ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อย่ามาห้ามความรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : ผมกับเขา

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 64


     ตอนที่1 เขากับผม 

    "พี่จันทร์ วันนี้คุณกันย์ยังไม่ลงมาหรือครับ"   ผมเดินลงมาจากห้องเพื่อเตรียมตัวจะไปมหาวิทยาลัย เห็นสาวรับใช้กำลังปัดกวาดเช็ดถูอยู่ในบริเวณใกล้ห้องครัว 

    "ยังค่ะคุณขิง วันนี้คุณขิงรับอะไรดีคะ"  

    "ขอข้าวต้มกุ้งนะครับ แล้วก็เอาน้ำเต้าหู้แก้วนึง"  ผมบอกสาวใช้ก่อนที่เธอจะผละเข้าไปในครัว 

    พี่จันทร์เป็นทุกอย่างของบ้าน ทั้งเป็นแม่บ้านทั้งเป็นแม่ครัว บางทีก็แอบเป็นคนสวนด้วยถ้าคนสวนบ้านใหญ่ไม่ว่างมารดน้ำต้นไม้ รวมไปถึงเป็นเพื่อนคุยเพียงคนเดียวของผมในบ้านหลังนี้  นอกจากคนบนบ้านใหญ่ที่อยู่หลังถัดไป ที่ปลูกอยู่ในบริเวณอาณาเขตเดียวกัน และบ้านใหญ่นั้นเป็นบ้านคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าของบ้านหลังนี้ที่ผมมาอาศัยอยู่ 

    ผมชื่อขิงครับ เป็นนักศึกษาปีสี่คณะคหกรรม ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของรัฐบาล และผมมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง ด้วยเหตุผลทางครอบครัว คือบ้านผมเปิดร้านอาหารอยู่ในเขตปริมณฑล และมันไกลจากสถานศึกษาที่ผมสอบติด คุณปู่คุณย่าของผมท่านเป็นเพื่อนสนิทกันกับคุณตาคุณยายของเจ้าของบ้านหลังนี้ เพราะพวกท่านเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วเมื่อหลายปีก่อน แล้วมีโอกาสได้รู้จักกันและติดต่อกันเรื่อยมาจนสนิทสนมรักใคร่เหมือนพี่น้อง  พวกท่านจึงฝากฝังให้ผมมาอาศัยอยู่ที่นี่จนกว่าจะเรียนจบ และเจ้าของบ้านก็ตกลง แต่คงไม่ยินดี เพราะจนป่านนี้ที่อยู่ด้วยกันมา จะเจอหน้าเจ้าของบ้านแค่เดือนละประมาณสองครั้งได้

     "มาแล้วค่ะ ข้าวต้มกุ้งสุดแสนอร่อย ฝีมือพี่จันทร์เองค่ะ"

    "ขอบคุณครับ"  ผมลงมือทานข้าวต้มที่พี่จันทร์ยกมาให้ และตามด้วยน้ำเต้าหู้ไม่ใส่ครื่องอีกหนึ่งแก้ว เป็นอันจบอาหารมื้อเช้า 

    การเดินทางมามหาวิทยาลัยของผมคือรถโดยสารสาธารณะ หรือไม่ก็รถไฟฟ้าในบางโอกาส แต่ส่วนมากผมชอบนั่งรถเมล์ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน มันไม่สะดวกหรอก ผมแค่ออกมาก่อนเวลามากก็เลยนั่งรถเมล์ได้ไม่ต้องรีบร้อนอะไร 

    "ขิงทางนี้" กลุ่มเพื่อนๆที่นั่งรอกันอยู่ที่โรงอาหารสามคนตะโกนเรียกกันยกใหญ่ จนนักศึกษาโต๊ะอื่นๆหันมามอง 

    "เบาๆครับ เกรงใจคนอื่นเขา" ผมนั่งลงข้างเพื่อนผู้หญิง 

    "ทำไมวันนี้สายกว่าทุกวัน" มะนาว สาวสวยประจำกลุ่มถามขึ้น 

    "ก็รอทานข้าว"  ผมตอบออกไป 

    "รอทานข้าวรึว่ารอเจ้าของบ้านเอาดีๆ"  ริน สาวผมสั้นมาดเท่กระเซ้าผม 

    "รอทานข้าวสิ จะรอเจ้าของบ้านเพื่อ.."  ผมรีบถามกลับจนเหมือนว่าจะลนลานรีบตอบ

    "ก็เพื่อเป็นกำลังใจในการเรียนไงครับเพื่อนขิง"   คราวนี้ เอก เอ่ยขึ้นมาบ้างหลังจากนั่งฟังสองสาวเพื่อนสนิทถามโน่นนี่นั่น 

