ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เมธาวี
บทที่ 2
    “เฮ้ย เม สวยฉิบเลยว่ะ” เพื่อนแซว
    “เฮ้ยน้อง” เมธาวีบอก นั่งที่โต๊ะทำงานของเขา
    “ไอ้เม มันมีน้องด้วยหรือว่ะ” เพื่อนแกล้งปรารภดัง ๆ
    “ไอ้พวกปากไม่ว่าง”
    เมธาวีขมุบขมิบปากให้รู้ แล้วหันไปถามสาวคนเดียวในที่นั้น
    “ไก่ มีจดหมายของผมไหม”
    “มี”
    สตรีคนเดียวในที่นั้น ก็แทบจะไม่เหลือลักษณะของสตรีอยู่เท่าไรนัก ก้าวฉับๆ มายื่นจดหมายและโน้ตปึกใหญ่ให้
    “โอ๊ย ทำไมมันเยอะนักล่ะ” เมธาวีเงยหน้าขึ้นเห็นก็โวยเสียงดัง
    “ลืม” ไก่ตอบสั้นๆ เรียกเสียงหัวเราะได้ลั่นห้อง เธอยกไหล่ กลับไปนั่งที่ของเธอ
    “ไอ้... ท่านใดว่ะ ที่เม้มจดหมายข้าไว้” เมธาวีถามมาอีก เมื่อตรวจสอบจดหมายของเขา
    คนในห้องพากันยิ้ม แล้วฮาลั่นอีก เมื่อสาวไก่ รื้อค้นโต๊ะ แล้วส่งจดหมายมาให้อีกสองสามฉบับ เมธาวีได้แต่โคลงหัว
    “ไอ้...” เมธาวีสรรเสริญ ไอ้คำที่ไม่ซ้ำกับไอ้คำแรก รวบจดหมายลุกขึ้น
    “อ้อ เม คุณประกิจ เขามารออยู่ข้างใน”
    เพื่อนคนหนึ่งบอกอย่างนึกได้ ก่อนที่เมธาวีจะเดินออกไปไหนๆ
    “ฮืมม์” เมธาวีทบทวนความจำ แล้วจับจดหมายยัดใส่กระเป๋าของเขาไว้ ก้าวเข้าไปในห้องด้านใน ที่จัดไว้เป็นที่รับแขก
    “สวัสดีครับ” เขาไหว้ก่อน ด้วยถือว่าอ่อนอาวุโสกว่า
    “คุณปู่คุณ ต้องการพบคุณมากนะครับ” ทนายความผู้เฒ่า เริ่มอย่างไม่อ้อมค้อม
    “แหม ผมมีคุณปู่กับเขาด้วย” เมธาวีเอ่ย
    “ต้องการเครื่องดื่มเพิ่มไหมครับ”
    “ผมพอแล้ว” ประกิจชี้ที่เครื่องดื่มที่วางอยู่ตรงหน้า
    “คุณก็ทราบว่าท่านเป็นคุณปู่ของคุณ”
    “คนไม่มีพ่ออย่างผม มีปู่ได้ยังไง” เมธาวีถาม
    เขาเข้าใจดาริกาได้ดีเหมือนตัวเขาเอง เด็กที่ขาดพ่อนั้นเป็นอย่างไร เขารู้ดี แต่ดาริกานั้นสุญเสียแม่ไปด้วย
    “ท่านไม่สบายมาก แล้วต้องการพบคุณมากด้วยคุณเม คุณยังหนุ่ม ยังมีเวลาให้เสียไปอีกมาก คุณปู่คุณอายุมากแล้ว ท่านไม่มีเวลาจะเสียแล้ว”
    “ผมต้องไปเมื่อไร” เมธาวีถาม หลังจากนิ่งคิดเป็นครู่
    “เดี๋ยวนี้จะดีมากครับ”
    “ไปครับ” ชายหนุ่มบอกง่ายๆ แวะบอกเพื่อนว่าจะออกไปธุระข้างนอก
V_V
    ชายหนุ่มก้มลงไหว้ ก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ริมตียง สุภาพเรียบร้อย เหมือน คนมาเยี่ยมไข้ธรรมดา มากกว่าญาติสนิท
    “ลูกเจ้ามนัสหรือ”
    “ไม่ทราบซิครับ” เมธาวีเล่นลิ้น
    “ผมมีแต่แม่ คุณประกิจเขาขอให้ผมมาเยี่ยมท่าน”
    “ดี” ท่านพูดคำเดียว
    “คุณเม” ประกิจสะกิดเตือน
