ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุ้นรักพนันหัวใจ คุณชายขี้เก๊ก

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 +++ รองเท้าบิน (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 49


    คิดผิด!!!!

    ฉันร้องในใจทันทีที่ฉันก้าวเท้าเหยียบสนามบินเกาหลี

    บ้า ฉันต้องบ้าแน่ๆ

    ฉันยืนหงุดหงิดหัวเสียกับความบ้าของตัวเองขณะรอป้ามารับที่สนามบิน ด้วยการตัดสินใจบ้าๆ เพราะเรื่องช็อกโลกเมื่อเพื่อนซี้ดันเป็นแฟนกับคนรัก โอ้วววว โลกนี้จะมีใครน่าสงสารเท่าฉันอีกเนี่ย

    ฉันมองบรรยายกาศรอบๆ แล้วต้องถอนหายใจ โอ้ยยยย เพราะการตัดสินใจบ้าๆ แท้ๆ เลย ขณะที่ฉันกำลังยืนด่าตัวเองจู่ๆ ก็มีคนวิ่งชนฉันไปแล้วฉันก็รู้สึกถึงแรงกระชากบางอย่าง

    แรงกระชาก? ฉันก้มลงมองแขนตัวเอง แล้วก็เงยหน้ามองผู้ชายสวมหมวกที่เพิ่งวิ่งผ่านไป

    นั่นมัน... ฉันมองกระเป๋าที่ผู้ชายคนนั้นถือ และ...

    กระเป๋าฉัน!!!!!!

    ฉันรีบวิ่งตามไอ้บ้านั่นทันที นี่มันในสนามบินนะ ถึงจะอยู่ด้านหน้าก็เหอะ ทำไมไม่มียามซักคนเลยนะ

    "หยูดดดดดนะ!!!" ฉันตะโกนเสียงดังลั่น และคนก็เริ่มหันมามองการวิ่งไล่จับที่กำลังน่าลุ้นได้ที่

    ช่างเป็นประสบการณ์การเยือนเกาหลีที่ดีจริงๆ ให้ตายซิ วิ่งไล่จับโจรกระชากกระเป๋าเนี่ยนะ ทำไมไม่เป็นคนอื่น ทำไมต้องช้านนนนนนนนน

    โธ่เว้ย ทำไมวิ่งเร็วจังว่ะ เอาว่ะ ยังไงก็ไม่หยุดใช่มั้ย

    เพราะมันไม่ยอมหยุดวิ่งแล้วฉันก็เหนื่อยแล้วด้วย ดังนั้นฉันจึงถอดรองเท้าออกมาข้างนึงแล้วก็เล็ง และ

    ฟิ้วววววววว

    ตุ๊บ

    "โอ้ยยยยย" เสียงผู้ชายคนนึงร้องขึ้น

    "ซวยล่ะหว่า" แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามานั่งขอโทษ เอาไว้ฉันจะมาขอโทษที่หลังล่ะกัน ฉันรีบถอดรองเท้าอีกข้าง และวิ่งตรงต่อไปอีก แต่ฉันชะลอตอนจะผ่านหน้าเขา

    "ฝากก่อนนะเดี๋ยวมาเอา" ฉันพูดแค่นั้นก็วิ่งตามไอ้ขโมยงี่เง่า และ

    ฟิ้วววววววว

    ตุ๊บ

    "โอ้ยยยยยย" มันร้องลั่น เพราะรองเท้าลอยไปหล่นกลางหัวมันพอดี

    เยส!!!!!

    "แก" ฉันวิ่งมาหยุดตรงหน้าโจรกระชากกระเป๋าด้วยอาการหอบสุดๆ

    "เธอจะบ้ารึไง!!!" มันร้องลั่น พลางเอามือลูบหัวตัวเอง

    "แกซิบ้า! ดันมาขโมยกระเป๋าฉัน" ฉันแว๊ดกลับ ไอ้บ้านี่ท่าทางจะประสาท

    "ก็แค่กระเป๋า ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย" มันร้องอีก

    "เออ ให้เป็นกระเป๋าแกบ้างเซ่!!!" ฉันว๊ากอีก ไอ้บ้านี่ท่าทางจะประสาทจริงๆ แหะ เอาเถอะ เขาว่าอย่าเอาเรื่องคนบ้า อย่าว่าคนเมา อย่าต่อปากกับคนประสาท (มีเปล่าหว่า)

