.....หากท้องฟ้ายามค่ำคืนไร้ซึ่งดวงดาว...เปรียบดั่งความมืดไร้ที่สิ้นสุด
.....หากดวงดาวขาดท้องฟ้ายามราตรี...เปรียบดั่งก้อนหินไร้ซึ่งแสงสว่าง
.....หากเธอเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน...ฉันจะเป็นดวงดาวให้เธอโอบกอด
.....ท้องฟ้ากับดวงดาวไม่อาจพลาดจากกัน...และจะอยู่ด้วยกันชัวนิรันคร์
เสียงร้องขับขานท่ามกลางทุ่งกว้างบนยอดเขาอันเงียบสงบของหญิงสาวในยามรัตติกาล เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำเธอมีความสุขมากกว่าสิ่งอื่นใดเธอมีผมสีดำยาวไปถึงกลางหลังกับดวงตาสีน้ำทะเลลึก เธอนั่งอยู่บนพื้นหญ้าใกล้ปากเหวไม่มากนักแล้วยังคงร้องเพลงซ้ำๆไปเรื่อยๆ เมื่อดวงอาทิตย์ตกลงเธอจะมานั่งร้องเพลงแบบนี้ทุกวันเพื่อรอให้คนๆหนึ่งกลับมาเป็นเช่นนี้มาตลอด 2 ปี
3 ปีก่อน
“เอาล่ะเสร็จแล้ว”เด็กสาววัย16 ปี กำลังวุ่นอยู่กับการทำงานบ้านกลางเขาของเธอ
“ต่อไปก็ไปเก็บสมุนไพรสินะ”เธอเดินเข้ามาในบ้านคว้าตะกล้า เคียว และหมวก แล้วจึงเดินเข้าไปในป่าเพื่อเก็บสมุนไพรมาทำยาโดยเฉพาะ
เหมียว เหมียว
“หืม มีอะไรรึจ๊ะเจ้าแมวน้อย”ลูกแมวป่าสองตัวตัวเดินเข้ามาหาเด็กสาวอย่างเป็นมิตร แต่ท่าทางแปลกๆ พวกมันเข้ามากันชายกะโปรงชองเธอเหมือนกับจะเรียกให้เธอตามมันไป เด็กสาวอยู่ในป่านี้มาตั้งแต่เล็กเธอจึงเป็นที่รู้จักของสัตว์ในป่าดีตัวเธอเองก็เหมือนกัน สุดท้ายก็ตามมันมาถึงบนยอดเขาที่มีแต่ทุ่งหญ้า
“พาฉันมาที่นี้ทำไม อ่ะ!”ไม่นานนักเธอก็เริ่มเห็นอะไรลางๆตรงใจกลางทุ่งกว้าง คนนี่นา!!
“นี้คุณทำใจดีๆไว้ก่อนค่ะ”เธอรีบวิ่งเข้าไปหาทันที ภาพที่เธอเห็นตอนนี้คืนร่างของชายวัยเดียวกันกับเธอเรือนผมสีดำเลือบน้ำเงินดวงตาสีทองนอนสลบอยู่ ที่แขนขวามีรอยงูกัดอยู่
“อาจเป็นงูมีพิษ ต้องรีบเอาพิษออก”เธอใช่ปากบางๆของตนค่อยๆดูดพิษจากแผลแล้วค่อยคายทิ้งทำไปจนพิษจางลง เธอเอาเคียวใส่ตะกล้าแล้วให้ลูกแมวป่าสองตัวช่วยกันคาบตามเธอที่ค่อยพยุงผู้บาดเจ็บกลับไปบ้าน
ผ่านไป 4 ชั่วโมงในช่วงเย็น
“อะ อืม”เด็กหนุ่มครางเสียงเล็กน้อยหัวของเขามึนไปหมดจนแทบจะจำอะไรไม่ได้ เขาเริ่มมองซ้ายขวาสำรวจรอบๆว่าตนอยู่ที่ไหนกัน
