[Fic EXO] 回来 : กลับ...(KrisBaek) - [Fic EXO] 回来 : กลับ...(KrisBaek) นิยาย [Fic EXO] 回来 : กลับ...(KrisBaek) : Dek-D.com - Writer

    [Fic EXO] 回来 : กลับ...(KrisBaek)

    ...ทุกนาทีที่เลยผ่าน ย้ำเตือนใจฉันทุกที ว่าเวลาที่มีช่างหมุนไปช้าเหลือเกิน... รอนานไหม...พี่กลับมาแล้ว"

    ผู้เข้าชมรวม

    1,701

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    1.7K

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    16
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ธ.ค. 55 / 07:01 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น



    ...สำหรับเค้านั้น สิ่งที่ดีที่สุดของการจากลา คือการที่เราได้กลับมาพบกันอีกครั้ง...

    。。。。。。。。。。。。。。。


    ป.ล.    ฟิคเรื่องนี้เป็น short fic ที่แต่งแต่งมาคู่กับเรื่อง 等你。。。รอ ซึ่งเป็น POV ของเบคฮยอน
                      เพื่ออรรถถรสในการอ่าน แนะนำว่าให้กดเข้าไปอ่านเรื่อง
    等你。。。อ ก่อนน่ะค่ะ


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      回来。。。 Return

      ขายาวทั้งสองข้างก้าวไปท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินสวนทางไปมา มือข้างถือพาสปอร์ตเอาไว้ อีกข้างก็ใช้ลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กไปอย่างเร่งรีบ ในหัวของคริสตอนนี้มีแต่ใบหน้าของใครอีกคน คนๆนั้นที่ทำให้เค้ามีรอบยิ้มทุกครั้งเมื่อนึกถึง คนที่ทำให้เค้าแทบครั่งทุกครั้งที่อีกคนไม่ยอมรับสายหรือตอบกลับข้อความของเค้าตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา คนที่ทำให้เค้าต้องเร่งจัดการทำงานทุกอย่างให้เสร็จเพื่อที่จะได้กลับมาหา  คนที่ทำให้เค้ารู้สึกว่าเวลาแต่ละวันของเค้านั้นช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน  คนๆนั้นที่เค้าคิดถึงอยู่ทุกวินาทีที่ห่างไกลกัน

      “อูฝาน ทางนี้ๆ” ทันทีที่ร่างสูงเดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า ผู้ชายร่างเล็กคนนึ่งก็ยืนกระโดดโบกมือไปมาแล้วเรียกชื่อเค้าอย่างไม่เกรงใจคนรอบข้าง  คริสเดินตรงไปทางคนตัวเล็กที่กำลังโบกมือมาทางเค้าพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉีกกว้างจนเกินเหตุ

      “好久不见,欢迎回来, 你怎么样? 我们想你了?为什么你现在才来?” โดยที่ไม่รอให้เค้าได้เอ่ยคำทักทายใดๆ คนตัวเล็กข้างหน้าก็ยิงคำถามมากมายมาที่เค้า และไม่ได้เปิดโอกาสให้เค้าตอบเลยสักคำถาม คริสจึงตัดสินใจปล่อยให้อีกคนพูดไปเรื่อยๆโดยที่เค้าเองก็แอบกลอกตาเพื่อแสดงความรำคาญ แต่ในใจนั้นกลับไม่ได้รู้สึกรำคาญคนตรงหน้าเลย

      “พูดเสร็จยังอี่ชิง ไปกันได้แล้ว”

      “ก็นายนั้นแหละเล่นหายไปทำงานอยู่แคนนาดาตั้งเกือบปี แล้วอยู่เฉยก็โทรมาบอกให้มารับที่สนามบิน จะกลับมาทำไมไม่บอกกันก่อน” อีชิงตอบกลับพร้อมกำทำท่าเบ๋ปากใส่คนเป็นเพื่อนตรงหน้า

      “เอ่อน่า...ไปกันได้แล้ว” ร่างสูงไม่ได้ตอบกลับใดๆ เพียงแต่ยืนยิ้มให้แล้วก็บอกให้อีกคนรีบนำเค้าไปที่รถ

      “ไปไหน..” คนเป็นเพื่อนทำหน้างง

      “หาเบคฮยอน”ร่างสูงตอบพร้อมกับฉีกยิ้มกว่างจนอีกคนทำหน้าหมั่นไส้

      “อะไรว่ะ..มาถึงก็ไปหาที่รักเลยน่ะ...เพื่อนพ้องไม่เคยจะสนใจ” อี้ชิงบ่นอุบอิบให้กับคำตอบของอีกคน พร้อมกับออกเดินนำร่างสูงไปตรงลานจอดรถ