    "มีอะไรรึเปล่าครับ?" จู่ๆ ก็มีเสียงนึงดังขึ้น ฉันหันขวับไปมองทันที

    ลุงรปภ.นั่นเอง ฉันมองหน้าลุงรปภ.อย่างเซ็งๆ ตอนที่ฉันวิ่งไล่โจรเป็นหนังอินเดียลุงไปอยู่ซะที่ไหนเนี่ย

    "นายนี่กระชากกระเป๋าฉัน และไม่เป็นไร ขอบใจที่ช่วย!!!!" ฉันบอกพลางก้มลงหยิบกระเป๋ากับรองเท้าแล้วสะบัดหน้าเดินออกมาทันที

    ฉันเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งผู้ชายคนนึงมายืนขวางหน้าฉันไว้

    "ขอโทษคะ" ฉันพูดโดยที่ไม่มองหน้าเขาพลางหลบไปทางซ้าย แต่เขาก็มาขวางหน้าฉันอีก พอฉันเบี่ยงขวาเขาก็ขวางอีก ฉันจึงเงยหน้าและมองเขา

                    โอ้ววววว หล่อบรรลัยเลย (นี่คำจำกัดความของพระเอกจริงเหรอเนี่ย~~ผู้แต่ง)

                    ทำไมหล่อย่างนี้อ่ะ ฉันมองผู้ชายตรงหน้าแล้วต้องอ้าปากค้าง เขาสูงมากทีเดียว คงราวๆ  180 เซนฯ แน่ๆ เพราะฉันเองก็สูงตั้ง 176  เซนฯ แต่หัวฉันก็ยังอยู่แค่ไหล่เขา ผมสีดำสนิทเส้นเล็กละเอียดที่พริ้วตามแรงลม ตาสีเขียว โอ้ว... เขามีตาสีเขียวที่สวยมากเลย ผิวก็ขาวมาก ปากเรียวสวย เขาช่างดูน่ารักน่าปล้ำจริงๆ เลย  โอ้ยยย คิดแล้วน้ำลายไหล

    "รองเท้า" เขาพูดพลางส่งรองเท้ามาให้ฉัน

    และฉันก็ถึงบางอ้อว่าทำไมเขาถึงมาขวางทางฉัน

    "ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่...คุณดันมาขวางทางเอง" ฉันพูด แต่รู้สึกไอ้ประโยคหลังเนี่ยคงไม่ถูกใจเขาเท่าไหร่

    "ความผิดฉันงั้นซิ" เขาพูดเสียงเรียบพลางจ้องหน้าฉัน

    เรายืนจ้องตากันอยู่นาน ฉันยังสงสัยว่าถ้าฉันเป็นปลากัดป่านนี้ฉันคงท้องไปแล้ว แต่โชคดีที่ไม่ใช่

    "ชิน" เสียงผู้หญิงคนนึงดังขึ้นด้านหลังเขา ทำให้เขาเลิกจ้องหน้าฉัน

    เฮ้ออออ ค่อยหายใจได้หน่อย ตอนที่โดนเขาจ้องบอกตรงๆ ว่ากลัวจริงๆ มันเย็นชาไร้ความรู้สึกไปหมด มีคนแบบนี้ในโลกด้วยรึไง

    แล้วฉันก็เห็นเจ้าของเสียงที่หวานราวน้ำตาล เธอดูน่ารักดีทีเดียว แต่เหมือนเธอจะมีเรื่องกลุ้มใจอยู่ เพราะเธอดูกังวลพิกล

    "มาทำไม บอกให้รอก่อน" เขาหันไปพูดกับเธอ

    "ก็เห็นวิ่งหายมา ก็เลยเดินมาตาม" เธอพูดพลางมองมาทางฉัน

    เขามองตามเธอก่อนจะพูดขึ้นว่า

    "เจ้าของรองเท้า แถมยัยนี่ยังว่าฉันว่า ฉันไปยืนขวางทางรองเท้าเธอด้วย" เขาพูด

    ยัยนี่ ผู้ชายคนนี้มีสิทธิอะไรมาเรียกฉันว่ายัยนี่

    "มันไม่สุภาพเลยนะคะ ที่คุณเรียกฉันว่ายัยนี่ ฉันบอกแล้วว่าขอโทษ แต่คุณก็ต้องโทษตัวเองด้วย ที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ เอาหัวมาขวางทางรองเท้าฉัน" ฉันว่างานนี้คงมีปะทะฝีปากกับผู้ชายคนนี้แน่ๆ ให้ตายซิแต่ละคำที่ออกจากปากไม่เห็นสวยเหมือนหน้าเลย

