ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขโมยหัวใจหนุ่มเจร็อค

    ลำดับตอนที่ #1 : in japan

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 52


    1
    สนามบินสุวรรณภูมิ
                    “ออนเมล์บ่อยๆ เพื่อนๆ ทุกคนจะคิดถึงเธอมากๆ T^T เลยล่ะ
                    “T_T อืม ขอบใจพวกเธอทั้งหมดนะ ฝากบอกพวกเพื่อนๆ ที่เหลือด้วย ฉันจะไม่ลืมทุกคนเลย
                    ฉันเข้าไปสวมกอดเพื่อนทีละคน ก่อนจะมาประจันหน้ากับแม่ แต่พอฉันจะสวมกอดแม่  แม่กลับถอยห่างฉัน เพราะอะไร...ทำไมแม่ถึงเย็นชากับฉันขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อวาน... ความสัมพันธ์ดูเหมือนจะคืบหน้าด้วยซ้ำ 
                    “แม่จะส่งเงินไปให้ทุกเดือนนะ ใช้ประหยัดหน่อยก็แล้วกันที่ญี่ปุ่นมีแต่เรื่องเสียเงินเยอะค่าครองชีพก็สูงดูแลตัวเองด้วยถ้าลูกถึงญี่ปุ่นเมื่อไร จะมีรถมารอรับลูกที่หน้าสนามบิน อ่ะ..! นั่น มาพอดีเลย
    ฉันหันไปตามเสียงของแม่  แม่กำลังวิ่งไปจูงมือเด็กชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง อายุประมาณสัก 8 ขวบ และข้างๆ แม่คือผู้ชายดูท่าทางมีภูมิฐานที่กำลังเดินมาพร้อมกับแม่พวกเขาเดินตรงมาทางฉันตอนนี้หน้าฉันชาไปหมด
                    “เคียวโกะ นี่คุณพิรัตน์ เรากำลังดูใจกันอยู่ แล้วนี่ก็ลูกชายของเขา หรือก็ คือน้องของเคียวโกะนั่นแหละ กอล์ฟครับทักทายพี่เคียวโกะหน่อยสิครับ พี่เขาจะไปญี่ปุ่นวันนี้แล้วลูก
                    ดูกิริยาท่าทาง แม่ฉันที่อยู่ต่อหน้าพ่อหม้าย   ลูกติดสองคนนี้แล้ว มันทำให้ฉัน...
                    “^^ดีคับ พี่เคียวโกะ พี่น่ารักมากเลยนะครับ คุณแม่พี่เคียวโกะ ใจดีมาก ๆเลย ซื้ออะไรให้ผมตั้งเยอะ แถมยังชอบกอดผมกับหอมแก้มผมบ่อยๆ ด้วย คุณแม่เขาดีกับผมมากๆ เลย
                    “ก็ลูกกอล์ฟน่ารักอย่างนี้ไงครับ คุณแม่ถึงรักหนู
    คุณแม่..งั้นเหรอ ฉันมองภาพตรงหน้าด้วยความอิจฉาเด็กคนนั้นไม่ได้ออกมาจากท้องของแม่..แต่ทำไมแม่ถึงเข้าไปโอบกอดเด็กคนนั้นราวกับเขา มีเลือดของแม่อยู่ในตัว แต่กับฉัน แม่กลับเลี่ยงที่จะไม่ให้ฉันกอด ทั้ง ๆที่ฉันกำลังจากแม่ไป ทำไม...มันเกิดจากอะไร นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าแม่ไม่ได้รักฉันเลย
                    “ดูเป็นครอบครัวที่น่ารักดีนะคะเหมาะสมกันมากเลย ฉันสบตากับแม่เนิ่นนาน ก่อนจะมีเสียง ประกาศให้เตรียมตัวขึ้นเครื่อง
                    “ไปก่อนนะทุกคน ลาก่อนนะคะ ขอให้แม่มีความสุขกับครอบครัวใหม่ ^^”
                    ฉันยิ้มให้แม่ ก่อนจะเดินตามคนอื่นๆ ที่ไปญี่ปุ่นเหมือนฉัน ตลอดทางแอร์โฮสเตสมากมายยิ้มต้อนรับลูกเครื่องของเขาอย่างนอบน้อมแต่หัวใจฉันกลับรู้สึกโหวงเหวงราวกับไม่เหลืออะไรแล้ว.. ทั้งๆที่ฉัน รู้สึกเจ็บปวดและอยากร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของฉันกลับทำได้แค่เพียงมีน้ำใสๆ เอ่อรอบดวงตาเท่านั้น.
