[Fic Kuroko no basket] Halloween night - [Fic Kuroko no basket] Halloween night นิยาย [Fic Kuroko no basket] Halloween night : Dek-D.com - Writer

    [Fic Kuroko no basket] Halloween night

    คุโรโกะเกิดมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีกับฮาโลวีนปีนี้ ในคืนปล่อยผีกำลังจะมีบางอย่างที่น่ากลัวเกิดขึ้น Dark Fic ฉลองฮัลโลวีนแบบหลอนๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,403

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    1.4K

    ความคิดเห็น


    22

    คนติดตาม


    54
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ต.ค. 56 / 19:46 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      วันฮาโลวีนใกล้เข้ามาแล้ว ไม่รู้ทำไม ยิ่งใกล้วันฮาโลวีนมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งใจไม่ดี อย่างกับจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ

      "เท็ตสึยะจ้ะ ช่วงนี้พ่อกับแม่ยังไม่กลับบ้านนะ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม" เสียงของแม่ดังมาตามสายโทรศัพท์ด้วยความเป็นห่วง แต่ทว่าฟังดูไร้ความหมายมากขึ้นทุกที เพราะว่าเป็นประโยคเดียวกันที่ได้ยินทุกครั้งที่พ่อแม่โทรศัพท์มา

      "ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว" เขาตอบกลับไปด้วยเสียงเรียบไร้อารมณ์เช่นเดิมอย่างทุกครั้ง

      "เป็นเด็กดีอยู่บ้านนะ เท็ตสึยะ อย่าเปิดประตูให้คนแปลกหน้าล่ะ"

      ตั้งแต่เด็กเขาก็ต้องอยู่ในบ้านคนเดียวบ่อยๆจนคิดว่าเขาชินแล้วซะอีก แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้หัวใจกลับไม่ยอมสงบ ก้อนเนื้อเท่ากำปั้นในอกบิดเร้าทุรนทุรายทั้งที่ไม่ได้ถูกจับต้อง บางทีอาจจะดีกว่าถ้าเขาแวะไปค้างบ้านเพื่อนเสียบ้าง

      "โทษทีนะคุโรชิน ฉันต้องไปช่วยงานร้านขนมหวานของญาติที่ต่างจังหวัด ช่วงฮาโลวีนแบบนี้ร้านจะยุ่งมากเลย" มุซารากิบาระตอบมาทางโทรศัพท์หลังจากเขาโทรไปหา

      "ไม่เป็นไรครับ มุราซากิบาระคุง เดี๋ยวผมจะลองถามคิเสะคุงดู" ถึงจะถูกปฏิเสธ แต่คุโรโกะกลับรู้สึกว่าไม่รู้สึกหมดหวังเท่าไหร่

      ..ถ้าเป็นคิเสะคุงคงโอเคล่ะมั้ง...

      "โทษทีนะคุโรโกจจี้ ฉันก็อยากนอนดูซีรีย์พิเศษในคืนวันฮัลโลวีนกับคุโรโกจจี้เหมือนกัน แต่พอดีฉันต้องไปงานสังสรรค์กับพวกนายแบบคนอื่นๆน่ะ ขอโทษนะ ฮือๆๆๆๆ" เสียงนายแบบพาร์ทไทม์และเพื่อนร่วมทีมบาสโหยหวนมาทางโทรศัพท์ แม้จะไม่เห็นหน้า แต่เขาก็แน่ใจได้ว่าฝ่ายนั้นกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่

      "ไม่เป็นไรครับ คิเสะคุง เที่ยวให้สนุกนะครับ"

      ....ไม่รู้ทำไมเขากังวลที่ต้องอยู่คนเดียวในวันฮาโลวีนนะ เขาไม่ใช่เด็กสักหน่อย หรือจะเป็นเพราะอุบัติเหตุแปลกๆ เมื่อปีที่แล้วนะ เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น...