    "กำลังใจบ้านนายน่ะสิ ใครเขาจะอยากได้"  ผมหน้าบึ้ง 

    "ก็เพื่อนขิงไงครับ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่"  เอกไม่ยอมแพ้ 

    "ไหน ใครคิดอะไรบอกมาซินายเอก"  ผมย้ำคำพูดช้าๆชัดๆ

    "ก็แบบว่า..."  เอกอึกอักเหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้า

    "แบบไหน ถ้าพูดไม่เข้าหูวันนี้จะไม่ช่วยทำงานที่ค้างอยู่" 

    "เอ้า แบบนี้ไม่ได้นะครับพี่ขิง งั้นเอกไม่พูดแล้วครับ"

    "พอได้แล้วจ้าหนุ่มๆ เราว่าไปสั่งอาหารมากินกันก่อนไหม ใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้วเดี๋ยวก็สายอีกหรอก คราวก่อนแทบจะถลาเข้าห้อง จนอาจารย์อยากจะดุเอา" มะนาวห้ามเพื่อนทั้งสอง พร้อมกับลุกจากเก้าอี้ 

    "เราไปด้วยนาว อยากกินข้าวไข่เจียวกุ้งสับ"  รินลุกตามมะนาวไป 

    "แต่เราอยากกินหมูทอดกระเทียม รอเราด้วยสิสองสาว"  เอกลุกเดินตามไปอีกคน จนเหลือเพียงผมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียว 

    "พี่ขิง วันนี้ไม่ทานข้าวเหรอครับ" ชายหนุ่มผิวเข้มหน้าตาหล่อเหลา ใส่เสื้อช็อปบ่งบอกว่ามาจากคณะไหน พร้อมเพื่อนอีกสองเดินเข้ามาทักทายและถามขึ้น พร้อมกับนั่งลงยังเก้าอี้ว่างข้าง ๆกัน 

    "ผมทานมาจากบ้านแล้ว"  ถึงจะต่างคณะแต่ก็สถานศึกษาเดียวกัน ผมจึงไม่เคยที่จะทำท่ารังเกียจหรือว่าไม่ชอบใจ ถ้ามีใครสักคนมาทัก ถึงในใจจะไม่ยินดีก็ตาม แต่ก็ไม่เคยแสดงมันออกมานอกหน้า แม้กระทั่งกับหนุ่ม ๆเหล่านี้ ที่หมั่นมาทักมาถามมาขายขนมจีบแทบจะทุกครั้งที่เจอกัน 

    "น่าจะรอทานพร้อมผมนะครับ จะได้อร่อย ผมว่าพี่ขิงทานคนเดียวคงเหงาแย่"  

    "ไม่เหงาหรอกครับ ผมมีคนที่รอทานด้วยทุกวัน"  ขอเอาพี่จันทร์มาอ้างหน่อยเถอะ เพราะส่วนมากแล้วผมจะได้ทานข้าวพร้อมพี่จันทร์บ่อยที่สุด 

    "แต่ที่ผมทราบมา ได้ข่าวว่าพี่ขิงอยู่คนเดียวนี่ครับ หรือว่าไม่ใช่"  รุ่นน้องตัวโตในช็อบสีเลือดหมูยังไม่ยอมแพ้ จะล้วงลึกให้ได้ใช่ไหม 

    "เปล่านี่ครับ ผมอยู่กับพี่ชายน่ะ"  พี่ชายที่ไม่เจอหน้ากันมาเป็นสัปดาห์แล้ว 

    "อ่อ ครับ แสดงว่าผมเข้าใจผิดสินะ งั้นผมไปสั่งข้าวก่อนนะครับ พี่ขิงอย่าเพิ่งขึ้นเรียนนะ รอผมก่อน" เมื่อรุ่นน้องต่างคณะจากไป ผมได้แต่ส่ายหน้า รอเพื่อนๆกลับมาจากร้านขายข้าว ผมจึงล้วงมือถือในกระเป๋าออกมาเล่นพลางๆ 

