เด็กหญิงคนนั้น และ เด็กชายคนนั้น...โดย April - เด็กหญิงคนนั้น และ เด็กชายคนนั้น...โดย April นิยาย เด็กหญิงคนนั้น และ เด็กชายคนนั้น...โดย April : Dek-D.com - Writer

    เด็กหญิงคนนั้น และ เด็กชายคนนั้น...โดย April

    ไปเจอนิยายเก็บๆ เอาไว้ ด้วยความเสียดาย เลยขออนุญาติเจ้าของเรื่องเอามาลงแบ่งกันอ่าน ....เด็กชาย เด็กหญิง เพื่อนบ้านที่เติมโตมาด้วยกัน กับความรู้สึกที่ผูกพัน....

    ผู้เข้าชมรวม

    1,289

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    1.28K

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 เม.ย. 50 / 11:52 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เด็กหญิงคนนั้น  และ  เด็กชายคนนั้น

       

                      หมอกยังปกคลุมไปทั่วบริเวณทั้ง ๆ ที่ไม่เช้านักแล้ว  ใบไม้เย็นเฉียบ  และมีละอองน้ำเล็ก ๆ เกาะอยู่  ลมเย็นพัดมาเป็นระยะ

                      บ้านหลังเล็กชั้นเดียว  มองดูคล้ายบ้านตุ๊กตา  ตั้งอยู่ในวงล้อมของไม้ดอกไม้พุ่ม  ซึ่งถูกจัดเป็นระเบียบ ดอกไม้ออกดอกบานสลอน  คงจะเป็นเพราะสีสดใสล่อตา  จึงทำให้ใบหน้าเล็กๆ โผล่จากหน้าต่างมามอง

                      เด็กหญิงเล็กคนนั้น  ผิวบางใสเป็นสีชมพูอ่อน  ผมหยิกสีดำสนิท  ถูกรวบเป็นหางม้า  แล้วขมวดเป็นเกลียว  เธอสวมชุดผ้าสำลีสีชมพูอ่อน

       

                      ลูกหนูจ๋า ระวังตกนะจ๊ะ ยืนบนเก้าอี้อย่างนั้น มาหาแม่เร็ว   เสียงนั้นแสดงความรักนัก เธอรับร่างเล็กกลมที่วิ่งเข้ามาหา และจูบแก้มซ้าย ขวา 

       

      ดูสิ  แก้มเย็นหมดแล้ว 

       

      คุณแม่ขา  ดอกไม้สวยจัง  ผีเสื้อบินที่ดอกไม้เยอะแยะเลยค่ะ 

       

                      ลูกหนูไปเก็บดอกไม้กับแม่ซิจ๊ะ

       

                      มือเล็กจับมือที่ใหญ่กว่า  แล้วดึงให้เดินออกไปนอกบ้าน  แทนคำตอบ  ชั่วครู่ใหญ่จึงเดินกลับเข้ามาในบ้าน  พร้อมด้วยดอกไม้กำย่อมๆ

       

                      คุณแม่ขาดอกอะไรคะ    มือเล็ก ๆ  ชี้ที่ดอกไม้ในมือ

       

                      ดอกหน้าวัวจ้ะ 

       

                      หน้าวัว เป็นอย่างนี้เหรอคะ  เสียงเล็ก ๆ ยังคงซักไซร้ต่อ

       

                      ไว้วันหยุดแล้วแม่จะพาไปดูวัวนะจ๊ะ ตอนนี้ลูกหนูไปเรียกคุณพ่อมากินข้าวก่อนนะ

       

                      ค่ะ  เสียงเล็ก  ๆ รับคำ พร้อมกับเจ้าตัววิ่งไปห้องข้างๆ  ปากก็ร้องเพลงเสียงดัง

       

                      พวกหนูเล็ก  เด็กทั้งหลายอย่านอนตื่นสายเป็นเด็กเกียจคร้าน 

       

      คุณพ่อขา  เสียงเคาะประตูห้องได้ยินถนัด  เพราะบ้านไม่กว้างนัก

       

      บ้านหลังเล็กนี้ ประตูด้านหน้าเป็นกระจกบานเลื่อน ห้องแรกเป็นห้องรับแขกขนาดเล็ก ชุดรับแขกหวาย   มีหมอนพิมพ์ลายไทยสีสดวางอยู่  ติดผนังห้องเป็นตู้หนังสือ  พื้นถัดจากห้องนั้นถูกลดระดับลงพอสมควรให้เห็นว่าเป็นการแยกห้อง  มีเคาน์เตอร์เล็ก ๆ ตั้งอยู่ มีตู้ติดกับฝาใส่พวกกาแฟ  โอวัลติน  ตู้เย็นขนาดเล็กตั้งอยู่ถัดจากเคาน์เตอร์  มุมห้องอีกด้านมีชั้นวางทีวีเครื่องปานกลาง  เครื่องเล่นดีวีดี  วิทยุ    พื้นห้องซึ่งเป็นพื้นปาร์เก้ได้รับการเช็ดถูอย่างสะอาด มีเบาะยาววางอยู่  3-4 อัน  ผ้าคลุมเบาะเป็นลายการ์ตูนน่ารัก  นอกจากนั้นยังมีหมอนที่มีจีบระบายลายเดียวกับเบาะวางอยู่อีก  3-4 ใบ

       

      ระหว่างห้องสองห้องนี้  ถูกแยกออกกว้างพอสมควร   ทำเป็นทางเดินไปยังห้อง 2 ห้อง  ซึ่งตั้งประจันหน้ากัน  และถัดไปอีกนิดจึงเป็นห้องครัวขนาดย่อม  มีเตาแก๊สขนาดกลาง ตั้งอยู่ติดกับโต๊ะที่ใช้เตรียมอาหาร  ตู้เย็นตั้งอยู่ถัดไป และมีตู้กระจกสำหรับเก็บถ้วยชาม ห่างจากบริเวณนั้นเล็กน้อยจึงเป็นโต๊ะกินข้าวขนาดย่อม 

       

      คุณพ่อขา  ขอหนูเข้าไปหน่อย  คุณพ่อขา

       

      เสียงประตูห้องเปิดเบา ๆ แล้วจึงได้ยินเสียงเล็กๆ พูดต่อ

      คุณพ่อขา ไปกินข้าวค่ะ

       

      ไหน  เอียงแก้มให้พ่อหอมหน่อยซิจ๊ะ

      ภาพที่เห็นคือผู้เป็นพ่ออุ้มลูกสาวไว้ในวงแขนอย่างทะนุถนอม แล้วหอมแก้มทั้งซ้าย  ขวา

      หอมจัง  ลูกพ่อ

       

      คุณแม่อาบน้ำให้หนูตั้งแต่เช้า  แล้วก็ทาแป้งห้อม หอม

      เด็กหญิงพูดจ๋อย ๆ  คุณพ่อขาไปกินข้าวเถอะค่ะ

       

      หิวแล้วหรือจ๊ะ  ผู้เป็นพ่อล้อ

       

      ไม่หิวเท่าไรค่ะ  แต่หนูกลัวคุณพ่อหิว

      ลูกสาวเลี่ยงไปอย่างฉลาด ผู้เป็นพ่อจึงอุ้มบุตรสาว เดินไปยังห้องอาหาร

       

      ลูกหนูทำไมให้คุณพ่ออุ้มมาละจ๊ะ  เดี๋ยวเสื้อคุณพ่อยับหมด   ผู้เป็นแม่ดุเบา ๆ

       

      อย่าดุแกเลยครับคุณเล็ก  ผมอุ้มแกมาเอง  มีอะไรกินบ้างครับ

      ผู้เป็นพ่ออุ้มบุตรสาวเดินไปหาพัชรา 

       

      วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น เล็กก็เลยทำข้าวต้มเครื่อง  ใส่หมู  คุณต้นจะดื่มกาแฟก่อนไหมคะ

      พัชรารับบุตรสาวจากเจติยะ  แล้วปล่อยให้เธอเดินไปนั่งที่เก้าอี้

       

      กินข้าวก่อนก็ได้ครับ

       

      พัชรามองสามีอย่างรักใคร่  เขาปฏิบัติต่อเธออย่างเสมอต้น  เสมอปลาย  เขาเป็นคนรักครอบครัวมาก มักจะพาเธอและกนิษฐ์  บุตรสาว  ไปลองลิ้มอาหารรสแปลก ๆ หรือสถานที่ตากอากาศที่เงียบ ๆ เมื่อมีเวลาว่าง

       

      เจติยะเป็นผู้จัดการแผนกซ่อมเครื่องยนต์ของบริษัทญี่ปุ่น สำหรับพัชรา เธอทำงานในแผนกทั่วไปของโรงแรมแห่งหนึ่ง  รายได้ของบ้าน  ซึ่งมีเพียงพ่อแม่ลูก จึงมีเหลือเก็บได้ พัชรามีลูกสาวได้เพียงคนเดียว เพราะร่างกายของเธอค่อนข้างจะอ่อนแอ

       

      งั้นก็กินกลิ่นไปเถอะนะคะ  ข้าวต้มไม่อร่อยหรอก

      พัชราพูดปนหัวเราะ  แล้วจึงลงมือกินของตัวเอง  และดูแลลูกสาวไปด้วย

      ลูกหนูกินข้าวเสร็จแล้ว รีบไปแต่งตัวไปโรงเรียนนะจ๊ะ อย่าให้คุณพ่อรอนาน

       

      บุตรสาวรับแก้วนมไปดื่ม  แล้วจึงวิ่งตื๋อไปยังห้องของตนเอง

       

      ยายหนูแต่งตัวเองได้แล้วหรือครับ  พัชราเลื่อนถ้วยกาแฟให้สามีก่อนจะตอบ

       

      ค่ะ  เล็กหัดให้ลูกหนูแกลองใส่เอง เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว  ก็เห็นแกทำได้ดีพอสมควร  ก็เลยให้แกใส่เอง

      พัชราเก็บถ้วยบนโต๊ะ  เอาไปยังที่ล้างชาม 

       

      ผมจะช่วยนะครับ

       

      อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวเสื้อจะยับหมด

       

      งั้นผมช่วยเช็ดเก็บให้นะครับ

      และโดยไม่ฟังคำตอบ  เจติยะหยิบผ้าสีขาวขึ้นมาเตรียมไว้   พัชราเทน้ำยาลงในที่ล้างชาม   แล้วจึงลงมือล้าง

       

      เย็นนี้คุณต้นไปรับลูกหนูได้ไหมคะ เล็กจะไปซื้อของตอนเย็นเสียหน่อย  ของแห้งหมดไปหลายอย่างแล้ว  แล้วก็ดูเสื้อตัวใหม่ให้ยายหนู  ตัวเก่าคับแล้ว แกโตเร็วจริงๆ นะคะ

       

      ผู้เป็นสามีพยักหน้าเห็นด้วย ผมจะไปรับลูกหนูเองตอนเย็น

       

      ลูกหนูคงดีใจแย่

       

      ทำไมล่ะครับ

       

      ก็คุณไปรับทีไร  กว่าจะกลับบ้านได้แวะร้านไอศกรีม  ร้านโดนัท  รายทางมาเชียว

      พัชราค้อน  สามีหัวเราะ

       

      คุณจะเอาอะไรอีกไหมคะ  เอดิโคโลญจน์ของคุณหมดแล้ว  จะลองเปลี่ยนกลิ่นใหม่ไหมคะ  หรือจะใช้กลิ่นเก่า

       

      ลองกลิ่นใหม่ดูก็ได้ครับ

       

      อย่างอื่นล่ะคะ  จะเอาอะไร

       

      เอผมก็ไม่ได้สังเกต  คุณช่วยดูให้ผมทีนะคุณเล็ก   เจติยะอ้อน

       

      ก็ได้ค่ะ

      พัชราล้างมือ เมื่อล้างจานเสร็จ   เจติยะส่งผ้าเช็ดมือให้ แล้วเขาจึงรวบเอวเธอเข้ามาชิดตัว  ลมหายใจอุ่น ๆ ปะทะที่แก้มของพัชรา

       

      ขอบคุณครับ

       

      ขอบคุณแบบใหม่หรือคะ

       

      เจติยะมองดูหน้าภรรยา  เธอไม่ใช่คนที่สวยสะดุดตา  ผิวหน้านวล จมูกแหลม  ปากบาง  คิ้วสีอ่อน  ส่วนเด่นที่สุดบนใบหน้าคือ  ดวงตากลมโตสีอำพัน

       

      ไม่เคยเห็นหรือคะ

      พัชราถามเมื่อเห็นเจติยะจ้องหน้าเธอ

       

      ผมยิ่งดูคุณก็ยิ่งสวย

       

      แต่เล็กยิ่งดู  คุณก็ยิ่งไม่หล่อ

       

      จริงหรือครับ

       

      พัชราก้มหน้ากลั้นหัวเราะ 

       

      เจติยะผิวค่อนข้างคล้ำ  เครื่องหน้าเขาจึงเข้ม  คิ้วที่ดำสนิท  สีเดียวกับตา  จมูกโด่ง ถึงแม้เขาจะคล้ำก็ยังอุตส่าห์มองเห็นรอยเขียวของหนวด  และเครา

      แต่คุณก็รักผมล่ะน่า  ผมรู้

       

      ไปทำงานเสียทีเถอะคะ

      พัชราเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอด  เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเปิด

      เดี๋ยวยายหนูจะไปโรงเรียนสาย

       

      ฝากไว้ก่อนนะครับ   เจติยะสั่นนิ้วให้พัชรา

       

      รีบมาเอาคืนเร็ว ๆ นะคะ  พัชรายิ้มจนเห็นลักยิ้มบุ๋ม

       

      ไปหรือยังจ๊ะ  ลูกหนู  เจติยะถามบุตรสาว  ซึ่งใส่รองเท้าเสร็จ

       

      ไปค่ะ  คุณพ่อ  คุณแม่ขา  สวัสดีค่ะ

      ร่างเล็กนั้นย่อตัวลง แล้วพนมมือไหว้

       

      อย่าลืมไปรับยายหนูนะคะ  พัชราเตือน  ขณะที่ส่งแฟ้มให้เจติยะ

       

       

       ลูกหนูครับ  เปิดน้ำที่ก๊อกให้คุณพ่อหน่อยครับ

       