      ภาพอุบัติเหตุรถคว่ำในหนังสือพิมพ์เมื่อปีที่แล้วแว่บเข้ามาในหัว เขาจำเหตุการณ์ไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีเขาก็นอนอยู่ในโรงพยาบาล ผู้คนรอบตัวก็เอาแต่พูดว่าเป็นปาฏิหารย์แท้ๆ ที่เขารอดมาได้ ไม่ได้มีใครยอมบอกรายละเอียดของเหตุการณ์นั้น นอกจากให้ดูภาพรถที่พังยับเยิน และบอกว่าปาฏิหารย์เหลือเกิน

      ......."เธอเป็นคนเดียวที่รอดเพราะหล่นลงไปติดอยู่ในจุดที่แปลกมากทีเดียว ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยที่รถพังยับขนาดนั้นแต่เธอแทบไม่มีบาดแผลเลย อย่างกับมีใครจับตัวเธอลงไปวางไว้ตรงนั้นเพื่อให้เธอปลอดภัยอย่างนั้นแหละ"......

      เมื่อหลุดจากภวังค์ความคิด คุโรโกะก็ตัดสินใจโทรหาเพื่อนคนต่อไป

      "โทษทีนะ เท็ตสึ ฉันก็อยากให้นายมาค้าง แต่เผอิญว่าต้องไปธุระกับแม่น่ะ"

      "น่าเสียดายจังนะครับ" เขาชอบค้างบ้านของอาโอมิเนะคุงที่สุดซะด้วย เขาก็ไม่ได้อยากไปรบกวนบ้านอาโอมิเนะคุงบ่อยๆ แต่เพราะพวกเขาต้องติวหนังสือด้วยกัน และชอบเล่นเกมแนวเดียวกัน แม่ของอาโอมิเนะคุงใจดีก็จริง แต่ไปรบกวนค้างด้วยบ่อยๆก็เกรงใจ เขาจึงเลือกโทรหาอาโอมิเนะคุงเป็นคนท้ายๆ

      อา.... ถ้าไปบ้านมิโดริม่าคุงจะได้ไหมนะ แต่เขาไม่อยากอยู่คนเดียวเลยจริงๆ ยังไงก็คงต้องลองโทรไปดูก่อนล่ะ

      "โทษทีนะคุโรโกะ ฉันก็อยากให้นายมาค้างอยู่ แต่บ้านฉันไม่ค่อยชอบเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่"

      นั่นสินะ เขาถึงไม่เคยเห็นใครไปค้างบ้านมิโดริม่าคุง หรือเห็นมิโดริม่าคุงไม่ค้างบ้านใครเลย

      "ไม่เป็นไรครับ มิโดริม่าคุง ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจนะครับ"

      "ไม่ใช่ว่าฉันเป็นห่วงอะไรนายหรอกนะ แต่ถ้านายต้องอยู่บ้านคนเดียวล่ะก็ ให้ปิดประตูหน้าต่างให้ดี ห้ามเปิดประตูเด็ดขาดเลยนะ"

      "ครับ?"

      "มีตำนานเล่าไว้เกี่ยวกับช่วงวันฮัลโลวีนน่ะ ว่าถ้ามีเสียงเคาะประตูล่ะก็ห้ามเปิดออกไปดูเด็ดขาด ถึงข้างนอกจะไม่มีใครอยู่ก็ตาม เพราะจะมีสิ่งที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามา เพราะฉะนั้นก็ฟังแล้วระวังไว้ด้วยก็แล้วกัน ถ้ารู้สึกไม่ดีมากๆ ก็ให้โรยเกลือกันไว้ที่ขอบประตูและหน้าต่างด้วยก็ได้ ไม่ใช่ว่างมงายอะไรหรอกนะ เค้าว่ากันว่าเกลือจะช่วยป้องกันสิ่งไม่ดีได้น่ะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด"

