ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุ้นรักพนันหัวใจ คุณชายขี้เก๊ก

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1+++ เจ้าหญิงวายะ (รึเปล่า?)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 800
      1
      27 พ.ค. 49

    "วายะ!!! นี่แกไปก่อเรื่องมาอีกแล้วใช่มั้ย!" เสียงแหลมปี๊ดดังขึ้นทันทีที่ฉันก้าวเท้าเข้าบ้านด้วยสภาพที่ไม่ค่อยน่าดูซักหน่อย

    ความจริงมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นซักหน่อย ก็แค่ปากเจ่อ คิ้วแตก แก้มมีตราประทับ 5 นิ้ว เสื้อผ้าขาดวิ่นเล็กน้อย

    "แม่ หนูเปล่าไปหาเรื่องใครนะ แต่พวกนั้นต่างหากที่มาหาเรื่องหนู" ฉันบอกอย่างรำคาญ

    "ก็ถ้าแกไม่เข้าไปรวมหัวอยู่ในแก๊งบ้าๆ ของแก แกจะเป็นแบบนี้เหรอ" แม่บอกอย่างหงุดหงิด

    "ที่แม่เรียกว่าแก๊งบ้าๆ นั่นนะมันเพื่อนหนูนะ" ฉันบอกพร้อมพยายามจะเบี่ยงหลบแม่ที่ยืนจังก้าขวางทางเข้าบ้าน

    "เพื่อน!!! แกเรียกคนพวกนั้นว่าเพื่อน ตายแล้ว...ลูกสาวฉัน" แม่ทำท่าจะเป็นลมซะให้ตาย

    แต่อย่าเป็นลมนะ ฉันมั่นใจว่าฉันแบกแม่เข้าไปในบ้านไม่ไหวแน่

    "แม่ หนูไม่พูดกับแม่เรื่องนี้แล้ว หนูขอไปนอนนะ" ฉันทำเสียงออดอ้อน แต่ฉันว่ามันฟังดูน่าทุเรศมากกว่าน่ารัก

    "เดี๋ยว แกยังไปไหนไม่ได้ วันนี้ฉันไม่ยอมแกอีกแล้ว ถ้าแกยังขืนไปมีเรื่องมาอีกล่ะก็ ฉันจะส่งแกไปอยู่กับป้าแกที่เกาหลี!" แม่พูดแค่นั้นแล้วก็ปิดประตูกระแทกหน้าฉันดังปัง

    ฉันได้แต่ยืนอึ้งอยู่หน้าบ้าน ปกติแม่จะโกรธฉันก็จริงแต่แม่ไม่เคยพูดเรื่องป้าที่เกาหลีเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับแม่ฉันเนี่ย แล้วป้าที่อยู่เกาหลีเนี่ยนะ ป้าที่ชอบบังคับให้ฉันใส่กระโปรงเนี่ยนะ ให้ตายดีกว่าที่ฉันจะไปอยู่ที่นั่น แม่กำลังจะส่งลูกสาวตัวเองไปตายนะนั่น

    ฉันโอซากิ วายะ อายุ 18 ปี สาวน้อยที่แสนจะน่ารักอ่อนหวาน (ใช่ไหมหว่า) กำลังจะต้องเผชิญชะตากรรมที่โหดร้ายเมื่อแม่ใจร้ายกำลังจะส่งลูกสาวตัวเองไปตายที่เกาหลี (เว่อร์ไปนั่น) ฉันเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นเกาหลี แม่ฉันเป็นคนเกาหลีส่วนพ่อเป็นคนญี่ปุ่น ฉันเคยไปเกาหลีตอนเด็กๆ ฉันบอกได้เลยว่าฟ้าไม่ได้กำหนดให้ฉันกับป้ามาให้อยู่ที่เดียวกันและป้ายังเป็นสาวทึนถึกที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา เธอช่างเป็นกุลตรีอย่างที่สุด แถมยังเจ้าระเบียบสุดยอด ฉันรู้ว่าป้าไม่ชอบฉันเท่าไหร่ เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะฉันไม่ได้เป็นสาวน้อยอ่อนหวานน่ารัก ไม่ใส่กระโปรง แถมฉันนะยังเคยทำแจกันราคาเป็นล้านของป้าแตกอีก ฉันว่าป้าเองก็เกลียดฉันไม่น้อยกว่าที่ฉันขยาดป้าหรอก แต่นี้แม่ แม่กำลังจะส่งฉันไปอยู่กับป้าคนนั้น