                   
                    สนามบินนาริตะ
                    หลังจากที่นั่งเครื่องบินมานานหลายชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงสนามบินนาริตะในประเทศญี่ปุ่นพ่อโทรถามฉันตลอดระยะทางที่นั่ง จนกระทั่งมาถึง ฉันเดินมาตามทางที่พ่อบอก ทางออกจะมีรถมารอรับ ที่พ่อเตรียมมาให้แล้ว หลังจากที่ฉันต้องเดินเบียดเสียดกับคนมากมาย ออกมาหน้าสนามบิน ก็ปรากฏร่างชายที่ดูมีอายุมากคนหนึ่งโค้งให้ฉันก่อนที่เขาจะเอาอะไรบางอย่างออกมา
                    “คุณเคียวโกะใช่มั้ยครับ ^^”ชายที่มีอายุนั่นว่า พลางเอา กระดาษสิ่งนั้นมาจ่อที่หน้าฉัน =O= สิ่งนั้น น่าจะเป็นรูปถ่ายของฉันที่พ่อให้เขามารอรับฉันแน่ๆ เพื่อไม่ให้รับผิดคน ^^ ชายที่ดูมีอายุคนนั้น พลางเดิน อ้อมมาเปิดประตูรถให้ฉัน ฉันจึงรีบโค้งให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ
                    “ใช่คะ ฉันเคียวโกะ...ขอโทษนะคะ ลุงชื่ออะไรเหรอคะ ^^”
                    “คุเซนโด ทาเคชิ ครับ ^^”
                    ลุงทาเคชิว่าพลางสตาร์ทรถ แล้วขับออกจากสนาม บินอย่างช้าๆ ฉันที่นั่งอยู่ในรถ ลีมูซีนคันหรู พลางทอดสายตาไปที่ตึกสูงระฟ้าอยู่ตรงหน้าด้วยความสนใจ ฉันไม่ได้มาที่นี่มาหกปีแล้ว ญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและทันสมัยเร็วมาก เมืองหลวงอย่างโตเกียว กลายเป็นจุดศูนย์รวม ทางแฟชั่น และวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นอย่างดีที่สุด ภาพจากเว็บไซต์   ในอินเทอร์เน็ต ถนนฮาราจูกุ ที่ฉันหาข้อมูลก่อนที่จะมา เทียบไม่ได้เลย เมื่อได้มาเห็นจริงๆ เด็กวัยรุ่นชายหญิง มากมายกำลังเดินเบียดเสียดดูของใช้ และเสื้อผ้าเป็นกลุ่มๆ ด้วยความสนุกสนาน เห็นแล้วอยากมาเดินดูกับนุ่นและพีค ที่ญี่ปุ่นบ้างจังเฮ้อ  ไม่รู้ว่า มิยะจะปลอมตัวมาเดินดูของ ด้วยหรือเปล่านะ.. อ่ะ >O< น่าตื่นเต้นจัง...สาวญี่ปุ่นนี่ แต่งตัวเก่งจริง ฉันชอบสาวญี่ปุ่น ตรงที่พวกเขา เป็นตัวของตัวเอง ชอบแต่ง ตัวแบบไหน ก็แต่งตามสไตส์ที่ตัวเองชอบ อืม ฉันมีความรู้สึกว่าฉันชอบการแต่งตัวแนวโลลิต้า พวกสาวหวานๆน่ะ
                    รถแล่นมา เรื่อยๆ จนกระทั่งออกมานอกชานเมือง สักพัก ลุงทาเคชิก็ขับรถมาหยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง กลิ่นอายแห่งความเป็นญี่ปุ่น ตลบอบอวลไปทั่วบ้านทรงญี่ปุ่นแบบโบราณรอบบ้านกว้างมากลุงทาเคชิวิ่งมาช่วยฉันถือกระเป๋าหลังจากที่ฉันลงจากรถแล้ว พร้อมกับพวกแม่บ้านก็เข้ามาช่วยฉันถือด้วย