    ​​​​​​​​​​​

    ข่าวซุบซิบวันนี้ ประธานบริษัทหนุ่มหล่อ ควงสาวไฮโซทานข้าวเมื่อวานตอนค่ำ มีคนแชะภาพเอาไว้ได้ว่า มีการพูดคุยกระหนุงกระหนิง และหยอกล้อกันไปด้วยขณะทานข้าว ช่างเป็นภาพที่น่าอิจฉาจริงๆ

    "..."  ผมได้แต่มองตามตัวหนังสือที่นักข่าวเขียนลงในเพจข่าว และอ่านมันวนไปมาหลายรอบ พร้อมกับดูภาพประกอบไปด้วย 

    "อ่านอะไรอะขิง หน้ายุ่งเชียว"  มะนาวเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับจานข้าวและแก้วน้ำหวานในมือ พอวางจานข้าวได้แล้วก็ถามผมขึ้นมาด้วยท่าทีสนใจ

    "เปล่านี่ อ่านเรื่องทั่วๆไป" ผมรีบปฏิเสธและกดออกจากหน้าที่กำลังอ่านอยู่ทันทีก่อนที่เพื่อนจะเห็นว่ากำลังดูอะไรอยู่ 

    "แต่หน้าขิงมันยุ่งจริงๆนี่นา หรือว่าวันนี้นอนไม่พอ หรือว่ายังไม่หายเคืองไอ้เอกมัน"  มะนาวยังกังวลกับท่าทีของเพื่อนสนิทอย่างผม 

    "มีอะไรรึนาว"  รินกลับมาถึงโต๊ะและเห็นผมกับมะนาวมีท่าทางแปลกๆจึงได้ถามขึ้นด้วยความสงสัย

    "ก็ขิงน่ะริน ดูอะไรในโทรศัพท์อยู่ก็ไม่รู้ เราเห็นทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว"  มะนาวบอกรินที่กำลังวางจานข้าวพร้อมกับนั่งลงจ้องหน้าผม 

    "เปล่าดู แค่อ่านอะไรนิดหน่อยเอง"  ผมรีบบอกก่อนที่ทั้งสองสาวจะซักไซ้ไล่เรียงมากไปกว่านี้ 

    "ให้มันจริง ไม่ใช่ดูข่าวซุบซิบนินทาพวกดาราหรือว่าไฮโซทั้งหลายควงคนหล่อๆไปกินข้าวหรอกนะ" รินว่าเข้าให้เหมือนอยากจะบ่น

    "..."

    "เฮ้ย!! รึว่าจะใช่ เมื่อเช้าเราก็เห็นอยู่ ว่ามีข่าวสาวสวย อุ๊บ"  รินโพล่งขึ้นมา จนมะนาวเอามือปิดปากแทบจะไม่ทัน ก่อนที่นางจะพ่นสิ่งที่สองสาวแอบส่องก่อนที่เพื่อนจะมาถึง

    "ข่าวใครก็ช่างสิ ไม่เกี่ยวกับเราเสียหน่อย" ผมพูดแทรกขึ้นมา และทำหน้าบูดหันไปทางอื่น

    "เอาแล้วไงล่ะ งานเข้าไหมล่ะนั่นยัยริน"  มะนาวได้แต่ถอนหายใจและหันไปต่อว่าเพื่อน ก่อนที่จะลงมือทานข้าวอย่างเงียบๆ

    "แล้วทำไมเอกไปนานจัง"  รินแกล้งถามหาเพื่อนอีกคนที่ยังมาไม่ถึง

    "มาแล้วจ้าสาวๆ มีอะไรกันรึ หรือว่าคิดถึงเรา"  เอกมาพร้อมกับจานข้าวหมูทอดกระเทียมหอมกรุ่น 

    "เล่นให้มันดูหน้าเพื่อนก่อนนะเอก ดูเพื่อนแกสิ นั่งหงอยเป็นหมาโดนทิ้งขนาดนั้น"  รินรีบบอกและทำปากบุ้ยใบ้มาทางที่ผมนั่งอยู่ 

    "ขิงเป็นอะไรครับ ไหนลองบอกพี่เอกมาซิ เผื่อพี่เอกจะช่วยได้"  ก่อนไปซื้อข้าวยังเป็นน้องเอกอยู่เลย พอกลับมาไหงน้องกลายมาเป็นพี่เอกสะงั้น ผมล่ะงงกับเพื่อนตัวเอง 