      ค่ะ

      เสียงเล็ก ๆ รับคำ  แล้วจึงวิ่งไปที่ก๊อกน้ำติดรั้วบ้าน  เมื่อเปิดน้ำเสร็จแล้ว  เธอก็เหลือบมองไปที่บ้านติดกัน เห็นเด็กชายคนหนึ่ง  กำลังยืนรดน้ำต้นไม้  รูปร่างประหลาด

      เธอ  เธอ  เด็กชายคนนั้นหันมาตามเสียงเรียก

       

      นั่นต้นอะไรคะ  นิ้วเล็กๆ ชี้ไปที่ต้นไม้ที่ตัวติดใจ ดอกมันอยู่ที่ไหนคะ 

       

      เด็กชายชี้ไปที่ดอกรูปร่างประหลาด

      เขาเรียกต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง  เด็กชายทำท่าภาคภูมิที่สามารถอธิบายได้

       

      ลิงทำกับข้าวเป็นด้วยหรือคะ  เสียงเล็กๆ ซักต่อ

       

      คงทำเป็นมั้ง  ไม่งั้นคงไม่ชื่อหม้อข้าวหม้อแกงลิง  เด็กชายตอบเลี่ยงไป

      เธอชอบเหรอเด็กชายถาม เมื่อเห็นเด็กหญิงมองดอกไม้รูปร่างประหลาดไม่วางตา

       

      ชอบสิ  ที่บ้านหนูมีดอกไม้เยอะแยะเลยนะ  บ้านหนูมีดอกหน้าวัวด้วย  เธอเคยเห็นหน้าวัวไหม

       

      เราเคยเห็นในรูป

       

      เธอว่าดอกหน้าวัว  จะเหมือนหน้าวัวไหม

       

      ไม่รู้สิ  เสียงเด็กชายค่อนข้างห้วน เมื่อตอบคำถามไม่ได้

       

      ดอกไม้บ้านเธอก็เยอะนะ  เด็กหญิงชม  แต่ตาก็ยังจับอยู่ที่ต้นไม้ที่ตัวติดใจ

       

      เราให้เธอ เอาไหม  เด็กชายถาม

       

      เอาซี่  เธอให้จริงเปล่า เด็กหญิงยังไม่แน่ใจ

       

      จริงซิ ที่บ้านเรามีหลายต้น  เธอมารับที่ประตูสิ

       

      ได้ค่ะ  เดี๋ยวหนูวิ่งไปเดี๋ยวนี้

       

      ร่างเล็กในชุดกางเกงเอี๊ยมและเสื้อยืดแขนยาว  วิ่งไปที่ประตูเปิดออก แล้ววิ่งไปที่บ้านติด ๆ กัน  สักครู่จึงวิ่งกลับมา  พร้อมด้วยต้นไม้ที่ตัวชอบ

      คุณพ่อขา  ดูต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงซิคะ  เจ้าตัวอวดต้นไม้ที่ได้มา

       

      ไปเอาของใครมาจ๊ะ  ลูกหนู  เจติยะถามบุตรสาว

       

      คนบ้านโน้นให้หนูมาค่ะ  มือเล็กๆ ชี้ทิศทางประกอบ

       

      คุณพ่อดูดอกมันสิค่ะ  อยู่ตรงนี้  เด็กหญิงอธิบายตามที่ได้รู้มา

       

      ลูกหนูไปทำยังไงล่ะจ๊ะ  เขาถึงให้มา

       

      หนูไปเปิดน้ำให้คุณพ่อ  ก็เห็นเขายืนรดน้ำต้นไม้อยู่  เขาตัวโตกว่าหนูนิดเดียว แต่เขาเก่งจังค่ะคุณพ่อเขารู้จักต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงด้วย  เขาถามหนูว่าชอบไหม  หนูก็บอกว่าชอบ  เขาก็ให้หนูค่ะ 

      เด็กหญิงอธิบายยืดยาว

       

      เอาไปคืนเขานะจ๊ะลูก

       

      ทำไมละคะ  เด็กหญิงหน้าเสีย

       

      ต้องให้ผู้ใหญ่ให้นะจ๊ะ  ถึงจะรับได้

       

      เขาก็ตัวโตกว่าหนู

       

      เจติยะอุ้มลูกสาวไว้ในวงแขน

      ต้องให้เจ้าของเขาให้ซิจ๊ะ คนที่เขาให้หนู  เขาเป็นเจ้าของต้นไม้นี้หรือเปล่าล่ะจ๊ะ

       

      ถ้าเป็นเจ้าของ  หนูก็เอาไว้ได้ใช่ไหมคะ  เจติยะพยักหน้า

       

      งั้นหนูจะไปถามเขานะคะ

       

      พ่อไปด้วยนะ

      เจติยะปล่อยลูกสาวให้เดินไปก่อน  ส่วนตัวเขาเองถือต้นไม้เดินตามไป เขากดออดที่หน้าบ้านหลังติดกันเพียงชั่วครู่  ก็มีคนมาเปิดประตูให้

      ผมเอาต้นไม้มาคืนครับ  เจติยะบอกชายผู้มาเปิดประตูให้

      ยายหนูผมได้มาจากเด็กผู้ชายในบ้าน  ผมเกรงว่าเจ้าของเขาจะไม่รู้  ก็เลยเอามาคืน

       

      เข้ามาข้างในก่อนซิครับ  ศักดิ์  ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเปิดประตูให้กว้าง  เจติยะจึงเดินเข้าไปพร้อมกับกนิษฐ์

       

      คุณลุงเป็นเจ้าของต้นไม้นี้หรือคะ กนิษฐ์ถามเมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว

       

      ไม่ใช่หรอกจ้ะ  ลูกชายลุงนะเขาเป็นเจ้าของ

       

      ลูกชายคุณลุงที่ตัวโตกว่าหนู เท่านี้ใช่ไหมคะ  กนิษฐ์ทำมือประกอบ

       

      คงจะใช่มังจ๊ะ

       

      คุณพ่อขา เขาให้ต้นไม้หนูแล้วค่ะ  เขาเป็นเจ้าของ

       

      ไม่เอาน่าลูกหนู  เจติยะดุ

       

      อย่าดุแกเลยครับ  เอาต้นไม้ไปเถอะ บ้านผมยังมีอีกหลายต้น คุณคงจะชอบดอกไม้ซิครับ  เห็นปลูกเต็มไปหมด

       

      ภรรยาผมน่ะครับ  เขาชอบให้ผมปลูกให้  จนผมชอบตามเขา  ก็เพราะปลูกให้เขามาก ๆ นี่แหละครับ 

       

      ศักดิ์หัวเราะ

       

      ขอบคุณมากนะครับสำหรับต้นไม้ ผมต้องกลับก่อนล่ะ  เพราะยังรดน้ำต้นไม้ค้างอยู่  เจติยะกล่าวลา

       

      ลูกหนู ไหว้คุณลุงก่อนซิจ๊ะ  กนิษฐ์พนมมือไหว้ศักดิ์

       

      แล้ววันหลังมาเที่ยวอีกนะจ๊ะ  ศักดิ์กล่าวอย่างปรานี

       

      เมื่อเจติยะกลับมาถึงบ้านก็พบพัชรารออยู่แล้ว

      ไปไหนมาคะ  พ่อลูก เล็กเดินตามหาซะทั่ว

       

      ไปบ้านนู้นมาจ้ะ  ยายลูกสาวไปเอาต้นไม้บ้านเขามา  เจติยะบอก

       

      ตายแล้วพัชราอุทาน

       

      ก็เขาให้หนูก่อนนี่คะ  คุณแม่  กนิษฐ์แก้ตัว

       

      ผมให้ยายหนูไปเปิดน้ำที่ก๊อกให้  แล้วยายหนูเขาก็ไปพบลูกชายเจ้าของบ้านโน้นรดน้ำต้นไม้อยู่  ยายหนูเราทำอีท่าไหนก็ไม่รู้  เขาก็เลยให้ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงมา  เมื่อกี้ผมเอาไปคืน  แต่เจ้าของบ้านเขาก็ให้มาอีก  เจติยะอธิบาย

       

      ถ้ายังงั้น  เห็นท่าว่าเล็กจะต้องแบ่งขนมไปให้บ้านนู้นบ้างแล้ว  พัชราบอก

       

      แน่ใจหรือเปล่าจ๊ะ  ว่าไม่ได้ทำเกลือหกลงไป หรือ ทอดนานเกินไปจนเป็นสีดำ  เจติยะล้อ

       

      เล็กจะเอาส่วนของคุณไปให้บ้านโน้นด้วยพัชรางอน

       

      ผมก็จะแย่งของคุณกินนะซิ  เจติยะพูดอย่างไม่เดือดร้อน

       

      คุณพ่อกินกับหนูก็ได้ค่ะ  กนิษฐ์บอก

       

      คอหนึ่งคอสองกันนักพ่อลูก  พัชราบอกก่อนจะเดินไปจัดขนมใส่จาน

       

      ขนมของคุณต้น  กับลูกหนู เล็กวางไว้ให้ที่โต๊ะแล้วนะคะ  พัชราบอกก่อนจะเดินไป

       

      ไปลูกหนูไปกินกัน  เจติยะจูงมือกนิษฐ์ไปที่โต๊ะ

       

      ต้องดื่มนมสดให้หมดแก้วนะจ๊ะ  เจติยะช่วยดูแล

       

      คุณพ่อยังไม่กินหรือคะ

       

      เดี๋ยวพ่อรอกินพร้อมคุณแม่

       

      สักครู่พัชราจึงเดินกลับมาพร้อมกับจานขนมในมือ

      ลูกหนูกินเสร็จแล้วก็เอาขนมจานนี้ไปให้คุณลุงบ้านโน้นนะจ๊ะ

       

      ค่ะ ลูกหนูอิ่มแล้ว  กนิษฐ์วางถ้วยนมลง  พัชราเช็ดปากให้

       

      ถือไปดี ๆ นะจ๊ะ  พัชราบอก

       

      กนิษฐ์เดินไปที่รั้วบ้านโปร่งหลังติดกัน  เนื่องจากตัวเธอเล็กจึงกดออดไม่ถึง

      คุณลุงขา  คุณลุงขา  สิ้นเสียงเรียกไม่นาน เธอก็เห็นเด็กชายคนที่ให้ต้นไม้เธอเดินออกมาจากบ้าน

       

      เธอน่ะ  คุณแม่ให้หนูเอาขนมมาให้คุณลุง  เปิดประตูให้หนูหน่อยซิคะ

       

      เด็กชายคนนั้นมาเปิดประตูให้เธอ 

       

      ขอบคุณค่ะ  กนิษฐ์บอก

       

      เธอรู้ไหม  ทีแรกคุณพ่อจะไม่ให้หนูเอาต้นไม้ของเธอไว้  คุณพ่อให้หนูเอาต้นไม้มาคืน

      ความเป็นเด็กชอบพูด  ทำให้กนิษฐ์เล่าให้ฟังขณะที่เดินเข้าไปในบ้าน

       

      ก็มันเป็นต้นไม้ของเรานี่  เด็กชายขมวดคิ้ว

       

      คุณลุงก็บอกยังงั้น  คุณพ่อถึงยอมให้หนูรับต้นไม้ไว้ 

       

      เด็กชายเปิดประตูมุ้งลวดให้

       

      คุณแม่ให้หนูเอาขนมมาให้คุณลุงค่ะ  กนิษฐ์บอกศักดิ์ เมื่อเห็นเขายังอยู่ในห้อง

       

      กวนคุณแม่หนูเปล่า ๆ  ศักดิ์บอกเมื่อรับจานขนม ท่าทางน่าอร่อยนะจ๊ะ

       

      อร่อยค่ะคุณลุง เมื่อกี้หนูก็กินมาแล้ว  กนิษฐ์บอก

       

      คุณแม่ทำขนมอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ  กนิษฐ์คุย

       

      หนุ่ม  เอาไปให้คุณแม่ในครัวทีสิ  บอกคุณแม่ให้เปลี่ยนจานนะ  แล้วเอาจานมาคืนน้องเขาเสีย

      ศักดิ์หันไปบอกลูกชาย  ศักดิ์คุยกับกนิษฐ์สักครู่  เด็กชายก็เดินถือจานออกมาพร้อมกับหญิงอีกผู้หนึ่ง

       

      ลูกหนู  ลูกคุณบ้านโน้นน่ะ  เจ้าหนุ่มเขาให้ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงยายหนูนี่ไป  คุณแม่เขาก็เลยเอาขนมมาให้เรา  ศักดิ์บอกสตรีผู้นั้น  

       

      กนิษฐ์ยกมือไหว้สตรีผู้นั้น  สวัสดีค่ะ  คุณป้า

       

      สตรีผู้นั้นยิ้มให้เธออย่างเมตตา  บอกคุณแม่หนูนะจ๊ะ  ว่าขอบคุณมาก  ขนมก็อร่อย  เมื่อกี้ป้าแอบชิมดูแล้ว

       

      งั้นหนูกลับนะคะ

       

      หนุ่มไปส่งยายน้องหน่อยสิ  แล้วไปขอบคุณ  คุณน้าบ้านโน้นด้วย

       

      ครับ  เด็กชายรับคำ   แล้วเดินนำกนิษฐ์ออกมา

      เธอเรียนหนังสือหรือยัง  เด็กชายชวนคุย

       

      เรียนแล้ว หนูอยู่  ป.3  แล้วนะ

       

      เราอยู่  ป.5 แล้ว  เด็กชายทำท่าภาคภูมิ เมื่อรู้ว่าตัวอยู่ชั้นโตกว่า

       

      เธอมีพี่น้องอีกไหม  กนิษฐ์ถาม

       

      ไม่มีหรอก  หมอบอกว่า  คุณแม่ไม่แข็งแรง  หนูเลยมีน้องไม่ได้

       

      เธออยากมีน้องหรือ  เด็กชายถาม

       

      อยากซิ

       

      เหมือนเราเลย  ถ้าเรามีน้องนะ  เราจะให้น้องเล่นยิงปืนกับเรา  เล่นตำรวจจับผู้ร้ายกับเรา

       

      หนูเป็นน้องเธอได้ไหมล่ะ  เด็กหญิงถาม

       

      ไม่เอา  เธอเป็นเด็กผู้หญิงเธอเล่นไม่เป็นหรอกเด็กชายว่า

       

      ใครบอกว่าหนูเล่นไม่เป็น  กนิษฐ์เถียง

       