                    “ ขอบคุณคะ ^_^”ฉันว่าพลางโค้งเป็นเชิงขอบคุณ
                    “ไม่เป็นไรคะ มันเป็นหน้าที่ ตามมาเลยนะคะ ของนี่ พวกดิฉันจะขึ้นไปไว้ให้ ในห้องคุณเคียวโกะ เรียกฉันว่า โมโมกะ นะคะ ^^”
                    ฉันโค้งแนะนำตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปข้างในถอดรองเท้าไว้ที่เก็งกังโดยหันหัวรองเท้าไปทางประตู ฉันค่อยๆ สวมรองเท้าเกี๊ยะที่โมโมกะนำมาให้ เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน   ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามตามแบบฉบับของญี่ปุ่น เห็นแม่บอกว่าพ่อกับภรรยาใหม่ของเขาร่วมกันสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมา   เมื่อประมาณสี่ปีก่อน หลังจากที่คบหาดูใจกัน จนกระทั่งแม่รู้  -_-^ จึงหย่ากับพ่อไปเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว (- -^)
                    ฉันเดินออกมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง มาหยุดที่นอกชานบ้าน ฉันทอดสายตาไปที่ต้นไม้นานาพันธ์ที่ถูกจัดตกแต่งเป็นสวนหย่อม เล็กๆ น่ารัก มองดูแล้วสบายใจจัง  >O<
                    “ถูกใจใช่ไหม สวนนั่น เป็นสวนที่หลานชายฉันออกแบบตกแต่งให้ฉันตกใจเล็กน้อย กับเสียงของหญิงวัยกลางคน ที่มีอายุไล่เลี่ยกับแม่ของฉัน
                    “เรียกฉันว่าคุณ ซายาโกะ
                    คุณซายาโกะผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าฉันในตอนนี้คงเป็นภรรยาใหม่ของพ่อฉันสินะเธอดูสวย...นิ่งๆ เหมือนผู้หญิง ที่มาจากตระกูลชั้นสูงของญี่ปุ่น
                    “เข้ามาข้างในเถอะ
                    คุณซายาโกะว่า พลางเดินนำฉันไป ก่อนจะเลื่อนประตู ที่เรียกว่า โชจิ แล้วเดินนำเข้าไปในห้อง พื้นห้องถูกปูด้วยเสื่อทาตามิ กลางห้องมีโต๊ะชาเล็กๆ มีผ้าปูรองพื้นสองผืนวางไว้ ฉันจึงโน้มตัวลงนั่งท่าเทพธิดา โดยนั่งฝั่งตรงข้ามกับคุณซายาโกะ
                    “เดินทางมาเหนื่อยๆ ถ้าได้ชาสักแก้ว เธอคงดีขึ้น คุณซายาโกะว่าพลางรินชาแล้วยื่นมาให้ฉัน บุคลิกเธอดูหยิ่งเหลือเกิน
                    “ไม่น่าเชื่อ ว่าเธอจะเป็นลูกสาวของเคตะ หน้าตาดูดีกว่าที่ฉันคิดไว้ แต่ดูทรามๆ ชอบกล คำนั้นมันทำให้ฉันสำลักน้ำชา
                    “แค่กๆ คุณว่าไงนะคะ ทราม...งั้นเหรอ
                    “ใช่ เธอดูทรามๆ ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเธอกับ มิโดริ ลูกสาวเพียงคนเดียวของฉัน เคตะ จะเอ็นดูใครมากกว่ากัน อะไรนะ เอ็นดูงั้นเหรอ นี่คงจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉัน ตั้งแต่ที่รู้ว่า ฉันจะมาอยู่ที่นี่แล้วสินะ