    "ฉันเอาหัวไปขวางทางรองเท้าเธอเนี่ยนะ" เขาถามเสียงหลง

    "ใช่ซิ แล้วอีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะนาย (อัพเกรดแล้ว) ฉันคงไม่ต้องถอดรองตั้งสองข้างแบบนี้" เป็นไงล่ะเล่นกับใครไม่เล่น เล่นกับเจ้าแม่ปากจัด

    "ไม่ใช่เพราะเธอเอ๋อจนโดนกระชากกระเป๋าเหรอ" เขาถามพลางยิ้มอย่างเยาะๆ

    หน็อยยยยยยย เอ๋อ นายว่าฉันเอ๋อเหรอ

    "นายอยากมีเรื่องใช่มั้ย" ฉันถามเสียงกร้าว คนยิ่งหงุดหงิดอยู่ด้วย ได้ระบายอารมณ์กับนายหน้าอ่อนนี้ก็ดีเหมือนกันแฮะ ถึงจะเสียดายหน้าตาสวยๆ ก็เหอะ

    "ยัยเตี้ยอย่างเธอเนี่ยนะ" เขาพูดพลางมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า

    เตี้ย นายว่าใครเตี้ย ฉันเนี่ยนะเตี้ย ฉันนะจะสูงเป็นเสาไฟฟ้าอยู่แล้วนะ แล้วที่ว่าเตี้ยเนี่ย ทำไมนายไม่มองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ นาย เธอดูยังไงก็ไม่พ้น 165 หรอก

    "ทำหน้าเหมือนกาน้ำจะเดือด ระวังควันจะออกหูนะ" เขาพูดอีก

    ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    ทีนี้ล่ะมีเดือดจริงๆ แน่ ฉันกำหมัดแน่นก่อนจะปล่อยออกไปอย่างแรง

    "ชิน!!!"  ผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาร้องเสียงหลง

    หมั่บ

    เฮือกกกกกกกกกกกกก

    หมอนี่รับหมัดฉันได้สบายๆ เลยเนี่ยนะ แถมยังทำหน้าไม่ทุกข์ร้อน ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นทำท่าจะเป็นลมอยู่แล้ว

    "คิดว่าไอ้หมัดน้อยๆ ของเธอจะทำอะไรฉันได้ ยัยเตี้ย" เขาถามพลางยิ้มอีก

    ฉันพยายามจะดึงมือตัวเองกลับแต่มันก็ทำได้ไม่ง่ายเลย เพราะมือนายบ้านี่เหนียวแน่นหนึบอย่างกะปลาหมึกยักษ์ หวังว่าเขาจะไม่พ่นน้ำหมึกใส่หน้าฉันนะ

    "ไม่รู้จักเจียมตัว ยัยเตี้ย! ทีหลังก็หัดรู้จักซะมั้งว่าควรหาเรื่องกับใคร เอาเป็นคนที่เขาเตี้ยกว่าเธอจะดีกว่า แต่...จะมีเหรอผู้หญิงที่เตี้ยกว่าเธอนะ" พอเขาพูดจบผู้หญิงคนแรกที่เตี้ยกว่าฉันก็ฟาดฝามือใส่แขนเขาดังป๊าบเบ่อเร่อ

    ส่วนฉันเหมือนโดนน้ำหมึกปลาหมึกยักษ์พ่นใส่ ทุกอย่างมันมืดไปหมด ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนปากจัดได้เท่านี้ แถมยังแรงควายอีกต่างหาก ถ้าหากฉันมีไม้ล่ะก็ นายนี่หัวแบะแน่

    "มองหน้าฉันอย่างนั้นมันก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้หรอกนะ ขอโทษฉันซะดีๆ"