    "แม่ แม่คงไม่คิดจะส่งหนูไปอยู่ที่นั่นจริงๆ ใช่มั้ย?" พอตั้งสติได้ฉันก็รีบเปิดประตูบ้านแล้วรีบเข้าไปหาแม่ทันที

    "ฉันว่าฉันพูดชัดนะ" แม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

    "แม่ทำอย่างนั้นไม่ได้นะ!" ฉันร้องเสียงหลง นี่แม่เอาจริงเหรอเนี่ย

    "ทำไมจะทำไม่ได้ ฉันเป็นแม่แกนะ" แม่พูดโดยที่ยังไม่หันมามองฉัน

    "แต่หนูต้องเรียนมหาลัยนะ" ฉันเริ่มหาข้ออ้างร้อยแปดเท่าที่สมองอันชานฉลาด (กว่าไก่นิดนึง) ของฉันจะคิดได้

    "ที่โซลก็มีมหาลัย"

    "แต่...แต่เพื่อนหนูล่ะ" ฉันเริ่มเหมือนคนใกล้บ้าเข้าไปทุกที

    "แกหาเพื่อนใหม่ก็ได้ ฉันเชื่อว่าป้าแกคงหาเพื่อนที่ดีกว่าที่แกมีอยู่ตอนนี้ให้แกได้แน่ๆ"

    "แต่...ที่นั่นไม่พูดญี่ปุ่นนะ" ความที่กำลังรีบหาข้ออ้าง แต่ข้ออ้างที่ฉันเพิ่งจะหลุดปากไปกลับทำให้ฉันแทบอยากจะตบปากตัวเอง

    "และแกก็พูดเกาหลีได้" แม่พูดเป็นภาษาเกาหลีแล้วหันมาจ้องฉันพร้อมส่งยิ้มที่ชวนสยองพิลึกให้

    เฮือกกกกกกก

    ยัยโง่ นี่เธอกำลังจะทำให้ตัวเองตายนะ

    "ไม่มีข้ออ้างอีกแล้ว ถ้าแกขืนยังไปมีเรื่องไม่เว้นแต่ละวันล่ะก็ แกจะได้ไปเกาหลีแน่ แล้วก็อย่าหวังจะพึ่งพ่อของแกนะ แกควรรู้ไว้ว่าฉันคุยกับพ่อแกแล้ว"

    ทำไมจะไม่รู้ล่ะ คนอย่างพ่อนะเคยขัดใจแม่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ขอแค่ให้แม่พูดเหอะพ่อก็ตอบตกลงหมดแหละ

    "นี่ทำไมทำหน้าอย่างนั้น" เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง

    ปกติฉันคงจะกระโดดกอดเขาไปแล้ว แต่ตอนนี้ฉันไม่มีใจจะทำอะไรทั้งนั้นแหละ

    "นี่ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น วันนี้มีเรื่องสนุกนะ" เขายังคงพูดด้วยเสียงร่าเริงเหมือนเดิม

    นายกำลังจะไปสนุกแต่ฉันกำลังจะถูกส่งไปนรก

    "นี่! เธอเป็นอะไรนะ เซอิจิเขาถามทำไมยังเงียบอีก" เสียงแหลมคุ้นเคยถามขึ้น

    "วันนี้ฉันไม่ไปกับพวกเธอนะ" ฉันพูดได้ในที่สุด

    "ห๊า!!!" ทั้งสองคนร้องเสียงหลง

    "ไม่ต้องเลย แม่นะซิ บอกว่าถ้าฉันมีเรื่องอีก แม่จะส่งฉันไปเกาหลี"

    "เกาหลี!" ทั้งสองร้องพร้อมกันอีก และฉันก็เริ่มหงุดหงิดแล้ว

    "เพราะฉะนั้น ฉันคงต้องหยุดมีเรื่องซักที"

    "ห๊า!!!" พวกเขาร้องพร้อมกันอีก แต่คราวนี้ฉันเงยหน้ามองพวกเขาสองคน

    พวกเธอเป็นนักร้องประสานเสียงรึไง

    "เธอต้องพูดเล่นแน่ๆ" อัยพูดขึ้นในที่สุด

    โอคุจิ อัย เพื่อนรักเพื่อนซี้ของฉัน เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ประถม เพราะฉะนั้นเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับฉันยัยนี้รู้ดีหมด อาจจะมากกว่าฉันด้วยซ้ำ

