนต้องการ



      พลังที่นายต้องการคืออะไรงั้นเหรอ....เคียวยะ”




      ดีโน่คิดถึงอนาคตของลูกศิษย์ไป
      ก็มุ่งหน้ากลับไปยังเมืองนามิโมริ



      .

      .


      .

      .


      .End of Part 1: Bucking-Horse Stampede





      _______________________________________

      ยังมีของคนอื่นอีกเน้อ วางๆจะเอามาลงให้

      อ๋อ สปอยเล็กน้อง ไรท์โนเวลรอบหน้าจะทำให้เรารู้ว่า

      'ทำไมเบลถึงชอบกินซูชิ'

      อิอิ ไปละ สลายโต๋!!!>[]<

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×