      ถึงคำพูดของมิโดริม่าจะดูแปลก แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความใส่ใจของเพื่อนซึนเดเระคนนี้

      "ขอบคุณมากครับ มิโดริม่าคุง ผมจะลองดู"

      บางทีคงเป็นเคล็ดของผู้ใหญ่ที่หลอกให้เด็กกลัวเพื่อไม่ให้เปิดประตูรับคนแปลกหน้าล่ะมั้ง หรือไม่ก็ทริคของคนโบราณเพื่อให้คนรู้สึกดีขึ้นเมื่อเป็นกังวล อาจดูไม่จริงเท่าไหร่ แต่ทำเพื่อให้อุ่นใจสักหน่อยก็คงไม่เสียหาย

      และแล้วคืนวันฮาโลวีนก็มาถึง แปลกดีที่แม้เขาจะอยู่คนเดียวในบ้าน แต่ความรู้สึกว้าวุ่นใจน่าประหลาดตลอดหลายวันที่ผ่านมากลับหายไปเองเสียเฉยๆ เขาออกไปซื้ออาหารมื้อเย็นตามปกติ ร้านค้ามากมายดูจะให้ความสนใจกับเทศกาลต่างชาตินี้เสียเหลือเกิน ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม หรือศาสนาของประเทศเขาเสียหน่อย แนวคิดการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดค้านี่ช่างน่ากลัวที่ทำให้คนมากมายหันมาสนอกสนใจเทศกาลนี้กันอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง แม้ว่าเขาจะคลายความกังวลใจแล้ว เขาก็ยังทำตามที่มิโดริม่าแนะนำไว้อยู่ดี เมื่อเขากลับถึงห้อง เขาก็ปิดประตูหน้าต่างและโรยเกลือป้องกันไว้ เสร็จแล้วก็เปิดทีวี กินมื้อเย็น ดูรายการหนังวันฮาโลวีนที่ฉายพิเศษในคืนนี้ กว่าจะจบก็ดึกมากแล้ว นอกจากเสียงลมที่พัดกิ่งไม้มาเคาะหน้าต่างอยู่ครั้งสองครั้ง ก็ไม่มีเสียงหรือเหตุการณ์อะไรน่าหวาดหวั่นเกิดขึ้น ตอนที่เขาตัดสินใจว่าจะไปเข้านอนอยู่นั่นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

      ...ใครมาบ้านเขาดึกดื่นป่านนี้กันนะ? หรือว่าพ่อกับแม่จะกลับมา?....

      เขาค่อยๆเดินไปที่ประตู และเกือบจะเปิดออกไปดูอยู่แล้ว เมื่อระลึกถึงคำพูดของมิโดริม่าได้เขาก็เลยมองตาแมวออกไปก่อน

      "อาคาชิคุง สวัสดีครับ" เขาเปิดประตูออกมาด้วยความประหลาดใจ อาคาชิมองเขาด้วยรอยยิ้มและในมือมีถุงขนมจากร้านสะดวกซื้อถุงใหญ่

      "แอบหวังว่าอยากให้เป็นคนอื่นหรือเปล่าเท็ตสึยะ ขอโทษทีที่มารบกวนตอนดึก ได้ข่าวจากชินทาโร่ว่านายหาเพื่อนอยู่ด้วยในคืนฮัลโลวีน บังเอิญว่าฉันมาทำธุระแถวนี้เสร็จแล้ว ก็เลยแวะซื้อขนมมาอยู่เป็นเพื่อนนายดีกว่า"  

      "เข้ามาสิครับอาคาชิคุง" คุโรโกะหลีกให้ร่างผมสีแดงก้าวเข้ามาในบ้านก่อนจะปิดและล็อคประตู "ผมกำลังดูทีวีอยู่เลย จะเอาน้ำชาหรือน้ำผลไม้ดีครับ"