    "ไม่มีอะไรมากหรอกน่า รีบทานข้าวเหอะ ใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ใครช้าไม่รอนะครับ"  ผมรีบบอกให้เพื่อนทุกคนสบายใจ เรื่องของตัวเองเก็บเอาไว้ก่อน 

    "ไม่มีมีอะไรมากแสดงว่ามี ใช่ไหมครับคุณมะนาวคุณริน"  

    "อือ"  มะนาวกับรินพยักหน้ารับพร้อมกัน 

    "งั้นหลังเลิกเรียน เราค่อยประชุมกันอีกทีนะครับสาวๆ"  เอกรีบทานข้าวก่อนที่จะสายมากไปกว่านี้ 

     

    "ตกลงว่าเมื่อเช้า ขิงเห็นข่าวที่คุณกันย์ไปทานข้าวกับสาวใช่ไหม ถึงได้นั่งหน้าหงอยขนาดนั้น"  เมื่อเลิกเรียนในตอนบ่าย สี่คนเพื่อนสนิทซึ่งมีสองหนุ่มกับสองสาว ก็เดินคุยกันเบาๆลงมาจากตึกเรียน เอกกำลังถามรินที่เดินเคียงคู่กันมาข้างหลังผม และผมที่เดินนำหน้ามาก่อนกับมะนาว 

    "ใช่แหละมั้ง ก็มะนาวสรุปว่าแบบนั้นนี่" เสียงรินคาดคะเน 

    "นี่ล่ะน้า แอบชอบเขาก็ไม่ยอมบอก แล้วเขาจะรู้ไหมล่ะ ว่ามีคนกำลังจะอกหักเพราะเขาควงคนอื่น" เอกพูดขึ้นมาลอยๆโดยที่หวังว่าผมที่เดินนำหน้าคงจะได้ยิน 

    "ไม่มีใครอกหักทั้งนั้นล่ะ เรื่องของเขาไหม เขาจะควงใครก็เรื่องของเขาสิ เราก็อยู่ของเราแบบนี้มาตั้งนานแล้ว"  ผมหันกลับมาบอกเพื่อนที่เดินตามหลังทั้งสองคน 

    "ก็เพราะอยู่มานานไง ทำไมไม่ยอมทำอะไรให้มันชัดเจน บอกเขาสิ ถ้าเขาปฏิเสธค่อยถอยออกมา และตั้งหลักใหม่ แต่ถ้าเขาใจตรงกันก็จะได้สานความสัมพันธ์ต่อไปได้ หรือว่าขิงไม่ต้องการ" คราวนี้มะนาวออกเสียงบ้างและถามความคิดเห็นของผม 

    "เราแค่ไม่อยากให้เขาลำบากใจ อีกตั้งปีกว่าจะเรียนจบ ถ้าสารภาพไปแล้วเขาไม่คิดอะไร แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ บ้านก็อยู่ไกล คอนโดก็ไม่มีให้อยู่"  ผมบอกเพื่อนไปถึงเหตุและผลที่ผมยังคงไม่ยอมทำอะไรให้มันชัดเจนถึงความรู้สึกของตนเองที่มีต่อเจ้าของบ้านที่ผมมาอาศัย

    "ขิงไปอยู่กับเราก่อนก็ได้ แล้วก็เดินหน้าชนให้เต็มที่ เราก็อยากรู้เหมือนกันว่างานนี้มันจะออกหัวหรือก้อย" เอกมีคอนโดอยู่ใกล้ๆสถานศึกษาแห่งนี้ ห่างไปแค่ไม่กี่ป้ายรถเมล์ แต่ผมก็ไม่ได้อยากรบกวนเพื่อนขนาดนั้น หรือว่าอันที่จริงผมแค่ไม่อยากอยู่ห่างจากคุณกันย์ก็ไม่รู้ ผมจึงเฝ้าแต่ปฏิเสธเอกอยู่ตลอด ทั้งที่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอกชวนผม 

    "ไม่ดีกว่า อยู่อย่างนี้ล่ะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ไม่มีอะไรหรอกน่า เราอยู่ได้"  เพื่อนทั้งสามจึงได้แต่ส่ายหน้าให้กับความคิดของผม 

     

    เราทุกคนออกมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย ไม่มีใครเอารถยนต์มาสักคน ทั้งๆที่เพื่อนทั้งสามก็มีรถขับ ยกเว้นผมที่ต้องอาศัยรถโดยสารสาธารณะ เพราะแม่กับพ่อเคยบอกว่าให้เรียนจบมีงานทำก่อน ถึงจะยอมให้หารถมาขับเอง ตอนนี้ก็ให้ใช้ชีวิตแบบคนที่เขาไม่มีอะไรลองดูก่อน ถ้าทนไม่ได้หรือไม่ไหวจริงๆแล้วท่านทั้งสองถึงจะยอมออกรถให้สักคัน ซึ่งผมก็ไม่ได้ลำบากอะไร ยังไงก็ได้อยู่แล้ว ขึ้นรถเมล์ก็ดี ไม่มีอะไรเสียหาย และบางวันถ้าเจ้าของบ้านใจดีก็ยังอุตส่าห์มาส่งถึงสถานที่เรียน แต่ก็นับครั้งได้ในเวลาสามปีที่อยู่ด้วยกันมา

    พอรถเมล์มาจอดเราทั้งสี่ก็รีบขึ้น ก่อนที่รถจะออกจากป้าย คอนโดเอกถึงก่อน แล้วถึงตามด้วยหอพักของสองสาว เพราะว่าทั้งสองคนพักหอเดียวกันตั้งแต่ขึ้นปีสอง และบ้านผมอยู่ไกลกว่าเพื่อนที่สุด  บ่ายวันศุกร์รถเริ่มจะติด แต่พวกเราไม่รีบไปไหน จึงไม่มีใครทุกข์ร้อนเรื่องของการคมนาคมสักเท่าไหร่

    เมื่อรถจอดป้ายหน้าคอนโดของเอก เพื่อนผู้ชายเพียงคนเดียวของพวกเราก็ก้าวลงรถไป 

    "บายนะเพื่อนๆ เจอกันวันจันทร์"  เอกโบกมือให้เมื่อรถเคลื่อนไปข้างหน้า 

    "ขิงแวะห้องเราก่อนไหม" มะนาวหันมาถามเมื่อใกล้จะถึงป้ายหน้า 

    "ไม่ล่ะมะนาว รินด้วย วันนี้เราว่าจะโทรหาแม่กับพ่อสักหน่อย เพราะว่าอาทิตย์นี้เราไม่ได้กลับบ้าน คุณยายกับคุณตาของคุณกันย์ท่านชวนไปห้างซื้อของ"  ผมบอกเพื่อนทั้งสองที่เตรียมตัวลงเมื่อรถใกล้จะเข้าจอดป้าย

    "งั้นบายนะจ๊ะ เจอกันวันจันทร์นะ" 

    "อื้อ เจอกันวันจันทร์"  ผมยกมือบ๊ายบายตอบเพื่อนที่ลงรถไปแล้ว 

     

    ลงจากรถเมล์ได้ ผมก็เดินมาอีกหน่อยก็ถึงหน้าหมู่บ้าน และรปภที่นี่คุ้นเคยกันดีกับผม ผมทักทายพี่รปภ ก่อนที่จะเดินต่อไปอีกนิด 

    บ้านสองชั้นขนาดกลางตั้งอยู่ในเขตรั้ว และห่างจากถนนในหมู่บ้านประมาณสามร้อยเมตร มองเลยเข้าไปทางขวามือมีบ้านหลังใหญ่ตั้งโดดเด่นมองเห็นได้จากนอกรั้ว ผมเดินเข้าประตูเล็กด้านข้าง เพราะไม่อยากกดกริ่งเรียกพี่จันทร์ให้มาเปิด เดินตามทางเดินมาถึงหน้าบ้าน ก็แอบดีใจเมื่อเหลือบไปเห็นว่ารถยนต์คันหรูจอดอยู่ในที่จอดรถ 

    "สวัสดีครับ"  ผมเดินเข้าบ้านมาก็เจอชายหนุ่มเจ้าของบ้าน นั่งดูอะไรอยู่ในแม็คบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา 

    "อืม"  คุณกันย์เงยหน้ามาดูผมนิดหนึ่ง ก่อนที่จะตอบรับในลำคอ และก็ก้มหน้าลงไปอีกรอบ

    "วันนี้คุณกันย์ไม่ได้ไปทำงานหรือครับ หรือว่ากลับมาแล้ว"  ผมอดที่จะถามไม่ได้ ก็นานหลายวันแล้วนี่นาที่ไม่เคยได้เห็นหน้ากันเลย 