      ก็เด็กผู้หญิงที่โรงเรียนเราไม่มีใครเล่นเลยนี่

       

      หนูไม่ได้อยู่โรงเรียนเธอนี่

       

      เอา  ถ้างั้นเธอก็เล่นเป็น  เด็กชายยอมแพ้เป็นครั้งแรก

       

      เข้ามาข้างในสิกนิษฐ์ชวนเมื่อมาถึงบ้าน  เด็กชายลังเล

       

      บ้านหนูมีต้นไม้เยอะนะ  เข้ามาดูสิ  กนิษฐ์ฉุดแขน

       

      คุณพ่อขา  คุณแม่ขา  พี่หนุ่มเอาจานมาคืนค่ะ  เสียงเรียกทำให้พัชราและเจติยะหันมามอง

       

      ชวนพี่เขามาทางนี้สิจ๊ะ  พัชราบอก

       

      ไปหาคุณแม่หนูกันเถอะ  กนิษฐ์ฉุดแขน ทำให้เด็กชายต้องเดินตาม

       

      คุณแม่ให้เรียนคุณน้าว่า  ขนมอร่อยมาก  และคุณแม่ขอบคุณมากครับ  เด็กชายพูดจาฉะฉาน

       

      พูดจากล้าดี  มานั่งกับน้าทางนี้สิครับ  กินขนมหรือยังครับ  เจติยะถาม

       

      ยังไม่ได้กินเลยค่ะคุณพ่อกนิษฐ์ตอบแทน

       

      คุณเล็กช่วยจัดขนมอีกชุดได้ไหมครับ

       

      ค่ะ  พัชราลุกอย่างเต็มใจ

       

      ไม่ต้องหรอกครับ  ขอบคุณ  ผมจะกลับแล้ว  เด็กชายพูดอย่างเรียบร้อย

       

      นั่งคุยกันก่อนสิ  เดี๋ยวให้ยายน้องเขาพาไปดูต้นไม้  ดูท่าเธอจะชอบต้นไม้ไม่ใช่เหรอ

       

      ชอบครับ  เจติยะดูท่าทางกล้าของเด็กชายอย่างพอใจ

       

      เธอชื่ออะไรล่ะ  เมื่อกี้ได้ยินยายหนูเรียกไม่ค่อยถนัด

       

      ชื่อปกรณ์  ครับ

       

      เขาชื่อหนุ่มด้วยค่ะ  คุณพ่อ  กนิษฐ์ช่วยตอบด้วย

       

      เรียกเขาพี่นะจ๊ะ  เขาโตกว่าหนู  เจติยะบอก

      เอ้ากินขนมก่อนซิ  เจติยะเลื่อนจานขนมและแก้วนมที่พัชราจัดมาให้

       

      ขอบคุณครับ

       

      กินแล้วเดี๋ยวให้ยายหนูเขาพาไปดูต้นไม้

       

       

       

      เฮ้ย ไอ้หนุ่ม  ดูหนังกันก่อนซิ  แล้วค่อยกลับบ้าน  เพื่อนรั้งแขนปกรณ์ไว้

       

      ไม่ได้เว้ย  วันนี้ต้องรีบกลับ  ปกรณ์ปฏิเสธ

       

      นัดใครเอาไว้ที่ไหนวะ  มีดีแล้วไม่บอกเชียว  เพื่อนเขาทำท่าหลิ่วตา

       

      ไม่ได้นัดใครไว้  วันนี้ยายน้องอยู่บ้านคนเดียว เลยต้องรีบกลับ  ปกรณ์อธิบาย

       

      น้องเอ็งหรือน้องใคร  ก็ไหนใครเขาบอกว่าเอ็งเป็นลูกชายคนเดียว  เพื่อนดักคอ

       

      น้องข้าเองซิวะ  น้องคนอื่นจะไปดูทำบ้าอะไรล่ะ

       

      แล้วที่เอ็งไปนั่งดูน้องไอ้ต๋อยคราวนั้นล่ะ

       

      นั่นมันดูคนละอย่าง นี่ข้าไปดูแล นั่นข้าไปแลเฉย ๆ  ปกรณ์เล่นลิ้น และกระโดดหลบขาของเพื่อนที่เหวี่ยงมา

       

      น้อย...น้อย...หน่อยซิวะ  เล่นอย่างนี้มันก็เจ็บนะซิ  ปกรณ์ว่า

       

      ถ้าไม่เจ็บ  แล้วจะเตะทำบ้าอะไรกันล่ะ  เจ้าของขาบอก

       

      ไอ้หนุ่ม  เอ็งไม่ดูจริง ๆ หรือ  เรื่อง...  เพื่อนเขาเอ่ยชื่อหนัง

       

      ก็ไหนเอ็งเคยบ่นว่าอยากดู  ปกรณ์ชักลังเล 

       

      ก็ชวนน้องเอ็งมาดูด้วยซิวะ ไม่เห็นจะยากอะไรเลย เพื่อนเขาเสนอ 

       

      เออจริงว่ะ ทำไมข้าไม่ทันคิด แต่…” ปกรณ์หยุดพูดและจ้องหน้าเพื่อน 

       

      เอ็งอย่ายุ่งกะน้องข้านะ ยายน้องยังเด็ก ปกรณ์กันท่า 

       

      ชะทำหวง เพื่อนเขาค่อน

       

      ก็พวกเอ็ง ไว้ใจไม่ค่อยได้นี่นา

       

      เออน่า เอ็งรีบโทรไปบอกน้องเอ็งเร็วเข้า เดี๋ยวจะไม่ทัน เพื่อนรับคำ

       

      งั้นเอ็งรอเดี๋ยว ข้าจะไปโทรหายายน้องก่อน ปกรณ์รีบเดินไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ

       

       

       

      กนิษฐ์นั่งจับตามองคนที่ผ่านไปมาหน้าประตู 

      ไม่ไหวเลยพี่ชาย  รู้งี้ชวนเจ้าเก้ามานอนด้วยก็ดี

       

      เธอนึกถึงเพื่อนสนิทที่โรงเรียน  กนิษฐ์เดินไปรอบบ้าน  บ้านที่ใคร ๆ แถวนี้เรียกว่าบ้านตุ๊กตา  สวนดอกไม้ของบ้านยังคงสภาพเช่นเดิม  แต่มิใช่ด้วยน้ำมือของบิดา  มารดาเช่นเคย  เพราะเจติยะต้องไปรับตำแหน่งใหม่ที่ต่างประเทศ  กนิษฐ์ยังจำได้ถึงวันที่พ่อของเธอรู้ข่าวว่าจะต้องย้าย

       

      ผมไม่อยากไปเลยคุณเล็ก  ห่วงคุณ  ห่วงยายหนู  เจติยะบอกกับพัชรา

      ผมจะขอต่อรองไม่ต้องย้าย  ผมไม่อยากไป  เพราะที่นี่เราไม่มีใคร  คุณกับยายหนูก็ไม่มีใครดูแล  ถ้าตกลงกันไม่ได้บางทีผมจะขอลาออก  แล้วหางานใหม่  พัชราตกใจมาก  เมื่อเขาบอกยังงั้น

       

      โธ่  คุณ  ไปเถอะค่ะ  ทางนี้ไม่มีอะไรต้องห่วง  เราก็ยังมีคุณพี่บ้านโน้น  พอที่จะขอความช่วยเหลือได้  เราไม่ได้พบกันแค่  6  เดือนเท่านั้น  เจติยะจะได้กลับมาไทยทุก ๆ 6 เดือน

       

      คราวแรก  เจติยะจะพาพัชราและกนิษฐ์ไปด้วย  แต่พัชราไม่ยอม  เธอรู้ดีว่า  เจติยะจะต้องย้ายไปประเทศอื่นเรื่อย ๆ และกนิษฐ์จะเกิดปัญหาเรื่องการเรียน

       

      ในที่สุดเจติยะก็ต้องไป  เขาโทรศัพท์ถึงเธออย่างสม่ำเสมอ  เป็นเวลาถึง 6 ปีแล้ว  เมื่อกนิษฐ์อยู่ชั้น  ม.1  พัชราได้ย้ายไปทำงานตำแหน่งเดิมในโรงแรมที่ใหญ่ขึ้น  เธอจึงมีงานมากขึ้น  บางครั้งต้องกลับบ้านดึก  ในช่วงนี้เพื่อนที่สนิทของเธอก็คือ  ปกรณ์  เธอยังจำถึงตอนนั้นได้

       

      วันนั้นพัชราโทรศัพท์มาบอกว่า  เธอต้องกลับบ้านดึก  เพราะ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี  จัดเลี้ยงที่โรงแรม

       

      ลูกหนู  ไม่ต้องรอแม่นะจ๊ะ  มีผัดพริกขิงอยู่ในตู้เย็น  ลูกหนูอุ่นแล้วก็กินได้  แล้วก็ยังมีไส้กรอกอยู่ในกระป๋อง  ลูกหนูจะทำแกงจืดซักชามก็ดีนะจ๊ะ  พัชรายังเป็นห่วง

       

      อย่าลืมทำการบ้านนะจ๊ะ  อย่าดูทีวี ดึกด้วยล่ะ  ปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยก่อนนอนด้วยนะจ๊ะ  มีอะไรก็รีบโทร.มาหาแม่นะจ๊ะ พัชราสั่งเสีย

       

      ค่ะ กนิษฐ์พูดอะไรไม่ออก นั่นเป็นวันแรกที่เธอต้องอยู่บ้านคนเดียว เธอจำได้ว่า เมื่อวางหูโทรศัพท์เธอก็ไปนั่งซุกอยู่ที่เบาะยาว ๆ จนมืด

       

      น้องหนู อยู่หรือเปล่า ทำไมไม่เปิดไฟล่ะ ปกรณ์มาเรียกเธออยู่ที่ประตูอีกสักครู่ไฟก็สว่างขึ้น

      อ้าว น้องหนู นั่งทำอะไรน่ะ เป็นอะไรไป ปกรณ์ถามเมื่อเห็นเธอ

       

      ไม่สบายหรือเปล่า

       

      กนิษฐ์ส่ายศีรษะแทนคำตอบ

       

      กินข้าวหรือยังล่ะนี่  คงจะยังซิ  ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดนักเรียนเลยนี่  คุณน้าไม่ดุเอาเหรอ

       

      คุณแม่มีงานต้องกลับดึก  กนิษฐ์ตอบเบา ๆ

       

      ปกรณ์มองเธออย่างเห็นใจ  ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไป  เดี๋ยวมาทำกับข้าวกินกัน

       

      เธอยังไม่ได้กินข้าวเหรอ

       

      กินแล้วล่ะ  แต่เราจะกินเป็นเพื่อน

       

      ดีจริง  งั้นเราไปอาบน้ำเดี๋ยวเดียว

       

      เย็นนั้นเธอกินข้าวกับปกรณ์  เขาช่วยเธอทำการบ้าน

       

      เราคิดถึงแม่จัง  กนิษฐ์บอก

       

      ไม่เห็นจะยากเลย  ก็โทร.ไปหาสิ  ปกรณ์แนะนำ

       

      โทร.ไปได้เหรอ  หัวหน้าคุณแม่ไม่ว่าเหรอ

       

      ไม่ลองจะรู้เหรอ

       

      นั่นสินะ  กนิษฐ์เดินไปที่โทรศัพท์  และหมุนหมายเลขถึงพัชรา  ซักครู่เธอก็ได้ยินเสียงมารดา

      คุณแม่คะ  หนูพูดนะคะ

       

      มีอะไรเหรอจ๊ะ  ลูกหนู  เสียงพัชราวิตก

       

      ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณแม่  คือหนูคิดถึงคุณแม่จังค่ะ  กนิษฐ์บอก

       

      แม่ก็คิดถึงลูกหนู  เสียงพัชราอ่อนโยนนัก

       

      กินข้าวแล้วใช่ไหมจ๊ะ

       

      กินแล้วค่ะ  พี่หนุ่มมาทำให้  แล้วพี่หนุ่มก็ช่วยทำการบ้านด้วยค่ะ

       

      กวนพี่เขาหรือเปล่าจ๊ะ

       

      ไม่ค่ะ  กนิษฐ์ไม่เคยห่างมารดาเลย  เธอจึงยังดูเหมือนเด็กเล็ก

       

      อีกซักครู่  แม่ก็จะกลับแล้ว  ดึกแล้วนะจ๊ะ  เดี๋ยวลูกหนูเข้านอนเสีย  ไม่งั้นจะตื่นไปโรงเรียนไม่ทัน  อย่าลืมดื่มนมก่อนนอนนะ

       

      ค่ะ  งั้นหนูจะไปนอนนะคะ  สวัสดีค่ะ

       

      จ๊ะ

       

      กนิษฐ์วางหูโทรศัพท์แล้วจึงบอกปกรณ์ว่า

      คุณแม่ให้เรานอนแล้ว  คุณแม่กลัวเราจะตื่นไปโรงเรียนไม่ทัน

       

      ตกลง  งั้นเราจะช่วยปิดประตู  หน้าต่างให้  ปกรณ์ดูแลทุกอย่างจนเรียบร้อย  แล้วจึงกลับไป

       

      ตั้งแต่นั้นมา  เมื่อพัชรากลับบ้านดึกครั้งใด  กนิษฐ์ก็มักจะไปตามปกรณ์มาอยู่เป็นเพื่อน

       

      ถ้าเธอเป็นพี่ชายเราก็ดีเลยนะ  กนิษฐ์บอก

       

      ก็ทำไมเราจะเป็นไม่ได้  เราเรียนมากกว่าน้องหนูตั้ง 2 ชั้น

       

      งั้นเธอเป็นพี่ชายเรานะ

       

      ตั้งแต่นั้นมา  กนิษฐ์ก็เรียกปกรณ์เป็นพี่ชายทุกคำ  เธอสนิทกับปกรณ์มาก  พัชราก็ไว้ใจปกรณ์มากเช่นกัน  กนิษฐ์จะได้อยู่กับพัชราก็เพียงวันอาทิตย์เต็มวันเท่านั้น  แต่เธอกับมารดาก็ไม่รู้สึกเหินห่างกันเลย  เพราะกนิษฐ์เข้าใจพัชราดี  และทั้งเธอและพัชราต่างก็เฝ้ารอวันที่เจติยะกลับมา

       