      "ไม่ล่ะ ฉันยังไม่หิวเท่าไหร่ ไว้ดึกกว่านี้ก่อนก็ได้ มานั่งดูทีวีด้วยกันสิ" อาคาชิเอ่ยชวนพร้อมกับหยิบรีโมทจากโต๊ะข้างโซฟา เมื่อมองสิ่งที่กำลังฉายอยู่ในทีวีเขาก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ "ฉันเพิ่งรู้ว่านายชอบดูการ์ตูนสาวน้อยนะ เท็ตสึยะ"

      "ไม่ใช่สักหน่อยครับ ผมดูหนังรายการพิเศษรายการก่อนหน้านั้นต่างหาก" คุโรโกะคิดว่าตัวเองพูดด้วยเสียงราบเรียบตามปกติ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจับความเคืองเล็กๆที่แฝงในน้ำเสียงได้ เพราะอาคาชิหัวเราะออกมา

      "นั่นสินะ แต่ฉันนึกภาพนายเป็นโอตาคุดูการ์ตูนตาหวานพวกนั้นออกอยู่นะ"

      "อย่านึกภาพคนอื่นในแง่แปลกๆสิครับ"

      เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คุโรโกะมองไปที่ประตูอย่างแปลกใจ

      "ผมไปดูก่อนนะครับ"

      "ตามสบาย"

      ครั้งนี้เขามองลอดตาแมวออกไปแต่ไม่พบใครเลย

      ....สงสัยอาจเป็นพวกเด็กๆมาเล่นพิเรนทร์ล่ะมั้ง.....

      คุโรโกะหมุนตัวกลับจะเดินไปห้องนั่งเล่น แต่แล้วเสียงเคาะประตูกลับดังขึ้นอีก

      ....ยังเล่นกันอยู่อีกเหรอ หรือเขาควรเปิดออกไปดุดีนะ...

      แต่ครั้งนี้เมื่อเขามองลอดทางตาแมวอีกครั้งกลับเห็นสีแดงเหมือนเลือดนองอยู่ที่พื้นหน้าห้อง คุโรโกะสะดุ้งตกใจถอยออกมาจากประตูมาสองก้าวโดยไม่รู้ตัว

      .....มีคนแกล้งกันเล่น หรือว่า?.....

      หัวใจเขาเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำอีกแล้ว และเมื่อเขาเหลือบไปดูที่พื้นประตูหัวใจเขาก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

      .....กองเกลือที่เขาโรยไว้กลายเป็นสีดำ...

      "ใครมาเหรอ เท็ตสึยะ" เสียงของอาคาชิดังมาจากด้านหลัง

      "อาคา.." คำพูดที่จะพูดต่อถูกกลืนหายไปในลำคอ เมื่อดวงตาสีฟ้าหันไปสบร่างของเพื่อนที่ยืนในบ้านก็ต้องตกใจสุดขีด เพราะเห็นว่าบนร่างของอาคาชิมีเลือดและรอยแผลอยู่เต็มไปหมด และเงาของอาคาชิที่ทาบอยู่บนพื้นก็มีปีกและเขาของปีศาจ เขานึกอยากจะตะโกนออกไปว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย แต่ริมฝีปากของร่างนั้นที่แสยะยิ้มขึ้นทำให้ความหวาดกลัวสะท้านไปทั่วร่าง ในวินาทีนั่นคุโรโกะก็คิดอะไรไม่ออกอีกต่อไปแล้ว

      "ทำไมไม่เปิดประตูล่ะเท็ตสึยะ ทุกคนกำลังรออยู่นะ แต่ประตูนั่นก็ขวางพวกเราไว้ไม่ได้แล้วล่ะ"

      เหมือนกับเป็นภาพสโลวโมชั่นเมื่อเขาเห็นมือมากมายค่อยทะลุผ่านประตูและพาร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของคนที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเข้ามา

      ....คิเสะคุง มุราซากิบาระคุง อาโอมิเนะคุง มิโดริม่าคุง....

