ตอนที่ 51 : ตอนที่ 51
"แกว่ายังไงนะไอ้เจ้ามดปลวก!"
โครงกระดูกสวมมงกุฏดุจราชาในชุดคลุมสีม่วง เริ่มละความสนใจจากซุยฟงหลังได้ยินคำกล่าวของเจ้ายมทูตที่อยู่ในสภาพไหม้เกรียมครึ่งตัว ด้วยสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายแต่อีกฝ่ายกลับยังกล้าหยิ่งผยองต่อหน้าเขาราชาผู้นี้!
"หูหนวกหรือยังไง ผมบอกว่าต่อไปตาแกแล้ว"
"ฮ่าฮ่า ๆไอ้มดปลวกใกล้ตายอย่างแกจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้ อย่าบอกนะว่าแกกำลังคิดว่าการสังหารเจ้าโง่นั่นได้ จะทำให้ทุกอย่างจบลงแล้ว คิดอะไรตื้นเขินเสียจริงไอ้มดปลวก!"
อารันคาร์เอสปาด้าโครงกระดูกหรือบารากัน ลุยเซนบาร์นอดีตราชาแห่งลาส์นอเช่ ผู้ตกอับจนต้องกลายเป็นลูกน้องของไอเซ็นกำลังยืนหัวเราะราเซ็ตสึอย่างเย้ยหยัน แต่ทว่าเสียงหัวเราะดังอยู่เพียงไม่นานนัก หลังอีกฝ่ายเห็นควันสีขาวไหลออกมาจากร่างของชายหนุ่ม
เนื้อหนังที่ไหม้เกรียมเริ่มหลุดลอกเผยให้เห็นผิวหนังใหม่ที่ขาวใส่ดุจดั่งผิวเด็กทารก เส้นผมและแขนที่ขาดก็เริ่มงอกออกมาใหม่รวมถึงชุดที่ขาดหายไป แรงดันวิญญาณสีดำพวยพุ่งออกมาอีกครั้งหนึ่งหลังปรับสภาพแรงดันวิญญาณที่ได้รับมาจากการสังหารลูซิฟุจ
"กะ แกเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ มดปลวกอยากเจ้ามีทักษะฟื้นสภาพความเร็วสูงสุดของฮอลโลว์ได้ยังไง!!"
"มดปลวก มดปลวก มดปลวกอยู่ได้ หนวกหูแล้วนะ คุณนี่พูดคำอื่นไม่เป็นเลยหรือไง"
ชายหนุ่มที่กลับคืนสู่สภาพเดิมกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเหล่มองสื่อความหมายแก่หัวหน้าเบียคุยะและหัวซาราคิให้กระตัวไปต่อสู้กับเอสคิวโด้ไม่ก็อารันคาร์ที่เหลือส่วนทางเขาจะรับมือกับเจ้านี่พร้อมหัวหน้าซุยฟงเอง
อันที่จริงบารากันถือเป็นอารันคาร์เอสปาด้าที่รับมือได้ยากที่สุดในหมู่เอสปาด้าหรือแม้แต่เอสคิวโด้ พลังแห่งความชราที่ปล่อยมาในรูปแบบอณูวิญญาณสามารถเคลื่อนที่ไปมาตามการควบคุมของอีกฝ่าย พลังนี้จัดอยู่ในประเภทวิถีมาร
มันพลังที่จะกัดกร่อนโดยเร่งอายุไขของสิ่งที่ถูกมันสัมผัสหรือกลืนกินจนเปื่อยสลายในชั่วพริบตา ไม่ว่าจะสิ่งไหนก็ต้องมีอายุขัยจะฮอลโลว์หรือยมทูตต่างก็มีอายุไขกันทั้งสิ้น ดังนั้นพลังชราภาพจึงนับเป็นพลังที่อันตรายมากต่อทุกคน ชื่ออย่างเป็นทางการของมันก็คือ เรสปิร่า(Respira)หรือลมหายใจมรณะ
"แกว่ายังไงนะ ?"