    "หน้าฉันเป็นแบบนั้นหรือไง" ฉันย้อนกลับ ยัยนี่จะสนใจไหมเนี่ยว่าฉันทำหน้าเหมือนคนใกล้ตายอยู่

    "แม่เธอไม่ใจร้ายแบบนั้นหรอก แต่ถ้าแม่เธอให้ไปจริงๆ เธอก็หนีมาอยู่บ้านฉันซิ" เซอิจิ พูดขึ้น แต่ด้วยน้ำเสียงที่เขาพูด ดูเหมือนเขาจะเห็นมันเป็นเรื่องตลกซะมากกว่า

    ฟูจิวาระ เซอิจิ หมอนี่เป็นสุดที่รักของฉัน เราคบกันมา 2 ปีแล้ว และแน่นอนว่าสมองของเขาทำงานได้ไม่ดีเท่าหมัดที่เขาปล่อยออกไป เขามักคิดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องตลกไปซะหมด บางทีมันก็เป็นข้อดีของเขา แต่ตอนนี้ เขากำลังจะทำให้ตัวเองถูกฆาตกรรมโดย ฉัน!!!

    ฉันมองหน้าพวกเขาสองคนแล้วก็ต้องส่ายหัว ถึงอัยจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ฉันมีแต่ฉันมั่นใจเลยว่าเธอช่วยฉันไม่ได้แน่ๆ ส่วนเซอิจิไม่ต้องพูดถึง แค่ทำให้ตัวเองไม่มีเรื่องกับใครซักวันยังทำไม่ได้ แล้วนับภาษาอะไรจะช่วยฉันรบกับแม่

    ฉันกำลังเดินอย่างหมดอะไรตายอยากในขณะที่เพื่อนๆ ของฉันกำลังรุมซ้อมหรืออาจจะถูกซ้อมโดยแก๊งอื่นอยู่

    "เฮ้อออออ" ฉันถอนหายใจอย่างหมดหนทาง

    นี่ฉันไม่มีทางเลือกเลยเหรอ ฉันต้องกลายเป็นเด็กสงบเรียบร้อยอย่างที่แม่ต้องการ ต้องนั่งเรียนหนังสือ ต้องทิ้งทุกอย่างที่ฉันรัก  โอ้ยยย ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม

    ฉันมองไปตามถนน และสายตาฉันก็หันไปเจอะยัยแว่นคนนึงอยู่ฝั่งตรงข้าม และด้วยจินตนาการอันกว้างไกลของฉัน ฉันก็เห็นตัวเองเป็นยัยแว่นที่กำลังหอบหนังสือที่หนักพอจะทับหัวตัวเองให้แบะ และกำลังรีบวิ่งเพื่อไปให้ทันเรียนพิเศษ

    "บ้าไปแล้วฉัน" ฉันพึมพำพร้อมพยายามลูบขนที่ลุกหือมากับความคิดอันแสนจะ...สุดคำบรรยาย

    ขณะที่กำลังรวบรวมสติเพื่อจะเดินกลับบ้านต่อ โทรศัพท์มือถือฉันก็ดังขึ้น

    "ไง" ฉันกรอกเสียงใส่โทรศัพท์อย่างเซ็งๆ

    "วายะแย่แล้ว!!! กรี๊ด!!!" เสียงที่ตอบกลับมามันดังจนฉันต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู ก่อนที่หูฉันจะหนวก

    "เธอพูดเบาๆ เซ่!!!" ฉันด่ากรอกโทรศัพท์กลับไป

    "กรี๊ด!!!!" เสียงร้องกรี๊ดดังมาตามสายอีก

    ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมองอย่างหงุดหงิด ทำไมเธอต้องโทรมาเพื่อกรี๊ดใส่โทรศัพท์ฉันด้วย

    "วายะ ช่วยด้วย พวกยูคิ...เซอิจิมีเรื่องกับพวกยูคิ ตอนนี้กำลังแย่ ถ้าเธอไม่มาเซอิจิตายแน่ กรี๊ด!!!!!" อัยพูดกรอกลับมาอย่างรัวและเร็ว