      เรื่องการทำสวน  จึงจำเป็นต้องจ้างคนมาดูแล  ส่วนเรื่องในบ้านนั้นกนิษฐ์กับพัชราช่วยกันดูแล

       

      ถึงแม้ว่าบ้านตุ๊กตาจะก่อสร้างมาหลายปีแล้วก็ยังอยู่ในสภาพดี  พัชรากับเจติยะหวงบ้านหลังนี้นัก  เพราะทั้งเธอและเขาช่วยกันสร้าง  ดังนั้นบ้านจึงถูกซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่ดีเสมอ  เมื่อครั้งหลังสุดที่เจติยะกลับมา  เขาก็ได้จัดการทาสีบ้านใหม่

       

       

      พี่ชายแย่มาก  กนิษฐ์นึกว่าในใจ  ปกรณ์สัญญาว่าจะมาช่วยเธอทำการบ้าน

      ความมืดเริ่มปกคลุม  กนิษฐ์จึงเข้าบ้านและเปิดไฟ  เธอเปิดเทปก่อนจะถือหนังสือไปนั่งอ่านที่เก้าอี้ข้างหน้าต่าง ตาจับอยู่ที่ตัวหนังสือ  แต่ไม่ได้ผ่านเข้าสู่หัวสมองเลย  เพราะเจ้าตัวกำลังขุ่นเคืองอยู่

       

      พี่ชายไม่มาก็น่าจะบอก  จะได้ชวนเจ้าเก้ามา

      เดี๋ยวเหอะ  เจอจะต้องเล่นงาน  กนิษฐ์นึกอาฆาต

       

      กริ๊ง  กริ๊ง  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  ทำเอากนิษฐ์สะดุ้ง  แล้วก็ต้องหัวเราะตัวเอง

       

      ประสาทแล้วเรา  เธอเดินไปรับโทรศัพท์

       

      ฮัลโหล  กนิษฐ์พูดได้เท่านี้  ก็มีเสียงพูดแซงมา

       

      เราพูดนะ  รออยู่หรือเปล่า

       

      พี่ชายเหรอ  แย่มาก  อยู่ที่ไหนนะ  ไหนว่าจะมาช่วยเราทำการบ้าน

       

      โกรธอยู่เหรอ

       

      แน่ละซิ  ถามยังงี้ได้ยังไง  กนิษฐ์กระแทกเสียง

      จะไม่มาก็บอกสิ  จะได้ชวนเจ้าเก้ามา  เสียงยังฉุนเฉียว

       

      การบ้านส่งตั้งวันจันทร์ไม่ใช่เหรอ 

       

      ใช่สิ  แต่เราจะต้องเอาไปให้เพื่อนดูก่อน

       

      เอาไปดูทำไม  ไม่เชื่อฝีมือเราเหรอ  ปกรณ์ข้องใจ

       

      โง่จริง  กนิษฐ์ดุ

      ไปดูแล้วก็เขียนลงสมุดน่ะ  กนิษฐ์อธิบาย

       

      อ๋อ  เอาไปลอก  ปกรณ์เพิ่งเข้าใจ

       

      เชยจริง  ใครเขาใช้คำว่าลอก  มันเสียศักดิ์ศรี

       

      เอาเถอะ  เอาไปดูก็เอาไปดู  ทำพรุ่งนี้เช้าทันไหม

       

      จะไปเที่ยวไหนล่ะ  พี่ชายสัญญากับเราแล้วนะ แล้วก็ปล่อยให้เรารอตั้งนานแล้วด้วย  กนิษฐ์กล่าวโทษ

       

      ขอโทษทีเถอะ  วันนี้ประชุมชมรมเพิ่งเลิก  ไปดูหนังกันไหม  ปกรณ์ชวน

       

      ดูหนังเหรอ  เรื่องอะไร 

       

      ไม่ทำการบ้านแล้วเหรอ

       

      อย่ายั่วนะ  กำลังโมโห 

       

      ปกรณ์หัวเราะ  ก่อนจะบอกชื่อหนัง

       

      ไปกับแฟนหรือเปล่า  กนิษฐ์ยังข้องใจ

       

      ทำไม

       

      เดี๋ยวพี่ชายหลอกใช้เราอีก 

       

      ปกรณ์หัวเราะ ครั้งนั้นเขากำลังจะเลิกกับแฟน  เธอเอาแต่ใจตัวอย่างร้ายกาจ  แต่เขาหาวิธีเลิกกับเธอไม่ได้  และเย็นวันนั้นเขาก็โทรศัพท์มาหากนิษฐ์

       

      น้องหนู  ไปดูหนังกันไหมครับ  เสียงปกรณ์อ่อนโยนเป็นพิเศษ

       

      ไปซิ  โรงอะไรล่ะ

       

      กนิษฐ์รีบรับคำ  โดยไม่สงสัยกับน้ำเสียงของเขา  ปกรณ์บอกชื่อโรง  แล้วกนิษฐ์รีบออกจากบ้าน  เมื่อเธอไปถึงก็พบปกรณ์ยืนอยู่กับหญิงสาวสวยคนหนึ่ง  เขาเดินตรงมาหาเธอทันทีเมื่อเห็น

       

      น้องหนูทางนี้ครับ  ปกรณ์จับแขนเธอคล้องแขนเขา  แล้วก้มลงพูดกับเธอด้วยท่าทางอ่อนโยน

       

      อะไรกัน  พี่ชาย  กนิษฐ์งง

       

      เฉย ๆ นะ  ไม่ต้องพูดอะไร  ยิ้มอย่างเดียว  เข้าใจนะ  ปกรณ์กระซิบ  กนิษฐ์พยักหน้ารับอย่างงง ๆ

      เขาพาเธอเดินตรงไปทางหญิงสาวผู้หนึ่งยืนอยู่

       

      น้องหนูนี่คุณรัศมีเพ็ญ  กนิษฐ์ยิ้มให้เธอ  และเธอก็ยิ้มตอบ  แต่สายตาเธอกำลังตั้งคำถาม

      น้องหนูจะซื้ออะไรเข้าไปกินไหมครับ  ปกรณ์ทำท่าทางไม่สนใจรัศมีเพ็ญเลย  และโดยไม่ฟังคำตอบ  ปกรณ์รีบพาเดินไปที่ร้านขายของ

       

      พี่ชายเสียมารยาทจัง  ทำไมไม่ชวนคุณนั่นมาด้วย  กนิษฐ์ว่า

       

      ก็เราเห็นน้องหนูจะชวนนะซิ  ถึงต้องรีบฉุดมา

       

      นี่มันเรื่องอะไรกัน  กนิษฐ์ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของเขา  แต่ปกรณ์ไม่ยอมปล่อย

      อยู่เฉย ๆ สิ  เดี๋ยวเสียแผนหมด

       

      แผนอะไร  กนิษฐ์ถามอย่างจะเอาเรื่อง

       

      เถอะน่า  กลับบ้านแล้วจะบอก  ตอนนี้ยิ้มให้หวาน ๆ เข้าไว้  กนิษฐ์แยกเขี้ยวให้แวบหนึ่ง

       

      จะหาเรื่องทะเลาะกะเขาเหรอ  กนิษฐ์เดา

       

      อย่าทำเป็นรู้ดีน่า  ปกรณ์ดุ

       

      เอ้า  ท่าจะหาเรื่องเราจะได้ช่วยแสดงให้สมบทบาท

       

      จริงหรือเปล่า  ปกรณ์ถามเพื่อความแน่ใจ

       

      จริงซิ

       

      งั้นก็เริ่มได้เลย

       

      ปกรณ์พาเธอไปซื้อขนม  เมื่อกลับมากนิษฐ์เกาะแขนปกรณ์แน่น  แล้วก็คุยจ๋อย ๆ ถึงเวลาดูภาพยนตร์เธอก็นั่งกลาง  โดยมีปกรณ์นั่งขนาบด้านหนึ่ง  และอีกด้านหนึ่งคือรัศมีเพ็ญ  เธอก็ยังคุยต่อ  ส่งขนมให้ปกรณ์โดยไม่สนใจรัศมีเพ็ญเลย  เมื่อภาพยนตร์เลิก  ปกรณ์ก็อาสาจะไปส่งรัศมีเพ็ญ

      ไม่ต้องค่ะ  หมีกลับเองได้  แล้วรัศมีเพ็ญก็รีบวิ่งไปขึ้นรถเมล์

       

      เราบาปไหม  พี่ชาย  กนิษฐ์ชักไม่สบายใจ

       

      ไม่น่าเสมอทุน  น้องหนูแกล้งเขา  แต่ช่วยเรา  ปกรณ์ปลอบ

       

      แหม  ตอนอยู่ในโรงหนังนะ  เรากลัวคนเขาจะด่าเอาจะตาย  ปกรณ์หัวเราะ  เพราะเมื่ออยู่ในโรงหนังกนิษฐ์ก็คุยตลอดเวลา

       

      หิวน้ำไหม

       

      หิวซี่  พูดตั้ง 2 ชั่วโมง  กนิษฐ์บอก

       

      เดี๋ยวจะแจกรางวัลยิ่งใหญ่  จะเอาอะไรดี  ปกรณ์ถาม

       

      ขอดูหนังเรื่องนี้อีกทีเถอะ  เราไม่ได้ดูเลย  มัวแต่คุย  ไม่รู้เรื่องเลยว่าหนังเป็นยังไง

       

      เราก็ไม่รู้เหมือนกัน  ทั้งปกรณ์และกนิษฐ์จึงหัวเราะ

       

       

       

      ว่าไง  ไปกับแฟนหรือเปล่า    กนิษฐ์ถามมาอีก

       

      เปล่าหรอก  ไปกับเพื่อนน่ะ

       

      โอเค  งั้นเดี๋ยวเราจะไป  โรงอะไรล่ะ  ปกรณ์บอกชื่อโรงหนังไป

       

      ดีเลย  เลิกดูหนังแล้วจะได้ไปหาคุณแม่  กลับพร้อมคุณแม่ด้วย

       

      รีบ ๆ มานะ  เราจะซื้อตั๋วแล้วจะคอยอยู่หน้าโรง

       

      ฮื่อ  แล้วเจอกัน  กนิษฐ์เป็นฝ่ายวางหูโทรศัพท์ก่อน

       

       

      กนิษฐ์เดินเข้ามาในโรงหนัง  พลางมองหาปกรณ์แล้วเธอก็รู้สึกถึงมือที่ดึงผมเปีย

       

      ทำไมมาช้านัก  เขาเข้ากันไปตั้ง 10 นาทีแล้ว

       

      ก็เราไม่ชอบดูโฆษณานี่

       

      อ้อ  ก็เลยกะเวลามาไม่ต้องดูโฆษณา  แล้วให้เรายืนรอ  ดีนะ  ปกรณ์ว่า

       

      โกรธมั่งแล้วเหรอ  กนิษฐ์ล้อ

       

      ไปเข้าไปได้แล้ว  ปกรณ์รุนหัวกนิษฐ์ให้ออกเดิน 

       

      ปกรณ์ให้กนิษฐ์นั่งเก้าอี้ริม  ถัดไปเป็นเขา  แล้วจึงเป็นเพื่อนเขา

       

      น้องเอ็งมาแล้วเรอะ  เพื่อนเขาหันมาถาม

       

      มาแล้ว  ปกรณ์ตอบ  แล้วจึงหันมาบอกกนิษฐ์ว่า

       

      น้องหนู  นี่เพื่อนเรา  กนิษฐ์ไหว้กราด

       

      นี่เหรอยังเด็ก  เพื่อนเขากระซิบ

       

      เอ็งตายแน่  ถ้ายุ่งกับยายน้อง  เขายังเรียน มัธยมอยู่เลย  เพื่อนเขาหัวเราะ  หึหึ  กับคำขู่ของปกรณ์

       

      เมื่อภาพยนตร์เลิก  ทั้งหมดก็ออกมายืนออกันอยู่หน้าโรงภาพยนตร์

      จะไปกินอะไรก่อนไหม  เพื่อนของปกรณ์ชวน

       

      น้องหนูหิวไหมครับ  อีกเสียงหนึ่งชวนกนิษฐ์

       

      ว่าไงพี่ชาย  เรายังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย  ตอนหลังกนิษฐ์แอบกระซิบ

       

      ไปก็ได้  แต่ต้องทำเวลาหน่อยนะ  เดี๋ยวจะไม่ทันคุณน้า  ปกรณ์ตอบ  หลังจากดูนาฬิกาแล้ว

       

      ชิล ชิล

      กนิษฐ์ใช้แสลงตอบ  ปกรณ์จึงเอาแขนคล้องคอกนิษฐ์  แล้วจึงเดินไปร้านอาหาร

       

      กนิษฐ์รูปร่างสูงเพรียว  และเมื่อเธอใส่กางเกงและเสื้อเชิ้ตแขนยาว  เก็บชายเสื้อไว้ในกางเกง  เมื่อเธอเดินคู่ไปกับปกรณ์จึงดูเหมือนน้องชายเดินกับพี่ชาย

       

      น้องหนู  เราให้เวลา 10 นาที  ปกรณ์บอกหลังจากได้อาหารที่สั่งแล้ว  กนิษฐ์จึงก้มหน้าก้มตากิน

       

      น้องหนูอยู่ชั้นไหนแล้วครับ  เพื่อนปกรณ์ชวนคุย

       

      ม. 5 ฮะ

       

      ม. 5  แล้วนะ  เจ้าหนุ่ม  เพื่อนเขายั่ว

       

      เอ็งอยากโดนเตะไหม  ปกรณ์ทำท่ากัดฟันพูด

       

      บ้านน้องหนูมีสวนหรือเปล่าฮะ

       

      มิน่า  เจ้าหนุ่มถึงได้ดุนัก

       

      พี่ชายดุ  แล้วเกี่ยวอะไรกับสวนคะ  กนิษฐ์ข้องใจ

       

      ก็หมาเฝ้าสวนไงฮะ  น้องหนู  เพื่อนปกรณ์ช่วยแก้ข้อข้องใจ

       

      โอ๊ย  ใครเตะหน้าแข้งข้าวะ  อีกเสียงร้อง

       

      อ้าวโดนเอ็งเหรอ  ปกรณ์หน้าตื่น

       

      โทษทีว่ะ  เตะผิดแข้ง 

       

      อิ่มหรือยัง  น้องหนู  ปกรณ์หงุดหงิด

       