    “ดี” ท่านพูดย้ำ
    “พยุงข้าลุกหน่อย”
    “หมอห้ามนะขอรับ”
    “ไหนๆ ข้าก็จะตายอยู่แล้ว จะเป็นอะไรไป”
    ขณะที่ประกิจลังเล เมธาวีก็ขยับไปพยุงคนป่วยขึ้นนั่ง จัดหมอนรองหลังให้เรียบร้อย ท่านผู้เฒ่ามองเมธาวีนิ่ง
    “ข้ามีห่วงอยู่สองอย่าง หนึ่งกลัวไม่มีคนมาสืบทอดงานของข้า สอง ข้าห่วงหลานสาวของข้า ก็ลูกเจ้ามนัสนั่นล่ะ คนอย่างเจ้า ถ้าจะทำ คงไม่จำเป็นต้องคิดถึงคำสัญญา ข้าบอกให้รู้ไว้เท่านี้”
    เมธาวีนิ่งฟังเงียบๆ
    “คุณเม รับปากคุณปู่ซิครับ”
    เมธาวียังเฉย ท่านผู้เฒ่าหันมาตวาด
    “อย่ามายุ่ง ข้าจะคุยกับมันสองคน อ้อ ให้ใครไปตามปุ้มกับแป้มมานี่ซิ”
    ทนายประกิจรับคำ รีบออกจากห้องไป
    “หลานสาว” ท่านบอก หยุดหอบ
    “เจ้ามนัสมันมีเมียมาก แต่ก็มีลูกอยู่เท่านี้”
    เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ เมธาวีหันมามอง ยังเด็กอยู่มากๆ ไม่เกินสิบขวบด้วยซ้ำไป
    “ยายปุ้มอยู่ ป.สามแล้ว ยายแป้มเพิ่งเข้าโรงเรียน” ท่านผู้เฒ่าเล่า กวักมือเรียกหลานสาวทั้งคู่เข้ามาใกล้
    “นี่ยายปุ้ม ยายแป้ม” ท่านวางมือบนศีรษะเล็กๆ มือนั้นสั่นจนเห็นได้ชัด
    “มันอายุน้อยเกินไป เกินกว่าที่ข้าจะจากไปอย่างวางใจได้” ท่านรำพึง แล้วผลักศีรษะเล็กๆ
    “นั่นพี่เมธาวี สวัสดีเขาหรือยังล่ะ” ท่านสั่งเสียงอ่อนโยน
    เด็กหญิงทั้งสองยกมือไหว้เขา ก้มหน้านิ่ง แต่ยังแอบชำเลืองมอง
    “ก็มีเท่านี้ล่ะที่ข้าห่วง เจ้าไปเถอะ” ท่านถอนใจ
    “ไปส่งแขกให้ปู่หน่อยนะลูก”
    ท่านบอกเด็กหญิงทั้งคู่ ชายหนุ่มโน้มตัวลงไหว้ลา ยื่นมือให้เด็กหญิง  ทั้งคู่ยื่นมือไปจับอย่างขลาดๆ ท่านผู้เฒ่ารอจนชายหนุ่มลับไปแล้วจึงพูดเบาๆ
    “เพิ่งเห็นเจ้ามนัสมันทำดีก็วันนี้ เอาพินัยกรรมมาให้ข้าเซ็นเร็วที่สุด ตามหมอมารับรองสติว่าข้าไม่ได้บ้าด้วยล่ะ”
    “ขอรับ”
V_V
    เมธาวีกำมือเล็กๆไว้แน่น ปล่อยมือเมื่อถึงหน้าตึก
    “ส่งพี่เมแค่นี้พอค่ะ” เมธาวีก้มลงพูด
    “สวัสดีนะคะ น้องปุ้ม น้องแป้ม”
    เมธาวีเดินลงมา คนรถเปิดประตูให้
    “เชิญครับ”
    “ไม่ต้องหรอก จะกลับเอง”
    เมธาวีบอก พร้อมกับยิ้มให้ ก้าวไปทางประตูใหญ่ เขามองหน้าต่างชั้นบนนิดหนึ่ง ก่อนโบกมือเรียกแท็กซี่ที่ผ่านมา
    “คุณเมไม่ยอมให้รถไปส่งขอรับ”
    “ดี หลานข้ามันต้องอย่างนี้”
    “ท่านแน่ใจหรือขอรับว่าคุณเมจะยอมรับ”
    ประกิจยังไม่แน่ใจนัก เขาเพียรเวียนไปหาชายหนุ่มผู้นั้นตั้งกี่ครั้ง จนกลายเป็นคนคุ้นหน้าของออฟฟิตของชายหนุ่มแล้ว
    “ข้ามองไม่ผิดหรอก” เสียงชราบอกอย่างมั่นใจ