    และเพราะมันทั้งรัวและเร็ว กว่าสมองอันน้อยนิดของฉันจะคิดได้ทัน ใจฉันก็แทบหยุดเต้น ฉันรีบวิ่งกลับไปทางเดิมทันที โดยที่ลืมคิดถึงผลที่จะตามมา

    ไอ้บ้าเซอิจิ แกจะมีเรื่องกับใครก็ได้ ทำไมต้องเป็นพวกยูคิด้วยเล่า ไอ้งี่เง่า ไอ้บ้า ไอ้...โอ้ยยย ไม่รู้จะด่าว่าไงแล้วนะ

    ตอนที่ฉันวิ่งมาถึงก็กินเวลาไปกว่า 10 นาทีแล้วหลังจากที่ฉันรับโทรศัพท์ แต่ฉันรู้เลยว่า 10 นาทีก็สามารถทำให้เซอิจิตายได้แน่ๆ และภาพที่ฉันเห็นก็ไม่ต่างจากความคิดฉันเท่าไหร่ เพราะภาพที่ฉันเห็นก็คืออัยถูกผู้ชายคนนึงที่หน้าตาหล่อใช่ได้เลยล่ะ(เวลานี้ฉันควรคิดถึงเรื่องนี้เหรอ) จับอยู่ อัยกำลังร้องกรี๊ดๆ ขณะที่ผู้ชายสองคนกำลังปล่อยหมัดใส่เซอิจิอย่างเมามันส์ ส่วนผู้ชายที่กำลังยืนหัวเราะอย่างสนุกก็คือ ยูคิ ไดยะ ยูคิ หัวหน้าไอ้พวกที่กำลังต่อยเซอิจิอยู่

    "หยุดนะ!!!!" ฉันร้องเสียงดังลั่น

    "วายะ!!!" อัยร้องอย่างดีใจ

    เธอต้องดีใจแน่ล่ะ ก็เธอได้แต่ร้องกรี๊ดๆ นี่

    "อ้า วายะเธอมาจนได้ นึกว่าวันนี้จะไม่เจอเธอซะแล้ว แต่แฟนเธอเนี่ยห่วยซะมัด แค่สองสามหมัดก็ล้มลุกไม่ขึ้นแล้ว อย่างนี้มันไม่เห็นเหมาะกับเธอเลย" ยูคิพูดพลางยิ้มอย่างเยาะ

    "ฉันจะคบใครไม่ได้หนักส่วนไหนของนาย ถ้าอยากมีเรื่องได้ทุกเมื่อ แต่ปล่อยทุกคนไปซะ" ฉันพูดเสียงเย็น

    "ถ้าเธอยอมคบกับฉัน มันก็น่าพิจารณาข้อเสนอ"

    คบ!!!! ไอ้บ้านี้ต้องสมองบวมจากการถูกรุมซ้อมหรืออะไรซักอย่างแน่ๆ มันคิดว่าคนอย่างฉันจะยอมคบมันงั้นเหรอ

    "ว่าไง ฉันดูแลเธอได้มากกว่าไอ้หมอนี่แน่ๆ"

    "ฉันดูแลตัวเองได้ แกเปล่าเขานะ!!" ฉันหันไปแว๊ดคนที่กำลังหิวปีกเซอิจิ

    จากสภาพเขามันก็ดูไม่จืดจริงๆ นั่นแหละ ถึงเซอิจิจะเป็นนักสู้ที่เก่งแต่ถ้าเทียบกับอดีตนักมวยอย่างยูคิ มันก็คนล่ะชั้นอยู่ดี

    "ปล่อยมัน" ยูคิสั่งผู้ชายคนนั้น และทันทีที่มันปล่อยเซอิจิ ฉันก็รีบเข้าไปดูเขาทันที

    "เซอิจิ นี่ เป็นอะไรรึเปล่า?" ฉันตบหน้าเขาสองสามทีและในที่สุดเขาก็เงยหน้ามามองฉัน

    "ขอโทษที"

    "ไอ้บ้า อย่าหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บตัวซิ"

    "อืมมมมมมมม"