    "เรื่องอะไร ต่อให้ตายฉันก็ไม่ขอโทษคนอย่างนายหรอก!!" ฉันร้องลั่น พร้อมพยายามแกะมือตัวเองออก ฉันทั้งข่วนทั้งจิก แต่ดูเหมือนมันจะทำอะไรหนังควายของเขาไม่ได้เลย

    "ชิน ฉันจะตกเครื่องนะ" เธอพูดขึ้นหลังจากเราจ้องตากันอยู่นาน

    ฉันว่าถ้าเธอไม่พูดล่ะกันฉันจะท้องจริงๆ แล้วนะเนี่ย ชาติที่แล้วนายนี่ต้องเป็นปลากัดแน่ๆ ทำไมชอบจ้องหน้าจัง

    "ก็ได้ วันนี้เธอโชคดี ถ้าเจอกันคราวหน้าฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่" เขาพูดก่อนจะปล่อยมือฉัน แล้วก็หันหลังเดินไปเลย ปล่อยให้ฉันยืนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงคนเดียว

    นี่มันวันอะไรกันว่ะเนี่ย!!!

    และมันก็ยังไม่หมดเรื่องซวยของวันแค่นี้ เพราะพอฉันรอซักพักแต่ก็ยังไม่เห็นใครมารับฉันจึงตัดสินใจโทรไปที่บ้านป้าตามที่แม่ให้เบอร์มา แต่พอโทรไปป้าดันบอกว่าให้ฉันนั่งแท็กซี่ไปเองพอตอนนี้ที่บ้านกำลังวุ่นมาก

    แล้วฉันจะไปอย่างไงล่ะนั้น ฉันอยากตะโกนกรอกหูโทรศัพท์อย่างนั้นนะ แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ ให้มันได้อย่างนี้เซ่!!!!!

    ฉันจึงหมดหนทางเดินไปที่จุดรอแท็กซี่และ พระเจ้าก็แกล้งฉันอีกแล้ว ก็คนรอกันยาวเหยียดเป็นกำแพงเมืองจีนเลย แล้วอย่างนี้พรุ่งนี้ฉันจะออกจากสนามบินเฮงซวยนี้ได้มั้ยเนี่ย ขณะที่กำลังบ่นกับตัวเองอย่างหงุดหงิด หางตาฉันก็ไปสะดุดเอาร่างสูงโย่งของใครบางคนเขา

    นายปากเสียนี่

    เขากำลังเดินตรงไปที่รถสีดำคันนึง เขากำลังล่วงหาอะไรซักอย่างในกระเป๋า และมันก็คือกุญแจรถ เขาเสียบเข้าไปแล้ว เขาเข้าไปนั่งแล้ว

    เอาไงดี ให้รอแท็กซี่มีหวังฉันต้องกินข้าวเย็นที่นี้แน่ แต่จะให้ไปขอร้องคนอย่างนายนั่นก็...

    เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน

    ฉันรีบวิ่งไปขวางหน้ารถเข้าทันที และเพราะรถเพิ่งจะออกตัวเขาจึงเหยียบเบรกได้ทัน แต่มันก็เกิดเสียงห้ามล้อดังพอที่จะให้ทุกคนหันมามอง

    "ยัยบ้า!!!" เสียงเขาด่าดังลั่น

    นี่ขนาดยังไม่ได้เปิดกระจกยังดังขนาดนี้ ถ้าเปิดกระจกรถกระจกสนามบินไม่แตกเลยเหรอเนี่ย

    เขาเปิดประตูรถออกมาพร้อมด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าโมโหสุดๆ

    "เธอทำบ้าอะไรอีกเนี่ย ไม่ใช่เพราะฉันดันขับรถขวางทางเธออีกนะ นี่มันถนนนะยัยเซ่อ!!" เขาว๊ากลั่นทันทีที่เห็นหน้าฉัน

    นี่มันจะมากไปแล้วนะ วันเดียวนายอัพเกรดฉายาฉันตั้ง 3 เชียวเหรอ เริ่มจากยัยนี่ ก็เป็น ยัยบ้า แล้วนี่ยังมาว่าฉันเป็น ยัยเซ่ออีก แต่มันก็ดังได้แค่ในใจอ่ะนะ อย่างไงฉันก็ต้องพึ่งหมอนี่

    "หลีกเซ่!" เขาตะโกนอีกหลังจากเห็นฉันไม่ขยับไปไหน

    "ไปส่งหน่อยซิ" ฉันพูดเสียงเบา แต่ฉันรู้ว่าเขาได้ยิน เพราะเขาหันมามองฉันอย่างงงๆ

    "อะไรนะ?"