“ตื่นแล้วรึค่ะ”เสียงเด็กสาวร่างบางเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหารที่มีขนมปังกับซุปอยู่ เธอค่อยๆวางอาหารไว้บนโต๊ะข้างๆเตียงคนเจ็บ
“ผมอยู่ไหนครับ”
“บ้านฉันค่ะ หรือก็คือกลางเขา”เธอตอบเขา “คุณถูกงูกัดแต่ฉันเอาพิษออกให้แล้ว กินข้าวก่อนแล้วค่อยกินยาตามมันจะช่วยล่างพิษในตัวคุณอีกที”เธอบอกพรางหยิบกาน้ำชาที่ไว้อยู่บนโต๊ะก่อนแล้วนรินใส่ถ้วย รึนั้นก็คือยาสมุนไพรที่เธอปรุงเอง
“ขอบคุณที่ช่วยนะครับ”เด็กหนุ่มแสดงความขอบคุณออกมาจากใจ
“ที่ต้องขอบคุณน่ะ น่าจะเป็นลูกแมวป่าสองตัวนี้มากกว่าค่ะ มันช่วยนำทางให้น่ะ”เธอมองกลับไปชายกระโปรงด้านหลังของเธอ
“งั้นเหรอ ขอบใจนะเจ้าเหมียว”เขาหันไปมองลูกแมวป่าสองตัวที่อยู่ด้านหลังของเด็กสาว “ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมชื่อ ไลโอ แล้วคุณล่ะ”เด็กหนุ่มแนะนำตัวเองกับเด็กสาวแล้วถามถึงนามของร่างบาง
“ฉันชื่อ เซน่า ค่ะ”เธอตอบคำถามของเด็กหนุ่มพร้อมกับรอยยิ้ม
แล้วนั้นคือจุดเริ่มต้นทั้งหมด
ผ่านไป 5 วัน
เวลาช่วงบายซึ่งเป็นเวลาว่างของเซน่าและก็เป็นช่วงที่เธอว่างสุดๆ ไม่มีอะไรให้ทำเลย เธอได้แต่นั่งร้องเพลงไปวันๆวันนี้ก็เช่นกัน
“ทำอะไรอยู่รึครับ”ไลโอเดินเข้ามาหาเซน่าในบ้านที่กำลังจะร้องเพลง
“เปล่าค่ะ ฉันแค่ร้องเพลงเล่นๆ พอดีทำงานเสร็จแล้ว”
“งั้นมากับผมหน่อยได้ไหมครับ”ไลโอเดินเข้ามาใกล้เซน่าเขายื่นมือออกมาพร้อมรอคำตอบ
“จะไปไหนรึค่ะ”เธอถามเขาอย่างสงสัย
“ผมอยากไปบนยอดเขาน่ะ”
“เอ่อ ค่ะ”เธอยื่นมือบางของตนส่งให้กับมือหนาของเขาเป็นการตอบตกลงกับคำชวนของเด็กหนุ่ม
บนยอดเขา ทุ่งกว้าง
“ว้าว สวยจังเลยนะครับ ที่นี้”ไลโอชื่นชมกับทิวทัศน์บนยอดเขา สายลมพัดโดนพิวกายกับกลิ่นไอของดอกไม้และต้นหญ้าก็มาพร้อมกับสายลม
“จุดนี้เป็นจุดที่สวยที่สุดของภูเขาลูกนี้เลยนะค่ะ ว่าแต่ไลโอไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยรึ”คำพูดของเซน่าทำให้ไลโองงกับคำถามที่ถามเขา”ก็คุณโดนงูกัดที่นี่ ตามปกติก็ต้องกลัวนี้ค่ะ”เซน่าอธิบายใจความให้อีกฝ่ายเข้าใจ
“อ้อ ฮ่าๆ มันก็อาจใช่ แต่ผมเป็นพวกถ้าทำไม่สำเร็จจะไม่เลิกราน่ะสิ”เขาหัวเราะออกมาแล้วหันไปคุยกับเซน่าที่ตอนนี้ทำหน้ายิ่งสงสัยนักกว่าเก่า
“สำเร็จ?”