    หลังจากพยุงเซอิจิให้นั่งพิงกำแพงฉันก็หันมาเผชิญหน้ากับพวกหมาหมู่ ความจริงมันคงจะไม่เป็นแบบนี้ ถ้าพวกของเซอิจิไม่วิ่งหางจุกตูดตอนที่พวกมันรู้ว่าเซอิจิกำลังมีเรื่องกับใคร ฉันบอกเขาหลายครั้งแล้วว่าให้เลิกคบไอ้เพื่อนบ้าพวกนั้น แต่เขากับบอกว่า อย่างน้อยพวกนั้นก็ดื่มเป็นเพื่อนเขา เหตุผลงี่เง่ามั้ยล่ะ

    "ว่าไง" ยูคิเอ่ยขึ้นอีก

    "ไม่ไง แกทำคนของฉันเจ็บ แกตายแน่" ฉันพูดขึ้น และแน่นอนฉันไม่ได้ขู่ แชมป์เค้นโด้อย่างฉัน มันก็ต้องสู่สีกันบ้างล่ะน่า แต่ไอ้ที่เป็นปัญหาคือไม้ ตอนนี้ฉันไม่มีไม้ ฉันพยายามมองหาไม้ซักอันที่พอจะตีหัวไอ้พวกนี้ให้แบะ และฉันก็เห็น มันอยู่ตรงหว่างขาของอัย

    จากระยะที่เห็นอยู่คงไม่ง่ายแน่ๆ ที่จะเอามันมา และจะให้อัยโยนให้ก็เป็นเรื่องที่พระเจ้าเท่านั้นที่จะทำได้

    "มองไปทางไหนนะ" สิ้นเสียงฉันก็ได้ยินเสียงหวืดของหมัด และก็เป็นวินาทีเฉียดตายที่ฉันหลบได้หวุดหวิด

    หายตายซิ ไอ้บ้านี่จะต่อยผู้หญิงจริงๆ เหรอเนี่ย

    "เล่นที่เผลอ น่าเกลียดไปรึเปล่า" ฉันพูดหลังจากหมุนตัวหลบได้หวุดหวิด

    "เพราะเธอเหม่อเองต่างหาก" ไอ้ยูคิยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

    หน็อย ต่อให้แกอมศาลเจ้าทั้งศาลฉันยังไม่เชื่อแกเลย

    "ยอมแพ้ดีกว่า เธอสู้ฉันไม่ได้หรอก"

    "ก็ลองดูก่อนเป็นไง" พูดจบฉันก็เตะโครมเขาที่ท้องมัน ก็เพราะมันสูงกว่าฉันไม่มากเพราะงั้นมันย่อมสบายอยู่แล้วถ้าฉันจะตามด้วยหมัดอีกหมัด

    ผลัวะ

    "ไง อวดดีพอยัง"

    เพียะ

    ขณะที่ฉันกำลังเมามันส์กับการอัดไอ้ยูคิ จู่ๆ มือพยามารของใครก็ไม่รู้ลอยมากระทบหน้าฉันอย่างจัง

    โอ้ยยยยยยยยย เจ็บอ่ะ เจ็บ ฉันจับแก้มตัวเองแล้วถูไปมา ก็ไอ้หมาหมู่นี่เล่นลุมฉันนี่หว่า

    "เฮ้ยยยย ฉันคนเดียวก็พอ!!" ยูคิร้องเสียงดังลั่น

    เอ่อ คนเดียวนะพอ ตายคนเดียวพอนะซิ เพราะตอนนี้ฉันหยิบไม้ขึ้นมาได้แล้ว

    "อ่ะ เล่นของแข็งแบบนี้ไม่ดีนะ"

    "เอ่อ แล้วไง แกคิดว่าแกรู้จักฉันแค่ไหน" ฉันพูดพลางกระชับไม้ในมือแน่น

    "ยูคิพอเหอะ" เสียงผู้ชายคนนึงดังขึ้น

    "แกจะกลัวอะไรยัยนี่เป็นผู้หญิงนะ" ไอ้ยูคิหน้าโง่พูดอย่างมั่นใจ

    "ก็ยัยนี่นะเป็น..." ยังไม่ทันที่หมอนั่นจะพูดจบฉันก็แสดงให้ดูซะก่อน

    "อิจิ นิ ซัง"  (1 2 3)

    โป๊ก

    "โอ้ยยยยยยยยย" ไอ้ยูคิร้องลั่นเพราะไม้ตีเข้าแสกหน้าอย่างจัง เลือดไหลลงมาเป็นทางตามแนวแก้ม

    "แสกหน้าได้แต้ม" ฉันพูดด้วยเสียงเย็นชา

    "แก!!!" ไอ้ยูคิร้องอีก

    "อย่า!!!!" ก่อนที่ฉันจะทันได้ตีอีกแต้มผู้ชายคนที่ร้องห้ามไอ้ยูคิตอนแรกก็ดึงมันเอาไว้

    "อะไรว่ะ!!!!"