      ใครต่อใครก็พูดว่าเบคฮยอนเป็นคนที่โชคดีมากที่ได้คนอย่างคริสเป็นคนรัก แต่ร่างสูงคนนี้กลับคิดว่าเค้าเองต่างหากที่โชคดีที่ได้เบคฮยอนมาเป็นคนรัก ถึงแม้ว่าทุกคนจะมองว่าเบคฮยอนเป็นแค่เด็กผู้ชายธรรมดา ต่างจากเค้าทีทุกคนต่างมองว่าเป็นผู้ชายที่มีความเพียบพร้อมที่สุดคนหนึง

      บอกใครไปหลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าเค้าคนนี้เองที่เป็นคนเริ่มตามจีบเบคฮยอนก่อน แล้วก็จีบอยู่นานพอสมควร เพราะช่วงเดือนแรกๆอีกคนนั้นไม่มีท่าทางว่าจะเล่นด้วยกับเค้าเลย แถมยังเอาเพื่อนคนสนิทตัวสูงที่ชื่อชานยอลนั่นมาหลอกเค้าว่าเป็นแฟนของตัวเอง จนเค้าเกือบจะหลงเชื่อแล้วตัดจากใจจากร่างบางนั่นไปแล้ว แต่ในที่สุดเค้าก็มารู้ทีหลังว่าเบคฮยอนกับชานยอลเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน

      เบคฮยอนเป็นคนที่ร่าเริงและมีเพื่อนฝูงมากมายทั้งชายและหญิง และนั่นก็คือหนึ่งปัญหาใหญ่สำหรับคริส เพราะเค้าเป็นคนที่ขี้หึงมาก และความขี้หึงนี้ก็เคยทำให้เค้าและร่างบางนั้นทะเลาะกันบ่อยครั้ง แต่ครั้งที่แรงสุดคงหนีไม่พ้นเหตุการณ์ที่ทำให้เค้าถึงกับควบคุมตัวเองไม่ได้ เหตุการณ์ที่มีผู้ชายชื่อปาร์คชานยอลเป็นต้นเหตุ

      เสียงนิ้วมือที่กระทบกับแป้นพิมพ์ดังขึ้นเป็นจังหวะ คริสที่กำลังเร่งเขียนรายงานอย่างเคร่งเครียดเพื่อที่จะทำให้เสร็จทันกำหนดส่งพรุ่งนี้เช้า  ส่วนร่างบางอีกคนนั้นก็ออกไปติวหนังสือที่บ้านของชานยอลตั้งแต่เมื่อตอนสองทุ่ม แต่จนป่านนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว คริสยังไม่เห็นวี่แววว่าอีกคนจะกลับมาเลย จนเวลาผ่านไปไม่นาน โทรศัพท์ของคริสก็มีข้อความเข้า

      “...”ร่างสูงรับเปิดดูข้อความทันทีที่เห็นว่าคนที่ส่งข้อความมาคือใคร แต่เมื่อคริสเปิดข้อความนั้นขึ้นมาดูแล้ว สิ่งที่เห็นกลับทำให้เค้าแทบจะขว้างมือถือของตัวเองทิ้ง เพราะข้อความที่ส่งมานั้นคือรูปของร่างบางที่ตอนนี้อยู่ในลักษณะเหมือนคนที่กำลังนอนหลับอยู่ แต่เสื้อเชิตสีขาวที่ร่างบางใส่อยู่นั้นกลับถูกปลดกระดุมออกจนหมด

      ทันทีที่ได้สติกลับมา ร่างสูงก็กระแทกโน๊ตบุ๊คตัวเองให้ปิดลงเสียงดัง โดยไม่ได้สนใจเลยว่างานที่กำลังพิมพ์อยู่นั้นจะถูกเซฟไว้หรือไม่ ร่างสูงรีบคว้ากุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินออกไปจากห้องทันที 

      ตลอดการเดินทางจิตใจและอารมณ์ของคริสนั้นรุ่มร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดีที่เค้ายังมีสติพอที่จะหยุดเมื่อเห็นไฟแดง โดยปกติแล้วคริสรู้ตัวเองดีว่าเค้าไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้อารมณ์มาครอบงำเค้าขนาดนี้ แต่เป็นเพราะใครอีกคนแท้ๆที่ทำให้ตอนนี้เค้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบ้า