    "กลับมาแล้ว ปวดหัวนิดหน่อย"  เขาตอบกลับมาแต่ว่ายังไม่เงยหน้าจากจอ 

    "ปวดหัวเหรอครับ แล้วทานข้าวทานยาหรือยัง พี่จันทร์อยู่หรือเปล่า"  ผมถามด้วยความเป็นห่วง 

    "กินแล้ว"  เขาตอบอีกคำถาม แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากสิ่งที่กำลังดูอยู่ 

    "แล้วทำไมไม่นอนพักล่ะครับ แล้ว.." คราวนี้เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมและพับฝาแม็คบุ๊คลงไป ผมจึงรีบหยุดและเอามืออุดปากตัวเองทันที "ผมขอโทษที่ถามมากนะครับ" ผมยกมือไหว้คนที่นั่งหน้านิ่งและจ้องตามาทางผมโดยที่ไม่ยอมหลบไปไหน 

    "มาถึงก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หาอะไรในครัวกินซะ จะมาถามอะไรนัก" เขาบอกและนั่นทำให้ผมรีบออกมาจากตรงนั้นทันที ก่อนที่จะโดนเขาว่าไม่มีมารยาทและน่ารำคาญ ถามโน่นนี่นั่นอยู่ได้  ก็คนมันดีใจนี่นาวันนี้กลับมาได้เจอเขาด้วย แถมยังได้คุยกันตั้งหลายประโยค 

    "ครับผม"

    ผมอาบน้ำด้วยความอารมณ์ดีมีความสุข ก็คุณกันย์นานๆจะอยู่บ้านสักที และนั่นมันทำให้ผมลืมเรื่องราวในข่าวที่เมื่อเช้าบังเอิญเปิดเจอ ผมแต่งตัวเรียบร้อยใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วผมก็เดินลงมาจากชั้นสองของตัวบ้าน มองหาพี่จันทร์ก็ไม่เห็นหรือว่าจะไปบ้านใหญ่ ไม่เป็นไรเข้าครัวเองก็ได้ พอดีอยากกินขนมหวานแบบไทยๆ แต่ต้องดูก่อนว่าในครัวมีวัตถุดิบอะไรให้ทำขนมไทยได้บ้าง 

    ผมค้นหาของในครัว เจอฟักทองครึ่งลูก แต่ไม่มีกะทิ มีน้ำตาลทรายแดงอยู่ครึ่งถุงคงพอได้ ทำฟักทองเชื่อมสักหน่อยก็แล้วกัน ว่าแล้วก็จัดการล้างฟักทองก่อนที่จะหั่นเป็นชิ้นใหญ่หน่อย และนำน้ำตาลใส่หม้อเติมน้ำนิดหน่อยกะว่าพอให้ท่วมฟักทอง และนำฟักทองที่หั่นไว้แล้วใส่ลงไป เปิดไฟอ่อนเคี่ยวบนเตานานพอสมควรจนฟักทองเป็นสีน้ำตาลเข้ม และน้ำตาลเริ่มเหนียวจึงยกลงจากเตา ตักใส่จานสามชิ้น ในเมื่อกะทิไม่มีแต่มีนมสด ผมจึงใช้นมสดราดลงบนฟักทองเชื่อมนิดหน่อย สีขาวของนมตัดกับสีน้ำตาลเข้มสวยงามน่ากิน และกลิ่นก็หอมน่ารับประทาน 

    ผมยกจานฟักทองเชื่อมออกมาจากในครัว กะว่าจะมานั่งกินตรงโซฟาและเปิดทีวีดูรายการเพลงสักรายการ แต่คนที่นั่งอยู่ก่อนทำให้ผมชะงัก 

    "คุณกันย์ทำไมยังอยู่ตรงนี้ล่ะครับ ผมนึกว่าคุณขึ้นบ้านไปนอนแล้ว"  ผมอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ ก็นั่นมันที่ประจำผมนี่นาเวลาเลิกเรียนกลับมาน่ะ 

    "เธอถืออะไรมา"  เขาชายตามามองผมสักพักก่อนที่จะหลบสายตาไปทางอื่น แล้วสิ่งที่ผมถามก็ไม่ได้คำตอบกลับมา 