      อิ่มแล้ว  ไปได้แล้ว  กนิษฐ์ตอบพลางคว้าแก้วน้ำดื่ม

       

      สวัสดีฮะ  กนิษฐ์ไหว้กราดอีกครั้ง  ขณะที่ยืน

       

      เฮ้ย  จ่ายเงินให้ด้วยนะ  พรุ่งนี้ค่อยทวงกันที่คณะฯ  ปกรณ์ว่าพลางคล้องคอกนิษฐ์  แล้วออกเดิน

       

       

       

      น้องหนู  ตื่นหรือยังครับคุณน้า  ปกรณ์ถามเจติยะ  หลังจากไหว้แล้ว  เจติยะได้เวลาพักร้อน  เขาได้หยุดถึง 1 เดือน

       

      ตื่นแล้วล่ะ  รู้สึกจะยังอยู่ในห้องน้ำน่ะ ลองไปดูที่ห้องเขาสิ

       

      ครับ  ปกรณ์รับคำแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องของกนิษฐ์ 

       

      เสียงผิวปากดังอยู่ในห้องน้ำ  ซึ่งอยู่ภายในห้อง  ทำให้รู้ว่าเจ้าของห้องยังไม่เสร็จธุระ

       

      น้องหนูเร็ว ๆ สิ  สายแล้วนะ  ปกรณ์ตบประตูห้องน้ำเรียก

       

      เราเป็นคนไปดูผลนะ  ไม่ใช่พี่ชาย  ทำตื่นเต้นไปได้  เสียงในห้องน้ำตอบกลับมา

       

      ก็เราเป็นคนติวให้นี่

       

      ให้ติวเอาบุญแล้ว  ยังจะยุ่งอีก  อย่าหวังเลยว่าจะได้ติวอีก  เสียงในห้องน้ำบ่นให้ได้ยิน

       

      รอเดี๋ยวนะพี่ชาย  เกือบได้ฤกษ์ออกแล้ว

       

      ต้องมีฤกษ์ออกจากห้องน้ำด้วยเรอะ  ปกรณ์ว่า

       

      แหงซิ

       

      ปกรณ์จึงไปนอนรอบนเตียงของกนิษฐ์  เขาคุ้นเคยกับห้องเธอตั้งแต่เด็ก ๆ เช่นเดียวกับกนิษฐ์ก็คุ้นเคยกับห้องของเขา

      เมื่อครั้งกนิษฐ์กับปกรณ์ยังเด็ก คราวนั้นกนิษฐ์ไปเล่นที่บ้านของปกรณ์  และเล่นอยู่จนดึก  เพราะคุณแม่กับคุณพ่อของเธอไปงานกินเลี้ยง  และฝากเธอไว้กับครอบครัวของปกรณ์  เธอเผลอหลับไป  ขณะที่เล่นงูไต่บันไดในห้องของปกรณ์

       

      ยายหนูแกหลับไปแล้วค่ะ  คุณนิภา  มารดาของปกรณ์บอก  พัชราเมื่อเธอไปเรียกกนิษฐ์

       

      ให้แกนอนที่นี่ได้ค่ะ  คุณนิภาพูดต่ออย่างใจดี

       

      อุ้มแกไปเดี๋ยวจะร้องไห้เสีย

       

      แต่...แหมเกรงใจคุณพี่ค่ะ  พัชราบอก

       

      เดี๋ยวปลุกให้แกไปนอนที่บ้านดีกว่า  นอนที่นี่ตาหนุ่มก็ไม่มีที่นอนซิคะ  ไม่ดีหรอกค่ะ

       

      ไม่เป็นไรค่ะ  เดี๋ยวเอาฟูกมาปูหน้าเตียงให้ตาหนุ่มนอน

       

      ตาหนุ่มยังไม่หลับหรือค่ะ

       

      ยังเลยค่ะ  ยังอ่านหนังสืออยู่เลย

       

      ถ้างั้นให้ตาหนุ่มไปนอนห้องยายหนูก็ได้นี่ครับ  เจติยะบอก

       

      กวนคุณเปล่า ๆ ค่ะ  คุณนิภาบอก

       

      ไม่เป็นไรครับ  ให้แกแลกที่นอนกันซักคืน

       

      จึงเป็นอันว่าปกรณ์ได้ไปนอนที่ห้องของกนิษฐ์  กนิษฐ์นอนที่ห้องของปกรณ์  ตั้งแต่นั้นทั้งสองก็แลกห้องกันเป็นประจำ  เพราะเมื่อผู้ปกครองของฝ่ายใดมีธุระ  ก็ต้องเอามาฝากอีกบ้าน  จนกระทั่งเมื่อพ้นวัยเด็กจึงเลิกการแลกห้อง

       

      ห้องของกนิษฐ์ถูกเจ้าตัวจัดใหม่  เมื่อพ้นวัยเด็ก  ห้องเธอไม่กว้างนัก  เตียงเดี่ยว  ตั้งอยู่ชิดฝาด้านหนึ่งมีผ้าคลุมเตียงลายดอกไม้เล็ก ๆ สีสว่าง  เย็บเข้ารูป  กับเตียงแล้วทิ้งชายเป็นระบาย  คลุมอยู่เรียบร้อย  ที่หัวเตียงถูกต่อเป็นชั้นวางของ  มีกระจกเลื่อนปิดได้  ในนั้นใส่ของที่เธอได้วันเกิด  ส่วนที่เป็นตู้มีฝาไม้ปิดเป็นที่เก็บหนังสือที่เจ้าตัวสนใจ 

       

      เราจะเก็บตรงนี้ไว้ใส่ของขวัญของพี่ชาย  กนิษฐ์บอก

       

      หมดที่ว่าง  เราก็ไม่ต้องหาของมาให้น้องหนูแล้วใช่ไหม ปกรณ์ทำท่าคืบวัดพื้นที่ที่ยังว่างอยู่

       

      ไม่ใช่  ถ้าเต็มเราก็จะให้พี่ชายต่อชั้นใหม่ให้เราอีกต่างหากล่ะ

       

      เราเป็นคนให้  แล้วเรายังต้องมาทำที่วางให้อีกนะ

       

      ปกรณ์ว่า  แต่เขาก็ยังไม่ลืมของแปลก ๆ กระจุ๋มกระจิ๋มมาให้กนิษฐ์เสมอ ๆ เมื่อถึงวันเกิดเธอ  เขาต้องต่อชั้นที่วางของให้เธอแล้ว  2 อัน

       

      ข้างเตียงเป็นหน้าต่างเรียงกัน 3 บาน  มีม่านห้อยอยู่เรียบร้อย ผนังอีกด้านเป็นที่ตั้งของโต๊ะเขียนหนังสือ  บนโต๊ะมีโอ่งใบเล็ก ๆ ใส่ปากกาสารพัดสี  วางอยู่มุมหนึ่ง  แจกันใส่ดอกเข็มสีแสดช่อเดียววางอยู่ติดกัน  กรอบรูปถ่ายสีเงินเงาวับวางอยู่ถัดมา  ในนั้นเป็นรูปถ่ายของเจ้าของห้องกับปกรณ์  ปกรณ์เอาแขนคล้องคอกนิษฐ์  ซึ่งตัวผู้ถูกคล้องก็ยิ้มร่า

       

      มีหนังสือวางอยู่บนโต๊ะเล่มหนึ่ง  มีที่คั่นเรียบร้อยราวกับเจ้าตัวยังอ่านค้างอยู่  ถัดไปจึงเป็นตู้โปร่งสานด้วยหวาย  เป็นที่ใส่หนังสือ  ทางผนังด้านนี้ก็มีหน้าต่างอยู่อีก  3  บาน  แขวนม่านเรียบร้อย  มีที่ว่างอีกนิดหน่อย  กว่าจะถึงมุมห้องอีกด้านหนึ่ง

       

      ประตูห้องน้ำถูกทำอย่างกลมกลืนกับผนังห้อง  ระหว่างห้องน้ำกับประตูได้เจาะเป็นร่องเป็นห้องเล็ก ๆ มีโต๊ะเครื่องแป้งเล็ก ๆ ซึ่งมีวางเพียงแปรง  กล่องใส่โบว์และกิ๊บ และแป้งกระป๋อง  มีตู้กระจกใส่เสื้อผ้าวางอยู่ชิดฝา  ห้องนี้มีฉากหวายกั้นอยู่

       

      ปกรณ์เปิดตู้หนังสือที่พนักเตียง  เลือกหนังสือมาอ่านแล้วจึงเปิดเทปที่ห้อยอยู่ที่ข้างฝาใกล้กับตัวตุ๊กตาผ้าสุนัขพันธุ์ดัชชุน  ซึ่งทำลำตัวยาวยื่นออกไป  มีเศษผ้าเย็บเป็นกระเป๋าเล็กๆ ติดตามลำตัว สำหรับเก็บตลับเทป  เสียงจากเทปทำให้เขาละความสนใจจากหนังสือ  และตะแคงหูฟังเสียงที่ร้อง

       

      ถ้าจะรักก็จักเป็นเพราะใจรัก  ถ้าจะภักดิ์ก็จักเป็นเพราะใจหมาย  ถ้ารักแล้วแหละจะมั่นจนวันตาย  ไม่มีคลายสวาทวางหรือหมางเมิน  เสียงร้องคลอกีตาร์นั่นคุ้นหูเขานัก

       

      ได้ฤกษ์ออกแล้วพี่ชาย

       

      เสียงแจ๋ว ๆ บอก  ขณะที่เจ้าตัวก้าวออกจากห้องน้ำ  กนิษฐ์อยู่ในเสื้อคลุมอาบน้ำ  สีเหลืองลายดอกทานตะวัน  ซึ่งขับผิวเธอให้ขาวยิ่งขึ้น

       

      เสียงน้องหนูเหรอ  ปกรณ์ถามสิ่งที่ข้องใจ

       

      อะไร  อ้อ  เทปนั่นนะเหรอ  ใช่เสียงเราเอง  ไม่ได้เรื่องเล้ย  กนิษฐ์บ่น

      เจ้าเก้ามันทิ้งหนังสือเพลงไว้  วันนั้นเราเซ้งก็เลยลองอัดเพลงเล่นดู  กนิษฐ์อธิบาย

       

      น้องหนูร้องเพลงซึ้ง ๆ ยังงี้ก็เป็นกับเขาด้วยเรอะ 

       

      กนิษฐ์เดินเข้าไปในฉากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงตอบ

      ก็บอกแล้วไง  ว่ามันเซ็ง ๆ เปิดเจอเพลงไหนก็ร้องมันมั่ว ๆ ไป

       เปลี่ยนเทปม้วนอื่นให้ทีสิพี่ชาย กนิษฐ์ร้องบอกจากในฉาก

       

      ทำไม เพราะดีออก

       

      เดี๋ยวยกให้ไปฟังที่บ้านนะ ตอนนี้เปลี่ยนม้วนอื่นเหอะ เดี๋ยวใครเขาจะเข้าใจผิด

       

      เข้าใจผิดว่ายังไง

       

      ก็เข้าใจผิดว่ามีแฟน แล้วน่ะซิ มีแต่เพลงหวานจ๋อยทั้งนั้น กนิษฐ์บ่นตัวเอง

       

      ปกรณ์เอาใจโดยการยอมเปลี่ยนเทปให้  เขาหยิบดูแต่ละม้วน  แล้วก็สงสัยยิ่งนัก

      น้องหนู ม้วนเก่า ๆ มันหายไปไหน ไอ้ที่โฉ่งฉ่างที่น้องหนูชอบนะ เห็นมีแต่เพลงป๊อปทั้งนั้นเลยนี่

       

      เราเก็บไปหมดแล้ว ตอนนี้ชักไม่ค่อยชอบแล้ว กนิษฐ์บอก

       

      ปกรณ์ได้กลิ่นแป้งที่เขาคุ้นเคยกลิ่นมานาน                                                                                                                  

      เมื่อไรจะเปลี่ยนแป้งซะทีน้องหนู

       

      ทำไมล่ะ

       

      เราได้กลิ่นนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว กนิษฐ์หัวเราะ

      เราจะใช้ให้มันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวไปเลย กนิษฐ์บอก

       

      เพียงชั่วขณะหนึ่งกนิษฐ์ก็เดินออกมาจาฉาก  ในมือยังถือแปรง ๆ ผมอยู่  ผมของเธอยาวเกือบครึ่งหลัง

       

       ถ้าน้องหนูไม่ไว้ผมยาวนะ ดูไม่ออกเลยว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย

       

      ทำไมล่ะ 

       

      กนิษฐ์นั่งที่ปลายเตียงแล้วหวีผม  ก็แต่งตัวแบบนี้ แล้วก็ยังเดิน...