      "เพราะนายได้เปิดประตูรับ 'ฉัน' เข้ามาแล้ว"

      ทุกร่างที่เขาเห็นล้วนเป็นใบหน้าของคนที่เขารู้จักดี แต่บรรยากาศกลับต่างไปอย่างลิบลับ ดวงตาของ'พวกนั้น' สว่างขึ้นมาท่ามกลางความมืด กลิ่นอายของความตาย ขี้เถ้า ควันไฟ น้ำมันรถ และเลือดอบอวลไปทั่วห้องจนทำให้เขาอยากจะอาเจียนออกมา

      "กลับไปอยู่กับทุกคนเถอะนะ เท็ตสึยะ พวกเราคิดถึงนาย"

      "คุโรโกจจี้ใจร้ายจังเลยที่ลืมเรื่องทั้งหมดไปแบบเนี้ย ชดใช้ด้วยการเข้ามากอดฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ"

      "นายพูดอะไรของนายห่ะ คิเสะ เท็ตสึจะต้องมาเล่นกับฉันต่างหาก"

      "คุโรชิน ฉันมีของอร่อยอย่างให้นายชิมเยอะแยะเลย เริ่มจากรสชาติของนิ้วมือฉันเป็นไง"

      "โทษทีนะคุโรโกะ ฉันไม่ได้เป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้นะ"

      .....อย่าบอกนะว่า....ทุกคน.....อุบัติเหตุนั่น.....

      คุโรโกะอยากจะกรีดร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง เขาไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย แผ่นหลังของเขาแนบกับกำแพงเย็นเฉียบโดยมีร่างอีกห้าร่างรายล้อมรอบให้เขายอมจำนน เขาอยากจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ทุกอย่างกลับจุกอยู่ในคอ

      "นายไม่มีทางหนีไปได้หรอก เท็ตสึยะ" มือของอาคาชิยื่นเข้ามาใกล้ เขาได้กลิ่นของความตายอย่างชัดเจน เขาหลับตาด้วยความหวาดกลัว

      ไม่มีทางหนีอีกแล้ว!!!

      "คุโรโกะ!!!" ทันใดนั้นทุกอย่างที่เขาเห็นกลับกลายเป็นใบหน้าหงุดหงิดเป็นนิจของเพื่อนผมสีแดง คู่หูคนใหม่ของเขานั่นเอง

      "เป็นอะไร ฝันร้ายหรือไงเจ้าบ้า นายร้องเสียงดังซะฉันตกใจหมดเลย" ร่างนั้นแค่นหัวเราะกึ่งยิ้มเยาะ "นายเป็นเด็กเล็กๆ หรือไง โตขนาดนี้แล้วยังร้องเพราะนอนฝันร้ายเนี่ยนะ"

      ถ้าเป็นปกติเขาก็คงอิกนิทพาสใส่ท้องกับคนไร้มารยาทตรงหน้าไปแล้ว แต่น้ำตากลับไหลออกมา

      "ผ..ผมฝันไปเหรอครับ"

      "ก็เออสิ สับสนอะไรล่ะ อย่าบอกนะว่านายฝันเห็นมิลค์เชคของนายถูกถอดออกจากรายการอาหาร ร้องเสียลั่นเชียว"

      คุโรโกะพบว่าเขาอยู่บนเตียงในห้องของตัวเอง

      "คางามิมานอนค้างห้องผม?"

      "นายเป็นคนชวนฉันเองนะ อย่ามาทำงง ฉันง่วงจะแย่แล้ว" คางามิไม่พูดเปล่า แต่ปีนขึ้นมาบนเตียงนอนด้วย "ถ้าฉันนอนกอดนายไว้ก็คงไม่นอนฝันร้ายใช่ไหม เจ้าบ้า"

      คุโรโกะคิดจะท้วงว่าเขาไม่ใช่เด็กเล็กเสียหน่อย แต่พอได้สัมผัสไออุ่นของร่างกายและเสียงเต้นของหัวใจอีกฝ่ายแล้วเขากลับรู้สึกสงบและเคลิ้มหลับไปทันที แต่ระหว่างกระบวนการนั้นเขายังรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแว่วเบาๆ อยู่ในหัว

      ..."พวกเราจะมาหาใหม่ปีหน้านะ เท็ตสึยะ"...