      เพราะลิฟที่ลงมาช้าจนเกินไปคริสเลยเลือกที่จะใช้บันใดขึ้นไปชั้นสิบสองของตึก ร่างสูงวิ่งมาหยุดหน้าห้องที่หมาย ก่อนที่จะให้มือเคาะเสียงดังจนห้องข้างๆแอบเปิดประตูออกมาดู

      หลังจากที่คริสเคาะประตูจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ในที่สุดประตูก็เปิดออก แต่สิ่งที่คริสเห็นพร้อมๆกับประตูที่เปิดออกนั้นคือชานยอลในสภาพเปลือยร่างท่อนบนกำลังเปิดประตูให้เค้า

      “อ้าวพี่คริ....”ชายยอลที่มือยังจับอยู่กับลุกบิดประตูกำลังเอ่ยทัก แต่เจ้าตัวกลับถูกขัดเพราะคนที่ตัวใหญ่กว่าได้ผลักเค้าให้ถอยออกไปจากทางประตู

      “ถอยไป!! เบคฮยอนอยู่ไหน” ร่างสูงไม่สนใจว่าอีกคนกำลังจะพูดอะไรแถมยังพลักคนตรงหน้าออกจากทางประตู

      “โห่พี่ ไม่คิดจะทักทายเจ้าของห้องก่อนหรอครับ” ชานยอนเอ่ยขึ้นทั้งที่มือยังลูบอยู่บริเวณไหล่ที่โดนพลักเมื่อกี้

      “ชานยอล...พี่ถามว่าเบคฮยอนอยู่ไหน” ร่างสูงที่ตอนนี้กำลังเดือดจนหน้าแดงเอ่ยถาม หลังจากนั้นก็กวาดสายตาไปรอบๆห้องเพื่อมองหาใครอีกคน

      “เบคฮยอนกำลังนอนอยู่ครับท่าทางจะเหนื่อยมาก สงสัยติวหนังสือกันหนักไปหน่อย” ชานยอลเอ่ยออกมาอย่างเรียบๆ โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเล่นอยู่กับใคร

      คริสเดินตรงไปบริเวณห้องที่คิดว่าน่าจะเป็นห้องนอนแล้วเปิดประตูออก ทั้งห้องนั้นมืดสนิท ร่างสูงจึงคลำหาสวิชไฟ แล้วเมื่อไฟสว่างขึ้นก็ปรากฏให้เห็นร่างบางอีกคนที่เค้ากำลังตามหา ร่างบางที่ตอนนี้อยู่ในสภาพเดี่ยวกับกับรูปภาพที่ถูกส่งไปให้เค้า  คริสไม่รีรออะไรทั้งสิ้นทันทีที่เห็นเบคฮยอนร่างสูงก็เดินตรงเข้าไปที่เตียงแล้วก้มลงเขย่าไหล่ของคนที่กำลังหลับอยู่ทันที

      “เบคฮยอน” น้ำเสียงเข้มเอ่ยเรียกชื่ออีกคนออกไปพร้อมกับสายตาที่กวาดมองไปทั่วร่างกายของอีกคน

      “หืม...”ร่างบางที่กำลังหลับอยู่คางออกมาเบาๆแต่ตานั้นกลับยังหลับอยู่

      “เบคฮยอน ตื่น”ร่างสูงเพิ่มระดับความดังของเสียงและระดับความแรงของมือที่จับอยู่บนไหล่ของอีกคน เพื่อหวังจะให้คนขี้เซาตื่นขึ้นมาสักที

      “...พี่คริส” คนที่พึ่งลืมตาขึ้นมา เอ่ยด้วยเสียงงัวเงีย สายตานั้นจ้องไปที่ร่างสูงโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่ร่างบางนั้นจะยื่นแขนตัวเองมาดึงอีกคนลงไปนอนด้วยกัน

      “เดี่ยว..เดี่ยวก่อนเบคฮยอน...ตื่นมาคุยกับพี่ให้รู้เรื่องก่อน” ร่างสูงพยายามจะรั้งตัวเองไว้ไม่ให้ล้มไปทับร่างบางบนเตียง แต่อีกคนนั้นกลับไม่ให้ความร่วมมือเลย แถมยังมีเสียงหัวเราะจากเพื่อนตัวดีของร่างบางที่ยืนอยู่ข้างหลังเค้าอีก