       

      ปกรณ์ค่อน  แต่ไม่ยังพูดจนจบ

       

      ก็แต่งตัวแบบนี้ก็ต้องเดินแบบนี้ซิ ทำเดินนวยนาดแล้วมันก็ตลกซิ

       

      ปกรณ์จำได้ว่า  เขาไม่เคยเห็นกนิษฐ์ใส่กระโปรงเลยเมื่อพ้นวัยเด็ก  นอกจากชุดนักเรียน  วันนี้เธอก็ใส่กางเกงยีนส์  และเสื้อยืด Addidass สีขาว ซ่อนชายไว้ในกางเกง

       

      เสื้อพี่ชายนะ เรายังไม่ได้คืนเลย ไม่ต้องมองหรอก กนิษฐ์หัวเราะเก้อ ๆ

       

      เราเกือบลืมไปแล้วสิ ว่ามีเสื้อตัวนี้ด้วย

       

      งั้นเรายืมต่อก็แล้วกัน พี่ชายก็รีบ ๆ ลืมซะนะ กนิษฐ์ว่า

      ถักผมให้หน่อยสิ

       

      ยุ่งจริง ปกรณ์บ่นแต่ก็ยอมลุกจากที่นอนโดยดี

      ถักยังไงล่ะ

       

      อะไรก็ได้ไม่ให้มันรุงรัง ปกรณ์ถักเปียเล็ก ๆ ที่ข้างหูให้เธอทั้ง 2 ข้าง

       

      ทำอะไรน่ะ

       

      อยู่เฉย ๆ ซิ ปกรณ์ดุ แล้วจึงรวบเปียทั้ง 2 ข้างมาไว้ข้างหลัง แล้วจึงหวีผมที่เหลือให้

       

      ที่เหลือล่ะทำยังไง กนิษฐ์ถาม

       

      ก็ปล่อยไว้เฉย ๆ ยังงี้

       

      ตลก เราไม่เคยปล่อยผมเลย

       

      ก็ลองดูซิ

       

      รำคาญตายชัก กนิษฐ์ทำท่าจะแกะเปียออกถักใหม่

       

      อย่านะ ถ้าแกะแล้วไม่ต้องมาให้เราถักอีก ปกรณ์ขู่

       

      มันรำคาญน่ะ พี่ชายดูแล้วไม่รำคาญมั่งเหรอ กนิษฐ์พูดค่อย ๆ

       

      ไปเถอะน่า ปกรณ์ตัดบทด้วยการฉุดแขนเธอออกไปจากห้อง

       

       

       

      เป็นไงจ๊ะ ลูกหนู   พัชราชักใจไม่ดี เมื่อเห็นกนิษฐ์กับปกรณ์เดินเข้าบ้านมาในตอนสาย หน้าตาไม่ค่อยดีทั้งคู่

       

      สอบไม่ได้หรือจ๊ะ พัชราถาม

       

      สอบได้ค่ะ คุณแม่ แต่พี่ชายน่ะบ้าที่สุด เราอุตส่าห์สอบได้แล้วยังจะดุอีก

       

      ก็ทำไมไม่ติดคณะเราล่ะ ปกรณ์งง

       

      ถ้าบอกว่าไม่เลือก พี่ชายก็คงจะเขียนใบสมัครให้แน่ ๆ มันเรื่องอะไรถึงจะต้องเลือกคณะพี่ชายด้วยล่ะ

       

      หยุด หยุดทั้งสองคน เจติยะห้ามทัพ

      ลูกหนูติดคณะอะไรครับ เจติยะถาม

       

      เทคนิคการแพทย์ค่ะ กนิษฐ์บอกเสียงอ่อย ๆ

       

      อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับตาหนุ่มหรือเปล่าจ๊ะ พัชราถามบ้าง

       

      อยู่ครับ 

       

      แล้วมาตีกันเรื่องอะไรล่ะ ก็เหมือนอยู่โรงเรียนเดียวกัน เจติยะดุ

       

      ไม่ไหว เรื่องแค่นี้ก็ทะเลาะกัน ไม่ยอมโตกันเสียที ทั้งกนิษฐ์และปกรณ์เงียบ

       

      ผมกลับก่อนละครับ ปกรณ์บอก

       

      จะรีบไปไหนล่ะ

       

      บอกคุณพ่อไว้ครับ ว่าจะรีบไปช่วยแยกกล้วยไม้

       

      งั้นก็ไปเถอะ เดี๋ยวน้าเล็กเขาทำขนมเสร็จแล้วจะให้น้องหนูเอาไปให้

      เจติยะอนุญาต  เมื่อปกรณ์ลับสายตาไปแล้ว  เขาจึงเล่นงานบุตรสาว

      ไม่น่ารักเลย ลูกหนู

       

      ก็เขามาดุหนูก่อน

       

      แล้วทำไมลูกไม่เลือกคณะตาหนุ่มล่ะ

       

      ก็หนูอยากมีเพื่อนใหม่ ๆ บ้างซิคะ คณะพี่ชายหนูรู้จักเกือบทุกคน กนิษฐ์ตอบไปอย่างให้เห็นใจ ความจริงเพื่อนสนิทของเธอไม่มีใครเลือก เธอจึงไม่เลือกบ้าง คำตอบของเธอทำให้เจติยะหัวเราะ

       

      คืนนี้ต้องฉลองหน่อยล่ะ เจติยะบอก

       

      ไปกินข้าวนอกบ้านนะคะ กนิษฐ์เสนอ

       

      เบื่อฝีมือแม่แล้วซิ พัชราล้อ

       

      เปล่าค่ะ แต่เราไม่ได้ไปกินข้างนอกกันตั้งนานแล้ว กนิษฐ์รีบอธิบาย

       

      ตกลง

       

      ไชโย กนิษฐ์กระโดดเข้าหอมแก้มเจติยะ

       

      ชวนตาหนุ่มไปด้วยล่ะ

       

      ค่ะ กนิษฐ์รับคำ ลืมเรื่องขุ่นข้องใจเมื่อกี้หมด

       

       

      ฮัลโหล เสียงในโทรศัพท์ดังมา

       

      หนูพูดค่ะ คุณป้า

       

      อ้อ ยายหนูเหรอจ๊ะ จะพูดกับตาหนุ่มเหรอจ๊ะ

       

      ค่ะ

       

      รอสักครู่นะจ๊ะ

       

      ขอบคุณคุณป้าค่ะ เสียงอีกฝ่ายวางหูโทรศัพท์เบา ๆ สักครู่กนิษฐ์ก็ได้ยินเสียงของปกรณ์

       

      พี่ชายเราพูดนะ

       

      ว่าไง

       

      ไปกินข้าวเย็นด้วยกันนะ คุณพ่อเลี้ยง ปกรณ์เงียบ

       

      ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ เรายังหายโกรธแล้วเลย

       

      ก็น้องหนูหายโกรธ แล้วทำไมเราจะต้องหายโกรธด้วยล่ะ ปกรณ์ย้อน

       

      น่าไปกินด้วยกันนะ นะ พี่ชายแยกต้นไม้เสร็จหรือยังน่ะ

       

      ยังเลย

       

      งั้น เดี๋ยวเราเอาขนมไปให้นะ คุณแม่กำลังทำอยู่ แล้วพี่ชายไปกินข้าวกะเรานะ อย่าเล่นตัวนักเลยน่า เดี๋ยวก็อดหรอก เสียงพูดตอนท้ายทำแบบเทศนา ทำให้ปกรณ์ต้องหัวเราะ

       

      เขาชวนกันยังงี้เรอะ

       

      เอาเป็นว่าโอเคนะ

       

      ฮื่อ ปกรณ์รับคำ

       

      เย็น ๆ พี่ชายก็มาบ้านเรานะ

       

      ฮื่อ

       

      งั้น แค่นี้นะ พูดจบ กนิษฐ์ก็วางหู

       

       

      ปกรณ์เดินเข้าไปในบ้านก็พบกนิษฐ์นั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะยาว  ดูหนังสือการ์ตูนรออยู่

       

      อ้าว ไหนว่าจะพาไปกินข้าวไง ปกรณ์ทัก เพราะเห็นกนิษฐ์ยังใส่กางเกงขาสั้น ผ้ายีนส์สีขาว และเสื้อสีสดลายการ์ตูนตัวหลวมอยู่

       

      ก็ไปกินล่ะ นี่ก็นั่งรอพี่ชายอยู่

       

      ทำไมล่ะ ปกรณ์เข้าไปนั่งข้าง ๆ

       

      คุณแม่หลอกให้ใส่กระโปรงน่ะซิ เราจะแย่อยู่แล้วช่วยหน่อยสิ

       

      ช่วยยังไง ให้เราใส่กระโปรงแทนน่ะไม่ได้นะ

       

      กนิษฐ์หัวเราะ

      ช่วยบอกคุณแม่ว่าเราใส่กระโปรงแล้วไม่ได้เรื่อง หรืออะไรก็ได้ที่ภาพพจน์มันร้าย ๆ

       

      คุณน้าอยู่ไหนล่ะ

       

      แต่งตัวอยู่ นะช่วยพูดหน่อยนะ

       

      ก็เราไม่เคยเห็นน้องหนูใส่กระโปรงนี่ มันนึกภาพไม่ออก

       

      เหอะน่า มั่ว ๆ ไป ตกลงนะ คุณแม่ออกมาแล้ว กนิษฐ์เขยิบไปนั่งบังมุม

      นะ ตกลงนะ ยังไม่ทันที่ปกรณ์จะตอบก็พอดีพัชราเห็นปกรณ์เข้า

       

      เห็นลูกหนูไหมจ๊ะตาหนุ่ม ในห้องก็ไม่มี ให้ใส่กระโปรงหน่อยเดียว ออกฤทธิ์อาละวาด พัชราบ่น

       

      นะ ตกลงนะ กนิษฐ์กระซิบกระซาบ

       

      ไม่ล่ะ ปกรณ์กระซิบตอบ แล้งจึงบอกพัชราว่า

      น้องหนูนั่งคุยกับผมอยู่ครับ คุณน้า

       

      อ้าว ลูกหนู ยังไม่ไปอาบน้ำอีก ทำไมให้ตาหนุ่มมานั่งรอ กนิษฐ์หน้าคว่ำทันที

       

      ฮึ่ม พี่ชายนะ กนิษฐ์ยกกำปั้นเป็นเชิงอาฆาต เมื่อเดินผ่านหน้า

       

      ขอยืมหนังสืออ่านมั่ง ปกรณ์เดินตามไปในห้องของกนิษฐ์ เมื่อกนิษฐ์ปิดประตูห้อง ก็เล่นงานเขาทันที

       

      ชั่วร้ายมาก พี่ชาย

       

      โธ่เอ๊ย กะอีแค่ใส่กระโปรง ทำเป็นเรื่องใหญ่โต ใคร ๆ เขาก็ใส่กัน ปกรณ์ทำเสียงปลง

       

      ก็เราใส่แล้วมันตลกนี่ กนิษฐ์ยิ่งหน้าคว่ำ

       

      เถอะน่า ยังไงน้องหนูก็ต้องใส่ล่ะ ช่วยไม่ได้แล้ว

       

      ปกรณ์พูดจบก็เดินไปที่เตียงค้นหนังสือ  และทำท่าไม่สนใจเจ้าของห้อง  กนิษฐ์จึงได้แต่เดินกระแทกเท้าด้วยความไม่พอใจไปเปลี่ยนเสื้อเพื่ออาบน้ำ  แต่ก็ไม่วายพูดรักษาเชิง

       

      ฮี่เธ่อ ใส่ก็ได้กะอีแค่กระโปรง แล้วกนิษฐ์ทำท่าพ่นลมออกจากปาก

      กนิษฐ์อาบน้ำอย่างรวดเร็ว  แต่หายเข้าไปในห้องแต่งตัวเสียนาน

       

      มีกระโปรงกี่ชุดนะน้องหนู ปกรณ์ถามล้อ ๆ

       

      มีชุดเดียวนั้นแหล่ะ เสียงบอกว่าขัดใจนัก

       

      มันใส่ยากนักเหรอ เข้าไปตั้งนานแล้ว

       

      อย่ายุ่งนะ กนิษฐ์ส่งเสียงหงุดหงิดเต็มที่

       

      หิวแล้วนะ ปกรณ์บ่นให้ได้ยิน พอดีกับมีเสียงเคาะประตูและเจติยะก็เปิดเข้ามา

      เสร็จกันหรือยัง

       

      ผมเสร็จแล้วครับ แต่น้องหนู หายเข้าไปในนั้นตั้งนาน ยังไม่ยอมออกมา ปกรณ์ฟ้อง

       

      เสร็จหรือยังจ๊ะลูกหนู

       

      เสร็จแล้วค่ะ เสียงตอบอ่อย ๆ แล้วเจ้าตัวจึงเดินออกมาจากฉาก

       

      หัวเราะอะไร ก็บอกแล้วว่ามันตลก กนิษฐ์เอ็ดปกรณ์

       

      เขินจนพูดผิดพูดถูก เรายังไม่ได้หัวเราะเลยเรายิ้มเฉยๆ ปกรณ์ยั่ว

       

      สวยจัง ลูกพ่อ เจติยะบอก

       

      กนิษฐ์แต่งกระโปรงชุดสีฟ้า  ความยาวเหนือเข่ามาเล็กน้อย  ตัวกระโปรงตรงลงมา  แล้วค่อยบานออกเล็กน้อยเมื่อถึงปลาย  เสื้อคอตั้ง  แล้วขลิบด้วยโบว์สีขาวมัดเป็นโบว์  กระโปรงฉลุ  ที่แขนและชายกระโปรงเป็นรูปดอกไม้เล็ก ๆ

       

      ไปกันเถอะจ้ะ เจติยะโอบบ่าบุตรสาวให้เดินออกไป

       

       

      เมื่อไปถึงห้องอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่ง  เจติยะแตะเอวพัชราให้เดินเข้าไป  ปล่อยกนิษฐ์ให้เป็นหน้าที่ของปกรณ์

       

      มาขอควงหน่อย ปกรณ์ยื่นแขนมาให้ควง

       

      ทำไมจะต้องควงด้วย ต่างคนต่างเดินก็ได้ กนิษฐ์ไม่ยอม

       

      ไม่ได้วันนี้น้องหนูเป็นเลดี้ ไปน่า ปกรณ์รีบจับแขนกนิษฐ์ให้เดินเข้าไป เมื่อเห็นเธอทำท่าจะออกฤทธิ์

      เดินก้าวสั้น ๆ หน่อยซิจ๊ะ

       

      ยุ่งน่ะ กนิษฐ์เอ็ด

       

      อย่าลืมสิว่าวันนี้เป็นเลดี้ ใส่กระโปรงยังงี้แต่เดินยังกะหนีตำรวจ

       

      บ้า กนิษฐ์ว่า แล้วก็หัวเราะ เธอยอมก้าวสั้นลงตามคำบอก

       

      ร้านอาหารนั้นบรรยากาศค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่  วงดนตรีเล่นเพลงสากลเก่าๆ  เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว  เจติยะก็ชวนพัชราออกไปเต้นรำ

       

      ไปเต้นกันไหมน้องหนู ปกรณ์ชวนบ้าง

       

      พี่ชายเต้นเป็นเหรอ กนิษฐ์เลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ

       

      เฮอะ...ดูถูก

       

      ก็เราไม่เคยเห็นนี่

       

      เราได้ A เมื่อ course ที่แล้วนี่สด ๆ ร้อน ๆ วิชานี่แหละ

       

      อ๋อ ที่ได้ A ตัวเดียว วิชานี้เองนะเหรอ ปกรณ์เขกหัวกนิษฐ์แต่เธอไวกว่า

       

      อย่านะพี่ชาย เราเป็นเลดี้นะ กนิษฐ์บอกอย่างเป็นต่อ

       

      น้องหนูนี่หัดลืม ๆ อะไรซะมั่งซิ ปกรณ์บ่นพึมพำ

      ไป จะสอนให้

       