                    “ฉัน...ทั้งๆ ที่บุคลิกคุณก็ดูดี ทำไมถึงได้มีความคิดแย่ๆ แบบนี้ล่ะคะ แล้วที่คุณคิดว่าฉันทรามถึงฉันจะดูทรามแต่ฉันก็ไม่ได้มีนิสัยแบบคุณก็แล้วกัน ขอตัวคะ
                    “
    จองหอง..เรายังต้องเจอกันมากกว่านี้
                    “ค่ะ...ฉันรู้ดี แล้วฉันก็เตรียมใจมาบ้างแล้ว ว่าอย่างไงซะมันก็ต้องมีปัญหาเกิดขึ้น   แต่ไม่นึกเลย ว่ามันจะรวดเร็วแบบนี้ ฉันพูดได้แค่นั้น ก็รีบเดินออกมาจากห้องนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และก็มาเจอกับโมโมกะเข้าดูเหมือนว่าโมโมกะกำลังตามหาฉันอยู่
                    “อยู่นี่เอง ฉันหาคุณเคียวโกะตั้งนาน
                    “เอ่อ...ไปแถวๆ นี้มาคะ ฉันอยากพักผ่อนเต็มที  ห้องฉันอยู่ไหนเหรอคะ ฉันเลี่ยงที่จะไม่ตอบตรงๆ ไป
                    “ตามมาเลยคะ ^^” โมโมกะว่าพลางเดินนำฉันไป แล้วมาหยุด ที่หน้าห้องๆ หนึ่ง
                    “วันนี้จะมีพิธีเลี้ยงน้ำชา ต้อนรับ คุณเคียวโกะ ทุกคนในวันนี้จึงต้องสวมชุดยูคาตะ โดยคุณเคตะเตรียมชุดนี้ไว้ให้คุณเคียวโกะแล้วคะโมโมกะว่าพลางยื่นชุดยูคาตะ สีชมพูอ่อนลายดอกซากุระมาให้ฉันฉันจึงโค้งเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะรับชุดยูคาตะมาไว้ในมือ
                    “น่ารักมากเลย แต่อย่างนั้นก็เถอะ ฉันไม่เคยใส่ชุดยูคาตะมาก่อน ^^”
                    ”เรื่องนั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะมาช่วยคุณใส่เองตอนนี้คุณเคียวโกะ คงอยากจะอาบน้ำแล้ว ห้องน้ำอยู่ถัดไปอีกสองห้องคะโมโมกะว่าพลางโค้งให้ฉัน ก่อนจะเดินหายไป ฉันจึงเลื่อนประตูเข้าไปดูข้างใน OoO ห้องกว้างจัง น่ารักชะมัด มีโต๊ะกระจกตั้งอยู่มุมห้องข้างๆ มีเสื่อถูกม้วนเก็บไว้ คนญี่ปุ่นมักจะใช้เสื่อในการปูนอนฉันจึงหันไปสนใจเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้   หลังจากพิจารณาในห้องอยู่นาน O.O อ่ะ... มีผ้าปูรองพื้นสองผืนวางทับกันอยู่ในตู้ด้วย สักพักฉันก็ลำเลียงของใช้ต่างๆ จนเสร็จ 
                    “มิยะ ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าฉันจะได้เจอนาย หรือเปล่าแต่อย่างไงซะ การที่ได้มาอยู่ที่นี่ ได้มาอยู่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้ มันก็เป็นสัญญาณแล้วว่า ฉันได้เข้ามาใกล้ครึ่งทางแล้วนะ ^^”