      “ฮ่าๆๆ พี่นี่แกล้งสนุกจริงๆ” ชานยอลที่ยืนพิงอยู่ขอบประตูเอ่ยออกมาพร้อมเสียงหัวเราะที่ดังจนเกินเหตุของตน

      คริสไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงแต่หันกลับไปทำตาขวางใส่ เพราะตอนนี้กำลังวุ่นอยู่กับอีกคนบนเตียงที่พยายามจะโน้มคอเค้าให้ลงไปหาตัวเอง

      “เบคฮยอน...ตื่นได้แล้ว...กลับบ้านกัน” คริสเอ่ยเบาๆเพราะตอนนี้หน้าของเค้าและเบคฮยอนอยู่ใกล้กันมาก

      “หือ...อุ้ม..”ร่างบางบนเตียงเอ่ยออกมาทั้งที่ตายังหลับอยู่ พร้อมกับเอาแขนทั้งสองข้างล๊อคคอร่างสูงไว้

      “พี่อุ้มเราลงไปไม่ไหวหรอกน่ะ...เบคฮยอน” ร่างสูงพยายามจะปลุกคนขี้เซาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผล คริสจึงตัดสินใจอุ้มอีกคนขึ้นมาจากเตียง แล้วเดินตรงออกไปจากห้องนอนของชานยอล

      เมื่อเดินออกมาได้ถึงบริเวณหน้าประตูร่างบางที่กำลังถูกอุ้มอยู่นั้นเอ่ยบอกให้อีกคนปล่อยเจ้าตัวลง คริสจึงทำตามคำสั่งนั้นทันที แต่เมื่อปล่อยลงแล้วแทนที่ร่างบางนั้นจะตื่นขึ้นมาแล้วเดินลงไปที่รถกับเค้าดีๆ เบคฮยอนกลับยืนเอาหัวซุกอยู่ตรงไหล่ของเค้าแล้วหลับต่อ

      ร่างสูงถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะจับให้อีกคนยืนตรงขึ้น แล้วหันไปหาชานยอลเพื่อบอกให้อีกคนนำรองเท้ากับสัมภาระของคนขี้เซานี้มาให้เค้า หลังจากที่คริสพยายามใส่รองเท้าให้อีกคนอย่างทุลักทุเลโดยมีชานยอลคอยเป็นคนช่วยจับไม่ให้คนคนเซล้มแล้ว ร่างสูงก็หิ้วกระเป๋าของอีกคนไว้ในมือ แล้วก็จูงคนขี้เซาเดินไปที่รถเพื่อจะกลับคนโดของเค้าทั้งสองคน

      เช้าวันต่อมาหลังจากที่ร่างบางได้เห็นรูปตัวเองในมือถือของคริสแล้วร่างบางก็รีบโทรไปหาเพื่อนตัวดีของตนทันที และสิ่งที่คริสได้ยินหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากเสียงตะโกนด่าของเบคฮยอนที่ดังทั่วห้อง....

      “นี่ฟังอยู่หรือเปล่า” คริสที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับหลุดออกจากภวังค์ของตัวเองทันที่หลังจากที่อี้ชิงที่กำลังลังขับรถข้างๆได้ตะโกนใส่เค้าอย่างหัวเสีย

      “ห๊ะ...เมื่อกี้ถามอะไรน่ะ”ร่างสูงหันไปถามคนที่กำลังขับรถอยู่

      “เมื่อกี้ถามว่า แล้วกลับมากะทันหันอย่างนี้เบคฮยอนรู้เรื่องหรือเปล่า” อี้ชิงเอ่ยคำถามของตัวเองอีกครั้ง

      “...ยัง” ร่างสูงตอบสั้นๆ แล้วหลังจากนั้นอี้ชิงก็เลี้ยวรถเข้าบริเวณคอนโดของเค้าทันที

      คริสพูดของคุณแล้วก็โบกมือลาคนที่ขับรถมาส่งเค้า พร้อมกับสัญญากับอี้ชิงว่าตอนเย็นจะเลี้ยงข้าวอีกคนเพื่อเป็นการตอบแทนแน่นอน

      ทันที่อี้ชิงขับรถออกไป ร่างสูงก็เดินถือสัมภาระของตัวเองตรงเข้าไปในคอนโดทันที เมื่อเดินมาถึงห้องตรงสุดทางของชั้นสิบสองในคอนโดหรู คริสก็คว้ากุญแจที่อยู่ในเสื้อแจ๊กเก็ทของเค้าออกมาทันที แต่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั้นร่างสูงก็ได้ก้มหน้าลงไปมองกระถางดอกกุหลาบสีเหลืองแล้วก็ยิ้มออกมา