    "ไปส่งหน่อย" ฉันพูดเสียงดังขึ้นอีก คราวนี้มันสร้างรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้าเขา

    มันประหลาดในทางที่น่ากลัวซะด้วย

    "ทำไมฉันต้องไปส่งเธอ" เขาถามเสียงเรียบ

    "ก็เพราะ..." เพราะอะไรดีหว่า เพราะนายขวางทางรองเท้าฉัน เพราะฉันไม่รู้จักใครที่นี่ เพราะไม่มีแท็กซี่ เพราะ...

    "เพราะอะไร เพราะฉันดันไปขวางทางรองเท้าเธอนะเหรอ"

    หมอนี่ต้องอ่านใจฉันแน่ๆ

    "ว่าไง หรือเพราะเธอไม่รู้จักใครที่นี้นอกจากฉัน"

    เฮือก นี่เขาอ่านใจฉันได้จริงๆ เหรอเนี่ย

    "หรือว่า เพราะแท็กซี่ไม่มี เลยอยากใช้ฉันเป็นแท็กซี่"

    "แล้วตกลงจะเอาไง" ฉันพูดเสียงอ่อย

    "ทำไมฉันต้องไปส่งเธอ ในเมื่อเธอทำหัวฉันโนแบบนี้" เขาชี้หัวตัวเอง

    มันโนเลยเหรอ ฉันว่าฉันปาไม่แรงนะ

    "ไม่ต้องมาทำหน้าเหมือนสำนึกผิดหรอก ฉันไม่หายโกรธเธอง่ายๆ หรอก" เขาพูดอีก

    นายพูดงี้ นายจะเอาไงกันแน่จะส่งหรือไม่ส่ง

    "ขึ้นรถ" เขาพูดก่อนจะเดินไปเปิดประตูแล้วกลับไปนั่งที่นั่งคนขับ แต่พอเขาเห็นฉันยืนบื่อเป็นเสา เขาก็โผล่หัวออกมาแล้วตะโกนขึ้นว่า

    "ขึ้นรถเซ่ หรืออยากรอแท็กซี่"

    ฉันเลยต้องรีบวิ่งไปขึ้นรถเขา

    "นี่รถนายเหรอ?" ฉันถามเพราะมันไม่น่าจะเป็นรถเขาเลย ดูท่าทางเขาก็ไม่น่าจะรวยมากขนาดมีรถขับหรอก

    "ทำไม ถ้าเป็นรถฉันเธอจะไม่นั่งงั้นซิ" เขาถามก่อนจะออกรถ

    ให้ตายซิ หมอนี่จะกวนประสาทฉันตลอดเลยหรือไงนะ

    "เธอจะนั่งบื่ออีกนานมั้ย ฉันไม่มีเวลาพาเธอนั่งรถเล่นรอบโซลหรอกนะ"

    ฉันยื่นที่อยู่ให้เขา พอเขารับไปเขาก็เหยียบเบรกทันที เพราะอย่างนั้นหัวฉันก็โขกโบกเข้ากับแผงหน้าปัดรถอย่างจัง

    "โอ้ยยยย จะเบรกก็บอกก่อนเซ่" ฉันเอามือลูบหน้าผากตัวเอง

    มันต้องแดงแน่ๆ เลย หรือว่าเขาจะแก้แค้นฉันที่ฉันปารองเท้าพลาดไปโดนหัวเขา

    "นั่งรถไม่รู้จักคาดเข็มขัด" เขาพูดแล้วก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ฉัน

    "นายจะทำอะไรนะ!!" ฉันร้องอย่างตกใจ

    "เธอคิดว่าฉันจะทำอะไร ก็คาดเข็มขัดให้นะเซ่" เขาว่าแล้วก็ดึงสายเข็มขัดนิรภัยคาดให้ฉัน

    "ขอบใจ" ฉันตอบเสียงอ่อย

    "ช่างเหอะ คงไม่มีใครเขาคิดจะปล้ำเธอหรอก ว่าแต่เธอจะไปทำอะไรที่นี้?" เขาชูกระดาษที่อยู่ขึ้น