    "ยัยนี่เป็นแชมป์เค้นโด้" สิ้นสุดคำพูดเพื่อน ไอ้ยูคิก็ถึงกลับหน้าซีดทันที

    "ไง ยังอยากจะทดสอบความสามารถอยู่มั้ย" ฉันยิ้มเยาะอย่างถูกใจ

    และยังไม่ทันที่ฉันจะได้ยกไม้เป็นครั้งที่สองพวกมันก็เพ่นแหน็บไปแล้ว

    "งี่เง่า" ฉันพึมพำ ก่อนจะโยนไม้ทิ้งแล้วรีบเข้าไปดูเซอิจิที่นั่งพะงาบๆ อยู่กับพื้น ขณะที่อัยวิ่งถลามาหาฉัน และเพราะยัยนี่วิ่งถลามา ฉันเลยเซล้มลงไปข้างๆ ทันที

    "เซอิจิ ไม่เป็นไหร่ใช่มั้ย ฮือออออออ" อัยพยายามจะเช็ดเลือดที่หน้าเซอิจิ

    "ฉันว่าเขาไม่เป็นไรหรอก อย่างมากก็นอนโรงพยาบาลซักสองสามวัน" ฉันพูดขณะพยุงตัวลุกขึ้น

    เธอเป็นแฟนเขารึไงถึงได้ห่วงจัง ขนาดฉันเป็นแฟนฉันยังไม่ห่วงเท่าเธอเลย ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาแค่นั่งพะงาบๆ เท่านั้น

    "ฮืออออออ เธออย่าเป็นอะไรนะ"

    ฉันยืนมองอัยที่เอาแต่ร้องไห้

    "ฉันรู้ว่าเธอห่วง แต่ลุกขึ้นเหอะ" ฉันฉุดอัยให้ลุกขึ้น

    "ไม่!!! เธอต้องช่วยเขานะ เขาจะไม่เป็นไรใช่มั้ย" อัยสะบัดแขนฉันออก พร้อมหันมาเกาะขาฉัน

    ฉันว่ามันยังไงๆ แล้วนะ

    "เธอ...ห่วงเขาทำไม เขาเป็นแฟนฉันนะ" ฉันพูดเสียงเย็น และเป็นตอนนี้เองที่ฉันพอจะรู้อะไรๆ ขึ้นบ้างแล้ว เมื่ออัยทำหน้าตกใจเหมือนกับเพิ่งคิดอะไรออก

    "เธอคง...ไม่ได้..." ฉันพูดต่อไม่ได้จริงๆ

    "วายะ...ฉันขอโทษ" อัยตอบในที่สุดหลังจากที่เธอเงียบไปนาน

    "ขอโทษเรื่องอะไร" ฉันถามอีก ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าสมองอันน้อยนิดของฉันมันหายไปแล้ว

    "ฉันรักเขา เรารักกัน"

    "พวกเธอไม่..." ฉันได้แต่ยืนมองตาค้าง จ้องหน้าพวกเขาสองคนสลับกันไปมา (ตอนนี้เซอิจิได้สติแล้ว)

    "วายะ ฉัน..." เซอิจิพยายามพูดอะไรบางอย่าง

    "อย่านะ..."

    "วายะ..." อัยทำท่าจะร้องไห้อีก

    แต่ฉันไม่สนอีกแล้ว ฉันรีบวิ่งออกมาจากที่นั้นทันที พวกเขาทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง อัย เธอเป็นเพื่อนรักของฉัน ส่วนเซอิจิก็เป็นคนรักของฉัน พวกเธอทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง และตอนนี้ฉันก็รู้สึกงี่เง่าเข้าไปอีก เมื่อรู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ฉันโอซากิ วายะ ไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยมีใครได้เห็นน้ำตาฉัน แต่วันนี้ฉันกลับต้องมาเสียมันให้กับคนสองคนที่ฉันไว้ใจที่สุดในโลก

    "หน้าแกไปโดนอะไรมา แกไปมีเรื่องอีกแล้วใช่มั้ย !!!!" แม่ว๊ากลั่นทันทีที่เห็นสภาพฉัน

    "ถอยน่า ตอนนี้หนูไม่อยากคุย" ฉันบอกแม่ ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์คุยกับใครทั้งนั้น

    "หน็อยยยย ฉันนะแม่แกนะ!!!"