    “เฮ้ย เม สวยฉิบเลยว่ะ” เพื่อนแซว
    “เฮ้ยน้อง” เมธาวีบอก นั่งที่โต๊ะทำงานของเขา
    “ไอ้เม มันมีน้องด้วยหรือว่ะ” เพื่อนแกล้งปรารภดัง ๆ
    “ไอ้พวกปากไม่ว่าง”
    เมธาวีขมุบขมิบปากให้รู้ แล้วหันไปถามสาวคนเดียวในที่นั้น
    “ไก่ มีจดหมายของผมไหม”
    “มี”
    สตรีคนเดียวในที่นั้น ก็แทบจะไม่เหลือลักษณะของสตรีอยู่เท่าไรนัก ก้าวฉับๆ มายื่นจดหมายและโน้ตปึกใหญ่ให้
    “โอ๊ย ทำไมมันเยอะนักล่ะ” เมธาวีเงยหน้าขึ้นเห็นก็โวยเสียงดัง
    “ลืม” ไก่ตอบสั้นๆ เรียกเสียงหัวเราะได้ลั่นห้อง เธอยกไหล่ กลับไปนั่งที่ของเธอ
    “ไอ้... ท่านใดว่ะ ที่เม้มจดหมายข้าไว้” เมธาวีถามมาอีก เมื่อตรวจสอบจดหมายของเขา
    คนในห้องพากันยิ้ม แล้วฮาลั่นอีก เมื่อสาวไก่ รื้อค้นโต๊ะ แล้วส่งจดหมายมาให้อีกสองสามฉบับ เมธาวีได้แต่โคลงหัว
    “ไอ้...” เมธาวีสรรเสริญ ไอ้คำที่ไม่ซ้ำกับไอ้คำแรก รวบจดหมายลุกขึ้น
    “อ้อ เม คุณประกิจ เขามารออยู่ข้างใน”
    เพื่อนคนหนึ่งบอกอย่างนึกได้ ก่อนที่เมธาวีจะเดินออกไปไหนๆ
    “ฮืมม์” เมธาวีทบทวนความจำ แล้วจับจดหมายยัดใส่กระเป๋าของเขาไว้ ก้าวเข้าไปในห้องด้านใน ที่จัดไว้เป็นที่รับแขก
    “สวัสดีครับ” เขาไหว้ก่อน ด้วยถือว่าอ่อนอาวุโสกว่า
    “คุณปู่คุณ ต้องการพบคุณมากนะครับ” ทนายความผู้เฒ่า เริ่มอย่างไม่อ้อมค้อม
    “แหม ผมมีคุณปู่กับเขาด้วย” เมธาวีเอ่ย
    “ต้องการเครื่องดื่มเพิ่มไหมครับ”
    “ผมพอแล้ว” ประกิจชี้ที่เครื่องดื่มที่วางอยู่ตรงหน้า
    “คุณก็ทราบว่าท่านเป็นคุณปู่ของคุณ”
    “คนไม่มีพ่ออย่างผม มีปู่ได้ยังไง” เมธาวีถาม
    เขาเข้าใจดาริกาได้ดีเหมือนตัวเขาเอง เด็กที่ขาดพ่อนั้นเป็นอย่างไร เขารู้ดี แต่ดาริกานั้นสุญเสียแม่ไปด้วย
    “ท่านไม่สบายมาก แล้วต้องการพบคุณมากด้วยคุณเม คุณยังหนุ่ม ยังมีเวลาให้เสียไปอีกมาก คุณปู่คุณอายุมากแล้ว ท่านไม่มีเวลาจะเสียแล้ว”
    “ผมต้องไปเมื่อไร” เมธาวีถาม หลังจากนิ่งคิดเป็นครู่
    “เดี๋ยวนี้จะดีมากครับ”
    “ไปครับ” ชายหนุ่มบอกง่ายๆ แวะบอกเพื่อนว่าจะออกไปธุระข้างนอก
V_V
    ชายหนุ่มก้มลงไหว้ ก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ริมตียง สุภาพเรียบร้อย เหมือน คนมาเยี่ยมไข้ธรรมดา มากกว่าญาติสนิท
    “ลูกเจ้ามนัสหรือ”
    “ไม่ทราบซิครับ” เมธาวีเล่นลิ้น
    “ผมมีแต่แม่ คุณประกิจเขาขอให้ผมมาเยี่ยมท่าน”
    “ดี” ท่านพูดคำเดียว
    “คุณเม” ประกิจสะกิดเตือน
    “ดี” ท่านพูดย้ำ
    “พยุงข้าลุกหน่อย”
    “หมอห้ามนะขอรับ”