    ไอ้ประโยคแรกเนี่ยหลอกด่ากันใช่มั้ย

    "นั่นบ้านป้าฉัน แม่ส่งฉันมาอยู่ด้วยจนกว่าฉันจะเรียนมหาลัยจบ" พอฉันพูดจบเขาก็ทำตาโต

    "มหาลัย อย่างเธอเนี่ยนะ!" เขาทำท่าราวกับเป็นไปไม่ได้

    "ฉันเรียนจบได้แน่ย่ะ นายไม่ต้องมายุ่งกับฉัน" นายนี่ท่าทางจะชอบหาเรื่องฟาดปากนะเนี่ย

    "เปล่า ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น เธอ...อายุเท่าไหร่เนี่ย?"

    "18"

    "ห๊า จริงอ่ะ ตัวกะเปี๊ยกอย่างกะเด็กอายุ 16...เหมือนยัยนั่นเลย" เขาพูดแล้วก็อมยิ้ม

    เวลายิ้มเนี่ยทำไมมันบาดตาบาดใจชวนให้น้ำลายไหลแบบนี้นะ ให้ตายซิ ถ้าตัดเรื่องปากเสีย แถมยังชอบกวนประสาทออกไป นายนี่ก็ใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย

    "น้ำลายไหลแล้ว"

    "อ่ะ" เช็ดๆ ขายขี้หน้าจริงๆ

    แต่เมื่อกี้เขาทำเหมือนรู้จักที่ที่ฉันจะไปนี่น่า

    "นายรู้จักบ้านในที่อยู่นั่นเหรอ?" ฉันถามเขา

    "อืม มันเป็นบ้านเพื่อนฉันคนนึง" เขาตอบพลางเข้าเกียร์และออกรถ

    เขารถได้ดีจริงๆ แต่มันก็ค่อนข้างจะเร็วพอสมควร เขาขับมาได้ซัก 50 นาที เราก็มาหยุดรถอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่คุ้นตาหลังนึง

    "มองฉันทำไม ที่นี้แหละ ลงไปซิ" เขาพูดเมื่อเห็นฉันทำหน้างง

    "ที่นี้เหรอ?" ฉันถามพลางมองบ้านหลังใหญ่ มันไม่ใหญ่ธรรมดานะ มันใหญ่มากทีเดียว

    "อืม ลงไปซิ เดี๋ยวฉันจะแวะหามินโซด้วย" เขาพูดแล้วก็เปิดประตูรถลงไป ฉันเลยต้องรีบลงตามมา

    พอฉันมาหยุดที่หน้าประตูบ้านฉันก็เห็นเขากดกริ่งแล้ว

    "ใครคะ?" เสียงป้าแก่ๆ คนนึงดังขึ้น

    "ผมชินจีฮะ มินโซอยู่เปล่า แล้วผมก็เอาเด็กหลงทางมาส่งด้วย"

    เด็กหลงทาง นายว่าใครเป็นเด็กหลงทาง

    "เด็กหลงทาง?" เสียงจากอินเตอร์คอมถามอย่างงงๆ

    "ฉันโอซากิ วายะคะ" ฉันตอบพลางมองนายชินจีอะไรซักอย่างตาขวาง แต่เขาก็ทำท่าไม่ทุกข์ร้อน

    "มาแล้วเหรอคะ เชิญเข้ามาก่อนนะคะ คุณนายกำลังรออยู่พอดี" พอเสียงนั้นพูดจบประตูก็มีเสียงดังกริ๊ก นายชินจีเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป ฉันเลยต้องรีบเดินตามเขาตามระเบียบ

    นี่นายจะมีน้ำใจช่วยสาวน้อยอย่างฉันถือกระเป๋าใบเท่าบ้านที่ฉันถืออยู่มั้ยเนี่ย

    "ชิน มาได้ไง!" เสียงผู้ชายคนนึงดังขึ้น

    โอ้ววววว ผู้ชายเกาหลีนี่หล่อกันทุกคนเลยรึไงนะ แต่ท่าทางนายนี่ไม่ค่อยน่าไว้ใจ เพราะพอเขาเห็นฉันเขาก็มองฉันซะอย่างกับฉันเป็นอาหารก็ไม่ปาน

    "ใครนะ?"