                    ฉันพึมพำกับตัวเองได้แค่นั้น ก็หยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดคลุมอาบน้ำ พร้อมกับเปิดประตูห้องแล้วเลื่อนออก ก็เจอกับผู้หญิงที่มีอายุรุ่นเดียวกับฉัน สายตาเธอจ้องเขม็ง มาที่ฉันด้วยความแปลกใจ หน้าตาน่ารักด้วย
                    “เธอเป็นใคร!” แต่พอฟังตอนถามฉันเนี่ยสิ =O= น้ำเสียงทำอย่างกับฉันเป็นศตรู เธอมาสักสิบชาติ -O-
                    “ฉัน ฮิสุมิ เคียวโกะ ^^” ฉันว่าพลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
                    “เธอเองเหรอเคียวโกะ ดูดีเหมือนกันนี่ นึกว่าหน้าตาจะงั้นๆ ซะอีก โทษทีนะฉันไม่อยากรับคำทักทายจากคนอย่างเธอ ={}= อะไรนะ ไม่อยากได้ยินคำทักทาย จากคน อย่างฉัน อย่างงั้นเหรอ
                    “ฉันทักทายเธอดีๆ นะหรือว่า...เธอ มิโดริสินะ
                    “ใช่ ฉันมิโดริ เธอคงจะคุยกับแม่ของฉัน แล้วสินะคุณพ่อ ไม่น่าจัดพิธีเลี้ยงน้ำชาขึ้นมาเพื่อต้อนรับคนที่ไม่มีใครต้องการอย่างเธอเลย
                    “มิโดริ เธอพูดเกินไปแล้วนะ..!”
                    มิโดริสะดุ้งเล็กน้อยที่ฉันตะคอกใส่ เธอเบ้ปากให้ฉันก่อนจะเดินชนไหล่ฉันไป =O=+ กิริยาแบบนั้น มันทำให้ฉันเกียจสองแม่ลูกมากขึ้น
                    “ถึงฉันจะไม่มีใครต้องการ แต่ฉันก็ไม่ได้ มีนิสัยแย่ๆ แบบเธอ และแม่ของเธอ มิโดริ!”
    ฉันตะโกนไล่หลังมิโดริไป มิโดริหันมาท้าทายฉันก่อนจะเดินไป ให้ตายสิ ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่อย่างสงบแน่
     -_- ฉันซุ่มรอมิโดริที่อาบน้ำจนเสร็จ จึงเข้าไปอาบบ้าง หลังจากที่ฉันอาบน้ำเสร็จแล้ว ฉันก็มายืนอยู่ในห้อง แล้วฉันก็กลายเป็นหุ่นที่โมโมกะกับแม่บ้านอีกคน ที่อายุประมาณสามสิบปลายๆ ยูริ เข้ามาช่วยแต่งชุดยูคาตะให้ฉัน
                    “O_O..! คุณเคียวโกะ ใส่ชุดยูคาตะได้น่ารักมากๆ เลยนะคะ
                    ขอบคุณค่ะ^^”
                    “เราไปข้างนอกกันดีกว่านะคะ เมื่อกี้โมโมกะได้ยินเสียงรถคุณเคตะน่าจะกลับมาแล้ว
                    ฉันจะได้เจอพ่อแล้วเหรอ พ่อจะแคร์ฉันเหมือนแต่ก่อนมั้ยนะ ชักไม่อยากไปร่วมพิธีซะแล้วสิ ฉันไม่อยากเจอหน้าแม่ลูกสองคนนั่นเลย แต่ฉันก็ต้องหยุดความคิดไว้แค่นี้ เมื่อโมโมกะกับยูริ ดึงมือฉันให้เดินตามเธอสองคนออกไป
                    ที่ห้องโถงขนาดใหญ่ที่ยูริและโมโมกะเดินนำฉันมา..กลางห้อง มีโต๊ะยาวต่ำขนาดเอวที่ถูกเตรียมไว้เพื่อพิธีดื่มชาที่จะกำลังจะเริ่มขึ้น  บนโต๊ะวางเหยือกชาไว้หัวโต๊ะกับปลายโต๊ะ  แก้วชาเจ็ดใบวางอยู่   ข้างล่างนั้นมีผ้าปูรองพื้นเจ็ดผืนวางไว้