    "ฟักทองเชื่อมครับ"  ผมตอบพร้อมมองจานขนมในมือ 

    "ทำเอง?" เขาถามขึ้นอีก 

    "ครับ ทำเอง"  คราวนี้ความภาคภูมิใจมาเต็ม ก็ผมทำเองนี่นา 

    "กินได้หรือไง"  วันนี้มาแปลกเว้ย ถามหลายอย่างแล้วนะ 

    "ได้สิครับ คุณกันย์ลองชิมไหม" ผมรีบเสนอ 

    "ไม่ล่ะ"  อ้าว ไม่ลองชิมจะรู้เหรอว่ากินได้หรือไม่ได้ 

    "ไม่หวานมากนะครับ ผมไม่ใส่น้ำตาลเยอะ คุณกันย์ลองดูสักคำก่อนก็ได้ ถ้าไม่อร่อยค่อยเททิ้ง"  ผมยืนยันเรื่องความไม่หวาน 

    "งั้นเอามาสักชิ้นสิ"  อุ๊บ!! แม่เจ้า ไอ้ขิงเกือบจะตะโกนลั่น นี่ยอมกินใช่ไหม 

    "ได้ครับ เดี๋ยวผมไปตักมาให้ใหม่" ผมรีบวางจานของตัวเองลงบนโต๊ะกระจกทันที  

    "ไม่ต้อง เอาจานนี้นั่นล่ะ ฉันแค่จะชิมนิดหน่อย"  เขาว่าขึ้น 

    "งั้นผมไปเอาช้อนมาใหม่นะครับ อันนี้ยกให้คุณกันย์"  ผมวางช้อนในมือลงบนจาน ก่อนที่จะเดินเข้าครัวไปหยิบช้อนคันใหม่ออกมา 

    "...."  

    ผมอ้าปากค้าง นึกคำพูดอะไรไม่ออก เมื่อมองดูฟักทองในจานที่หายไปชิ้นหนึ่งกับอีกคำที่กำลังอยู่ในปากเจ้าของบ้าน ผมนั่งลงบนพื้นข้างๆโซฟา และมองดูคุณกันย์ที่ตอนนี้ตักฟักทองชิ้นที่สองเข้าปากและหันหน้ามามองผม ด้วยสายตาชวนสงสัย 

    "ทำไมเธอไม่กิน หรือว่าไม่อยากกินแล้ว" เขาพูดหน้าตาเฉย และนั่งใช้ช้อนตักฟักทองเข้าปากไปเรื่อยๆ 

    "อร่อยไหมครับ"  ผมอดถามไม่ได้เมื่อเจ้าขนมหวานที่ผมทำเองกับมือหายไปแล้วถึงสองชิ้น 

    "อืม พอกินได้"  ตอบซะน่าหมั่นไส้ ขนาดพอกินได้คุณเขายังไม่ยอมหยุดกิน และผมก็นั่งยิ้มหน้าบานอยู่ตรงนี้ไม่ยอมขยับไปไหน

    "ยิ้มอะไรนักหนา"  เขาว่าขึ้นเมื่อวางช้อนลงแล้ว และนั่นทำให้ผมหุบยิ้มฉับและลุกพรวดพราดขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว 

    "เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้นะครับ"  ผมรีบโกยอ้าวเข้าครัวทันที เปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมาก่อนที่จะโดนคุณเขาว่าอืดอาด ออกมาจากครัวก็รีบยื่นน้ำเปล่าแช่เย็นขวดเล็กในมือให้คุณเขาทันที

    "ขอบใจ" คุณกันย์เปิดขวดน้ำและยกดื่มเกือบหมดขวดในรวดเดียว เมื่อดื่มน้ำเสร็จแล้วเขาก็ยังมองหน้าผมไม่ละสายตา  "ขนมที่เธอทำอร่อยดี"   เขาพูดอุบอิบในลำคอพร้อมกับยกน้ำดื่มอีกครั้งจนหมดขวด 

    "ขอบคุณครับ"  คราวนี้ผมยิ้มจนเต็มหน้า นี่มันความสุขชัดๆ ความสุขที่สุดในชีวิตตั้งแต่ที่รู้จักคุณกันย์มาเลยนะ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะจดบันทึกไว้ว่าฟักทองเชื่อมคือขนมที่ทำให้หัวใจผมมีความสุข และเป็นขนมที่ทำให้ผมได้มีโอกาสคุยกับคุณกันย์ในวันนี้ มากกว่าสามปีที่ผ่านมารวมกันเสียอีก 

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×