"พูดคุยกับคนหูหนวกนี่มันน่าปวดหัวจริงๆ"
ฟึบ ราเซ็ตสึใช้ก้าวพริบตาไปหาหัวหน้าซุยฟุงและเหล่มองไปที่มือซ้ายของเธอที่ปัจจุบันกลายถูกตัดออกจนถึงหัวไหล่ อีกฝ่ายน่าจะประมาทและเผลอไปสัมผัสเจ้านั่นโดยไม่รู้ประสีประสา
"มือซ้ายเป็นยังไงบ้างครับคุณซุยฟง"
"มันไม่ใช่สิ่งที่นายควรสนใจในตอนนี้ เจ้านั่นกำลังมาแล้ว"
"อย่ากังวลเลยครับ รีบเอาแขนขวามาวางที่ดาบของผมก่อนเถอะ เร็วเข้า"
ซุยฟงเอียงคอมองอย่างไม่ค่อยเข้าใจ และท่าทีของเธอมันทำให้ราเซ็ตสึเสียเวลา เขารีบคว้าแขนของฝ่ายและแตะลงบนดาบชั่วพริบตาแขนซ้ายที่ขาดวิ้นก็ฟื้นสภาพกลับมาในชั่วพริบตา
"นี่นาย ข้าไม่ขอบใจหรอกนะ"
"เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยก่อนอื่นมาจัดการเจ้าเบ้กระดูกนี่ก่อน"
ร่างของทั้งสองเคลื่อนไหวไปมาเพื่อลอบวางแผนกำจัดอีกฝ่าย อันที่จริงเขาจะจัดการอีกฝ่ายด้วยตัวคนเดียวเลยก็ย่อมได้ แต่นั่นจะเป็นการทำลายศักดิ์ศรีหัวหน้าหน่วยของซุยฟงเอา
"นายมีวิธีที่จะรับมือกับเจ้าควันดำนั่นแล้วหรือยังไงกัน ?"
"ลองสังเกตุควันสีดำนั่นดูสิครับ คุณซุยฟงไม่แปลกใจเลยหรอครับว่าทำไมควันนั่นถึงไม่เข้าใกล้อีกฝ่ายราวกับในระยะรอบตัวอีกฝ่ายเป็นอาณาเขตปลอดภัย..."
"นายจะสื่อว่าเจ้านั่นเองก็อาจจะได้รับผลกระทบจากควันดำนั่นเช่นกันสินะ ?"
"ก็ประมาณนัันแหละครับ ผมคิดว่าภายนอกของเขาอาจจะมีการป้องกันลมหายใจมรณะ แต่ไม่น่าจะใช่จากภายใน"
ซุยฟงพยักหน้าเพราะเรื่องที่ชายหนุ่มพูดมีความเป็นไปได้ทางทฤษฎีที่สูงมาก ถ้าลอบสังเกตุก็จะเป็นอย่างที่เขาบอกจริงๆ ซุยฟงเหล่มองราเซ็ตสึและหันไปเหล่มองเจ้าอ้วนที่แสร้งนอนหมดสติก็รู้สึกเสียใจ
"ถ้าวันนั้นข้าเลือกเจ้ามาเข้าร่วมหน่วยของข้าเสียก็ดี"
"เอ๊ะ ดียังไงหรอครับ ?"
ราเซ็ตสึหันมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มซื่อๆ โดยแสร้งทำเป็นไม่รู้ความหมายในสิ่งที่หญิงสาวจะสื่อ ทางซุยฟงเองรู้สึกเสียใจ เธออยากจะตอบว่าดีกว่ารองหัวหน่วยที่แสนไร้ประโยชน์คนปัจจบันของเธอ ทางราเซ็ตสึที่เห็นอีกฝ่ายไม่ตอบคำถามก็ยิ้ม
"แต่ผมคิดว่าดีแล้วละครับที่ผมไม่ได้เข้าหน่วยที่สอง เพราะถ้าผมเข้าหน่วยของคุณซุยฟง คุณอุราฮาระต้องแอบรู้สึกหึงแน่ๆเลยละครับ"
"หาาาาาา ~ ทำไมเจ้าบ้าบัดซบนั่นต้องมาหึงด้วยเล่า!!"