      กนิษฐ์เดินตามปกรณ์มาแต่โดยดี

       

      เอ้าทำยังงี้ ปกรณ์จับมือกนิษฐ์วางบนบ่าเขา อีกมืออยู่ในอุ้งมือเขา

      มือน้องหนูนิ่มดีนะ

       

      มันเกี่ยวกับท่าเต้นด้วยเรอะ กนิษฐ์ข้องใจ

       

      หัดรู้จักขอบคุณซะมั่งซิ ปกรณ์ว่า

       

      ขอบคุณทำไม ก็มันของเรานี่ กนิษฐ์เถียง

       

      เราบอกดี ๆ เอ้า เต้นยังงี้ 1, 2, 3 เอ้า 1, 2, 3 ปกรณ์ก้าวนำ

       

      ไม่เห็นสนุกเลย กนิษฐ์บ่น ทั้งครูและทั้งศิษย์ต่างอ่อนใจพอ ๆ กัน หลังจากใช้เวลาหัดพอสมควร

      ขึ้นไปดิ้นที่คลับข้างบนดีกว่านะ กนิษฐ์ชวน

       

      รู้จักกับเขาเหมือนกันเรอะ ปกรณ์ข้องใจ

       

      สาบานได้นะว่าไม่เคยเข้าเลย เคยได้ยินแต่เขาพูดกัน กนิษฐ์รีบอธิบาย

       

      นะไปนะ กนิษฐ์ทำท่าประจบ

       

      คุณน้าล่ะ ปกรณ์ชักลังเล

       

      เดี๋ยวไปบอกซิ ว่าเราขึ้นไปแป๊บเดียว ดิ้นซัก 5-6 เพลง แล้วคงลงมา ตกลงนะ

       

      ฮื่อ

       

       

       

      น้องหนู ทำอะไรน่ะเสียงเรียกจากริมรั้วทำให้กนิษฐ์ละมือจากการทำงาน

       

      อ๋อ พี่ชาย ทำไมอยู่บ้านได้ล่ะ

       

      อย่าถามได้ไหม เสียงบอกว่าหงุดหงิด

       

      อารมณ์เสียเหรอ แย่เลย จะให้ช่วยยัดนุ่นตุ๊กตาซะหน่อย

       

      เดี๋ยวจะไปช่วย

       

      ดี

       

      แล้วกนิษฐ์ก็ละความสนใจจากปกรณ์ทำงานต่อ  ทั้งกนิษฐ์และปกรณ์ต่างก็จบการศึกษาและทำงานแล้ว  ปกรณ์ทำงานบริษัทเดียวกับเจติยะ  ส่วนเธอทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง

       

      ชิงช้าโยก  เพราะน้ำหนักของคนขึ้นมา  ทำให้กนิษฐ์เงยหน้าขึ้นมอง

      มาเร็วดีนี่ เอ้า เอาตัวนี้ไปยัดนุ่นต่อ เราจะยัดตัวใหม่ กนิษฐ์ส่งตุ๊กตาผ้ารูปสุนัขพันธุ์ดัชชุนให้

       

      เอาเลยเรอะ ยังไม่ได้พักเหนื่อยเลย

       

      เดินแค่นี้เหนื่อย หมั่นไส้ กนิษฐ์พูดไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้สึกผิดแปลกอะไร แต่ปกรณ์รู้สึกประหลาดใจ เมื่อต่างก็ทำงาน เขาก็ไม่ค่อยได้พบเธอบ่อยนัก ดูเธอเป็นผู้หญิงขึ้นมาก

       

      ทำตั้งหลายตัวให้ใครน่ะ

       

      ก็เอาไว้ที่ห้องเรา นี่พี่ชายรู้ไหม ตอนนี้นะห้องเรามีตุ๊กตาตั้งเกือบ 20 ตัวแล้ว กนิษฐ์อวด

       

      แล้วน้องหนูเอาที่ไหนเก็บล่ะ

       

      คุณพ่อซื้อตะกร้าใบบะเริ่มมาให้เก็บ แต่ส่วนมากมันอยู่บนเตียง

       

      บนเตียงเหรอ 20 ตัวเชียวนะ ปกรณ์ทำตาโต

       

      ฮื่อ กนิษฐ์พยักหน้ารับรอง

       

      แล้วน้องหนูนอนยังไงล่ะ

       

      ก็ผลัดกันนอนบนเตียง วันไหนเหนื่อย ๆ มาขี้เกียจลากเจ้าพวกนี้ลง เราก็นอนที่พื้น วันไหนไม่เหนื่อยก็ลากเจ้าพวกนี้ลงมานอนที่พื้น แล้วเราก็นอนบนเตียง ปกรณ์พยักหน้าเข้าใจ

       

      ไว้มีครบ 100 ตัว แล้วเราจะทำพิพิธภัณฑ์ เปิดให้คนดู แล้วเก็บเงิน ความคิดล้ำไหม

       

      ฮื่อ เราคิดว่าน้องหนูคงจะได้เปิดอีกไม่นานหรอก วันนี้ก็ได้เพิ่มเป็น 23 ตัวแล้วนี่ กนิษฐ์หัวเราะ

       

      พี่ชายจะเอาสักตัวไหมล่ะ จะทำให้ แต่ไม่รู้นะว่าจะได้เมื่อไร

       

      งั้นเราไปเลือกสำเร็จรูปของน้องหนูเลยได้ไหม จะได้ไม่ต้องรอ

       

      เอาจริงเหรอ

       

      ปกรณ์พยักหน้ารับ  กนิษฐ์ทำท่าประหลาดใจ

       

      ตลก พี่ชายจะเก็บไว้เอง หรือให้ใคร ให้คนอื่นเราไม่ให้นะ

       

      ของเราเอง ปกรณ์ยืนยัน

       

      งั้นเดี๋ยวไปเลือกที่ห้องเรา ให้ไปแล้วต้องเลี้ยงดี ๆ นะ เพราะของเรานี่ทำดีประเภทหนึ่ง เรารักทุกตัวเลย ถ้าไม่ใช่พี่ชายขอ ไม่ได้แอ้มซะล่ะ กนิษฐ์ทำท่าเชิดจมูก

       

      เอ้า นั่นยัดเสร็จแล้ว ส่งมาให้เรา เราจะได้เย็บ พี่ชายเอาตัวนี้ไปยัดต่อ อารมณ์ดีหรือยังล่ะ กนิษฐ์เปลี่ยนเรื่องอย่างเฉียบพลัน

       

      วันนั้นเห็นคุณทิพรัตน์เขาเดินคนเดียว พี่ชายไปไหนเสียล่ะ 

       

      เลิกกันแล้ว

       

      อ้าวทำไมล่ะ อ้อไม่ต้องตอบก็ได้นะ มันไม่ใช่เรื่องแปลกใช่ไหม กนิษฐ์ไม่แปลกใจนัก เพราะปกรณ์มักจะเปลี่ยนคู่ควงเสมอ   แต่เธอก็ยังรู้สึกนิยมเขาที่ยังควงทีละหนึ่ง

       

      ควงทีละคนดีกว่า เราให้เกียรติผู้หญิง ถ้าจะควงคนต่อไปก็เลิกกันก่อน ปกรณ์เคยบอกเธอ

       

      เราจะเข้าร้านแผ่นเสียง เธอจะเข้าร้านผ้า ก็เลยต่างคนต่างเข้า แล้วก็เลยต่างคนต่างเดิน

       

      เรื่องแค่นี้เองเหรอ กนิษฐ์ทำท่าไม่เชื่อ

       

      แค่นี้จริง ๆ ปกรณ์ยืนยัน

       

      อาจจะเป็นเพราะพี่ชายกับเขายังไม่ชอบกันจริงจังก็ได้มั้ง ไม่งั้นก็คงไม่แยกกันเดินง่าย ๆ หรอก แล้วตอนนี้หารายต่อไปได้หรือยังล่ะ

       

      ยังเลย ยังไม่ได้หา ชักเบื่อ ๆ แล้ว

       

      อ้อ มิน่าถึงได้อยู่บ้านวันอาทิตย์ 

       

      เอ๊ะ หลอกถามกันนี่ ปกรณ์เหวี่ยงตุ๊กตาที่เสร็จแล้วตัวนึงใส่กนิษฐ์

       

      ยังดี ที่ยังรู้ตัวตอนจบ กนิษฐ์หัวเราะร่า

       

      พี่ชายยัดนุ่นให้แน่น ๆ นะ เอาไม้กระทุ้ง ๆ เข้า

       

      เราคงคิดผิดนะ ที่มานั่งที่นี่

       

      ไม่ใช่พี่ชายคนเดียวหรอกที่คิดยังงี้

       

      เฮ้อ ก็ยังดีที่รู้ว่าเราไม่ได้โง่คนเดียว ปกรณ์ทำท่าถอนหายใจ

       

      แล้วคนที่เขาเคยนั่งน่ะ หายไปไหนหมด

       

      ไล่ไปหมดแล้ว รำคาญ กนิษฐ์ทำท่าขมวดคิ้วประกอบ

       

      น้องหนู เล่นหมากรุกเป็นไหม

       

      เป็นซิ คุณตาเพื่อนสอนเรา คุณตาเก่งยอดไปเลย กนิษฐ์ยกนิ้วโป้งให้

       

      แล้วน้องหนูล่ะ เก่งแค่ไหน

       

      เก่งกว่าพี่ชายก็แล้วกันน่า ที่ถามนี่จะท้าเลยเรอะ กนิษฐ์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

       

      ท้าก็ได้ ว่าไงรับท้าไหม ปกรณ์ชักโกรธ ที่มีคนสบประมาทตัว

       

      ย่อมได้แล้วพี่ชายจะเล่นตอนไหน

       

      เดี๋ยวเราต้องออกไปธุระหน่อย เอาเป็นตอนเย็น ๆ ค่อยข้ามมาเล่นก็แล้วกัน

       

      เออ แล้วเราจะรอ

       

       

      ปกรณ์คลานขึ้นเตียงเมื่อเช้าของวันใหม่  คือตี 1 เขาเพิ่งกลับจากเล่นหมากรุกกับกนิษฐ์  ปกรณ์พลิกตัวกอดตุ๊กตาหมาหูยาวที่ได้มาจากกนิษฐ์  กลิ่นน้ำหอมยังคงส่งกลิ่นอ่อน ๆ จากตุ๊กตา

       

      ทำไมพี่ชายต้องเอาตัวนี้ด้วยล่ะ กนิษฐ์หน้างอ

       

      ทำไม ก็เราชอบนี่

       

      นี่ตัวโปรดของเราเชียวนะ เจ้าท๊อฟฟี่

       

      มันชื่อท๊อฟฟี่เหรอ ปกรณ์แทบหัวเราะ

       

      ฮื่อ พี่ชายเอาตัวอื่นไม่ได้เหรอ

       

      ไม่เอา ถ้าไม่ได้ตัวนี้เราก็ไม่เอา ปกรณ์แกล้ง เขาชอบดูท่าประจบประแจงของกนิษฐ์

       

      นะน่า

       

      ไม่เอา ปกรณ์ทำเสียงแข็ง

       

      งั้นก็ตกลง เอาเจ้าท๊อฟฟี่ไป แล้วเลี้ยงมันดี ๆ นะ กนิษฐ์จูบลาก่อนจะส่งให้เขา

       

      เป็นเอามาก ปกรณ์ถอนใจ

       

      เราไม่เอาหรอก เอาตัวอื่นก็ได้ ปกรณ์ส่งคืน

       

      ไม่เป็นไรหรอก เอาไปเถอะ บอกว่าให้ก็ให้สิน่า กนิษฐ์ยัดเยียดใส่มือปกรณ์ แล้วไล่เขากลับบ้าน

       

      ผลของการเล่นหมากรุกในคืนนั้น  ปกรณ์และกนิษฐ์ผลัดกันชนะคนละกระดาน  และปกรณ์สัญญาว่าจะไปเอาชนะทั้งหมดให้ได้ในวันรุ่งขึ้น

       

      ความจริง น้องหนูก็น่าสนใจนะ

       

       

      ปกรณ์นอนคว่ำหันเท้าไปทางประตู  กนิษฐ์นอนหันเท้าไปทางหน้าต่าง  ระหว่างทั้งสอง  คือกระดาน    หมากรุก  ทั้งสองคนใช้หมอนเท้าแขนอยู่

       

      สี่เดือนแล้วที่ทั้งปกรณ์และกนิษฐ์กลับบ้านแต่วัน  หลังจากนั้นไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง  ก็ต้องข้ามรั้วไปกินข้าวอีกบ้านหนึ่ง  หรือไม่ก็ออกไปกินข้างนอก  แล้วจึงกลับมาเล่นหมากรุกที่ห้องของกนิษฐ์

       

      ปกรณ์คิดว่าเขาค้นพบสาเหตุแล้ว  ว่าทำไมเขาจึงควงคู่กับผู้อื่นได้ไม่นาน  เขาห่วงกนิษฐ์นั่งเอง  เขาเคยดูแลเธอตั้งแต่ยังเด็ก  และจนเกิดเป็นความเคยชิน  เขาได้แต่โทษความเคยชินนั่นแหละ  ที่ทำให้เขาตัดเธอไม่ขาด

       

      แม่ครับ ผมอยากแต่งงาน เขาบอกมารดาเมื่อเย็น

       

      กับใครล่ะ คุณนิภา มิได้แปลกใจนัก เพราะปกรณ์อายุพอสมควรแล้ว

       

      น้องหนูครับ คำตอบของเขาทำให้คุณนิภาถึงกับขยับแว่นที่ใส่อ่านหนังสือขึ้นมองหน้า

       

      อ้อ มิน่าล่ะ หมู่นี้ถึงได้ไม่ค่อยไปไหน ไปขลุกอยู่แต่ที่บ้านโน้น ยายหนูแกก็น่ารักดี เออ แล้วยายหนูเขาตกลงกับหนุ่มแล้วหรือ

       

      ผมยังไม่ได้ถามเขาเลยครับ ปกรณ์ตอบอ่อย ๆ

       

      อ้าว เกือบทำให้แม่ขายหน้าแล้วไหมล่ะ ไปขอแล้วถ้าลูกสาวเขาเกิดไม่ยอม หมดกัน มารดาเอ็ด

       

      งั้นผมจะไปถามเขานะครับ

       