    "ไม่รู้ซิ เขาว่ามีป้าอยู่บ้านนี้นะ ชื่อวายะมั้ง" นายชินจีพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่

    "วายะเหรอ เธอ...จริงเหรอเนี่ย โตขึ้นทำไมน่ารักแบบนี้ล่ะ ทั้งๆ ที่ตอนเด็กๆ หน้าตาดูไม่ได้เลย"

    นี่นายชมฉันจริงเหรอเนี่ย

    "รู้จักเหรอ?" นายชินจีถาม

    "อืม เขาเป็นลูกสาวของคุณอานะ แต่เราไม่เกี่ยวกันทางสายเลือดหรอกนะ" เขาพูดพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย

    "นายจะจีบเขาเหรอ?" นายชินจีถามอีก

    "ของมันแน่อยู่แล้ว อย่างคองมินโซนะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนมองผ่านหรอก ถ้าไม่นับยัยสองคนนั่นนะ"

    "แล้วก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนเขาชอบนายจริงๆ หรอก" ฉันพูดแค่นั้นแล้วก็เดินลากกระเป๋าเข้าบ้านทันที

    นี่อย่าบอกนะว่าเขาไม่รู้ว่าฉันพูดภาษาเกาหลีได้ เล่นนินทากันต่อหน้าต่อตาแบบนั้นเนี่ยนะ ช่างมีมารยาทจริงๆ แล้วไอ้ประโยคที่ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบเขา ฉันล่ะคนนึงที่จะพิสูจน์ให้นายนั่นได้รู้

    "ได้ยินว่ามาพร้อมกับชิน" เสียงผู้หญิงคนนึงดังขึ้น ทำเอาฉันสะดุ้งสุดตัว

    "คะ เอ่อ คุณคงเป็นคุณป้า"

    "ใช่ ฉันเป็นป้าของเธอ" เธอพูดด้วยเสียงเย็นชา

    "สวัสดีคะ" ฉันโค้งให้เธอทีนึง

    "ช่างเถอะ เธอเองคงแสบพอตัวซินะ ถึงได้ถูกส่งมาที่นี้" เธอพูดด้วยเสียงราบเรียบไม่เปลี่ยน

    "หนูจะพยายามไม่ทำให้คุณป้าเดือดร้อน" ยัยป้านี้น่ากลัวไม่เปลี่ยนเลยแฮะ

    "มันก็ต้องเป็นอย่างนั่นอยู่แล้ว แล้วเสื้อผ้าเธอมีแค่นั้นใช่มั้ย?" เธอพูดพลางมองที่กระเป๋าเสื้อผ้าของฉัน

    "คะ" ฉันล่ะเกลียดสายตาที่เหมือนเรดาร์สแกนของยัยป้านี่จัง

    "งั้นก็ดี ห้องเธออยู่ข้างบน ห้องซ้ายมือ ขึ้นไปถูกมั้ย?"

    "คะ" ฉันตอบ

    "งั้นดี จัดการเก็บทุกอย่างให้เรียบร้อย เสร็จแล้วตอน 6 โมงเย็นเราจะกินข้าวเย็นร่วมโต๊ะกัน แล้วหลังจากกินข้าวเราจะมาคุยเรื่องเรียนของเธอ" ยัยป้าพูดจบก็เดินเชิดหน้าไปทันที

    ฉันว่าถ้าเธอเชิดมากกว่านั้นคอเธอต้องหักแน่ๆ

    ฉันเดินลากกระเป๋าขึ้นไปชั้นบน แล้วฉันก็ได้ยินเสียงคุยกันของผู้ชายสองคนจากห้องทางด้านขวา ฉันจึงเปิดประตูอีกห้องที่อยู่ด้ายซ้าย พอฉันเข้าไปแล้วก็ต้องอึ้ง เพราะในห้องไม่มีอะไรเลย มีโต๊ะสำหรับอ่านหนังสือ ชั้นว่างหนังสือที่ไม่มีอะไรเลย ตู้เสื้อผ้าใบใหญ่หนึ่งใบ กับเตียงเดี่ยวอีกเตียง

    นี่มันอะไรกันเนี่ย ห้องคุณหนูหรือไง แล้วนี่ฉันจะใช้ชีวิตอยู่ได้ไงเนี่ย

    ..............................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×