สีหน้าของซุยฟงเริ่มเหยเก หัวเธอเริ่มอุ่นหลังได้ยินคำพูดไร้สาระของชายคนนี้ ถ้าพูดว่าคนอื่นหึงเธอ เธอคงไม่คิดอะไรมาก แต่ถ้าบอกว่าเจ้าหมอนั่นจะหึงเธอแล้วละก็มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
"อย่าทำเป็นแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เลยครับคุณซุยฟง คุณโยรุอิจิบอกผมหมดแล้วละ ถึงช่วงเวลาอันแสนหวานแหว๋วของคุณซุยฟงกับคุณอุราฮาระน่ะครับ"
"ทะ ท่านโยรุอิจิ ?"
สีหน้าของซุยฟงเริ่มบิดเบี้ยว ไอ้ความอัปยศในครั้งนั้นเธอยังจำได้ดีไม่มีวันลืมเลือน อันที่จริงเธอก็สนใจอุราฮาระอยู่เหมือนกันแต่ว่าหลังจากที่อีกฝ่ายหลบหนีไปกับท่านโยรุอิจิที่เธอเคารพรักและทิ้งเธอไว้ตามลำพัง ความรู้สึกที่เธอมีให้อีกฝ่ายก็สลายหายไปและกลายเป็นความโกรธ ไม่คิดเลยว่าท่านโยริอุจิจะเล่าเรื่องนั้นให้เจ้านี่ฟัง
"ท่าน โย รุ อิ จิ!!"
ราเซ็ตสึมองซุยฟงที่กำลังโกรธจนควันออกหูใกล้ระเบิดรอมร่อ ก็แอบแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใครใช้ให้ยัยโยรุอิจิบังอาจเล่าตัวตนที่แท้จริงของเขาให้เจ้าอุราฮาระรู้ละ ก็อย่างที่บอกว่าเรื่องตัวตนของเขามีคนรู้ไม่มาก แม้จะมีหลายคนได้ยินชื่อเสียงของเขา แต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นหน้าตาค่าตาของเขามาก่อน นอกจากอิชชินและโยรุอิจิที่วิ่งป่วนมันเสียทุกบ้าน แม้แต่พี่เขยเบียคุยะในวัยเยาว์ก็ยังโดนมาแล้ว
'แต่จะว่าไปคู่นี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ สงสัยต้องไปคุยกับโยรุอิจิสักหน่อย'
"หนอย! ไอ้พวกมดปลวก พวกแกกล้าดียังไงถึงทำเมินข้าผู้เป็นพระเจ้าเช่นนี้!"
เสียงโหวกเหวกโวยวายของบารากันดังสนั่นทำให้ราเซ็ตสึและซุยฟงกลับมาเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง พอได้พูดคุยกันเรื่องรักๆใคร่ๆก็ลืมไปเลยว่าตอนนี้กำลังวางแผนจัดการเจ้าเบ้กระดูกนี่อยู่
"นายคงมีแผนสินะ ไหนลองว่ามาสิ"
"เดี๋ยวผมขอยืนยันเรื่องหนึ่งก่อน"
'อามะคุงกินลมหายใจนั่นได้ไหม ?'
"[ ถึงผมจะกินมันได้ก็ไม่กินเด็ดขาด พลังนั่นมันน่าขยักแขยงจะตายนะพี่ชาย ให้ผมเผามันยังจะดีซะกว่า ]"
'ไม่น่าจะไหวหรอกมั้ง...'