    “ไหนๆ ข้าก็จะตายอยู่แล้ว จะเป็นอะไรไป”
    ขณะที่ประกิจลังเล เมธาวีก็ขยับไปพยุงคนป่วยขึ้นนั่ง จัดหมอนรองหลังให้เรียบร้อย ท่านผู้เฒ่ามองเมธาวีนิ่ง
    “ข้ามีห่วงอยู่สองอย่าง หนึ่งกลัวไม่มีคนมาสืบทอดงานของข้า สอง ข้าห่วงหลานสาวของข้า ก็ลูกเจ้ามนัสนั่นล่ะ คนอย่างเจ้า ถ้าจะทำ คงไม่จำเป็นต้องคิดถึงคำสัญญา ข้าบอกให้รู้ไว้เท่านี้”
    เมธาวีนิ่งฟังเงียบๆ
    “คุณเม รับปากคุณปู่ซิครับ”
    เมธาวียังเฉย ท่านผู้เฒ่าหันมาตวาด
    “อย่ามายุ่ง ข้าจะคุยกับมันสองคน อ้อ ให้ใครไปตามปุ้มกับแป้มมานี่ซิ”
    ทนายประกิจรับคำ รีบออกจากห้องไป
    “หลานสาว” ท่านบอก หยุดหอบ
    “เจ้ามนัสมันมีเมียมาก แต่ก็มีลูกอยู่เท่านี้”
    เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ เมธาวีหันมามอง ยังเด็กอยู่มากๆ ไม่เกินสิบขวบด้วยซ้ำไป
    “ยายปุ้มอยู่ ป.สามแล้ว ยายแป้มเพิ่งเข้าโรงเรียน” ท่านผู้เฒ่าเล่า กวักมือเรียกหลานสาวทั้งคู่เข้ามาใกล้
    “นี่ยายปุ้ม ยายแป้ม” ท่านวางมือบนศีรษะเล็กๆ มือนั้นสั่นจนเห็นได้ชัด
    “มันอายุน้อยเกินไป เกินกว่าที่ข้าจะจากไปอย่างวางใจได้” ท่านรำพึง แล้วผลักศีรษะเล็กๆ
    “นั่นพี่เมธาวี สวัสดีเขาหรือยังล่ะ” ท่านสั่งเสียงอ่อนโยน
    เด็กหญิงทั้งสองยกมือไหว้เขา ก้มหน้านิ่ง แต่ยังแอบชำเลืองมอง
    “ก็มีเท่านี้ล่ะที่ข้าห่วง เจ้าไปเถอะ” ท่านถอนใจ
    “ไปส่งแขกให้ปู่หน่อยนะลูก”
    ท่านบอกเด็กหญิงทั้งคู่ ชายหนุ่มโน้มตัวลงไหว้ลา ยื่นมือให้เด็กหญิง  ทั้งคู่ยื่นมือไปจับอย่างขลาดๆ ท่านผู้เฒ่ารอจนชายหนุ่มลับไปแล้วจึงพูดเบาๆ
    “เพิ่งเห็นเจ้ามนัสมันทำดีก็วันนี้ เอาพินัยกรรมมาให้ข้าเซ็นเร็วที่สุด ตามหมอมารับรองสติว่าข้าไม่ได้บ้าด้วยล่ะ”
    “ขอรับ”
V_V
    เมธาวีกำมือเล็กๆไว้แน่น ปล่อยมือเมื่อถึงหน้าตึก
    “ส่งพี่เมแค่นี้พอค่ะ” เมธาวีก้มลงพูด
    “สวัสดีนะคะ น้องปุ้ม น้องแป้ม”
    เมธาวีเดินลงมา คนรถเปิดประตูให้
    “เชิญครับ”
    “ไม่ต้องหรอก จะกลับเอง”
    เมธาวีบอก พร้อมกับยิ้มให้ ก้าวไปทางประตูใหญ่ เขามองหน้าต่างชั้นบนนิดหนึ่ง ก่อนโบกมือเรียกแท็กซี่ที่ผ่านมา
    “คุณเมไม่ยอมให้รถไปส่งขอรับ”
    “ดี หลานข้ามันต้องอย่างนี้”
    “ท่านแน่ใจหรือขอรับว่าคุณเมจะยอมรับ”
    ประกิจยังไม่แน่ใจนัก เขาเพียรเวียนไปหาชายหนุ่มผู้นั้นตั้งกี่ครั้ง จนกลายเป็นคนคุ้นหน้าของออฟฟิตของชายหนุ่มแล้ว
    “ข้ามองไม่ผิดหรอก” เสียงชราบอกอย่างมั่นใจ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น