      นาทีต่อมาคุโรโกะก็ตกลงไปในห้วงขอความฝันที่อุ่นสบาย คางามิมองร่างในอ้อมแขนและกำชับร่างนั้นไว้แน่น

      "ฉันไม่ให้พวกนั้นได้นายไปหรอกคุโรโกะ" คางามิกระซิบบอกร่างที่หลับไหลไปแล้ว เขาสังเกตเห็นว่าหลายวันที่ผ่านมาร่างนั้นดูเหม่อลอยผิดปกติ แถมบางครั้งก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาคุยด้วยตาเหม่อลอยเหมือนโดนมนตร์สะกด โชคดีที่เขาสังหรณ์ใจไม่ดีและรีบมาที่ห้องของร่างบางในคืนนี้ ดวงตาสีแดงมองอย่างเคียดแค้นไปที่ภาพถ่ายข้างหัวนอนที่เขาเคยบอกคุโรโกะหลายครั้งแล้วว่าให้โยนทิ้งไป ภาพนั้นเป็นภาพถ่ายรวมของกลุ่มทีมบาสเกตบอลตอนม.ต้นมีกลุ่มทีมแห่งปาฏิหารย์ยืนกอดคอรายล้อมร่างเล็กผมสีฟ้าตรงกลางเอาไว้ ทุกคนต่างมีรอยยิ้มสดใสในชุดไปเที่ยว ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าที่มุมขวาของภาพมีรถคันเดียวกับภาพในข่าวอยู่ด้วย บังเอิญที่คุโรโกะไม่สังเกตเห็นและไม่มีทีท่าจะจำได้ว่าภาพนั้นถ่ายในเช้าวันนั้นก่อนที่จะขึ้นรถไปและเกิดอุบัติเหตุ คุโรโกะบอกว่าเหตุการณ์รถคว่ำของเขา กับ อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตของเพื่อนร่วมทีมเกิดขึ้นคนละที่กัน แต่คางามิเชื่อว่านั่นเป็นเรื่องโกหกที่คนอื่นๆบอกเพื่อให้คุโรโกะสบายใจมากกว่า เพราะเขาเคยไปขุดค้นเนื้อหาข่าวนั้นมาแล้ว

      ........รอดปาฏิหารย์ ห้านักบาสบังเพื่อนรอดรถคว่ำหนึ่ง.......



      ....คนพวกนั้นรักนายและเลือกให้นายมีชีวิตรอด...

      ....แต่คนพวกนั้นก็ตายไปแล้ว...ต่อให้พวกมันขายวิญญาณให้ซาตานฉันก็ไม่สน...พวกมันไม่มีสิทธิในตัวนายอีกแล้ว

      ....นายเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่นะคุโรโกะ.....

      .....
      ..นายต้องเป็นของฉันเท่านั้น...

       

      -=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

      เพิ่งเคยเขียนแนวสยองเป็นครั้งแรกค่ะ ขออภัยที่ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ เขียนล่วงหน้าไว้หลายอาทิตย์แล้ว แต่ก็ยังบรรยายให้ดีขึ้นไม่ได้ก็เลยต้องอัพขึ้นมาทั้งๆอย่างนั้น เป็นคนกลัวผีด้วย ก็เลยอ่อนประสบการณ์ทั้งอ่านเขียนในด้านนี้ ทำใจกล้าอ่านแนวนั้นไม่ลงด้วย แต่อยากเขียนเรื่องฉลองฮัลโลวีนบ้าง ถ้าใครมีข้อแนะนำก็ขอคำแนะนำด้วยนะคะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×