      แล้วเขาก็รีบข้ามมาบ้านกนิษฐ์  จนกระทั่งกินข้าวผ่านไปแล้ว  เล่นหมากรุกจนเกือบจะได้เวลาที่เขาเคยกลับบ้านแล้ว  เขาก็ยังไม่กล้าถามเธอ

       

      เดินเสียทีซิพี่ชาย กนิษฐ์เร่งเนื่องจากเธอกำลังเป็นต่อ ปกรณ์หยิบตัวนึงเดินส่งเดช

       

      ทำไมพี่ชายเล่นใจลอยไงพิกล เราชนะตั้ง 3 ตาแน่ะ จะแก้ตัวอีกหนไหม

       

      ปกรณ์พยักหน้ารับ  กนิษฐ์จึงตั้งตัวหมากรุกใหม่  เล่นกันไปได้ซักครู่  นาฬิกาในห้องรับแขกก็ตี 1 ครั้ง

       

      เลิกดีกว่านะพี่ชาย ดึกแล้วเดี๋ยวคุณป้ารอ กนิษฐ์ไม่รอฟังคำตอบ ทำท่าจะกวาดตัวหมากรุกลงถุง ปกรณ์พลิกตัวนอนหงาย เอาแขนรองศรีษะ

       

      เล่นค้าง ๆ ยังงี้ไม่ดีเลย ถ้าน้องหนูแต่งงานกะเราก็ดี เราจะได้ไม่ต้องกลับบ้าน ปกรณ์เหลือบตามองกนิษฐ์ ก็พบว่าเธอกำลังมองเขาอยู่ เธอหลบตาเขา

       

      อย่าเลย เราไม่อยากบอกลูกมันจำ ลูกเอ๊ย ที่พ่อลูกเขาขอแต่งงานกับแม่ก็เพราะเขาอยากเล่นหมากรุก กนิษฐ์พยายามจะทำให้เป็นเรื่องขำ

       

      น้องหนู เราพูดจริง ๆ นะ แม่ให้เรามาถามว่าน้องหนูจะแต่งไหม ปกรณ์พูดเป็นงานเป็นการ

       

      คุณน้าเหรอ จะขอเราแต่งงาน ปากพูดไป แต่สมองกำลังนึกหาคำตอบอย่างเร็วจี๋

       

      กนิษฐ์ จะแต่งงานกับเราไหม ปกรณ์ใช้นิ้วแตะใบหน้าของกนิษฐ์ให้หันมามองคนถามนั้นจริงจังนัก

       

      พี่ชายแน่ใจเหรอ กนิษฐ์ถามเสียงค่อย ๆ

       

      แน่ใจซิ

       

      พี่ชายใช้อะไรเป็นเครื่องวัด

       

      เราต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้วนะ มีสมองที่จะคิดไม่หวือหวาไปตามอารมณ์อย่างวัยรุ่นหรอก

       

      เรามียิ่งกว่าความรักที่ให้น้องหนู ความรักเช่นคนรัก ความห่วงใยอาทรเช่นน้องสาว ความไว้วางใจเช่นเพื่อน พอไหมล่ะ

       

      แล้วพี่ชายไม่สนใจเหรอ ว่าเรามีความรู้สึกต่อพี่ชายยังไง กนิษฐ์ทำตายิบ ๆ กลั้นยิ้ม

       

      เราก็กำลังจะถาม ว่ายังไงล่ะ

       

      มานี่ซิ จะบอก กนิษฐ์เดินไปที่ประตู ปกรณ์เดินตาม เธอยืนพิงฝาติดประตู เขาจึงวางมือพิงฝาเหนือบ่าทั้งสองของเธอ จึงเหมือนเธอยืนอยู่ในวงแขนของเขา

       

      ว่าไงจ๊ะ กนิษฐ์ยิ้มอาย ๆ ให้ แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ เธอเอื้อมไปแตะลูกบิด และอย่างรวดเร็ว กนิษฐ์เปิดประตูออกแล้วผลักปกรณ์ออกไปจากห้อง

       

      ถามแม่เราดูสิ ปิดประตูบ้านให้ด้วย แล้วกนิษฐ์ก็ปิดประตู กดปุ่มล็อค เจ้าตัวหมดแรงจนต้องนั่งอยู่หน้าประตู

       

      ปกรณ์ยืนงงอยู่หน้าประตูครู่ใหญ่  แล้วเขาก็ยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ  แล้วจึงผิวปากเดินกลับบ้าน

      เกือบจะเดินพ้นมุมบ้านไปแล้ว  แต่แสงไฟที่ลอดมาจากห้องที่ตัวเข้าไปนอนเมื่อกี้ยังสว่างอยู่  เขาจึงเดินอ้อมุมตึก  เดินไปที่หน้าต่างห้องนั้น  เขาเห็นกนิษฐ์นั่งประสานมือรองคางอยู่ที่โต๊ะ

       

      คิดอะไรอยู่จ๊ะ

       

      กนิษฐ์สะดุ้งเปล่านะ จะนอนแล้ว แล้วเธอก็รีบกระโดดขึ้นเตียง เอื้อมมือจะไปดับไฟที่โคมบนหัวเตียง

       

      “Good night darling”

       

      ราตรีสวัสดิ์ พี่ชาย กนิษฐ์ได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนเดินออกไป

       

       

       

      ในเช้าของวันแต่งงาน  ปกรณ์และกนิษฐ์ถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาตักบาตรด้วยกัน  แล้วตอนสายจึงไปจดทะเบียนที่อำเภอ  มีงานกินเลี้ยงตอนเย็นที่ห้องอาหารที่โรงแรมที่พัชราทำงานอยู่

      การ์ดแต่งงานได้ถูกแจกไปจนหมดเรียบร้อยแล้ว

       

      พี่ชายดูซิ เรากับพี่ชาย มีแขกแค่ 20 คนเท่านั้น นอกนั้นเป็นแขกของคุณแม่กับคุณพ่อหมด

      กนิษฐ์เปลี่ยนมาเรียกชื่อ  นิภากับศักดิ์ตามปกรณ์

       

      นั่นซิ เราเองยังชักงง ๆ ใครแต่งกันแน่

      รั้วบ้านที่กั้นระหว่างบ้านทั้งสองถูกรื้อออก  แล้วสร้างเป็นบ้านชั้นเดียวอยู่ระหว่างอาณาเขตของบ้านทั้งสอง  เป็นเรือนหอของปกรณ์และกนิษฐ์

       

      กนิษฐ์และปกรณ์ไปดูความเรียบร้อยของสถานที่ตั้งแต่บ่าย  จนกระทั่งเย็น  กนิษฐ์จึงไปแต่งผมและแต่งหน้าที่ห้องพักของพัชราที่โรงแรม  ช่างมาคอยอยู่ที่นั่น

       

      น้องหนูอาบน้ำก่อนสิ เสื้อเอาลงมาจากรถแล้วใช่ไหม ทั้งคู่ต่างก็เตรียมเสื้อผ้ามาแต่งเรียบร้อย

      กนิษฐ์พยักหน้ารับ  แล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำ  เพียงชั่วครู่ก็ออกมา  โดยยังสวมเสื้อคลุมอยู่

       

      เอาล่ะ ตาพี่ชายแล้ว ช่างเข้าประจำที่ เมื่อกนิษฐ์นั่งลงบนเก้าอี้

       

      อย่าแต่งหน้าจนเราจำไม่ได้นะ เขาไม่ลืมที่จะสั่ง

       

      เราก็ไม่ชอบพอกซักเท่าไรหรอก กนิษฐ์ค้อนให้เขาทางกระจก

       

      ช่างถักผมเปียให้กนิษฐ์รอบศีรษะ  ดูราวกับมงกุฎแล้วปล่อยลูกผมให้ขมวดระอยู่ตามหน้าผาก  ท้ายทอย  ใบหน้านั้นแต่งบางและกลมกลืนกันมาก  คิ้วแทบจะไม่ได้ทา  เพราะสีเข้มอยู่แล้ว  เติมแป้ง  สีที่ตา  ปากและแก้มเท่านั้น

       

      สวยแล้วค่ะ ขอบคุณมาก

       

      กนิษฐ์บอกเมื่อสำรวจใบหน้าของตนที่กระจก  แล้วทิปเธอผู้นั้นอย่างงาม  ช่างผู้นั้นพึมพำขอบคุณ  แล้วจึงออกจากห้องไป  สวนกับพัชราที่ประตู

       

      เสร็จแล้วหรือจ๊ะลูก 

       

      ค่ะ เหลือแต่ใส่เสื้ออย่างเดียว

       

      มา แม่จะช่วย พัชราปลดชุดที่แขวนอยู่ข้างฝา แล้วส่งให้กนิษฐ์

       

      สวยมากจ๊ะ ลูกแม่ กนิษฐ์กอดเอวมารดาอย่างประจบประแจง แล้วจึงสวมชุด

      ชุดเป็นผ้าลูกไม้สีขาวเปิดหลังปล่อยให้เห็นผิวขาวอมชมพู คอลึกเล็กน้อย  กระโปรงยาวย้วยอย่างสวยงาม  เวลาเดินพลิ้วน่าดู 

       

      ตาหนุ่มบอกว่า จะมารับลูกตอน 6 โมงครึ่งนะจ๊ะ

       

      อีก 5 นาทีเท่านั้น กนิษฐ์มองนาฬิกาที่โต๊ะ

       

      แขกมาหรือยังค่ะคุณแม่

       

      ก็มีแต่พวกที่สนิท ๆ กันเท่านั้นจ๊ะตอนนี้ กนิษฐ์เดินไปสำรวจความเรียบร้อยที่กระจกอีกครั้ง พอดีกับมีเสียงเคาะประตู พัชราเดินไปเปิด เธอได้ยินเสียงพัชราคุยอะไรกับผู้เคาะประตูสักครู่ แล้วจึงได้ยินเสียงบอกว่า ยายหนูเสร็จแล้วล่ะจ๊ะ

       

      ปกรณ์เดินเข้ามาในห้องในขณะเดียวกับที่กนิษฐ์หมุนตัวกลับมาที่ประตู  เธอเห็นแววทึ่งในดวงตาของเขา

      จำแทบไม่ได้แน่ะ น้องหนู

       

      เราตัวปลอมน่ะ ฮื่อ ฮือ พี่ชายดูดีจัง ปกรณ์แต่งสูทสีครีม เสื้อข้างในสีส้มมีระบายที่อกเสื้อ

       

      ไปกันหรือยังล่ะ

       

      ไปสิ พี่ชายยืมเกาะแขนหน่อยสิ ปกรณ์เดินเข้าไปหา เพื่อให้กนิษฐ์เกาะแขนเขา

      รองเท้ามันสูงน่ะ เราไม่ถูกโรคกับรองเท้าส้นเล็ก ๆ สูง ๆ เล๊ย กนิษฐ์บอก

       

      กนิษฐ์กับปกรณ์ยืนแจกของชำร่วยที่หน้าประตูห้องอาหาร  ปกรณ์ดูท่าย่อตัวไหว้ของกนิษฐ์อย่างทึ่ง  นิด ๆ

       

      น้องหนูทำท่านุ่มนิ่มยังงี้ก็เป็นด้วยเหรอ ปกรณ์กระซิบถาม

       

      แทบตายละ คุณแม่จับไปอบรมตั้งครึ่งเดือน กนิษฐ์กระซิบตอบเช่นกัน

       

      อาหารคาวผ่านไป  แล้วจึงของหวาน  ปกรณ์กับกนิษฐ์ก็เดินไปตามโต๊ะ  เพื่อถ่ายรูปกับแขกที่มาร่วมงาน  ปกรณ์ดูท่าแย้มยิ้ม  พูดจาของกนิษฐ์อย่างประหลาดใจ  ท่าทางดูเป็นธรรมชาติจริง  แต่ก็แฝงไปด้วยความมีเสน่ห์น่าดู  เธอไม่เหมือนกับกนิษฐ์  เด็กของเขาที่มักจะทะเลาะกันเสมอ  เด็กไม่รู้จักโตของเขา

       

      เมื่อไปถึงโต๊ะของเพื่อนกนิษฐ์  เพื่อนสนิทของเธอก็ยึดเอวเธอไว้

      เลิกเรียนแล้ว ยังต้องให้พี่ชายช่วยทำการบ้านอีกเหรอ เจ้าหนู

       

      เราตอบแทนบุญคุณเขาแทนพวกนายนะนี่ไม่งั้น สมัยนั้นนายต้องโดนอาจารย์ตีแน่ เพราะไม่มีการบ้านส่ง นะเจ้าเก้า กนิษฐ์กระซิบตอบ

       

      เมื่อไปถึงโต๊ะเพื่อนของปกรณ์

      ข้าหายสงสัยแล้วว่ะ ว่าทำไมเอ็งถึงได้หวงน้องเอ็งนัก จะเก็บไว้ก็ไม่บอก

       

      คิดว่าข้าไม่กล้าเตะเอ็งเรอะ ปกรณ์บอกด้วยใบหน้ายิ้มละไม

       

      มองกล้องหน่อยครับ เสียงช่างภาพบอก

       

      จูบเจ้าสาวหน่อยซิวะ เสียงเชียร์สนับสนุนลั่น

       

      ไม่เอาน่า กนิษฐ์ตั้งท่าจะเดินหนี แต่ปกรณ์โอบตัวเธอไว้ เธอก้มหน้าหลบ ใบหน้าของปกรณ์ที่ก้มลงมาเขาจึงได้แต่จูบที่หน้าผาก

       

      ข้าเชื่อว่ะ ว่าเอ็งจะเป็นพี่ชายที่ดี

       

      เสียงแซวมาจากโต๊ะ  กนิษฐ์เดินไปโต๊ะอื่นเสียแล้ว

       

      ปกรณ์ยังไม่ยอมปล่อย  กนิษฐ์หลังจากเปิดฟลอร์แล้ว

       

      น้องหนูสวยจังนะคืนนี้

       

      เหลือพี่ชายคนเดียวล่ะ ที่ยังไม่ได้บอก กนิษฐ์ยิ้มพรายขณะที่ตอบ

       

      ตายล่ะ อยู่ ๆ กนิษฐ์ร้องขึ้นมาเบา ๆ

       

      อะไรเหรอ

       

      เราลืมเอากระดานหมากรุกไปไว้ที่ห้องน่ะ 

       

       

      …..จบแล้ววววว....

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×