"[ พี่ชายต้องลองสิครับ ลองใช้เทพสุริยาดู ]"
'ก็ได้'
ราเซ็ตสึโบกดาบในมือ แรงดันวิญญาณถูกยัดใส่ลงในดาบ เพลิงสีดำอันน่ารังเกียจแผ่ขยายออกมาครอบคลุมทั่วทั้งใบดาบ ที่ด้านหลังของราเซ็ตสึมีเงาร้ายสีดำก่อตัวขึ้นจากแรงดันวิญญาณของเขา
"Itto Ryū Ōgi - Gyakurasetsu(วิชาไม้ตายลับที่หนึ่ง- อสูรยักษ์ร้ายหวนคืน)"
กระโดดหมุนตัวฟาดฟันด้วยดาบที่อาบเพลิงดำออกไปหลายสิบครั้งจนเกิดพายุเพลิงดำลูกมหึมา พายุเริ่มเคลื่อนที่ไปหาควันสีดำซึ่งเป็นลมหายใจมรณะของบารากันทว่าผลลัพท์กับทำให้เขาเกาหัว
"เอาจริงดิ"
เพลิงสีดำแผดเผาลมหายใจมรณะจนสลายหายไปในชั่วพริบตา ดูท่าเทพสุริยาจะโหดร้ายน่าดู มองพายุเพลิงที่ดูดกลืนลมหายใจมรณะและเผาผลาญมันด้วยเพลิงเทพกำลังเริ่มขยายขนาดและความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆโดยมุ่งหน้าไปหาอีกฝ่ายก็ค่อยๆเผยรอยยิ้ม
ทางฝั่งบารากันหลังเห็นว่าอีกฝ่ายสามารถทำลายอาวุธสุดยอดของตนได้ก็มีรางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา มองพายุเพลิงที่ขยายขนาดอยู่ตลอดเวลาก็เอื้อมมือขวาอย่างไม่รอช้า บางสิ่งพุ่งออกมามันคือขวานสองใบรูปลักษณ์พิลึก
"ไอ้พวกมดปลวก พวกแก!!"
"คุณซุยฟงช่วยใช้บังไคเล็งไปที่พายุเพลิงของผมที"
"มันจะชนะแน่ใช่ไหม ?"
"แน่นอนครับผมคนนี้การันตรีความสำเร็จเลย"
"ก็ได้แต่ถ้ามันไม่สำเร็จข้าจะให้คุจิกิลูเคียคนรักของเจ้าลงโทษเจ้า Bankai - Jakuhō Raikōben (บังไค - คฑาตัวต่อสายฟ้า)"
ร่างนั้นยังคงเป็นซุยฟงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเป็นพิเศษ หากซึซึเมะบาจิที่มีรูปร่างคล้ายเข็มเล็กๆ ติดกับปลายนิ้วกลางมือขวา บัดนี้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นดาบติดแขนเล่มโตยาวเฟื้อย
เทียบกับส่วนสูงของซุยฟงแล้วเจ้านี่ยังสูงกว่ากันเกือบเท่าตัว ตัวดาบดูกลมไม่แบนเหมือนดาบทั่วไป ดูไปดูมาคล้ายเข็มเล่มโตมากกว่าจะเป็นดาบ ส่วนของดาบที่ติดกับแขนและไหล่นั้นขึ้นรูปเป็นลักษณะคล้ายโล่หรือเกราะสำหรับบังหน้า
'นี่มันเครื่องยิงจรวดมิสไซล์แบบเคลื่อนที่ได้ชัดๆ'
"ช่วยมาประคองดันหลังข้าไว้ให้หน่อย"
"เข้าใจแล้วครับ"
ราเซ็ตสึเข้าไปประคองอีกฝ่ายไว้ตามคำขอ ทางซุยฟงเองเริ่มเล็งเป้าหมายไปที่ใจกลางของพายุ ทันทีที่เธอตะโกนสั่งยิง จรวดก็พุ่งออกไปที่พายุด้วยความเร็ว ราเซ็ตสึไม่รีรอรีบกดร่างของอีกฝ่ายลงฟื้นก่อนจะใช้ก้าวพริบตามาอยู่ด้านหลังของบารากันเขาชักดาบเล่มที่สองออกมาจากเอวละกล่าวพึมพำเล็กน้อย
"ตอนแรกก็คิดว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการกำจัดคุณ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่นะ ถึงเวลาเลี้ยงส่งทรราชผู้พ่ายแพ้"
"Nitou Ryū Kessen Ōgi - Yatagarasu (สุดยอดไม้ตายลับวิชาสองดาบ - เทพอีกาสามขา)"
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เรื่องราวของชุยฟงกับอุราฮาระนี่ในอนิเมะเรื่องจริงแฮะขอบคุณมากสำหรับตอนใหม่จ้าาา