“ใช่ ผมอยากจะวาดรูปที่นี้สักหน่อยน่ะ อ่ะ”พูดได้สักพักไลโอก็นึกอะไรออก เพราะตอนเขามาถึงครั้งแรกเขานำกระเป๋าสำหรับวาดรูปมาด้วยแต่ตอนนี้ไม่อยู่ซะแล้ว “กระเป๋าของผมหายไปไหนเนี่ย(มันผ่านมา5วันแล้วพึ่งจะนึกออกรึพ่อคุณ)
“เอ๋ มีด้วยเหรอค่ะฉันไม่เห็....”เซน่าหยุดพูดกะทันหันเมื่อเธอเหลือบไปมองด้านหลังของไลโอ ลูกแมวป่าสองตัวเดิมกำลังช่วยกันลากอะไรสักอย่างมาหาพวกเขา ไลโอมองตามทางเดียวกันกับเด็กสาวแล้วนั้นคือ กระเป๋า!
“อ่า เจอแล้วๆ พวกแกเก็บเอาไว้ให้เหรอ ขอบใจนะ”เมื่อพูดเสร็จเขาก็ลูบหัวเจ้าแมวป่าสองตัวอย่างเอ็นดู เจ้าพวกแมวแสนรู้ก็เลียมือของเขาเป็นการตอบรับ ไลโอหยิบสมุดวาดรูปและอุปกรณ์ออกมาแต่ก็หยุดมือและมองไปทางเซน่า
“ถ้าฉันล่ะก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเล่นกับเจ้าสองตัวนี้ก็ได้ ไลโอวาดไปเถอะ”เซน่าชี้ไปทางเจ้าลูกแมวพร้อมยิ้มออกมา
“ผมเป็นคนชวนมาแท้ๆ ขอบคุณนะ เซน่า”
ยามพลบค่ำบรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปตามกาลเวลาแสงแดดจางหายไปทีละนิดตามพระอาทิตย์ตก เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนกลับบ้านใช่เวลากับครอบครัว แต่ไลโอกับเซน่ายังคงอยู่ที่เดิม ไลโอวางมือลงละสายตาจากสมุดแล้วกำลังเก็บเข้าของเข้ากระเป๋า
“เสร็จแล้วรึค่ะ”
“ยังครับ แต่มันมืดแล้ว วาดต่อก็ไม่ไว้ด้วย”เขาพูด “เซน่าคุณเคยอยู่ที่นี่นานสุดเท่าไหร่”
“ประมาณเย็นๆน่ะ ไม่มืดเท่าวันนี้ด้วย”
“งั้นวันนี้อยู่ต่ออีกหน่อยได้ไหม ดาวที่นี้สวยมากเลยนะ”เขาพูดแล้วบิดขี้เกียจก่อนเอนกายนอนบนพื้นหญ้าใช้แขนสองข้างผสานกันไว้ด้านหลังเพื่อหนุนหัว
“คุณพูดยังกับว่าคุณอยู่ที่นี้มานานกว่าฉันงั้นแหละ”เซน่านั่งลงข้างๆไลโอแล้วเบ้หน้าใส่เล็กน้อยแบบหยอกๆ ตัวเธออยู่ที่นี้มานานกว่า แต่เขากับเหมือนจะรู้มากกว่าตนซะอีก
“เอ่อ ผมไม่ได้หมายความยังงั้นนะ แต่ที่จริงผมมาถึงที่นี้ได้ สัปดาห์หนึ่งแล้ว”ไลโอปรับความเข้าใจของอีกฝ่ายให้ถูกต้องถึงแม้ตัวเขาจะรู้ก็ตามว่าเธอกำลังหยอกเขาอยู่
“ค่ะๆ หืม”เจ้าลูกแมวป่าเข้ามานัวเนียเซน่าอีก จนมันตัวหนึ่งไปนอนหนุนตักเซน่า อีกตัวขึ้นไปนอนบนตักไลโอ
“เจ้าสองตัวนี้ เซน่าเลี้ยงมันเหรอ”
“เปล่าค่ะ รู้แต่ว่าพวกมันเป็นลูกแมวกำพรา แม่ของมันติดกับดักนายพราน ก่อนที่พวกมันจะเดินได้ซะอีก”เซน่าพูดพรางลูบหัวเจ้าสัตว์น้อยตัวเล็ก
“ผมว่าเลี้ยงไว้ดีกว่านะมันยังเด็กอยู่คงทำอะไรไม่ได้มาก”
“งั้นจะให้มันชื่อว่าอะละค่ะ มีทั้งตัวผู้และตัวเมียน่ะ”เซน่ากับไลโอครุ่นคิดหาชื่อที่เหมาะสมกับเจ้าเหมียวพวกนี้เมื่อเขาแหงนดูบนท้องฟ้าเขาก็นึกออก
“เจ้าตัวนี้ ชื่อ สกาย ส่วนตัวที่อยู่กับเซน่าชื่อว่าสตาร์ ดีกว่า”เขาชี้นิ้วไปที่แมวบนตักและตัวที่อยู่กับเธอพรางบอกชื่อไปพราง
“สกาย กับ สตาร์?”