      “ลืมรดน้ำดอกไม้ของตัวเองอีกแล้ว”ร่างสูงบ่นเบาๆ หลังจากนั้นก็ไขกุญแจแล้วเปิดประตูเดินเข้าไปทันที

      เค้ารู้ดีว่าช่วงเวลาเช้าๆอย่างนี้เบคฮยอนจะต้องไม่อยู่ที่ห้องแน่ เพราะร่างบางคงจะตื่นแล้วออกไปทานอาหารเช้าข้างนอกแล้ว เพราะส่วนใหญ่เวลาที่อยู่ด้วยกันเป็นคริสเองที่เป็นฝ่ายเข้าครัวเสมอ  หลังจากที่ร่างสูงได้เก็บสัมภาระของตัวเองเข้าที่แล้ว ร่างสูงก็เดินออกมาหน้าห้องอีกครั้งพร้อมกับน้ำหนึ่งแก้วในมือ คริสจัดการรดน้ำดอกกุหลาบที่ตั้งอยู่หน้าห้อง ดอกกุหลาบสีเหลืองทีเค้าตั้งใจปลูกมันขึ้นมาเองกับมือเพื่อมอบให้อีกคนเมื่อวันเกิดปีที่แล้ว

      ด้วยความเหนื่อยล้าจากจากที่เดินทางเป็นเวลานาน ร่างสูงจึงตัดสินใจทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวใหญ่สีดำที่เค้ากับเบคฮยอนเป็นคนเลือกด้วยกันหลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันเมื่อสองปีที่แล้ว ไม่นานนักความเหนื่อยล้าก็ทำให้คริสหลับไป

      คริสเองก็ไม่รู้สึกตัวเหมือนกันว่าตัวเองนั้นเผลอหลับไปนานเท่าไหร่ แต่ร่างสูงนั้นมารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อมีมือบางๆของอีกคนมาสัมผัสอยู่บริเวณหน้าของเค้า

      “กลับมาแล้วหรอ” ร่างสูงค่อยๆลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยถามอีกคนที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นข้างๆเค้าตอนนี้แม้ว่าคำถามนี้เค้าเองต่างหากที่ควรจะเป็นคนตอบ

      ร่างสูงเปลี่ยนท่านอนของตัวเองให้ตะแคงข้างเพื่อที่เค้าจะได้หันหน้าไปมองอีกคนชัดๆ ร่างบางตอนนี้กำลังนั่งนิ่งเงียบและจ้องตาเค้า โดยที่ในตาของร่างบางนั้นก็มีน้ำใสๆคลออยู่

      เมื่อเห็นอีกคนนั่งเงียบและก้มมองแต่พื้น คริสจึงตัดสินใจลุกขึ้นมานั่งอยู่ตรงหน้าอีกคน แล้วก็ให้มือทั้งสองข้างจับให้อีกคนเงยหน้าขึ้นมามองเค้า

      คริสเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าร่างบางนั้นจะรู้สึกได้ไหมว่าตอนนี้มือของเค้านั้นกำลังสั่นเอามากๆ ความคิดถึง ความโหยหาของเค้าที่มีให้คนตรงหน้านี้ มันทำให้เค้าแทบควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้ ร่างสูงตัดสินใจโน้มตัวเองลงไปหาอีกคน จนหน้าของเค้าทั้งสองคนนั้นห่างกันอยู่ไม่ถึงคืบ

      “รอนานไหม...พี่กลับมาแล้ว”  คือประโยคสุดท้ายที่ร่างสูงเอ่ยออกมา ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะจูบบนริมฝีปากบางของอีกคน พร้อมกับใช้แขนทั้งสองข้างยกคนที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นขึ้นมานั่งบนตักเค้า
       

      。。。。。。。。。。End。。。。。。。。。。



      แต่รู้สึกแต่งออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ตั้งใจไว้ แต่ไม่เป็นไรเนาะๆ

      ยังไงอ่านเสร็จแล้วก็อย่าลืมคอมเม้นท์ ติ-ชม ด้วยน่ะค่ะ

      จะได้ปรับปรุงกันได้เนาะๆ

      ป.ล. ใครยังไม่ได้อ่าน pov ของเบคฮยอนสำหรับฟิคเรื่องนี้ กลับไปอ่านกันได้น่ะ จิ้มๆๆๆ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×