                    “ยูริ... แล้วที่ว่างอีกสามที่ เป็นของใครกันคะ
                    “อ๋อ เป็นของคุณซากุระพี่สาวของคุณซายาโกะ และคุณฮิโตมิ ลูกสาวคนน้อง และลูกชายคนโต พวกเธอ พวกเขาปลูกบ้านข้างๆ กันนี่เอง สักพักเดี๋ยวก็มากันแล้วอยู่บ้านใกล้ๆกันเหรอ คงเป็นบ้านหลังนั้นสินะ
                    สักพักประตูก็ถูกเลื่อนออกเผยให้เห็นพ่อที่เดินมาพร้อมๆ กับคุณซายาโกะและ มิโดริ ถัดมานั้น หญิงที่ดูมีอายุคงจะเป็นคุณซากุระ  และผู้หญิงที่มีอายุรุ่นเดียวกับฉัน ฮิโตมิลูกสาวคนเล็กของคุณซากุระ พ่อเดินมานั่งหัวโต๊ะ โดยที่ฉันนั่งตรงข้ามกับ ฮิโตมิ เธอยิ้มบางๆ มาให้ฉันด้วย
                    “วันนี้เป็นวันที่มีสมาชิกในบ้าน เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน เธอเป็นลูกสาวของผม ^^”
                    “ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าคุณเคตะจะมีลูกสาวที่น่ารักมากๆขนาดนี้ ^^”
                    คุณซากุระเอ่ยขึ้นแล้วยิ้มเอ็นดูมาให้ฉัน เธอดูต่างจากน้องสาวเธอเหลือเกิน ถึงแม้การวางตัวของเธอจะไม่ต่างจากคุณซายาโกะสักเท่าไร แต่ดูท่าทางที่เป็นมิตร นั่นก็ถูกฮิโตมิลูกสาว ลอกเลียนแบบมาทุกประการ  พูดถึงฉันยังไม่เห็นลูกชายคนโตของคุณซากุระเลย?
                    “เคียวโกะ น่ารักอย่างนี้ตั้งแต่เด็กแล้วครับ
                    พ่อว่าพลางหยิบเหยือกชารินให้กับทุกๆ คนในขณะที่คุณซายาโกะและมิโดริมองมาที่ฉันอย่างน่าเวทนาอะไรสักอย่าง สายตาของสองคนนี้มันทำให้ฉันรู้สึกหดหู่...
                    “ลุงเคตะ จะไม่รอพี่มิยะก่อนเหรอคะ รายนั้นน่ะ บอกว่าจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จแล้วจะรีบมาคะ
                    “ถ้าเป็นอย่างนั้น รอก่อนก็ได้ แล้วทุกคนที่นั่งอยู่ก็ต้องหันมาสนใจกับประตู ที่กำลังถูกเลื่อนออก?
                    “ขอโทษครับ ที่มาช้า
                    “นั่นไงมาแล้ว”O_O สะ...เสียงแหบพร้าแบบนี้ชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ ฉันในตอนนี้อยู่ในเสื้อยืดสีดำธรรมดากางเกงยีสต์ขายาว ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายส่วนสูงราวๆ ร้อยแปดสิบ และตอนนี้เขาก็กำลังคุยหยอกล้อกับคนในครอบครัว
                    “มิยะ นั่นลูกของลุงเคียวโกะ ที่ลุงเล่าให้ฟังว่าคลั่งหลานมาก ๆ
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×