    "หนูรู้น่า" ถ้าไม่ใช่แม่แล้วจะใคร

    "ฉันเตือนแกแล้ว เพราะฉะนั้น..."

    "หนูจะไปเกาหลี พอใจรึยัง!!!!"

    ...............................................................................................................................................
    เรื่องใหม่ของ fayya ความจริงก็ไม่ใหม่หรอก มันเป็นเรื่องต่อมาจาก
    เพลย์บอยสุดเซี้ยวกับสาวเฮี้ยวสุดฮอต



    ที่วางแผงไปแล้ว ฮ่ะ ฮ่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจากอีกหนึ่งตัวละคร ที่ได้รับความนิยมมากกว่าพระเอกซะอีก
    ถ้ายังไงก็ฝากไว้ด้วยล่ะกันนะจ๊ะ ช่วยอ่าน ช่วยโหวต ช่วยคอมเม้นกันหน่อยนะ
    บาย บาย



    ที่วางแผงไปแล้ว ฮ่ะ ฮ่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจากอีกหนึ่งตัวละคร ที่ได้รับความนิยมมากกว่าพระเอกซะอีก
    ถ้ายังไงก็ฝากไว้ด้วยล่ะกันนะจ๊ะ ช่วยอ่าน ช่วยโหวต ช่วยคอมเม้นกันหน่อยนะ
    บาย บาย



    ที่วางแผงไปแล้ว ฮ่ะ ฮ่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจากอีกหนึ่งตัวละคร ที่ได้รับความนิยมมากกว่าพระเอกซะอีก
    ถ้ายังไงก็ฝากไว้ด้วยล่ะกันนะจ๊ะ ช่วยอ่าน ช่วยโหวต ช่วยคอมเม้นกันหน่อยนะ
    บาย บาย



    ที่วางแผงไปแล้ว ฮ่ะ ฮ่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจากอีกหนึ่งตัวละคร ที่ได้รับความนิยมมากกว่าพระเอกซะอีก
    ถ้ายังไงก็ฝากไว้ด้วยล่ะกันนะจ๊ะ ช่วยอ่าน ช่วยโหวต ช่วยคอมเม้นกันหน่อยนะ
    บาย บาย



    ที่วางแผงไปแล้ว ฮ่ะ ฮ่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจากอีกหนึ่งตัวละคร ที่ได้รับความนิยมมากกว่าพระเอกซะอีก
    ถ้ายังไงก็ฝากไว้ด้วยล่ะกันนะจ๊ะ ช่วยอ่าน ช่วยโหวต ช่วยคอมเม้นกันหน่อยนะ
    บาย บาย



    ที่วางแผงไปแล้ว ฮ่ะ ฮ่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจากอีกหนึ่งตัวละคร ที่ได้รับความนิยมมากกว่าพระเอกซะอีก
    ถ้ายังไงก็ฝากไว้ด้วยล่ะกันนะจ๊ะ ช่วยอ่าน ช่วยโหวต ช่วยคอมเม้นกันหน่อยนะ
    บาย บาย



    ที่วางแผงไปแล้ว ฮ่ะ ฮ่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจากอีกหนึ่งตัวละคร ที่ได้รับความนิยมมากกว่าพระเอกซะอีก
    ถ้ายังไงก็ฝากไว้ด้วยล่ะกันนะจ๊ะ ช่วยอ่าน ช่วยโหวต ช่วยคอมเม้นกันหน่อยนะ
    บาย บาย



    ที่วางแผงไปแล้ว ฮ่ะ ฮ่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจากอีกหนึ่งตัวละคร ที่ได้รับความนิยมมากกว่าพระเอกซะอีก
    ถ้ายังไงก็ฝากไว้ด้วยล่ะกันนะจ๊ะ ช่วยอ่าน ช่วยโหวต ช่วยคอมเม้นกันหน่อยนะ
    บาย บาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×