“ก็ท้องฟ้ากับดวงดาวไง เจ้าสองตัวนี้เป็นพี่น้องกันใช่ไหม ตัวที่อยู่กับเซน่าน่ะสีออกอ่อนๆหมือนดาวส่วนตัวที่อยู่กับผมสีออกดำเข้มเหมือนกับท้องฟ้ายามค่ำคืน แบบว่าผมชอบน่ะ”
“ค่ะก็ดีเหมือนกัน ว่าแต่ไลโอมาเที่ยวเหรอ”
“อย่างผมอย่างเรียกเที่ยวดีกว่า ผมหนีออกมาน่ะ”
“หนีออกจากบ้าน? ทำไมล่ะ”
“ตั้งแต่เด็กผมใช่ชีวิตอย่างมีค่าสำหรับผู้อื่นแต่สำหรับตัวเองถือว่าสูญเปล่า”ยิ่งเขาเล่าเรื่องราวของตนมากเท่าไรรอยยิ้มของเขาก็จางลงมากเท่านั้น “ผมไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ ไม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำ ผมทำได้แต่ทำตามคำสั่งของพวกผู้ใหญ่ เรียนหนังสือ ทำความเข้าใจกับการเมือง ฝึกวิชาป้องกันตัว ทำแบบนี้ทุกวัน จนกลายเป็นชีวิตประวันที่แทบจะไม่เห็นอนาคตเลย ที่ผมวาดรูปเป็น เพราะตอนเด็กๆชอบแอบไปวาดรูปกับคุณแม่น่ะ”ใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้ไร้ซึ่งรอยยิ้มไม่ใช่แค่นั้นแต่มือของเขาเริ่มสั่นมากขึ้น “สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจหนีออกมาก็เพราะ ผมจะถูกจับแต่งงานน่ะ”
“เธอไม่ดีเหรอค่ะ”เซน่าฟังเรื่องทั้งหมดก็เศร้าแทนเจ้าตัว ชีวิตที่ถูกกักขังมาโดยตลอดก็ไม่ต่างกับนกที่ถูกขังอยู่ในกรงไม่สามรถโบยบินไปไหนได้ต้องทำตามผู้อื่นเสมอ ไร้อิสรภาพ แม้เธอฟังแล้วก็ไม่อยากให้เขาพูดอะไรไปมากกว่านี้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามแล้วดูเหมือนว่าไลโอจะตอบมันออกมาอย่างไม่ลังเลเลย
“ไม่รู้สิผมยังไม่เคยเจอเธอเลย แต่ถ้าผมอยู่ต่อไปเพื่อแต่งงานกับเธอ พวกเราก็จะเป็นได้แค่เครื่องหาทุน การสร้างอาวุธ ในการก่อสงครามขึ้นเท่านั้นเอง”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้
“ฉันเข้าใจคุณดีค่ะ ฉันเองก็เสียพ่อแม่ไปเพราะสงครามเหมือนกัน”มือเรียวของร่างบางไปสัมผัสใบหนน้าของเด็กหนุ่มเหมือนค่อยเป็นการปลอบประโลม พอไลโอได้ฟังก็ชะงักไปพักหนึ่งยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะพูดอะไรเด็กสาวก็เป็นฝ่ายตัดหน้าเสียก่อน “พ่อของฉันเป็นขุนนางตระกูลเก่าแก่ ท่านมาพบรักกับแม่ที่เป็นคนธรรมดา พวกท่านพันฝ่าอุปสรรค์มามากมาย ท่านพ่อไม่ฟังเสียงคัดคานของคนรอบข้าง ท่านแม่ก็ไม่ยอมฟังคำเตือนของท่านน้าสุดท้ายก็แต่งงานกันจนมีฉันมา แต่ก็แน่นอนพวกคนในบ้านไม่ยอมรับท่านแม่หรือฉัน ท่านพ่อก็เลยพาพวกเราออกไปอยู่ข้างนอก” ไม่ต่างจากตอนของไลโอคราวนี้เซน่าเองที่สลดแทน ส่วนไลโอเป็นฝ่ายรับการระบายแต่เขาก็ปล่อยให้เธอพูดต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะห้ามเลย เพราะอย่างน้อยก็น่าจะทำให้เธอสบายใจได้บ้าง “ แต่พวกเราโดนลูกหลงจากสงครามพวกเราสามคนถูกบ้านที่ถูกไฟเผ่าทับเข้าอย่างจังอยู่ในสภาพตลอดวันกว่าๆ...”เธอหยุดพูดไปพักหนึ่งไลโอสังเกตใบหน้าของเธอ ตอนนี้เธอพยายามก้มหน้าลงแต่ถึงยังเขาก็ยังคงน้ำใสที่ไหลอาบของเธออยู่ดี “ฉันรอดมาได้ ฮึก ก็เพราะ พวกท่านทั้ง สอง ฮึก ใช่ร่างตนเป็นเกราะกำบังให้ฉัน ฮึก หลังจากนั้นท่านน้าก็พาฉันมาที่บ้านบนเขาท่านค่อยเลี้ยงฉัน แต่นั้นก็เป็นเรื่องเมื่อ4ปีก่อน”
“.........”
“อ่ะ ขอโทษค่ะ พูดอยู่ดีๆก็ร้องไห้...”เด็กสาวหยุดชะงักเมื่อมือของเด็กหนุ่มกำลังเช็ดน้ำตาให้เธอ ตอนนี้เขาลุกขึ้นมานั่ง มือของเขานั้นทั้งใหญ่ และอบอุ่นมากจนทำให้น้ำตาของเธอหยุดไหลโดยไม่รู้ตัว
“ถ้าคุณอยากจะร้องไห้ ก็ร้องเถอะ ไม่ผิดหรอก ถ้าหากเซน่าไม่สบายใจก็ระบายมาที่ผมก็ได้ ผมจะคอยรับฟังเอง”น้ำตาที่เคยหยุดไหลตอนนี้มันกำลังจะทะลักออกมาอีกครั้งหลังจากฟังคำพูดของเขา เซน่าได้แต่นั่งร้องไห้โดยมีไลโอคอยลูกหัวอยู่ข้างกายจนเธอผล็อยหลับไป และเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องแบบเธอกลับไปที่บ้าน
เมื่อถึงบ้านไลโอค่อยๆว่างตัวเซน่าอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เธอตื่นพร้อมจัดท่านอนและห่มผ้าห่มให้เธอ สกายกับตาร์ที่เดินตามมาที่หลังพอมาถึงก็นอนอยู่ข้างเตียงของหญิงสาว เขามองหน้าเธอสักพักยกมือขึ้นมาเกลี่ยผมที่ปรกหน้าเธออยู่ก่อนจะพึมพำออกมา
“ในชีวิตผม ไม่มีใครเคยมองผมจากใจเลยสักครั้ง ไม่เคยเล่นกับผม ไม่เคยเชื่อใจผม ไม่เคยรักผม คุณจะเป็นแบบนั้นรึเปล่านะ เซน่า”
วันเวลาผ่านไป1ปี ไลโอกับเซน่าอยู่ด้วยกันจนกลายเป็นหนึ่งของกันและกันตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ในเวลาบายของทุกวันทั้งคู่จะพากันไปบนยอดเขาพร้อมกับเจ้าตัวแสบสองตัว มันไม่ใช่ลูกแมวป่าอีกต่อไปไลโอจะคอยวาดภาพต่างๆจากบนนั้นหรือเป็นบางครั้งเซน่าจะร้องเพลงให้ฟัง พวกเขาอยู่กันจนมือค่ำนอนดูดาวแล้วจึงกลับบ้านจนกลายเป็นกิจวัตร แล้วมันอาจควรเป็นเช่นนี้ตลอดไป ถ้าไฟแห่งสงครามไม่มาถึงพวกเขา
...........................................................................................
สวัสดี เรา eriga เป็นเรื่องแรกที่ทำเป็นเรื่องสั้น แต่มันยังไม่จบ เม้นกันด้วยนะ
อย่าทำเป็นนักอ่านเงา